|
Post by gudomana on Jul 19, 2018 6:40:41 GMT
Match 9 : Rainmaker
“ไลฟ์ติดแล้วรึยังนะ?” เสียงของชายคนนึงพูดขึ้นมา
ภาพที่ปรากฏขึ้นมาเป็นหน้าอาคารสีเหลืองและประตูสีเขียว มันคือร้าน “ลูช่า เฮ้าส์” ซึ่งเป็นสนามที่จะใช้จัดการงานมวยปล้ำของสมาคม “แบงคอก โปรเรสริ่ง” หน้าประตูร้านมีผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังต่อแถวอยู่ กลุ่มคนที่ยืนต่อแถวต่างสวมเสื้อมวยปล้ำจากหลายสมาคม ตั้งแต่เสื้อของ บุลเล็ต คลับ กลุ่มชื่อดังจาก นิว เจแปน โปรเรสริ่ง ในประเทศญี่ปุ่น , เสื้อของนักมวยปล้ำ WWE หรือแม้แต่เสื้อของสมาคมแบงคอก โปรเรสริ่งเองก็ตาม เหล่าแฟนมวยปล้ำที่ยืนต่อแถวกันก็ต่างพูดคุยกันด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“สวัสดีครับ ผมแอดฌอน จาก 2Count Radio และตอนนี้ผมก็กำลังอยู่หน้าลูช่า เฮ้าส์” “สถานที่ใช้จัดแบงคอก โปรเรสริ่งประจำเดือนนี้” ชายคนนี้พูดพลางเดินไปต่อแถวกับแฟนคนอื่นๆที่กำลังรอคิวเข้าสนาม “ผมตื่นเต้นกับศึกนี้เหมือนกันนะ เพราะว่าเราจะได้เห็นโอดินนักมวยปล้ำที่กำลังพุ่งแรงมาเจอกับซาวาชิโระซึ่งเป็นเจ้าของสมาคม” ฌอนพูดในขณะที่กล้องภาพของเขายังคงจับแถวที่กำลังเคลื่อนไปช้าๆ
“นอกจากนี้แล้วเราก็ยังมีแมทช์ระหว่าง เคฟ และ คิมเบอร์ แฟบุลัส” “ตามจริงแล้วแมทช์นี้จะเป็นสามเส้า แต่ว่าวิลสันดันเจ็บไปในโชว์ที่ ROH เดือนที่แล้วทำให้แมทช์นี้กลายเป็นแมทช์ตัวๆ” ฌอนย้อนอดีตให้ฟัง “นอกจากนี้เราก็ยังมีแมทช์สี่เส้าระหว่าง มาสเตอร์ พัพเพ็ต , ทาร์คมาสเตอร์ , เอสดีเฮช และ พิ๊กกี้” ฌอนทวนแมทช์การ์ดให้ฟัง “หวังว่าฝนจะไม่ตกนะ” เจ้าของสตรีมเปลี่ยนประเด็นพร้อมกับเลื่อนกล้องมือถือของเขาขึ้นฟ้า
มันปรากฏเป็นท้องฟ้าที่มีกลุ่มก้อนเมฆสีดำรวมตัวกันจำนวนมาก ท้องฟ้าจากที่เป็นสีฟ้าครามกลายเป็นสีเทา ในขณะที่เหล่าแฟนๆกำลังต่างเดินเข้ามายังสนามกลางแจ้งนั้น เหล่านักมวยปล้ำก็กำลังเตรียมความพร้อมกันในห้องแต่งตัวของพนักงาน เคฟนั่งพันผ้าลงไปยังข้อมือของเขา เมื่อข้อมือทั้งสองข้างของเขาถูกพันด้วยข้อมือเสร็จแล้ว เขาก็แหงนหน้ามองไปยังตรงข้ามของเขา นั่นคือคิมซึ่งจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาในแมทช์ต่อไป สีหน้าของเขาดูกังวล มันเป็นสีหน้าแบบเดียวกันกับที่เขาแสดงออกมาแบบโชว์ที่แล้ว
“อีกชั่วโมงนึง โชว์จะเริ่มนะ” เสียงของกิ๊ฟดังออกมาด้านนอกของประตู
เหล่าแฟนๆเริ่มนั่งลงบนเก้าอี้ที่นั่งกลางแจ้ง แม้จะอยู่คนละที่กันแต่การจัดโชว์ก็เหมือนกัน เก้าอี้จำนวนมาล้อมเวทีทั้งสี่ด้าน เหล่าแฟนนั่งลงและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานรอคอยให้โชว์เริ่มขึ้น อีกไม่ถึงสิบนาที โชว์ก็จะเริ่มขึ้น เคฟยืดเส้นยืดสายเตรียมความพร้อมให้ร่างกายของเขาอยู่หน้าผ้าม่าน อีกไม่กี่เท่านั้นโชว์กลางแจ้งของพวกเขาจะเริ่มขึ้น ขณะที่เขากำลังอบอุ่นร่างกาย กิ๊ฟก็เดินตรงมายังเขา
“คุณเคฟ วันนี้ชั้นต้องรบกวนคุณด้วยนะ” กิ๊ฟพูดขึ้นมา “ไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้ยังไง คิมก็ต้องขึ้นปล้ำแหละ” เคฟพูดเพื่อให้กิ๊ฟสบายใจ “ซ่า” เสียงของเม็ดฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า
“ฝนตก?” เคฟหยุดวอร์มร่างกายเมื่อเขาได้ยินเสียงเม็ดฝนที่โปรยลงมาจากท้องฟ้า “คุณซาวาชิโระครับ เราจะทำยังไงดีครับ” เด็กฝึกคนหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาจากบริเวณเวที
ทุกสายตาจับจ้องชายชาวญี่ปุ่น เขาทำหน้าคุ้นคิด ชายชาวญี่ปุ่นผู้นี้หันไปพูดกับกิ๊ฟที่ยืนอยู่ใกล้กับเขา ซาวาชิโระพูดคุยกับกิ๊ฟ ก่อนที่กิ๊ฟจะแปลสิ่งที่เขาพูดออกมาให้กับนักมวยปล้ำทุกคนฟัง
“เราจะรอจนกว่าจะฝนหยุดตก เพื่อความปลอดภัยของนักมวยปล้ำ” “เดี๋ยวชั้นจะประกาศให้แฟนๆทุกคนทราบเองว่า เราจะรอให้ฝนหยุดตกก่อน” กิ๊ฟแปล
มันเลยเวลากำหนดมาสิบห้านาทีแล้ว ฝนยังคงโปรยปรายโดยไม่มีท่าทีที่จะเม็ดฝนเหล่านั้นจะหยุดลง เหล่าคนดูก็ยังคงนั่งกางร่มอยู่ที่เดิม หลายคนเตรียมร่มมาไว้ เพราะนี่เป็นหน้าฝน ดังนั้นการที่ฝนตกลงมาจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่นัก
“แย่แฮะ ฝนไม่มีท่าทีจะหยุดเลย” ต้าพูดขึ้นมา “แฟนๆจะหมดความอดทนก่อนไหมนะ?” ล้านโต้ตอบด้วยสีหน้ากังวล
บรรยากาศในห้องแต่งตัวเต็มไปด้วยความกังวล เสียงเม็ดฝนบรรเลงอยู่เบื้องหลังห้องแต่งตัวที่เงียบสงัด
“ช่วยเปิดเพลงเปิดตัวของผมด้วยครับ” เคฟพูดขึ้นมา “หืม?” ทุกคนในห้องอุทานออกมาพร้อมกันและหันมามองชายหนุ่มร่างเล็ก “ผมจะออกไปปล้ำ” เคฟพูดด้วยสายตามุ่งมั่น
“เห้ย เคฟพื้นเวทีเปียกแบบนี้มันอันตรายมากนะ นายคิดดีแล้วหรอ?” ต้าถามด้วยน้ำเสียงกังวล “แต่ดูแล้วฝนคงไม่หยุดตกเร็วๆนี้แน่ๆ ผมกลัวว่าทุกคนจะเบื่อและกลับไปซะก่อน” เคฟโต้แย้ง “เอายังไงดีครับ คุณซาวาชิโระ?” ต้าหันกลับไปหาซาวาชิโระ
กิ๊ฟแปลข้อความที่เคฟพูดให้กับชายชาวญี่ปุ่น เขาเอามือของเขาจับคาง พร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด เขาเงยหน้าขึ้นมามองดวงตาที่เต็มไปเปลวเพลิงแห่งความมุ่งมั่น ซาวาชิโระไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้าให้กับเขา มันเป็นเหมือนกับสัญญาณไฟเขียวให้กับเคฟ
“งั้นรบกวนเปิดเพลงเปิดตัวของเคฟด้วยค่ะ” กิ๊ฟตะโกนบอกทีมเสียง
เพลงเปิดตัวของเคฟดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนๆ เขายืนอยู่หน้าผ้าม่าน ทว่าก่อนที่เขาจะเดินออกไป เพื่อนสนิทของเขาอย่างฮันและเล่เดินตรงมาหาเขา
“ระวังตัวด้วยล่ะ” ฮันพูด “อื้ม ขอบใจ” สิ้นเสียงของเคฟ เขาก็แหวกผ้าม่านออกไป
ผู้คนส่งเสียงเชียร์เมื่อเห็นเคฟเดินออกมาจากหลังม่าน เม็ดฝนสัมผัสกับผิวหนังของเขา แฟนๆต่างยื่นมือมาข้างหน้าเพื่อให้เขาสัมผัส เคฟเดินแตะมือกับแฟนทุกคนที่ยื่นมือมายังเขา เขากลิ้งขึ้นเวทีและมองพื้นเวทีที่เปียกแฉะ แฟนปรบมือเป็นจังหวะและตะโกนเรียกชื่อเคฟอยู่เรื่อยๆ ดวงตาของเขามองไปยังอีกมุมที่ว่างเปล่า เขายืนรอให้คู่ต่อสู้ของเขาออกมา คิมที่เห็นเคฟเดินออกไปยืนบนเวทีก็ได้แต่ยืนนิ่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทำเช่นไรดี ทุกสายตาในบริเวณหลังฉาก มองมายังเขา เขาเป็นศูนย์กลางของสายตาในวินาทีนี้ ผมสีดำของเคฟถูกชโลมไปด้วยสายฝนที่หยดมาจากท้องฟ้า กระนั้นแม้ร่างกายของเขาจะเปียกเพียงใด เขาก็ยังคงหยุดอยู่กับที่ราวกับเป็นรูปปั้น
“คิม นายจะออกไปตามเคฟไหม?” ฮันถามชายหน้าหล่อผู้นี้ “ชั้นอยากจะรอให้ฝนหยุดตกก่อนมากกว่า” คิมพูดด้วยน้ำเสียงไม่หนักแน่นเท่าไหร่นัก
เสียงตะโกนเคฟเริ่มเบาลง พวกเขาเริ่มเหนื่อยกับการเรียกชื่อของเคฟ เคฟเดินออกจากมุมก่อนจะเอามือจับที่เชือกที่เปียกไปด้วยเม็ดฝน
“คิมเบอร์ แฟนบุลัส!!” เคฟตะโกนสุดเสียง
เสียงตะโกนของเขาแหวกเสียงฝนออกและดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
“นี่คือโมเม้นท์ของนาย นี่คือโมเม้นท์ของพวกเรา!! ตอนนี้ทุกคนมองนายแล้ว” “นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดของนายแล้ว!!” เคฟตะโกน
แม้ประโยคที่เขาพูดจะไม่เข้าใจสำหรับคนภายนอกเท่าไหร่นัก แต่สำหรับคนในแบงคอก โปรเรสริ่งนั้น ทุกคนเข้าใจดี คิมกัดริมฝีปากของตัวเอง เขากำหมัดของตัวเอง
“ชั้นจะออกไป...” คิมพูดเบาๆ “หืม?” กิ๊ฟจับใจความคำพูดจากปากพี่ชายตัวเองไม่ชัดเท่าไหร่นัก “ก็บอกว่าชั้นจะออกไปปล้ำยังไงล่ะ!!” คิมพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด “พี่....ทีมงานค่ะ ช่วยเปิดเพลงของคิมด้วยค่ะ” หลังจากที่รอยยิ้มของกิ๊ฟปรากฏออกมา เธอก็หันไปสั่งทีมงาน
เพลงเปิดตัวของคิมดังขึ้นมา ชายหน้าหล่อก้าวผ่านผ้าม่านออกไป แฟนๆส่งเสียงโห่ให้กับเขา เคฟอยากจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นคิมเดินผ่านผ้าม่านผืนนั้น แต่เขาต้องเก็บอาการไว้ คิมในกางเกงขายาวสีม่วงขึ้นเวทีมาและมองหน้ากับเคฟที่ยืนก่อนหน้านี้แล้ว กรรมการรีบวิ่งตามออกมาจากหลังผ้าม่านและกลิ้งขึ้นเวทีก่อนที่เขาจะสั่งให้สั่นระฆังเพื่อให้แมทช์เริ่ม เสียงระฆังดังขึ้นท่ามกลางเสียงฝนที่ตกลงบนพื้นเวที คิมและเคฟก้าวเท้ามากลางเวทีและมองหน้ากัน ทว่าปัญหาแรกก็เกิดขึ้นทันที ทั้งสองไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรบ้าง เพราะไม่ได้ฝึกมาด้วยกันก่อนเลย
“ชั้นควรจะทำยังไงก่อนดี?” คิมถาม “ชั้นจะตบนาย และนายตบชั้นกลับ โอเคนะ?” เคฟคิดสิ่งที่อยู่ในหัวออกมา “เอ๊ะ นายจะต-“ “เพี๊ยะ” เสียงของเคฟตบเข้าใส่อกของคิมดังขึ้น
คิมเซออกไป เขารู้สึกถึงร่างกายของเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เขาเห็นเคฟยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หัวของคิมนึกถึงประโยคที่เคฟพูด เขาง้างมือก่อนจะตบใส่อกของเคฟคืน เคฟโดนตบไปถอยกลับไปเล็กน้อย กระนั้นเคฟก็รวบรวมแรงและตบใส่กลางอกของคิมคืน รอบนี้เขาทรุดลงไป เขาไม่ได้เจ็บจนลุกไม่ได้ แต่คิมแกล้งทำให้เขาเหมือนเจ็บจนลุกไม่ได้ เคฟเด้งเชือก ทว่าในขณะที่เขาวิ่ง เขาก็ลื่นและล้มลงไปหน้าฟาดกับพื้นเวที โชคดีที่มีผ้าใบรับเขาไว้ไม่งั้นเขาคงได้เจ็บกว่านี้แน่ๆ ชายผมดำพยุงตัวขึ้นมาก่อนจะเจอเท้าทั้งสองข้างของคิมถีบเขากลับลงไป ร่างของเคฟกระแทกกับพื้นเวทีอีกครั้ง คิมลุกขึ้นมาและมองไปยังเชือก สีหน้าของเขาดูลังเล ทว่าคิมส่ายหน้าพร้อมกับตัดสินใจเด้งเชือกก่อนที่เขาจะลังกาตัว ใช้หลังของกระแทกใส่ท้องของเคฟ แฟนส่งเสียงเชียร์เมื่อคิมสามารถทำท่าที่สวยงามได้ คิมกดทับร่างของเคฟ กรรมการนับ พร้อมกับตะโกนสุดเสียงสู้กับสายฝน
“หนึ่ง สอง”
ก่อนที่เลขสามจะถูกนับเคฟก็ยกไหล่ขึ้นมาได้ทัน แมทช์นี้นอกจากเสียงฝนกับเสียงเชียร์แล้ว มันก็ไม่มีอย่างอื่นอีกเลย เพราะจะให้จอร์จใช้ไมค์โคโฟนท่ามกลางสายฝนก็คงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่นัก คิมลากคอของคู่ต่อสู้เขาขึ้นมาช้าๆ ทว่าเขาถูกศอกของเคฟกระแทกเข้าใส่หน้าอย่างจัง คิมถอยออกไปจากแรงกระแทก เคฟรวบรวมแรงและจับคิมยกขึ้นมาพร้อมกับฟาดลงไปกับพื้นเวที เสียงร่างของคิมกระแทกลงกับพื้นเวทีดังประกอบไปกับสายฝน แผ่นหลังที่เปลือยเปล่าของคิมถูกสัมผัสด้วยเม็ดฝนจำนวนที่หยดลงมาก่อนหน้านี้ คิมกระโดดใช้เท้าทั้งสองเหยียบกลางหน้าท้องของคิม ชายรูปงามร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับกุมหน้าท้องของเขา
“เจ็บเป็นบ้าเลย” คิมพูดกับตัวเอง “แต่ทำไมต่อให้เรารู้สึกเจ็บ แต่เรากำลังสนุกไปกับมันนะ?” คิมถามตัวเอง
เขาลุกขึ้นมาช้าๆ เขามองเข้าไปยังนัยน์ตาของคู่ต่อสู้เขา สายตาทุกคู่จับจ้องมายังทั้งสองที่อยู่บนเวที แม้เขาจะยืนอยู่กลางสายฝน แต่เขารู้สึกว่าร่างของเขากำลังถูกอาบด้วยแสงไฟสปอตไลท์
“เข้ามาเลย เคฟ” คิมท้าทาย
แมทช์ดำเนินต่อไป สายฝนเริ่มซาลง ชายหนุ่มสองคนบนผืนสังเวียนสีขาวที่เปียกโฉกไปด้วยเม็ดฝน ทั้งสองต่างรู้สึกถึงความเจ็บปวดไปทั่วร่างกายของเขา แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่ความคิดจะหยุด
“เคฟ สู้เขา!!” แฟนๆตะโกนขึ้นไป “อย่ายอมแพ้นะ คิม!!” แฟนๆอีกส่วนโต้ตอบกลับมา
เสียงตะโกนของแฟนๆปะปนกันไปในอากาศ คิมปีนขึ้นเชือกเส้นที่สาม เคฟนอนอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด ชายหน้าหล่อทยายออกจากมุมที่สามพร้อมกับทิ้งศอกใส่กลางหน้าท้องของเคฟ ชายที่ถูกกระแทกร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด คิมกดเคฟที่ไหล่แตะอยู่บนพื้น กรรมการนับ แต่ก่อนที่จะถึงสามเคฟก็ยกไหล่ขึ้นมาได้ก่อน คิมรีบจับคู่ต่อสู้ของเขาขึ้นมา คิมยืนอยู่ข้างหลังเคฟ คิมจับมือของเคฟที่อยู่บริเวณหน้าท้องของเคฟ คิมดึงเคฟให้หันกลับมา ก่อนที่เขาจะเตรียมใช้ท่อนแขนของเขากระแทกกับคอของเคฟ ทว่าเคฟก้มหลบได้ คิมหันต์หันกลับมาและเจอเคฟเตะเข้าใส่ก้านคอเต็มแรง ผู้ที่ได้รับการกระแทกยืนมึน เคฟรีบใส่ “ดรีม แลนเดอร์” ท่าไม้ตายของตัวเอง หน้าของคิมกระแทกลงกับพื้นเต็มๆ เคฟพลิกร่างของคิมและกด กรรมการนับ
“หนึ่ง สอง สาม!!”
เสียงระฆังถูกตีขึ้น พร้อมเม็ดฝนที่หยุดลง แฟนๆต่างส่งเสียงเชียร์ให้กับแมทช์ที่พึ่งจบลง เคฟแหงนมองขึ้นท้องฟ้าที่ก้อนเมฆสีดำถูกสายลมปัดเป่า มันปรากฏเป็นท้องฟ้าสีครามที่สวยงาม ดั่งวลีที่ว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ เคฟลุกขึ้นมาพร้อมกับกรรมการที่ชูมือให้ผู้ชนะ แฟนๆปรบมือให้กับแมทช์ที่จบลง เคฟมองไปรอบๆนอกจากจะมีแฟนๆมวยปล้ำที่ดูแมทช์นี้แล้ว เหล่าคนที่อาศัยอยู่ในคอมโดนี้ก็ชะโงกหน้าออกมาดูการต่อสู้ของพวกเขาด้วย คิมกลิ้งลงเวทีพร้อมกับเดินกลับหลังฉากไป ซักพักเคฟก็กระโดดลงจากเวทีและตามคู่ต่อสู้เขากลับหลังฉากไป เมื่อเคฟเดินแหวกผ้าม่านไป เขาก็ได้รับเสียงปรบมือจากทุกคน
“สุดยอดไปเลยพี่ นี่พี่ไม่ได้ซ้อมกันมาจริงหรอ?” เล่ถามเคฟพร้อมกับยื่นผ้าขนหนูให้ “ไม่ได้เตรียมอ่ะแหละ ต้องยอมรับเลยนะว่า คิมนี่เป็นอัจฉริยะมาก” เคฟพูดพร้อมกับคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดเส้นผมของเขาที่เปียกไปด้วยน้ำ “บางทีชั้นอาจจะเป็นอัจฉริยะจริงๆก็ได้นะ” คิมพูดติดตลก “แล้วคิม นายจะเลิกปล้ำมวยปล้ำรึเปล่า?” เคฟถามด้วยสายตากังวล
นอกจากเล่และฮันที่อยู่แถวนั้นแล้ว ไม่มีใครได้ยินคำถามของคิม เพราะทุกคนต่างวุ่นวายกับการเตรียมแมทช์ต่อไป
“ชั้นคิดว่าแมทช์นี้จะเป็นแมทช์สุดท้ายของชั้น” คิมตอบ “งั้นหรอครับ..” น้ำเสียงของเคฟแผ่วลงเมื่อได้ยินคำตอบจากคู่ต่อสู้ของเขาเมื่อครู่นี้ “แต่ว่าหลังจากแมทช์นี้น่ะ ชั้นคิดว่าชั้นคงจะเป็นนักมวยปล้ำต่อแหละ” คิมตอบพร้อมกับรอยยิ้ม “ระวังไว้ให้ดีเถอะ ชั้นนี่แหละจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของวงการมวยปล้ำในประเทศไทย” ชายหนุ่มหล่อพูดพร้อมกับใช้นิ้วโป้งชี้มายังตัวเอง ใบหน้าของเขาดูมั่นใจ
เคฟได้ยินคำตอบของชายหนุ่มคนนี้แล้วก็ได้แต่ยิ้มกลับ แต่หลังจากนี้การต่อสู้เพื่อเป็นอันดับหนึ่งในวงการ คงเป็นเรื่องยากขึ้นอย่างแน่นอน===== ข้อมูลเพิ่มเติม Bullet Club เป็นกลุ่มในสมาคม นิว เจแปน โปรเรสริ่ง (NJPW) โดยในปัจจุบันถือว่าเป็นกลุ่มมวยปล้ำที่ได้รับความนิยมมากเป็นทั่วโลก ด้วยลุคที่ดูเท่และสมาชิกที่มากฝีมือ โดยคอนเซปของกลุ่มคือเป็นชาวต่างชาติที่รวมตัวกันมารุกรานญี่ปุ่น (แม้ในกลุ่มจะมีสมาชิกชาวญี่ปุ่นอยู่สองคนก็ตาม)
|
|
|
Post by gudomana on Jul 22, 2018 8:44:14 GMT
Match 10 : Undisputed
หลังจากที่เหล่าเด็กฝึกใช้ผ้าขนหนูแห้งเช็ดผืนสังเวียนให้แห้งแล้ว ก็มีชายสี่คนยืนอยู่ที่มุมแต่ละมุม โดยประกอบไปด้วยทาร์คมาสเตอร์ , พิ๊กกี้ , มาสเตอร์ พัพเพ็ต และสุดท้ายก็คือ เอสดีเฮช แฟนๆในสนามต่างตะโกนเชียร์นักมวยปล้ำที่ชอบ เสียงของพวกเขาปนไปในอากาศจนไม่สามารถแยกได้ว่าแฟนๆตะโกนอะไรบ้าง กรรมการที่ยืนอยู่กลางเวทีมองไปยังผู้เข้าร่วมแมทช์ทุกคน เมื่อทุกคนดูพร้อมกรรมการก็สั่งให้ตีระฆังขึ้น เมื่อเสียงระฆังเริ่มทั้งสี่คนก็ต่างเข้าไปอัดกันนัวเนียอยู่กลางเวที
“เริ่มมาทั้งสี่คนอัดกันนัวกลางเวทีเลยครับ” จอร์จที่ไม่ได้ทำหน้าที่ในคู่ที่แล้วกลับมาบรรยาย “เอสดีเฮซจับพิ๊กกี้โยนลงข้างล่างเวที ส่วนมาสเตอร์พัพเพ็ตเองก็จับทาร์คมาสเตอร์ลงข้างล่าง” จอร์จบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวที
ชายสองคนที่เหลืออยู่บนเวทีมองหน้ากัน ดวงตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ชายสองคนประลองกำลังกัน ทั้งสองพยายามดันกันไปมา แต่ด้วยพละกำลังที่มากของทั้งสอง จึงทำให้ทั้งสองไม่สามารถตัดสินผลการประลองกำลังได้ ทั้งสองปล่อยมือออกและจ้องหน้ากันอีกครั้ง ชายที่หน้าตาเหมือนนักเลงชี้นิ้วไปที่เชือกเหมือนคำท้าทายไปยังมาสเตอร์ พัพเพ็ต ชายที่ถูกท้าทายเด้งเชือกตามคำท้าก่อนที่เขาจะเอาหัวไหล่กระแทกกับเอสดีเฮช แรงกระแทกทำให้เอสดีเฮชถอยออกไป แต่เท้าทั้งสองก็ยังคงยืนหยัดไว้ได้ พัพเพ็ต มาสเตอร์ ใช้มือชี้ไปยังเชือกแบบที่คู่ต่อสู้ของเขา เอสดีเฮชเด้งเชือกบ้างและใช้หัวไหล่กระแทกเช่นเคย เสียงหัวไหล่ทั้งสองกระแทกเข้าใส่กันดังก้อง แต่กระนั้นทั้งสองก็ยังคงยืนอยู่ได้ ทั้งสองเอาหน้าผากชนกัน ทั้งสองแยกออกจากกันและเด้งเชือก เตรียมจะชนกันอีกครั้ง ทว่านักมวยปล้ำทั้งสองที่อยู่ข้างล่างเวทีดึงขาของทั้งสองลงจากข้างล่างเวที
“ทาร์คมาสเตอร์กับพิ๊คกี้ลากคู่ต่อสู้ของเขาลงข้างล่างเวที ทั้งคู่อัดเอสดีเฮซกับพัพเพ็ตยับเลยครับ” จอร์จบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสนาม “ทาร์คมาสเตอร์จับเอสดีเฮชเหวี่ยงเข้ากับกลุ่มคนดู แฟนๆต้องรีบแหวกเลยครับ” ชายหัวล้านพากย์ต่อ “ส่วนพิ๊คกี้จับพัพเพ็ตเหวี่ยงเข้ากับเสาเต็มๆ พัพเพ็ตทรุด”
ในขณะที่แมทช์กำลังดำเนินอยู่นั้น เคฟนั่งอยู่หลังฉาก เขาเอาน้ำแข็งที่อยู่ในถุงประคบไปยังบริเวณคอของเขา เขาทำแบบนี้เพื่อให้ความเจ็บปวดในร่างของบรรเทาไปบ้าง เขานั่งอยู่คนเดียว เพราะฮันต้องทำหน้าที่เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยอยู่นอกเวที มือนึงของเขาจับโทรศัพท์มือถืออยู่ เขาใช้นิ้วโป้งเลื่อนนิวฟี้ดส์ไปเรื่อย ในขณะที่เขากำลังนั่งว่างอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนตรงเข้ามา เคฟเงยหน้าขึ้นมา เขาเห็นซาวาชิโระที่สวมเสื้อยืดของสมาคมและกางเกงมวยปล้ำ สีหน้าของชายคนนี้ดูนิ่งเฉย ไม่ได้ดูโกรธหรือมีความสุขอะไร
“มีอะไรหรอครับ?” เคฟถามเป็นภาษาไทยด้วยสัญชาติญาณ
เขาไม่แน่ใจว่าชายคนนี้เข้าใจข้อความที่เขาสื่อไหม ชายชาวญี่ปุ่นใช้มือของจับไปยังหัวไหล่ของเคฟ เขายิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้น
“กู๊ด จ็อบ” ซาวาชิโระพูดเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงแบบญี่ปุ่น “เอ๊ะ” เคฟทำหน้างงๆ
แม้เขาจะเคยได้รับคำชมมาจากซาวาชิโระมาแล้วก็ตาม แต่เขาไม่เคยได้รับคำชมตรงๆแบบนี้มาก่อนเลย ซาวาชิโระไม่ได้พูดต่อ แต่เขาเดินออกไปวอร์มร่างกายของเขาต่อ
“คิมมาบอกชั้นกับซาวาชิโระว่าจะปล้ำมวยปล้ำต่อน่ะ ชั้นเลยแปลให้คุณซาวาชิโระฟังด้วย” กิ๊ฟเดินมาในขณะที่เคฟยังคงสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น “แต่จริงๆ ชั้นต้องขอบคุณคุณเคฟอีกครั้ง ที่ช่วยทำให้พี่ชายของชั้นกลับมาปล้ำมวยปล้ำได้” กิ๊ฟพูดพร้อมกับยกมือไหว้และก้มโค้งให้กับเคฟที่นั่งอยู่บนม้านั่งไม้ “ไม่ต้องไหว้ขนาดนั้นก็ได้” เคฟพูดด้วยท่าทีเขินอาย
“ไม่ค่ะ ชั้นติดหนี้ชีวิตคุณมาก เพราะนี่เป็นอย่างแรกเลยที่พี่ชั้นรู้สึกมีความมุ่งมั่นขนาดนี้” กิ๊ฟเงยหน้าขึ้นมาพูด “พี่ชายของชั้นชอบล้มเลิกหลายอย่างกลางคันซะก่อน พออะไรหลายๆอย่างไม่เป็นใจก็หยุดทุกที” “แต่แววตาของพี่ชั้นในวันนี้ เป็นแววตาที่ชั้นไม่เคยเห็นมาก่อน ชั้นก็คงคิดว่าชั้นไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ” กิ๊ฟยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เบิกกว้าง
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ” เคฟพูดขึ้นมา “ผมเองก็อยากจะให้สมาคมนี้เติบไปพร้อมๆกับทุกคนเหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้...” “ผมก็อยากจะให้ทุกคนอยู่ในสมาคมนี้ไปนานๆนั่นแหละครับ” เคฟหันมาหากิ๊ฟด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมสุข
บนเวทีนั้นการต่อสู้ก็ยังคงดำเนินต่อไป เอสดีเฮชกำลังใช้มือของรัดร่างของทาร์คมาสเตอร์อยู่ ชายผมขาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด กรรมการถามทาร์คมาสเตอร์ว่ายอมแพ้ไหม เขาส่ายหน้าพร้อมกับตะโกนไม่ลั่นสนาม พิ๊กกี้แอบย่องขึ้นมาก่อนจะวิ่งไปกระโดดถีบเจาะยางของเอสดีเฮช ผู้ถูกถีบปล่อยมือของเขาออกพร้อมกับล้มลงไปกับพื้น ชายผมขาวรีบกลิ้งตัวลงข้างล่างเวที ชายร่างยักษ์ลุกขึ้นมาช้าๆ พิ๊กกี้ออกแรงต่อย ต่อย ต่อย ทว่าหมัดที่เขาส่งออกไปนั้นเหมือนกับว่าเขากำลังชกเข้ากำแพงอยู่ เอสดีเฮชยืนนิ่งและมองค้อนด้วยสายตาหวาดกลัว
“กรรมการช่วยด้วย!!” พิ๊กกี้ร้องลั่นออกมาพร้อมกับลากเอากรรมการมาขวางหน้า “เฮ้ย ชั้นเกี่ยวไรด้วย” กรรมการเองก็ร้องออกมาพร้อมกับชูมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อห้ามปรามไม่ให้นักมวยปล้ำร่างใหญ่ทำร้ายเขา
แต่นั่นเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย เพราะเอสดีเฮซก็พลักกรรมการล้มลงไปกับพื้นอยู่ดี ชายผู้สวมหน้ากากพยายามจะวิ่งหนี ทว่าเอสดีเฮซรวบเอวไว้พร้อมกับจับยก คอของพิ๊กกี้ปักลงไปเต็มๆกับพื้น พิ๊กกี้นอนกลิ้งลงไปอีกคน เอสดีเฮชหันกลับมาเจอพัพเพ็ต มาสเตอร์กระโดดตีเข่าใส่เต็มๆหน้าของชายที่ยืนหยัดบนเวที เอสดีเฮชทรุดลงไปกับพื้น ชายวัยสี่สิบเด้งเชือก พร้อมกับแกว่งแขนของเขากระแทกเข้ากับคอของเอสดีเฮช แรงกระแทกทำให้ชายคนนั้นล้มลงไป พัพเพ็ต มาสเตอร์ยืนรอให้เหยื่อของเขาลุกขึ้นมาและเตรียมปิดฉากคู่ต่อสู้ของเขา
“พัพเพ็ต มาสเตอร์เตรียมใส่ เธียเตอร์ ออฟ ดูมแล้วครับ” จอร์จพูดใส่ไมค์ “แต่ว่าทาร์คมาสเตอร์ขึ้นมาถีบซุเปอร์คิกใส่เต็มคางของพัพเพ็ต มาสเตอร์!!” “พัพเพ็ต มาสเตอร์ยังไม่ล้ม ยังคงโซซัดโซเซอยู่ ทาร์คมาสเตอร์เตะซุปเปอร์คิกอีกที” เสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของจอร์จดังก้องผ่านลำโพง
ครั้งที่สองทำให้พัพเพ็ต มาสเตอร์ล้มไปนอนกับพื้น ทาร์คมาสเตอร์รีบปีนขึ้นเชือกเส้นที่สาม ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา ทุกคนรู้ว่าท่านี้คืออะไร เขาทยานออกมาพร้อมกับลังกาตัวอย่างสวยงาม ต่างกับครั้งแรกที่เขาพยายามใช้ท่านี้ มันกระแทกเข้ากับท้องของ แฟนๆต่างส่งเสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้น ชายผมขาวกดทับร่างของพัพเพ็ต มาสเตอร์ที่นอนนิ่งอยู่กลางเวที กรรมการนับ พร้อมกับแฟนๆที่ตะโกนตามไปด้วย
“หนึ่ง สอง สาม”
เสียงของแฟนๆปรบมือดังขึ้นพร้อมกับเสียงเพลงเปิดตัวของทาร์คมาสเตอร์ เขาลุกขึ้นมาและทำมือขอไมค์จากจอร์จ จอร์จส่งไมค์ให้กับเด็กฝึกก่อนที่เด็กฝึกจะส่งไมค์ให้กับผู้ชนะ ทาร์คมาสเตอร์ยืนพักหายใจจากการต่อสู้ที่เหนื่อยล้า เขาใช้มือของเขาเสยผมที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของเขา
“ชั้นไม่แปลกใจเลยที่ชั้นจะชนะในแมทช์นี้ เพราะคู่ต่อสู้ทุกคนบนเวทีมันห่วยหมด” ชายผมขาวพูดด้วยหน้าตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ แฟนๆส่งเสียงโห่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา “แต่ว่า มันมีอีกคน ที่ชั้นยังไม่รู้ผลแพ้ชนะกับมัน เพราะครั้งแรกมันชนะชั้นเพราะฟลุ๊ค” “วิหค!! ชั้นอยากจะเจอกับแกอีก” ชายผมขาวพูดพร้อมกับเดินไปหาวิหคที่ยืนอยู่ข้างล่างเวที
แฟนๆขานชื่อชายที่ถูกเรียกกันก้องสนาม เขากลิ้งขึ้นเวทีไปพร้อมกับมองหน้าของทาร์คมาสเตอร์ วิหคแย่งไมค์จากในมือของชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“ได้” วิหคตอบสั้นๆ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนๆ
วิหคกลิ้งลงจากเวทีในขณะที่ว่าที่คู่ต่อสู้ของเขามองหน้า หลังจากที่ทุกคนกลับเข้าหลังฉาก เหล่าเด็กฝึกบางส่วนสลับมาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยแทน ซึ่งเคฟก็หนึ่งในนั้นด้วย แมทช์สุดท้ายประจำวันนี้ก็เริ่มขึ้น พื้นสนามยังคนแฉะไปด้วยฝนอยู่ เสียงดนตรีที่ดูน่ากลัวดังขึ้นมา โอดินเดินแหวกผ้าม่านออกมาพร้อมกับเสียงเชียร์ของคนดู ชายสวมหน้ากากโดนมาด้วยท่าที่น่าเกรงขามเหมือนกับทุกที กระนั้นแล้วเคฟที่มองการเคลื่อนไหวของเขา ก็สัมผัสได้ถึงอะไรแปลกๆ เขาสัมผัสได้ถึงความ “เกร็ง” ที่มาจากตัวของโอดิน บางทีถ้าหากเขาได้เห็นใบหน้าหลังหน้ากาก เคฟอาจจะได้เห็นสีหน้าที่เป็นกังวลก็ได้ โอดินขึ้นเวทีไปพร้อมกับยืนที่มุมตัวเอง เพลงเปิดตัวของเขาดับลง และถูกแทนที่ด้วยเพลงเปิดตัวของซาวาชิโระ เสียงเฮของแฟนๆดังก้องกว่ารอบแรก ชายชาวญี่ปุ่นเดินออกมาพร้อมกับผ้าคลุมและรอยยิ้มบนใบหน้าพร้อมกับแท็คมือของแฟนๆตลอดทาง ซาวาชิโระขึ้นเวทีและมองหน้าคู่ต่อสู้เขาที่อยู่อีกมุม ซาวาชิโระถอดผ้าคลุมออกและส่งให้เด็กฝึกแถวนั้น
“โอดินตรงไปทุบหลังซาวาชิโระในขณะที่ซาวาชิโระกำลังหันหลังอยู่ครับ” “แฟนๆโห่ใส่โอดินที่ลอบทำร้ายซาวาชิโระครับ” จอร์จบรรยายต่อท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนๆ
โอดินต่อยเข้าใส่ซาวาชิโระที่ยืนพิงที่มุม โอดินยังคงเล่นงานไม่ยั้ง แฟนๆตะโกนเชียร์ชายชาวญี่ปุ่นกันอย่างกึกก้องสนาม โอดินจับซาวาชิโระเหวี่ยงเข้าอีกมุม ชายสวมหน้ากากหมาป่าวิ่งตรงจะเล่นงานซ้ำ ทว่าซาวาชิโระยกเท้าดักไว้ได้ โอดินถอยออกไป ซาวาชิโระหมุนตัวก่อนจะศอกใส่หน้าของโอดิน โอดินล้มลงไป แฟนๆส่งเสียงเชียร์ให้กับชายชาวญีปุ่นคนนี้ โอดินพยุงตัวลุกขึ้น ชายชาวญี่ปุ่นจับเขาแบกขึ้นมา ทว่าโอดินดิ้นลงมายืนได้ โอดินใช้ท่อนแขนของกระแทกเข้ากับใบหน้าของซาวาชิโระ ชายชาวญี่ปุ่นถอยออกไปสองสามก้าว โอดินเตะเข้าหน้าท้องของซาวาชิโระ ชายที่ถูกเตะงอลงไป โอดินเด้งเชือกพร้อมกับใช้มือของเขาจับหน้าของซาวาชิโระฟาดกับพื้น
“โอดินจับซาวาชิโระกดเลยครับ นักมวยปล้ำชาวไทยคนนี้จะเอาชนะตำนานของวงการมวยปล้ำได้ไหม?” “หนึ่ง สอง...ยังครับ ซาวาชิโระยังทนได้” จอร์จพากย์
โอดินลากคอของซาวาชิโระขึ้นมา พร้อมกับพยายามยกซูเพล็กซ์ทว่า ซาวาชิโระใช้มือของเขาจับกางเกงขายาวสีดำของโอดินไว้ โอดินพยายามออกแรงเพื่อให้ซาวาชิโระปล่อยมือออก แต่ชายชาวญี่ปุ่นยังคงจับกางเกงไว้แน่น โอดินปล่อยพร้อมกับง้างมือตบใส่อกของซาวาชิโระ เสียงของฝ่ามือฟาดเข้ากับอกของซาวาชิโระดังขึ้น แม้ซาวาชิโระจะแสดงสีหน้าเจ็บปวด แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิม โอดินออกแรงตบใส่อกของซาวาชิโระอีกครั้ง ทว่าชายชาวญี่ปุ่นยังอยู่ที่เดิม เขาส่งเสียงคำรามออกมา มันเป็นเสียงคำรามที่รวบรวมความเจ็บปวดและส่งสัญญาณขู่ไปยังคู่ต่อสู้ของเขา โอดินมองและเด้งเชือก เขา แกว่งแขนไปแต่ทว่าเขาถูกซาวาชิโระยกเท้าถีบใส่เต็มหน้าของโอดิน ชายสวมหน้ากากล้มลงไป ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนๆที่ประทุขึ้นมา
ซาวาชิโระจับโอดินเหวี่ยงเข้ากับมุม หลังของชายร่างใหญ่กระแทกเข้ากับมุม ซาวาชิโระใช้แขนของเขากระแทกใส่คอของโอดินรัวๆ แฟนๆส่งเสียงเชียร์ด้วยความสะใจ ซาวาชิโระถอยออกมา ส่วนโอดินไถลลงไปนั่ง ชายชาวญี่ปุ่นถอยไปอีกมุมที่อยู่ตรงข้าม เขาเร่งเครื่องมาพร้อมกับกระโดดถีบคู่ต่อสู้ของเขาด้วยขาคู่ โอดินที่ถูกถีบไปไหลลงไปนอนกับพื้น ซาวาชิโระกด แต่คู่ต่อสู้ของเขายกไหล่ได้ทัน ซาวาชิโระมองหน้าคู่ต่อสู้ของเขาที่นอนอยู่บนพื้น แฟนๆตะโกน “ซาวาชิโระ” “ซาวาชิโระ” ชายชาวญี่ปุ่นจับโอดินยืนขึ้นมาพร้อมกับจะจับยกพาวเวอร์บอมบ์ (Powerbomb) แต่โอดินฝืนไว้ เขาออกแรงเสยซาวาชิโระขึ้นไปในอากาศ หลังของซาวาชิโระกระแทกกับพื้นเวที ชายชาวญี่ปุ่นใช้มือของเขาดันมากับพื้น โอดินใช้มือทุบเข้าไปยังหลังของชายชาวญี่ปุ่น ซาวาชิโระร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด โอดินจับซาวาชิโระเหวี่ยงอัดเข้ากับเสาเหล็กบนมุมเวที เหล่าแฟนๆต่างร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ไหล่ของซาวาชิโระกระแทกเข้ากับเสาเหล็กเต็มๆ ซาวาชิโระกุมไหล่เดินเซออกมา” “โอดินรวบเอวยกใส่เจอร์แมน ซูเพล็กซ์!! คอของซาวาชิโระปักลงไปกับพื้นเต็มๆ ไหล่ของซาวาชิโระแตะพื้นด้วย” “กรรมการนับเลยครับ หนึ่ง สอง สะ...ยังครับ” จอร์จพากย์
โอดินลากคอของซาวาชิโระขึ้นมาและเตรียมจะปิดบัญชีด้วยท่าไม้ตายของเขา ทว่าชายชาวญี่ปุ่นที่มีสติมากพอที่จะดันคู่ต่อสู้เข้ากับมุม แรงกระแทกที่โอดินได้รับทำให้โอดินปล่อยมือออก ซาวาชิโระเด้งตัวจากพื้นก่อนจะใช้ขาข้างขวาเตะเข้าใส่เต็มๆแก้มหรือที่แฟนมวยปล้ำมักเรียนกันว่า “เอ็นซุยกิริ” (Enzuigiri) เสียงเพี๊ยะจากแรงกระแทกดังไปทั่ว โอดินยืนมึนอยู่ที่มุมของตัวเอง ซาวาชิโระจับโอดินนั่งบนเชือกเส้นที่สาม ซาวาชิโระปีนขึ้นไปก่อนจะจับยกซูเพล็กซ์จากเชือกเส้นที่สาม แฟนๆต่างร้องออกมาด้วยความตกตะลึง เสียงของแผ่นหลังชายทั้งสองฟาดกับพื้นเวทีดังก้องไปทั่ว ทั้งสองนอนนิ่งอยู่บนกลางผืนสังเวียนสีขาว ซาวาชิโระตะเกียดตะกายมาใช้มือพาดร่างของโอดิน กรรมการเริ่มนับ
“ยังครับ!! โอดินทนได้!!” จอร์จทำเสียงตกใจ
ใบหน้าของซาวาชิโระก็ดูไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ชายชาวญี่ปุ่นจิกหน้ากากของโอดินขึ้นมา เขาแบกขึ้นบ่าและเตรียมปิดบัญชี ทว่าโอดินดิ้นหลุดออกมาเตะเข้ากลางหน้าท้องและจับล็อคคอและฟาดหน้าของซาวาชิโระลงไปกับพื้น ทุกคนต่างฮือฮาขึ้นมา เพราะนั่นเป็นท่าไม้ตายของโอดิน
“โอดินจับซาวาชิโระใส่แดนซ์ซิ่ง วิท เดอะ เดวิลส์ ดื้อๆเลยครับ!!” “โอดินรีบกดเลย เราจะได้เห็นการพลิกล็อคไหม?! กรรมการนับหนึ่ง สอง สาม!!” “ไม่ครับ!! ซาวาชิโระดิ้นหลุดได้นาทีสุดท้าย” จอร์จแผดเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตะลึง
โอดินลากคอของซาวาชิโระขึ้นมาอีกครั้ง เตรียมใส่ท่าไม้ตายของเขารอบที่สอง ทว่าซาวาชิโระรวบรวมแรงจับโอดินแบกขึ้นบ่า เขาจัดการจับปักโอดินลงไปกับพื้น คอของชายสวมหน้ากากกระแทกลงไปกับพื้นเต็มๆ ทว่าซาวาชิโระไม่ได้กดทันที เขาจับคู่ต่อสู้ของเขาที่ยังแน่นิ่งแบกขึ้นบ่าอีกครั้ง ซาวาชิโระทำแบบเดิมครั้งที่สอง โอดินนอนนิ่ง ซาวาชิโระรีบกด กรรมการเริ่มนับ
“หนึ่ง สอง สาม!!”
|
|
|
Post by gudomana on Jul 25, 2018 8:37:49 GMT
Semi Final - Truth Reigns
ดวงตาของเคฟเปิดออก เมื่อเขารู้สึกได้ว่าความเหนื่อยล้าของเขาหายไปแล้ว เคฟลุกขึ้นมาจากเตียงพร้อมกับบิดร่างของเขาไปมา เขาหันไปมองหน้าต่างที่ถูกคลุมด้วยผ้าม่าน แสงสว่างยามเช้าพยายามจะเล็ดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ทว่าเพราะผ้าม่านที่ถูกแขวนอยู่ มันจึงเป็นเหมือนโล่ที่ป้องกันไม่ให้แสงเข้ามาในห้อง เขาเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในห้องนอนก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างกายยามเช้า เมื่อเขาล้างตัวเสร็จ เขาก็กลับเข้ามาในห้องนอนของเขา มันก็ประจวบเหมาะกับเวลาที่คอมพิวเตอร์ของเขาเปิดพอดี เคฟหย่อนร่างของเขาลงไปยังบนเก้าอี้ สิ่งแรกที่เขาเปิดคือเว็ปสื่อสังคมของเขา บริเวณมุมขวาบนของเว็ปมีเลขแจ้งเตือนข้อความใหม่ปรากฏขึ้น
“ใครทักมานะ?” เคฟพูดกับตัวเองพลางเลื่อนเคอร์เซอร์ไปกดยังปุ่มข้อความ
มันเป็นข้อความจากฮัน มันเป็นข้อความที่เขียนไม่ยาวนัก แต่แม้ข้อความที่ไม่ยาว แต่มันก็เป็นข้อความที่สามารถถึงความสนใจจากเคฟได้
“ดังใหญ่แล้วนะ” “นายหมายความว่าอะไร?” เคฟพิมพ์ถามกลับไป “อ้าว ยังไม่เห็นหรอ แปปนะ” ฮันตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
ฮันส่งลิงค์กลับมา เขากดลิงค์ตามเข้าไปในลิงค์ดังกล่าว ภาพที่เขาเห็นคือวิดีโอที่ถูกถ่ายจากในมุมคนดู เขาเห็นชายสองคนที่ยืนต่อสู้กันกลางสายฝน แม้คุณภาพภาพจะไม่ชัด แต่มองเพียงชั่วพริบตาที่เขาเห็น เขาก็รู้ทันทีว่านั่นคือเขาและคิม มันคือภาพที่ถูกถ่ายเมื่อวาน มันเป็นวิดีโอที่มีความยาวไม่มาก แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่เตะตาของเคฟคือจำนวนคนกดแชร์ที่อยู่ด้านข้าง ตัวเลขมันมากมายสี่หลัก
“คนแชร์เป็นพันเลยหรอ?!” เคฟอุทานออกมาแม้ในห้องจะมีเพียงเขาคนเดียวที่นั่งอยู่
เขาใช้เม้าส์กดเข้าไปดูในกลุ่มคนที่แชร์ เขาเห็นข้อความจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นข้อความเชิงชื่นชมในสปริตของพวกเขาที่ขึ้น ซึ่งในนั้นก็มีข้อความของสมาชิกของวงไอด้อลในประเทศไทยด้วย เคฟอ่านข้อความที่สมาชิกคนนั้นเขียน
“สุดยอดมากเลยค่ะ นับถือจากใจจริงๆ”
“ชั้นไม่คิดเลยว่าจะมีคนแชร์วิดีโอของชั้นเยอะขนาดนี้มาก่อน” เคฟเขียนตอบกลับไปยังฮัน “นั่นซินะ นี่น่าจะเป็นวิดีโอที่คนแชร์มากที่สุดตั้งแต่เรามีเพจของสมาคมมาเลยอ่ะมั้ง” ฮันเขียนกลับมา “จะว่าไปแบบนี้จะส่งผลกับโชว์ต่อไปของเราป่ะนะ?” ฮันเขียนคำถามต่อมา
=====
ชายผมสีน้ำตาลที่อยู่หลังพวงมาลัย ขับรถของเธอก่อนจะจอดไว้ยังที่จอดรถที่อยู่หน้าอาคาร มันจุดที่เธอจอดรถประจำ เธอดับเครื่องยนต์ ก่อนที่จะเปิดประตูรถและก้าวลงจากยานยนต์ของเธอ กิ๊ฟล็อคประตูรถก่อนจะตรงเข้าไปในอาคาร เธอใช้นิ้วของเธอกดลูกศรขึ้นและรอให้ลิฟต์มารับเธอ หญิงคนนี้หยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายของเธอ บนหน้าจอมีข้อความจากเจ้านายของเธอสั้นๆ มันเขียนเพียงแค่ว่า “เขาถึงแล้ว” เมื่อสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับประตูลิฟต์ที่แยกออก เธอก็ก้าวเท้าไปในกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เธอใช้นิ้วของเธอกดปุ่มที่เป็นเหมือนที่หมายของเธอ ลิฟต์เลื่อนขึ้นช้าๆ ก่อนจะถึงจุดหมายของเธอ มันเป็นวันที่เงียบเหงา เพราะเป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดพักผ่อน กิ๊ฟเดินไปเปิดประตูของโรงยิม เธอเห็นจอร์จและซาวาชิโระที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้กับโต๊ะ เธอกล่าวสวัสดีชายทั้งสองและนั่งลงตรงข้ามกับชายทั้งสอง
“โทษทีที่ต้องเรียกมาวันหยุดแบบนี้” ซาวาชิโระกล่าวขอโทษกิ๊ฟ “ไม่เป็นไรค่ะ” กิ๊ฟตอบด้วยรอยยิ้ม “แล้วคุณซาวาชิโระเรียกชั้นมาทำไมหรอคะ?” กิ๊ฟถามต่อ
“อ่า เธอเห็นวิดีโอแมทช์ของเคฟและคิมที่ถูกคนแชร์เยอะๆแล้วใช่ไหมล่ะ?” ชายชาวญี่ปุ่นถาม “ค่ะ เห็นแล้วค่ะ คิมดีใจมากเลยค่ะ” กิ๊ฟตอบด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเล่าเรื่องพี่ชายของเธอ “นั่นแหละ ชั้นก็เลยอยากคุยกับทุกคนว่า เราควรจะลองขยายสนามดูไหม?” ซาวาชิโระพูดถึงจุดประสงค์ที่เรียกเธอมาในวันนี้
กิ๊ฟแปลสารให้จอร์จฟัง ชายหัวล้านฟังไปก็พยักหน้าไป
“เอาจริงๆ ชั้นว่าต่อให้ยอดแชร์ มันก็ไม่ได้วัดอะไรมากไม่ได้อ่ะนะ บางทีพวกเขาก็แชร์เฉยๆก็ได้” “ไม่ได้อยากจะมาซื้อตั๋วของเราอะไรแบบนี้” จอร์จแสดงความเห็นของตัวเอง “แต่มันก็เป็นไปได้นะว่า ที่หลายคนยังไม่ซื้อตั๋วสมาคมเรา เพราะไม่รู้ว่าคุณภาพแมทช์เป็นยังไง” “ถึงวิดีโออันนั้น จะไม่ได้ฉายทั้งแมทช์ก็เถอะ แต่มันก็ถ่ายทอดคุณภาพแมทช์ของสมาคมเราได้ชัดนะ” ซาวาชิโระโต้แย้ง
“ชั้นว่ามันก็เสี่ยงไปอยู่ดีนะ ถ้าสมมุติว่าเราจัดที่เป็นพัน แต่คนซื้อตั๋วเรามีแค่ห้าร้อย เราก็ขาดทุนเหมือนกันนะ” จอร์จแย้ง “ค่ายเราตอนนี้กำลังเป็นกระแสที่คนสนใจที่สุด ดังนั้นถ้าเราอยากจะลองขยายจำนวนคนดู ชั้นว่าตอนนี้แหละเป็นจังหวะที่เหมาะที่สุด” “ตีเหล็กตอนยังร้อน” ซาวาชิโระพูดสำนวนขึ้นมา
เสียงโทรศัพท์มือถือของกิ๊ฟดังขึ้นมา ทั้งจอร์จและซาวาชิโระมองหน้าของเจ้าของมือถือ หญิงผมสีน้ำตาลยิ้มอ่อนๆเพื่อเป็นการขอโทษ เธอหยิบมือถือขึ้นมา บนหน้าจอของเธอนั้นเป็นเบอร์ที่เธอไม่คุ้นเคย เธอกดปุ่มรับโทรศัพท์และยกมือถือของเธอไว้ข้างหู
“สวัสดีค่ะ กนกวรรณค่ะ” กิ๊ฟพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “สวัสดีค่ะ นี่ใช่สมาคมแบงคอก โปรเรสริ่ง รึเปล่าคะ?” เสียงปลายสายถาม “ใช่ค่ะ มีอะไรหรอคะ?” กิ๊ฟถามกลับ ในขณะที่สายตาสองคู่กำลังจับจ้องเธออยู่ “คือชั้นมาจากสถานีโทรทัศน์และอยากจะเรียกคุณคิมเบอร์ แฟบุลัส กับ คุณเคฟมาสัมภาษณ์ค่ะ”
ดวงตาของกิ๊ฟเบิกโพลนขึ้นมาด้วยความตกใจ จากปฏิกิริยาของกิ๊ฟแล้วยิ่งทำให้จอร์จและซาวาชิโระสนใจในบทสนทนาของเธอมากขึ้นไปอีก กิ๊ฟหยิบปากกาหมึกน้ำเงินพร้อมสมุดจดสีดำออกมาจากกระเป๋าสะพาย
“ได้ค่ะได้” กิ๊ฟรีบตอบกลับ
มือของเธอเขียนตัวอักษรลงในกระดาษ เมื่อเธอหยุดเขียน เธอก็กล่าวขอบคุณและกดวางสาย เมื่อเธอเก็บมือถือของเธอ ดวงตาของเธอก็เห็นชายสองคนที่กำลังรอคอยฟังเรื่องราวของเธออยู่
“มีช่องโทรทัศน์ขอมาสัมภาษณ์เคฟกับพี่ค่ะ” กิ๊ฟเอ่ยปากเล่าให้ฟัง “โฮ่” ซาวาชิโระอุทานออกมา
กิ๊ฟหันไปแปลให้จอร์จฟัง ซึ่งปฏิกิริยาของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับซาวาชิโระมากนัก
“ชั้นว่าตอนนี้แหละคือเวลาดีที่จะขยายโชว์เรามากที่สุด และยิ่งได้ออกทีวีด้วย โอกาสที่คนดูเราก็คงเยอะขึ้นกว่าเดิมอีก” ซาวาชิโระสนับสนุนความเห็นตัวเอง “นั่นซินะ...เอางั้นก็ได้ ลองเสี่ยงก็ได้” จอร์จยอมแพ้และพยักหน้าเห็นด้วยกับชายชาวญี่ปุ่น
=====
เคฟนั่งอยู่ในห้องแต่งตัว เขาสวมกางเกงขาสั้นที่คลุมหัวไหล่ของเขา พร้อมกับเสื้อยืดที่มีตราสมาคมอยู่ มันเป็นเสื้อผ้าที่เขาใส่ประจำเวทีขึ้นสังเวียนมวยปล้ำ เขานั่งอยู่หน้ากระจกที่สะท้อนเงาตัวเอง รอบๆกระจกเต็มไปด้วยหลอดไฟจำนวนมาก เคฟสัมผัสได้ถึงความร้อนจากหลอดไฟที่ติดอยู่ตรงกระจก สาเหตุที่หลอดไฟพวกนี้ร้อนก็เพราะถูกเร่งแสงให้สว่างที่สุด เพื่อที่ช่างแต่งหน้าจะสามารถแต่งหน้าแขกรับเชิญหรือนักแสดงได้อย่างถูกต้อง ใบหน้าของเขาถูกช่างแต่งหน้าปรุงแต่งเล็กน้อย เพื่อให้เข้าในจอโทรทัศน์แล้วดูดี นอกจากเขาแล้ว ยังมีคิมนั่งอยู่ด้วย ชายหน้าหล่อนั่งข้างๆ เขาสวมกางเกงขายาวสีม่วงและเสื้อยืดแบบเดียวกันกับเคฟ ใบหน้าของคิมดูไร้ซึ่งความกังวล เขาก้มเล่นมือถือของเขาอย่างสบายใจ
“คุณคิมดูไม่กังวลเลยนะ” เคฟถามคิมที่นั่งอยู่ข้างๆตัวเอง “แน่นอน ชั้นเคยยืนอยู่หน้ากล้องจนชินแล้วล่ะ” คิมพูดด้วยรอยยิ้มที่เปล่งประกายไปด้วยความมั่นใจ “พอมีอะไรจะแนะนำผมบ้างไหม คุณคิม?” เคฟถามด้วยน้ำเสียงกังวล “ก็คิดซะว่าออกไปปล้ำมวยปล้ำก็แล้วกัน แต่แทนที่นายจะออกไปปล้ำนายออกไปพูดแทน” คิมให้คำแนะนำ “ตามจริงมันเป็นรายการเทปแหละ มันตัดทิ้งได้ นายไม่ต้องกังวลมากหรอก” คิมพยายามพูดให้เคฟสบายใจขึ้น
เคฟฟังแล้วก็ได้แต่พยักหน้า แม้มันจะเป็นคำแนะนำจากมืออาชีพแต่มันดูเป็นคำแนะนำที่ไม่เป็นประโยชน์เลย ประตูห้องแต่งตัวของทั้งคู่เปิดขึ้น ชายที่สวมหูฟังและสวมชุดสีดำที่มีโลโก้ของรายการเล็กๆปักอยู่บนเสื้อพูดขึ้นมา
“ใกล้ถึงคิวพวกคุณแล้วนะ” สตาฟแจ้งเตือนชายหนุ่มสองคน “ครับ” คิมเป็นคนเดียวที่ตอบ
คิมลุกขึ้นจากเก้าอี้ เคฟลุกตาม ชายหนุ่มร่างเล็กรู้สึกถึงความประหม่าที่ไหลไปทั่วร่างของเขา ชายผมดำพยายามสูดอากาสเข้าลึกๆ เพื่อให้จิตใจของเขาสงบลง ทว่าเขายังคงรู้สึกถึงความวุ่นวายที่ก่อตัวอยู่ในตัวเขา ทั้งสองเดินตามสตาฟก่อนจะหยุดอยู่หลังฉาก พวกเขารอสัญญาณจากพิธีกร
“ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในโลกโซเชี่ยลมีคนแชร์คลิปนักมวยปล้ำสองคนปล้ำท่ามกลางสายฝนกันมากพอสมควร” “ซึ่งหลายคนก็ต่างยกย่องในสปิริตของนักมวยปล้ำทั้งสองที่ปล้ำกลางสายฝน” “และแน่นอนว่านักมวยปล้ำสองคนเป็นนักมวยปล้ำชาวไทยของแบงคอก โปรเรสริ่ง สมาคมในประเทศไทยของคุณซาวาชิโระ เออิจิที่มาเปิดสมาคมมาได้ระยะหนึ่งแล้ว” “หลายคนคงอยากฟังจากปากเจ้าตัวว่าเกิดอะไรขึ้น และวันนี้ก็อยู่กับแขกรับเชิญของเราแล้วครับ ขอเชิญทุกท่านพบกับเคฟและคิมเบอร์ แฟบุลัสได้เลยครับ” พิธีกรกล่าวเชื้อเชิญแขกรับเชิญออกมา
เสียงปรบมือของเหล่าคนดูในสตูดิโอดังขึ้นมา คิมก้าวเท้านำหน้าเคฟ พร้อมกับโบกมือให้กับเหล่าคนดูที่อยู่ ทั้งสองคนนั่งลงบนโซฟาดำ กล้องจำนวนมากจับจ้องมายังพวกเขา เช่นเดียวกันกับแสงสปอตไลท์ที่อาบร่างของพวกเขา เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่พิธีกรพูดได้เลย เขารู้สึกประหม่าอย่างมาก มันทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ของเวด แบเร็ต ที่มาออกจาก WWE ครั้งแรก เขารู้สึกประหม่าจนฟังอะไรไม่รู้เรื่องและตอบไม่ตรงคำถาม ตอนนี้เคฟก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน กระนั้นการไม่มีตัวตนของเคฟก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาเท่าไหร่นัก เพราะคิมทำหน้าที่เป็นคนตอบคำถามซะส่วนใหญ่
“คุณเคฟช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ ว่าทำไมคุณถึงตัดสินใจปล้ำกลางสายฝน” พิธีกรหันมาถามเคฟที่นั่งนิ่งนานๆ “คุณเคฟครับ?” พิธีกรทวนซ้ำ “เอ๊ะ เอ่อ คือ” เคฟสะดุ้งขึ้นมาเมื่อรู้ตัวว่าถูกถาม
“ตอนนั้นผมคิดว่า ถ้านานกว่านี้แฟนๆคงจะกลับบ้านกันก่อน ผมเลยตัดสินใจออกไปปล้ำกลางฝนครับ” เคฟเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ฟัง “แล้วไม่คิดว่าปล้ำกลางฝนมันอันตรายหรอครับ? ผมจำได้ว่าผมเห็นคนลื่นล้มในแมทช์ด้วย” พิธีกรถามด้วยแววตาสนใจ “ถ้าตอบตามตรงคือ ผมคิดเรื่องนั้นทีหลังเลยน่ะครับ ผมคิดว่าคนดูต้องมาก่อน” เคฟตอบ
รายการยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั้งถึงท้ายช่วงรายการ
“ก่อนจะหมดเบรกนี้ ทางคุณคิมเบอร์กับคุณเคฟมีอะไรจะฝากถึงผู้ชมไหมครับ?” พิธีกรถามขึ้น “ผมอยากจะเรียนเชิญทุกท่านมาชมศึกต่อไปของพวกเรา” คิมพูดหลังจากพิธีกรถามจบ “ศึกต่อไปของพวกเรา พวกเราจะจุในสนามที่ผู้ชมได้ร่วมพันกว่าคน” “ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของสมาคมและเราต้องการแรงสนับสนุนจากทุกคน” คิมพูดโดยเข้าไปยังกล้อง
“ครับและนั่นคือเรื่องราวของนักมวยปล้ำทั้งสองคน” “เราไปพักเบรกกันก่อนดีกว่าครับ ช่วงหน้าจะเป็นอะไร รอติดตามชมได้ครับ” พิธีกรพูดด้วยรอยยิ้ม “คัท” ผู้กำกับสั่ง
=====
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เหลืออีกสองสัปดาห์เท่านั้นก่อนที่โชว์ที่ใหญ่ที่สุดของสมาคมจะเริ่มขึ้น ตั๋วนั้นขายได้อย่างเทน้ำเทท่า แม้จะยังขายไม่หมด แต่ก็ถือว่าได้กำไรแล้ว เหล่านักมวยปล้ำก็ต้องต่างทำงานหนักขึ้น ด้วยจำนวนค่าตั๋วที่มากขึ้น เหล่าคนดูก็ย่อมคาดหวังกับคุณภาพที่สูงขึ้นอีกด้วย
“ทุกคนฟังทางนี้” จอร์จตะโกนขึ้นพร้อมตะโกนขึ้น
เหล่านักมวยปล้ำทุกคนที่ต่างกำลังฝึกซ้อมหยุด และหันไปมองต้นเสียง เขาเห็นชายหัวล้าน และหญิงร่างเล็กที่ยืนเคียงข้างกับชายชาวญี่ปุ่น ในมือของกิ๊ฟมีกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ในมือ มันเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย ทุกคนรู้ดีว่าวินาทีต่อจากนี้คืออะไร มันคือช่วงเวลาที่กิ๊ฟจะประกาศว่าใครจะขึ้นปล้ำในโชว์ต่อไปบ้าง แม้ยามปกติมันเป็นวินาทีและกดดันอยู่แล้ว แต่ด้วยสภาพที่โชว์ต่อไปของพวกเขาเป็นโชว์ที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งทำให้ความกดดันและความตื่นเต้นทวีคูณขึ้นไป เคฟที่นั่งอยู่บนขอบเวทีได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองดังชัด เขารู้สึกถึงความอึดอัดที่รวมตัวกันในอกของเขาจนทำให้เขารู้สึกหายไม่ถนัดเท่าไหร่
“เราจะประกาศแมทช์การ์ดสำหรับโชว์ต่อไปของเราแล้วค่ะ” กิ๊ฟพูด “คู่แรก ริน เจอกับ คิม” กิ๊ฟอ่านคู่แรก
เสียงปรบมือของทุกคนดังขึ้นมา เหล่าคนที่อยู่รอบๆเด็กหนุ่มที่ชื่อรินก็ต่างสวมกอดเขาเพื่อแสดงความยินดี แม้เขาจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก แต่ด้วยพรสวรรค์ของเขา จึงทำให้เขาได้ปล้ำแมทช์แรกอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียงปรบมือซาลง กิ๊ฟก็อ่านแมทช์ต่อไปบนกระดาษ
“คู่ที่สองเล่เจอกับฮัน”
ชายผมดำและผมขาวสองคนที่นั่งข้างกันแท็คมือกัน ท่ามกลางเสียงปรบมือของคนอื่นๆ เคฟหันไปยิ้มให้กับเพื่อนของเขาทั้งสอง แม้เขาจะไม่ได้ปริปากพูด แต่เพื่อนทั้งสองเข้าใจดีว่ารอยยิ้มนี้สื่อว่าอะไร
“คู่ต่อไปแท็คทีม ต้าจับคู่กับอินทร์ เจอกับ นาดินและน้าล้าน” กิ๊ฟอ่านต่อ
“นี่ก็เกือบทั้งสมาคมแล้ว...เราไม่มีแมทช์หรอ” เคฟพูดออกมาเบาๆหลังจากที่กิ๊ฟประกาศแมทช์ที่สาม “เห้ย มันยังเหลือคู่เอกอีกนะ บางทีนายอาจจะได้จับคู่กับคุณซาวาชิโระเจอกับแท็คทีมดังๆในเอเชียก็ได้” ฮันปลอบใจ “ใช่ๆ ผมเห็นด้วยกับพี่ฮันนะ โชว์ใหญ่ขนาดนี้ ก็คงต้องดึงนักมวยปล้ำระดับท็อปมาประกอบรายด้วยแหละ” เล่ช่วยหนุนเพื่อนของเขา “เอ...แต่ดูจากค่าใช้จ่ายแล้ว เราคงไม่มีเงินทำแบบนั้นหรอกมั้ง” ต้าที่นั่งหน้าหันมาพูด
เล่และฮันไม่ได้พูดอะไรนอกจากจะมองค้อนใส่ชายหนุ่มร่างอ้วน
“คู่เอก” กิ๊ฟพูดขึ้น “คุณซาวาชิโระ เจอกับ เคฟ” กิ๊ฟพูดต่อ
ดวงตาของเคิฟเบิกโพลน เสียงฮือฮาดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงปรบมือ เคฟมองไปรอบๆก่อนที่เขาจะเห็นดวงตาทุกคู่จับจ้องเขา พวกเขาต่างปรบมือแสดงความยินดีให้กับชายหนุ่มผมดำ เขารู้สึกได้ว่าน้ำตาเอ่อล้นออกมา มันไหลผ่านแก้มของเขา ชายหนุ่มผมดำใช้มือของปาดน้ำใสๆจากดวงตาของเขา ฮันใช้มือของเขาบีบที่หัวไหล่ของเพื่อนสนิท
“ยินดีด้วย นายสมควรได้รับมัน” “ขอบใจ” เคฟตอบเพื่อนเขา
เคฟเงยหน้า ดวงตาของเขาผสานเข้ากับดวงตาของซาวาชิโระ ชายชาวญี่ปุ่นส่งยิ้มให้ เคฟยิ้มตอบกลับ ในสัปดาห์หน้า แมทช์ที่ใหญ่ที่สุดของเด็กหนุ่มจะมาถึง
===== ข้อมูลเพิ่มเติม
เหตุการณ์ที่เคฟพูดถึงคือเหตุการณ์ที่ขึ้น เวด แบเร็ต (คนขวา) ขึ้นเวทีคู่กับคริส เจอริโก้ ตำนานมวยปล้ำในสมาคม WWE ซึ่งในตอนนั้น เจอริโก้ บอกให้เวด แนะนำเจอริโก้ แต่ด้วยความที่เวดประหม่าเพราะได้ขึ้นเวทีคู่กับตำนานอย่างคริส จึงทำให้เวดไปแนะนำตัวเองแทน แม้ว่าจะดูเหมือนไม่ได้เป็นการผิดคิวอะไร แต่หลังจากนั้นมีการเปิดเผยจากเจ้าตัวทั้งสองว่าเป็นการผิดคิว
|
|
|
Post by gudomana on Jul 27, 2018 14:26:35 GMT
Main Event : Roar of Lion
อีกวันเดียวเท่านั้น ศึกใหญ่ที่สุดของสมาคมแบงคอก โปรเรสริ่ง กำลังจะเริ่มขึ้น เหล่านักมวยปล้ำต่างเตรียมพร้อมกันอย่างเต็มที่ เคฟเด้งเชือกอยู่บนเวทีสีน้ำเงิน ตรงกลางมีต้ายืนอยู่ เมื่อเคฟเข้าใกล้ต้า ต้าก็เหวี่ยงไป เคฟก้มหลบ เคฟเด้งเชือกไปอีกด้าน เขาวิ่งมาหาชายร่างอ้วน ชายร่างอ้วนแกว่งแขนอีกครั้ง เคฟก้มหลบอีกเช่นเคย มันเป็นวิธีการซ้อมของนักมวยปล้ำ เขาจะเรียกการซ้อมนี่ว่า “ก้มและโคลสไลน์” ซึ่งการซ้อมคือการให้คนนึงยืนอยู่กลางเวที ส่วนอีกคนเด้งเชือกและก้มหลบท่อนแขนของชายที่ยืนอยู่ตรงกลาง มันเป็นการฝึกความฟิตและปฏิกิริยา
“พอได้แล้ว คู่ต่อไปเข้ามาได้” จอร์จตะโกนหลังจากที่เขาเป่านกหวีดสั่งให้หยุด
เคฟและต้าพยักหน้า ทั้งสองก้าวลงจากเวที นักมวยปล้ำอีกคู่ตามขึ้นมา เหยื่อไหลผ่านผิวหนังของเคฟ เสื้อยืดสีขาวที่ตราสมาคมของเคฟชุ่มไปด้วยเหงื่อของเขาเช่นกัน
“เคฟๆ มีคนมาหาอ่ะ” กิ๊ฟเรียกเคฟ “หืม? มีอะไรหรอ?” เคฟตะโกนพร้อมกับหันกลับไป
เขาเห็นกิ๊ฟที่ยืนเคียงข้างกับหญิงร่างเล็กผมดำ เธอยังคงสวมเสื้อเดรสสีฟ้าทะเลตัวเดิมของเธอ หญิงคนนี้ส่งยิ้มให้ในขณะที่เคฟเดินมาหาเธอ
“อ้าว เมย์ มีอะไรหรอ?” เคฟถามด้วยรอยยิ้ม “เธอบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อยน่ะ” กิ๊ฟแย่งตอบ “มีเรื่องอะไรหรอ?” เคฟถามหลังจากที่เขาหันไปฟังหญิงผมน้ำตาล
“ขอพวกเราคุยกันเป็นส่วนตัวได้ไหม?” แขกผู้มาเยือนหันไปถามกิ๊ฟ “อ๊ะ ได้ค่ะ” กิ๊ฟยิ้มให้และเดินกลับเข้าไปในโรงฝึก
เคฟและเมย์มองหน้ากัน ทั้งสองเงียบ แม้ก่อนหน้าเมย์จะยิ้ม แต่สีหน้าของเธอดูเต็มไปด้วยความกังวล ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสอง เคฟยืนรอคอยฟังว่าเพื่อนของเขาจะพูดอะไร แสงสีส้มส่องผ่านหน้าที่ถูกติดไว้บนกำแพง
“เอ้อ เมย์ จองตัวพรุ่งนี้รึยังนะ?” เคฟเป็นฝ่ายพูดก่อน “ยังเลยแหละ” เมย์ยิ้มอ่อนๆให้ “อ้าว แบบนี้เธอก็อดเห็นชั้นเจอกับคุณซาวาชิโระสดๆเลยซิ” เคฟพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายออกมา
“ให้ชั้นคุยกับคนหลังฉากให้ไหม? เผื่อเรามีที่เหลือน่ะ” เคฟพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องหรอก...เพราะวันนี้ ชั้นจะมาบอกลาน่ะ” เมย์พูดออกมา “เอ๊ะ?” เคฟอุทานออกมาหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง เคฟยืนนิ่งด้วยสีหน้าฉงน
“ขอโทษนะ!!” กิ๊ฟพูดพร้อมพนมมือและก้มหัวให้กับเคฟ
มันยิ่งทำให้เคฟสับสนกว่าเดิม เมย์เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ชั้นกำลังจะแต่งงาน” เมย์พูดออกมา
สีหน้าของเคฟซีดลงเมื่อได้ยินข่าวจากปากหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ชั้นรู้ว่านายชอบชั้น และชั้นคิดว่า ชั้นควรจะบอกนาย” “ชั้นพยายามจะบอกนายตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้วล่ะ” เมย์พูดพร้อมก้มมองลงพื้น เธอหลบสายตาของเคฟ “ชั้นเห็นนายกำลังมุ่งมั่นกับมวยปล้ำมาก ชั้นไม่อยากทำลายสมาธิของนาย” “แต่ว่าชั้นจะปิดบังต่อไปเรื่อยๆไม่ได้ ชั้นคิดว่าชั้นควรจะบอกนายได้แล้ว” เมย์เงยหน้าขึ้นมา
เธอเงยขึ้นมาเจอกับสายตาของเคฟ ดวงตาของดูว่างเปล่า มันเป็นดวงตาที่ต่างกับที่เธอคุ้นเคย ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความมุ่งมั่นหายไป มันเหลือแต่ความว่างเปล่าและไร้ชีวิตชีวา เคฟก้มหน้าของเขาลงบนพื้นชั่วครู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา เขาก็ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่กว้างที่สุดในชีวิต แม้น้ำตาจะนองอยู่บริเวณใต้ดวงตาของเขา แต่เขาก็ยังส่งยิ้มให้เพื่อนสนิทของเขา
“ยินดีด้วยนะ เธอคงเป็นเจ้าสาวที่ดีแน่ๆ” เคฟส่งยิ้มให้กับเธอ “ขอบใจนะ” เมย์ตอบรับด้วยรอยยิ้มด้วยกัน
หญิงชุดเดรสหันหลังและเดินจากไป ในขณะที่เธอกำลังเดินหายไปจากสายตาของเคฟ น้ำตาก็เอ่อล้มและหยดลงพื้น เขาก้มมองลงพื้น ดวงตาของเคฟเห็นน้ำใสๆหยดจากฟากฟ้าและลงบนพื้น เขาใช้มือของเขาจับไว้ยังราวไม้ที่ถูกติดไว้บนกำแพง เขารู้สึกว่าโลกของเขากำลังแตกสลายทั้งใบ เรี่ยวแรงของเขากำลังเล็ดลอดออกจากร่างของเขา หากเขาปล่อยมือออกจากราวไม้ร่างของเขาคงทรุดไปกับพื้นอย่างแน่แท้ กิ๊ฟหันมามองและส่งยิ้มครั้งสุดท้ายให้ เคฟเห็นน้ำตาของเธอเช่นเดียวกัน แม้ทั้งสองจะจากกันด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจลึกๆทั้งสองก็ต่างรู้ดีว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกัน
=====
หลังจากนั้นเขาก็กลับไปซ้อมได้ แต่สภาพของเขาไม่ต่างอะไรกับเปลือกหอยที่ว่างเปล่า เขากลับมาที่บ้านของเขาและนอนลงบนเตียงนุ่มๆ ดวงตาของเขายังคงเปิดค้างไว้ เขามองเพดานที่อยู่ข้างหน้าเขา ในหัวสมองของเขาตอนนี้วุ่นวายเกินกว่าที่ดวงตาของเขาจะปิดลงได้ เขายังคงรู้สึกเศร้ากับข่าวที่เขาได้ทราบเมื่อเย็นที่ผ่านมา ภาพความทรงจำของเขากับเมย์ถูกฉายซ้ำซากไม่รู้จบ เขาตั้งคำถามในหัวมากมาย ถ้าหากเขากล้าจะสารภาพรักกับเธอก่อนหน้านี้ ทุกอย่างมันจะเป็นแบบนี้ไหม? เขาพยายามจะข่มตาหลับ เพราะวันพรุ่งนี้มันก็เป็นอีกวันที่สำคัญสำหรับเขา ทว่าเมื่อเคฟปิดตาลง ดวงตาของเขาก็เปิดขึ้น ความกลัวของเขาพุ่งทะยานขึ้นมา เขาไม่อยากเห็นภาพที่ตามมาหลอกหลอนในฝัน เคฟพลิกตัวไปนอนด้านข้างก่อนจะพูดกับตัวเอง
“หลับซิวะ พรุ่งนี้เราต้องปล้ำแมทช์สำคัญนะเว้ย” เคฟต่อว่าตัวเอง
แม้เขาจะต่อว่าตัวเองเช่นไร แต่ดวงตาของเขาก็ไม่ยอมปิดลงไป เมื่อเขารู้ตัวอีกที เสียงนาฬิกาปลุกของเขาก็ดังขึ้น เคฟลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยสภาพร่างกายที่หนักอึ้ง ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาหลับไปกี่ชั่วโมง เขาชำระร่างกายของเขา เขาหวังว่าสายน้ำจะช่วยให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง ทว่าความปรารถนาของเขาไม่เป็นผล เขาลงจากบ้านของเขาและเปิดประตูบ้าน เขาเห็นรถคันเดิมที่มารับเขาทุกครั้งจอดรออยู่ เคฟเปิดประตูรถ เขาเจอฮันและเล่เหมือนทุกครั้ง เคฟกล่าว “อรุณสวัสดิ์” ทักทายทั้งคู่ แต่เมื่อฮันหันกลับมาเขาก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เห้ย เคฟ แกเป็นไรวะ!?” “นอนไม่หลับนิดหน่อยน่ะ” เคฟโกหก “ดูทรงแล้ว ผมว่าพี่เคฟน่าจะไม่นอนไม่หลับนิดหน่อยนะ” เล่พูดพร้อมมองไปยังถุงใต้ตาของเคฟที่ดำ
เคฟไม่ตอบ แต่เขาประตูรถยนต์ รถเคลื่อนออกไป เมื่อประตูรถถูกปิด ความเหนื่อยล้าเริ่มเล่นงานเคฟ เขาเริ่มไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้โดยสารบนรถพูดคุยกัน เปลือกตาของเขาปิดลงไป
“พี่เคฟๆ ถึงแล้วนะ” เสียงของเล่ดังขึ้น พร้อมกับแรงเขย่าจากเคฟ “หืม?’ เคฟลืมตาขึ้นมาช้าๆ
เขาเห็นรถที่จอดอยู่ ข้างหน้าของเขาคือฮันที่กำลังเก็บของบนรถอยู่ เคฟมองด้านข้างเขาก็เห็นทิวทัศน์ที่ไม่คุ้นเคย เขาพึ่งนึกได้ว่าวันนี้ทางสมาคมจัดที่สนามกีฬาแห่งใหม่ เคฟหยิบกระเป๋าของตัวเองและก้าวลงจากรถ เขาเดินตรงเข้าไปในอาคาร เคฟเห็นอัฒจรรย์ทั้งสี่ด้านที่ถูกตั้งอยู่ทั้งสี่ด้านของอาคาร เคฟเห็นนักมวยปล้ำคนอื่นๆที่ยืนรอคุณซาวาชิโระ สีหน้าของคนอื่นๆล้วนดูตื่นเต้นไม่แพ้กัน ตามจริงสีหน้าของเคฟก็คงเป็นเช่นนั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะอดนอนเมื่อคืน กระนั้นเขาก็ยังคงทำหน้าที่ของเขาได้เช่นเดิม ก็คือตั้งเวทีและจัดวางเก้าอิ้รอบๆสนาม
“อีก 30 นาทีโชว์จะเริ่มแล้วนะ” กิ๊ฟชะโงกหน้าเข้ามาในห้องแต่งตัวก่อนจะพูดกับนักมวยปล้ำทุกคน “ตื่นเต้นจังแฮะ” ฮันพูดออกมาในขณะที่อุ่นร่างกาย “ว่าแต่นายไหวจริงๆแน่นะ?” ชายผมดำหันมาถามเพื่อนของเขาที่นั่งสัปหงกอยู่ “ไหวซิ” เคฟตอบสั้นๆ
“หน้านายยังไงก็ดูไม่ไหวนะ” คิมที่นั่งตรงข้ามพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าของเคฟ “นอนไหม?” เล่เสนอบ้าง “อืม ก็คงดี” เคฟพูดพร้อมหลับตาของเขาลงไป
=====
ชายผมสีบลอนด์ยืนอยู่ที่มุมรอให้ชายใบหน้าหล่อลุกขึ้น แฟนๆในสนามต่างตะโกนเรียกชื่อ “โร๊ก” ซึ่งเป็นชื่อบนสังเวียนของ “ริน” เขาสวมกางเกงขายาวสีดำ บนแก้มของเขามีรอยแต้มสีแดงอยู่ ดวงตาของเขามองคิมที่กำลังพยุงอยู่บนเวทีให้ลุกขึ้นมา วันนี้การปล้ำจะต่างออกไป เพราะจอร์จไม่ได้นั่งบรรยายอยู่ข้างสนาม เนื่องจากด้วยจำนวนคนดูที่มาก ทำให้เสียงของจอร์จไม่สามารถไปถึงคนดูทุกคนได้แน่ๆ เหล่าคนดูนับพันจับจ้องไปยังเหตุการณ์บนเวที เมื่อคิมพยุงตัวเองขึ้นมายืนสองเท้า นักมวยปล้ำที่พึ่งเปิดตัวครั้งแรกก็เร่งเครื่องไป ทว่าคิมกระโดดถีบขาคู่สวน โร๊กล้มลงไปหลังฟาดกับพื้น โร๊กลุกขึ้นมาจากพื้นช้าๆ คิมจัดการเตะเข้าที่ปลายคางของโร๊ก นักมวยปล้ำหน้าใหม่ยืนมึน คิมเด้งเชือกก่อนที่เขาจะกระโดดใช้ขาทั้งสองข้างของเขาถีบเข้าใส่กลางอกของโร๊ก แรงกระแทกทำให้ชายที่ถูกถีบลอยไปกระแทกกับมุม เขาลงไปนอนบนพื้น คิมปีนขึ้นเชือกเส้นที่สามพร้อมกับกระโดดทิ้งศอกลง
คิมลุกขึ้นมาท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนๆ กระนั้นเขาก็ยิ้มเหมือนกับเสียงโห่เป็นเหมือนแสงสปอตไลท์ที่ส่องมายังเขา ชายคนนี้ส่งมือเรียกให้แฟนๆส่งเสียงโห่เขามากกว่าเดิม คิมเป็นเหมือนคอนดัคเตอร์ที่ควบคุมการประสานเสียงจากแฟนๆ รินลุกขึ้นมาจากพื้น คิมจับคู่ต่อสู้เขาหันมาและใช้ท่อนแขนของเขากระแทกเข้าใส่เต็มคอของริน คู่ต่อสู้ของเขาลงไปนอนกับพื้น คิมกด กรรมการนับ
“หนึ่ง สอง สาม”
เสียงระฆังถูกตีหลังจากตัวเลขนับสามดัง คิมลุกขึ้นมาท่ามกลางเสียงโห่ที่ไม่พอใจของแฟนๆ เขาเดินกลับหลังฉากไปด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันรินก็ได้รับเสียงปรบมือจากแฟนๆ แม้เขาจะเป็นผู้แพ้ก็ตาม
“คุณฮัน กับ คุณเล่ เตรียมตัวได้เลยค่ะ” กิ๊ฟพูดในหลังฉาก
ฮันกับเล่พยักหน้า คิมที่พึ่งเดินกลับมาจากหลังฉากได้รับเสียงปรบมือต้อนรับจากเพื่อนร่วมอาชีพ เช่นเดียวกันกับรินที่กลับมาหลังฉาก แม้หลายคนจะอยู่หลังฉาก แต่มีคนนึงที่ไม่อยู่ นั่นก็คือเคฟที่ยังคงนอนพักผ่อนอยู่บนม้านั่งในห้องแต่งตัวของเขา เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มยังคงนอนราบอยู่บนม้านั่ง ดวงตาของเขาเปิดขึ้นมา แม้เขายังคงรู้สึกถึงความหนักอ้งของร่างกายเขา ทว่าเขาก็รู้สึกดีกว่าก่อนหน้านี้ เขาลุกขึ้นมานั่งบนม้านั่ง เขาเปิดประตูออกจากห้องแต่งตัวออกมาและเดินกลับมา ยังบริเวณเตรียมตัว เขาเห็นฮันและเล่ที่นั่งพูดคุยกันอยู่
“อ้าว ตื่นแล้วหรอพี่?” เล่ถาม “อืม นี่ชั้นนอนไปนานขนาดไหน?” เคฟถาม “ก็นานพอที่คู่ต่อไปจะเป็นคู่ของนายแล้ว” ฮันพูดติดตลก
“เอ๊ะ?!” เคฟอุทานออกมา “พี่เคฟนอนเพลิน อดดูคู่ของผมกับพี่ฮันเลย แฟนๆตะโกน This is awesome ด้วยนะ” เล่อวด “ยินดีด้วยนะ” เคฟยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“คุณเคฟ จัดทรงผมด้วยค่ะ ถ้าออกไปปล้ำ ด้วยทรงผมที่กระจัดกระเจิงแบบนี้ คงดูไม่ดีเท่าไหร่” กิ๊ฟพูดพร้อมยื่นขวดน้ำให้กับเคฟ “ขอบใจ” เคฟตอบพร้อมกับเปิดขวดน้ำ
ซาวาชิโระหันไปคุยกับกิ๊ฟอะไรบางอย่าง กิ๊ฟหันมาคุยกับเคฟหลังจากเธอพูดกับซาวาชิโระเสร็จ
“คุณเคฟ คุณไม่ได้เมาใช่ไหม?” กิ๊ฟถาม “ห๊ะ ไม่ ชั้นไม่ได้เมานะ” เคฟตอบด้วยสีหน้ามึนงง “พอดีคุณซาวาชิโระถามว่าทำไมคุณดูเพลียๆ” กิ๊ฟถามต่อ “ตื่นเต้นน่ะเลยนอนไม่หลับ” เคฟโกหก
กิ๊ฟหันกลับไปแปลให้ซาวาชิโระฟัง ชายชาวญี่ปุ่นพยักหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขารับรู้แล้ว
“เก๊งๆ” เสียงระฆังถูกตีขึ้น เป็นสัญญาณว่าแมทช์จบแล้ว “และผู้ชนะแมทช์นี้ได้แก่ โอดินและพัพเพ็ต มาสเตอร์” เสียงของผู้บรรยายประกาศขึ้น
โอดินและพัพเพ็ต มาสเตอร์เดินกลับเข้ามาหลังฉาก เหล่านักมวยปล้ำทุกคนต่างปรบมือให้กับโอดินและน้าล้าน เช่นเดียวกันกับพิ๊กกี้และเอสดีเฮช ที่เดินกลับมาหลังฉากทีหลัง เมื่อทุกอย่างเงียบลงไป มันก็ถึงเวลาที่เคฟรอคอย เวลาที่เขาจะได้ขึ้นเผชิญหน้ากับอาจารย์ของเขา เพลงเปิดตัวของเคฟถูกเปิดขึ้น เคฟกำลังจะแหวกผ้าม่านและเดินออกไป ทว่าก่อนที่เขาจะออกไป โอดินก็จับหัวไหล่ของเขา
“ออกไปโชว์ให้โลกรู้ว่านายสุดยอดแค่ไหน” โอดินพูดแม้เขาอยู่ใต้หน้ากากสีดำของเขา “อืม!!” เคฟพยักหน้า
เคฟแหวกมือออกไป เขาเห็นแฟนๆนับพันที่ส่งเสียงเชียร์ให้กับเขา มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เคฟขนลุก เขาไม่เคยยืนอยู่ผู้คนที่มากขนาดนี้มาก่อน เคฟกลิ้ง พร้อมกับขึ้นไปกลางเวที เขามองรอบๆไปยังแฟนๆที่เข้ามาสนับสนุนพวกเขาในวันนี้ เคฟลงไปยืนพิงมุม และยืนรอให้คู่ต่อสู้ของเขาออกมา เสียงดนตรีของเคฟถูกดับลงและถูกแทนที่ด้วยเสียงดนตรีของซาวาชิโระ เสียงเชียร์อันกระฮึ่มก็ดังขึ้นมา ชาวชาวญี่ปุ่นเดินออกมาพร้อมกับเสื้อคลุมสีดำที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเขา แฟนๆตะโกน “ซาวาชิโระ” ตลอดทางทุกฝีก้าว เขากลิ้งขึ้นเวทีและมองหน้ากับเคฟที่อยู่อีกมุม เขาถอดเสื้อคลุมของเขาออกและมองหน้าคู่ต่อสู้ของเขาที่อยู่อีกมุม เคฟรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แพร่ออกมาจากตัวของชายชาวญี่ปุ่นคนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยืนบนเวทีเดียวกันกับซาวาชิโระ
“เก๊ง” เสียงระฆังถูกตีดังขึ้น
แฟนๆต่างตะโกนชื่อ “ซาวาชิโระ” กันอย่างกึกก้องสนาม ทั้งสองเดินเข้าหากันละประมือเข้ากัน ซาวาชิโระจับเคฟล็อคคอ ชายชาวญี่ปุ่นอาศัยประสบการณ์ที่เหนือกว่า ทุ่มเคฟลงไปกับพื้น หลังของเคฟกระแทกกับพื้น ซาวาชิโระยังคงล็อคคอของเคฟไว้แน่น เคฟพยายามดิ้น แต่เขาไม่สามารถดิ้นออกจากพันธนาการของคู่ต่อสู้เขาได้เลย เคฟมองไปยังเชือกก่อนที่เขาจะใช้เท้าเกี่ยวเข้ากับเชือกเส้นล่างสุด กรรมการสั่งให้ซาวาชิโระปล่อยตามกฎ ชายชาวญี่ปุ่นปล่อยตามกฎกติกา เคฟพยุงตัวขึ้นมาช้าๆ ทว่าเมื่อเขาลุกขึ้นมา เขาก็ถูกตบเข้ากลางอกเต็มๆ เสียงถูกตบดังกึกก้อง เคฟรู้สึกถึงความเจ็บปวด นี่น่าจะเป็นการตบที่เคฟรู้สึกเจ็บที่สุดในชีวิต
ซาวาชิโระจับเคฟเด้งเชือก เคฟเด้งกลับมา ซาวาชิโระจัดการเอาท่อนแขนกระแทกใส่คอของเคฟ เคฟล้มลงไปนอนกับพื้น ชายชาวญี่ปุ่นใช้เท้าของเขาเหยียบเข้ากลางท้องของเคฟ เขายกเท้าและเหยียบซ้ำ เขาโจมตีใส่เคฟอย่างไร้ปราณี กรรมการต้องห้าม เคฟยังคงนอนอยู่บนพื้น เขาใช้มือดันตัวเองจากพื้น ซาวาชิโระจับเคฟลุกขึ้นมา ชายชาวญี่ปุ่นจับเคฟเหวี่ยงเข้ามุม แผ่นหลังของเคฟกระแทกเข้ากับมุม ชายชาวญี่ปุ่นวิ่งไป ทว่าเคฟหลบได้ หน้าของซาวาชิโระกระแทกเข้ากับมุมแทน ชายชาวญี่ปุ่นกุมหน้าของเขา เคฟรีบใช้ท่อนแขนกระแทกเข้าใส่คอของซาวาชิโระ แรงกระแทกทำให้ชายชาวญี่ปุ่นล้มลงไป เคฟจับคู่ต่อสู้ของเขาดันเข้ามุม เคฟรีบวิ่งถอยกลับไป เขาวิ่งมาพร้อมกับใช้เท้าสองข้างถีบเข้าใส่อกของซาวาชิโระ เคฟลุกขึ้นมาวิ่งถอยกลับไปที่อีกมุม ทว่าเมื่อเขาหันกลับมา เขาเจอซาวาชิโระวิ่งตามมายกเท้ายันใส่หน้า แรงกระแทกทำให้เคฟทรุดลงไปอย่างรวดเร็ว
ซาวาชิโระลากเคฟออกมา ก่อนที่เขาจะจับเคฟล็อคแขน เคฟร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของซาวาชิโระที่ปกติมักจะดูอ่อนโยน มันแทบจะเป็นอีกคนไปเลย เมื่อเขาอยู่บนเวที กรรมการถามเคฟว่าจะยอมไหม เคฟส่ายหน้าบอกไม่ยอม เขาเอื้อมมือไปหาเชือก เขารวบรวมแรงก่อนจะจับเชือกเส้นที่สอง กรรมการใช้มือตีแขนของซาวาชิโระเบาๆเพื่อบอกให้เขาปล่อย เคฟกุมแขนพร้อมกับกลิ้งลงข้างล่างเวที ทั้งร่างกายของเขาปวดไปทั่วไปหมด กระนั้นแม้เคฟจะลงไปตั้งตัว แต่ซาวาชิโระก็ตามลงไป เขาวิ่งไปทุบหลังของเคฟ ชายหนุ่มชาวไทยทรุดลงไปกับพื้น ซาวาชิโระจับเคฟเหวี่ยงขึ้นเวที เคฟถูกเหวี่ยงขึ้นไป เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาหนักอึ้งไปหมด ทั้งความเจ็บปวด ทั้งความอ่อนล้าปะปนกันไป ซาวาชิโระรวบเอวของเคฟและพยายามยกใส่ เจอร์แม้น ซูเพล็กซ์ แต่ทว่าเคฟฝืนไว้ได้ เขาเอาศอกกระทุ้งคู่ต่อสู้ออกไป เคฟออกแรงกระแทกอีกครั้ง ซาวาชิโระปล่อยมือออกไป
ชายชาวญี่ปุ่นถยออกไป เคฟกระโดดเกี่ยวคอของคู่ต่อสู้เขา ซาวาชิโระถูกเกี่ยวไปลุกขึ้นมา เคฟจัดการตบใส่อกของชายชาวญี่ปุ่น ซาวาชิโระถอยออกไป เคฟจัดการง้างมือของเขาตบใส่อกคู่ต่อสู้เขาอีกครั้ง ซาวาชิโระก็ยังคงยืนหยัด เขาเริ่มคำราม มันเป็นเสียงคำรามที่ทำให้เคฟรู้สึกกลัว เคฟจัดการเด้งเชือก ทว่าซาวาชิโระวิ่งไปก่อนจะเข่าใส่เต็มท้องของเคฟ แรงกระแทกทำให้เคฟงอลงไป ซาวาชิโระรีบจับเคฟใส่ซูเพล็กซ์ หลังของเคฟกระแทกกับพื้น ชายชาวญี่ปุ่นกด แต่เคฟยังคงดิ้นหลุด ซาวาชิโระนั่งมองหน้าของเคฟที่ยังนอนอยู่บนพื้น สีหน้าของเคฟเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ชายชาวญี่ปุ่นลากคอของเคฟขึ้นมา ซาวาชิโระเด้งเชือกก่อนจะกางแขน แต่ทว่าก่อนที่ซาวาชิโระจะได้เล่นงานเคฟ เคฟก็ตรงไปกระโดดเข่าใส่เต็มหน้า ชายชาวญี่ปุ่นยืนมึนอยู่กับที่ เคฟหมุนตัวก่อนจะใช้ท่อนแขนกระแทกใส่อคอของซาวาชิโระ ชายชาวญี่ปุ่นล้มลงไป เช่นเดียวกันกับเคฟ เขาก็ลงไปนั่งกับพื้น พร้อมกับกุมแขน เขาใช้แขนข้างที่เจ็บกระแทกใส่คอของซาวาชิโระ
“อ๊ากกก” ซาวาชิโระคำรามขึ้นมา พร้อมกับลุกมากุมแขน “เคฟ!! เคฟ!! เคฟ!!” แฟนๆเริ่มเรียกชื่อของเขา
ซาวาชิโระถอยออกไปและยืนพิงกุบมุม สีหน้าของชายชาวญี่ปุ่นยังคงดูมึนงง เคฟวิ่งไปพร้อมกับยกเท้าถีบเข้าใส่หน้าของอาจารย์เขาที่ยืนพิงมุม ซาวาชิโระยืนมึนๆออกมา เคฟจับคู่ต่อสู้ของเขาบิดและกระโดดจับเอาหน้าของซาวาชิโระฟาดกับพื้น เสียงเชียร์ปะทุขึ้นมา เพราะเคฟจับใส่ท่าไม้ตายได้สำเร็จ เคฟรีบกดคู่ต่อสู้ของเขา แฟนๆตะโกนนับไปพร้อมกับแฟนๆ
“หนึ่ง สอง สะ...” ก่อนที่มือของกรรมการจะสัมผัสกับพื้น
ซาวาชิโระยกไหล่ขึ้นมาได้ทัน เคฟกุมศีรษะของตัวเอง เช่นเดียวกันกับแฟนๆที่เชียร์เขาที่แสดงกริยาเหมือนกับเคฟ เคฟลุกขึ้นมาพร้อมกับปีนขึ้นเชือกเส้นที่สาม เขามองแฟนๆทุกคนที่กำลังจับจ้องเขาอยู่เหมือนกัน ความคิดหนึ่งแว้บเขามาให้หัวของเขา มันทำให้เขานึกถึงวลีหนึ่งที่เคยได้ยินมาตั้งนานแล้ว
“มวยปล้ำเป็นสิ่งที่ทรงพลัง มันสามารถทำให้คนร้องไห้ได้ มันสามารถทำให้คนหัวเราะได้ มันทำให้คนมีความสุขได้” “มันสามารถทำให้ผู้คนลืมเรื่องๆแย่ในชีวิตได้”
เช่นเดียวกันกับเคฟที่ยืนมองคู่ต่อสู้ของเขาที่พยุงตัวขึ้นมา ในหัวของเคฟตอนนี้มีเพียงแมทช์ที่อยู่ตรงหน้า ซาวาชิโระลุกขึ้นมา เจอเคฟกระโดดขวางลำตัว แต่ซาวาชิโระจับไว้ได้ ซาวาชิโระจับเคฟแบกขึ้นบ่า เคฟพยายามดิ้น แต่ทว่าเรี่ยวแรงที่น้อยทำให้เคฟไม่สามารถดิ้นหลุดได้ ซาวาชิโระจับเคฟปักลงไปกับพื้น ชายผมดำนอนนิ่งกับพื้น ซาวาชิโระกด กรรมการนับ
“หนึ่ง สอง สาม”
เสียงระฆังดังขึ้นมา แฟนๆส่งเสียงปรบมือให้กับแมทช์นี้ ซาวาชิโระดูอาการคู่ต่อสู้ของเขา ชายชาวญี่ปุ่นพยุงร่างของเคฟขึ้นมา ก่อนจะชูมือให้กับเคฟ แฟนๆส่งเสียงปรบมือให้กับทั้งสอง แสงไฟสปอทไลต์ส่องมายังเขา แม้เขาจะเป็นผู้แพ้ในวันนี้ แต่หากเขามองหน้าของคนดูที่กำลังมีความสุข เขาก็รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชนะ
|
|