|
Post by gudomana on Jun 27, 2018 14:27:13 GMT
Prologue
“เดอะ ร็อค ยืนรอเตรียมใส่ร๊อค บ็อทท่อมแล้วครับ!!” เสียงของชายคนหนึ่งกำลังบรรยายภาพที่กำลังเกิดขึ้น
ชายสองคนกำลังยืนอยู่บนเวที ชายคนแรกยืนอยู่กลางเวที ผิวของเขามีสีแทน เขาไว้ทรงผมสกรีนเฮ้ด ร่างกายของเขาดูกำยำ บนหน้าอกของเขามีรอยสักแบบซาโมน ชายคนนี้ชื่อ “เดอะ ร็อค” (The Rock) เขาเป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำที่ได้รับความนิยมมากและมีชื่อเสียงที่สุดในสมาคม เขาพึ่งกลับมาจากการเล่นหนังฮอลี่วู๊ดที่เกี่ยวกับ “มัมมี่” แต่ในตอนนี้เขาเป็นอธรรม ใกล้ๆกับเขามีชายผิวขาวที่กำลังประคองตัวเองขึ้นมาจากพื้น มือของเขากำลังจับเชือกสีดำ ชายคนนี้ใบหน้าดูมีอายุกว่า เดอะ ร็อค มาก ทรงผมของชายคนนี้ก็คือไม่มีเส้นผม รอบปากของชายคนนี้มีหนวดสีน้ำตาล ใบหน้าของชายผิวขาวคนนี้ดูดุร้ายกว่า “เดอะ ร็อค” มาก ชายหัวล้านคนนี้ชื่อ “สโตน โคล” เป็นนักมวยปล้ำอีกคนที่ได้รับความนิยมมากพอๆกับเดอะ ร็อค เขาไม่ใช่ทั้งอธรรมและธรรมะ เพราะสิ่งที่เขาทำคืออัดแหลกทุกคน
“จัดการมันเลย เดอะ ร็อค จัดการมันเลย!!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดเบาๆ
ในขณะที่ภาพกำลังดำเนินไปอยู่ เด็กหนุ่มผิวขาวที่นั่งอยู่ติดหน้าจอโทรทัศน์ก็จ้องมองภาพโดยไม่ละสายตา ใบหน้าของเขาดูอ่อนเยาว์ อายุของเขาคงราวๆ 9-10 ปี ผมของเขาสั้นเกรียนตามกฏระเบียบของสังคมไทย นัยน์ตาสีดำทั้งสองของเขา สะท้อนเป็นภาพบนจอแก้ว มือของเขากำแน่นด้วยความตื่นเต้น
“สโตน โคล หันมาเจอ ร็อค บ็อทท่อมครับ!!” ผู้บรรยายตะโกนด้วยความตื่นเต้น “กดแล้วครับ!! หนึ่ง สอง สาม!! ไม่!! ไม่!! สองครับ!!” ผู้บรรยายคนเดิมเปล่งเสียงออกมาสุดปอด
กล้องซูมเข้าไปที่หน้าของเดอะ ร็อค ที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เขาพึ่งใส่ท่าไม้ตายได้ แต่คู่ต่อสู้ของเขายกไหล่ได้ทัน เด็กหนุ่มที่อยู่หน้าจออ้าปากพร้อมกับเอามือทั้งสองกุมศีรษะของตัวเอง แบบเดียวกันกับแฟนๆในสนามที่ต่างถูกดึงดูดไปบนเวที แม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่ข้างกันหรือใกล้กัน แต่การแสดงความรู้สึก “ตกใจ” ออกมาเหมือนกัน ชายผิวแทนลุกขึ้นมาและมองไปยังคนดู เขาเดินรอบเวที ก่อนที่เขาจะเอาเท้าเหยียบลงบนพื้นอีกครั้ง เขาย่อตัวลงและเตรียมใส่ “ร็อค บอทท่อม” ครั้งที่สอง คู่ต่อสู้ของเขาใช้มือยันพื้นผืนผ้าใบเวทีสีขาว เมื่อเขาลุกขึ้นมา เขาเจอเดอะ ร็อค เตรียมจับใส่ท่าไม้ตายของเขาอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ สโตน โคลใช้ศอกของเขากระแทกเข้าใส่ใบหน้าทำให้เขาดิ้นหลุดออกมาได้
“สโตน โคลดิ้นหลุดออกไปได้ครับ!! สโตน โคล วิ่งไปจะเล่นงานเดอะ ร็อค” “แต่ เดอะ ร็อค สวนกลับมาเป็นร็อค บอทท่อม รอบที่สองครับ!!” จากเสียงที่นิ่งเรียบกลายเป็นเสียงตะโกนภายในไม่กี่วินาที “เดอะ ร็อค กดอีกรอบครับ!! หนึ่ง สอง สะ-ยังได้สองอีก!!”
แฟนในสนามต่างเหวี่ยงแขนขึ้นด้วยความตกใจ เพราะสอง “ร็อค บ่อทท่อม” ยังไม่มากพอที่จะเอาชนะสโตน โคล ได้ เดอะ ร็อค เอามือจับเชือก ใบหน้าของเขาดูอึ้งมากกว่าครั้งแรกเสียอีก ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เขานั่งนิ่งอยู่ที่เดิมเป็นระยะเวลานานในขณะที่เขามองคู่ต่อสู้ของเขาที่นอนอยู่บนพื้น เดอะ ร็อค ลุกขึ้นมาจากพื้นและเดินตะโกน เพื่อระบายความหงุดหงิดออกมา เขาเอาเท้าข้างหนึ่งกระแทกกับพื้นเป็นครั้งที่สาม ดวงตาของชายผิวแทนจ้องมองคู่ต่อสู้ของเขาเหมือน แมงป่องเตรียมพร้อมจะสังหารเหยื่อ สโตน โคล โซซัดโซเซขึ้นมาและหันมาเจอเดอะ ร็อค จับใส่ร็อค บอทท่อมเป็นครั้งที่สาม
“ครั้งที่สามแล้วครับ!! เดอะ ร็อคกด!! หนึ่ง สอง สาม!!”
เสียงระฆังที่เป็นสัญญาณว่าแมทช์จบลงดังขึ้น คนดูในสนามปรบมือให้กับการต่อสู้อันแสนจะดุเดือดครั้งนี้ ดนตรีของเดอะ ร็อค บรรเลงอยู่เป็นเบื้องหลัง แววตาของเด็กหนุ่มที่นั่งติดจอโทรทัศน์เต็มไปด้วยประกาย หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ ต้นเหตุมาจากความตื่นเต้นที่กระตุ้นให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น ในขณะที่เหตุการณ์หลังแมทช์กำลังเดินต่อไป เด็กน้อยคนนี้ก็กำหมัดทั้งสองข้างขึ้นมา
“ป๊า ผมอยากเป็นนักมวยปล้ำอ่ะ” ลูกชายหันไปพูดกับพ่อ “งั้นหรอ...งั้นเคฟก็คงต้องรีบออกกำลังกายแล้วล่ะ” ผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟาตอบโดยไม่ได้มองมาที่เด็กหนุ่มผู้ประกายฝันเลยแม้แต่น้อย
พ่อของเขานั่งอยู่บนโซฟาที่อยู่ห่างจากโทรทัศน์ไม่มากพลิกหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ โดยที่ตาของเขายังคงจับจ้องอยู่กับข้อความที่ถูกตีพิมพ์ลงบนแผ่นกระดาษสีเทา พ่อของเขาคิดว่านี่เป็นเพียงความฝันวัยเด็กเท่านั้น และมันจะมีสมาคมมวยปล้ำที่ไหนกันล่ะในประเทศไทย? เดี๋ยวลูกชายเขาหรือเคฟก็คงลืม...ทว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปในอีก 15 ปีข้างหน้า
=====
15 ปี ต่อมา
ภาพของชายชาวญี่ปุ่นวัยกลางคนนั่งอยู่บนโซฟา เขาอยู่ในชุดสูทที่เรียบร้อย ผมของเขาสั้นและเป็นระเบียบ เส้นผมของเขาเป็นสีน้ำตาล ร่างกายของเขาดูแข็งแรงเหมือนนักกีฬา ใบหน้าของเขาดูเข้มงวด ข้างๆเขามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ บนเก้าอี้ด้านข้างของชายคนนี้ มีชายอีกคนในชุดสูทนั่งอยู่ ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เล้าช์ ใบหน้าของเขามีอายุรวมไปถึงเส้นผมที่เป็นสีเทาบ่งบอกถึงอายุของเขา ดูแล้วมีสัญชาติไทย เหมือนกับเป็นพิธีกรของรายการนี้ เบื้องหลังของพวกเขาเป็นโลโก้รายการที่ปรากฏอยู่บนกำแพง
“สวัสดีครับ มาพบกับเบรกที่สองของเรากันเลยนะครับ โดยตอนนี้ผมอยู่กับแขกรับเชิญที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่วงการมวยปล้ำไทย” พิธีกรมองกล้องและพูดอย่างคล่องแคล่ว “เพราะเมื่อสองสามวันก่อน คุณซาวะชิโระ เออิจิ นักมวยปล้ำชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น ตัดสินใจมาเปิดสมาคมในประเทศไทย”
“สำหรับคนที่ไม่รู้จัก คุณซาวะชิโระ เขาเป็นนักมวยปล้ำจากแดนอุทิศอุทัย และขึ้นปล้ำมาแล้วสมาคม รวมถึงกวาดแชมป์มาแล้วหลายรายการนะครับ เรียกได้ว่าเป็นนักมวยปล้ำระดับท็อปของญี่ปุ่นก็ได้” “และการที่นักมวยปล้ำระดับท็อปขนาดนี้มาเปิดสมาคมในประเทศไทยถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากครับ” “อะไรคือเบื้องหลังที่ทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้ วันนี้เราอยู่กับเจ้าตัวแล้วนะครับ”
“สวัสดีครับคุณซาวาชิโระ” หลังจากที่พิธีกรกล่าวแนะนำแขกรับเชิญแล้ว เขาก็หันไปไหว้แขกรับเชิญ “สวัสดีครับ” แขกรับเชิญยกมือไหว้กลับพร้อมกับตอบด้วยภาษาไทยสำเนียงชาวต่างชาติ “ขอถามก่อนเลยได้ไหมครับ ว่าทำไมถึงมาเปิดสมาคมในประเทศไทย?” พิธีกรถาม
หญิงที่นั่งข้างๆพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น ดูเหมือนเธอจะเป็นล่ามให้กับชายชาวญี่ปุ่น เมื่อหญิงชาวญี่ปุ่นพูดจบ ชายชาวญี่ปุ่นที่ชื่อซาวาชิโระก็ตอบกลับเป็นภาษาญี่ปุ่น เมื่อเขาพูดเสร็จ หญิงที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมา
“คุณซาวาชิโระพูดว่า เพราะว่าในประเทศไทยมีแฟนมวยปล้ำที่มาก” “และในไทยก็ยังไม่มีสมาคมมวยปล้ำเลย จึงคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆให้กับประเทศไทย” ล่ามแปลให้พิธีกรฟัง
“แต่ในประเทศไทยไม่มีนักมวยปล้ำเลย ไม่ทราบว่าจะตรงนี้จะทำยังไงครับ?” พิธีกรถาม “คุณซาวาชิโระจะเปิดโรงฝึกในประเทศไทย และจะเทรนนักมวยปล้ำด้วยตัวเอง” “โดยใครสนใจสามารถมาได้ที่-“
แม้เสียงของโทรทัศน์จะยังคงเล่นต่อไป แต่เคฟในวัย 24 ปี ที่ยืนอยู่หน้าจอโทรทัศน์ไม่ได้สนในจุดนี้แล้ว เพราะนี่เป็นหนทางเดียวที่เขาจะสานฝันในวัยเด็ก ไม่ใช่แค่ตัวของเคฟเท่านั้น แต่ฝันของใครหลายๆคนที่อยากเป็นนักมวยปล้ำถูกจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง
==== *ข้อมูลเพิ่มเติม* Rock Bottom
|
|
|
Post by gudomana on Jul 1, 2018 11:04:09 GMT
|
|
|
Post by gudomana on Jul 1, 2018 11:08:25 GMT
Match 1 : The Time Is Now
“ตึง”
เสียงของร่างชายคนหนึ่งกระแทกกับพื้นเวทีสีน้ำเงิน เขาลุกขึ้นมาช้าๆและวิ่งกลับไปต่อแถวผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่ยืนเรียงกันอยู่ พวกเขายืนบนเวทีผ้าใบสีน้ำเงิน เวทีอันนี้ถูกคาดด้วยเชือกสีขาวทั้งสี่ด้าน รายล้อมสังเวียนมีเครื่องออกกำลังกายมากมายตั้งอยู่ ตั้งแต่เครื่องยกน้ำหนัก , ลู่วิ่ง รวมไปถึงกระสอบทรายที่แขวนไว้บนเพดาน บนกำแพงมีแผ่นป้ายสีขาวที่ถูกแขวนอยู่ บนแผ่นป้ายผ้ามีตัวอักษรสีแดงที่เขียนว่า “Bangkok Pro Wrestling” ตัวอักษรที่ถูกพิมพ์เป็นตัวอักษรที่เส้นหนา แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็ง แม้มันจะถูกแขวนอยู่บนกำแพงเก่าๆ แต่แผ่นป้ายผ้าผืนนี้เหมือนจะมีพลังสถิตอยู่ เคฟยืนอยู่บนเวที เมื่อชายที่อยู่ข้างหน้าเขาลุกขึ้นมา เขาก็วิ่งไปและลังกาตัว หลังของชายผมดำกระแทกกับผืนผ้าใบ
“ตึง!!” หลังของเขาเคฟกระแทกกับพื้น เสียงของมันดังก้องทั่วโรงฝึก
สิ่งที่เคฟกำลังทำคือการฝึกแรงกระแทกหรือ “บั้ม” (Bump) เนื่องจากมวยปล้ำเป็นกีฬาที่ต้องทำให้การต่อสู้ดูสมจริงและรุนแรง การฝึกบั้มถือเป็นส่วนสำคัญมากของวงการมวยปล้ำ เคฟลุกขึ้นมาจากพื้นเวที เขารีบไปต่อท้ายแถวของเพื่อนร่วมนักมวยปล้ำที่ทำแบบเขา ในขณะที่คนต่อกำลังจะเตรียลังกาตัวเข้ากับผืนผ้าใบ ประตูห้องฝึกถูกเปิดออกมา เมื่อประตูถูกเปิด ทุกกิจกรรมบนเวทีต่างหยุดลง ชายชาวญี่ปุ่นเดินตรงเข้ามาในห้อง ทุกคนต่างก้มโค้งให้เขาเพื่อเป็นการแสดงความ “นับถือ” แก่ชายคนนี้ เคียงข้างของชายคนนี้เป็นหญิงสาวผมสีไม้ ทรงผมของเธอนั้นเรียกว่าเป็นทรงหางม้า รูปร่างของเธอผอมบาง อายุของเธอคงไม่ต่างจากตัวของเคฟเท่าไหร่นัก ดวงตาของเธอดูอ่อนโยนและสดใส เธอชื่อ “กนกวรรณ” หรือ “กิ๊ฟ” เป็นผู้จัดการทั่วไปของค่าย นักมวยปล้ำชาวญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของค่ายหรือซาวชิโระเริ่มเปล่งเสียงออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่น ทุกครั้งที่เขาพูดจบหญิงสาวผูนี้ก็จะพูดต่อจากเขา
“วันนี้เรามีข่าวใหญ่จะมาบอกทุกคน” “ในหนึ่งเดือนข้างหน้า เราจะจัดโชว์แรกของสมาคม แบงค็อก โปรเรสริ่งกัน” หญิงสาวผมน้ำตาลคนนี้พูดจบเหล่านักมวยปล้ำที่ยืนอยู่บนเวทีก็ต่างส่งเสียงฮือฮา รวมถึงใบหน้าของเคฟที่เต็มไปด้วยความตกใจเช่นเดียวกัน “ส่วนของแมทช์การ์ด คุณซาวาชิโระจะประกาศเร็วๆนี้ แต่สิ่งนึงที่อยากให้ทุกคนคิดก่อนการมาฝึกครั้งหน้า” “คือคาแร็คเตอร์” กิ๊ฟแปลสิ่งที่ออกมาจากปากของซาวาชิโนะ
เหล่านักมวยปล้ำฝึกหัดที่ยืนอยู่บนเวทีต่างหันเข้าหากันและพูดถึงคำว่า “คาแร็คเตอร์” มันเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของมวยปล้ำ เพราะมันเหมือนเป็นการสร้างตัวตนขึ้นมา ในโลกสมมุติทุกอย่างตัวตนและความน่าจดจำถือเป็นสิ่งสำคัญอยู่แล้ว ไม่ต่างกันกับมวยปล้ำที่เป็นโลกสมมุติเหมือนกัน
“มีอะไรอีกไหมคะ คุณซาวาชิโระ?” ผู้จัดการทั่วไปของสมาคมหันไปถามชายชาวญี่ปุ่นเป็นภาษาแม่ของเขา “ไม่มีแล้วล่ะ ถ้าจะกลับบ้านก็กลับได้เลยนะ” ซาวาชิโระตอบกลับเป็นภาษาญี่ปุ่น “วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว ถ้าใครอยากจะกลับบ้านก็กลับได้เลย” กิ๊ฟแปลสิ่งที่ซาวาชิโระพูดต่อ
พัดชาหันหลังและเดินออกจากห้องซ้อม แต่กลับกันชายชาวญี่ปุ่นตรงไปหากระสอบทรายก่อนจะเริ่มออกแรงใช้ฝ่ามือกระแทกเข้ากับกระสอบทรายสีแดง เสียงฝ่ามือกระแทกดังขึ้นเป็นระยะๆและเป็นจังหวะ ในขณะเดียวกันทุกคนบนเวทีก็ต่างหยุดนิ่งอยู่กับที่ ในหัวของเคฟตอนนี้มีความคิดมากมายวิ่งอยู่ในหัวของเขา เขากำลังร่างคาแร็คเตอร์อยู่ในหัว มันไม่ใช่แค่ว่า “อยากเป็นอะไร?” แต่มันอยู่กับ “ความเหมาะสม” เหมือนกับถ้าเราเอานักมวยปล้ำขี้ก้างแบบ แซ็ค เซเบอร์ จูเนียร์ ไปเล่นบทปีศาจแบบ เคน มันก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก ในขณะที่เคฟกำลังครุ่นคิดเขาก็หันไปหาชายที่อยู่ข้างเขา ชายที่เขาหันไปหามีหน้าตาที่หนุ่ม อายุคงไม่ต่างกับเคฟเท่าไหร่ ร่างกายของเขาสูงกว่าตัวของเคฟมาก ผมของเขายาวประมาณหัวไหล่ของเขา
“ฮัน นายคิดคาแร็คได้รึยัง?” เคฟถาม “คิดไว้แล้วล่ะ” ชายที่ถูกเรียกว่าฮันตอบด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “สปอยล์ให้ชั้นฟังหน่อยได้ไหม?” เคฟถามต่อด้วยความสนใจ
“ก็ที่ชั้นคิดไว้เป็นสายลับอ่ะนะ เหมือนกับมีภารกิจส่วนตัว อารมณ์ประมาณ Man on the mission” ฮันอธิบายสิ่งที่เขาคิดไว้ให้กับเคฟฟัง “อืมๆ แล้วชื่อล่ะคิดไว้ยัง” เคฟพยักหน้าพลางถามต่อ “VI6 ถ้าอ่านแบบฝรั่ง แต่ถ้าอ่านแบบไทยจะเรียกว่าวิหคน่ะ” ฮันพูดด้วยรอยยิ้ม “เห นายนี่เก่งเรื่องพวกนี้จังแฮะ” ผู้ฟังกล่าวชื่นชม
“ฮ่ะๆ นายก็พูดเกินไป แล้วนายล่ะ คิดได้ยัง?” ฮันเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายถามบ้าง “ยังคิดไม่ได้เลย นายพอจะมีไอเดียอะไรให้ชั้นไหม ฮัน?” เคฟถามกลับ “เอาจริงๆชั้นไม่คิดไม่ออกเลย นายพอจะมีไอเดียอะไรบ้างไหม?” ชายผู้ถูกถามขอความช่วยเหลือ
ฮันจับคางของเขาเองพร้อมกับก้มมองปลายเท้าของเคฟ ฮันเงยหน้ามองขึ้นเรื่อยๆก่อนที่เขาจะปล่อยมือของเขาออก
“นายก็ไม่ใช่คนตัวใหญ่ด้วย จะให้เล่นบทแบบพวกปีศาจก็คงยาก แถมหน้านายก็ไม่ได้ล่อเท้าอะไร เป็นอธรรมก็คงลำบากอีก” ฮันเสนอความเห็นของเขา “นายคงต้องเป็นธรรมะนั่นแหละ แต่จะเป็นธรรมะแบบไหนมากกว่า” เพื่อนของเคฟแสดงความเห็นตัวเอง “นั่นซินะ เอาเถอะ ชั้นยังมีเวลาคิดอยู่” เคฟตอบกลับหลังฟังความเห็นของเพื่อนเขา
หลังจากที่ทั้งสองคุยกันเสร็จสิ้นการซ้อมก็ดำเนินต่อไป จนกระทั้งถึงเวลาที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน จากโรงฝึกไปถึงบ้านของเคฟไม่ไกลมากนัก นั่งรถไฟฟ้าไปประมาณ 15 นาทีก็ถึง เมื่อถึงสถานีจุดหมาย เคฟก็ก้าวลงมาจากขบวนรถไฟฟ้าสีน้ำเงินที่ตัดสลับกับขาว เขาลงมาเดินบนฟุตบาทยามวิกาล แม้มันจะเป็นช่วงกลางคืนแต่อากาศก็ไม่ค่อยเป็นมิตรกับตัวเขาเท่าไหร่นัก เคฟเดินใต้แสงไฟที่สาดส่องลงมาจากเสาไฟที่ตั้งเรียงรายกัน เสียงของแตรรถบนถนนดังขึ้นเป็นระยะๆประกอบกับเสียงทำอาหารของร้านอาหารข้างทางที่บรรเลงควบคู่ไปกับเสียงแตร แม้มันจะเป็นช่วงสามทุ่มแล้ว แต่มันก็ยังมีผู้คนเดินไปเดินมาอยู่บนฟุตบาทอย่างไม่ขาดสาย ทุกก้าวของเคฟที่เดินไปข้างหน้า สมองเขาก็ยังคงคิดถึง “คาแร็คเตอร์” ที่เหมาะสมกับเขาที่สุด
กระนั้นแม้เขาถึงบ้านสองชั้นของเขาที่ตั้งอยู่ในซอย เขาก็ยังคงนึกไม่ออก เคฟใช้มือของเขาเปิดประตูสีเทาที่ติดอยู่บนประตูรั้วของบ้านๆ เคฟแหงนมองขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน เขายังเห็นไฟเปิดอยู่ ดูเหมือนคุณพ่อและคุณแม่ของเขายังคงไม่นอนหลับ ประตูบ้านไม้ปิดสนิท แต่กระนั้นเคฟก็ใช้มือของเขาบิดลูกบิดเพื่อเปิดประตูบ้าน เมื่อประตูบ้านถูกเปิด เขาก็เห็นดวงไฟบางดวงเท่านั้นที่เปิดอยู่ ดูเหมือนพ่อแม่เขาจะอยู่ที่ห้องนอนแล้ว เคฟหันกลับไปและปิดประตูพร้อมกับใส่กุญแจเพื่อล็อคประตูบ้านป้องกันไม่ให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาในยามวิกาล เคฟก้าวขึ้นชั้นสองของบ้าน เสียงฝีเท้าของเคฟที่สัมผัสลงกับขั้นบันไดไม้ ทำให้ชายที่มีโครงหน้าคล้ายเคฟเปิดประตูออกมา ร่างของเขาสูบผอม ผิวของเขาเหี่ยวย่นตามกาลเวลา รวมไปถึงเส้นผมของที่เป็นสีเทา
“กลับมาแล้วหรอ เคฟ” ผู้เป็นพ่อถาม “กลับมาแล้วครับ” เคฟตอบด้วยรอยยิ้ม “เป็นไงวันนี้เหนื่อยไหม?” พ่อของเคฟถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ค่อยเหนื่อยหรอกพ่อ ผมฝึกมาหกเดือนแล้ว ผมชินแล้วล่ะ” ผู้เป็นลูกตอบ “ดีแล้วล่ะ” เมื่อพ่อได้ยินคำตอบของลูกแล้วเขาก็ส่งยิ้มออกมา “เอ้อ พ่อเดือนหน้าผมจะเปิดตัวแล้วนะ” เคฟเล่าให้ฟัง “จริงหรอ แบบนั้นก็ดีเลย ตั๋วขายเมื่อไหร่ล่ะ?” ผู้เป็นพ่อถามด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ “ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้าขายเมื่อไหร่ผมจะมาบอกพ่อแล้วกัน” ลูกชายตอบ “อืมๆ”
พ่อของเขาปิดประตูหลังได้ยินคำตอบของลูกเขา เคฟกลับเข้าไปในห้องนอนแคบๆ มันเป็นห้องนอนที่เขานอนตั้งแต่เด็กจนโต บนกำแพงมีโปสเตอร์นักมวยปล้ำมากมายติดอยู่ มีทั้งนักมวยปล้ำในสหรัฐอเมริกาและนักมวยปล้ำจากประเทศญี่ปุ่น ชายหนุ่มตรงไปยังคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของเขาที่ตั้งติดอยู่กับหน้าต่าง ในตอนนี้เขาไม่เห็นว่าภายนอกเป็นเช่นไร เพราะผ้าม่านปิดหน้าต่างอยู่ เคฟนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกโทรมๆ เขาเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา ไม่นานคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ก็ถูกบูสขึ้น เมื่อคอมพิวเตอร์พร้อมจะทำงานแล้ว เขาใช้มือของเขาจับไปยังเม้าส์สีดำและเลื่อนมันไปคลิกเข้ากับไอค่อนอินเตอร์เน็ต เวปไซต์แรกที่เข้าไปคือสื่อสังคม มันเป็นสิ่งที่เขาทำเป็นประจำ เมื่อหน้านิวฟี้ดซ์ปรากฏขึ้นมาสิ่งแรกที่ขึ้นมาคือวิดีโอตัวหนึ่ง ภาพที่ถูกหยุดไว้เป็นชายใส่หน้ากากหมาป่าสีดำยืนอยู่ ผู้โพสวิดีตัวนี้มาจาก “แบงคอก โปรเรสริ่ง” ลูกศรสีขาวเลื่อนไปก่อนจะกดลงตรงกลางของวิดีโอ
วิดีโอเริ่มจากโลโก้ของสมาคมสั้นๆ เมื่อภาพของโลโก้ถูกตัดไป ภาพของเวทีที่ว่างเปล่าก็ปรากฏขึ้นมา มันเป็นเวทีเดียวกันกับที่พวกเขาใช้ฝึกซ้อม ไม่นานก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาในเฟรมกล้อง ร่างกายของเขาดูแข็งแรงตามภาษานักมวยปล้ำ เขาสวมหน้ากากหมาป่าสีดำ หน้ากากดูน่ากลัวและดูน่าเกรงขาม เคฟนั่งเดาว่าชายที่สวมใต้หน้ากากนี้เป็นใคร สำหรับแฟนมวยปล้ำบางคนมันก็เป็นเรื่องสนุกที่จะเดาว่าใครเป็นคนที่อยู่ใต้หน้ากากนั่น และเคฟก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อเคฟได้คำตอบเขาก็อุทานออกมา
“พี่นาวิน?” เคฟอุทานออกมา “ชั้นเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง....” เสียงในวิดีโอเล่นขึ้นมา มันเป็นเสียงอันแสนจะเย็นยะเยือกของชายผู้สวมหน้ากากหมาป่า “ชั้นเคยยืนอยู่หน้ายมบาลในนรกมาแล้ว ชั้นเคยเปร่งวาจาต่อผู้ควบคุมวิญญาณมาแล้ว” ชายคนเดิมพูดต่อด้วยน้ำเสียงแบบเดิม “แต่นรกไม่ยอมรับชั้นไว้ พวกมันกลัว พวกมันสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งในตัวของชั้น” ชายสวมหน้ากากผู้นี้ใช้นิ้วชี้ไปยังร่างของตัวเอง
“ชั้นคือโอดิน ชั้นความมืด และชั้นก็มาถึงที่ แบงคอก โปรเรสริ่งแห่งนี้แล้ว” “จะเป็นใครก็ตาม จะเป็นซาวาชิโระหรือใครหน้าไหนก็ตาม ชั้นจะสอนให้พวกแกได้รู้สึกถึงความเจ็บปวด”
วิดีโอถูกตัดไปแต่เพียงเท่านี้ เคฟได้แต่นั่งจ้องมองวิดีโอที่จบลงด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“สุดยอดไปเลยพี่นาวิน วันเดียวคิดได้ขนาดนี้เลยหรอ?” เคฟกล่าวชื่นชมคนเดียวเงียบๆ “แต่พี่นาวินเป็นคนที่มีขนาดตัวใหญ่อยู่แล้ว ก็คงไปกับคาแร็คแบบนี้ได้อยู่แล้วล่ะ” ชายที่พึ่งพูดวิดีโอจบพูดต่อ “แล้วเราจะเป็นอะไรดีนะ?” เคฟเอามือเท้าคาพร้อมกับจ้องมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ “เอาเถอะ เรายังมีเวลาคิดอีกหลายวัน จนกว่าจะซ้อมครั้งหน้า เราคงคิดอะไรได้แหละ” เคฟมองโลกในแง่ดี
เนื่องจากมวยปล้ำยังไม่ใช่อาชีพประจำ จึงทำให้การเป็นนักมวยปล้ำเป็นเหมือนอาชีพเสริมเท่านั้น ดังนั้นแล้วการฝึกซ้อมจึงไม่ได้มีทุกวัน แต่บางทีถ้าซักวันมวยปล้ำสามารถกลายเป็นอาชีพหลักได้ มันคงเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมไม่น้อยสำหรับวงการมวยปล้ำไทย
=====
เคฟในเสื้อเชริต์สีขาวกางเกงขาสั้นสีดำ ผมของเคฟสั้นเกรียนเป็นการบ่งบอกว่าเขาเป็นนักเรียนชั้นมัธยม เขานั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งพร้อมกับกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ ร้านอาหารที่เขานั่งเป็นร้านอาหารตามห้องแถว มันไม่มีเครื่องปรับอากาศคอยไล่ความร้อน มีเพียงแต่พัดลมที่หมุนอยู่เหนือศีรษะของเขาเท่านั้น ผนังของร้านถูกทาด้วยสีเขียว สีของมันไม่ได้สด แต่กลับซีดลงไปตามกาลเวลา ครัวถูกตั้งอยู่หน้าร้าน ซึ่งถูกคุมด้วยพ่อครัวที่มีเชื้อสายจีนยืนปรุงอาหารอยู่ บนโต๊ะพลาสติกสีน้ำเงินมีชามก๋วยเตี๋ยวสี่ชามวางอยู่ ในชามค่อนข้างว่างเปล่า เพราะอาหารในชามถูกกินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่เคฟและเพื่อนๆของเขากำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เคฟก็ก้มลงมองนาฬิกาข้อมูลที่เขาใส่ไว้ในแขนข้างซ้ายของเขา
“งั้นชั้นขอตัวก่อนนะ ชั้นต้องไปดูมวยปล้ำ” เคฟพุดพร้อมกับหยิบกระเป๋าจากพื้นขึ้นมา “มวยปล้ำอีกแล้วหรอวะ? เห้ย เคฟถามจริงเหอะ ทำไมนายชอบมวยปล้ำวะ?” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายปนสงสัย “นายก็รู้ว่ามันเป็นการแสดงไม่ใช่หรอ?” เพื่อนคนเดิมพูด
คำถามข้อนี้ทำให้เคฟหยุด เขาหันกลับมามองหน้าผู้ถาม
“ก็รู้แหละว่ามันเป็นการแสดง” เคฟตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “แต่ชั้นรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นน่ะ ชั้นรู้สึกว่ามวยปล้ำมันให้พลังชั้น มันสร้างแรงบันดาลใจให้กับชั้น” เคฟตอบด้วยแววตาที่ระยิบระยับไปด้วยประกาย
เพื่อนของเขาไม่ได้ขัดอะไร และรอคอยคำตอบของเพื่อนตัวเอง
“พวกนักมวยปล้ำลุกขึ้นมาทุกครั้งแม้ว่าจะได้รับความเจ็บปวดขนาดไหน พวกเขาจะสู้จนกว่าจะจบ ชั้นว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดมากเลยล่ะ” เคฟยิ้มอ่อนหลังจบประโยค “ทุกครั้งที่ชั้นกำลังรู้สึกแย่หรือท้อ ชั้นก็จะดูมวยปล้ำเพื่อช่วยให้กำลังใจชั้นน่ะนะ” “จะว่าไปนายก็เคยบอกว่า นายอยากเป็นนักมวยปล้ำนี่?” เพื่อนอีกคนในโต๊ะถาม “อื้ม” เคฟตอบรับโดยไร้ซึ่งความลังเลเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาของเคฟเปิดขึ้นมาช้าๆ แสงอรุณพยายามจะสาดส่องเข้ามาแต่มันถูกบดบังด้วยผ้าม่านสีฟ้า เคฟนั่งลงบนเตียงและหันไปมองนาฬิกาปลุก มันเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก่อนที่นาฬิกาจะเริ่มดังขึ้น เคฟใช้นิ้วของเขาปิดสวิตซ์ของนาฬิกาปลุกเพื่อไม่ให้ส่งเสียงอะไรเมื่อถึงเวลาปลุกของมัน เขานึกถึงความฝันที่เขาเห็นเมื่อกี้ เขาจำไม่ได้เลยว่าเหตุการณ์นั้นเคยเกิดขึ้นเมื่อไหร่ กระนั้นแล้วสิ่งที่เขาได้ยินมันก็ยังคงตราตรึงในหัวใจของเขา บางทีเขาอาจจะพบแล้ว พบตัวตนของเขาแล้ว
=====
“โดยสรุปแล้ว คาแร็ควิหคของผมคือสายลับที่นอกจากจะมีความพลิ้วไหวแล้ว” “ก็ยังมีความทะเล้นอยู่ในตัวด้วย ซึ่งตัวของวิหคก็จะไม่ใช่ทั้งธรรมะและอธรรมแต่เป็นเหมือนกับคาแร็คเตอร์ประเภทที่อยากทำอะไรก็ทำ” ฮันยืนพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
เขายืนอยู่ท่ามกลางผู้ฝึกซ้อมมวยปล้ำหลายคนที่นั่งอยู่บนพื้นสีฟ้าของห้องซ้อม เว้นเสียแต่ซาวาชิโระที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามพวกเขา ในขณะฮันกำลังพูดกิ๊ฟก็แปลสิ่งที่ออกมาจากปากของฮันให้กลายเป็นภาษาที่ชายชาวญี่ปุ่นเข้าใจ นักมวยปล้ำจากแดนปลาดิบพยักหน้าอยู่เรื่อยๆแสดงให้เห็นกิ๊ฟเห็นว่าเขาเข้าใจในสิ่งที่เธอแปล เมื่อฮันพูดจบคนอื่นๆก็ต่างปรบมือให้กับฮันที่พึ่งนำเสนอคาแร็คเตอร์ของเขาเสร็จ ใบหน้าของซาวาชิโระดูพึงพอใจกับสิ่งที่ฮันเสนอออกมา ฮันนั่งลงไปบนพื้นข้างๆกับเคฟ เมื่อฮันนั่งลง ซาวาชิโระก็เปร่งเสียงออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่น น้ำเสียงเขาดูเรียบเฉย เมื่อซาวาชิโระพูดจบลง กิ๊ฟก็เริ่มแปลสารที่ออกมาจากเจ้านายเธอ
“คุณซาวาชิโระพูดว่าอีเว้นต์แรกของเรา ได้สถานที่จัดแล้ว เป็นฮอลล์เล็กๆจุได้ประมาณ 200 คน” “โดยเราจะขายตั๋วในราคา 200 บาท” กิ๊ฟพูด
ในกลุ่มนักมวยปล้ำฝึกหัดมีคนหนึ่งยกมือขึ้นมา เขาเป็นชายที่ย้อมผมสีบลอนด์ ใบหน้าของเขาเรียกได้ว่า “หล่อ” อาจจะดูดีกว่าดาราบางคน ร่างกายของเขาไม่ได้ดูกำยำแบบคนอื่นๆ แต่แม้เขาจะไม่ได้ดูกำยำ เขาก็ยังดูแข็งแรงกว่าคนทั่วไป เมื่อซาวาชิโระเชิญให้เขาพูด ชายคนนี้ก็ลุกขึ้นมาจากพื้นเบาะสีน้ำเงินและพูดขึ้น
“แบบนี้พวกเราไม่ขาดทุนหรอครับ?” ชายคนนี้เอ่ยปากถาม
กิ๊ฟหันไปแปลสิ่งที่ชายผมบลอนด์คนนี้พูด ซาวาชิโระโต้ตอบกลับมาเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งแน่นอนว่ากิ๊ฟก็เป็นตัวกลางระหว่างการสื่อสารของทั้งสอง
“เราจำเป็นต้องขาดทุนก่อน ถ้าหากเราตั้งค่าบัตรแพงมาก อาจจะไม่มีใครดูและเราคงต่อยอดการเปิดสมาคมที่นี่ได้ยาก” กิ๊ฟกล่าว “ขอบคุณมากครับ” ชายผมบลอนด์คนนี้นั่งลง “ถ้างั้นคนต่อไปเล่าคาแร็คเตอร์ต่อเลยดีกว่า...เคฟตาคุณ” กิ๊ฟแปลข้อความของชายชาวญี่ปุ่นต่อ
เมื่อถึงคิวของเคฟ เขาก็ลุกขึ้นมา ทุกสายตาในห้องจับจ้องไปที่เขา ดวงตาของซาวาชิโระและเคฟผสานเข้าด้วยกัน ดวงตาของชายชาวญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่าเขารอคอยและตั้งตาจะฟังในสิ่งที่เขาพูด
“เนื่องจากว่าตัวผมไม่ใช่คนที่ตัวใหญ่มาก คาแร็คที่ผมใช้ได้จึงค่อนข้างจำกัด” เคฟเกริ่นขึ้นมา “ตอนแรกๆผมก็ใช้เวลาคิดมากนะว่าผมควรจะเป็นอะไรดี แต่ท้ายที่สุดผมก็ได้คำตอบว่า” “ผมควรจะเป็นตัวของตัวเองครับ” เขาหยุดชั่วครู่เพื่อคิดคำพูดที่จะพูดต่อ
“ผมชอบมวยปล้ำเพราะมวยปล้ำสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นได้” “และผมก็อยากจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกันครับ” เคฟพูดด้วยรอยยิ้ม “แล้ว...ชื่อที่จะใช้คืออะไรหรอ?” กิ๊ฟถามคำถามขึ้นมา ซึ่งเป็นคำถามจากซาวาชิโระ “เคฟครับ” เคฟกล่าวชื่อของตัวเองด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ
และชื่อนี้คือชื่อที่ผมใช้ในการผจญภัยบนสังเวียนผ้าใบสีขาว
===== *ข้อมูลเพิ่มเติม* Zack Sabre Jr. นักมวยปล้ำชาวอังกฤษที่มีรูปร่างผอมมาก เมื่อเทียบกับนักมวยปล้ำคนอื่นๆ โดยสไตล์ของ Zack เป็นสายเทคนิคเพียวๆผสมกับลูกเตะที่หนักหน่วง ปัจจุบันตะเวนปล้ำไปทั่วโลก Kane นักมวยปล้ำ WWE ที่มีขนาดใหญ่ โดยเขาถือเป็นนักมวยปล้ำขึ้นชื่อมากในยุคประมาณ 1990 - 2010 ด้วยลุคที่ดูน่ากลัว , หน้ากากสีแดงที่โดดเด่น และปีศาจจอมทำลายล้างจึงทำให้ทุกคนจดจำเขาได้ง่าย
|
|
|
Post by gudomana on Jul 3, 2018 11:37:28 GMT
Match 2 : Final Countdown
เสียงดนตรีเล่นขึ้นมา มันเป็นดนตรีเรียบๆที่ไม่ได้มีความหวือหวาอะไร ดนตรีที่ถูกเล่นอยู่นั้นเป็นดนตรีที่ไม่มีลิขสิทธิ์และสามารถได้ยินได้เกือบทุกที่ เมื่อดนตรีจบลงก็มีเสียงของผู้ชายที่มีน้ำเสียงไม่ค่อยลื่นหูเท่าไหร่นักดังขึ้นมา มันไม่มีภาพ มีเพียงแต่เสียงที่ปรากฏขึ้นมา คุณภาพของเสียงไม่ได้มีคุณภาพที่สูงระดับสตูดิโอ แต่มันก็ดีพอที่จะฟังรู้เรื่องได้ และไม่ตะขิดตะขวงหูซักเท่าไหร่นัก
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่ ทูเค้าท์ เรดิโอ พบกับผมแอดมินฌอนอีกครั้งครับ” เจ้าของคลิปเสียงกล่าวขึ้น “ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีเหตุการณ์เกิดขึ้นในโลกของมวยปล้ำมากมาย แต่ว่าสิ่งนึงที่ผมอยากจะพูดถึงก่อน” “คือพรุ่งนี้ สมาคมมวยปล้ำในประเทศหรือแบงคอก โปรเรสริ่ง จะมีจัดโชว์ครั้งแรกอย่างเป็นทางการในบ้านเราครับ” ชายที่ฌอนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“โดยคู่เอกของรายการก็คือซาวาชิโระ เออิจิ เจอกับวิลสัน ทรัชนีล นักมวยปล้ำจากสหรัฐอเมริกา” “สำหรับคนที่ไม่คุ้นกับ วิลสัน ผมขออนุญาตอธิบายให้ฟังครับ”
“วิลสันเป็นนักมวยปล้ำที่ตระเวนปล้ำไปทั่วโลก ทั้งในญี่ปุ่น ในอเมริกา และในอังกฤษ” “โดยวิลสัน เคยเจอกับยอดฝีมือมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เอเจ สไตล์ , ซามี่ เซน หรือแม้กระทั่งเซธ โรลลิ่น ก็ตาม” ฌอนเล่าถึงคู่ต่อสู้ของซาวาชิโระ “ตามจริง ผมก็ค่อนข้างตกใจนะที่นักมวยปล้ำที่มีชื่อระดับหนึ่งในโลกมวยปล้ำจะมาปล้ำแต่วันพรุ่งนี้” “แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อได้เลยว่าแมทช์นี้น่าจะเป็นแมทช์ที่สนุก และสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆชาวไทยแน่นอน”
“แต่อีกคู่นึงที่น่าสนใจเหมือนกัน คือการเจอกันระหว่างนักมวยปล้ำหน้าใหม่ชาวไทยสองคน หรือก็คือ เคฟ กับ โอดิน” “หลายสัปดาห์ก่อน โอดินได้ปล่อยวิดิโอแนะนำตัวออกมาและสามารถดึงดูดแฟนมวยปล้ำชาวไทยได้หลายคน” “ซึ่งเชื่อว่านี่จะเป็นอีกแมทช์ที่หลายๆคนจับตาอย่างแน่นอน”
=====
เคฟนอนอยู่ในห้องที่มืด ร่างของเขาถูกวางไว้บนเตียงนุ่มๆที่เขาคุ้นเคย เครื่องปรับอากาศสีขาวปล่อยลมเย็นๆออกมาจากช่องของมัน มันเป็นคืนที่ร่างกายที่ล้าสามารถหลับได้พักผ่อนได้อย่างสบายๆ แต่ทว่าดวงตาของเคฟยังคงเปิดกว้าง เขาไม่สามารถข่มตาหลับได้ ดวงตาของเคฟมองความมืดมิดที่ปกคลุมไปทั่ว เสียงแอร์ที่ทำงานอยู่ มันกลับดูดังมากผิดปกติ แม้ตามจริงแล้ว มันจะเป็นระดับความดังที่เขาคุ้นเคย เคฟพลิกตัวบนเตียงเผื่อหวังว่าเขาจะสามารถข่มตาหลับลงไปได้ ทว่าเขาไม่สามารถทำได้ อะไรล่ะคือต้นเหตุที่ทำให้เขานอนไม่หลับล่ะ? คำตอบคือความตื่นเต้นที่ก่อตัวขึ้นมาร่างกายของเขา เพราะพรุ่งนี้จะเป็นก้าวสำคัญที่เขาได้เดินทางตามเส้นทางความฝันของเขา
“บ้าเอ้ย ทั้งๆที่คุณซาวาชิโระบอกให้นอนเยอะๆแล้วแท้ๆ แต่เรานอนไม่หลับซะงัน” เคฟพูดกับตัวเองในใจด้วยความหงุดหงิด “หลับซิ หลับซิ หลับซิ” เคฟพยายามสั่งตัวเอง
ทว่าแม้เขาจะตะโกนสั่งตัวเองในหัวมากขนาดไหน ดวงตาของเขาก็ยังคงเปิดอยู่ เคฟยอมแพ้และเหม่อมองเพดานห้องที่มืดมิด เขานึกย้อนไปในอดีต อดีตที่หลายคนเคยพูดว่า “นายน่ะเป็นนักมวยปล้ำไม่ได้หรอก ประเทศไทยไม่มีทางมีสมาคมหรอก” ตามจริงคนพวกนี้ก็ไม่ได้ดูถูกหรอก แต่อัตราส่วนที่สมาคมมวยปล้ำในประเทศไทยจะเกิดขึ้นมันน้อยมาก และยิ่งความนิยมมวยปล้ำในประเทศไทยที่ถดถอยลงเรื่อยๆ ประกายแสงแห่งความฝันของเขาก็ริบหรี่ลงเรื่อยๆ แต่กระนั้นแล้วประกายแสงนั้นก็โฉดช่วงขึ้นมาและเป็นเส้นทางที่ถอดยาวอย่างไปไม่รู้จบ
“หวังว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดีนะ” เคฟยิ้มออกมา
=====
“ติ๊ดๆ” เสียงนาฬิกาปลุกของเขาดังขึ้นมา
ชายผมดำลุกขึ้นมาจากเตียง มันเป็นเวลาหกโมงเช้า แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เขาตื่นไปโรงเรียน ร่างกายของเคฟยังคงรู้สึกเพลียและปวดเมื่อยจากการนอนไม่พอ แต่กระนั้นแล้วเขาก็ใช้มือของเขากดปิดนาฬิกาปลุก เคฟลุกขึ้นจากเตียงและปิดเครื่องปรับอากาศในห้อง เขารีบตรงไปยังห้องน้ำเพื่อชำระสิ่งสกปรกออกจากร่าง เมื่อเขาทำธุระเสร็จแล้ว ชายหนุ่มผู้นี้ก็หิ้วกระเป๋ากีฬาสีดำและเดินออกจากบ้าน มันเป็นช่วงเช้า พ่อแม่ของเขายังไม่ตื่นนอน เคฟพยายามเดินออกจากบ้านให้เงียบที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อไม่เป็นการปลุกพ่อแม่ของเขา เมื่อชายผมดำก้าวเท้าออกนอกบ้าน เขาก็เห็นรถจากประเทศญี่ปุ่นที่สามารถเห็นได้ตามท้องถนนจอดอยู่ สีของตัวถังเป็นสีเงิน เคฟเดินไปและเปิดประตูเข้าไปในรถสีเงินคันนี้
“อรุณสวัสดิ์” ฮันที่นั่งอยู่ตรงพวงมาลัยหันมาเคฟ “ไง” เคฟตอบกลับพร้อมกับเข้าไปนั่งยังเบาะหลังของรถ ก่อนที่เขาจะใช้มือปิดประตูรถ
เบาะหน้าข้างพวงมาลัยมีชายอีกคนนึงนั่งอยู่ด้วย เขาชายที่ย้อมผมสีขาวโพลน ทรงผมของเขาเป็นทรงผมที่ดูดีมีสไตล์ ใบหน้าของเขาดูทะเล้น อายุของเขาดูไล่เรี่ยกับฮันและเคฟ แต่ส่วนสูงของชายผู้นี้ถือว่าสูงกว่าเคฟมาก ชายผู้นี้หันกลับมาหาเคฟพร้อมกับกล่าวทักทายเหมือนกัน
“สวัสดีครับ พี่เคฟ” “อ้าว เล่ ติดรถมาด้วยหรอเนี่ย?” เคฟหันไปถามชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตน “ครับ พอดีบ้านผมกับพี่ฮันอยู่ใกล้กัน เลยติดรถมาด้วยกัน” ชายที่ชื่อเล่เล่าให้ฟัง
“ไม่ลืมอะไรนะ?” ฮันหามาถามเคฟ “ไม่ลืมแล้วล่ะ” เคฟตอบพร้อมกับเปิดกระเป๋าตัวเองอีกครั้ง
ล้อของรถหมุนไปข้างหน้า เสียงดนตรีจากวิทยุรถยนต์เล่นออกมา ในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางไปยังสถานที่จัดโชว์ แม้ในรถจะมีคนนั่งอยู่ถึงสามคนแต่ทั้งสามกลับเงียบสนิท ไม่มีใครพูดอะไรเลยจนไปถึงหน้าสถานที่จัดงาน มันเป็นอาคารสีขาวขนาดประมาณสองชั้น หลังคาของมันเป็นสีน้ำตาล สีของมันยังดูสด มันอาจจะเป็นฮอลล์ที่สร้างใหม่หรือมันอาจจะได้รับการทำนุบำรุงอย่างดี หน้าอาคารมีรถยนต์จำนวนหนึ่งจอดไว้อยู่แล้ว เมื่อฮันดับเครื่อง เหล่าผู้โดยสารก็หยิบสัมภาระของตัวเองและก้าวลงจากรถ หนุ่มทั้งสามตรงเข้าไปในอาคาร เมื่อทั้งสามเข้าไปสิ่งที่เจอก็คือกลุ่มเพื่อนนักมวยปล้ำที่ยืนอยู่กระจัดกระจายในหอประชุมที่ว่างเปล่า
“อรุณสวัสดิ์” ซาวาชิโระกล่าวทักทายกลุ่มชายสามคนด้วยภาษาไทยสำเนียงญี่ปุ่น “อรุณสวัสดิ์ครับ” ทั้งสามตอบรับพร้อมกัน
เหล่าเด็กฝึกที่ยืนอยู่ก็ต่างกล่าวทักทายซึ่งกันและกัน ทว่าในขณะที่เคฟยืนรวมกลุ่มกับเพื่อนเขา เขาก็สังเกตได้ว่ามีคนนึงยังไม่มา เมื่อความคิดนี้ถูกผุดขึ้นมา ประตูเบื้องหลังของเขาก็เปิดออก ทุกคนหันไปและเห็นชายหญิงคู่นึงเข้ามาในห้อง ชายที่เข้ามาเป็นชายที่ย้อมผมสีทราย แต่เพราะใบหน้าที่หล่อเหลาสไตล์เอเชียทำให้รู้ว่าเขาไม่ใช่ชายต่างชาติ การแต่งตัวของชายคนนี้ดูเนี๊ยบกว่าคนอื่นๆในหอประชุมนี้มาก เพราะเหล่าเด็กฝึกส่วนใหญ่จะใส่เสื้อยืดและกางเกงขาสั้น ส่วนหญิงที่เดินนำหน้าเขามานั้นคือ “กิ๊ฟ” หรือผู้จัดการทั่วไปของสมาคม ใบหน้าของกิ๊ฟดูหงุดหงิด ฝีเท้าของเธอดูเร่งรีบ
“หนูก็บอกพี่คิมแล้วใช่ไหมว่า ไม่ต้องแต่งตัว ไม่ต้องแต่งตัว เดี๋ยวเราจะสายเอา” หญิงสาวคนนี้บ่นกับพี่ชายตัวเองด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ถ้าหนูไม่มาตามพี่คิมป่านนี้เราสายแล้วนะ” กิ๊ฟบ่นต่อ “แต่คนหล่อๆอย่างพี่จะไม่แต่งตัวก็ไม่ได้ไง” ชายที่ชื่อคิมตอบอย่างไร้ซึ่งความสำนึกผิด
“เอ่อ อรุณสวัสดิ์” ซาวาชิโระกล่าวอรุณสวัสดิ์ขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงที่ไม่หนักแน่นเท่าไหร่ “อ๊ะ อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณซาวาชิโระ” กิ๊ฟตอบรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มต่างจากเมื่อครู่นี้
กิ๊ฟยืนข้างชายชาวญี่ปุ่น ซาวาชิโระผู้น่าเกรงขามมองไปรอบๆก่อนที่เขาจะพูดออกมา
“วันนี้น่าจะเป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งของพวกเรา วันนี้จะเป็นวันที่เราสร้างตำนานให้กับวงการมวยปล้ำไทย” ผู้จัดการทั่วไปเริ่มแปล “วันนี้คุณซาวาชิโระก็ตื่นเต้นเหมือนกับทุกคน เพราะเขาก็อยากจะร่วมสร้างตำนานไปพร้อมกับทุกคน” “แต่ว่าก่อนที่เราจะเริ่มสร้างตำนานได้ เราจะต้องสร้างเวทีขึ้นมาก่อน” “คุณซาวาชิโระ อยากให้ทุกคนช่วยกันตั้งเวทีขึ้นมา เพื่อที่จะให้รับรู้ถึงจิตวิญญาณของผืนสังเวียน”
เมื่อรถขนอุปกรณ์นำวัสดุมาส่งที่ เมื่อวัสดุมาส่ง เหล่านักมวยปล้ำฝึกหัดก็ต่างช่วยกันตั้งสังเวียนขึ้นมา ซาวาชิโระคอยคุมการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด ไม่นานเวทีก็เสร็จสิ้น มันตั้งอยู่ตรงกลางเก้าอี้จำนวนมาก เหล่านักมวยปล้ำฝึกหัดก้าวขึ้นไปบนเวทีก่อนจะวิ่งไปและเด้งเชือก มันก็เป็นการทดสอบว่าเชือกแข็งแรงพอที่จะยึดระหว่างมุมไหม มันเป็นส่วนสำคัญมากในการตรวจความปลอดภัย เพราะถ้าหากเชือกหลุดออกระหว่างที่มีใครกำลังเด้งเชือกอยู่ มันคงเป็นอะไรที่อันตรายไม่น้อย โชว์จะเริ่มในเวลา 4 โมงเย็น อีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นก่อนที่การต่อสู้แรกของเขาจะเริ่มขึ้น
=====
เคฟนั่งอยู่ในห้องแต่งตัว เขาอยู่ในกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินที่ยาวคลุมหัวเข่าของเขา เคฟสวมเสื้อยืดสีขาวที่มีชื่อสมาคมพิมพ์อยู่ เขานั่งก้มมองพื้นปูนสีขาว มือไม้ของเขาสั่นไปด้วยความตื่นเต้น หูของเคฟได้ยินเสียงของเหล่าคนดูที่เริ่มทยอยกันเข้ามาในสนาม คนอื่นๆที่อยู่ในห้องแต่งตัวแห่งนี้ก็มีปฏิกิริยาที่ต่างกัน อย่างเล่ก็กำลังวอร์มอัพอยู่กลางห้อง หรืออย่างชายหน้าหล่อที่ชื่อว่าคิมก็กำลังใช้มือถือของเขาเพื่อดูใบหน้าของตัวเอง
“คนดูมากันเต็มเลย” ฮันพูดในขณะที่เขาเปิดผ้าม่านออกไปเพื่อชะโงกดูคนดู “เสื้อของสมาคมขายดีแฮะ” ฮันบรรยายต่อในขณะที่เขามองกิ๊ฟกำลังยื่นเสื้อสีขาวแบบที่เคฟใส่ให้กับคนดู “ฮัน นายไม่ตื่นเต้นบ้างเลยหรอ?” เคฟเงยหน้าขึ้นมาถามเพื่อนเขา
“ก็ตื่นเต้นแหละ ตอนนี้ชั้นพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ชั้นไม่รู้สึกตื่นเต้นอยู่” ฮันปิดม่านและหันกลับมาพูดกับเคฟ “เช่นสนใจทุกให้มันทุกอย่าง ให้ลืมไปว่าชั้นกำลังจะขึ้นปล้ำ” ฮันพูดต่อ “ตอนนี้ชั้นโคตรตื่นเต้นเลย” เคฟเล่าความรู้สึกของตัวเองฟัง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน มีชายคนหนึ่งมานั่งข้างๆเคฟ เขาชายผมสีบลอนด์ ผิวของเขาขาวเผือกแบบฝรั่ง ร่างกายของเขาดูแข็งแรง ดูจากใบหน้าของเขาแล้ว อายุของเขาคงแตะเลขสาม ชายคนนี้คือ “วิลสัน ทรัชนีล” นักมวยปล้ำต่างชาติที่ถูกเชิญให้ขึ้นปล้ำในโชว์แรกของแบงคอก โปรเรสริ่ง
“ตื่นเต้นหรอ?” ชายชาวต่างชาติคนนี้ถามเป็นภาษาอังกฤษ “อ่าครับ ตื่นเต้นมากเลย” เคฟตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษเช่นเดียวกัน “ฮ่ะๆ ชั้นเข้าใจอยู่แหละ ชั้นเองก็จำได้ว่าวันแรกที่ชั้นขึ้นปล้ำ ชั้นก็ตื่นเต้นแบบนี้นั่นแหละ” วิลสันหัวเราะพร้อมกับเล่าประสบการณ์ของตัวเอง
“แล้วคุณวิลสัน ทำยังไงให้หายตื่นเต้นล่ะครับ?” เคฟถามด้วยความสนใจ “ชั้นก็ไม่ได้หายตื่นเต้นจนกว่าจะขึ้นเวทีนั่นแหละ แต่ว่าพอขึ้นเวทีแล้ว ความตื่นเต้นมันก็จะหายไปเองแหละ” วิลสันให้คำแนะนำ “แบบนี้นี่เอง...ว่าไปคุณวิลสัน จะเสียมารยาทไหม ถ้าผมขอถามคุณวิลสันว่าทำไม คุณถึงมาปล้ำที่สมาคมนี้น่ะ?” เคฟถามต่อ
“คนที่แนะนำชั้นให้กับสมาคมในประเทศญี่ปุ่นก็คือคุณซาวาชิโระนั่นแหละ” “แถมวีซ่าก็เป็นคุณซาวาชิโระช่วยชั้นไว้ พูดง่ายๆว่าชั้นติดหนี้บุญคุณซาวาชิโระตั้งมากมายเลยล่ะ” วิลสันเล่าให้ฟัง “เคฟ อีกสามสิบนาทีโชว์จะเริ่มแล้วนะ” กิ๊ฟชะโงกหน้าเข้ามาหลังฉากก่อนจะพูดกับเคฟ “โอเค เข้าใจล่ะ” เคฟพยักหน้า
เคฟหันไปมองอีกด้านหนึ่งของห้องแต่งตัว เขาเห็นชายที่สวมหน้ากากหมาป่านั่งอยู่ เขาสวมกางเกงขายาวสีดำและเสื้อกล้ามสีเดียวกัน ดวงตาที่ใต้หน้ากากดูแน่วแน่ ดูไร้ซึ่งความกังวล ราวกับว่าเขาผ่านการต่อสู้มาแล้วนับล้านครั้ง ต่างกับเคฟที่เพียงแค่มองก็เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังกังวล เวลาเดินไปเรื่อยๆ จนเหลืออีกเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ก่อนที่แมทช์แรกจะเริ่มขึ้น ซาวาชิโระที่สวมเสื้อยืดของสมาคมและกางเกงในมวยปล้ำสีดำเรียกเคฟและหมาป่าสีดำนามโอดินเข้ามา ผู้ที่ถูกเรียกทั้งสองตรงไปยังชายที่เรียกพวกเขา ซาวาชิโระใช้ฝ่ามือที่กว้างใหญ่ของเขาจับไปยังหัวไหล่ของลูกศิษย์เขาทั้งสอง
“สู้ๆ” เขาพูดเป็นภาษาไทยสั้นๆเพื่อให้กำลังใจทั้งสอง “ครับ!!” หนุ่มทั้งสองตอบพร้อมกัน
เพลงเปิดตัวของเคฟถูกเปิดขึ้น ชายหนุ่มผมดำสูดอากาศเข้าไปในปอดของเขา เคฟใช้มือแหวกผ้าม่านออกและเดินออกไป เคฟเห็นแฟนๆราวสองร้อยคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกที่ทางสมาคมจัดไว้ให้ แม้แฟนๆเหล่านี้จะไม่รู้จักเขา แต่พวกเขาก็ยื่นมือมายังเคฟ เพื่อให้เคฟได้สัมผัสมือกับพวกเขา ในโลกของมวยปล้ำมันเป็นทำเนียมการให้กำลังใจอย่างนึง เคฟใช้มือของเขาสัมผัสกับมือของเหล่าแฟนๆที่ยื่นมาตลอดทาง เมื่อถึงบันไดเปิดตัว เขาก็ไต่บันไดเพื่อขึ้นเวที เสียงของผู้ประกาศที่ยืนอยู่ในเวทีดังขึ้น เมื่อเคฟเข้าไปอยู่ในเวทีสี่เหลี่ยมแห่งนี้
“แมทช์นี้เป็นการสู้กันแบบหนึ่งยก!! น้ำหนัก 59 กิโล!! เคฟ!!” ผู้ประกาศกล่าวแนะนำนักมวยปล้ำท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนๆในสนาม
เคฟยืนรอที่มุม ในขณะที่เพลงเปิดตัวของเขากำลังถูกหรี่ลงไป เพลงเปิดตัวอีกเพลงก็ดังขึ้นมา มันเป็นเพลงเปิดตัวที่ดูน่ากลัว เสียงเชียร์ของคนดูดังขึ้นมา ชายสวมหน้ากากหมาป่าก้าวเดินออกมาจากหลังฉาก แฟนๆยื่นมือเพื่อหวังจะให้กำลังใจและทักทายเขา ทว่าชายผู้อยู่ใต้หน้ากากหมาป่าเมินมือพวกนั้น เขาก้าวขึ้นเวทีไปพร้อมกับมองหน้าของเคฟ เขาปล่อยออร่าแห่งความน่ากลัวออกมา มันทำให้แขนขาของเคฟสั่นไปหมด ตลอดชีวิตนี้เคฟไม่เคยรู้สึกว่าการขยับร่างกายของเขามันเป็นเรื่องยากขนาดนี้มาก่อน
“ส่วนคู่ต่อสู้ของเขา!! น้ำหนัก 87 กิโลกรัม!! โอดิน!!” ผู้ประกาศคนเดิมประกาศ
เพลงเปิดตัวของชายคนนี้ถูกปิดลง เหลือเพียงแต่เสียงเชียร์ของแฟนๆที่ตะโกนขึ้นมาบนเวที เคฟรวบรวมความกล้าและเดินเข้าไปหาชายที่สวมหน้ากากหมาป่าที่ยืนอยู่กลางเวที
“เก๊ง” เสียงระฆังถูกตีขึ้นมาเป็นสัญญาณว่าการต่อสู้ของพวกเขาได้เริ่มขึ้นแล้ว
===== ข้อมูลเพิ่มเติม
|
|
|
Post by gudomana on Jul 5, 2018 12:06:40 GMT
Match 3 : Fight
ข้างเวที มีชายร่างกายกำยำคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่เบื้องหลังโต๊ะไม้ ใบหน้าของเขาดูดุร้าย บนศีรษะของเขาไร้ซึ่งเส้นผม รอบคางมีหนวดสีน้ำตาลอยู่ ในมือของถือไมค์อยู่ด้วย เขาพูดใส่ไมค์ในมือและเสียงดังผ่านลำโพงที่ติดอยู่ที่มุมของหอประชุม
“สวัสดีครับ ผมชื่อจอร์จ ริม...ผมเป็นอดีตนักมวยปล้ำที่เคยปล้ำที่ประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว” “และวันนี้ผมก็จะมารับหน้าที่เป็นผู้บรรยายครับ” ชายหัวล้านคนนี้กล่าวแนะนำตัวด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำของเขา
เสียงของเขาอาจจะไม่เหมาะกับการเป็นผู้บรรยายมากที่สุด แต่ด้วยความรู้ที่แน่นหนาของเขาจึงทำให้เขาได้รับตำแหน่งนี้ไป ทุกสายตาในตอนนี้กำลังจับจ้องไปบนเวที ชายสองกำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่ ทั้งสองเริ่มประมือกัน ด้วยพละกำลังของโอดินที่มากกว่าจึงดันเคฟไปติดมุมได้อย่างง่ายดาย กรรมการทำหน้าที่ด้วยการสั่งให้โอดินแยกออก ทว่าโอดินใช้แรงผลักกรรมการล้มลงไป กรรมการหลังกระแทกกับพื้นเวที แฟนๆในสนามต่างส่งเสียงโห่ด้วยความไม่พอใจ โอดินจับแขนของเคฟและเหวี่ยงเข้าใส่อีกมุม หลังของเคฟกระแทกกับมุมสีดำ ชายสวมหน้ากากวิ่งไปด้วยความเร็วสูงพร้อมกับใช้ร่างของเขากระแทกเข้าใส่ชายหนุ่ม
“โอดิน โชว์ความดุดันตั้งแต่ต้นแมทช์เลยครับ แม้โอดินจะเป็นคนตัวใหญ่ แต่เขาก็แสดงให้เห้นว่าเขามีความเร็วเหมือนกัน” “ดูครบเครื่องมากเลยครับ” จอร์จบรรยายและให้ความเห็นของตัวเอง
เคฟยังคงค้างอยู่ที่มุม เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในร่างของเขา โอดินลากเคฟออกมาจากมุม โอดินจับเคฟยกขึ้นมาก่อนจะจับฟาดลงไปกับพื้นเวที เสียงของแผ่นหลังเคฟกระแทกกับพื้นเวทีดังกึกก้องไปทั่วหอประชุม ชายสวมหน้ากากเด้งเชือกและกระโดดทิ้งขา ทว่าเคฟกลิ้งตัวหลบออกไป ก้นของโอดินกระแทกกับพื้นเวที เคฟรีบอาศัยจังหวะนี้วิ่งไปเตะเข้าใส่กลางอกของของโอดิน เสียงของแข้งเคฟกระแทกเข้ากับอกของโอดินดังก้องไปทั่วฮอลล์ พร้อมกับเสียงของคนดูที่ตอบรับกับแรงกระแทกที่กึกก้อง
“เคฟโต้ตอบได้เร็วมากครับจังหวะนี้...ตอนนี้เคฟก็ลากคอของโอดินขึ้นมาแล้ว” “ก่อนจะตบอกของโอดินไม่ยั้งเลยครับ จังหวะนี้ถือว่าต้องรีบฉวยโอกาส เพราะไม่รู้โอกาสจะกลับมาอีกเมื่อไหร่” ผู้บรรยายกล่าว
หลังจากที่เคฟรัว “Back Chop” ไปหลายครั้งแล้ว เขาก็เด้งเชือก โอดินยังไม่สามารถขยับได้นัก เพราะยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการโจมตีก่อนหน้านี้ เคฟกระโดดและใช้เท้าของเขาเกี่ยวคอของโอดิน ชายที่สวมหน้ากากหมาป่าโดนเกี่ยวคอไปกลิ้งตกเวที แฟนๆต่างปรบมือให้กับการกระโดดเกี่ยวคอของเคฟเมื่อครู่นี้ ชายผมดำกำมือพร้อมกับยิ้มด้วยความดีใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าในชีวิตนี้เขาจะได้ใช้ท่านี้เหมือนกับนักมวยปล้ำหลายๆคนที่เขาชื่นชอบ เคฟยังคงยืนอยู่บนเวที ในขณะที่โอดินใช้มือทุบขอบเวทีด้วยความหงุดหงิด โอดินเดินรอบเวทีเพื่อตั้งสติของตัวเอง เคฟไม่ละสายตาจากคู่ต่อสู้ของเขา
“โอดินถือว่าฉลาดมากเลยครับ กำลังมาตั้งหลักก่อนเพื่อเบรกโมเมนตั้มของเคฟ” จอร์จที่อยู่ข้างเวทีพูด
กรรมการนับไปเรื่อยๆ ถ้าหากกรรมการนับถึงเลขสิบ คนที่อยู่บนเวทีอยู่จะชนะแบบ “Count-Out” อย่างไรก็ตามบางทีจะนับถึงยี่สิบ ขึ้นอยู่กับทางสมาคม เมื่อกรรมการนับถึงเลขเจ็ดแล้ว โอดินก็กลิ้งกลับขึ้นเวที เคฟพุ่งตรงเข้าไปจะเล่นงานคู่ต่อสู้เขา ทว่าโอดินชักศอกสวนใส่หน้า คมศอกกระแทกใส่หน้าของเคฟ มันทำให้ผู้ถูกกระแทกถอยออกไป ภาพที่เขาเห็นเบลอไปชั่วขณะ เมื่อเขาได้สติอีกที เขาก็เห็นโอดินพุ่งตรงมาพร้อมกับใช้ท่อนแขนของเขากระแทกเข้าใส่คอเคฟ แรงกระแทกมันมากพอที่จะทำให้เคฟลงไปนอนกับพื้น โอดินใช้ร่างของตัวกดทับของเคฟเพื่อเป็นการกด กรรมการตรงมาก่อนจะเริ่มนับ
“1….2…”
เคฟยกไหล่ขึ้นมาก่อนที่เลขสามจะออกมาจากปากกรรมการ โอดินขึ้นคร่อมร่างของเคฟก่อนจะใช้กำปั้นของมันชกเข้าไปยังใบหน้าของเคฟ ปล่อยหมัดไปหลายหมัด กรรมการต้องรีบตรงเข้ามาแยกโอดิน เมื่อหมาป่าสีดำถูกตักเตือนเขาถอยออกไป เคฟที่ยังมึนๆอยู่คลานไปจับเชือกเพื่อใช้มันพยุงร่างของตัวเองขึ้นมา โอดินตรงไปและรวบเอวของเคฟ พยายามจะยกใส่ German Suplex ทว่าเคฟใช้มือของเขาจับเชือกไว้แน่น เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้เขาเล่นงานเขาได้ เคฟใช้ศอกของเขากระแทกใส่ท้องของโอดิน แรงกระแทกดันชายร่างยักษ์ให้ถอยออกไป เคฟวิ่งไปก่อนจะกระโดดขวางลำตัวกระแทกใส่เข้ากับโอดินเต็มๆ การกระแทกตัวของเคฟทำให้โอดินล้มลงไป เคฟนอนทับร่างของเขา กรรมการเห็นไหล่ของโอดินแตะที่พื้นจึงเริ่มนับ
“1....2....” “ยังครับ ท่านผู้ชม!!” จอร์จนับเลขตามกรรมการไปด้วย
เคฟถอยไปที่มุม โอดินลุกขึ้นมาจากพื้นช้าๆ เคฟวิ่งไปพร้อมกับกระโดดแทงเข่า ทว่าโอดินหลบได้อย่างง่ายดาย เข่าของเคฟสัมผัสกับเพียงอากาศเท่านั้น เท้าทั้งสองของเคฟสัมผัสกับพื้น เขาหันกลับมาเจอโอดินต่อยเข้าใส่ใบหน้า เคฟเซออกไป โอดินเตะเข้าใส่กลางหน้าท้อง เคฟงอลงไป โอดินจับเคฟยกใส่ซูเพล๊กซ์ ทว่าเคฟดึงกางเกงของคู่ต่อสู้เขาเพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้ของเขายกเขาขึ้นไปได้ โอดินล้มเลิกความพยายามก่อนจะศอกใส่หน้าของเคฟ ชายร่างเล็กเซออกไปหลังพิงกับเชือก ชายสวมหน้ากากหมาป่าวิ่งไปก่อนจะยกเท้าถีบใส่ใบหน้าของเคฟ เคฟที่ถูกถีบเข้าไปหงายจากเชือกเส้นที่สามและตกลงไปข้างล่างเวที หลังของเคฟกระแทกกับพื้นเบาะที่ถูกปูไว้บนพื้นรอบๆเวที โชคดีที่มีพื้นเบาะรองรับไว้ ไม่งั้นเขาคงเจ็บหนักไม่น้อย
“โอดินกลิ้งลงเวที กำลังตามไปเล่นงานเคฟที่กำลังลุกขึ้นมา” “โอดินสั่งให้คนดูแหวกเลยครับ ก่อนที่โอดินจะเหวี่ยงเคฟเข้าไปในกลุ่มเก้าอี้ครับ” จอร์จบรรยาย
ร่างของเคฟชนเข้ากับเก้าอี้พลาสติกที่ถูกวางไว้ให้คนดู เก้าอี้กระจัดกระจายจากการกระแทกของเคฟ โอดินตามไปลากคอของเคฟขึ้นมาและจับส่งขึ้นเวที เคฟใช้มือตัวเองดันจากพื้นขึ้นมา โอดินใช้มือของเขาทุบไปกลางหลังของเคฟ ชายที่ถูกกระแทกลงไปนอนระนาบกับพื้นอีกครั้ง โอดินไปถอยไปยืนที่มุม ดวงตาทั้งสองคู่ของมันเหมือนอสูรที่กำลังจะสังหารเหยื่อ เมื่อเคฟลุกขึ้นมาจากพื้น
“โอดินวิ่งไปหาเคฟก่อนจะจับใส่ Reverse Slingblade ครับ!! หรือท่านี้โอดินเรียกว่า Black Circle ครับ!!” จอร์จเริ่มขึ้นเสียงมาเพื่อสร้างความตื่นเต้น “โอดินลากคอของเคฟขึ้นมาล็อคคอก่อนจะเตรียมจับใส่ Dancing with The Devil ครับ” จอร์จพูดต่อ
โอดินล็อคคอของเคฟ ทว่าเคฟดิ้นหลุดออกมาก่อนที่เขาจะใช้ท่อนแขนกระแทกใส่หน้าของโอดิน เคฟกระโดดเข่าใส่คางของชายผู้สวมหน้ากาก เสียงเพี๊ยะดังกึกก้องไปทั่วสนาม โอดินทรุดลงจากการโดนกระแทกครั้งนี้
“โอดินถึงกับเข่าทรุดเลยครับ!! เคฟอาศัยจังหวะนี้จับโอดินใส่ Moonlight Drive เลยครับ!!” “หักคอของโอดินลงไปเต็มๆ เคฟรีบคลานไปกด!! กรรมการนับ 1....2...สะ...ยัง!!” จอร์จพูดอย่างรวดเร็ว แต่แม้เขาพูดรวดเร็ว ทุกคำศัพท์ที่ออกมาจากปากเขาก็ยังชัดถ้อยชัดคำ “สีหน้าของเคฟแสดงให้เห็นเลยครับว่าเขากำลังเจ็บใจอย่างมาก”
เคฟสลัดความเจ็บใจออกจากร่างตัวเองก่อนจะปีนขึ้นเชือกเส้นที่สาม เขายืนเหยียบบนมุมเล็กๆด้วยเท้าทั้งสองข้างของเขา ดวงตาของเคฟจับจ้องไปยังโอดินที่กำลังลุกขึ้นมาจากพื้น โอดินโซซัดโซเซลุกขึ้นมา เคฟกระโดดจากเชือกเส้นที่สามพร้อมกับผสานมือเข้าดันเตรียมจะทุบเข้าหลังศีรษะของโอดิน ทว่าโอดินเตะเข้าใส่หน้าท้องกลางอากาศ เคฟที่ถูกถีบงอลงไป โอดินจับล็อคคอพร้อมกับปักเคฟลงไปกับพื้นสังเวียน
“โอดินสวนกลับด้วย Dancing With The Devil ครับ!!” “โอดินกดเลย!! หนึ่ง สอง สาม!! เรียบร้อยครับ!!”
เสียงระฆังถูกตีขึ้นมา โอดินลุกขึ้นพร้อมกับกรรมการที่ชูมือให้เขา โอดินเดินลงเวทีด้วยแววตาที่เย็นยะเยือกราวกับไร้ความรู้สึก เมื่อโอดินเดินกลับไปกรรมการก็เข้ามาดูอาการของเคฟ เคฟพยุงตัวลุกขึ้นมาจากพื้นท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนๆ เคฟก้มหัวขอบคุณให้กับเหล่าคนดูพร้อมกับเดินกุมคอของตัวเองและเดินกลับหลังผ้าม่าน เมื่อเขาเดินกลับไป เขาก็ได้รับการต้อนรับจากเพื่อนคนอื่นๆที่ปรบมือให้กับเขาด้วยรอยยิ้ม นักมวยปล้ำหน้ากากหมาป่าเดินมาพร้อมกับยื่นมือไปหาชายหนุ่ม เคฟคว้ามือของเขาไว้พร้อมกับรอยยิ้ม
“นายสุดยอดมากเลยเคฟ” โอดินพูดหลังหน้ากากของเขา “พี่ก็สุดยอดเหมือนกัน” เคฟตอบกลับ
ชายชาวญี่ปุ่นตรงมาพร้อมกับจับไหล่ของนักมวยปล้ำหน้าใหม่ทั้งสอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภูมิใจเหมือนคุณพ่อที่เห็นลูกประสบความสำเร็จในชีวิต เขาไม่ได้อะไร แต่ดวงตาของเขาเขาก็สามารถแทนคำพูดได้หลายล้านคำพูด
=====
หลังจากที่เคฟอาบน้ำกลับมา คู่ที่สองก็กำลังดำเนินอยู่ เคฟยืนอยู่ข้างเวทีในฐานะคนคอยดูแลความปลอดภัยของแฟนๆกับนักมวยปล้ำ ตอนที่เขาปล้ำก็มีคนมายืนแบบนี้เช่นเดียวกัน แต่คนที่รับหน้าที่ในตอนที่เขาปล้ำคือนักมวยปล้ำที่ไม่มีคิวปล้ำในวันนี้ เมี่อเคฟออกมา มันก็เป็นแมทช์ที่สามของรายการแล้ว มันเป็นแมทช์ระหว่าง “วิหค” และ “ทาร์คมาสเตอร์” หรือก็คือ “ฮัน” และ “เล่” ซึ่งเป็นเพื่อนของเขา โดยวิหคสวมกางเกงขายาวสีดำ มันไม่มีลวดลายอะไรเลย ส่วนเล่ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ของฮัน สวมกางเกงขายาวสีขาว บนกางเกงมีลวดลายต่างๆมากมาย ทาร์คมาสเตอร์นอนอยู่บนพื้น ในขณะที่วิหคเด้งเชือก
“วิหคเด้งเชือกไปแล้วครับ ก่อนจะใช้เชือกสปริงตัวเพื่อลังกา Moonsault!!”
เคฟมองวิหคที่ลังกาตัว Moonsault ได้อย่างสวยงาม มันเป็นท่าที่ยากที่จะทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กฝึกหัดทั้งหลาย แต่วิหคในตอนนี้สามารถทำ Moonsault ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“แต่ว่าทาร์คมาสเตอร์ยกเข่าไว้ได้ครับ!!” จอร์จตะโกนออกมาในขณะที่เล่ยกเข่าขึ้นมาดัก
วิหคที่หน้าท้องกระแทกกับเข่าไปเด้งขึ้นมายืนกุมหน้าท้อง ทาร์คมาสเตอร์เห็นเช่นนี้รีบจับวิหคโยนลงข้างล่างเวที วิหคตกลงข้างล่างเวทีตามแรงเหวี่ยงของคู่ต่อสู้ ชายหนุ่มผมขาวปีนขึ้นเชือกเส้นที่สาม แฟนๆเริ่มฮือฮา และลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เหล่าผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยต่างยื่นมือกันไม่ให้เหล่าคนดูล้ำเข้ามาในอาณาเขตและได้รับบาดเจ็บ วิหคลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะเจอทาร์คมาสเตอร์กระโดดลงมาพร้อมกับขวางลำตัวใส่วิหคที่อยู่ข้างล่าง ร่างของชายผมขาวกระแทกใส่วิหคเต็มๆ แฟนๆต่างตะโกน “โฮลี่ ชิท” “โฮลี่ ชิท” กันอย่างยกใหญ่ ชายผมขาวจับวิหคส่งขึ้นเวทีก่อนตัวเองจะตามขึ้นไป ทาร์คมาสเตอร์จับวิหคแบกขึ้นบ่าของตัวเอง
“ทาร์คมาสเตอร์เตรียมจับใส่ End Task ครับ!!” ชายหัวล้านคนเดิมก็ยังคงทำหน้าที่ของเขาต่อไป “แต่วิหคดิ้นหลุดออกมาก่อนจะรวบกดเลยครับ!! หนึ่ง สอง สาม!! เรียบร้อยเฉย!!”
ชายหัวขาวกุมศีรษะของตัวเองด้วยความเหลือเชื่อ กรรมการลุกขึ้นมาพร้อมกับชูมือให้กับวิหค ทาร์คมาสเตอร์ลุกขึ้นมาจากพื้นเวทีและขึ้นมามองหน้าของวิหค กรรมการต้องตรงมาแยกทั้งสองออกจากกัน กระนั้นแล้วทั้งสองก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากจ้องหน้ากันและแยกย้ายกันกลับหลังฉาก โชว์ดำเนินมาได้เกือบชั่วโมงนึงแล้ว และคู่เอกที่หลายคนรอคอยก็มาถึง ดนตรีร็อคจากประเทศอเมริกันดังขึ้นมา วิลสันเดินออกมาจากผ้าม่านด้วยรอยยิ้มที่ยียวนกวนประสาท เขาเดินกางแขนตลอดทาง ท่ามกลางเสียงโห่ของคนดูที่นั่งอยู่ในสนาม เคฟที่ยืนอยู่ข้างสนามก็รู้สึกอัศจรรย์ว่าชายที่อ่อนโน้มหลังฉากสามารถกลายเป็นคนละคนได้เมื่อถึงเวลา วิลสันกลิ้งขึ้นเวทีไปพร้อมกับใช้เท้าเหยียบเชือกพร้อมกับชูมือขึ้นฟ้า ผู้ประกาศที่อยู่บนสนามคว้าไมค์ขึ้นมาก่อนจะพูดใส่ไมค์
“แมทช์นี้เป็นแมทช์หนึ่งยก!! อยู่บนเวที!! หนัก 79 กิโลกรัม...วิลสัน ทรัชนีล!!”
เสียงตอบรับของแฟนๆคือเสียงโห่ กระนั้นแล้วชายที่อยู่บนเวทีทำหน้ายินดีปรีดาราวกับเสียงโห่เป็นเหมือนเครื่องบรรเลงที่เพราะเสนาะหู ดนตรีอีกเพลงดังขึ้นมา เสียงเชียร์กึกก้องไปทั่ว ชายชาวญี่ปุ่นที่สวมผ้าคลุมสีดำเดินออกมา ผ้าคลุมของเขาคลุมศีรษะของเขาไว้ และยาวคลุมไปเกือบทั่วร่างของเขา บนหลังผ้าคลุมมีชื่อของเขาปักอยู่เป็นภาษาญี่ปุ่น ชายชาวญี่ปุ่นคนนี้เดินขึ้นบันไดเวทีไป
“และคู่ต่อสู้ของเขา หนัก 115 กิโลกรัม!! ซาวาชิโระ เออิจิ!!” ชายที่ถูกขานชื่อดึงฮู้ดที่คุมศีรษะของตัวเองลง ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนๆ
ซาวาชิโระจ้องหน้ากับวิลสันที่อยู่มุมตรงข้าม เมื่อกรรมการตรวจความเรียบร้อยแล้ว ระฆังก็ถูกตีขึ้น นักมวยปล้ำทั้งสองคนพุ่งเข้าใส่กันก่อนจะเริ่มตบใส่อกของอีกฝ่าย เสียงตบของทั้งคู่ดังกึกก้องไปทั่วฮอลล์ เคฟที่ยืนดูอยู่ข้างสนามรู้สึกเจ็บแทนนักสู้ทั้งสองที่ยืนอยู่บนเวที ผิวของทั้งคู่เริ่มกลายเป็นสีแดงจากการตบใส่กันอย่างไม่ยั้ง วิลสันเริ่มดูอ่อนแรงก่อนจากการแลกหมัด (หรือแลกตบ?) ครั้งนี้ วิลสันงอลงไปด้วยอกของเขาที่กลายเป็นสีแดงก่ำ ซาวาชิโระเห็นแบบนี้จึงเด้งเชือก เมื่อเขาเด้งกลับมาเขาก็กางแขนออกเตรียมใช้ท่อนแขนของกระแทกคอ ทว่าวิลสันก้มหลบได้ทัน ชายชาวญี่ปุ่นพลาดไป หันกลับมาเจอศอกของวิลสันกระแทกอัดใส่หน้า วิลสันจัดการใช้ศอกซ้ายศอกขวาสลับกันไปมา
“วิลสันอัดไม่ยั้งเลยครับ!! ซาวาชิโระโดนไปถึงกับหลังพิงเชือกเลย” จอร์จบรรยาย “วิลสันจับซาวาชิโระเด้งเชือก ซาวาชิโระเด้งกลับมาเจอวิลสันยกเท้าเตะใส่เต็มอกเลย” จอร์จพูดต่อ
ซาวาชิโระร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่เขาถูกเตะใส่กลางอกโดยวิลสัน
“วิลสันนี่เคยฝึกมวยไทยมาก่อนด้วยนะครับ ดังนั้นแล้วลูกเตะของวิลสันนี่น่ากลัวมาก” จอร์จเล่าเบื้องหลังของชายชาวอเมริกัน
วิลสันจับซาวาชิโระนั่งกลางเวทีก่อนจะใช้ศอกที่แหลมคมของเขากระแทกเข้าใส่คอของซาวาชิโระ วิลสันเล่นงานอย่างต่อเนื่องจนกระทั้งกรรมการเข้ามาห้าม วิลสันหยุดตามคำสั่ง ซาวาชิโระพยุงตัวขึ้นมาจากพื้น วิลสันถุยน้ำลายลงใส่ฝ่ามือตัวเองก่อนจะตบเข้าใส่หน้าของซาวาชิโระ เสียงโห่จากแฟนชาวไทยดังกึกก้องกับการกระทำอันไร้เกียรติของวิลสัน กระนั้นแล้ววิลสันไม่ได้สนใจ เขากลับเดินไปหาคนดูพร้อมกับกางแขนเพื่อยั่วโมโหคู เหล่าคนดูต่างชูนิ้วโป้งลงพื้นพร้อมกับส่งเสียงโห่เพื่อแสดงความไม่พอใจกับชายจากแดนลุงแซมผู้นี้ วิลสันหันกลับไปเจอซาวาชิโระตบอกใส่เต็มแรง เสียง “เพี๊ยะ” ดังก้องท่ามกลางเสียงเฮของคนดูและเสียงของแหล่งวิลสันกระแทกกับพื้นเวที
แมทช์ดำเนินต่อไปโดยเป็นทั้งสองที่แลกกันไปมา เมื่อทุกคนรู้ตัวมันก็ผ่านไป 15 นาทีแล้ว ซาวาชิโระแสดงอาการเหนื่อยออกมาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยอายุเลขสี่ ทำให้ร่างกายของเขารับการต่อสู้นานๆไม่ไหว ร่างของเขาอาบไปด้วยเหงื่อ ในขณะเดียวกันแม้วิลสันจะเหนื่อย แต่นอกจากอกที่แดงก่ำเป็นมะเขือเทศแล้ว สภาพของเขาดูดีกว่ามาก หลังของซาวาชิโระพิงไปที่มุม วิลสันสปีดมาอีกมุมก่อนจะกระโดดดร๊อปคิกใส่เต็มอกของซาวาชิโระ ชายชาวญี่ปุ่นเซออกมาพร้อมกับกุมอกของตัวเอง วิลสันหมุนตัวก่อนจะใช้ศอกของเขากระแทกใส่หลังศีรษะของชายชาวญี่ปุ่น
“เพี๊ยะ!!”
ชายชาวญี่ปุ่นลงไปนอนกับพื้น วิลสันรีบกระโดดออกไปขอบเวที เขาดึงสนับศอกของเขาเหมือนกับส่งสัญญาณอะไรซักอย่าง
“มาแล้วครับท่าประจำตัวของวิลสัน!! Deadly Rebirth ครับ”
ซาวาชิโระลุกขึ้นมาช้าๆ เมื่อวิลสันเห็นซาวาชิโระลุกขึ้นมา เขาก็สปริงตัวเข้าไปพร้อมกับง้างเตรียมใช้ท่อนแขนกระแทกใส่หน้าของซาวาชิโระ ทว่าชายชาวญี่ปุ่นหลบได้ วิลสันพลาดไปหันกลับมาเจอซาวาชิโระเหวี่ยงท่อนแขนใส่เต็มแรง เสียงของท่อนแขนกระแทกเข้ากับคอของชายชาวอเมริกันดังก้องไปทั่ว ร่างของวิลสันหมุนเป็นวงกลมก่อนที่หลังของเขาจะสัมผัสกับพื้น ซาวาชิโระลุกมาพร้อมกับคำรามเหมือนกับเป็นการรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายของเขา ซาวาชิโระลากคอของวิลสันขึ้นมา ก่อนจะวิ่งปักเอาคอของวิลสันลงไปกับพื้น ซาวาชิโระกด กรรมการนับ
“หนึ่ง สอง สาม!!” กรรมการนับเสร็จก็สั่งให้สั่นระฆัง
เสียงเชียร์ดังขึ้นมา ซาวาชิโระลุกขึ้นมาท่ามกลางความเสียงเชียร์ของแฟนๆ เขาขอไมค์จากทีมงาน ทีมงานรับไมค์มาจากจอร์จก่อนที่จะยื่นให้กับชายชาวญี่ปุ่น แฟนๆในสนามต่างตะโกนชื่อ “ซาวาชิโระ”
“ผมต้องขอบคุณทุกคนที่มาดูวันนี้” ซาวาชิโระพยายามพูดภาษาไทยออกมา “ผมรักพวกคุณทุกคน ขอบคุณมากๆครับ” ชายชาวญี่ปุ่นพูดสั้นๆ
เขาก้มให้กับคนดู แฟนๆต่างปรบมือให้กับชายชาวญี่ปุ่น ซาวาชิโระเดินลงไปพร้อมกับสัมผัสมือแฟนๆทุกคนในสนาม หลังจากนั้นโชว์ก็ถือว่าปิดม่านลงอย่างเป็นทางการ หลังจบโชว์ซาวาชิโระสั่งให้นักมวยปล้ำทุกคนช่วยกันเก็บเวทีและกล่าวขอบคุณแฟนๆที่มาดูโชว์แรกของสมาคม กระนั้นแล้วหากแฟนอยากจะขอถ่ายรูปด้วย ซาวาชิโระได้สั่งว่าห้ามปฏิเสธเป็นอันขาด ในขณะที่เคฟกำลังเก็บเวทีเขาก็มองโอดินที่มีคนต่อแถวจำนวนมาก ด้วยลุคของเขาที่ดูเท่จึงทำให้หลายคนอยากถ่ายรูปกับเขา รวมถึงซาวาชิโระที่เป็นเจ้าของค่ายก็ได้รับความสนใจจากแฟนๆเหมือนกัน
“เชื่อมะ ถ้ามีนักมวยปล้ำสาวๆปล้ำในสมาคมเรา คนจะต่อแถวเยอะแน่ๆ” ฮันที่ช่วยเคฟเก็บเวทีอยู่แสดงความเห็น “นั่นซินะ” เคฟตอบสั้นๆ “ขอโทษค่ะ คุณเคฟ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา
เคฟหันกลับไปเห็นผู้หญิงวัยกลางคนยืนอยู่หน้าเขา ในมือของเธอจูงมือเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก ดูอายุแล้วน่าจะประมาณ 7-8 ขวบ
“ลูกชายของชั้นดูแมทช์ของคุณและชอบคุณอยาก อยากจะขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ?” ผู้เป็นแม่ถาม “อ๊ะ ได้ซิครับ” เคฟตกใจเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบกลับ
ลูกชายของเธอเดินมาข้างๆชายหนุ่ม เคฟย่อตัวลงเพื่อให้ตัวเขาอยู่ในเฟรมรูปได้ แม่ของเด็กชายนับถอยหลังก่อนจะกดปุ่มถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพนี้ไว้
“อย่ายอมนะครับ พี่เคฟ!! ผมตามเชียร์พี่อยู่” เด็กคนนี้พูดกับเคฟด้วยรอยยิ้ม “อื้ม แน่นอนพี่ไม่ยอมแพ้อยู่แล้วล่ะ” เคฟตอบด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่ถ่ายรูปแล้ว แม่กับเด็กคนนี้ก็แยกทางกับเคฟ เคฟหันกลับไปหาเวที เขาเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไหลออกมาจากดวงตาของเขา มันเป็นน้ำตา น้ำตาแห่งความปลื้มปิติ
“เราทำได้” เคฟพูดกับตัวเองเบาๆพลางใช้มือของเขาปาดน้ำตา===== Moonlight Drive ที่เคฟใช้
|
|
|
Post by gudomana on Jul 7, 2018 8:27:44 GMT
Match 4 : Omen In The Sky
โชว์แรกผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พวกเขาได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนๆจำนวนมาก แม้เขาจะได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก พวกเขาก็ไม่ใช่สมาคมขนาดใหญ่ ไม่ได้มีเงินทุนหนามากนัก จึงไม่สามารถจัดโชว์ได้ทุกเดือนเหมือนอย่าง WWE ในตอนนี้ซาวาชิโระได้วางว่าโชว์จะจัดอย่างน้อยหนึ่งโชว์ต่อหนึ่งเดือน เวลาสองสัปดาห์ผ่านไปรวดเร็วราวกับโกหก พวกเขาเหลืออีกเพียงสองสัปดาห์เท่านั้นก่อนที่โชว์ต่อไปจะเริ่มขึ้น
“ต้า จับเชือกทุกครั้งที่เด้งด้วยซิ!!” ชายหัวล้านที่มีหนวดรอบคางอย่างจอร์จตะโกนขึ้นในขณะที่เขายืนบนขอบเวที
เนื่องจากจอร์จมีประสบการณ์มวยปล้ำมาก่อน ซาวาชิโระจึงทาบทาบให้เขามาเป็นครูฝึกของแบงคอก โปรเรสริ่งด้วย
“คะ ครับ!!” ชายที่ถูกเรียกว่าต้าขานรับด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว
เขาเป็นชายร่างอ้วน เขาไม่ใช่ชายสูง ความสูงของเขาประมาณเคฟเสียด้วยซ้ำ เขาสวมแว่นตาและมัดผมสีน้ำตาลของเขา เขาเด้งเชือกอยู่บนเวที พร้อมกับนักมวยปล้ำฝึกอีกคนที่เด้งเชือกไปด้านตรงข้าม มันเป็นการฝึกความแข็งแรงและฝึกความปลอดภัยในการเด้งเชือก ที่จอร์จบอกให้ชายที่ชื่อว่าต้าจับเชือกไว้ เพราะว่าในกรณีที่เชือกขาด คนเด้งเชือกจะไปตกแบบดิ่งลงกระแทกกับพื้นข้างล่าง จอร์จมองนาฬิกาจับเวลาที่เขาคล้องคอไว้ก่อนที่เขาจะกดปุ่มข้างบนเพื่อหยุดเวลา เสียงหยุดเวลาเป็นเหมือนสัญญาณสั่งให้ ต้าและนักมวยปล้ำอีกคนก้าวลงจากเวที นักมวยปล้ำอีกสองคนก้าวขึ้นมาบนเวที ทว่าก่อนการฝึกซ้อมจะเริ่มขึ้นประตูห้องซ้อมถูกเปิดออก กิ๊ฟและซาวาชิโระเดินเข้ามาในโรงยิมพร้อมๆกัน ทุกคนหันไปหาเจ้าของสมาคมพร้อมกับกล่าวทักทายเขาพร้อมๆกัน
“สวัสดี” ซาวาชิโระพูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม “คุณซาวาชิโระจะมาประกาศแมทช์การ์ดในโชว์อีกสองสัปดาห์น่ะ” กิ๊ฟพูดต่อจากซาวาชิโระ แม้ชายชาวญี่ปุ่นจะไม่ได้พูดก็ตาม
ทุกคนส่งเสียงฮือฮากันเล็กน้อย ทุกสายตาหันกลับมาหากิ๊ฟจนหมด ในมือของหญิงสาวผู้มีใบหน้าน่ารักมีแผ่นกระดาษที่ถูกหนีบไว้ ทว่าก่อนที่เธอจะเริ่มอ่านข้อความบนกระดาษ ใบหน้าของเธอก็เหมือนฉุดคิดอะไรขึ้นมาได้
“อ่อ ใช่...ชั้นมีเรื่องจะจ้างอีกนิดนึงน่ะ” “ในโชว์หน้า คุณซาวาชิโรจะไม่อยู่ที่สมาคมนะ” กิ๊ฟแจ้งข่าวร้ายให้กับทุกคน “เอ๋?!” ทุกคนอุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมๆกัน
“คุณซาวาชิโระต้องไปขึ้นปล้ำงานฉลองครบรอบสามสิบปีขึ้นปล้ำของ คุณมิโนรุ ซูซกิน่ะ” กิ๊ฟแจงเหตุผล “จริงด้วยซินะ คุณซาวาชิโระก็เคยเจอกับคุณมิโนรุมาหลายครั้งเหมือนกันนี่นา” เคฟพูดพลางกับใช้นิ้วชี้แตะคางตัวเองในขณะที่เขานึกถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว “แต่ผมเชื่อมั่นในตัวพวกคุณนะ” ซาวาชิโระแสดงความเชื่อมั่นในลูกศิษย์ของเขา
“ถ้างั้นชั้นจะอ่านแมทช์การ์ดแล้วนะ” กิ๊ฟพูดพร้อมกับก้มมองกระดาษในมือ “แมทช์แรก ต้า เจอกับ ล้าน”
ทุกคนปรบมือให้หลังจากที่ชื่อแรกที่ถูกประกาศ ใบหน้าของชายที่ชื่อว่าต้ายิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่กว้าง เพื่อนแถวนั้นของเขาตบบ่าของเขาเพื่อแสดงความดีใจต่อต้าที่จะได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกแล้ว
“จะว่าไป คุณล้านไม่ติดธุระวันนี้มาไม่ได้ซินะ ถ้างั้นเดี๋ยวชั้นจะแจ้งคุณล้านเองอีกทีก็แล้วกัน” กิ๊ฟพูดในขณะที่เธอมองกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนมากที่นั่งอยู่บนเวทีหรือไม่ก็ใกล้กับเวที “แมทช์ต่อไป แท็คทีมแมทช์ เคฟจับคู่กับฮัน เจอกับ คิมและเล่” กิ๊ฟพูดต่อ
เล่น ฮัน และเคฟ สามคนที่นั่งเรียงกันได้ยินชื่อของตัวเองก็มองหน้ากัน มันเป็นเรื่องดีที่กลุ่มเพื่อนได้ทำงานในแมทช์เดียวกัน คิมหันกลับมามองพวกเขา ใบหน้าของเขาดูนิ่งเฉย เขาไม่ได้ดูตื่นเต้นอะไรกับแมทช์นี้เท่าไหร่นัก แม้นี่จะเป็นแมทช์แรกของเขาเหมือนกันก็ตาม
“คู่ที่สาม อินทร์เจอกับวิลสัน” กิ๊ฟพูดต่อ
ชายร่างยักษ์ผู้มีใบหน้าคมเข้มและแข็งแกร่งพยักหน้าเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง เขาเป็นชายที่ผมสีดำ ใบหน้าของเขาดูมีอายุราวๆ สามสิบกว่าๆ ในกลุ่มของเด็กฝึกด้วยกันชายคนนี้ เป็นคนที่มีส่วนสูงมากที่สุด ด้วยส่วนสูงที่เกือบแตะสองเมตรของเขา
“สุดยอดลเลยแฮะ คุณซาวาชิโระเชิญคุณวิลสันมาได้อีกแล้ว” เล่พูดขึ้นมาเบา “ทั้งคู่สนิทกัน ก็อาจจะไม่แปลกเท่าไหร่ล่ะมั้ง” ฮันที่นั่งข้างๆตอบเบาๆ “จะว่าไปแบบนี้ใครคู่เอกล่ะ?” เล่เปลี่ยนคำถาม “ส่วนคู่เอก” กิ๊ฟพูดพร้อมกับก้มมองแผ่นกระดาษ
ทุกคนเงียบและรอฟังสิ่งที่กิ๊ฟจะพูดต่อ
“นาวิน เจอกับ โอเวอร์ลิมิต วลาดิเมียร์” กิ๊ฟพูด
เสียงฮือฮาดังขึ้นมา ทุกสายตาจับจ้องไปยัง “นาวิน” หรือก็คือชื่อจริงของ “โอดิน” ชายที่สวมหน้ากากหมาป่า แม้ในวินาทีเขาก็ยังคงสวมหน้ากากหมาป่าของเขาไว้ สาเหตุที่เขาต้องสวมในขณะฝึกไม่ใช่เพราะเขาต้องการปกปิดตัวตน แต่เป็นการจำลองสถานการณ์ที่ใกล้เคียงที่สุดเวลาปล้ำจริง หน้ากากมีผลกับทักษะการปล้ำอย่างมาก เพราะหากไม่ชินหรือหน้ากากปิดบังวิสัยทัศน์ก็อาจจะส่งผลต่อการปล้ำได้ เมื่อนาวินหรือโอดินได้ยินชื่อของตัวเอง ดวงตาของเขาก็เบิกโพลนขึ้นมาด้วยความตกใจ เหมือนตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าเขาจะได้เป็นคู่เอกตั้งแต่ศึกที่สองของสมาคม
“ขออนุญาตนะครับ ใครคือโอเวอร์ลิมิต วลาดิเมียร์หรอครับ?” เคฟยกมือถามขึ้น
กิ๊ฟหันไปพูดกับคุณซาวาชิโระ ชายชาวญี่ปุ่นพยักหน้าในขณะฟังคำแปลของหญิงสาวที่เป็นผู้จัดการทั่วไปและล่ามของสมาคม เมื่อซาวาชิโระเข้าใจคำถามของเคฟแล้วเขาก็เริ่มตอบกลับมาเป็นภาษาญี่ปุ่น
“คุณซาวาชิโระบอกว่า โอเวอร์ลิมิต วลาดิเมียร์ เป็นดาวรุ่งชาวรัสเซียที่ตอนนี้ตะเวนปล้ำไปทั่วยุโรป” กิ๊ฟแปลให้ผู้ถาม “คุณซาวาชิโระบอกว่าอีกไม่นาน วลาดิเมียร์จะขึ้นเป็นตัวท็อปของมวยปล้ำยุโรป ดังนั้นแล้วจึงอยากจะรีบเชิญให้มาเร็วที่สุดน่ะ” กิ๊ฟพูด “วันนี้ก็มีแค่นี้แหละ สนามที่เราจะใช้ก็คือสนามเดิมนะ” กิ๊ฟปิดการประกาศแต่เพียงเท่านี้
“หมดเวลาพักแล้ว!! กลับมาฝึกต่อ” ชายหัวล้านพูดพร้อมกับปรบมือเรียกให้ทุกคนกลับมา “เอ๋!!” ทุกคนอุทานออกมาพร้อมกัน เพราะพวกเขาแทบไม่ได้พักเลยแม้แต่น้อย
=====
บนเวทีมีชายสามคนนั่งอยู่ตรงกลางของผืนสังเวียนสี่เหลี่ยม โดยชายสามคนนั้นคือ เคฟ เล่ และ ฮัน พวกเขานั่งรอบนพื้นเวทีราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง แสงสีส้มลอดผ่านหน้าต่างของโรงยิมเข้ามา วันนี้เป็นวันเสาร์จึงทำให้การฝึกเริ่มขึ้นตั้งแต่เที่ยง เคฟนั่งชำเลืองมองไปยังนาฬิกาที่ติดอยู่บนกำแพง นาฬิกาเข็มยาวเดินต่อไปเรื่อยๆ โรงยิมแห่งนี้ดูบางตาลงมากเมื่อเหล่าผู้ใช้เริ่มทยอยกันกลับบ้านกันไปแล้ว
“ช้าจังแฮะ คิม” เคฟเริ่มบ่นขึ้นมา “เราบอกคิมแน่แล้วใช่ไหม?” เคฟหันไปถามเพื่อนของพวกเขาที่นั่งอยู่ใกล้เขา “ชั้นบอกแล้วนะ ชั้นยังเห็นหมอนั่นพยักหน้าบอกชั้นอยู่เลย” ฮันตอบด้วยความมั่นใจ
“พวกนายรออะไรกันอยู่หรอ?” จอร์จที่เดินออกมาจากห้องแต่งตัวตรงมาหาสามหนุ่ม “พวกเรารอคิมกันอยู่น่ะครับ กะว่าจะซ้อมแมทช์กันน่ะครับ” เคฟตอบชายหัวล้านที่ตรงมาถาม “ไม่ใช่ว่าเขากลับไปแล้วหรอกหรอ?” คิ้วของจอร์จขมวดขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบของเคฟ
ชายทั้งสามมองหน้ากัน ฮันรีบกลิ้งลงจากเวทีและหยิบมือถือที่วางไว้บนม้านั่งขึ้นมาพร้อมกับโทรไปหาผู้จัดการทั่วไปของสมาคม เนื่องจากคิมเป็นพี่ชายของกิ๊ฟและปกติเวลาทั้งคู่ไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกันตลอด ดังนั้นแล้วบางทีหากจะเช็คในสิ่งที่จอร์จพูด การโทรไปหากิ๊ฟอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ง่ายที่สุด ฮันยืนรอในขณะที่มือถือในมือของเขากำลังส่งสัญญาณเรียกปลายสาย ไม่นานนักเจ้าของเครื่องก็รับสาย
“สวัสดีค่ะ” กิ๊ฟตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “คุณกิ๊ฟ...ตอนนี้คิมอยู่กับคุณรึเปล่า?” ฮันเอ่ยปากถาม “อืม คิมขับรถอยู่น่ะ มีธุระอะไรกับพี่ชายชั้นหรอ?” กิ๊ฟถามกลับ “เปล่า ไม่มีอะไร” ฮันกดวางสาย สีหน้าของเขาดุหงุดหงิด
ฮันวางมือถือลงที่เดิมก่อนจะกลิ้งกลับขึ้นเวทีไป เล่และเคฟมองหน้าของชายผมดำผู้นี้และรอคอยฟังคำตอบจากปากของเขา
“เหมือนที่พี่จอร์จพูดนั่นแหละ คิมกลับบ้านไปแล้ว” ฮันพูดพลางส่ายหน้า “ดูเหมือนเราจะต้องซ้อมกันแค่สามคนแล้วล่ะ” ชายผู้แจ้งข่าวพูดต่อ
=====
เคฟยืนอยู่ในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง มันเป็นสถานที่ที่แออัดไปด้วยผู้คน ทุกเพศ ทุกวัย หลากหลายเชื้อชาติมาใช้บริการในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ อากาศเย็นๆจากเครื่องอากาศสัมผัสเรือนร่างของเคฟที่ยืนใกล้กับกระจกของห้าง เขาก้มมองมือถือของตัวเอง มันมีนาฬิกาปรากฏอยู่ในรูปแบบตัวเลข อีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลาเที่ยงของวันอาทิตย์ที่แดดส่องลงมาจากท้องฟ้าสีคราม นอกจากนาฬิกาแล้ว มันก็ไม่มีอะไรอยู่อีกเลย วอลเปเปอร์ของเคฟเป็นวอลเปเปอร์สีฟ้าธรรมดาๆ เขาหันไปมองเงาสะท้อนของตัวเองจากกระจกร้านเสื้อผ้า เขาใช้มือของเขาจัดทรงผมที่เป็นระเบียบอยู่แล้ว ทว่าในขณะที่เขายืนมองเงาสะท้อนของตน เขาก็เห็นหญิงในชุดเดรสสีฟ้าทะเลยืนอยู่หลังตัวเอง ร่างของเธอดูบอบบางและมีส่วนสูงที่เตี้ยกว่าเคฟ เธอเป็นหญิงผมดำที่สั้นเพียงประบ่า ใบหน้าของเธอดูสดใสและงดงาม เธอสวมหมวกสีเดียวกันกับชุดเดรสของเธอ เคฟรีบหันกลับไปด้วยความตกใจ
“ไง เคฟ ทำไรอยู่หรอ?” หญิงสาวคนนี้ถามด้วยน้ำเสียงสดใส “อ๊ะ เอ่อ ดูเสื้อผ้าอยู่น่ะ” เคฟรีบสร้างคำตอบขึ้นมา “แต่นั่นเสื้อผ้าผู้หญิงนะ” หญิงคนนี้เอียงคอถามด้วยความสงสัยกับคำตอบที่เธอได้ยิน “อ่อ เอ่อ ฮ่ะๆ” เคฟหัวเราะแห้งๆ
“งั้นเราไปกันเถอะเนอะ?” หญิงผมสั้นถามด้วยรอยยิ้มอันสดใส “อื้ม ไปกันเถอะ เมย์” เคฟยิ้มอ่อนๆให้กลับไป
ทั้งสองเดินเคียงข้างกัน ท่ามกลางกลุ่มผู้คนที่เดินในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ดวงตาของหญิงสาวที่ชื่อเมย์มองไปข้างหน้า ในขณะเดียวกัน เคฟก็ได้แต่เหล่ตามองเธออยู่เงียบๆ
“เอ้อ เคฟ” เมย์หันกลับมาเจอกับเคฟที่ส่งสายตาให้กับเธอพอดี “วันเสาร์หน้าจะไปงานเลี้ยงรุ่นของมหาลัยไหม?” หญิงสาววัยเดียวกันถาม “คิดว่าคงไม่ไปน่ะ” เคฟหันมาตอบ
“เอ๋ ทำไมล่ะ?” เมย์อุทานออกมาพร้อมถามต่อ “ชั้นเชื่อว่าหลายคนต้องถามชั้นแน่ๆว่า ตอนนี้ชั้นทำอะไรอยู่” “และถ้าชั้นตอบว่า ‘อ่อ ตอนนี้ชั้นรับจ้างแปลเอกสารและทำงานเสริมเป็นนักมวยปล้ำ’ ถ้าไม่ดูถูกชั้นก็คงตั้งคำถามชั้นเป็นร้อยเลยล่ะ” เคฟให้เหตุผลของตัวเอง
“พูดถึงมวยปล้ำแล้ว ชั้นได้ดูคลิปวิดีโอที่นายปล้ำประมาณเดือนที่แล้วด้วยแหละ” “สุดยอดมากเลยนะ” เมย์กล่าวชมด้วยแววตาอันเปร่งประกายของเธอ “ขอบใจ” เคฟยิ้มกลับเมื่อได้ยินคำชมเชย
“ครั้งหน้า ชั้นจะซื้อตั๋วไปดูให้ได้เลยล่ะ” หญิงคนนี้กำหมัดทั้งสองข้าง เป็นการให้กำลังใจเคฟ “อื้ม ชั้นจะรอนะ” เคฟตอบรับ
ทั้งสองเดินต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะเข้าไปในร้านอาหารที่ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ภายในร้านมีคนมากมายนั่งอยู่ โดยปกติแล้วร้านสไตล์ญี่ปุ่นมักจะเป็นที่นิยมอยู่แล้ว เสียงเพลงสไตล์ญี่ปุ่นโบราณถูกบรรเลงคลอเบาๆ ในร้าน ทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกัน พนักงานเสริพ์ที่แต่งตัวด้วยชุดกิโมโนสีชมพูมารับออเดอร์จากทั้งสอง ชายหญิงคู่นี้สั่งสิ่งที่ตัวเองต้องการ เมื่อเธอได้รับออเดอร์แล้ว เธอก็ก้มโค้งและเดินจากไป ทิ้งให้ทั้งสองอยู่เพียงลำพัง ความเงียบเข้าปกคลุมโต๊ะของทั้งสอง มันทำให้ทั้งสองได้ยินเพลงบรรเลงจากร้านได้อย่างชัดเจน
“จะว่าไป ชั้นสงสัย เธอเรียกชั้นมาคุยกันทำไมหรอ?” เคฟถามด้วยความสงสัย “อ่อ ชั้นแค่อยากจะคุยกับนายเฉยๆน่ะ พอดีตั้งแต่เราเรียนจบกันมา เราก็แทบไม่ได้คุยกันเลย” เมย์ยิ้มให้ “นั่นซินะ” เคฟเห็นด้วย
“อีกอย่างชั้นก็อยากจะชวนนายไปงานเลี้ยงรุ่นด้วยไงล่ะ” เมย์พูดแบบติดตลก “อันนั้นชั้นก็คงต้องปฏิเสธเหมือนเดิม” เคฟตอบ===== วันซ้อมของเคฟวนบรรจบมาถึงอีกครั้ง มันเหลือเวลาอีกเพียงสัปดาห์เศษๆก่อนที่โชว์ที่สองจะเริ่มขึ้น จอร์จยืนอยู่หน้าห้อง ในขณะที่เหล่านักมวยปล้ำฝึกหัดกำลังอยู่ในท่าเตรียมวิดพื้น หยดเหงื่อออกจากผิวหนังของนักมวยปล้ำหลายๆคนลงบนพื้น ในมือของชายหัวล้านมีนาฬิกาจับเวลาอยู่ เมื่อเขาคิดว่าถึงเวลาเขาก็เป่านกหวีดที่อยู่ในปากของเขา เสียงนกหวีดเป็นเหมือนสัญญาณให้นักมวยปล้ำวิดพื้นลงไปและกลับขึ้นอยู่ในท่าเตรียมวิดพื้น จอร์จเป่านกหวีดอีกครั้ง นักมวยปล้ำก็ทำอย่างเดิมเช่นเคย จอร์จเอานกหวีดออกจากปากของเขาและลดมือของเขาลง
“วันนี้พอแค่นี้แหละ” จอร์จพูด “เฮ้อออ” เล่ปล่อยเสียงออกมาหลังจากที่เขาเปลี่ยนมานั่งบนพื้น “เหนื่อยหน่อยนะ” เคฟพูดกับเล่ที่แสดงอาการเหนื่อยล้าออกมา
“จะว่าไปเราบอกคิมแล้วรึยังว่าวันนี้เราจะซ้อมกันหลังฝึกเสร็จน่ะ” ฮันพูดขึ้นมา “ยังเลย งั้นเราไปบอกคิมกันเลยเดี๋ยวนี้ไหม?” เล่ตอบกลับ “ก็ดีนะ” เคฟเห็นด้วยกับสิ่งที่ชายผมขาวเสนอ
ทั้งสามลุกขึ้นจากพื้นและตรงไปหาหนุ่มผมบลอนด์ที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของเขา
“คิม” เคฟเป็นคนพูดขึ้น “หืม?” ชายที่ชื่อว่าคิมหันไปหาเสียงที่เรียกเขา “เดี๋ยวเราซ้อมแมทช์กันต่อเลยไหม?” เคฟถาม “โทษทีนะ วันนี้ชั้นติดธุระหน่ะ” คิมตอบพร้อมกับพยุงตัวเองจากพื้น
เขาเดินจากทั้งสามไปโดยไม่ได้มองกลับมาซักคำ
“บางทีชั้นรู้สึกอะไรแปลกๆรู้ไหม?” เล่พูดขึ้นมา “ชั้นรู้สึกเหมือนว่าเขาไม่อยากจะฝึกมวยปล้ำกับเรา” เล่พูดต่อ
เคฟยืนเงียบ เขาไม่ได้พูดอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในตอนนี้มันเหลืออีกเพียงสัปดาห์กว่าๆเท่านั้น และตลอดเวลาที่เหลือพวกเขาก็ฝึกเพียงแค่สามคนเท่านั้น
===== NPC ข้อมูลเพิ่มเติม Suzuki Minoru เป็นนักมวยปล้ำจอมเก๋าและจอมโหดจากประเทศญี่ปุ่น โดยสไตล์การปล้ำของ Suzuki คือสไตล์การปล้ำที่ดุดันและการจับล็อคที่ดูเจ็บปวด รวมถึงหน้าตาที่น่ากลัวแล้ว ทำให้ Suzuki เป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำที่น่ากลัวที่สุดในโลก โดยวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา Suzuki Minoru ก็จัดการปล้ำฉลองครบรอบ 30 ปีที่เปิดตัวในวงการมวยปล้ำ [/spoiler]
|
|
|
Post by gudomana on Jul 9, 2018 8:24:13 GMT
Match 5 Devil's Sky
“มาสเตอร์ พัพเพ็ตจัดการถีบเข้าใส่เต็มๆหน้าของพิ๊กกี้เลยครับ!!” จอร์จบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม
ชายที่ยืนอยู่คือชายที่ใบหน้าดูชรากว่านักมวยปล้ำคนอื่นๆ ใบหน้าของเขามีรอยเหี่ยวย่น หากตัดสินจากใบหน้า เขาคงมีอายุราวๆสี่สิบกว่าปี บริเวณใบหน้าของเขามีการแต้มสีมากมาย เขาไม่ได้เป็นชายที่มีความบึกบึนมากเท่าไหร่ แต่เขาก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยของชายไทยทั่วไป ผมของเขาเป็นสีน้ำตาลและดูเป็นระเบียบ ในขณะเดียวกันบนพื้นก็มีชายอีกคนนอนอยู่ เขาคือชายร่างท้วม ใบหน้าของเขาถูกบดบังด้วยหน้ากากรูปหมูสีชมพู ชายที่นอนบนพื้นสวมเสื้อยืดสีขาว บนเสื้อยืดของเขาก็มีการพิมพ์ลายว่า “The Real Animal = Piggy” บนเสื้อ รอบๆเวทีก็ยังคงจุไปด้วยแฟนมวยปล้ำมากมายที่จ่ายเงินเพื่อซื้อตั๋วเข้ามา แม้จะมีราคาแพงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ชายที่นอนบนพื้นกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเจ็บปวด ชายผมน้ำตาลหรือมาสเตอร์ พัพเพ็ต เด้งเชือก เตรียมจะกระโดดไปทิ้งเข่าใส่คู่ต่อสู้ของเขาหรือพิ๊กกี้ที่อยู่บน ทว่าเขาต้องฉลอความเร็วลงเมื่อเห็นพิ๊กกี้กลิ้งหลบเมื่อเขาเข้าใกล้กับคู่ต่อสู้ พัพเพ็ตยกเท้าและพยายามเหยียบร่างของพิ๊กกี้ทว่า ชายร่างท้วมกลิ้งหลบได้ ชายวัยกลางคนเริ่มหงุดหงิด เขาลากคอของพิ๊กกี้ขึ้นมา ทว่าชายร่างท้วมใช้มือของเขาดันคู่ต่อสู้ไปกระแทกกับกรรมการ ชายในชุดขาวดำเมื่อโดนกระแทกก็ล้มลงไป ชายร่างท้วมรีบเอามือของกระแทกเข้าใส่หว่างขาของพัพเพ็ต ชายที่ถูกกระแทกไปแสดงสีหน้าเจ็บปวด เช่นเดียวกันกับแฟนๆที่นั่งอยู่ข้างล่างเวที
“พิ๊กกี้รีบอาศัยจังหวะชุลมุนรวบกดเลยครับ!! กรรมการพึ่งพื้นมานับ” “หนึ่ง สอง สะ...ยังครับ!!” จอร์จนั่งบรรยาย
ชายทั้งสองลุกขึ้นมา พิ๊กกี้รีบพุ่งตรงเข้าไปก่อน ชายร่างท้วมพยายามใช้ท่อนแขนกระแทกใส่คอของคู่ต่อสู้เขา ทว่าเป้าหมายของเขาหลบได้
“มาสเตอร์ พัพเพ็ต หลบได้ครับจังหวะนี้!! ก่อนจะสวนด้วย Theatre of Doom!!” “ยกและฟาดลงไปเต็มๆ!!มาสเตอร์ พัพเพ็ตกด กรรมการนับ!! หนึ่ง สอง สาม!!”
เสียงระฆังดังขึ้น ผู้ชนะลุกขึ้นมาและมองคนดูด้วยสายตาที่ดูว่างเปล่า เขาเดินไปหยิบหุ่นกระบอกหน้าตาน่ากลัวที่อยู่ที่มุมขึ้นมาและเดินกลับไป ท่ามกลางดนตรีที่ดูสยดสยอง ส่วนคู่ต่อสู้ของเขาพยุงขึ้นมาจากพื้นท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนๆและเดินกลับหลังฉาก เหล่านักมวยปล้ำทั้งสองได้รับการต้อนรับจากเพื่อนร่วมสมาคมเขาด้วยเสียงปรบมือ เชื่อว่าซาวาชิโระเองก็คงอยากจะดูแมทช์นี้ ทว่าเขาติดธุระจึงทำให้เขาไม่สามารถยืนดูผลงานของลูกศิษย์ตัวเองด้วยสายตาทั้งสองของเขา
“สุดยอดไปเลย น้าล้าน” เคฟพูดในขณะที่ปรบมือ “ขอบใจ ไอ้หนู” ชายที่ถูกเรียกว่าน้าล้านตอบด้วยรอยยิ้ม “พี่ต้าก็สุดยอดเหมือนกัน” เคฟหันไปกล่าวชื่นชมชายร่างท้วม
ต้าไม่ได้ตอบรับอะไรนอกจากยิ้ม กลุ่มนักมวยปล้ำที่จะต้องเตรียมขึ้นปล้ำคู่ต่อไปเตรียมตัวจะขึ้นปล้ำ โดยกลุ่มนั้นได้แก่ เคฟ ฮัน เล่ และ คิม นี่คือแมทช์ที่สองที่เคฟกำลังจะขึ้นปล้ำ เขาไม่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับแมทช์แรก แต่ความรู้สึกที่เขามีคือความกังวล ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาซ้อมเพียงกับแค่เล่ ฮัน เพียงแค่สองคน ไม่ได้ซ้อมกับคิมเลยแม้แต่น้อย เพลงเปิดตัวของฮันดังขึ้นมา ฮันแหวกผ้าม่านออกไปก่อน เคฟเดินตามฮันออกไป เมื่อแฟนๆเห็นชายสองคนนี้เดิมออกมา พวกเขาก็ส่งเสียงเชียร์เป็นการต้อนรับทั้งสอง เคฟและฮันก้าวขึ้นเวทีไปและยืนขึ้นไปบนมุมท่ามกลางเสียงแฟนๆที่เรียกชื่นพวกเขา ในขณะที่เคฟยืนบนเชือกเส้นที่สามเขาก็เห็นหญิงใบหน้าคุ้นเคยที่นั่งอยู่ในกลุ่มคนดู เขาเห็นเมย์ที่นั่งอยู่แถวหลัง เธอโบกมือให้กับเคฟด้วยรอยยิ้ม ชายหนุ่มที่ได้รับรอยยิ้มจากหญิงสาวพยักหน้าและกระโดดลงมาจากเชือกเส้นที่สามและยืนเคียงข้างกับคู่แท็คทีมของเขา
“แมทช์นี้เป็นแมทช์แท็คทีม โดยกำหนดหนึ่งยก!! ทีมแรก วิหค กับ เคฟฟฟฟ” หลังเสียงผู้บรรยายก็มีเสียงเชียร์ของแฟนๆ “หวังว่าจะไม่มีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นนะ” ฮันพูดขึ้นมาก่อน
เคฟพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนของเขา เพลงเปิดตัวเพลงที่สองดังขึ้นมา ชายผมขาวเดินนำออกมา เขาเดินกางแขนท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนๆ ตามหลังของเล่มาเป็นชายผมสีบลอนด์ หรือคิม ใบหน้าของเขาดูนิ่งเฉยและดูเย็นยะเยือกแตกต่างไปจากเล่ที่เดินทำหน้ายียวน ล่อบาทาจากแฟนๆอยู่ตลอดทาง คู่ต่อสู้ของเคฟและฮันเดินขึ้นเวทีไป เล่เดินมากลางเวที วิหคเดินมากลางเวทีเช่นเดียวกันก่อนจะมองหน้าของเล่ที่เดินมากลางเวที
“ส่วนคู่ต่อสู้ของพวกเขา เดอะ ทาร์คมาสเตอร์ และ คิมเบอร์ แฟบุลัส!!”
ผู้บรรยายลงจากเวที ทั้งสองฝ่ายต่างตกลงว่าใครจะออกมาปล้ำก่อน เคฟกับฮันยืนคุยกันว่าใครจะเริ่มก่อน ทว่าอีกมุม คิมมุดเชือกและไปยืนบนขอบเวทีก่อนที่เล่จะได้พูดอะไร เล่มองคิมด้วยสายตาที่ไม่พอใจ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร ด้านเคฟและวิคหก็ส่งเคฟออกมาก่อน กรรมการถามความพร้อมของทั้งสอง เมื่อทั้งสองพร้อมกรรมการก็สั่งให้สั่นระฆัง เสียงระฆังดังขึ้นมา เคฟกับทาร์คมาสเตอร์ประมือกัน ชายผมขาวจับเคฟล็อคคอ เคฟดันทาร์คมาสเตอร์เข้าเชือกก่อนจะจับคู่ต่อสู้ของเขาเหวี่ยงเชือก ทาร์คมาสเตอร์เด้งกลับมาเจอเคฟกระโดดถีบสองเท้าใส่กลางอก ร่างของเล่ที่ดันล้มลงไปหลังกระแทกกับพื้นเวทีดังตึง แฟนๆปรบมือให้กับการกระโดดถีบอันสวยงามของเคฟ
“ทาร์คมาสเตอร์กำลังพยุงตัวขึ้นมา เคฟวิ่งไปตบอกใส่ทาร์คมาสเตอร์เลยครับ” “ตบเพี๊ยะ ตบเพี๊ยะ ตบเพี๊ยะ” จอร์จกล่าว “เคฟเด้งเชือกก่อนจะพุ่งมาเกี่ยวคอของทาร์คมาสเตอร์ครับ...แต่ทาร์คมาสเตอร์ลังกาลงมายืนได้!!”
ใบหน้าของเคฟเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ของเขาลงมายืนได้ เคฟถอยกลับไปที่มุมตัวเองก่อนจะยื่นมือแท็คเพื่อให้คู่หูเขาเข้ามา เช่นเดียวกันกับทาร์คมาสเตอร์เขากลับมาที่มุมตัวเองและยื่นมือให้กับชายผมบลอนด์ ชายใบหน้าหล่อเหลามองก่อนจะแท็คมือเข้ามาในเวที วิหคกับนักมวยปล้ำหน้าใหม่เริ่มเดินวนกัน กางเกงของคิมดูอลังการ ด้วยสีทองที่ตัดกับสีม่วง เมื่อมือของทั้งสองสัมผัสกัน คิมก็ดันร่างของวิหคไปติดมุม กรรมการสั่งให้คิมปล่อย กรรมการนับ “หนึ่ง...สอง...สาม...สี่” คิมปล่อยออกและถอยออกมา วิหคกับคิมประมือกันอีกครั้ง คิมดันวิหคกลับเข้ามุมเหมือนเดิม กรรมการก็ทำหน้าที่แบบเดิม และเริ่มนับ “หนึ่ง...สอง....สาม...สี่” คิมแยกออกอีกครั้ง
“แยกออกมาแล้ว วิหคต่อยคืนเลยครับ” “คิมเบอร์ที่โดนต่อยไปกลิ้งกลับไปที่มุมเลยครับ” จอร์จพูด
คิมเบอร์กลิ้งกลับไปที่มุมก่อนจะแท็คทาร์คมาสเตอร์เข้ามา ชายผมสีขาวมองด้วยสายตาฉงนว่าเกิดอะไรขึ้น เฉกเช่นเดียวกันกับเคฟที่อยู่อีกมุม ที่สีหน้าแสดงความสับสนกับสิ่งทีเกิดขึ้น กระนั้นแล้วเขาจะทำเป็นงงไม่ได้ ทาร์คมาสเตอร์มุดเชือกเข้ามาและเผชิญหน้ากับวิหค แฟนๆตะโกนเชียร์ “วิหค” กันกึกก้องสนาม ดวงตาของนักมวยปล้ำทั้งสองล็อคเข้าด้วยกัน นัยน์ตาทั้งสองคู่เต็มไปด้วยเพลิงแห่งความเคียดแค้น ทาร์คมาสเตอร์รีบจัดการกวาดเท้าของวิหค ชายผมดำถูกกวาดเท้าลงไปหลังฟาดกับพื้น ทาร์คมาสเตอร์รีบกระโดดใช้เท้าของเขาเหยียบกลางหน้าท้องของวิหค ชายที่ชื่อวิหคร้องลั่นก่อนจะกลิ้งลงไปข้างล่างเวที เคฟรีบลงไปดูอาการของเพื่อนเขา และพยุงเพื่อนของเขา
ทาร์คมาสเตอร์รีบปีนขึ้นเชือกเส้นที่สาม เหล่าผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเด็กฝึกต่างสร้างกำแพงรอบๆคนดูเพื่อปกป้องคนดูจากอันตราย ทาร์คมาสเตอร์กระโดดจากเชือกเส้นที่สามพร้อมกับกางแขนราวกับสยายปีกออกมากระแทกใส่นักมวยปล้ำสองคนที่อยู่ข้างล่าง เหล่าคนดูต่างปรบมือชอบใจกับสิ่งที่เล่ทำ ทาร์คมาสเตอร์ลุกขึ้นมาพร้อมกับจิกผมของวิหคและส่งขึ้นเวที เมื่อร่างของวิหคผ่านเชือกเส้นล่างสุดแล้ว ทาร์คมาสเตอร์ก็กลิ้งขึ้นไปกดทับร่างของคู่ต่อสู้ กรรมการทิ้งตัวลงนับ “หนึ่ง สอง” แต่ก่อนที่เลขสามจะถูกนับ วิหคก็ยกไหล่จากพื้นขึ้นมาได้ทัน ทาร์คมาสเตอร์ลากคอของวิหคขึ้นมา พร้อมกับจับคู่ต่อสู้บิดแขนเอาไว้ ทาร์คมาสเตอร์ยื่นมือไปหาคิมที่ยืนอยู่ที่มุม ชายผมทองก้มมองมือของทาร์คมาสเตอร์ ใบหน้าของเขาดูลังเล
“แท็คซิวะ!!” เล่ตะโกนใส่หน้าของคิมด้วยความหงุดหงิด
คิมได้ยินเสียงตะโกนกระโดดลงจากขอบเวทีและเดินอยู่ข้างเวที ท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนๆ กลุ่มแฟนๆคงคิดว่านี่เป็นเพียงบทบาทที่เกิดขึ้น แต่ทว่านักมวยปล้ำสามคนบนเวทีรู้ว่านี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่บทบาทที่ถูกวางไว้
“คิมเบอร์ตัดสินใจกระโดดทิ้งทาร์คมาสเตอร์เลยครับ ทาร์คมาสเตอร์ปล่อยมืออกจากวิหคและยืนมองคิมเบอร์” จอร์จบรรยาย “วิหคอาศัยจังหวะชุลมุนรวบกดเลยครับ!! กรรมการนับ หนึ่ง สอง...แต่ทาร์คมาสเตอร์ดิ้นหลุดออกมาได้” “ทั้งสองคนลุกขึ้นมา ทาร์คมาสเตอร์หมุนตัวศอกใส่หน้าของวิหคเต็มๆ!! ทาร์คมาสเตอร์จับวิหคที่มึนๆอยู่ขึ้นมาก่อนจะจับใส่ End Task!!”
เท้าของทาร์คมาสเตอร์กระแทกเข้าใส่ใบหน้าของวิหคเต็มๆ มันแตกต่างจากข่าวก่อนที่วิหคดิ้นหลุดออกมาได้และทำให้ทาร์คมาสเตอร์แพ้ในครั้งที่แล้ว ชายผมขาวรีบกด ในขณะที่กดเขาก็ชูมือขึ้นพร้อมกับนับเลขไปพร้อมกับที่กรรมการนับ แต่ก่อนที่นิ้วของทาร์คมาสเตอร์จะชูสามนิ้ว วิหคก็ดิ้นหลุดออกมาได้ทัน
“ได้แค่สองเท่านั้นครับ!! สีหน้าของทาร์คมาสเตอร์ดูไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก!!” “เคฟที่ยืนอยู่ที่มุม เอามือของตัวเองตีมุมเพื่อให้กำลังใจวิหคใหญ่เลยครับ” “ทาร์คมาสเตอร์ปีนขึ้นเชือกเส้นที่สาม เขาตั้งท่าเตรียม 450 Splash ครับ”
450 ที่นำหน้าท่าคือจำนวนองศาการหมุนของท่านี้ มันเป็นหนึ่งในท่าที่สวยงามที่สุดในวงการและเป็นท่าที่อันตรายที่สุด ทุกสายตาจับจ้องไปยังเล่ที่ยืนอยู่บนเชือกเส้นที่สามพร้อมกับชูมือขึ้นห้า เมื่อเขาทยายตัวออกมา ร่างของเขาหมุนกลางอากาศครบรอบสามร้อยหงสิบองศา ก่อนที่หน้าท้องของเขาจะเตรียมกระแทกเข้ากับร่างของวิหคที่นอนอยู่บนพื้น ทว่าวิหคกลิ้งออกข้างไป ทำให้ท้องของเล่กระแทกเข้ากับพื้นเวทีเต็มๆ ชายผมขาวนอนกุมหน้าท้อง พร้อมกับแสดงสีหน้าเจ็บปวด แฟนๆต่างปรบมือให้ชายผมขาวที่สามารถทำ 450 Splash ได้อย่างงดงาม นักมวยปล้ำที่นอนบนพื้นทั้งสองพยายามคลานเข้าหามุมตัวเอง เคฟยื่นร่างของตัวเองเข้ามาในเวทีพร้อมกับยื่นมือไปหาเพื่อนร่วมทีมของเขา
===== ก่อนหน้านี้เพียงเล็กน้อย
“แมทช์นี้เป็นทางเคฟและวิหคเป็นฝ่ายชนะนะ” กิ๊ฟพูดกับนักมวยปล้ำสี่คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอ “โดยตอนท้ายเป็นทาร์คมาสเตอร์ที่ใส่ 450 Splash ไม่สำเร็จ ทั้งสองคนพยายามคลานเข้าหาคู่แท็คทีมตัวเอง” “เมื่อเคฟกับคิมเบอร์เข้ามาในเวที ทั้งคู่แลกกันไปมา และท้ายที่สุดเป็นเคฟชนะ...คุณซาวาชิโระบอกชั้นมาแบบนี้” กิ๊ฟแจ้งเจตจำนงของนักมวยปล้ำชาวญี่ปุ่นที่วันนี้ไม่อยู่กับพวกเขา
=====
เล่มองไปที่มุมตัวเอง เขานึกถึงคำพูดของกิ๊ฟ ในมุมของเขามีแต่ความว่างเปล่า ชายที่ชื่อคิมเบอร์ยังคงอยู่ข้างล่างเวที เล่ยังคลานไปเข้ามุมตัวเอง เขาภาวนาว่าชายผมบลอนด์ยังกลับขึ้นมาบนเวทีและเล่นตามบทของพวกเขาต่อไป ทว่าแม้เขาจะใกล้ถึงจุดนัดพบแล้ว มันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดี ในอีกฟากนั้นวิหคแท็คเอาเคฟเข้ามาได้สำเร็จ ทาร์คมาสเตอร์ยืนหลังพิงมุม เคฟที่เข้ามาในเวทีมองชายผมขาวที่ยืนพิงมุม ปากของเขาขยับเล็กน้อย โดยเขาพูดว่า “จัดการเลย” เมื่อเคฟเห็นสัญญาณของทาร์คมาสเตอร์ เขาก็เร่งเครื่องไปพร้อมกับยกเท้าเตะเข้าใส่หน้าของทาร์คมาสเตอร์ ชายที่ถูกรองเท้าบูทถีบเข้าเต็มหน้า เดินเซออกมากลางเวที เคฟจับทาร์คมาสเตอร์บิดตัว ใบหน้าของทาร์คมาสเตอร์มองลงไปบนพื้นเวที มือทั้งสองข้างของเขาถูก เคฟตึงไว้อยู่ ชายผมดำกระโดดขึ้นฟ้าก่อนจะเอาหน้าของทาร์คมาสเตอร์กระแทกเข้าไปกับพื้น
“ต่อจาก Helluva Kick แล้วเคฟก็จับทาร์คมาสเตอร์ใส่ Dream Lander!! ฟาดทาร์คมาสเตอร์ลงไปเต็มๆ” “เคฟกดครับ หนึ่ง สอง สาม เรียบร้อยครับ!!” สิ้นเสียงของจอร์จระฆังก็ถูกตีขึ้นมา
ดนตรีของเคฟดังขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนๆ เคฟลุกขึ้นมา กรรมการเดินมาชูมือให้กับเขาและวิหคในฐานะผู้ชนะ เคฟเหลือบไปมองคิมที่เดินกลับหลังฉากไปก่อนด้วยความรีบร้อน เคฟมองไปในกลุ่มคนดูและเห็นเมย์เพื่อนของเขาตบมือแสดงความยินดีให้กับเขาด้วยรอยยิ้ม เคฟและวิหคเดินลงจากเวทีและแท็คมือแฟนๆตลอดทางก่อนจะเดินกลับหลังผ้าม่าน เช่นเดียวกันกับเล่ที่เดินกลับหลังฉากด้วยสีหน้าไม่พอใจ กระนั้นเมื่อทั้งสี่กลับมาหลังฉาก ทุกคนก็ปรบมือให้กับพวกเขาเพื่อเป็นการให้กำลังใจและเป็นการชื่นชม
“คุณวิลสัน คุณอินทร์ เตรียมตัวคู่ต่อไปได้เลยค่ะ” เมื่อเสียงปรบมือซาลงกิ๊ฟก็เตรียมคิวให้กับคู่ต่อไป “โอเค ทราบแล้ว” วิลสันพยักหน้าเช่นเดียวกันกับอินทร์ที่พยักหน้าแสดงความพร้อม “ถ้างั้นชั้นขอไปแต่งตัวก่อนแล้วกัน เพราะเดี๋ยวชั้นต้องออกไปทำหน้าที่เป็นคนดูความปลอดภัยของคนดูอีก” เคฟหันไปพูดกับเล่และฮัน “อ่า...เมื่อกี้นายทำได้ดีมากนะ นายด้วยเล่” ฮันกล่าวชื่นชมกับชายสองคนที่อยู่ในแมทช์เดียวกันกับพวกเขา
เคฟเดินไปยังห้องแต่งตัว เขารูดซิบและสวมกางเกงวอร์มสีน้ำเงิน พร้อมทั้งสวมเสื้อยืดสีขาวของสมาคม เขาเปิดประตูเดินออกจากห้องและเตรียมจะกลับไปยังเวทีทว่าเขาได้ยินเสียงของกิ๊ฟดังขึ้นมาจากทางเดินที่อยู่ตรงหน้าเขา
“พี่คะ มันเกิดอะไรขึ้น?”
เคฟรีบหลบมุม แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่สัญชาติญาณมันส่งให้เขาซ่อนตัว เคฟชะโงกหน้าออกไปเล็กน้อย เขาเห็นหญิงผมน้ำตาล ผู้มีรูปร่างบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าต่อชายรูปงาม แม้น้ำเสียงในคำถามของเธอจะดูนุ่มนวล แต่สีหน้าของกิ๊ฟดูไม่พอใจอย่างมาก
“พี่ไม่ได้ทำตามสิ่งที่คุณซาวาชิโระพูดเลยนี่ค่ะ แถมทั้งแมทช์พี่ออกไปไม่น่าถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ” กิ๊ฟพูดต่อ น้ำเสียงของเธอที่ดูนุ่มนวลและอ่อนโยนเริ่มจางหายไปในประโยคนี้
คิมเงียบกับคำถาม กิ๊ฟยังคงมองใบหน้าของพี่ชายตนเองอยู่เช่นเดิม
“พี่ไม่อยากเจ็บตัว พี่ไม่อยากให้หน้าหล่อๆของพี่ต้องเสียโฉม” คิมพูดออกมา “แต่พี่ค่ะ นี่คือมวยปล้ำค่ะ ยังไงพี่ก็ต้องเจ็บตัวอยู่แล้ว อีกอย่าง พี่อาสามาเป็นนักมวยปล้ำเอง แล้วไมตอนนี้พี่ถึงมากลัวเจ็บอะไรป่านนี้” กิ๊ฟสั่งสอนพร้อมตั้งคำถามกลับ “ก็พี่ไม่คิดว่าไอการที่กิ๊ฟชวนพี่มาเป็นนักมวยปล้ำ พี่จะต้องมาแสดงอยู่หน้าคนดูแค่สองร้อยกว่าคนนี่” คิมเถียงกลับ
“พี่คิดว่ากิ๊ฟหมายถึง การแสดงต่อหน้าคนเป็นหมื่น ถ่ายทอดทีวีไปทั่วประเทศ” คิมพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “เดี๋ยวนะ พี่ไม่ได้มาเป็นนักมวยปล้ำเพราะพี่ชอบมวยปล้ำหรอ?” กิ๊ฟตั้งคำถามต่อด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เออซิ พี่ไม่เคยชอบมันเลย และพี่มาที่นี่เพียงแค่จะใช้เป็นฐานที่นำพี่ไปสู่การเป็นดาราเท่านั้นแหละ” คิมพูดถึงเจตนาโดยแท้จริงของตัวเองออกมา
“แต่พี่ค่ะ...” กิ๊ฟพยายามจะพูดอะไรออกมา “ไม่รู้ล่ะ พี่จะไปแต่งตัวแล้ว” คิมตัดบทสนทนา
เขาเดินตรงไปยังห้องแต่งตัว เมื่อเขาเลี้ยวผ่านหัวมุม คิมก็เผชิญหน้ากับเคฟที่ยืนฟังอยู่ทุกอย่าง เคฟพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าคิมเดินผ่านหน้าของเคฟไป ไม่เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มที่รักมวยปล้ำได้ปริปากพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย
===== ข้อมูลเพิ่มเติม Dream Lander ท่าไม้ตายของเคฟ 450 Splash
|
|
|
Post by gudomana on Jul 11, 2018 10:00:31 GMT
Match 6 : Broken Dream
เคฟนั่งขัดสมาธอยู่บนพื้นสีน้ำเงินของโรงยิมที่มีป้ายผ้า “แบงคอก โปรเรสริ่ง” แขวนอยู่บนกำแพง ร่างของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขารู้สึกปวดไปทั่วร่างกายของเขา วันนี้เป็นวันแรกที่เขาเริ่มฝึกมวยปล้ำในกับสมาคม “แบงคอก โปรเรสริ่ง” แม้เขาจะฝึกฝนร่างกายขนาดไหน แต่การฝึกซ้อมที่หนักหน่วงก็สามารถเล่นงานร่างกายของเขาได้เหมือนกัน เคฟมองไปรอบๆ หลายๆคนก็มีอาการแบบเขาเหมือนกัน ในขณะที่เคฟนั่งบนพื้นเพื่อให้ความปวดเมื่อยคลายออกจากร่างของเขา ก็มีชายคนหนึ่งลงมานั่งข้างๆเขา เขาเป็นชายผมดำที่ผมหยิกศก ร่างของเขาดูสูงกว่าเคฟค่อนข้างมาก ใบหน้าของเขาดูเป็นมิตรและดูจากใบหน้าของเขาแล้ว อายุของเขาก็คงไม่ห่างจากเคฟเท่าไหร่นัก
“ไง เหนื่อยไหม?” ชายคนนี้ถาม “เหนื่อยแหละ ปวดเมื่อยด้วย ถึงชั้นจะได้ยินว่าการฝึกมวยปล้ำหนัก แต่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้” เคฟตอบตามความรู้สึกของตัวเอง “ฮ่ะๆ อ่าใช่ ชั้นชื่อฮัน ยินดีที่รู้จัก” ชายคนนี้แนะนำตัว
“ชั้นเคฟ ยินดีที่รู้จักเหมือนกัน” เคฟแนะนำตัวกลับเมื่อได้ยินคำแนะนำตัวของชายคนนี้ “แต่นายดูไม่เหนื่อยเลยนะ” เคฟถามกลับบ้าง “อ่อ พอดีชั้นเคยฝึกพวกยิมนาสติกอะไรพวกนี้มาก่อนน่ะ นายอาจจะไม่เชื่อ แต่การฝึกยิมนาสติกนี่ต้องใช้แรงเยอะมากเลยนะ” ฮันเล่าให้เคฟฟัง “เห...ไม่เคยรู้มาก่อนเลยแฮะ” คู่สนทนาอุทานออกมาด้วยความสนใจ
“แต่คนฝึกวันนี้เยอะมากเลยนะ” ฮันพูดพลางมองไปรอบตัวเอง “ก็นะ สมาคมมวยปล้ำแห่งแรกในประเทศไทย หลายคนที่เป็นแฟนมวยปล้ำก็อยากจะมาลองกันอยู่แล้ว” เคฟตอบ “แต่ดูทรงแล้ว หลายคนคงออกก่อนที่จะได้ปล้ำจริงๆนั่นแหละ” เคฟพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“นั่นซินะ บางคนคงรับการฝึกหนักแบบนี้ไม่ไหวหรอก” ฮันเห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนใหม่เขาพูดออกมา “ถ้าทุกคนยังอยู่ที่นี่มันคงดีไม่น้อยเลยนะ ชั้นอยากจะโตไปพร้อมๆกับสมาคมและทุกๆคน” เคฟพูดด้วยแววตามุ่งมั่น
=====
เคฟเดินอยู่ในหลังฉาก น้ำเสียงของคิมยังคงกึกก้องในหูของเขา คำพูดประโยคนั้นที่ออกมาจากปากของหนุ่มผมบลอนด์ยังคงเป็นเหมือนเมฆที่ก่อตัวในหัวใจของเขา เขาเองก็ไม่รู้ว่าเขารู้สึกโกรธที่ชายคนนี้ดูถูกในสิ่งที่เขารักหรือเขารู้สึกกลัวที่ชายคนนี้จะลาออกจากสมาคมจากความผิดหวังของความฝันของเขา ในขณะที่หัวของเคฟกำลังประมวลอะไรหลายๆอย่าง เขาก็มาถึงผ้าม่านที่จะพาเขากลับสู่โลกอีกใบ เขาแหวกผ้าม่านออกไป ไม่มีใครสังเกตเขาเลยว่าเขาเดินออกมาจากผ้าม่าน เพราะสายตาทุกคนจับจ้องอยู่บนเวทีด้วยกันทั้งหมด ทุกคนกำลังมองการต่อสู้ของหนุ่มมาดนักเลงผมดำผู้ใช้ชื่อบนเวทีว่า “ซิลเวอร์ ไดมอนด์ ฮาร์ท” หรือ “เอสดีเฮช” และ “วิลสัน ทรัชนีล” ที่มาเยือนบนเวทีนี้เป็นครั้งที่สอง
“วิลสันกำลังจับซิลเวอร์ใส่รีเวริส์ ชินล็อค อยู่เลยครับ” จอร์จยังคงทำหน้าที่บรรยายอย่างขยันขันแข็งแม้นี่จะเป็นแมทช์ที่สามของเขา
กรรมการเข้ามาใกล้ๆก่อนที่จะถามซิลเวอร์
“กิฟ อัพ (Give Up) ไหม?” “ไม่!!” แม้ชายชาวไทยที่มีร่างกายยำจะอยู่ใต้พันธนาการแต่เขาปฏิเสธเสียงแข็ง
ชายไทยมาดนักเลงใช้ศีรษะของกระแทกเข้าใส่หน้าของวิลสัน วิลสันกุมหน้าของตัวเองและถอยออกไป ซิลเวอร์ลุกขึ้นมาก่อนจะใช้หมัดของเขาต่อยเข้าใส่หน้าของวิลสัน เขาสาวหมัดใส่อีกครั้ง ชายผมบลอนด์โซซัดโซเซทำท่าจะล้ม แต่เท้าของเขาก็ยังคงยืนหยัดบนพื้นเวทีได้ ซิลเวอร์จับคู่ต่อสู้ของเขาแบกขึ้นหัวไหล่พร้อมกับวิ่งไปและฟาดคู่ต่อสู้ของเขาลงไปกับพื้น เสียงของแผ่นหลังของผู้มาเยือนกระแทกกับพื้นเวที ดังกึกก้องไปทั่วฮอลล์ ซิลเวอร์กดทับร่างของคู่ต่อสู้เขา กรรมการทิ้งตัวพร้อมใช้มือตบไปลงบนพื้นเวทีเพื่อนับ
“หนึ่ง สอง...”
แต่วิลสันไม่ยอมแพ้ง่ายๆด้วยการยกไหล่ขึ้นมา ซิลเวอร์กระทืบเข้าไปกลางหน้าท้องของวิลสัน เขาใช้เท้าของเขาเหยียบลงไปยังวิลสันอีกรอบ กรรมการต้องรีบเข้ามาห้าม วิลสันที่ได้รับโอกาสให้ตั้งตัวจับเชือกและพยุงร่างของตัวเองขึ้นมา เมื่อกรรมการอนุญาตให้การต่อสู้เริ่มต่อ ซิลเวอร์ก็พุ่งเข้าไปและใช้ร่างของกระแทกใส่กับวิลสัน พร้อมกับโยนวิลสันลอยไปในอากาศเหมือนกับของเล่น ท้องของวิลสันกระแทกพื้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงเชียร์ของแฟนๆ เสียงตะโกนเชียร์ “ซิลเวอร์” “ซิลเวอร์” เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ชายที่แฟนๆกำลังขานชื่อเขาถอยไป เขาย่อตัวลงและจับเชือกเส้นที่สองไว้แน่น แฟนๆเห็นการตั้งท่าแบบนี้ก็รู้ทันทีว่าท่าอะไร แฟนๆเริ่มตะโกน “สเปียร์” “สเปียร์” “สเปียร์”
“วิลสันกำลังลุกขึ้นมาครับ วิลสันหันกลับมา...ซิลเวอร์พุ่งไปสเปียร์หรือที่เขาเรียกว่าซิลเวอร์ บุลเล็ต ครับ!!” “แต่วิลสันถีบสวนด้วยเลเซอร์ สไปค์ครับ!!” จอร์จพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
เสียง “เพี๊ยะ” จากการที่วิลสันถีบใส่คางของซิลเวอร์ดังขึ้นไปทั่ว แฟนๆอุทานกับเสียงที่ดังกึกก้อง ชายที่ถูกถีบเข้าไปล้มลงไปนอนกับพื้น หนุ่มจากแดนลุงแซมปีนขึ้นไปขอบเวที เขาดึงสนับศอกของเขาเล็กน้อย มือข้างนึงของเขาจับเชือกไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างเรียกให้คู่ต่อสู้ของเขาลุกขึ้น ซิลเวอร์ลุกขึ้นมาช้าๆ เมื่อซิลเวอร์ลุกขึ้นมา วิลสันก็สปริงตัวเชือกไปหาคู่ต่อสู้พร้อมกับง้างเตรียมใช้ท่อนแขนฟาดใส่หน้าคู่ต่อสู้ ทว่าซิลเวอร์จัดการสวนด้วยซิลเวอร์ บุลเล็ตกลางอากาศ วิลสันที่โดนไหล่ของซิลเวอร์เสียบเข้าไปนอนกุมท้องด้วยความเจ็บปวด แฟนๆต่างตะโกน “โฮลี่ ชิท” เพื่ออาการตกใจกับการที่วิลสันถูกเล่นงานกลางอากาศ
“เหลือเชื่อมากเลยครับเมื่อกี้...แต่ตอนนี้ซิลเวอร์รีบลากคอของวิลสันขึ้นมา” จอร์จพากย์ต่อ “ก่อนจะจับวิลสันเด้งเชือก วิลสันเด้งกลับมาเจอ ซิลเวอร์โยนขึ้นฟ้าก่อนจะฟาดลงไปด้วย เชีย ฮาร์ท แอ็คแท็ค!!” “วิลสันนอนนิ่งเลยครับ ซิลเวอร์กด กรรมการนับ!! หนึ่ง สอง สาม!!” จอร์จบรรยาย
เสียงเชียร์ดังขึ้น ใบหน้าของเหล่าคนดูเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เพราะซิลเวอร์เป็นเพียงแค่เด็กใหม่เท่านั้นแต่สามารถเอาชนะนักมวยปล้ำเก๋าประสบการณ์อย่างวิลสันไปได้ ซิลเวอร์กลิ้งลงข้างล่างเวทีพร้อมกับเสียงปรบมือของแฟนๆ ด้านผู้แพ้ก็นอนกุมหน้าท้องของตัวเอง พร้อมกับจับเชือกเพื่อพยุงร่างของเขา เมื่อทั้งสองเดินกลับไปหลังฉาก มันก็ถึงเวลาของคู่เอก แม้จะผ่านไปสี่คู่แล้ว แต่คนดูก็ยังมีพลังงานเต็มที่ พวกเขาเริ่มเรียกชื่อของ “โอดิน” ก่อนที่เจ้าของชื่อจะออกมาเสียอีก เมื่อเพลงเปิดตัวของโอดิน ดังขึ้นเหล่าคนดูก็ส่งเสียงเชียร์กันอย่างกึกก้อง แม้เขาจะเป็นอธรรมก็ตาม ตามจริงแล้วในโลกของมวยปล้ำสมัยใหม่ จะเป็นธรรมะหรืออธรรมไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ คนดูอยากเชียร์คนที่เชียร์และอยากจะโห่คนที่อยากโห่
ชายสวมหน้ากากหมาป่าสีดำเดินออกมาด้วยมาดที่นิ่งขรึม เขายังคงสวมกางเกงขายาวสีดำที่ไร้รวดลายเช่นเดิม ดวงตาของเขาเย็นดุจดั่งน้ำแข็ง แม้ว่าแฟนๆจะยื่นมือเช่นไร เขาก็ไม่มีการโต้ตอบกับกลุ่มแฟนๆพวกนั้น โอดินเหลือบมองเคฟเพียงเล็กน้อยในขณะที่เขาเดินผ่านอดีตคู่ต่อสู้ของเขา โอดินขึ้นเวที พร้อมกับเสียงประกาศของผู้ประกาศ
“แมทช์นี้เป็นแมทช์ตัวต่อตัว กำหนดหนึ่งยก น้ำหนัก 87 กิโลกรัม โอดิน!!”
เสียงเฮดังขึ้นมา ชายสวมหน้ากากหมาป่ายืนพิงมุม เขายืนรอคอยคู่ต่อสู้ของเขา เมื่อเพลงของเขาดับลง เพลงอีกเพลงหนึ่งก็ดังขึ้น มันเป็นแนวดนตรีร็อค ชายคนหนึ่งเปิดผ้าม่านออกมา เขาเป็นชายที่ใบหน้า “ฝรั่ง” รวมถึงผมเปียสีบลอนด์ของเขาที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นชาวต่างชาติ ผิวของเขาขาวเผือก กระนั้นแม้เขาจะเป็นชาวต่างชาติ แต่เขาเป็นชายที่ไม่ได้สูงนัก ส่วนสูงของเขาคงเทียบเท่ากับเคฟเพียงเท่านั้น เขาสวมเสื้อกั๊กสีแดง มันทำให้เห็นแขนข้างนึงของเขาที่ทำจากเหล็ก ตามจริงแล้วมันก็ไม่ได้เป็นเหล็กจริงๆแต่เป็นเพียงแค่ “เครื่องประดับ” และแขนเหล็กของฝรั่งผู้นี้ก็เป็นเหมือนคาแร็คเตอร์ของเขา ชายผู้มาจากแดนหมีและได้รับการดัดแปลงจากพ่อของเขาที่เป็นนักวิทยาศาสตร์
“และคู่ต่อสู้ของเขา หนัก 55 กิโลกรัม โอเวอร์ลิมิต วลาดิเมียร์!!” ผู้ประกาศเปล่งเสียงออกมาใส่ไมค์
แฟนๆส่งเสียงปรบมือให้กับผู้มาเยือนคนนี้ เขาถอดเสื้อกั๊กออกมาและโยนลงข้างเวที เคฟเก็บมันจากพื้นและวางไว้บนโต๊ะที่จอร์จใช้เป็นผู้บรรยาย เสียงระฆังดังขึ้น โอดินพุ่งตรงไปก่อนจะถีบเข้าใส่หน้าของวลาดิเมียร์ที่ไม่ทันตั้งตัวก่อนเลย แฟนๆส่งเสียงโห่ให้กับการกระทำที่ไร้สปิริตของโอดิน แม้แฟนๆจะชื่นชอบ แต่หากทำอะไรที่ไม่ถูกกติกาแฟนๆก็มักจะไม่ยอมรับอยู่ดี วลาดิเมียร์นอนกุมหน้าบนพื้น โอดินกระทืบแผ่นหลังของผู้มาเยือน กรรมการต้องรีบมาแยกโอดินออก ชายสวมหน้ากากหมาป่าถอยออกไปตามคำสั่งของกรรมการ วลาดิเมียร์พยุงตัวขึ้นมายืนที่มุม โอดินตรงเข้าไปอีกครั้ง ทว่าวลาดิเมียร์สวนเข้าไปด้วยหมัดขวาข้างที่ทำจากเหล็กของเขา แรงกระแทกดอกนี้ทำให้โอดินที่ยืนอยู่ล้มลงไปนอน โอดินโดนหมัดน็อคทำให้เขาล้มลงไปนอนกับพื้น วลาดิเมียร์รีบกด กรรมการนับ
“หนึ่ง สอง”
แต่โอดินยกไหล่ได้ทัน ทำให้แมทช์นี้ไม่จบลงภายในหนึ่งนาที โอดินเอามือกุมเชือก เขาส่ายหน้าเพื่อสลัดความมึนออกจากร่างของเขา ชายจากรัสเซียรวบเอวของโอดินก่อนจะจับยกใส่เจอร์แมน ซูเพล็กส์ ขาของโอดินลอยขึ้นฟ้าก่อนที่คอของเขาจะปักลงไปกับพื้น มันออกมาเป็นสะพานโค้งและทำให้ไหล่ของโอดินแตะพื้น กรรมการนับอีกครั้ง แต่โอดินยังคงดิ้นหลุดที่สองเช่นเคย โอดินรีบกลิ้งลงเวทีเพื่อไปตั้งตัว แฟนๆส่งเสียงโห่ให้เช่นเคย วลาดิเมียร์กลิ้งลงอีกด้าน ด้วยขนาดตัวที่เล็กทำให้เขามีความว่องไว เขาวิ่งตามโอดิน ชายที่ถูกวิ่งไล่รีบกลิ้งกลับขึ้นเวที วลาดิเมียร์ตามขึ้นไป ทว่าชายจากรัสเซียเหมือนเหยียบกับดักที่โอดินวางไว้ ชายสวมหน้ากากจัดการใช้ท่อนแขนของกระแทกเข้าใส่คอของวลาดิเมียร์
ชายที่ถูกกระแทกไปลงนอนหน้าคว่ำกับพื้น โอดินดึงเปียของคู่ต่อสู้เขาขึ้นมา โอดินจับเอาหน้าของวลาดิเมียร์กระแทกเข้ากับมุม แรงกระแทกทำให้ชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าโอดินเดินโซเซไปกลางเวที โอดินเด้งเชือกวิ่งไปพร้อมกับยกเท้าจะถีบใส่หน้าของคู่ต่อสู้เขา ทว่าคู่ต่อสู้ของเขาหลบได้ทัน โอดินที่พลาดไปหันกลับมา เจอวลาดิเมียร์ใช้หมัดข้างขวาเสยใส่คางของ คราวนี้โอดินไม่ล้ม เขาใช้มือของเขาจับเชือกเวทีไว้ วลาดิเมียร์ดึงขาของโอดินก่อนจะจับโอดินเด้งเชือก โอดินเด้งกลับมาเจอวลาดิเมียร์หมุนตัวและใช้เท้าของเขาถีบเข้าใส่ใบหน้าของโอดินเต็มๆ เหงื่อของโอดินกระจัดกระจายไปพร้อมกับร่างของเขาที่ล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง
“ทางโอดินตอนนี้โดนเล่นงานใหญ่เลยครับ แม้ว่าวลาดิเมียร์จะอายุแค่ 18 แต่เขาสามารถเล่นงานนักมวยปล้ำระดับท็อปของสมาคมได้อย่างต่อเนื่องเลยครับ” จอร์จบรรยาย “ไม่ธรรมดาจริงๆ ผู้ชายคนนี้” จอร์จสรรเสริญชายหนุ่มจากรัสเซีย
วลาดิเมียร์จับโอดินยืนขึ้นมา ก่อนจะจับยกขึ้นและเอาหลังของโอดินกระแทกกับเข่าตัวเอง แม้เขาจะตัวเล็กแต่เขาสามารถแยกร่างของโอดินที่ตัวใหญ่กว่าเขาได้สบายๆ แสดงให้เห็นว่าชายคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหน โอดินที่หลังกระแทกเข้ากับเข่าของเด็กหนุ่มจากรัสเซียก็นอนงอตัวอยู่บนพื้น วลาดิเมียร์ยกขาข้างซ้ายของโอดินขึ้นมาก่อนจะจับล็อคข้อเท้าของโอดิน ชายสวมหน้ากากหมาป่าร้องอกมาด้วยความเจ็บปวด กรรมการเข้ามาถามว่าโอดินจะยอมไหม ชายสวมหน้ากากหมาป่าส่ายหน้า หน้าของเขาแนบกับพื้นเวที ร่างกายของเขาอ่อนแรง ทว่าโอดินรวบรวมแรงที่เขาเหลืออยู่ก่อนจะจับเชือกได้สำเร็จ กรรมการสั่งให้โอดินปล่อยคู่ต่อสู้ของเขาออก
“โอดิน ทน แองเกิ้ล ล็อค (Ankle Lock) หนึ่งในท่าประจำตัวของวลาดิเมียร์ได้ครับ” จอร์จบรรยาย “วลาดิเมียร์ลากคอของโอดินขึ้นมา ก่อนที่จะใช้แขนขวาบีบคอของโอดินครับ เตรียมใส่ ไอ้ออน วิล” ชายหัวล้านบรรยายต่อ “ไอ้ออนวิลคือท่าที่วลาดิเมียร์ยกคู่ต่อสู้ขึ้นกลางอากาศและใช้แขนอีกข้างฟาดใส่คอคู่ต่อสู้” จอร์จอธิบาย “แต่ตอนนี้โอดินฝืนไว้!! โอดินใช้แขนอีกข้างศอกใส่วลาดิเมียร์”
วลาดิเมียร์เซออกไป โอดินเด้งเชือกก่อนจะจับคู่ต่อสู้ของเขาเอาหน้าฟาดกับพื้น วลาดิเมียร์ที่หน้ากระแทกกับพื้นลงไปนอนนิ่ง
“ออกมาแล้วครับ แบล็ค เซอร์เคิ้ล!!” จอร์จตะโกนสุดเสียง “โอดินกดครับ!! หนึ่ง สอง สะ...วลาดิเมียร์ยังคงทนได้ครับ” จอร์จพูดต่อ
โอดินลุกขึ้นมาพร้อมกับลากคอของวลาดิเมียร์ขึ้นมาและเตรียมจะปิดบัญชี ทว่าคู่ต่อสู้ของเขาได้สติและดิ้นหลุดออกมา วลาดิเมียร์บีบคอของโอดินอีกครั้ง ทว่าโอดินใช้มือของเขากระแทกไปยังแขนข้างที่บีบอยู่ของวลาดิเมียร์ ชายชาวรัสเซียถอยออกมา โอดินเตะเข้าใส่กลางหน้าท้องพร้อมกับฟาดคู่ต่อสู้ของเขาลงไปด้วยท่าไม้ตายของเขา
“แดนซ์ซิ้ง วิท เดอะ เดวิ้ล!! วลาดิเมียร์นั่งสนิทครับ โอดินกด” “หนึ่ง สอง สาม”
เสียงระฆังดังขึ้นหลังจากที่เลขสามถูกนับ โอดินลุกขึ้นมาจากพื้น ทว่าเขาเดินไปยังมุมที่จอร์จนั่งอยู่ เขาทำสัญญาณมือขอไมค์จากจอร์จ เนื่องจากที่นี่มีไมโครโฟนเพียงแค่ตัวเดียว โอดินจึงต้องใช้จากไมค์ตัวเดียวกันกับจอร์จ เพลงเปิดตัวของเขาถูกตัดเงียบลง แฟนๆในสนามเงียบสนิทและรอฟังว่าชายผู้นี้มีอะไรอยากจะพูดหรือไม่
“ซาวาชิโระ” โอดินเรียกชื่อของเจ้าของสมาคมขึ้นมา “แมทช์ต่อไป ชั้นอยากเจอกับแก”
เขาพูดเพียงแค่นี้ ก่อนจะโยนไมค์ลงพื้น แฟนๆส่งเสียงฮือฮาออกมาหลังจากคำท้าทายของโอดิน เมื่อผู้ชนะเดิมกลับไปมันก็เป็นการจบโชว์แต่เพียงเท่านี้
=====
“กลับมาแล้ว” ซาวาชิโระพูดพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางสีดำของเขาเข้ามาในโรงยิมที่ว่างเปล่า
ตามข้อตกลงของสมาคม วันอาทิตย์ที่อยู่หลังโชว์จะไม่มีการฝึกซ้อมและให้หยุดพัก มันเป็นภาพที่ไม่ค่อยคุ้นชินที่ไม่ค่อยเห็นใครใช้งานสถานที่แห่งนี้ กระนั้นแล้ว แม้วันนี้จะเป็นวันหยุด แต่ในโรงยิมก็มีบุคคลสองคนรอต้อนรับการกลับมาจากญี่ปุ่นของหัวหน้าสมาคม ซึ่งสองคนนั้นก็คือกิ๊ฟและจอร์จ
“เป็นยังไงบ้างคะที่ญี่ปุ่น?” กิ๊ฟเอ่ยปากถามด้วยรอยยิ้ม “ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษน่ะ แล้วโชว์เป็นยังไงบ้าง?” ซาวาชิโระถามผู้จัดการทั่วไปของสมาคม “เป็นไปได้ดีค่ะ แฟนๆตอบรับดีเช่นเคยค่ะ” กิ๊ฟตอบด้วยรอยยิ้ม
“งั้นหรือ ถ้าเป็นงั้นก็ดี ถ้างั้นเรามาเริ่มวางแผนโชว์ต่อไปกันเลยดีกว่าไหม?” ซาวาชิโระถามจอร์จและกิ๊ฟที่ยืนมองหน้าของเขาอยู่ “เอ่อ...คือว่ามันมีปัญหานิดหน่อยค่ะ” กิ๊ฟแย้งขึ้น “สถานที่เราจัดกันเป็นประจำ จะปิดปรับปรุงค่ะ” กิ๊ฟพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยกังวล
===== ข้อมูลเพิ่มเติม Iron Will ท่าไม้ตายของวลาดิเมียร์
|
|
|
Post by gudomana on Jul 14, 2018 6:22:48 GMT
Match 7 : Cult of Personality
“ว้าววว” ดวงตาของเมย์เป็นประกายขึ้นมาในขณะที่เธอมองไปยังข้างหน้าของเธอ
ข้างหน้าของเธอมีเพนกวิ้นจำนวนหนึ่งที่กระโดดลงไปในน้ำ เธอมองการเคลื่อนไหวของเหล่าสัตว์ตัวเล็กพวกนี้ผ่านกระจกที่ขั้นระหว่างเธอและเหล่าเพนกวิ้นพวกนั้น เมย์หยิบมือถือของเธอมาจากกระเป๋าสะพาย เธอเก็บภาพเหล่าเพนกวิ้นพวกนี้ด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ทว่าในขณะที่เธอกำลังเก็บภาพอยู่ เธอก็เหลือบมองไปข้างหลังผ่านหัวไหล่ของเธอ เธอเห็นเคฟที่ยืนห่างจากเธอ ดวงตาของเขาไม่ได้มองเหล่าเพนกวิ้นที่กำลังสไลด์ตัวไปบนพื้นน้ำแข็ง เหมือนกับว่าดวงตาของเขาเหม่อลอยไปอย่างไร้จุดหมาย
“เคฟ เบื่อหรอ?” เมย์ถามด้วยใบหน้ากังวล “เปล่าๆ ชั้นไม่ได้เบื่อหรอก ชั้นแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ” เคฟรีบปฏิเสธพร้อมกับตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “หืมมม เคฟกำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่หรอ” เมย์ถามด้วยใบหน้าสนใจ
“ก็เรื่องของสมาคมน่ะ” เคฟตอบไปตามตรง “เห...แต่เมื่อวานเคฟสุดยอดมากเลยแหละ พอชั้นได้ดูเคฟใกล้ๆแล้ว มันเป็นอีกอารมณ์นึงเลยล่ะ” เมย์เปลี่ยนประเด็น “ขอบใจ” เคฟยิ้มตอบรับกับคำชื่นชมของเพื่อนตัวเอง
“แต่ว่าคิมเบอร์นี่น่าหมั่นไส้มากเลยนะ ไม่ยอมช่วยเพื่อนเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าหมอนั่นคิดว่าตัวเองมีดีอะไร” “ถึงชั้นจะไม่ชอบทาร์คมาสเตอร์ก็เถอะ แต่ชั้นว่าการไม่ช่วยเพื่อนเลยก็ไม่ถูกเหมือนกัน” เมย์แสดงความเห็นของตัวเองออกมา “แย่เนอะ” เคฟตอบสั้นๆพร้อมกับหัวเราะหลังจบประโยค
พอได้ยินแบบนี้แล้ว เคฟก็รู้ทันทีว่าเขาไม่สามารถบอกเพื่อนของเขาได้ว่านั่นไม่ใช่บท เขาไม่อยากจะทำลายภาพมารยาที่มวยปล้ำมอบให้กับเธอ รวมถึงไปพูดเรื่องเสียหายเกี่ยวกับสมาคม
“แล้วโชว์หน้า เมย์จะไปดูไหม?” นักมวยปล้ำจากแบงคอก โปรเรสริ่งถาม “แน่นอนซิ ไปอยู่แล้ว” เมย์ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและไร้ซึ่งความลังเล
=====
กิ๊ฟเดินอยู่หอประชุมว่างสีเหลืองอ่อนๆ มันเป็นหอประชุมคนละที่กับที่พวกเขาใช้จัดประจำ เพราว่าสถานที่ประจำของพวกเขาจะปิดปรับปรุง เธอเดินเคียงข้างกับซาวาชิโระและหญิงวัยกลางคนที่เป็นเหมือนเจ้าของสถานที่แห่งนี้ ในมือของหญิงวัยกลางคนถือซองใส่เอกสารสีน้ำตาลอยู่ ชายชาวญี่ปุ่นและผู้จัดการทั่วไปยืนพูดคุยปรึกษากันด้วยภาษาญี่ปุ่น หญิงที่เป็นเจ้าของสถานที่ยืนใกล้ๆ แม้เธอจะมองไปยัง “ว่าที่ลูกค้า” ของเธอ แต่เธอไม่เข้าใจอะไรที่ออกมาจากปากของทั้งสองเลยแม้แต่น้อย เมื่อบทสนทนาของทั้งสองจบลง กิ๊ฟก็หันไปยังหญิงวัยกลางคนชาวไทยที่ยืนรอพวกเขาอยู่
“ตกลงค่ะ เราจะเช่าที่นี่” กิ๊ฟพูดด้วยรอยยิ้ม “ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ...รายละเอียดอยู่ในนี้ค่ะ” หญิงวัยกลางคนยื่นซองเอกสาร “จะว่าไปใช้ที่นี่ทำอะไรหรอ?” หญิงที่ดูแลสถานที่ถามต่อ “จัดมวยปล้ำค่ะ” กิ๊ฟตอบด้วยน้ำเสียงไม่หนักแน่นเท่าไหร่
มือของหญิงที่ถือซองเอกสารชะงักและหยุด เธอดึงซองเอกสารของเธอกลับไปด้านตัวเอง
“มวยปล้ำนี่คือไอที่เอาเก้าอี้ตีกันไรงั้นรึเปล่า?” หญิงคนนี้ถามด้วยสีหน้ากังวล “ก็มีค่ะ แต่สมาคมของเร-“ “ขอโทษค่ะ ทางเรากลัวว่ากิจกรรมของคุณจะทำให้สถานที่ของเราเสื่อมเสีย” เจ้าของสถานที่ปฏิเสธ “แต่ลองดูวิดีโอของทางสมาคมก่อนก็ได้น่ะค่ะ” กิ๊ฟพูดพลางหยิบมือถือของเธอ เพื่อจะโชว์ให้กับเจ้าของสถานที่
กระนั้นแม้เธอจะดูวิดีโอที่ทางกิ๊ฟให้ดูแล้ว คำตอบของเธอก็ยังคงเป็นดั่งเดิม นั่นก็คือปฏิเสธ กิ๊ฟและซาวาชิโระเดินออกมาจากหอประชุมด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง พวกเขาตรงกลับเข้าไปในรถที่จอดอยู่หน้าอาคาร กิ๊ฟนั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับ ในขณะที่ชายชาวญี่ปุ่นนั่งข้างๆเธอ หญิงผมสีน้ำตาลหยิบสมุดโน้ตสีดำของเธอขึ้นมา เธอกางมันออก บนหน้ากระดาษเต็มไปด้วยชื่อสถานที่มากมาย บนชื่อมีรอยดินสอที่ขีดฆ่า เธอหยิบดินสอขึ้นมาขีดรายชื่อที่อยู่ล่างสุด เธอถอนหายใจฟอดใหญ่เมื่อกิ๊ฟมองรายชื่อที่ถูกขีดฆ่าจำนวนมาก
“เราไปเกือบมาสิบที่แล้ว แต่พอได้ยินว่าเราจะจัดโชว์มวยปล้ำ ก็ปฏิเสธเราหมดเลย” กิ๊ฟบ่นในขณะที่ดวงตาของเธอมองรอยดินสอสีดำจำนวนมาก “ก็นะ พอคนไทยพูดว่ามวยปล้ำ ก็ต้องนึกว่าเอาเก้าอี้ฟาดกันเลือดออกทุกที” ซาวาชิโระพูดพลางรัดเข็มขัดนิรภัย “แล้ว เราจะทำยังไงต่อดีคะ?” กิ๊ฟหันมาถามเจ้านายของตัวเอง
ซาวาชิโระจับคางของเขาพร้อมกับครุ่นคิด
“เราอาจจะต้องลองถามคนอื่นดูแล้วละมั้ง” ซาวาชิโระหันไปตอบ “ถ้างั้น ชั้นจะลองเขียนไปในไลน์กลุ่มละกัน” กิ๊ฟตอบพร้อมกับใช้นิ้วของเธอส่งข้อความขอความช่วยเหลือลงไปในกลุ่ม “เรียบร้อยแล้วค่ะ หวังว่าในสมาคมของเราจะช่วยเราได้นะ” น้ำเสียงของเธอมีความกังวลเจือปนอยู่
=====
“แช๊ะ” เสียงของกล้องมือถือดังขึ้นมา
เมย์เก็บภาพของเค้กสีชมพูที่วางไว้บนจานสีดำ ชายหญิงคู่นี้นั่งอยู่ในร้านเบเกอร์รี่ที่ถูกตกแต่งสไตล์ยุโรปโบราณ บนผนังมีรูปถ่ายสีขาวดำมากมายถูกแขวนอยู่ ในร้านเต็มไปด้วยพนักงานที่แต่งตัวด้วยชุดบัตเลอร์และเมดสีขาวดำและลูกค้ามากมายที่กำลังดื่มด่ำกับรสชาติเค้กอันหอมหวาน เช่นเดียวกันกับโต๊ะของเคฟและเมย์ที่เค้กสองจานวางอยู่ตรงหน้า หญิงสาวผมดำหยิบส้อมขึ้นมาและใช้มันตัดก้อนเค้กออกเป็นชิ้นเล็กๆ เธอใช้ส่วนแหลมของมันจิ้มก้อนเค้กเล็กๆและนำมันเข้าปาก เธอใช้มือของจับแก้มของเธอ สีหน้าของเธอแสดงให้เห็นว่าเค้กที่เธอกินเข้าไปนั้นเอร็ดอร่อยขนาดไหน ก่อนที่เคฟจะใช้ส้อมของเขาตักก้อนเค้ก มือถือของเขาก็สั่นเพื่อเป็นการแจ้งเตือนเขา ชายผมดำล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบมือถือขึ้นมา มันเป็นข้อความจากผู้จัดการสมาคม ซึ่งเขียนไว้ในไลน์กลุ่ม
“เมย์ เธอพอรู้จักที่ไหนที่พอจะจุคนประมาณสองร้อยคนได้บ้าง” เคฟอ่านข้อความนี้ออกมาดังๆเพื่อเป็นการถามเพื่อนร่วมโต๊ะของตน “หืม ทำไมหรอ?” ก่อนที่เธอจะตอบ เธอก็ตั้งคำถามขึ้นมา “คือว่าที่ๆเราใช้ประจำ จะปิดปรับปรุง เราก็เลยต้องหาที่ใหม่เพื่อจัดโชว์ของเรา” เคฟเล่าไปตามความจริง
“อืมมมม” เมย์เอาช้อนแตะริมฝีปากของตัวเอง พร้อมทำสีหน้าครุ่นคิด “มันก็ยังมีที่นึงนั่นแหละ” เมย์ตอบ
เมื่อทั้งสองกินเค้กเสร็จ เมย์ก็พาเพื่อนของเธอยังไปสถานที่ดังกล่าว ทั้งสองนั่งรถไฟฟ้าก่อนจะลงรถไฟฟ้ายังสถานีที่อยู่เกือบปลายสาย ทั้งสองเดินลงจากสถานีและเดินบนทางเท้า ทั้งสองเดินได้ไม่นานก่อนจะหยุดลงที่หน้าอาคารแห่งนึง มันเป็นอาคารสองชั้น ตัวอาคารถูกทาด้วยสีเหลือง ประตูถูกทาด้วยสีเขียว มันถือว่าเป็นสีร้านที่ดูฉูดฉาดตามาก เหนือประตูร้านสีเขียวมีป้ายร้านเขียนไว้ว่า "ลูช่า เฮ้าส์” ข้างหน้าร้านมีหุ่นตัวการ์ตูนชายยืนอยู่ ดูจากการออกแบบแล้ว ตัวการ์ตูนตัวนี้คงเป็นชายชาเม็กซิกัน ดูจากสีผิวสีแทนและหนวดสไตล์เม็กซิกันที่เรียกว่า “ซอมเบรโร่” ในขณะที่เคฟกำลังยืนสำรวจหน้าร้าน เมย์ก็เปิดประตูเข้าไปก่อน
“กริ๊งๆ” เสียงกระดิ่งดังขึ้นมา
เมื่อเข้าไปเคฟก็เห็นโต๊ะอาหารมากมายที่ถูกจัดเรียงกันในสถานที่แห่งนี้ ในร้านไม่ได้มีลูกค้ามากมายเท่าไหร่นัก ดูจากจำนวนที่ว่างที่เหลืออยู่ เพลงสไตล์เม็กซิกันดังคลออยู่ เคฟเห็นกรอบรูปจำนวนมากที่ถูกแขวนรวมกันบนกำแพง ในกรอบรูปมีนักมวยปล้ำมากมาย ส่วนใหญ่เป็นนักมวยปล้ำใส่หน้ากากหรือที่เรียกกันว่า “ลูชาดอร์” ในภาษาสเปน มวยปล้ำในเม็กซิกันส่วนใหญ่จะเป็นมวยปล้ำหน้ากากและมีสไตล์ที่โลดโพนกว่าประเทศอื่นๆ
“สุดยอดไปเลยแฮะ...เรย์ มิสเตริโอ้ , ลา พาร์ก้า , เอดดี้ เกอร์เรลโร่” เคฟพูดชื่อนักมวยปล้ำที่เขาเห็นในกรอบรูป “น้าแมน อยู่ไหมคะ” เมย์เอ่ยปากถามชื่อใครซักคนที่บริเวณห้องครัว “อ้าว หนูเมย์เองหรอมีอะไรน่ะ?” เสียงตอบจากห้องครัวดังขึ้นมา “พอดีหนูมีเรื่องอยากจะถามหน่อยค่ะ” เมย์พูดต่อ
ประตูห้องครัวถูกเปิดออก ชายเจ้าของเสียงเดินออกมา เขาเป็นชายร่างท้วม เส้นผมของเขาบาง ใบหน้าและผิวหนังของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
“มีอะไรจะถามน้าหรอ?” ชายที่ถูกเรียกว่าน้าแมนถามคำถามเดิมอีกครั้ง “จริงๆแล้วคนที่มีคำถาม น่าจะไม่ใช่หนู แต่เป็นเพื่อนของหนูมากกว่าค่ะ” เมย์ตอบด้วยน้ำเสียงอันสดใสและใบหน้าอันยิ้มแย้ม พลางชี้นิ้วไปยังเคฟที่ยังคงยืนสำรวจรูปภาพของนักมวยปล้ำอยู่ “เคฟ?” น้าแมนอุทานชื่อของเคฟออกเมื่อเขาหันไปยังเด็กหนุ่ม
“ครับ?” เคฟตกใจเมื่อเขาได้ยินคนขานชื่อเขา “คุณเคฟจากแบงคอก โปรเรสริ่งใช่ไหมครับ?” ชายคนนี้ถามต่อ “ชะ ใช่ครับ” เคฟที่ไม่ทันได้ตั้งตัวพยักหน้าตอบคำถาม
“ผมดูคุณขึ้นปล้ำแล้ว ผมอยากจะบอกว่าคุณสุดยอดมากเลยล่ะ ผมยังตามเชียร์คุณเรื่อยๆนะ” น้าแมนพูดให้กำลังใจเด็กหนุ่ม “ขอบคุณมากครับ” เคฟยิ้มตอบรับ “แล้ว คุณเคฟมีธุระอะไรงั้นหรอ?” เจ้าของร้านถามด้วยใบหน้าสนใจ
“เอ่อ คือว่าทางสมาคมกำลังหาสนามที่จะใช้จัดใหม่น่ะครับ” “แล้วตอนนี้เรายังไม่ได้สถานที่ใหม่ซักที ผมเลยขอคำปรึกษาจากเมย์ และเมย์ก็แนะนำที่นี่มาน่ะครับ” “แบบนี้นี่เอง ตามผมมาซิ”
ชายที่ชื่อแมนเดินตรงออกไปยังประตูอีกบาน เขาเปิดประตูออก และปรากฏให้เห็นลานที่กว้าง มันเป็นลานที่ถูกเทด้วยปูและถูกรายล้อมด้วยคอนโดสูง สถานที่ตรงนี้มันเป็นที่โล่งๆ ความกว้างของมันดูไม่ต่างกับสถานที่เขาใช้จัดโชว์ก่อนหน้านี้เท่าไหร่มากนัก
“อาจจะไม่ได้ถึง สองร้อยที่ แต่ถ้าจัดดีๆหน่อย ก็คงได้ร้อยๆกว่าๆล่ะมั้ง” เจ้าของสถานที่คาดคะเน “ว่าแต่ตรงนี้นี่ที่ของคุณหรอครับ?” เคฟถามด้วยความสงสัย “อืม ที่ของผมเองแหละ พอดีผมซื้อที่ตรงนี้ไว้นานมากแล้ว และผมก็ไม่มีเงินพอที่จะสร้างร้านใหญ่ๆได้ ผมจึงปล่อยตรงนี้ไว้” น้าแมนเล่าให้ฟัง “ถ้างั้นผมขอลองคุยกับคุณซาวาชิโระดูก่อนนะ” เคฟตอบพูดกับเจ้าของร้าน
เขาก้มลงและส่งข้อความไปยังไลน์กลุ่ม ไม่นานเมื่อข้อความถูกส่งไป กิ๊ฟก็ตอบกลับมา เคฟบอกตำแหน่งของร้านนี้ และไม่นานซาวาชิโระและกิ๊ฟก็มาถึงยังร้านอาหารที่ชื่อ “ลูช่า เฮ้าส์” ชายชาวญี่ปุ่นและผู้จัดการทั่วไปของสมาคมมองไปยังพื้นที่ที่เคฟแนะนำมา
“ว่าไงบ้างครับ?” เคฟถามซาวาชิโระและกิ๊ฟที่มองไปรอบๆ “เพอร์เฟ็คเลยแหละ ครั้งหน้าเราจะจัดโชว์ที่นี่” กิ๊ฟตอบรับด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณ คุณแมนมากเลยค่ะ” กิ๊ฟพูดพร้อมก้มโค้งให้กับชายคนนี้
“ไม่เป็นไรหรอก เอ่อ นอกจากค่าเช่าแล้วเนี่ย ชั้นขอถ่ายรูปกับคุณซาวาชิโระและเคฟได้ไหม?” แมนถามด้วยท่าที่ประหม่า “ได้ซิค่ะ” กิ๊ฟตอบด้วยเสียงหัวเราะ
=====
“เคลียร์ไปหนึ่งเรื่องซักที...ถ้างั้นเราน่าจะพร้อมจัดแมทช์การ์ดกันได้แล้วนะ” จอร์จพูดพร้อมนั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้
กิ๊ฟที่นั่งตรงข้ามหันไปแปลข้อความให้กับเจ้านายของเธอ ในโต๊ะนั้นมีเพียงแค่กิ๊ฟที่ไม่มีความรู้มวยปล้ำอะไรมาก เธอจึงมีหน้าที่เป็นเหมือนสื่อกลางที่เชื่อมระหว่างนักมวยปล้ำชาวญีปุ่นและอดีตนักมวยปล้ำชาวไทย จะพูดว่าการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมระหว่างจอร์จกับซาวาชิโระก็คงไม่ผิดเท่าไหร่นัก
“นั่นซินะ งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าไหม?” ซาวาชิโระหันไปถามเพื่อนร่วมโต๊ะ “ค่ะ/อืม” กิ๊ฟและจอร์จตอบพร้อมกัน
“ถ้างั้นแมทช์แรก เคฟ เจอกับ คิมเบอร์ ว่าไงบ้าง?” ซาวาชิโระถามความเห็น “กิ๊ฟ?” ซาวาชิโระหันไปถามล่ามของตนที่หยุดนิ่งเมื่อได้ยินผู้เข้าร่วมแมทช์แรก “คะ ค่ะ?” กิ๊ฟสะดุ้งในขณะที่หันไปยังชายที่เรียกชื่อตัวเอง “เป็นอะไรรึเปล่า?” ซาวาชิโระถามด้วยสายตากังวล
“คือว่า...ชั้นไม่ค่อยเห็นด้วยกับแมทช์นี้เท่าไหร่ค่ะ” กิ๊ฟพูดความจริงออกมา ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยหนักแน่นเท่าไหร่นัก “หืม? ทำไมล่ะ?” คิ้วของซาวาชิโระขมวดขึ้นเมื่อได้ยินคำค้านจากเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างตัวเอง
ใบหน้าของกิ๊ฟดูลังเล กระนั้นทุกสายตาในโต๊ะต่างจับจ้องมาที่เธอ
“ในโชว์ที่แล้ว...” กิ๊ฟเริ่มเล่าออกมาจากปากของเธอ “อย่างงี้เองหรอ” ซาวาชิโระตอบเมื่อกิ๊ฟเล่าเรื่องทั้งหมดจนจบ “ถ้างั้นเราเปลี่ยนแมทช์นี้เป็นสามเส้าไหม? ใส่วิลสันลงไป” จอร์จเสนอขึ้น “เป็นแบบนั้นก็ได้ แต่กิ๊ฟ เธอต้องคุยกับพี่เธอนะ เราจะให้พี่เธอปล้ำแบบนี้เรื่อยๆก็ไม่ได้” น้ำเสียงของชายชาวญีปุ่นเต็มไปด้วยความจริงจัง “ค่ะ” กิ๊ฟพยักหน้าด้วยสีหน้ากังวล
=====
หลังจากที่เคฟแยกทางกับเมย์ เขาก็ยืนอยู่บนรถไฟฟ้า มือของเขาจับเสาเหล็กที่เย็นยะเยือกจากการถูกเครื่องปรับอากาศเล้าโลมร่างของมัน เพราะมันเป็นเวลาเย็นจึงทำให้ผู้โดยสารบนขบวนรถไฟฟ้าไม่หนาแน่น เสียงของล้อรถไฟฟ้าที่วิ่งบนลางดังและเสียงโฆษณาจากจอโทรทัศนืเล็กๆเป็นเสียงบรรเลงอยู่เบื้องหลัง ในขณะที่เคฟยืนนิ่งอยู่กับที่เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นจากกระเป๋ากางเกงของเขา ชายผมดำหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาได้รับข้อความใหม่ โดยผู้เขียนเป็นชายชาวต่างชาติที่ชื่อว่า “วิลสัน” ข้อความที่เขาได้รับไม่ใช่ข้อความที่ยาวแต่เป็นเพียงข้อความที่สั้น
“ชั้นได้ยินมาว่าต่อไปเราจะได้เป็นคู่ต่อสู้กัน” “ชั้นตื่นเต้นมากเลยนะ หวังว่าเราจะได้มีแมทช์ดีๆร่วมกัน” วิลสันเขียนมาสั้นๆ
ดวงตาของเคฟเบิกโพลนด้วยความตกใจ หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นด้วยความตื่นเต้น การได้ขึ้นปล้ำกับนักมวยปล้ำที่มีประสบการณ์สูงถือว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมาก เคฟพิมพ์กลับไปสั้นๆเช่นกัน
“ผมรอคอยที่จะเรียนรู้จากคุณวิลสันอยู่นะครับ”
กระนั้นแล้ว...แมทช์นี้ไม่เคยเกิดขึ้น
===== ข้อมูลเพิ่มเติม Rey Mysterio (ใส่หน้ากาก) กับ Eddie Guerrero สองนักมวยปล้ำลูชาดอร์ที่ถือเป็นตำนานของวงการมวยปล้ำ ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันและสร้างแมทช์ดีๆมากใน WWE ปัจจุบัน Rey ตะเวนปล้ำไปทั่วโลก ส่วน Eddie เสียชีวิตไปในปี 2005 ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว La Parka เป็นอีกหนึ่งนักมวยปล้ำจากเม็กซิกันที่ขึ้นชื่อ โดย La Parka สร้างชื่ออย่างมากใน WCW (ซึ่งปัจจุบันโดนควบรมกับ WWE ไปแล้ว) ปัจจุบันปล้ำอยู่ที่ AAA ในประเทศเม็กซิโก
|
|
|
Post by gudomana on Jul 16, 2018 9:30:20 GMT
Episode 8 : High Energy
“ดีมาก ริน ดีมาก!!” จอร์จตะโกนมองในขณะที่เขามองชายหนุ่มคนนึงวิ่งบนเวที
เขาเป็นชายผมสีบลอนด์ รูปร่างของเขาถือว่าสูงและกำยำ เขาเป็นคนที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ ดูแล้วคงราวๆยี่สิบกว่าปี เขาเด้งเชือกด้วยความว่องไวและคล่องแคล่ว ใบหน้าของเขาปราศจากความเหนื่อย สิ่งที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาคือความตื่นเต้นและความสนุก เคฟนั่งอยู่ข้างเวที แม้ในมือของเขาจะถือขวดน้ำ แต่ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังชายที่กำลังวิ่งอยู่บนเวที
“ไอ้รินนั่น พึ่งมาใหม่แท้ๆ แต่มันพัฒนาไปเร็วมาก” ต้าที่ร่วมสังเกตการณ์พูดขึ้นจากข้างหลัง “แต่มันก็ดีไม่ใช่เหรอที่มีคนมีพรสวรรค์ในสมาคม จะได้ช่วยกันดันสมาคมเราขึ้นไป” อินทร์แย้งความเห็นของชายร่างท้วม “มันก็ใช่อยู่หรอก แต่แบบนั้น มันก็มีโอกาสมากที่เราจะถูกดันลงไป” ต้ากอดอกเอียงคอพูดด้วยความกังวล
เคฟนั่งอยู่เงียบๆ เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่ชายทั้งสองคนพูด ในขณะเดียวกันการมาของรินจะช่วยผลักดันสมาคมขึ้นไปข้างหน้าได้ แต่ในขณะเดียวกันตำแหน่งที่เขายืนอยู่ก็จะทำให้เขาสั่นคลอน ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำคือพัฒนาขึ้นไปอีก
“เคฟ!!” เสียงตะโกนของฮันดังขึ้นมา
ไม่ใช่มีเพียงแต่เคฟที่สะดุ้ง แต่ชายคนอื่นๆที่อยู่แถวนั้นก็ต่างตกใจและหันไปยังต้นเสียง ทุกคนหันไปมองหน้าฮันที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“มีอะไรหรอ ฮัน?” เคฟถามด้วยใบหน้าตกใจในขณะที่เพื่อนของเขานายตรงมายังเขา “นายรู้ข่าวแล้วรึยัง?” ฮันถาม “ข่าวอะไร?” ผู้ถูกถามตั้งคำถามกลับด้วยสีหน้าสับสน
ฮันไม่ได้พูดอะไรนอกจากหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมาและยื่นไปยังเคฟ ชายหนุ่มที่ถูกเรียกทำใบหน้างุนงงแต่เขาก็รับมือถือของฮันไว้ บนหน้าจอมันเป็นวิดีโอที่ถูกหยุดไว้ เคฟใช้นิ้วของเขาจิ้มลงไปบนหน้าจอเพื่อเล่นวิดีโอ เมื่อวิดีโอเล่นขึ้น เขาก็เห็นวลาดิเมียร์ที่กำลังลากคอของวิลสันที่อยู่บนพื้นเวทีขึ้นมา พื้นเวทีเป็นสีแดงตัดสลับดำ ดูแล้วจะเป็นเวทีของ “Ring of Honor” สมาคมมวยปล้ำในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเคฟมองไปที่กั้นคนดูที่มีตัวอักษร “ROH” ก็ทำให้เขามั่นใจว่าเขาคิดถูกแล้ว ในขณะที่วลาดิเมียร์กำลังพยุงร่างของวิลสันลุกขึ้นมา วิลสันก็ใช้มือของชกเข้าที่กลางหน้าท้องของ วิลสันส่งหมัดเข้าใส่กลางหน้าท้องของวลาดิเมียร์อีกครั้ง เด็กหนุ่มจากรัสเซียถอยออกไป
“เพี๊ยะ” เสียงของวิลสันที่ตบอกของวลาดิเมียร์ดังก้องทำกลางเสียงคนดูชาวอเมริกันที่ตะโกน “วู้ววว”
วิลสันเด้งเชือก วลาดิเมียร์พยายามใช้แขนขวาของเขาสกัดคู่ต่อสู้เขา ทว่าวิลสันก้มหลบได้ ชายชาวรัสเซียที่พลาดไปหันกลับมาเจอ คู่ต่อสู้ของเขากระโดดเข่าใส่คางของเขา วลาดิเมียร์ยืนมึน เขาทำท่าเหมือนจะล้มแต่เขาก็ยังไม่ล้ม วิลสันจับคู่ต่อสู้ของเขาแบกขึ้นบ่าก่อนจะโยนคู่ต่อสู้เขาขึ้นฟ้าเพื่อให้ลงมาเจอกับเข่าทั้งสองข้างของเขาที่ดักอยู่ วลาดิเมียร์กลิ้งลงข้างล่างเวทีพร้อมกับกุมหน้าท้อง วิลสันลุกขึ้นมาช้าๆ เมื่อเขาเห็นคู่ต่อสู้เขาอยู่ข้างล่างเวที เขาก็เด้งเชือกและพุ่งผ่านเชือกเส้นที่สองเพื่อกระแทกเข้ากับคู่ต่อสู้ที่อยู่ข้างล่างเวที ทว่าวลาดิเมียร์โยกหลบได้ ไหล่ของวิลสันกระแทกเข้ากับที่กั้นคนดูอย่างแรง เสียงแฟนๆชาวอเมริการ้องออกมาด้วยความตกใจดังก้องในสนาม วิลสันกุมหัวไหล่ของเขาและนอนบนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด กรรมการรีบกลิ้งลงมาดูอาการของนักมวยปล้ำชาวอเมริกัน ในขณะที่วลาดิเมียร์ยืนห่างออกไปด้วยความกังวล ไม่นานกรรมการก็ทำมือเป็นรูปตัว “เอกซ์” บ่งบอกให้ยุติแมทช์ วิดีโอหยุดลงแต่เพียงเท่านี้ ใบหน้าของเคฟเต็มไปด้วยความตกใจ
“เคฟ” เสียงของกิ๊ฟดังขึ้น
เคฟหันกลับไปและเห็นหญิงผมน้ำตาล ใบหน้าของเธอดูเป็นกังวลไม่น้อยไปกว่าเคฟ
“คุณรู้แล้วใช่ไหม?” กิ๊ฟถาม “อะ อืม” เคฟพยักหน้า “คุณซาวาชิโระเปลี่ยนแมทช์ของคุณให้เป็นตัวต่อตัวแทน เหลือแค่คุณกับคิมเท่านั้นนะ” ผู้จัดการทั่วไปของสมาคมแจ้งข่าวให้กับชายผมดำ “อะ อืม เข้าใจแล้ว” เคฟพยักหน้าตอบ
เคฟหันกลับไปเห็นคิมที่ยืนมองหน้าของเขา เคฟกำลังจะอ้าปากเพื่อเปล่งเสียงพูดกับชายคนนี้ ทว่าก่อนที่คำพูดของเขาจะถูกถ่ายทอดออกไป คู่ต่อสู้ในอนาคตของเขาก็เดินจากไปเสียก่อน
=====
“งั้น เคฟ พวกเรากลับก่อนแล้วนะ” ฮันพูดกับเคฟที่ยังคงยืนอยู่บนเวที “อืมๆ เจอกันวันอาทิตย์” เคฟพยักหน้าตอบรับ
ฮันและเล่เดินออกจากโรงยิมไป โรงยิมมันตั้งอยู่ชั้นสี่ของอาคารแห่งหนึ่ง ฮันและเล่ยืนกดลิฟต์และรอให้กล่องสี่เหลี่ยมมารับพวกเขา เสียงสัญญาณว่าลิฟต์มาถึงชั้นสี่ดังขึ้น ประตูลิฟต์เปิดออกช้าๆ ทั้งสองเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนที่ลิฟต์จะปิดประตู ลิฟต์เลื่อนลงช้าๆ ในขณะที่ฮันและเล่ยืนอยู่เพียงลำพัง ชายผมขาวก็พูดขึ้นมาก่อน
“พี่เคฟจะไหวไหมนะ?” เล่พูดขึ้นมา “หมายความว่ายังไง?” ฮันถามสิ่งที่เพื่อนเขาพูดขึ้น “ก็ครั้งที่แล้ว คิมไม่ยอมปล้ำใช่ไหมล่ะ? รอบที่แล้วยังมีผมอยู่ เราเลยยังพอทำไรได้บ้าง” “แต่รอบนี้พี่เคฟต้องปล้ำกับคิมคนเดียว จะไหวไหม นั่นแหละคำถามผม” เล่ขยายความ
“อาจจะไหวก็ได้นะ” เมื่อผู้ถูกถามเข้าใจเข้าก็ตอบขึ้น “เคฟน่ะเป็นคนที่ความพิเศษอย่างนึง” ฮันหันมาพูดกับเพื่อนเขา “ตอนที่ชั้นอยู่ในแมทช์เดียวกันกับเคฟ ชั้นรู้สึกว่าชั้นอยากจะปล้ำเกินร้อยเปอร์เซนต์” ชายผมดำหันมาพูดด้วยรอยยิ้ม
“แบบนี้นี่เอง ก็จริงนะ ตอนที่ผมปล้ำในแมทช์แท็คทีมผมก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน” เล่เห็นด้วยกับฮัน “หวังว่าเคฟ จะทำอะไรกับคิมได้นะ” ฮันพูดด้วยแววตาที่ประกายด้วยความหวัง
ในขณะเดียวกันเคฟยังคงซิดอัพอยู่บนเวที โรงยิมในตอนนี้เหลือเพียงแค่เขา หน้าต่างที่ติดอยู่โรงยิมทำให้เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลามืดค่ำ หยาดเหงื่อไหลผ่านแก้มของเขาและหยดลงบนพื้นเวทีสีน้ำเงิน กระนั้นเขายังคงซิดอัพต่อไป แม้เขาจะรู้สึกว่าร่างกายของเขาปวดขนาดไหน ในขณะที่เขากำลังแบกร่างของเขาจากพื้นเวที เขาก็ได้ยินเสียง ประตูของโรงยิมถูกเปิดขึ้น ชายผมดำลุกขึ้นมานั่งและหันไปยังต้นเสียง เขาเห็นหญิงผมสีน้ำตาลที่เปิดประตูเข้ามา สีหน้าของกิ๊ฟที่เปิดประตูเข้ามาดูตกใจเมื่อยังคงเห็นว่ายังมีคนฝึกที่นี่อยู่
“อ้าว คุณเคฟ คุณยังอยู่หรอ?” กิ๊ฟถามในขณะที่เห็นนักมวยปล้ำในสมาคมนั่งอยู่ “ฝึกซ้อมเพิ่มนิดหน่อยน่ะครับ แล้วกิ๊ฟล่ะ?” เคฟถามกลับ “พอดีลืมของไว้นิดหน่อยน่ะ” กิ๊ฟตอบด้วยรอยยิ้ม “อืมๆ” เคฟพยักหน้าตอบก่อนที่เขาจะกลับลงไปซิดอัพลงบนพื้นเวทีต่ออีกครั้ง
กิ๊ฟหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม เธอมองเคฟที่กำลังลุกนั่งอยู่ ใบหน้าของเธอดูลังเลและดูสับสน มือข้างขวาของเธอกำแน่นและวางบนอกของตนเอง เคฟหยุดการลุกนั่งของตัวเองอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นมานั่งและมองหน้ากับหญิงสาวที่เป็นผู้จัดการของสมาคม
“เป็นอะไรรึเปล่า?” เคฟถาม “คุณเคฟค่ะ....ชั้นมีเรื่องจะรบกวนหน่อย” “มีอะไรหรอ?” เคฟถามต่ออีกครั้ง “ชั้นอยากจะให้คุณเคฟช่วยให้พี่ชายของชั้นปล้ำมวยปล้ำได้ไหมคะ?”
=====
“พี่คิม พี่เห็นใบประกาศรับสมัครนักแสดงเรื่องนี้ยัง? หนูว่ามันตรงกับพี่ดีนะ” กิ๊ฟที่ปล่อยผมยาวถึงปลายคอหันไปพูดกับพี่ชายตนเองที่นั่งอยู่บนโซฟา
เมื่อคิมได้ยินเสียงน้องสาวของตัวเองเรียก เขาก็วางมือถือลงบนโซฟาและตรงไปยังจุดที่น้องของเขานั่งอยู่ เขามองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ ดวงตาของเขากวาดตัวอักษรบนจอ เขาถอยห่างออกมาจากจอ ก่อนจะพูดกับกิ๊ฟที่มองหน้าเขาอยู่
“งานเล็กแบบนี้พี่ไม่รับหรอก คนอย่างพี่ต้องรับงานใหญ่เท่านั้นแหละ” คิมพูดด้วยใบหน้าทะนงตน “แต่พี่” กิ๊ฟพยายามจะโต้แย้ง
ทว่าพี่ชายของเธอกลับไปนั่งบนโซฟาพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนโดยไม่ได้สนใจสิ่งที่น้องสาวของเขากำลังใจพูดเลย กิ๊ฟถอนหายใจเบาๆพร้อมกับหันไปหาคอมพิวเตอร์ของตัวเองต่อ เธอเลื่อนนิวฟีดในสื่อสังคมของเธอลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่นิ้วของเธอเลื่อนลูกกลิ้งลงข้างล่าง เธอก็หยุดลงเมื่อเธอเห็นอะไรสะดุดตา มันเป็นรูปภาพที่เป็นป้ายประกาศเชื้อเชิญมาฝึกมวยปล้ำของสมาคม “แบงคอก โปรเรสริ่ง” กิ๊ฟเองก็ทราบข่าวเรื่องนี้แล้ว แต่ตัวเธอก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องมวยปล้ำมากเท่าไหร่นัก แต่เธอจำบรรยายกาศผู้คนนับหมื่นที่รายล้อมสังเวียนได้ดี และเธอก็รู้ว่ามีนักมวยปล้ำที่ประสบความสำเร็จในวงการการแสดง
“พี่คิม ถ้าเป็นมวยปล้ำพี่สนใจไหม?” กิ๊ฟหันไปถาม “ยังไงนะ?” คิมถามกลับโดยที่เขาไม่ได้มองหน้าน้องสาวเขาเลย “พี่ได้ยินข่าวเรื่องสมาคมมวยปล้ำในประเทศไทยใช่ไหม? ตอนนี้เขากำลังหานักมวยปล้ำอยู่น่ะ” “พี่อาจจะได้ปล้ำตอนหน้าคนดูนับหมื่นเลยนะ” กิ๊ฟพูดถึงความเป็นไปได้
ประโยคนี้ทำให้คิมลดมือถือลง ดูเหมือนประโยคนี้จะสามารถดึงความสนใจของคิมได้ กิ๊ฟหันกลับยังคอมพิวเตอร์ตัวเองพร้อมกับใช้เม้าท์ซ้ายคลิกปุ่มอะไรเล็กน้อย
“หนูส่งไปให้พี่แล้วนะ” กิ๊ฟพูดกับพี่ชายตัวเอง
คิมนั่งอ่านรายละเอียด ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมา
“โอเค งั้นพี่จะไปฝึก” “เยี่ยมไปเลยพี่” กิ๊ฟตอบด้วยน้ำเสียงดีใจ
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขายอมตอบรับอะไรที่เธอส่งให้ ก่อนหน้านี้เธอส่งการประกาศรับสมัครนักแสดงไปกี่ครั้ง พี่ของเธอปฏิเสธไปจนหมด ด้วยเหตุผลว่า “พี่ใหญ่เกินกว่าที่จะแสดงงานเล็กๆแบบนี้” แต่แม้คิมจะตอบรับคำเชิญชวนของสมาคม “แบงคอก โปรเรสริ่ง” แต่เธอก็ยังคงอดที่จะกังวลในตัวของพี่ชายเธอไม่ได้
=====
กิ๊ฟนั่งอยู่ในร้านกาแฟ หญิงผมน้ำตาลแต่งตัวด้วยชุดสุภาพ เบื้องหน้าเธอคือโต๊ะไม้ทรงกลมที่แก้วกาแฟเย็นๆวางอยู่ กิ๊ฟหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาบนหน้าจอมือถือของเธอ มันใกล้เวลานัดหมายของเธอแล้ว เธอจ้องมองไปยังประตูกระจกของร้านกาแฟแห่งนี้และรอคอยชายที่เธอนัดพบ ประตูร้านถูกเปิดพร้อมกับเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้น ชายชาวญี่ปุ่นที่รูปร่างกำยำผู้ที่สวมเสื้อเชริต์แบบมีกระดุมสีขาวกวาดสายตามองไปทั่วร้าน เมื่อสายตาของกิ๊ฟและชายชาวญี่ปุ่นคนนี้ผสานเข้าด้วยกัน ชายชาวญี่ปุ่นผู้นี้ก็เดินตรงมายังเธอ
“ใช่ คุณกนกวรรณรึเปล่าครับ?” ชายคนนี้ถามเป็นภาษาญี่ปุ่น “ใช่ค่ะ” กิ๊ฟตอบเมื่อได้ยินชื่อจริงของตัวเอง
ชายชาวญีปุ่นผู้นี้ดึงเก้าอี้ออกและนั่งลงตรงข้ามกับกิ๊ฟ
“คุณซาวาชิโระจะดื่มอะไรก่อนไหมคะ?” กิ๊ฟถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรๆ ผมไม่หิวเท่าไหร่...ถ้างั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า” ซาวาชิโระปฏิเสธอย่างสุภาพ “คุณกนกวรรณมีชื่อเล่นรึเปล่าครับ? ผมจะได้เรียกสะดวกๆ” ชายชาวญี่ปุ่นถาม “กิ๊ฟค่ะ” กิ๊ฟบอกชื่อเล่นตัวเองกับผู้สัมภาษณ์เธอ
“โอเคครับคุณกิ๊ฟ คุณกิ๊ฟช่วยบอกอะไรเกี่ยวกับตัวคุณเองหน่อยได้ไหมครับ?” ซาวาชิโระถาม “ตอนนี้ดิชั้นกำลังศึกษาอยู่ที่คณะบริหารธุรกิจ ตอนนี้กำลังจะจบลงแล้วค่ะ” กิ๊ฟแนะนำตัวเองให้กับชายชาวญี่ปุ่นฟัง “นอกจากภาษาญี่ปุ่นแล้ว คุณพูดภาษาอังกฤษได้รึเปล่า?” ชายชาวญี่ปุ่นถามต่อ “ได้ค่ะ” กิ๊ฟตอบด้วยความมั่นใจ
ซาวาชิโระใช้มือของเขาลูบคางของเขาพร้อมกับมองรีซูเม่ของกิ๊ฟ หญิงสาวผมน้ำตาลนั่งเงียบและรอคอยว่าชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอจะพูดอะไร
“คุณกิ๊ฟ ผมขอถามคุณหน่อยนะครับ คุณเคยดูมวยปล้ำไหม?” ซาวาชิโระถามขึ้น “เคยดูผ่านๆตอนเด็กๆค่ะ” กิ๊ฟตอบไปตามจริง “งั้นคุณสมัครตำแหน่งนี้ทำไมหรอครับ?” ซายชาวญี่ปุ่นถามเธอบ้าง
“ดิชั้นคิดว่ามวยปล้ำยังเป็นธุรกิจที่ยังไม่ได้เติบโตมาก และดิชั้นคิดว่าธุรกิจนี้สามารถเติบโตไปได้ไกลในอนาคต” “ดิชั้นจึงอยากจะใช้ความรู้ที่ดิชั้นมีช่วยผลักดันวงการนี้ค่ะ” ดวงตาของกิ๊ฟเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในขณะทีเธอให้คำตอบกับชายชาวญี่ปุ่น “แล้วคนที่ชื่อว่า คิมหันต์ เจริญสุขสกุลนี่เป็นอะไรกับคุณหรอครับ? เห็นว่าพวกคุณมีนามสกุลเดียวกัน” ซาวาชิโระถามต่อ “พี่ชายของดิชั้นเองค่ะ” กิ๊ฟตอบกลับ
“เขาไม่ไดมีเหตุผลอะไรที่คุณสมัครที่ไหนใช่ไหม?” ซาวาชิโระถาม “ไม่มีค่ะ” กิ๊ฟปฏิเสธ “ถ้างั้นเริ่มงานได้เมื่อไหร่ครับ?” ซาวาชิโระถาม
“ประมาณต้นเดือนหน้าค่ะ” กิ๊ฟตอบ “ยินดีต้อนรับสู่สมาคมของเรานะ หวังว่าคุณจะช่วยผลักดันสมาคมของเราได้นะครับ” ซาวาชิโระพูดพลางยื่นมือไปหาหญิงสาว
กิ๊ฟคว้ามือไว้ในขณะที่ปากของเธอกล่าวขอบคุณชายชาวญี่ปุ่นผู้นี้ เจ้านายของเธอปล่อยมือและลุกออกจากที่นั่ง กิ๊ฟคว้าแก้วกาแฟที่เย็นยะเยือก และใช้หลอดดูดกาแฟไปในร่างของเธอ ตามจริงแล้วในการสัมภาษณ์เมื่อครู่ เธอโกหกอยู่เรื่องนึง คือเธอมาที่นี่เพื่อดูแลพี่ชายของเธอ เพราะเธอรู้ดีว่าพี่ชายของเธอนั้นมีนิสัยเช่นไร
=====
หลังจากที่คำถามของกิ๊ฟถูกถามออกไปเคฟก็ได้แต่นั่งเงียบ ดวงตาของกิ๊ฟสะท้อนภาพของเคฟที่มองมายังเธอเช่นเดียวกัน เคฟหลับตาลงพร้อมกับยิ้ม เขาลุกขึ้นมาจากพื้น พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างของเขาวางไว้บนเชือกเส้นบนสุด เขายิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานด้านบวก แววตาของเขาดูประกายไปด้วยความหวัง
“อื้ม แน่นอน” เคฟให้สัญญา
|
|