Post by gudomana on Jun 6, 2018 8:58:52 GMT
Episode 9 : เม็ดฝนที่โปรยปราย
4 ปีก่อน
เรือบินจำนวนมากกำลังตรงไปยังปราสาทแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป เรือเหาะเหล่าล้วนแต่มีธงที่มีตราสัญลักษณ์อินทรีย์ ท้องฟ้าในวันนี้มืดครึ้มราวกับว่าเม็ดฝนจะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า เสียงของท้องฟ้าคำรามดังขึ้นเป็นระยะๆ เบื้องล่างของเรือเหาะคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ท้ายขบวนของกลุ่มเรือเหาะคือเรือเหาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ภายในห้องบังคับการณ์ที่ชายผมสีดำที่รูปร่างกำยำนั่งอยู่ ใบหน้าของเขาดูเกรงขาม อาจจะเพราะหนวดอันสวยงามของเขาหรือใบหน้าของเขาที่มีบาดแผลแห่งสงครามปรากฏอยู่ ดวงตาอันแสนจะแข็งกร้าวมองไปข้างหน้า ข้างกายของเขามีหญิงผมสีดำคนหนึ่งยืนอยู่ ใบหน้าของทั้งสองมีคล้ายคลึงกัน ทว่าดวงตาของเธอกลับดูมีความอ่อนโยนกว่า หญิงผู้นี้ทักผมเป็นเปียและยาวถึงกลางแผ่นหลังของเธอ
“ไวโอเล็ต...ถ้าหากเราชนะศึกนี้ได้ สงครามนี้ก็จะจบลง” ชายคนนี้หันไปพูดกับหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างเขา
“ค่ะ ท่านพ่อ” ไวโอเล็ตตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ถึงกระนั้นแล้วนะไวโอเล็ต ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เจ้าหนีเลย ยังไงชีวิตของเจ้าก็สำคัญมากกว่า” พ่อของไวโอเล็ตพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ท่านพ่อก็รู้นี่ว่าข้าเป็นหนึ่งในผู้ควบคุมนักรบเหล็กที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร ไม่มีทางหรอกที่ข้าจะแพ้” ลูกสาวยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ในสงครามมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ไวโอเล็ต”
“แต่เอาเถิด ถ้าเจ้ามั่นใจมันก็ดี แต่ยังไงเสีย เจ้าก็ควรจะระวังตัวด้วยนะ” พ่อของไวโอเล็ตกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ค่ะ!! ถ้างั้นข้าขอไปเตรียมตัวก่อน” ไวโอเล็ตตอบรับพร้อมกับเดินออกไปจากห้องบังคับการณ์
พ่อของไวโอเล็ตนั่งมองไปข้างหน้า ในขณะที่เขานั่งอยู่ ภาพของชายแก่ที่มีผมยาวก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ตรงหน้าเขา
“แกรนเดล” ชายแก่คนนี้เอ่ยปากเรียก
“ท่านยูริ ท่านมีอะไรหรือ?” ชายที่ชื่อแกรนเดลตอบรับด้วยคำถาม
“นักรบเหล็กบนเรือเหาะของข้าพร้อมที่จะออกตัวแล้ว” ยูริรายงานสถานการณ์บนเรือของตัวเองให้แกรนเดลฟัง
“งั้นหรือ ยอดเยี่ยมมาก” แกรนเดลตอบรับด้วยรอยยิ้มที่เบิกกว้าง
“หลังสงครามนี้จบลง ข้าจะได้พักซักที” ยูริพูดขึ้นมา
“อืม ท่านสมควรได้รับการพักผ่อนแล้วล่ะ ท่านทำเพื่ออาณาจักรสวาลิสมามากแล้ว” แกรนเดลกล่าวชื่นชม
“ตามจริงหลังสงครามนี้จบลง เจ้าก็ควรจะพักบ้างนะ ข้าว่าเจ้าควรจะได้ใช้เวลากับลูกเจ้าและภรรยาของเจ้า” ยูริให้คำแนะนำ
“ท่านยูริเสียมารยาทจริงๆ ข้าก็ใช้เวลาอยู่กับไวโอเล็ตตลอดนะ” แกรนเดลโต้ตอบ
“ข้าหมายถึงว่าเจ้าได้ใช้เวลากับลูกเจ้าในสถานที่ที่ไม่มีสงคราม” ยูริพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ
“ถ้างั้นข้าขอตัวก่อนล่ะ” ชายชราตัดการสื่อสารไป
แกรนเดลนั่งมองออกนอกหน้าต่างที่อยู่ข้างหน้า พวกเขาเข้าใกล้อาณาจักรวิโลติสขึ้นเรื่อยๆ เหล่านักรบเหล็กสีเทาจำนวนมากยืนเรียงอยู่บนสมรภูมิ ในมือของนักรบเหล็กเหล่านั้นเต็มไปด้วยอาวุธมากมาย ธงของวิโลติสถูกปักไว้บนพื้นและพลิ้วไหวไปตามสายลม
“เรือรบของท่านสปาร์ตาคัส จะถึงจุดหมาแล้วขอรับ” ลูกเรือคนหนึ่งพูดขึ้น
“อืม เข้าใจแล้ว…สงครามกำลังจะเริ่มแล้วซินะ” แกรนเดลตอบก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ
นักรบเหล็กสีเขียวจำนวนมากกระโดดลงมาจากเรือเหาะ เบื้องหน้าของนักรบเหล็กสีเขียวมีนักรบเหล็กสีขาวยืนอยู่ บริเวณลำตัวของมันถูกป้ายด้วยแถบสีแดง มันมีเขาสีขาวที่แหลมออกมาจากบนศีรษะของมัน เบื้องหลังของมันมีดาบคู่ไขว้ไว้อยู่ ในมือข้างหนึ่งของมันถือหอกยาวและในมืออีกข้างมีโล่ทรงกลม บนไหล่ของนักรบเหล็กตัวนี้มีตัวอักษรเขียนว่า “สปาร์ตัน” เขียนอยู่ ภายในนักรบเหล็กที่มีรูปร่างน่าเกรงขามตัวนี้ก็มีชายผมสีขาวนั่งอยู่ เขาเป็นชายที่มีรูปร่างสูงและรูปร่างกำยำแข็งแรง ใบหน้าของเขาดูเป็นคนมาดขรึม ดวงตาข้างขวาของชายผู้นี้มองผ่านเลนส์แว่นทรงกลม
“เพื่ออาณาจักรสวาลิส!!” ชายคนนี้ตะโกนสุดเสียงพร้อมกับพุ่งตรงไปหาศัตรูด้วยอาวุธของเขา
เหล่านักรบเหล็กสีเขียวที่อยู่ข้างหลังเขาต่างชูอาวุธขึ้นและตามหลังแม่ทัพของพวกเขา
“นักรบเหล็กแบบนั้นมัน....สปาร์ตาคัส...หรือผีแห่งสปาร์ตัน!!” ผู้ควบคุมนักรบเหล็กของด้านวิโลติสอุทานออกมาด้วยความตกใจ
สปาร์ตันตรงไปก่อนจะใช้หอกอันแหลมคมของมันเสียบทะลุผ่านนักรบเหล็กของวิโลติส สปาร์ตันดึงหอกออกมา นักรบเหล็กที่ถูกหอกเสียบเข้าไปทรุดลงไปกับพื้น นักรบเหล็กอีกตัวตัวเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ แต่ไม่ทันที่ดาบจะเข้าใกล้กับตัว “ผีแห่งสปาร์ตัน” ตัวของนักรบเหล็กจากอาณาจักรวิโลติสก็ถูกเอาโล่กระแทกเข้าใส่เต็มร่าง มืออีกข้างของสปาร์ตันควงหอกของตัวเอง เปลวเพลิงปรากฏขึ้นมา ก่อนที่หอกเล่มนี้จะแทงเข้าใส่กลางร่างของนักรบเหล็กที่หมายจะเอาชีวิตเขา นักรบเหล็กอีกสองตัวตรงมาพร้อมกับเตรียมอาวุธของตัวเองพร้อมๆกัน ทว่าสปาร์ตาคัสแกว่งหอกของมันออกไป ทำให้เกิดเป็นเปลวเพลิงที่เผาร่างของนักรบเหล็กทั้งสอง
“หนอยแน่!! เป็นธาตุไฟใช่ไหม ถ้างั้นข้าจะใช้น้ำดับมันเอง!!”
นักรบเหล็กตัวหนึ่งของวิโลติสพุ่งมา มือของมันสัมผัสลงกับพื้น น้ำนั้นไหลไปตามพื้นก่อนจะทยานในจุดที่นักรบเหล็กสีขาวยืนอยู่ ทว่ามันกระโดดหลบออกมา มือสีขาวของมันจับไปที่พื้นเช่นเดียวกัน
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะใช้ไฟโจมตีข้างั้นหรือ ฝันไปเถอะน่า!!” ผู้ควบคุมนักรบเหล็กที่ใช้ธาตุน้ำพูดขึ้น
ทว่าสิ่งที่ออกมาจากมือของสปาร์ตันไม่ใช่ “อัคคี” แต่เป็น “สายฟ้า” กระแสไฟฟ้าไหลผ่านน้ำก่อนที่มันจะตามเข้าไปช็อตร่างของนักรบเหล็กผู้ใช้ธาตุน้ำ กระแสน้ำหยุดก่อนที่นักรบเหล็กตัวนั้นจะลงไปนอนบนพื้น
“ถึงตาเข้าเจ้าแล้ว เดรโก” ยูริพูดกับชายผมดำผู้มีผิวซีด
“อ่า” เดรโกตอบสั้นๆ
นักรบเหล็กอีกตัวกระโดดลงมาจากเรือเหาะ เมื่อเท้าของมันสัมผัสกับพื้นของอาณาจักรวิโลติส เหล่านักรบเหล็กเจ้าถิ่นก็มองมายังมัน มันเป็นนักรบเหล็กที่มีร่างสีฟ้าปะปนกับสีเทา ใบหน้าที่เหมือนกระดูก บนศีรษะของมันถูกคลุมด้วยผ้าคลุมสีแดง มือข้างหนึ่งของมันถือคทาที่มีเพชรสีม่วงอยู่บนสุด ดวงตาสีฟ้าของมันมองมายังนักรบเหล็กที่เป็นศัตรูกับมัน มันแผ่รังสีที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวออกมา นักรบเหล็กทุกตัวที่ได้ชายตามองมายังมัน ต่างถูกปกคลุมด้วยความกลัว มือของเหล่าผู้ควบคุมต่างสั่นและไม่สามารถขยับไปไหนได้
“อ่อนแอเสียจริง” เดรโกพูดเบาๆ
แขนที่สามของมันงอกออกมาจากแผ่นหลังของมัน ปลายแขนของมันมีอัญมณีทรงกลมสีม่วงติดอยู่ แสงสีม่วงก่อตัวที่อัญมณีเม็ดนั้น ก่อนที่ลำแสงจะปรากฏออกมาและยิงผ่านร่างของนักรบเหล็กมากมาย เมื่อลำแสงตัดร่างของพวกมัน ก็เกิดเป็นเสียงระเบิดดังขึ้นจำนวนมากหลายครั้ง หลังจากเสียงระเบิดคือเศษซากของนักรบเหล็กอาณาจักรวิโลติสที่ถูกตัดขาดออกเป็นสองส่วนตกกระทบกับพื้น
“แก!!” นักรบของวิโลติสคนหนึ่งพุ่งมาด้วยความโกรธแค้น
มันกำหมัดของตัวเองและจะส่งตรงหมัดของมันไปยังนักรบเหล็กที่เดรโกบังคับอยู่ ทว่า “ยมทูต” ยื่นมือไปข้างหน้า หลุมสีดำเล็กๆปรากฏขึ้นมา หมัดของนักรบเหล็กฝั่งวิโลติสสอดเข้าไปหลุมนั้น ไม่ทันไรหลุมก็ถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว มันแยกแขนของนักรบเหล็กตัวนั้นออกจากร่างของมัน คทาของเดรโกแปรรูปเป็นเคียว ก่อนที่เขาจะใช้เคียวฟันเข้าไปที่ร่างของคู่ต่อสู้เขา
“เจ้าคนนี้ช่างอ่อนแอเหลือเกิน...ดูเหมือนไม่มีใครที่จะสามารถเทียบเคียง ‘ริดเดิ้ล’ ของข้าได้เลย” เดรโกพูดด้วยแววตาเบื่อหน่าย
“ระ เราสู้ไม่ได้ ทำยังไงดี!?” ทหารของฝั่งวิโลติสพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
“เราหนีไหม!! ข้ายังไม่อยากตาย!!” ทหารอีกคนตอบ
“หนีกันเถอะ!!” ทหารคนแรกตอบ
มันทิ้งอาวุธลงและวิ่งออกจากสมรภูมิ ไม่ใช่แค่ทหารสองนายนี้ที่คิดเช่นนี้ แต่ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวของทหารหลายนาย เสียงของอาวุธที่ถูกทิ้งจากนักรบเหล็กดังขึ้นเรื่อยๆ ทหารที่อยู่ในสมรภูมิเริ่มลดน้อยลงทุกขณะ
“ดูเหมือนเรากำลังได้เปรียบนะ” ยูริพูดกับแกรนเดลผ่านทางวงแหวนเวทย์
“อ่า..ถ้างั้นข้าจะขึ้นไปยังแถวหน้าของสมรภูมิ เราจะรีบจบศึกนี้ให้เร็วที่สุด” แกรนเดลตอบกลับ
“ข้าจะตามเจ้าไปด้วย” ชายชราตอบ
“ไม่ ท่านยูริ ท่านดูแลทัพหลัง เผื่อมีกำลังเสริมล้อมเราขึ้นมา” แกรนเดลปรามไว้
“เข้าใจล่ะ” ยูริพยักหน้า
เรือรบของแกรนเดลเป็นเรือเหาะที่มีนักรบเหล็กมากที่สุด ดังนั้นการขึ้นไปทัพหน้าก็เพื่อจะส่งกองกำลังเข้าสู่สนามรบให้มากที่สุด แม้มันจะเป็นแผนที่อันตราย แต่ด้วยความแข็งแกร่งของทัพสวาลิสและตัวของแกรนเดลทำให้แผนนี้จึงเป็นแผนที่แทบจะไร้ซึ่งความเสี่ยง
“เปิดประตูใต้ท้องเรือ เราจะเตรียมให้นักรบเหล็กของเราเข้าสู่สนามรบ” แกรนเดลตะโกน
“ไวโอเล็ต ออกตัว!!” ลูกสาวของแกรนเดลพูดก่อนที่นักรบเหล็กของเธอจะกระโดดลงมาจากเรือเหาะของพ่อเธอ
นักรบเหล็กของเธอนั้นหน้าตาเหมือนนักรบเหล็กของอาณาจักรสวาลิสตัวอื่นๆ แตกต่างเพียงแค่ว่ามันมีสีแดง แทนที่จะเป็นสีเขียว ดวงตาสีแดงของมันเปล่งประกายและมองไปยังสมรภูมิที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
“ท่านแกรนเดลครับ นักรบเหล็กของเราออกจากเรือเหาะของเราได้เกือบครึ่งนึงแล้วครับ” ลูกเรือพูดกับแกรนเดล
“งั้นหรือ ยอดเยี่ยม...ต่อไปเตรี-“
“ตูม!!” เสียงระเบิดดังขึ้นมา
เสียงระเบิดดังขึ้นมา มันสร้างแรงสั่นสะเทือนให้เรือเหาะของแกรนเดล นายพลใหญ่ใช้มือของตัวเองกุมบัลลังค์ไว้แน่น สายตาของแกรนเดลเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แกรนเดลมองไปยังเรือเหาะด้านข้าง เขาเห็นควันลอยออกมาจากปากกระบอกปืนใหญ่ของเรือเหาะที่อยู่เคียงข้างเขา
“เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้า!?” แกรนเดลตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว
ทว่าคำตอบที่ได้กลับมาคือกระสุนปืนใหญ่อีกลูก เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง
“รีบถอยออกจากทัพหน้าให้เร็วที่สุด!!” แกรนเดลออกคำสั่ง
ทว่าไม่ทันที่เรือเหาะของพวกมันจะได้เคลื่อนทัพ เรือเหาะอีกลำก็ยิงปืนใหญ่ใส่อีกด้าน แรงสั่นสะเทือนดังขึ้นอีกครั้ง แกรนเดลเห็นควันที่ลอยออกมาจากใบพัดด้านขวาของตนเอง นอกจากควันแล้ว ใบพัดยังคงหยุดนิ่งและไม่สามารถขยับไปไหนได้ ลูกเรือที่เป็นผู้คุมพวงมาลัยพยายามหมุนพวงมาลัยไม้ไปมาเพื่อควบคุมเรือเหาะลำนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากเพียงใดมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?!” แกรนเดลตั้งคำถามกับตัวเอง
“ติดต่อขอความช่วยเหลือเสีย!!” ชายผมดำตะโกนสั่ง
“ท่านครับ เรือเหาะลำอื่นๆในทัพหน้าก็โดนโจมตีเหมือนกันขอรับ” ลูกเรือตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นกลัว
“ท่านยูริ!! ข้าถูกโจมตี ข้าต้องการความช่วยเหลือ” แกรนเดลรีบติดต่อสหายคนสนิทของเขา
“ข้ารู้เรื่องแล้ว...แต่ข้าไปหาเจ้าไม่ได้ เราเองก็โดนโจมตีอยู่เหมือนกัน” ยูริตอบกลับ ใบหน้าของเขาดูเป็นกังวลไม่ต่างจากเขา
“ว่าไงนะ?! นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?!” แกรนเดลอุทานออกมาด้วยความตกใจ
เหล่านักรบเหล็กในสมรภูมิต่างหยุดและมองผืนนภาพร้อมๆกัน ทุกสายตาเต็มไปด้วยความฉงน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของสวาลิสหรือวิโลติสก็ตาม พวกเขาเห็นเรือเหาะของสวาลิสจำนวนมากที่เริ่มจมสู่มหาสมุทร
“เกิดอะไรขึ้น?!” นักรบเหล็กของฝั่งสวาลิสตั้งคำถามขึ้นมา
“ฉึก!!” เสียงของหอกที่แทงทะลุร่างนักรบเหล็กดังขึ้นมา
มันเป็นหอกของ “สปาร์ตั้น” เจ้าของหอกดึงหอกออกมา นักรบเหล็กสีขาวโพลนที่เหมือนเป็นผีแห่งสมรภูมิชูหอกของเขาขึ้นมา
“ถึงเวลาแล้ว!! ถึงเวลาของพวกเราแล้ว!!” แม็กซิมัสตะโกนขึ้นมา
เสียงตะโกนของเขาเป็นเหมือนการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง เหล่านักรบเหล็กสีเขียวของฝั่งสวาลิสจำนวนมากหันไปใช้อาวุธของตัวเองฟันเข้าใส่สหายร่วมอาณาจักร นักรบเหล็กตัวหนึ่งวิ่งตรงไปพร้อมใช้ดาบของเขาจะฟันเข้าไปตัวของสปาร์ตัน ทว่าสปาร์ตันยกโล่ของเขามารับการโจมตีไว้ได้
“เจ้าหักหลังพวกเรางั้นหรือ?!” ทหารของสวาลิสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ข้าไม่ได้หักหลังพวกเจ้า...เพราะข้าไม่เคยเป็นพวกของเจ้าอยู่แล้ว” แม็กซิมัสตอบกลับพร้อมกับใช้หอกของเขาแทงเข้าไปที่นักรบเหล็กที่ตรงมายังเขา
“ท่านครับ เรือเหาะของเรากำลังจะร่วงแล้วครับ” ลูกเรือคนหนึ่งรายงาน
“ชิ...” แกรนเดลส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บใจ
“สละเรือ!!” แกรนเดลตะโกนออกมา แววตาของเขายอมแพ้กับโชคชะตา
ทว่าไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวออกจากเรือเหาะของเขา เสียงระเบิดก็ดังขึ้นอีกครั้ง พวกเขารู้สึกได้ว่าเรือเหาะลำนี้กำลังดิ่งลงสู่ข้างล่าง มันเป็นเพียงเวลาไม่ถึงวินาทีก่อนที่เรือเหาะขนาดใหญ่จะกระแทกเข้ากับมหาสมุทรที่อยู่เบื้องล่างพวกเขา ทุกอย่างนั้นมืดมิด ความเย็นยะเยือกสัมผัสร่างของเหล่าลูกเรือ พวกเขาดิ้นรนพยายามเอาชีวิตรอดในโลกที่มืดมิด ทว่าไม่นาน ร่างกายของเขาก็ขาดอากาศ เรี่ยวแรงของพวกน้อยลง สายตาของพวกเขาเริ่มพร่ามัว ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นนายพลหรือเป็นเพียงแค่ลูกเรือธรรมดาๆเมื่อพวกเขาตกในชะตากรรมเดียวกัน การแสดงของพวกเขาก็ไม่ต่างกัน แกรนเดลเอื้อมมือไปยังความว่างเปล่าเพื่อเอาตัวรอด ภาพความทรงจำต่างไหลเข้ามาครั้งสุดท้ายของแกรนเดล ดวงตาของแกรนเดลมองเข้าไปในความมืด แต่มันดวงตาที่ไร้ซึ่งวิญญาณ
“ท่านพ่อ!!” ไวโอเล็ตที่ยืนอยู่บนชายฝั่งตะโกนขึ้นมา
น้ำตาไหลอาบแก้มของหญิงผมดำ เธอกัดริมฝีปากของเธอ ไวโอเล็ตหันกลับไปมองนักรบเหล็กสีขาวที่กำลังต่อสู้กับศัตรูจำนวนมาก แม้น้ำตายังไหลรินออกจากดวงตาสีเหลืองของเธอ แต่สายตาของเธอเต็มไปด้วยสายตาที่โกรธแค้น
“แก!!” ไวโอเล็ตคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ
นักรบเหล็กสีแดงของเธอตรงไปยังสปาร์ตัน ขวานในมือของเธอปกคลุมด้วยเปลวเพลิง สปาร์ตันหลบการโจมตีของไวโอเล็ตได้อย่างง่ายดาย ผีแห่งสมรภูมิใช้มือของเขาจับเข้าที่แขนของนักรบสีแดงที่ไวโอเล็ตควบคุมอยู่
“ข้าไม่ได้โกรธเกลียดอะไรพ่อเจ้าหรอก...แต่ข้าทำไปเพราะมันเป็นหน้าที่” แม็กซิมัสพูดกับไวโอเล็ต
“ไอบัดซบเอ้ย!!” ไวโอเล็ตตะโกนทั้งน้ำตา
ไวโอเล็ตสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ก่อตัวขึ้นในนักรบเหล็กของเธอ และเมื่อเธอรู้ตัวนักรบเหล็กของเธอก็ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง ผีแห่งสปาร์ตันปล่อยมือเธอออกก่อนที่มันจะเดินจากไป เปลวเพลิงเริ่มรุกรานไปทั่วร่างของนักรบเหล็กตัวนี้ ไฟนั้นเผาไม่แขนของไวโอเล็ต เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอก็รีบใช้ไหล่ของเธอกระแทกเข้ากับฝาประตูของนักรบเหล็ก เพียงแค่ครั้งเดียวฝามันก็เปิดออกมา ทว่าร่างของเธอล่วงหล่นจากที่สูงลงไปก่อนจะกระแทกกับพื้นดิน เม็ดฝนเริ่มหยดลงมาจากฟากฟ้า เม็ดฝนนั้นดับเปลวเพลิงได้อย่างรวดเร็ว ทว่ามือของเธอเต็มไปด้วยแผลจากการเผาไหม้ เธอไม่สามารถขยับร่างของเธอไหนได้ กระดูกในร่างของเธอคงแตกหักไม่น้อย
“ยูริ ถอยทัพ” เดรโกพูดกับชายชรา
“ถอยทัพงั้นหรือ...แต่สงครามยังไม่แพ้ซักหน่อยนะ” ยูริพยายามค้านการตัดสินใจของเดรโก
“สภาพเช่นนี้แล้ว ยังไงเสียพวกเราก็ไม่มีทางชนะได้ สู้ถอยทัพไปก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่ในอนาคตจะดีกว่า” เดรโกตอบ
“...ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้น ข้าก็คงแย้งเจ้าไม่ได้” ชายชรายอมแพ้
ริดเดิ้ลเดินไปยังที่ว่างก่อนที่ร่างของมันจะหายไปพร้อมกับความมืดมิด ทุกอย่างมันจบลงแล้ว จบลงด้วยชัยชนะของฝั่ง “วิโลติส”
หลังจากศึกนี้อาณาจักรสวาลิสก็ขอยอมแพ้สงครามโดยจดสนธิสัญญาคืนดินแดนของวิโลติสทั้งหมด สปาร์ตาคัสถูกยกย่องว่าเป็น “วีรบุรุษ” หลังสงครามนี้ แต่แน่นอนว่าสงครามนี้ไม่ได้นำพามาสู่ความสันติสุขหรือความสงบ แต่มันเป็นประตูสู่ความกลียุค
4 ปีก่อน
เรือบินจำนวนมากกำลังตรงไปยังปราสาทแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป เรือเหาะเหล่าล้วนแต่มีธงที่มีตราสัญลักษณ์อินทรีย์ ท้องฟ้าในวันนี้มืดครึ้มราวกับว่าเม็ดฝนจะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า เสียงของท้องฟ้าคำรามดังขึ้นเป็นระยะๆ เบื้องล่างของเรือเหาะคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ท้ายขบวนของกลุ่มเรือเหาะคือเรือเหาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ภายในห้องบังคับการณ์ที่ชายผมสีดำที่รูปร่างกำยำนั่งอยู่ ใบหน้าของเขาดูเกรงขาม อาจจะเพราะหนวดอันสวยงามของเขาหรือใบหน้าของเขาที่มีบาดแผลแห่งสงครามปรากฏอยู่ ดวงตาอันแสนจะแข็งกร้าวมองไปข้างหน้า ข้างกายของเขามีหญิงผมสีดำคนหนึ่งยืนอยู่ ใบหน้าของทั้งสองมีคล้ายคลึงกัน ทว่าดวงตาของเธอกลับดูมีความอ่อนโยนกว่า หญิงผู้นี้ทักผมเป็นเปียและยาวถึงกลางแผ่นหลังของเธอ
“ไวโอเล็ต...ถ้าหากเราชนะศึกนี้ได้ สงครามนี้ก็จะจบลง” ชายคนนี้หันไปพูดกับหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างเขา
“ค่ะ ท่านพ่อ” ไวโอเล็ตตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ถึงกระนั้นแล้วนะไวโอเล็ต ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เจ้าหนีเลย ยังไงชีวิตของเจ้าก็สำคัญมากกว่า” พ่อของไวโอเล็ตพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ท่านพ่อก็รู้นี่ว่าข้าเป็นหนึ่งในผู้ควบคุมนักรบเหล็กที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร ไม่มีทางหรอกที่ข้าจะแพ้” ลูกสาวยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ในสงครามมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ไวโอเล็ต”
“แต่เอาเถิด ถ้าเจ้ามั่นใจมันก็ดี แต่ยังไงเสีย เจ้าก็ควรจะระวังตัวด้วยนะ” พ่อของไวโอเล็ตกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ค่ะ!! ถ้างั้นข้าขอไปเตรียมตัวก่อน” ไวโอเล็ตตอบรับพร้อมกับเดินออกไปจากห้องบังคับการณ์
พ่อของไวโอเล็ตนั่งมองไปข้างหน้า ในขณะที่เขานั่งอยู่ ภาพของชายแก่ที่มีผมยาวก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ตรงหน้าเขา
“แกรนเดล” ชายแก่คนนี้เอ่ยปากเรียก
“ท่านยูริ ท่านมีอะไรหรือ?” ชายที่ชื่อแกรนเดลตอบรับด้วยคำถาม
“นักรบเหล็กบนเรือเหาะของข้าพร้อมที่จะออกตัวแล้ว” ยูริรายงานสถานการณ์บนเรือของตัวเองให้แกรนเดลฟัง
“งั้นหรือ ยอดเยี่ยมมาก” แกรนเดลตอบรับด้วยรอยยิ้มที่เบิกกว้าง
“หลังสงครามนี้จบลง ข้าจะได้พักซักที” ยูริพูดขึ้นมา
“อืม ท่านสมควรได้รับการพักผ่อนแล้วล่ะ ท่านทำเพื่ออาณาจักรสวาลิสมามากแล้ว” แกรนเดลกล่าวชื่นชม
“ตามจริงหลังสงครามนี้จบลง เจ้าก็ควรจะพักบ้างนะ ข้าว่าเจ้าควรจะได้ใช้เวลากับลูกเจ้าและภรรยาของเจ้า” ยูริให้คำแนะนำ
“ท่านยูริเสียมารยาทจริงๆ ข้าก็ใช้เวลาอยู่กับไวโอเล็ตตลอดนะ” แกรนเดลโต้ตอบ
“ข้าหมายถึงว่าเจ้าได้ใช้เวลากับลูกเจ้าในสถานที่ที่ไม่มีสงคราม” ยูริพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ
“ถ้างั้นข้าขอตัวก่อนล่ะ” ชายชราตัดการสื่อสารไป
แกรนเดลนั่งมองออกนอกหน้าต่างที่อยู่ข้างหน้า พวกเขาเข้าใกล้อาณาจักรวิโลติสขึ้นเรื่อยๆ เหล่านักรบเหล็กสีเทาจำนวนมากยืนเรียงอยู่บนสมรภูมิ ในมือของนักรบเหล็กเหล่านั้นเต็มไปด้วยอาวุธมากมาย ธงของวิโลติสถูกปักไว้บนพื้นและพลิ้วไหวไปตามสายลม
“เรือรบของท่านสปาร์ตาคัส จะถึงจุดหมาแล้วขอรับ” ลูกเรือคนหนึ่งพูดขึ้น
“อืม เข้าใจแล้ว…สงครามกำลังจะเริ่มแล้วซินะ” แกรนเดลตอบก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ
นักรบเหล็กสีเขียวจำนวนมากกระโดดลงมาจากเรือเหาะ เบื้องหน้าของนักรบเหล็กสีเขียวมีนักรบเหล็กสีขาวยืนอยู่ บริเวณลำตัวของมันถูกป้ายด้วยแถบสีแดง มันมีเขาสีขาวที่แหลมออกมาจากบนศีรษะของมัน เบื้องหลังของมันมีดาบคู่ไขว้ไว้อยู่ ในมือข้างหนึ่งของมันถือหอกยาวและในมืออีกข้างมีโล่ทรงกลม บนไหล่ของนักรบเหล็กตัวนี้มีตัวอักษรเขียนว่า “สปาร์ตัน” เขียนอยู่ ภายในนักรบเหล็กที่มีรูปร่างน่าเกรงขามตัวนี้ก็มีชายผมสีขาวนั่งอยู่ เขาเป็นชายที่มีรูปร่างสูงและรูปร่างกำยำแข็งแรง ใบหน้าของเขาดูเป็นคนมาดขรึม ดวงตาข้างขวาของชายผู้นี้มองผ่านเลนส์แว่นทรงกลม
“เพื่ออาณาจักรสวาลิส!!” ชายคนนี้ตะโกนสุดเสียงพร้อมกับพุ่งตรงไปหาศัตรูด้วยอาวุธของเขา
เหล่านักรบเหล็กสีเขียวที่อยู่ข้างหลังเขาต่างชูอาวุธขึ้นและตามหลังแม่ทัพของพวกเขา
“นักรบเหล็กแบบนั้นมัน....สปาร์ตาคัส...หรือผีแห่งสปาร์ตัน!!” ผู้ควบคุมนักรบเหล็กของด้านวิโลติสอุทานออกมาด้วยความตกใจ
สปาร์ตันตรงไปก่อนจะใช้หอกอันแหลมคมของมันเสียบทะลุผ่านนักรบเหล็กของวิโลติส สปาร์ตันดึงหอกออกมา นักรบเหล็กที่ถูกหอกเสียบเข้าไปทรุดลงไปกับพื้น นักรบเหล็กอีกตัวตัวเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ แต่ไม่ทันที่ดาบจะเข้าใกล้กับตัว “ผีแห่งสปาร์ตัน” ตัวของนักรบเหล็กจากอาณาจักรวิโลติสก็ถูกเอาโล่กระแทกเข้าใส่เต็มร่าง มืออีกข้างของสปาร์ตันควงหอกของตัวเอง เปลวเพลิงปรากฏขึ้นมา ก่อนที่หอกเล่มนี้จะแทงเข้าใส่กลางร่างของนักรบเหล็กที่หมายจะเอาชีวิตเขา นักรบเหล็กอีกสองตัวตรงมาพร้อมกับเตรียมอาวุธของตัวเองพร้อมๆกัน ทว่าสปาร์ตาคัสแกว่งหอกของมันออกไป ทำให้เกิดเป็นเปลวเพลิงที่เผาร่างของนักรบเหล็กทั้งสอง
“หนอยแน่!! เป็นธาตุไฟใช่ไหม ถ้างั้นข้าจะใช้น้ำดับมันเอง!!”
นักรบเหล็กตัวหนึ่งของวิโลติสพุ่งมา มือของมันสัมผัสลงกับพื้น น้ำนั้นไหลไปตามพื้นก่อนจะทยานในจุดที่นักรบเหล็กสีขาวยืนอยู่ ทว่ามันกระโดดหลบออกมา มือสีขาวของมันจับไปที่พื้นเช่นเดียวกัน
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะใช้ไฟโจมตีข้างั้นหรือ ฝันไปเถอะน่า!!” ผู้ควบคุมนักรบเหล็กที่ใช้ธาตุน้ำพูดขึ้น
ทว่าสิ่งที่ออกมาจากมือของสปาร์ตันไม่ใช่ “อัคคี” แต่เป็น “สายฟ้า” กระแสไฟฟ้าไหลผ่านน้ำก่อนที่มันจะตามเข้าไปช็อตร่างของนักรบเหล็กผู้ใช้ธาตุน้ำ กระแสน้ำหยุดก่อนที่นักรบเหล็กตัวนั้นจะลงไปนอนบนพื้น
“ถึงตาเข้าเจ้าแล้ว เดรโก” ยูริพูดกับชายผมดำผู้มีผิวซีด
“อ่า” เดรโกตอบสั้นๆ
นักรบเหล็กอีกตัวกระโดดลงมาจากเรือเหาะ เมื่อเท้าของมันสัมผัสกับพื้นของอาณาจักรวิโลติส เหล่านักรบเหล็กเจ้าถิ่นก็มองมายังมัน มันเป็นนักรบเหล็กที่มีร่างสีฟ้าปะปนกับสีเทา ใบหน้าที่เหมือนกระดูก บนศีรษะของมันถูกคลุมด้วยผ้าคลุมสีแดง มือข้างหนึ่งของมันถือคทาที่มีเพชรสีม่วงอยู่บนสุด ดวงตาสีฟ้าของมันมองมายังนักรบเหล็กที่เป็นศัตรูกับมัน มันแผ่รังสีที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวออกมา นักรบเหล็กทุกตัวที่ได้ชายตามองมายังมัน ต่างถูกปกคลุมด้วยความกลัว มือของเหล่าผู้ควบคุมต่างสั่นและไม่สามารถขยับไปไหนได้
“อ่อนแอเสียจริง” เดรโกพูดเบาๆ
แขนที่สามของมันงอกออกมาจากแผ่นหลังของมัน ปลายแขนของมันมีอัญมณีทรงกลมสีม่วงติดอยู่ แสงสีม่วงก่อตัวที่อัญมณีเม็ดนั้น ก่อนที่ลำแสงจะปรากฏออกมาและยิงผ่านร่างของนักรบเหล็กมากมาย เมื่อลำแสงตัดร่างของพวกมัน ก็เกิดเป็นเสียงระเบิดดังขึ้นจำนวนมากหลายครั้ง หลังจากเสียงระเบิดคือเศษซากของนักรบเหล็กอาณาจักรวิโลติสที่ถูกตัดขาดออกเป็นสองส่วนตกกระทบกับพื้น
“แก!!” นักรบของวิโลติสคนหนึ่งพุ่งมาด้วยความโกรธแค้น
มันกำหมัดของตัวเองและจะส่งตรงหมัดของมันไปยังนักรบเหล็กที่เดรโกบังคับอยู่ ทว่า “ยมทูต” ยื่นมือไปข้างหน้า หลุมสีดำเล็กๆปรากฏขึ้นมา หมัดของนักรบเหล็กฝั่งวิโลติสสอดเข้าไปหลุมนั้น ไม่ทันไรหลุมก็ถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว มันแยกแขนของนักรบเหล็กตัวนั้นออกจากร่างของมัน คทาของเดรโกแปรรูปเป็นเคียว ก่อนที่เขาจะใช้เคียวฟันเข้าไปที่ร่างของคู่ต่อสู้เขา
“เจ้าคนนี้ช่างอ่อนแอเหลือเกิน...ดูเหมือนไม่มีใครที่จะสามารถเทียบเคียง ‘ริดเดิ้ล’ ของข้าได้เลย” เดรโกพูดด้วยแววตาเบื่อหน่าย
“ระ เราสู้ไม่ได้ ทำยังไงดี!?” ทหารของฝั่งวิโลติสพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
“เราหนีไหม!! ข้ายังไม่อยากตาย!!” ทหารอีกคนตอบ
“หนีกันเถอะ!!” ทหารคนแรกตอบ
มันทิ้งอาวุธลงและวิ่งออกจากสมรภูมิ ไม่ใช่แค่ทหารสองนายนี้ที่คิดเช่นนี้ แต่ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวของทหารหลายนาย เสียงของอาวุธที่ถูกทิ้งจากนักรบเหล็กดังขึ้นเรื่อยๆ ทหารที่อยู่ในสมรภูมิเริ่มลดน้อยลงทุกขณะ
“ดูเหมือนเรากำลังได้เปรียบนะ” ยูริพูดกับแกรนเดลผ่านทางวงแหวนเวทย์
“อ่า..ถ้างั้นข้าจะขึ้นไปยังแถวหน้าของสมรภูมิ เราจะรีบจบศึกนี้ให้เร็วที่สุด” แกรนเดลตอบกลับ
“ข้าจะตามเจ้าไปด้วย” ชายชราตอบ
“ไม่ ท่านยูริ ท่านดูแลทัพหลัง เผื่อมีกำลังเสริมล้อมเราขึ้นมา” แกรนเดลปรามไว้
“เข้าใจล่ะ” ยูริพยักหน้า
เรือรบของแกรนเดลเป็นเรือเหาะที่มีนักรบเหล็กมากที่สุด ดังนั้นการขึ้นไปทัพหน้าก็เพื่อจะส่งกองกำลังเข้าสู่สนามรบให้มากที่สุด แม้มันจะเป็นแผนที่อันตราย แต่ด้วยความแข็งแกร่งของทัพสวาลิสและตัวของแกรนเดลทำให้แผนนี้จึงเป็นแผนที่แทบจะไร้ซึ่งความเสี่ยง
“เปิดประตูใต้ท้องเรือ เราจะเตรียมให้นักรบเหล็กของเราเข้าสู่สนามรบ” แกรนเดลตะโกน
“ไวโอเล็ต ออกตัว!!” ลูกสาวของแกรนเดลพูดก่อนที่นักรบเหล็กของเธอจะกระโดดลงมาจากเรือเหาะของพ่อเธอ
นักรบเหล็กของเธอนั้นหน้าตาเหมือนนักรบเหล็กของอาณาจักรสวาลิสตัวอื่นๆ แตกต่างเพียงแค่ว่ามันมีสีแดง แทนที่จะเป็นสีเขียว ดวงตาสีแดงของมันเปล่งประกายและมองไปยังสมรภูมิที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
“ท่านแกรนเดลครับ นักรบเหล็กของเราออกจากเรือเหาะของเราได้เกือบครึ่งนึงแล้วครับ” ลูกเรือพูดกับแกรนเดล
“งั้นหรือ ยอดเยี่ยม...ต่อไปเตรี-“
“ตูม!!” เสียงระเบิดดังขึ้นมา
เสียงระเบิดดังขึ้นมา มันสร้างแรงสั่นสะเทือนให้เรือเหาะของแกรนเดล นายพลใหญ่ใช้มือของตัวเองกุมบัลลังค์ไว้แน่น สายตาของแกรนเดลเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แกรนเดลมองไปยังเรือเหาะด้านข้าง เขาเห็นควันลอยออกมาจากปากกระบอกปืนใหญ่ของเรือเหาะที่อยู่เคียงข้างเขา
“เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้า!?” แกรนเดลตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว
ทว่าคำตอบที่ได้กลับมาคือกระสุนปืนใหญ่อีกลูก เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง
“รีบถอยออกจากทัพหน้าให้เร็วที่สุด!!” แกรนเดลออกคำสั่ง
ทว่าไม่ทันที่เรือเหาะของพวกมันจะได้เคลื่อนทัพ เรือเหาะอีกลำก็ยิงปืนใหญ่ใส่อีกด้าน แรงสั่นสะเทือนดังขึ้นอีกครั้ง แกรนเดลเห็นควันที่ลอยออกมาจากใบพัดด้านขวาของตนเอง นอกจากควันแล้ว ใบพัดยังคงหยุดนิ่งและไม่สามารถขยับไปไหนได้ ลูกเรือที่เป็นผู้คุมพวงมาลัยพยายามหมุนพวงมาลัยไม้ไปมาเพื่อควบคุมเรือเหาะลำนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากเพียงใดมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?!” แกรนเดลตั้งคำถามกับตัวเอง
“ติดต่อขอความช่วยเหลือเสีย!!” ชายผมดำตะโกนสั่ง
“ท่านครับ เรือเหาะลำอื่นๆในทัพหน้าก็โดนโจมตีเหมือนกันขอรับ” ลูกเรือตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นกลัว
“ท่านยูริ!! ข้าถูกโจมตี ข้าต้องการความช่วยเหลือ” แกรนเดลรีบติดต่อสหายคนสนิทของเขา
“ข้ารู้เรื่องแล้ว...แต่ข้าไปหาเจ้าไม่ได้ เราเองก็โดนโจมตีอยู่เหมือนกัน” ยูริตอบกลับ ใบหน้าของเขาดูเป็นกังวลไม่ต่างจากเขา
“ว่าไงนะ?! นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?!” แกรนเดลอุทานออกมาด้วยความตกใจ
เหล่านักรบเหล็กในสมรภูมิต่างหยุดและมองผืนนภาพร้อมๆกัน ทุกสายตาเต็มไปด้วยความฉงน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของสวาลิสหรือวิโลติสก็ตาม พวกเขาเห็นเรือเหาะของสวาลิสจำนวนมากที่เริ่มจมสู่มหาสมุทร
“เกิดอะไรขึ้น?!” นักรบเหล็กของฝั่งสวาลิสตั้งคำถามขึ้นมา
“ฉึก!!” เสียงของหอกที่แทงทะลุร่างนักรบเหล็กดังขึ้นมา
มันเป็นหอกของ “สปาร์ตั้น” เจ้าของหอกดึงหอกออกมา นักรบเหล็กสีขาวโพลนที่เหมือนเป็นผีแห่งสมรภูมิชูหอกของเขาขึ้นมา
“ถึงเวลาแล้ว!! ถึงเวลาของพวกเราแล้ว!!” แม็กซิมัสตะโกนขึ้นมา
เสียงตะโกนของเขาเป็นเหมือนการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง เหล่านักรบเหล็กสีเขียวของฝั่งสวาลิสจำนวนมากหันไปใช้อาวุธของตัวเองฟันเข้าใส่สหายร่วมอาณาจักร นักรบเหล็กตัวหนึ่งวิ่งตรงไปพร้อมใช้ดาบของเขาจะฟันเข้าไปตัวของสปาร์ตัน ทว่าสปาร์ตันยกโล่ของเขามารับการโจมตีไว้ได้
“เจ้าหักหลังพวกเรางั้นหรือ?!” ทหารของสวาลิสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ข้าไม่ได้หักหลังพวกเจ้า...เพราะข้าไม่เคยเป็นพวกของเจ้าอยู่แล้ว” แม็กซิมัสตอบกลับพร้อมกับใช้หอกของเขาแทงเข้าไปที่นักรบเหล็กที่ตรงมายังเขา
“ท่านครับ เรือเหาะของเรากำลังจะร่วงแล้วครับ” ลูกเรือคนหนึ่งรายงาน
“ชิ...” แกรนเดลส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บใจ
“สละเรือ!!” แกรนเดลตะโกนออกมา แววตาของเขายอมแพ้กับโชคชะตา
ทว่าไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวออกจากเรือเหาะของเขา เสียงระเบิดก็ดังขึ้นอีกครั้ง พวกเขารู้สึกได้ว่าเรือเหาะลำนี้กำลังดิ่งลงสู่ข้างล่าง มันเป็นเพียงเวลาไม่ถึงวินาทีก่อนที่เรือเหาะขนาดใหญ่จะกระแทกเข้ากับมหาสมุทรที่อยู่เบื้องล่างพวกเขา ทุกอย่างนั้นมืดมิด ความเย็นยะเยือกสัมผัสร่างของเหล่าลูกเรือ พวกเขาดิ้นรนพยายามเอาชีวิตรอดในโลกที่มืดมิด ทว่าไม่นาน ร่างกายของเขาก็ขาดอากาศ เรี่ยวแรงของพวกน้อยลง สายตาของพวกเขาเริ่มพร่ามัว ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นนายพลหรือเป็นเพียงแค่ลูกเรือธรรมดาๆเมื่อพวกเขาตกในชะตากรรมเดียวกัน การแสดงของพวกเขาก็ไม่ต่างกัน แกรนเดลเอื้อมมือไปยังความว่างเปล่าเพื่อเอาตัวรอด ภาพความทรงจำต่างไหลเข้ามาครั้งสุดท้ายของแกรนเดล ดวงตาของแกรนเดลมองเข้าไปในความมืด แต่มันดวงตาที่ไร้ซึ่งวิญญาณ
“ท่านพ่อ!!” ไวโอเล็ตที่ยืนอยู่บนชายฝั่งตะโกนขึ้นมา
น้ำตาไหลอาบแก้มของหญิงผมดำ เธอกัดริมฝีปากของเธอ ไวโอเล็ตหันกลับไปมองนักรบเหล็กสีขาวที่กำลังต่อสู้กับศัตรูจำนวนมาก แม้น้ำตายังไหลรินออกจากดวงตาสีเหลืองของเธอ แต่สายตาของเธอเต็มไปด้วยสายตาที่โกรธแค้น
“แก!!” ไวโอเล็ตคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ
นักรบเหล็กสีแดงของเธอตรงไปยังสปาร์ตัน ขวานในมือของเธอปกคลุมด้วยเปลวเพลิง สปาร์ตันหลบการโจมตีของไวโอเล็ตได้อย่างง่ายดาย ผีแห่งสมรภูมิใช้มือของเขาจับเข้าที่แขนของนักรบสีแดงที่ไวโอเล็ตควบคุมอยู่
“ข้าไม่ได้โกรธเกลียดอะไรพ่อเจ้าหรอก...แต่ข้าทำไปเพราะมันเป็นหน้าที่” แม็กซิมัสพูดกับไวโอเล็ต
“ไอบัดซบเอ้ย!!” ไวโอเล็ตตะโกนทั้งน้ำตา
ไวโอเล็ตสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ก่อตัวขึ้นในนักรบเหล็กของเธอ และเมื่อเธอรู้ตัวนักรบเหล็กของเธอก็ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง ผีแห่งสปาร์ตันปล่อยมือเธอออกก่อนที่มันจะเดินจากไป เปลวเพลิงเริ่มรุกรานไปทั่วร่างของนักรบเหล็กตัวนี้ ไฟนั้นเผาไม่แขนของไวโอเล็ต เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอก็รีบใช้ไหล่ของเธอกระแทกเข้ากับฝาประตูของนักรบเหล็ก เพียงแค่ครั้งเดียวฝามันก็เปิดออกมา ทว่าร่างของเธอล่วงหล่นจากที่สูงลงไปก่อนจะกระแทกกับพื้นดิน เม็ดฝนเริ่มหยดลงมาจากฟากฟ้า เม็ดฝนนั้นดับเปลวเพลิงได้อย่างรวดเร็ว ทว่ามือของเธอเต็มไปด้วยแผลจากการเผาไหม้ เธอไม่สามารถขยับร่างของเธอไหนได้ กระดูกในร่างของเธอคงแตกหักไม่น้อย
“ยูริ ถอยทัพ” เดรโกพูดกับชายชรา
“ถอยทัพงั้นหรือ...แต่สงครามยังไม่แพ้ซักหน่อยนะ” ยูริพยายามค้านการตัดสินใจของเดรโก
“สภาพเช่นนี้แล้ว ยังไงเสียพวกเราก็ไม่มีทางชนะได้ สู้ถอยทัพไปก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่ในอนาคตจะดีกว่า” เดรโกตอบ
“...ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้น ข้าก็คงแย้งเจ้าไม่ได้” ชายชรายอมแพ้
ริดเดิ้ลเดินไปยังที่ว่างก่อนที่ร่างของมันจะหายไปพร้อมกับความมืดมิด ทุกอย่างมันจบลงแล้ว จบลงด้วยชัยชนะของฝั่ง “วิโลติส”
หลังจากศึกนี้อาณาจักรสวาลิสก็ขอยอมแพ้สงครามโดยจดสนธิสัญญาคืนดินแดนของวิโลติสทั้งหมด สปาร์ตาคัสถูกยกย่องว่าเป็น “วีรบุรุษ” หลังสงครามนี้ แต่แน่นอนว่าสงครามนี้ไม่ได้นำพามาสู่ความสันติสุขหรือความสงบ แต่มันเป็นประตูสู่ความกลียุค