Post by jussaateen on Oct 14, 2017 9:19:22 GMT
"Children of Men (2006)"
Genres: Sci-Fi , Drama , Thriller
Directed by: Alfonso Cuarón (Gravity, Harry Potter and the Prisoner of Azkaban)
Stars: Clive Owen (King Arthur), Julianne Moore (Kingsman: The Golden Circle, Jurassic Park: The Lost World), Chiwetel Ejiofor (12 Years A Slave, Doctor Strange)
IMDB: 7.9/10
Rotten Tomatoes: 92%
รีวิวโง่ๆฉบับนี้โดย: จัซซาตีนไง จะใครล่ะ!
_______________________________
ซื่อสัตย์ก่อนเลยว่าผมพึ่งหยิบเรื่องนี้มาดูเป็นครั้งแรกเมื่อวานเป๊ะๆเลย (เคยเปิดเจอผ่านๆในทีวี แต่ก็ไม่ถึงครึ่งเรื่องเพราะมีธุระตลอด 555) ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะรีวิว แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าง ๆ อารมณ์เขียนนิยายยังไม่มา อารมณ์เล่นเกมก็ยังไม่มา เลยอินดี้มารีวิวหนังเลย 5555
โดยก่อนดูได้ดูตัวอย่างหนึ่งก่อนก็คือ ตัวอย่างด้านบนนี้ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าจะออกแนว Thriller มีแอคชั่นมาจำนวนหนึ่ง เน้นดูสนุก มันส์ๆ ไรงี้ ตอนดูก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายนอกจากเนื้อเรื่องที่ดูน่าติดตามจากตัวอย่าง
แต่พอดูจบ.. บอกเลยไปฆ่าคนทำตัวอย่างทิ้งได้เลย เพราะอารมณ์มันต่างจากที่ดูในตัวอย่างมาก! หนังเรื่องนี้มันเล่นกะอารมณ์กว่าสิ่งอื่นใด เกือบร้องไห้ตามในหลายๆฉากอ่ะ บอกเลย 5555
เนื้อเรื่องคร่าวๆก็เกี่ยวกับในโลกปี 2027 นั้นมนุษย์ไม่สามารถมีลูกได้มา 18 ปีแล้วโดยปริศนา เหลือเพียงอังกฤษที่ยังมั่นคงอยู่ (หรือลอนดอนก็ไม่รู้ จำส่วนนี้ไม่ได้ ผมขอโทษ T.T) โลกเริ่มเน่าเฟะลงเรื่อย ๆ โดย Theo (Clive Owen) ได้ถูกว่าจ้างโดย Julian (Julianne Moore) ให้ทำงานบางอย่างซึ่งสำคัญต่อมนุษยชาติมาก ๆ ! .. ที่เหลือก็เป็นตามในหนังเลย ซึ่งบอกเลยว่าเนื้อเรื่องทำได้น่าติดตามมากและเป็นอีกส่วนหนึ่งที่แบกหนังไปได้เรื่อย ๆ จนจบเลย
ซึ่งหนังเรื่องนี้มีโทนที่มืดมน ดาร์ค สิ้นหวัง หดหู่มาก มีขำอยู่สองสามฉากนอกนั้นถ้าไม่เศร้าก็โกรธยากไปต่อยไอคนในหนังให้มันตายคาที่ ถถถ
เท่าที่จำได้ในเรื่องนี้นั้นก็จะมีแอคชั่นพอประมาณ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เรียกว่าอิ่มพอดี แต่จุดที่หนังเรื่องนี้เน้นบ่อยที่สุดก็เป็นเรื่องของปรัชญาความเชื่อ และเรื่องของ "มนุษยธรรม" ด้วย เช่นที่ว่า คนเราพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้มนุษยชาติดำเนินต่อไปไรงี้ และมีบางช่วงที่ Theo พระเอกของเราพูดถึงโลกของเราว่ามันพังเละตั้งแต่ก่อนจะเกิดโรคหมันแล้วด้วย
เรื่องนี้มีฉาก Long Take เยอะมาก แต่มันไม่ใช่ข้อเสียเพราะมันทำออกมาได้ดีมาก ไม่ใช่แค่ Long Take ไปให้ดูเท่ๆ เฉยๆ มันมีจุดประสงค์ของมัน ที่น่าตบมือให้มากที่สุดก็ฉากในรถเนี่ยแหละ (ใครที่เคยดูก็น่าจะรู้ดีว่ามันเป็นไง) บอกเลยว่ายอดเยี่ยมกระเทียมดองมาก แต่จะขอไม่สปอยในนี้แล้วกันนะครับ เผื่อมีใครยังไม่เคยดู จะได้ลองไปดูกันได้ ซึ่งอยากจะไปหาตากล้องแล้วถามว่า มึงถ่ายได้ไง? ตรง ๆ เลย 5555
ในด้านเพลงประกอบ ก็ถือว่าเข้ากับโทนของหนังเรื่องนี้ดี และก็มีเพลงนึงที่มักจะโผล่มาในฉากเศร้าๆตลอด ที่ผมว่าถือว่าดีมาก และยิ่งมีกล้อง ภาพพวกนี้ประกอบตามเพลงด้วยเป็นฉากเดียวคือโคตรเยี่ยมเลย ขอบอก 555
ด้านของการแสดง ถือว่าปานกลางโดนส่วนตัว ที่แสดงแบบดีมากๆสำหรับผมก็เช่น Michael Caine, Chiwetel Eijiofor (ชื่อเขียนยากเกินมึงอ่ะ 5555) ส่วนพระเอกของเรา (Clive Owen) ก็แสดงได้ดูเป็นธรรมชาติดี มีเพียงบางส่วนที่ผมคิดว่า ยังไม่ดีมาก หรืออารมณ์มันยังไม่สุด แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดแย่อะไร
โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้ผู้กำกับ Alfonso กับตากล้อง Emmanuel Lubezki (The Revenant, Birdman, Gravity) ซึ่งประสานงานกันได้ยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่ร่วมกันสร้างเรื่องนี้ขึ้นมา ข้อเสียสำหรับผมมีแค่นักแสดงบางช่วงที่ยังดูอารมณ์ไปไม่สุด และบทพูดสองสามช่วงที่ฟังดูแปลกๆไม่เข้าหู แต่ภาพรวมแล้วเรื่องนี้ดีมากครับ
จัซซาตีนให้ 9/10 ครับผม
_________________________________________________________________
เป็นรีวิวแรกที่ผมเคยทำมา ติชมกันได้ครับผม และมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับหนังมาแชร์กันได้นะครับผม
ต่อไปอยากให้รีวิวเรื่องอะไรสามารถรีเควสกันมาได้นะครับผม เดี๋ยวว่างเมื่อไหร่จะจัดไปตามคำขอ
หากจะรีเควส ถ้าเป็นไปได้ ไม่เอาแนว รัก ดราม่า นะครับ เพราะไม่ค่อยชอบ (เพราะงี้ไงมึงเลยไม่เคยมีแฟน ไอห่า Jussaateen..) กลัวว่าพอรีวิวแล้วจะมีอารมณ์ส่วนตัวมาขัดขวาง 5555
แนวที่ตัวเองชอบดูหลักๆก็ Thriller, Fantasy, Action และล่าสุดที่เริ่มหันมาดูบ่อยๆ เยอะๆขึ้นก็ Horror ครับ