Post by gudomana on Apr 4, 2018 14:43:36 GMT
EP 9.5 Heartache
“เฮย์เดน มาถ่ายรูปตรงนี้ซิ” เจสซิก้าโบกมือด้วยรอยยิ้มที่กว้างของเธอ
หญิงผมสีเขียวร่างเล็กอยู่ชุดสีเหลืองที่มีลวดลายมากมายและกางเกงขาสั้น เธอยืนอยู่หน้ารูปปั้นที่มีผู้คนมากมายยืนถ่ายรูปอยู่ เฮย์เดนที่ถือกล้องทำหน้าเซ็งแซ่ เขามองเข้าไปผ่านกล้อง เมื่อเขาคิดว่าองค์ประกอบภาพทุกอย่างดูดีแล้ว เขาก็กดชัตเตอร์เพื่อจับภาพความทรงจำนี้ไว้ เมื่อเขาถ่ายภาพเสร็จ เจสซิก้าก็ตรงอีกจุด มันเป็นระเบียงที่อยู่ติดกับแม่น้ำ เธอเรียกให้เฮย์เดนตรงไปถ่ายรูปในจุดที่เธออยู่ ตรงข้ามกับเฮย์เดน ใบหน้าของเจสซิก้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่การแข่งขันยูกิจะกลับมาเริ่มอีกครั้ง แต่ทว่าเฮย์เดนยืนอยู่ข้างนอกสถานที่กับเพื่อนคนสนิทของเขา แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง? ก็คงต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ซักหนึ่งถึงสองชั่วโมงก่อน
=====
“ดูเหมือนจะเป็นเด๊ค Fable แฮะ” ไวเซอร์ที่นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์พูดขึ้นมา
“อืม นั่นซินะ” เฮย์เดนตอบ
ทั้งคู่นั่งอยู่บนโซฟาคนละตัวและมองไปยังโทรทัศน์จอแบนที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ในห้อง บนจอฉายภาพการดูเอลของวิทนีย์ในรอบแรก ข้างตัวของเฮย์เดนมีสมุดโน้ตเล็กๆวางอยู่ บนสมุดมีปากกาด้ามนึงวางไว้อยู่ บนกระดาษไม่มีตัวอักษรอยู่เลย แต่ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นมา หญิงผมสีเขียวเดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ชุดที่เธอสวมอยู่นั้นเหมือนกับเตรียมพร้อมจะออกไปเที่ยว เธอเดินตรงมายังสองหนุ่มที่นั่งบนโซฟา เฮย์เดนและไวเซอร์จ้องมองเธอด้วยใบหน้างุนงง
“มีอะไรหรอ เจสซิก้า?” เฮย์เดนถาม
“ออกไปเที่ยวกัน เฮย์เดน” เจสซิก้าเอ่ยปากเชื้อชวน
“คงไม่ได้หรอก ชั้นต้องเตรียมตัวในการดูเอลกับวิทนีย์ในรอบต่อไป” เฮย์เดนปฏิเสธ
“ให้ไวเซอร์จัดการให้ละกัน ไปเถอะออกไปเที่ยวกันเถอะ” เจสซิก้าไม่ได้ฟังคำปฏิเสธพร้อมคว้ามือและดึงเฮย์เดนออกจากโซฟา
เฮย์เดนพยายามจะขัดขืน แต่แม้เจสซิก้าจะมีร่างเล็กแต่พละกำลังของเธอนั้นมากกว่าที่หลายคนคิด และนั่นก็รวมถึงตัวของเฮย์เดนเองด้วย
“ถ้างั้นไวเซอร์ รบกวนด้วยนะ” เจสซิก้าพูดกับชายสวมแว่น
“เห้ย เดี๋ยว” ไม่ทันที่ไวเซอร์จะคัดค้านอะไร เฮย์เดนก็ถูกลากออกไปจากห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมืองที่ใช้จัดแข่งขังนั้นเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน และมีตึกที่ศิลปกรรมแบบโบราณ ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในเมืองนี้มากมาย ทั้งจากคนในประเทศและคนนอกประเทศ ตามท้องถนนมักจะมีผู้คนเดินไปเดินมามากมาย และยิ่งการจัดการแข่งขันยูกิโอยิ่งทำให้ผู้คนมากขึ้นกว่าเดิมอีก และด้วยสาเหตุที่เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวเลยทำให้เหล่าผู้เข้าแข่งขันที่ตกรอบส่วนนึง ยังคงอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ และพวกเขาก็ไม่ต้องจ่ายค่าโรงแรม จ่ายเพียงแค่ค่าอาหารเท่านั้น ดังนั้นแล้วหากใครมีเงินมากพอหรือไม่มีธุระเร่งด่วนอะไร ส่วนใหญ่เหล่าดูเอลลิสต์ที่ตกรอบก็จะยังคงอยู่ในเมืองแห่งนี้
“เฮย์เดน ไปถ่ายรูปตรงนั้นกัน” เจสซิก้าพูดพร้อมใช้นิ้วของเธอชี้ซักแห่ง
“อืม” เฮย์เดนตอบด้วยน้ำเสียงเซ็งแซ่ แต่เขาก็เดินตามเจสซิก้าที่กำลังเดินฝ่าฝูงชน
เมื่อเฮย์เดนเดินผ่านฝูงชนออกไปนั้น เขาก็ไม่เห็นหญิงผมสีเขียวอยู่อีกเลย เฮย์เดนกวาดสายตารอบๆหากเพื่อนของเขา แต่ไม่ว่ามองไปทางไหน เขาก็ไม่เห็นหญิงร่างเล็ก ดูเหมือนเขาจะหลงเสียแล้ว เฮย์เดนล้วงมือของเขาไปในกระเป๋ากางเกง เขาจะหยิบมือถือของเขาขึ้นมาและรอการติดต่อจากเจสซิก้าที่อาจจะรู้ตัวว่าเธอผลัดหลงกับตน หากทว่าเมื่อมือของเขาเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เขาก็สัมผัสได้ถึงความว่างเปล่า ดวงตาของชายผมน้ำตาลโบกโพลงขึ้น เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าอีกครั้งด้วยความลุกลี้ลุกลน ซึ่งเขาก็ไม่พบอะไรเลย รวมถึงกระเป๋าตังค์ของตัวเองด้วย
“บ้าเอ้ย” เฮย์เดนสบถออกมาเบาๆด้วยความหงุดหงิด
เขาพยายามครุ่นคิดหาทางแก้ปัญหา ถ้าจะให้เดินกลับไปโรงแรมก็คงยากเกินไป ระยะทางจากจุดที่เขามากับโรงแรมของเขาถือว่าไกลพอสมควร ในขณะที่เฮย์เดนกำลังยืนคิดอยู่นั้น เสียงฝีเท้าก็ตรงมาหาเขา ชายผมสีน้ำตาลเงยหน้าขึ้นมามองและเห็นหญิงผมสีม่วงที่ใบหน้าดูเป็นมิตร เธอคือวิทนีย์ซึ่งเป็นคู่แข่งของเขาในรอบหน้า หญิงคนนี้กล่าวทักทายเฮย์เดนพร้อมกับส่งยิ้มให้กับคู่ต่อสู้รอบต่อไปของเธอ
“ออกมาเที่ยวหรอคะ คุณเฮย์เดน?” วิทนีย์ถามต่อ
“อืม ถูกเจสซิก้าลากออกมา” เฮย์เดนตอบ
“แล้ว เอ่อ มาคนเดียวหรอคะ?” หญิงผมม่วงถามต่อพร้อมกับกวาดสายตาไปมา
“ชั้นผลัดหลงกับเพื่อนของชั้น เธอชื่อเจสซิก้า ผู้หญิงผมเขียวๆ” ชายที่ถูกถามตอบพร้อมกับอธิบายถึง
“โทรหาไม่ได้หรอคะ?” วิทนีย์ถามต่อ
“ชั้นลืมมือถืออยู่ที่ห้องพักน่ะ” เฮย์เดนตอบ
วิทนีย์พยักหน้าพร้อมกับทำใบหน้าครุ่นคิด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสับสน
“ถ้างั้นเดี๋ยวชั้นโทรหาเจสซิก้าให้ละกันค่ะ” วิทนีย์พูดกับเฮย์เดน
“เอ๊ะ? รู้จักกันหรอ?” เฮย์เดนอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ทว่าเจสซิก้าไม่ตอบเธอยังคงยกโทรศัพท์มือถือของเธอแนบไว้กับหูของตัวเอง เธอยืนรอสาย ไม่นานนักเธอก็พูดขึ้นมา
“เจสซิก้า นี่วิทนีย์เองนะ” หญิงผมสีม่วงพูด
“อืม เธอหลงกับเฮย์เดนใช่ไหม? ชั้นเจอเฮย์เดนแล้วนะ” เธอพูดต่อ
“ชั้นอยู่ตรงรูปปั้นอัศวินนะ อืมๆ แค่นี้แหละ” วิทนีย์กดวางสาย
เฮย์เดนมองด้วยสายตางุนงง ไม่นานนักหญิงผมเขียวก็เดินตรงมายังจุดที่ทั้งสองยืนอยู่ เจสซิก้ามองหน้าของวิทนีย์ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง มันเป็นใบหน้าที่เฮย์เดนไม่เคยเห็นมาก่อน เธอก้มโค้งให้เล็กน้อยก่อนจะคว้ามือของเฮย์เดนและลากเขาออกไป โดยไม่ให้โอกาสชายผมน้ำตาลได้กล่าวบอกลากับวิทนีย์เลยแม้แต่น้อย เมื่อเฮย์เดนถูกลากออกมาได้ระยะหนึ่ง เจสซิก้าก็ปล่อยมือออก เฮย์เดนใช้มือลูบกับข้อมือที่โดนบีบแน่นมาหลายนาที เจสซิก้ายังไม่หันกลับมา และเธอก็ยืนนิ่งอยู่กับที่
“เธอเป็นอะไร?” เฮย์เดนถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“โทษที ชั้นหัวเสียไปหน่อยน่ะ” เจสซิก้าตอบพร้อมกับรอยยิ้มอันเบาบางให้กับเฮย์เดน
“พวกเธอรู้จักกันมาก่อนหรอ?” เฮย์เดนถามด้วยความอยากรู้
เธอยืนคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันมาพูดกับชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“เราไปนั่งคุยกันในร้านแถวนี้ก่อนไหม?” หญิงผมสีเขียวถาม
เฮย์เดนพยักหน้า ทั้งสองเดินไปยังร้านกาแฟอยู่แถวนั้น มันเป็นร้านกาแฟเล็กๆที่มีลูกค้านั่งอยู่ในร้านอยู่จำนวนหนึ่ง พื้นนั้นถูกปูด้วยพื้นไม้ สีผนังถูกทาด้วยสีครีมและบนกำแพงเต็มไปด้วยหน้าต่างที่คอยรับแสงจากภายนอกเข้ามา ชายหญิงคู่นี้ลากเก้าอี้ไม้ออกและนั่งลงตรงข้ามกัน พนักงานนำเมนูมาวางไว้ตรงหน้า เมื่อพวกเขาสั่งสิ่งที่เขาต้องการแล้ว ดวงตาของชายหญิงคู่นั้นผสานเข้าหากัน ดวงตาของเฮย์เดนเต็มไปด้วยความสงสัยและความอยากรู้ ในขณะเดียวกันดวงตาของเจสซิก้าเต็มไปด้วยความลับมากมาย
“พวกเธอรู้จักกันมาก่อนหรอ?” เฮย์เดนถามคำถามข้อเดิม
“อืม ชั้นรู้จักกับเธอ เพราะว่านายเคยเป็นแฟนกับวิทนีย์มาก่อน” เจสซิก้าพูด
ใบหน้าของเฮย์เดนเต็มไปด้วยความตกใจหลังจากที่เขาได้ยินประโยคนี้ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร ได้แต่นั่งนิ่งเงียบรอฟังสิ่งที่หญิงผมเขียวพูดต่อ
“เฮย์เดน มาถ่ายรูปตรงนี้ซิ” เจสซิก้าโบกมือด้วยรอยยิ้มที่กว้างของเธอ
หญิงผมสีเขียวร่างเล็กอยู่ชุดสีเหลืองที่มีลวดลายมากมายและกางเกงขาสั้น เธอยืนอยู่หน้ารูปปั้นที่มีผู้คนมากมายยืนถ่ายรูปอยู่ เฮย์เดนที่ถือกล้องทำหน้าเซ็งแซ่ เขามองเข้าไปผ่านกล้อง เมื่อเขาคิดว่าองค์ประกอบภาพทุกอย่างดูดีแล้ว เขาก็กดชัตเตอร์เพื่อจับภาพความทรงจำนี้ไว้ เมื่อเขาถ่ายภาพเสร็จ เจสซิก้าก็ตรงอีกจุด มันเป็นระเบียงที่อยู่ติดกับแม่น้ำ เธอเรียกให้เฮย์เดนตรงไปถ่ายรูปในจุดที่เธออยู่ ตรงข้ามกับเฮย์เดน ใบหน้าของเจสซิก้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่การแข่งขันยูกิจะกลับมาเริ่มอีกครั้ง แต่ทว่าเฮย์เดนยืนอยู่ข้างนอกสถานที่กับเพื่อนคนสนิทของเขา แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง? ก็คงต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ซักหนึ่งถึงสองชั่วโมงก่อน
=====
“ดูเหมือนจะเป็นเด๊ค Fable แฮะ” ไวเซอร์ที่นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์พูดขึ้นมา
“อืม นั่นซินะ” เฮย์เดนตอบ
ทั้งคู่นั่งอยู่บนโซฟาคนละตัวและมองไปยังโทรทัศน์จอแบนที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ในห้อง บนจอฉายภาพการดูเอลของวิทนีย์ในรอบแรก ข้างตัวของเฮย์เดนมีสมุดโน้ตเล็กๆวางอยู่ บนสมุดมีปากกาด้ามนึงวางไว้อยู่ บนกระดาษไม่มีตัวอักษรอยู่เลย แต่ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นมา หญิงผมสีเขียวเดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ชุดที่เธอสวมอยู่นั้นเหมือนกับเตรียมพร้อมจะออกไปเที่ยว เธอเดินตรงมายังสองหนุ่มที่นั่งบนโซฟา เฮย์เดนและไวเซอร์จ้องมองเธอด้วยใบหน้างุนงง
“มีอะไรหรอ เจสซิก้า?” เฮย์เดนถาม
“ออกไปเที่ยวกัน เฮย์เดน” เจสซิก้าเอ่ยปากเชื้อชวน
“คงไม่ได้หรอก ชั้นต้องเตรียมตัวในการดูเอลกับวิทนีย์ในรอบต่อไป” เฮย์เดนปฏิเสธ
“ให้ไวเซอร์จัดการให้ละกัน ไปเถอะออกไปเที่ยวกันเถอะ” เจสซิก้าไม่ได้ฟังคำปฏิเสธพร้อมคว้ามือและดึงเฮย์เดนออกจากโซฟา
เฮย์เดนพยายามจะขัดขืน แต่แม้เจสซิก้าจะมีร่างเล็กแต่พละกำลังของเธอนั้นมากกว่าที่หลายคนคิด และนั่นก็รวมถึงตัวของเฮย์เดนเองด้วย
“ถ้างั้นไวเซอร์ รบกวนด้วยนะ” เจสซิก้าพูดกับชายสวมแว่น
“เห้ย เดี๋ยว” ไม่ทันที่ไวเซอร์จะคัดค้านอะไร เฮย์เดนก็ถูกลากออกไปจากห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมืองที่ใช้จัดแข่งขังนั้นเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน และมีตึกที่ศิลปกรรมแบบโบราณ ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในเมืองนี้มากมาย ทั้งจากคนในประเทศและคนนอกประเทศ ตามท้องถนนมักจะมีผู้คนเดินไปเดินมามากมาย และยิ่งการจัดการแข่งขันยูกิโอยิ่งทำให้ผู้คนมากขึ้นกว่าเดิมอีก และด้วยสาเหตุที่เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวเลยทำให้เหล่าผู้เข้าแข่งขันที่ตกรอบส่วนนึง ยังคงอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ และพวกเขาก็ไม่ต้องจ่ายค่าโรงแรม จ่ายเพียงแค่ค่าอาหารเท่านั้น ดังนั้นแล้วหากใครมีเงินมากพอหรือไม่มีธุระเร่งด่วนอะไร ส่วนใหญ่เหล่าดูเอลลิสต์ที่ตกรอบก็จะยังคงอยู่ในเมืองแห่งนี้
“เฮย์เดน ไปถ่ายรูปตรงนั้นกัน” เจสซิก้าพูดพร้อมใช้นิ้วของเธอชี้ซักแห่ง
“อืม” เฮย์เดนตอบด้วยน้ำเสียงเซ็งแซ่ แต่เขาก็เดินตามเจสซิก้าที่กำลังเดินฝ่าฝูงชน
เมื่อเฮย์เดนเดินผ่านฝูงชนออกไปนั้น เขาก็ไม่เห็นหญิงผมสีเขียวอยู่อีกเลย เฮย์เดนกวาดสายตารอบๆหากเพื่อนของเขา แต่ไม่ว่ามองไปทางไหน เขาก็ไม่เห็นหญิงร่างเล็ก ดูเหมือนเขาจะหลงเสียแล้ว เฮย์เดนล้วงมือของเขาไปในกระเป๋ากางเกง เขาจะหยิบมือถือของเขาขึ้นมาและรอการติดต่อจากเจสซิก้าที่อาจจะรู้ตัวว่าเธอผลัดหลงกับตน หากทว่าเมื่อมือของเขาเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เขาก็สัมผัสได้ถึงความว่างเปล่า ดวงตาของชายผมน้ำตาลโบกโพลงขึ้น เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าอีกครั้งด้วยความลุกลี้ลุกลน ซึ่งเขาก็ไม่พบอะไรเลย รวมถึงกระเป๋าตังค์ของตัวเองด้วย
“บ้าเอ้ย” เฮย์เดนสบถออกมาเบาๆด้วยความหงุดหงิด
เขาพยายามครุ่นคิดหาทางแก้ปัญหา ถ้าจะให้เดินกลับไปโรงแรมก็คงยากเกินไป ระยะทางจากจุดที่เขามากับโรงแรมของเขาถือว่าไกลพอสมควร ในขณะที่เฮย์เดนกำลังยืนคิดอยู่นั้น เสียงฝีเท้าก็ตรงมาหาเขา ชายผมสีน้ำตาลเงยหน้าขึ้นมามองและเห็นหญิงผมสีม่วงที่ใบหน้าดูเป็นมิตร เธอคือวิทนีย์ซึ่งเป็นคู่แข่งของเขาในรอบหน้า หญิงคนนี้กล่าวทักทายเฮย์เดนพร้อมกับส่งยิ้มให้กับคู่ต่อสู้รอบต่อไปของเธอ
“ออกมาเที่ยวหรอคะ คุณเฮย์เดน?” วิทนีย์ถามต่อ
“อืม ถูกเจสซิก้าลากออกมา” เฮย์เดนตอบ
“แล้ว เอ่อ มาคนเดียวหรอคะ?” หญิงผมม่วงถามต่อพร้อมกับกวาดสายตาไปมา
“ชั้นผลัดหลงกับเพื่อนของชั้น เธอชื่อเจสซิก้า ผู้หญิงผมเขียวๆ” ชายที่ถูกถามตอบพร้อมกับอธิบายถึง
“โทรหาไม่ได้หรอคะ?” วิทนีย์ถามต่อ
“ชั้นลืมมือถืออยู่ที่ห้องพักน่ะ” เฮย์เดนตอบ
วิทนีย์พยักหน้าพร้อมกับทำใบหน้าครุ่นคิด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสับสน
“ถ้างั้นเดี๋ยวชั้นโทรหาเจสซิก้าให้ละกันค่ะ” วิทนีย์พูดกับเฮย์เดน
“เอ๊ะ? รู้จักกันหรอ?” เฮย์เดนอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ทว่าเจสซิก้าไม่ตอบเธอยังคงยกโทรศัพท์มือถือของเธอแนบไว้กับหูของตัวเอง เธอยืนรอสาย ไม่นานนักเธอก็พูดขึ้นมา
“เจสซิก้า นี่วิทนีย์เองนะ” หญิงผมสีม่วงพูด
“อืม เธอหลงกับเฮย์เดนใช่ไหม? ชั้นเจอเฮย์เดนแล้วนะ” เธอพูดต่อ
“ชั้นอยู่ตรงรูปปั้นอัศวินนะ อืมๆ แค่นี้แหละ” วิทนีย์กดวางสาย
เฮย์เดนมองด้วยสายตางุนงง ไม่นานนักหญิงผมเขียวก็เดินตรงมายังจุดที่ทั้งสองยืนอยู่ เจสซิก้ามองหน้าของวิทนีย์ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง มันเป็นใบหน้าที่เฮย์เดนไม่เคยเห็นมาก่อน เธอก้มโค้งให้เล็กน้อยก่อนจะคว้ามือของเฮย์เดนและลากเขาออกไป โดยไม่ให้โอกาสชายผมน้ำตาลได้กล่าวบอกลากับวิทนีย์เลยแม้แต่น้อย เมื่อเฮย์เดนถูกลากออกมาได้ระยะหนึ่ง เจสซิก้าก็ปล่อยมือออก เฮย์เดนใช้มือลูบกับข้อมือที่โดนบีบแน่นมาหลายนาที เจสซิก้ายังไม่หันกลับมา และเธอก็ยืนนิ่งอยู่กับที่
“เธอเป็นอะไร?” เฮย์เดนถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“โทษที ชั้นหัวเสียไปหน่อยน่ะ” เจสซิก้าตอบพร้อมกับรอยยิ้มอันเบาบางให้กับเฮย์เดน
“พวกเธอรู้จักกันมาก่อนหรอ?” เฮย์เดนถามด้วยความอยากรู้
เธอยืนคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันมาพูดกับชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“เราไปนั่งคุยกันในร้านแถวนี้ก่อนไหม?” หญิงผมสีเขียวถาม
เฮย์เดนพยักหน้า ทั้งสองเดินไปยังร้านกาแฟอยู่แถวนั้น มันเป็นร้านกาแฟเล็กๆที่มีลูกค้านั่งอยู่ในร้านอยู่จำนวนหนึ่ง พื้นนั้นถูกปูด้วยพื้นไม้ สีผนังถูกทาด้วยสีครีมและบนกำแพงเต็มไปด้วยหน้าต่างที่คอยรับแสงจากภายนอกเข้ามา ชายหญิงคู่นี้ลากเก้าอี้ไม้ออกและนั่งลงตรงข้ามกัน พนักงานนำเมนูมาวางไว้ตรงหน้า เมื่อพวกเขาสั่งสิ่งที่เขาต้องการแล้ว ดวงตาของชายหญิงคู่นั้นผสานเข้าหากัน ดวงตาของเฮย์เดนเต็มไปด้วยความสงสัยและความอยากรู้ ในขณะเดียวกันดวงตาของเจสซิก้าเต็มไปด้วยความลับมากมาย
“พวกเธอรู้จักกันมาก่อนหรอ?” เฮย์เดนถามคำถามข้อเดิม
“อืม ชั้นรู้จักกับเธอ เพราะว่านายเคยเป็นแฟนกับวิทนีย์มาก่อน” เจสซิก้าพูด
ใบหน้าของเฮย์เดนเต็มไปด้วยความตกใจหลังจากที่เขาได้ยินประโยคนี้ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร ได้แต่นั่งนิ่งเงียบรอฟังสิ่งที่หญิงผมเขียวพูดต่อ