Post by gudomana on May 20, 2018 13:24:58 GMT
Prologue
“มนุษย์เราทุกคนจะมีธาตุอยู่ในตัวเสมอ อย่างเจ้าอาจจะมีพลังธาตุแห่งอัคคีหรืออย่างเจ้าอาจจะมีพลังธาตุแห่งวายุอยู่ในตัว”
“และธาตุของเจ้าก็ถือว่ามีส่วนสำคัญกับนักรบเหล็กของเจ้า เพราะนั่นจะสามารถทำให้นักรบเหล็กสามารถใช้พลังธาตุได้”
“เช่นถ้าเจ้ามีธาตุแห่งอัคคี นักรบเหล็กของเจ้าก็สามารถใช้เปลวเพลิงในการเผาผลาญศัตรูได้”
ชายวัยกลางคนที่รูปร่างดูกำยำเป็นคนพูดอยู่หน้าห้องเรียน ผมของเขาสั้นเป็นระเบียบ ผมของเขาเป็นสีดำสนิท เขาสวมชุดเหมือนทหาร แต่ไม่ใช่ทหารเลวแต่เป็นทหารระดับนายพล ชุดของเขาถูกทำจากเนื้อผ้าอย่างดีและสีของมันเป็นสีน้ำเงินทั้งกางเกงและเสื้อ บนอกเสื้อเต็มไปด้วยบั้งยศต่างๆบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของเขา เบื้องหลังของเขาเป็นกระดานดำที่เต็มไปด้วยข้อความมากมายที่ถูกขีดเขียน เบื้องหน้าของเขาคือเหล่านักเรียนที่นั่งจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ พื้นห้องเรียนและกำแพงถูกสร้างมาจากไม้ รวมถึงโต๊ะนักเรียนเองก็ถูกทำมาจากไม้เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเครื่องใช้ในห้องเรียนแห่งนี้ซะส่วนใหญ่มีที่มาจากแผ่นไม้ สิ้นเสียงของอาจารย์ก็มีมือข้างหนึ่งยกขึ้นมา
“อาจารย์คะ แล้วเราจะส่งธาตุของเราได้ยังไง?” เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยปากถาม
“เป็นคำถามที่ดีมาก” ชายคนนี้ตอบพร้อมกับหันไปข้างหลังพร้อมกับหยิบชอล์กมาเขียนบนกระดาษ
“หุ่นทุกตัวจะมีสิ่งที่เรียกว่าคอร์ คอร์จะอยู่ในห้องควบคุม โดยผู้ควบคุมต้องเอามือสัมผัสเข้ากับคอร์เพื่อส่งธาตุและพลังงานของตัวเอง” อาจารย์ผู้นี้พูดพลางขยับมือไปด้วย
“ถ้าหากคอร์ไม่ทำงาน นักรบเหล็กก็จะไม่สามารถทำงานได้” อาจารย์หันกลับมา
ทว่าเมื่อเขาหันกลับมา ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ใบหน้าของเขาฟุ่บอยู่บนโต๊ะ อาจารย์มองพร้อมกับเขวี้ยงชอล์กไปยังเป้าหมายของเขา ชอล์กลอยไปก่อนที่มันจะสัมผัสเข้ากับหัวเด็กหนุ่มคนดังกล่าว มันทำให้เขาสะดุ้งขึ้นมา มันปรากฏเป็นหน้าสลึมสลือของชายผมสีแดง เขาขยี้ดวงตาของเขาด้วยความงุนงงและมองตรงไปยังอาจารย์ที่ยืนมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ
“สเลธ เหตุใดเจ้าถึงหลับในขณะที่ข้ากำลังสอนเจ้า? เจ้าไม่ให้เกียรติข้างั้นหรือ?” ชายวัยกลางคนถามด้วยน้ำเสียงโกรธา
“ข้าจะฟังไปทำไมในเมื่อข้าไม่สามารถใช้คอร์ได้อยู่แล้วนี่” ชายที่ถูกเรียกว่าสเลธตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าน
“...” อาจารย์ผู้นี้เงียบอยู่ชั่วครู่
“เจ้าก็ควรฟังไว้ก็ดีนะ” ชายวัยกลางคนไม่สามารถหาคำโต้แย้งได้
เขาหันกลับไปและเขียนกระดานและอธิบายบทเรียนต่อ ส่วนเด็กหนุ่มฟุ่บหน้าลงไปอีกครั้ง
“นี่...ทางโรงเรียนรับหมอนั่นเข้ามาได้ยังไง?” นักเรียนคนอื่นกระซิบกัน
“ไม่รู้ซิ ข้าได้ยินมาว่าสเลธสามารถทำข้อเขียนกับปฏิบัติได้ระดับต้นๆของชั้น” นักเรียนอีกคนตอบ
“ปฏิบัติที่ว่านี่คือตอนที่เราบังคับนักรบเหล็กแบบไม่มีคอร์หรือ?” นักเรียนคนแรกถามต่อ
“อืม”
หน้าของสเลธแนบกับโต๊ะไม้ที่เย็นยะเยือก ดวงตาของเขาปิดลง เมื่อสิ่งที่เห็นในความมืด เสียงในหัวของเขาก็ดังก้องไปด้วยความสงสัย และเขาตั้งคำถามมากมาย ภาพของนักรบเหล็กสีเทาขนาดใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าปรากฏขึ้นมา เขายังจำกลิ่นคาวเลือดได้ดี รอบๆของตัวเขาเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณที่นอนอยู่บนพื้น ควันไฟลอยไปทั่วตัวของเขา ร่างของสเลธในวัยเยาว์สั่นด้วยความกลัว เขาอยากจะวิ่งหนีแต่เขาทำอะไรไม่ได้ ความกลัวของเขาเป็นเหมือนโซ่ตรวนที่ผูกขาของเขาไว้ แม้มันจะเป็นเหตุการณ์ในอดีต แต่ทุกครั้งที่เขาเห็นภาพนี้ คำถามข้อเดิมๆก็จะเกิดขึ้นทุกครั้ง
“ทำไมเราถึงอ่อนแอเช่นนี้?”
“ทำไมเราถึงทำอะไรไม่ได้? ทั้งๆที่เราอยู่ในโรงเรียนทหารแล้ว แต่ทำไมเราถึงไม่มีธาตุอีกล่ะ”
“ทำไมล่ะ...ทำไมกัน?”
“มนุษย์เราทุกคนจะมีธาตุอยู่ในตัวเสมอ อย่างเจ้าอาจจะมีพลังธาตุแห่งอัคคีหรืออย่างเจ้าอาจจะมีพลังธาตุแห่งวายุอยู่ในตัว”
“และธาตุของเจ้าก็ถือว่ามีส่วนสำคัญกับนักรบเหล็กของเจ้า เพราะนั่นจะสามารถทำให้นักรบเหล็กสามารถใช้พลังธาตุได้”
“เช่นถ้าเจ้ามีธาตุแห่งอัคคี นักรบเหล็กของเจ้าก็สามารถใช้เปลวเพลิงในการเผาผลาญศัตรูได้”
ชายวัยกลางคนที่รูปร่างดูกำยำเป็นคนพูดอยู่หน้าห้องเรียน ผมของเขาสั้นเป็นระเบียบ ผมของเขาเป็นสีดำสนิท เขาสวมชุดเหมือนทหาร แต่ไม่ใช่ทหารเลวแต่เป็นทหารระดับนายพล ชุดของเขาถูกทำจากเนื้อผ้าอย่างดีและสีของมันเป็นสีน้ำเงินทั้งกางเกงและเสื้อ บนอกเสื้อเต็มไปด้วยบั้งยศต่างๆบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของเขา เบื้องหลังของเขาเป็นกระดานดำที่เต็มไปด้วยข้อความมากมายที่ถูกขีดเขียน เบื้องหน้าของเขาคือเหล่านักเรียนที่นั่งจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ พื้นห้องเรียนและกำแพงถูกสร้างมาจากไม้ รวมถึงโต๊ะนักเรียนเองก็ถูกทำมาจากไม้เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเครื่องใช้ในห้องเรียนแห่งนี้ซะส่วนใหญ่มีที่มาจากแผ่นไม้ สิ้นเสียงของอาจารย์ก็มีมือข้างหนึ่งยกขึ้นมา
“อาจารย์คะ แล้วเราจะส่งธาตุของเราได้ยังไง?” เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยปากถาม
“เป็นคำถามที่ดีมาก” ชายคนนี้ตอบพร้อมกับหันไปข้างหลังพร้อมกับหยิบชอล์กมาเขียนบนกระดาษ
“หุ่นทุกตัวจะมีสิ่งที่เรียกว่าคอร์ คอร์จะอยู่ในห้องควบคุม โดยผู้ควบคุมต้องเอามือสัมผัสเข้ากับคอร์เพื่อส่งธาตุและพลังงานของตัวเอง” อาจารย์ผู้นี้พูดพลางขยับมือไปด้วย
“ถ้าหากคอร์ไม่ทำงาน นักรบเหล็กก็จะไม่สามารถทำงานได้” อาจารย์หันกลับมา
ทว่าเมื่อเขาหันกลับมา ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ใบหน้าของเขาฟุ่บอยู่บนโต๊ะ อาจารย์มองพร้อมกับเขวี้ยงชอล์กไปยังเป้าหมายของเขา ชอล์กลอยไปก่อนที่มันจะสัมผัสเข้ากับหัวเด็กหนุ่มคนดังกล่าว มันทำให้เขาสะดุ้งขึ้นมา มันปรากฏเป็นหน้าสลึมสลือของชายผมสีแดง เขาขยี้ดวงตาของเขาด้วยความงุนงงและมองตรงไปยังอาจารย์ที่ยืนมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ
“สเลธ เหตุใดเจ้าถึงหลับในขณะที่ข้ากำลังสอนเจ้า? เจ้าไม่ให้เกียรติข้างั้นหรือ?” ชายวัยกลางคนถามด้วยน้ำเสียงโกรธา
“ข้าจะฟังไปทำไมในเมื่อข้าไม่สามารถใช้คอร์ได้อยู่แล้วนี่” ชายที่ถูกเรียกว่าสเลธตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าน
“...” อาจารย์ผู้นี้เงียบอยู่ชั่วครู่
“เจ้าก็ควรฟังไว้ก็ดีนะ” ชายวัยกลางคนไม่สามารถหาคำโต้แย้งได้
เขาหันกลับไปและเขียนกระดานและอธิบายบทเรียนต่อ ส่วนเด็กหนุ่มฟุ่บหน้าลงไปอีกครั้ง
“นี่...ทางโรงเรียนรับหมอนั่นเข้ามาได้ยังไง?” นักเรียนคนอื่นกระซิบกัน
“ไม่รู้ซิ ข้าได้ยินมาว่าสเลธสามารถทำข้อเขียนกับปฏิบัติได้ระดับต้นๆของชั้น” นักเรียนอีกคนตอบ
“ปฏิบัติที่ว่านี่คือตอนที่เราบังคับนักรบเหล็กแบบไม่มีคอร์หรือ?” นักเรียนคนแรกถามต่อ
“อืม”
หน้าของสเลธแนบกับโต๊ะไม้ที่เย็นยะเยือก ดวงตาของเขาปิดลง เมื่อสิ่งที่เห็นในความมืด เสียงในหัวของเขาก็ดังก้องไปด้วยความสงสัย และเขาตั้งคำถามมากมาย ภาพของนักรบเหล็กสีเทาขนาดใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าปรากฏขึ้นมา เขายังจำกลิ่นคาวเลือดได้ดี รอบๆของตัวเขาเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณที่นอนอยู่บนพื้น ควันไฟลอยไปทั่วตัวของเขา ร่างของสเลธในวัยเยาว์สั่นด้วยความกลัว เขาอยากจะวิ่งหนีแต่เขาทำอะไรไม่ได้ ความกลัวของเขาเป็นเหมือนโซ่ตรวนที่ผูกขาของเขาไว้ แม้มันจะเป็นเหตุการณ์ในอดีต แต่ทุกครั้งที่เขาเห็นภาพนี้ คำถามข้อเดิมๆก็จะเกิดขึ้นทุกครั้ง
“ทำไมเราถึงอ่อนแอเช่นนี้?”
“ทำไมเราถึงทำอะไรไม่ได้? ทั้งๆที่เราอยู่ในโรงเรียนทหารแล้ว แต่ทำไมเราถึงไม่มีธาตุอีกล่ะ”
“ทำไมล่ะ...ทำไมกัน?”