|
Post by handsomeguyformzulus on Dec 26, 2017 17:04:54 GMT
1/4/2017
18.00 น. ร้านอาหารในโรงแรม
หลังจากที่การถ่ายทำ MV เสร็จสิ้นเหล่าเด็กฝึกก็กลับมาที่โรงแรมหรูอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่การกินข้าวเย็นเท่านั้นมันเหมือนกับงานเลี้ยงแบบย่อมๆ ที่ถูกจัดขึ้นสำหรับการทำงานหนักในวันนี้ คิมจีฮุน ที่วันนี้มองดูเหล่าเด็กฝึกหัดทำงานกันอย่างขันแข็ง ทำให้เกิดรอยยิ้มแบบคุณลุงขึ้นบนใบหน้าเขาอยู่ตลอด
“ยิ้มแบบนั้นดูน่ากลัวจังนะคะ” เทรนเนอร์สอนเต้นจองซูอาทักเขา
“งั้นหรอ ฮ่าๆ” เขาดูอารมณ์ดี
“วันนี้แทฮยองกับจองฮวาแสดงได้ดีมากเลยนะ” เขากล่าวชม
“ขอบคุณครับ/ค่ะ” พวกเขาตอบรับพร้อมๆกัน
“แล้วก็คนอื่นๆ ขอให้ตั้งใจทำงานแบบนี้ต่อไป”
“ชั้นเชื่ออย่างมากว่าพวกเธอทุกคนจะนำพาความสำเร็จมาให้บริษัทเราแน่นอน”
หลังจากพูดเสร็จเด็กฝึกทุกคนก็ตอบรับความคาดหวังของประธานคิมด้วยคำขอบคุณเช่นเคย การมาทำอะไรแบบนี้ที่นี่เป็นเหมือนกับการให้เด็กฝึกหัดได้มีประสบการณ์ในการทำงานจริง บรรยากาศกองถ่ายของจริง วิธีการทำงานแบบมืออาชีพ ซึ่งมันจะทำให้พวกเขารับมือกับมันได้ในอนาคต
-------------------------
The Trainee
ตอนที่ 10 : เบื้องหน้าของหญิงสาวคือแผ่นหลังของชายหนุ่ม
-----------------------------------------------------------------------
19.00 น. ห้องพักของ เด็กฝึกหญิง
“นี่จองฮวา เธอร้องไห้ออกมาจริงๆหรอ?” เด็กสาวผมขาวที่โคนเริ่มดำถามเพื่อนของเธอ
“จริงสิ สมัยตอนเรียนเคยแสดงละครเวทีแล้วอยู่ดีๆก็ร้องออกมาเองเหมือนกัน” เธอตอบ
“สุดยอดเลย....” กาอินรู้สึกทึ่งกับความสามารถของเพื่อนเธอ
“แล้วเธอไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอ แบบว่า.. แทฮยองก็หล่อจะตายไป” กาอินถามแบบเขินๆ
“คำถามเด็กชะมัดเลย กาอิน” ซูยองที่นอนดูทีวีอยู่แซวเพื่อนของเธอ
“ไม่นะ อาจเป็นเพราะชั้นทำอะไรแบบนี้บ่อยล่ะมั้ง”
“เป็น พิธีกรคู่ เล่นเทนนิสคู่ผสม เล่นละครเวที”
“ก็เลยเฉยๆกับอะไรแบบนี้ไปแล้วล่ะมั้ง” จองฮวาตอบคำถามเพื่อนของเธอ
ตัวของจองฮวานั้น จริงๆแล้วเธอเป็นเด็กสายกิจกรรมคนนึงเลยก็ว่าได้ เธอเป็นคนที่ได้ทำกิจกรรมที่สามารถไปต่อยอดในวงการบันเทิงได้หลายอย่างมาก เธอร้องเพลงเพราะ เธอแสดงได้ แต่กลับไม่สนใจที่จะเข้าวงการเลย แต่พอได้จังหวะเข้าวงการ เธอก็ดันเลือกไปทำในสิ่งที่เธอไม่ถนัดอย่างการเป็นไอดอลที่ต้องเต้นให้เก่ง ตลอดเวลาเกือบๆ2เดือนที่ผ่านมา จองฮวาดูจะเป็นหลุมดำสำหรับกลุ่มอยู่เสมอ เพราะเธอตัวสูงกว่าใครเพื่อนแต่ยังเต้นได้ไม่ดี ถ้าเป็นเรื่องร้องก็ยังสู้กาอินไม่ได้ เรื่องเต้นถ้าเอาไปเทียบกับซูยองยิ่งแล้วใหญ่ แต่วันนี้ก็มาถึง วันที่บริษัท KJH สามารถดึงแสงสว่างในการเป็นไอดอลของเธอออกมาจนได้ ถ้าเธอเดบิ้วเมื่อไร เธอสามารถไปแสดงเป็นนางเอกซีรี่ย์ได้สบายๆ
“พรุ่งนี้เราต้องกลับกี่โมงนะ?” ซูยองถามเพื่อนของเธอ
“น่าจะประมาณบ่ายๆเย็นๆนี่แหละมั้ง” กาอินตอบ
“ถ้างั้นพรุ่งนี้เราจะได้พักผ่อนจริงๆแล้วซินะ”
“ไม่อยากกลับเลยแหะ” ซูยองดูเหมือนจะหลงรักที่นี่ซะแล้ว
-------------------------------
21.00 น.ห้องพัก 401 ห้องพักชาย
“จริงๆแล้วนายรู้สึกใช่มะ”
“ก็นายใกล้เธอขนาดนั้นนี่น่า”
“ตัวเธอหอมใช่มั้ย”
“ตอบมาเดี๋ยวนี้นะ”
ฮยองซานกับซอนอินสลับกันยิงคำถามเข้าใส่แทฮยองยับ ชนิดที่ไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว แม้ว่าเขาจะตอบไปหลายครั้งแล้วแต่ซอนอินกับฮยองซานก็ยังยิงคำถามไม่เลิก
“มันก็แค่การแสดงน่า นายก็เคยแสดงกับจองฮวานี่ ซอนอิน”
“ตอนที่สลับบทกันตอนนั้นไง ตอนนั้นนายรู้สึกหรอ?” แทฮยองถามกลับไปที่ซอนอิน
“เออ ซิวะ! ถึงยังไงนั่นก็ผู้หญิงนะ” ซอนอินตอบไปโดยไม่ทันคิด
“......”
“ถ้างั้นชั้นว่า ชั้นหันมาถามนายดีกว่าซอนอิน”
“นายคิดไม่ซื่อกับจองฮวาใช่มั้ย?” ฮยองซานเปลี่ยนเป้าหมายทันที
2พันธมิตรที่ก่อนหน้านี้จับมือกันต้อนแทฮยองให้จนมุม ได้หันปืนเข้าหากันเองซะแล้ว พวกเขาพูดคุยกันอย่างไร้สาระเอาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาพูดกันอย่างไม่มีใครฟังใคร สร้างความรำคาญให้กับ หนุ่มชาวจีนที่กำลังฟังเพลงในมือถือของเขาอย่างเกาเร็นเป็นอย่างมาก
“แทกึนนายอยากได้อะไรมั้ย?” เกาเร็นถามแทกึนที่ดูทีวีอยู่ข้างๆ
“ก็ไม่นะ ว่าแต่พี่จะไปไหนหรอ?”
“ชั้นว่าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกซะหน่อย อากาศมันเย็นน่าเดินเล่นดีน่ะ” เขาตอบ
“นี่พวกนายชั้นจะออกไปเดินเล่นข้างนอก มีใครอยากได้อะไรมั้ย?” เขาลุกขึ้นถามทุกคน
“ผมอยากกินไอศกรีมนะครับ” สมชายยกมือตอบ
“นี่ถ้านายอยากกินไอศกรีมชั้นก็ต้องรีบกลับน่ะสิ” เกาเร็นพูดสมชาย
“จริงด้วย....” สมชายดูเศร้าๆ
“.......”
“โอเคๆ เดี๋ยวขากลับแวะซื้อให้ก็ได้”
หลังจากนั้นคนอื่นๆ ก็ฝากของให้เขาซื้อกลับมาเพียบ ถึงขนาดต้องเอาปากกามาจดกันเลยทีเดียว เกาเร็นเดินออกจากและลงลิฟท์ไป สำหรับเกาเร็นการได้มีส่วนร่วมกับเรื่องสำคัญแบบนี้ถือว่าส่งผลดีกับเขามาก เพราะอายุ22 ที่สำหรับการเป็นเด็กฝึกก็ถือว่าค่อนข้างมากแล้ว อายุของเขาห่างจากสมาชิกส่วนใหญ่ที่อายุ18ถึง4ปี ถ้าหากว่าเขาไม่ได้เดบิ้วในเร็วๆนี้ เขาอาจจะไม่ได้เป็นไอดอลอีกแล้วก็ได้ เกาเร็นก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้ทุกอย่างราบรื่นแบบนี้ต่อไป สำหรับเขาการได้เจอเหล่าเพื่อนร่วมทีมที่บ้าบอและเก่งกาจแบบพวกนั้น คือสิ่งล้ำค่าที่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องรักษาไว้ให้ได้
------------
22.00 น. ซอยเปลี่ยว
หลังจากออกมานั่งเล่นเดินเล่นอยู่ประมาณชั่วโมงนึง เกาเร็นก็เตรียมตัวจะกลับไปที่โรงแรม โดยขากลับเขาตั้งใจจะแวะไปที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆกับโรงแรม เขาเดินผ่านซอยมืดๆ เพื่อไปที่ร้านนั่น จริงๆมันมีทางที่สว่างและดีกว่านี้ แต่การเดินในเส้นทางนี้มันจะทำให้เขากลับไปโรงแรมได้เร็วว่า ระหว่างที่กำลังเดินไปเขาก็เห็นหญิงสาวคนนึงที่เขารู้จักดี ผมเธอเป็นสีน้ำตาล เธอกำลังนั่งเล่นกับแมวอยู่อย่างมีความสุข เขาไม่เคยเห็นเธอทำอะไรน่ารักแบบนี้มาก่อน เพราะปรกติเธอจะดูหยิ่ง เชิ่ดๆตลอด แต่ทันใดนั้นเองก็มีวัยรุ่นชายคนนึงแอบเดินเข้ามาหลังเธอ และเข้าไปพยายามลวนลามเธอ เธอตกใจอย่างมาก สีหน้าแววตาของเธอดูหวาดกลัวจนสั่นไปหมดทั้งตัว
“ว่าไงจ้ะ มาทำอะไรดึกๆดื่นๆ ไปเที่ยวกับพี่มั้ยจ้ะ?”
“ข่ะ ขอโทษค่ะ ชั้นต้องรีบไปแล้ว” เธอทำท่าทีลุกลี้ลุกลนและพยายามเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“คุยกันก่อนสิ!!” เขากระชากแขนของเธอ
“โอ้ย!!” เธอร้องด้วยความเจ็บปวด
“นี่! ทำอะไรน่ะ?” เกาเร็นรีบเข้าไปห้ามการกระทำที่ป่าเถื่อนของชายคนนั้น
เมื่อชายคนนั้นเห็นเกาเร็น เขาก็มีอาการตกใจนิดหน่อย เขาปล่อยมือของเด็กสาว ก่อนที่เธอจะวิ่งมาหลบหลังเกาเร็น เธอเป็นเด็กสาวที่ไม่คุ้นชินกับการคุยกับคนแปลกหน้า นั่นทำให้เธอรู้สึกกลัวมากกว่าปรกติมาก เธอคือ ซูยอง เด็กฝึกสาวที่ลงมาเพื่อเดินเล่นและซื้อของเช่นเดียวกับเกาเร็น หลังจากที่กำลังเดินกลับจากร้านสะดวกซื้อ เธอก็แวะเล่นกับแมวก่อนจะ พบกับอันธพาลคนนี้โดยบังเอิญ โชคดีที่เกาเร็นเข้ามาเห็นเหตุการณ์ซะก่อน
“แกเป็นใครวะ? รู้จักกันรึไง?” เขาหาเรื่องเกาเร็น
“ใช่ เรารู้จักกัน” เกาเร็นตอบ
“งั้นหรอ....”
“แล้วไงวะ!!”
อันธพาลใจทรามเหวี่ยงหมัดเข้ามาหวังทำร้ายเกาเร็นให้บาดเจ็บ แต่เกาเร็นก็สามารถหลบหมัดนั้นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ชายคนนั้นตั้งตัวได้ก่อนจะหันมาซัดที่เกาเร็นอีกหมัดทีนี้ เขาก็หลบได้อีกครั้งนึง เกาเร็นสั่งให้ซูยองรีบวิ่งหนีไป เพราะกลัวว่าเธอจะได้รับอันตราย
“ทำไมนายไม่สู้มันกลับล่ะเกาเร็น!” ซูยองรู้สึกแปลกใจที่เห็นเกาเร็นเอาแต่หลบ
“อย่าลืมสิว่าพวกเราเป็นอะไร ซูยอง!” เกาเร็นถามขณะที่กำลังหลบการโจมตีของชายคนนั้นอยู่
คำพูดของเกาเร็นที่พูดขึ้นทำให้ซูยอง เข้าใจได้ในทันที ชายคนนั้นเหวี่ยงหมัดมาที่เกาเร็นสุดแรง เขาหลบได้อีกครั้ง โดยครั้งนี้เจ้าอันธพาลคงทุ่มน้ำหนักมากไปหน่อย หลังจากที่ต่อยวืด ร่างกายของมันก็หมุนติ้วเป็นวงกลม และล้มลงกับพื้นอย่างน่าอนาถ เกาเร็นจับมือซูยองก่อนจะพาเธอวิ่งหนีเจ้าอันธพาลไป เมื่อเจ้าอันธาลเห็นดังนั้น เขาจึงลุกขึ้นและวิ่งตามทันที สำหรับวัยรุ่นขาใหญ่แถวนั้น การที่คนต่างถิ่นทำให้เขาตกอยู่ในสภาพที่น่าอับอายแบบนี้ เขาต้องไม่ชอบแน่ เขาหวังจะได้ล้างแค้นซักครั้ง พวกเขาวิ่งไล่กันแบบนั้น เกาเร็นกับซูยองวิ่งเร็วกว่ามากจนภาพของอันธพาลตัวดีค่อยๆจางหายไปจากสายตาของทั้งสองคน พวกเขาวิ่งมาที่จุดๆนึง มันเป็นบริเวณที่เงียบๆและมีตู้โทรศัพท์สาธารณะ ซึ่งน่าจะห่างไกลจากชายคนนั้นพอสมควรแล้ว พวกเขาทั้งคู่หอบจากอาการเหนื่อย
“แห่กๆ เธอนี่วิ่งได้ดีเหมือนกันนะ” เกาเร็นชื่นชมเธอ
“ขอโทษนะ ชั้นเป็นภาระนายตลอดเลย ตั้งแต่เจอกันที่ป้ายรถบัสแล้ว” ซูยองรู้สึกผิด
“ฮะฮ่า” เกาเร็นขำออกมา
“ขำอะไรของนาย”
“นอกจากซอนอินก็มีเธออีกคนซินะ ที่ไม่ได้เรียกชั้นว่าพี่” เกาเร็นพูดก่อนจะยิ้มขึ้นมา
“พอเจอเธอข้างนอกบริษัททีไร มีแต่เรื่องแปลกๆทุกที ”
เกาเร็นนั่งลงแล้วพูดก่อนที่จะหัวเราะออกมา ซูยองที่คิดเหมือนกันก็หัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน พวกเขาหัวเราะให้กับความซวยของตัวเอง ย้อนกลับไปที่คำพูดก่อนหน้านี้ นี่ที่เกาเร็นพูดกับซูยองเรื่องที่ว่า ทำไมเขาถึงไม่สู้กลับ มันเป็นเรื่องง่ายๆ สถานะของเกาเร็นคือเด็กฝึกหัด ถ้าหากเด็กฝึกหัดมีเรื่องชกต่อย การลงโทษอาจจะเป็นการฉีกสัญญาเลยก็ได้ เพราะว่าถ้าหากไปถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลกัน เท่ากับเด็กฝึกหัดจะมีประวัติติดตัว และคงไม่มีใครชอบไอดอลที่ เคยมีประวัติชกต่อยเหมือนพวกอันธพาลแน่ๆ เกาเร็นคือคนนีงที่ต่อสู้กับความฝันของตัวเองมาโดยตลอด เขาเปิดช่องยูทูปของตัวเองเพื่อทำคลิปโคฟเวอร์เพลง เขาเดินทางออกจากบ้านเกิดของตัวเองมาตามหาฝันของเขาถึงที่เกาหลี และทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี เขาอยากจะรักษามันไว้ให้นานที่สุด แต่ทว่า
“ว่าไง...”
“ดูสิว่าคราวนี้จะหลบได้อีกมั้ย?”
ชายฉกรรจ์คนเดิม ไม่ได้หายไปไหน.... เขาก็แค่ไปตามพรรคพวกของเขามาเพิ่มอีกประมาณ 3-4คน….
--------------
23.00 น.โรงพยาบาล
“อย่าร้องเลยซูยอง ไม่ใช่ความผิดเธอหรอก” จองฮวาสวมกอดพร้อมกับพูดกับเพื่อนของเธอที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก
“เป็นเพราะชั้นแท้ๆ ถ้าชั้นไม่บ้าออกไปข้างนอกนั่น มันก็คงไม่เกิดขึ้น” ซูยองพูดพร้อมๆกับร้องไห้อย่างหนัก
“ไอ้สวะเอ้ย!!!” ซอนอินตะโกนลั่นไปทั้งโรงพยาบาล
“ใจเย็นๆก่อนซอนอิน นี่โรงพยาบาลนะ” แทฮยองพยายามห้ามเพื่อนของเขา
“นายใจเย็นแบบนั้นได้ยังไงแทฮยอง?!” เขาถามแทฮยองกลับ
“ชั้นเองก็ร้อนใจเหมือนนายนั่นแหละ แต่นี่มันโรงพยาบาลนะซอนอิน”
แทฮยองกล่อมซอนอินให้เขาใจเย็นลง ซอนอินรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมากที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ที่พวกเขาทำได้ก็แค่รอเท่านั้น ในตอนนั้นระหว่างที่เหล่าเด็กฝึกใกล้จะนอนกัน กาอินกับจองฮวาก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงซูยองที่ยังไม่กลับมาซักที พวกเธอจึงโทรหาซูยองแต่ว่าก็โทรไม่ติด ทำให้เธอคิดว่าซูยองอาจตกอยู่ในอันตราย ทันใดนั้นเอง ซูยองก็โทรกลับมา เธอบอกว่า เธอกับเกาเร็นถูกอันธพาลเจ้าถิ่นทำร้าย เธอทำโทรศัพท์ตกในระหว่างเหตุการณ์ชุลมุน โชคดีที่มันยังใช้งานได้ เสียงของเธอสั่นกลัวเป็นอย่างมาก เธอร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนเสียสติ
เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเด็กฝึกหัดจึงพากันไปบอกประธานคิมจีฮุนที่กำลังสังสรรค์กันอยู่ที่ร้านอาหารในโรงแรม คิริฮาระกำลังโชว์แผดพลังเสียงโชว์นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ส่วนประธานคิมก็เริ่มเมาได้ที่ แม้ว่าจะเริ่มเมากันแล้ว แต่หลังจากที่พวกเด็กฝึกหัดเล่าเหตุการณ์นั้นให้ฟัง ทำให้คิมจีฮุนสร่างเมาในทันที เขารีบตรงไปที่ สถานีตำรวจ โดยคิมจีฮุนไปที่สถานีตำรวจกับ แทกึน ฮยองซานและสมชาย ส่วน กาอิน จองฮวา แทฮยอง และซอนอิน มาที่โรงพยาลกับคิริฮาระ อีกหนึ่งเทรนเนอร์ที่ยังไม่ได้เมามากเท่าไรเพราะมัวแต่ร้องเพลง โดยในตอนนี้คิริฮาระกำลังไปติดต่อเรื่องต่างๆเกี่ยวกับเหตุฉุกเฉินของเกาเร็นกับทางโรงพยาบาล ก่อนจะเดินกลับมาด้วยท่าทีร้อนใจ ตอนนี้พวกเขาทำได้แค่รอเท่านั้น หลังจากรอไปซักพัก หมอที่ทำการรักษาก็เดินออกมา
“เป็นยังไงบ้างคะ คุณหมอ” กาอินถามอาการเกาเร็นกับเขา
“ถือว่าโดนมาหนักทีเดียวครับ”
“ร่างกายเขามีแผลแตกและฟกช้ำเต็มไปหมด หัวแตก ซีโครงร้าวจากการถูกกระแทก โชคดีที่มันไม่หักไปทิ่มปอดเข้า”
“แต่นี่น่าเป็นห่วงก็คงเป็นแขนของเขานั่นแหละครับ”
“ที่แขนทั้ง2ข้างมีอาการช้ำหลายจุด คงเป็นเพราะเขายกมันขึ้นมาเพื่อปกป้องกันตัว”
“กระดูกแขนซ้ายของเขาหัก โชคดีที่แขนขวาไม่ได้หักไปด้วย แต่ก็ฟักช้ำอย่างมาก”
“น่าทึ่งมากนะครับ ที่ส่วนขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย”
“ส่วนเรื่องอาการกระทบกระเทือนทางสมอง คงต้องรอให้เขาตื่นขึ้นมาเพื่อเช็คอีกที”
“แต่จากที่สแกนดู ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปรกติ แต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้ครับ”
“ยังไงตอนนี้ คงต้องบอกว่าคนไข้ พ้นขีดอันตรายแล้วครับ”
หลังจากที่พูดเสร็จเขาก็เดินออกไป แม้ว่าจะดูเหมือนเขาพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ร่างกายฟกช้ำ กระดูกซี่โครงร้าว กระดูกแขนซ้ายหัก อาการกระทบกระเทือนทางสมองยังไม่ชัวร์ แค่นี้มันก็หนักมากแล้วไม่ใช่รึไง ซูยองร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม แม้ว่าทางเด็กฝึกทั้งชายและหญิงจะพยายามบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอแต่เธอก็ยังโทษตัวเองอยู่แบบนั้น จะมีก็แต่ซอนอิน ที่ยิ้มออกมาพร้อมๆกับน้ำตาของเขา
“ยิ้มอะไรของนาย ซอนอิน” แทฮยองถามด้วยความสงสัย
“นายได้ยินที่หมอพูดมั้ย?” ซอนอินพูดกับแทฮยอง
“หมายความว่ายังไง?”
“หมอนั่นถนัดขวา... เลยใช้แขนซ้ายรับการโจมตีซะส่วนใหญ่”
“หมอนั่นใช้แขนกับลำตัวรับการโจมตีในที่ต่ำๆ”
“เขาปกป้องขาของตัวเองสุดชีวิต…”
“เพราะว่าหมอนั่นจะเป็นไอดอลที่ต้องเต้น เลยจะยอมให้ขาตัวเองบาดเจ็บไม่ได้….”
“....ชั้นยอมแกเลยว่ะ พี่เกาเร็น.....” ซอนอินพูดในขณะที่ร้องไห้ไปด้วย
----------------------
23.00 น.สถานที่ตำรวจ
“ไอ้ลูกหมาเอ้ย!!”
“ชั้นจะเอาความพวกแกให้ถึงที่สุด เอาให้ติดคุกแบบไม่ต้องออกมาอีกเลย!” คิมจีฮุนที่เมาได้ที่ตะโกนลั่นโรงพัก
“ถ้าไม่มีลูกกรงครอบแกอยู่ล่ะก็ แกได้กลายเป็นศพแน่ ไอ้เลวเอ้ย!!” ฮยองซานก็เช่นกัน
“ใช่แล้วฮยองซาน หลังจากนายฆ่ามันเสร็จ ชั้นจะถลกหนังมันไปทำชุดให้เกาเร็น!!”
เป็นเรื่องที่ตลกร้ายแปลกๆ ประธานบริษัทกับเด็กฝึกของเขากำลังเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยในการอยากกระทืบใครซักคน แทกึนกับสมชายต้องลากเพื่อนกับ เอ่อ... ประธานของเขาออกไป เหล่าอันธพาล3-4คนที่ทำร้ายเกาเร็นถูกนำมาขังที่โรงพักแห่งนึง สภาพของมันเหงาหงอย แตกต่างกับก่อนหน้านี้ที่กร่างสุดๆ เมื่อพวกนั้นรู้ว่าไปเล่นกับคนดังอย่างคิมจีฮุนเข้า ทำให้พวกมันรู้สึกสิ้นหวังสุดๆ
“ผมอยากรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่ะครับ ซูยองได้เล่าอะไรมั้ย?” แทกึนพูดกับตำรวจและปล่อยให้สมชายรับมือ2คนนั้น
“อ่ะ นี่ครับ ผมบันทึกเสียงเธอไว้”
ตำรวจนายนึงส่งโทรศัพท์พร้อมกับเปิดไฟล์เสียง ขึ้นมา คิมจีฮุน ฮยองซาน และ สมชาย ต่างหยุดการกระทำทั้งหมดก่อนจะมานั่งฟังสิ่งที่เกิดขึ้นจากคำบอกเล่าของซูยอง มันเป็นเสียงสั่นๆของเธอ คาดว่าน่าจะถูกบันทึกคำให้การที่โรงพยาบาล..
--------------------
คำให้การ ค่ะ... ชั้นโยซูยอง เรื่องมันเริ่มจากตอนที่ ชั้นอยากจะซึมซับบรรยากาศยามค่ำคืนของเกาะเชจู เพราะวันนี้ทำงานทั้งวันก็เลยไม่ได้ซึมซับบรรยกาศที่เกาะเชจูเท่าไรเลย ระหว่างทางเดินกลับ ชั้นเห็นแมวตัวนึงเดินออกมาจากมุมมืด ก็เลยนั่งเล่นกับมัน... แต่ว่านั่นทำให้ชั้นตกเป็นเป้าสายตาของ”มัน” มันเป็นอันธพาลเลวๆคนนึงที่พยายามเข้ามาลวนลามชั้น หลงเกาเร็นมาเห็นเข้า แล้วเขาก็เข้ามาช่วยชั้นค่ะ เนื่องจากเกาเร็นอยู่ในสถานภาพที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ เขาเลยทำได้แค่หลบไปเรื่อยๆ พอได้โอกาสเขาก็พาชั้นวิ่งหนี วิ่งมาซักพัก เราก็ไม่เห็นอันธพาลคนนั้นตามมาแล้ว เรามาหยุดกันที่ตู้โทรศัพท์แห่งนึงและนั่งคุยกัน... เราคิดว่าจะไม่มีอะไรแล้ว เราหัวเราะให้กับเรื่องซวยๆ
แต่....
อันธพาลคนนั้นมันไม่ได้หายไปไหน... มันคงหยุดเพื่อดูว่าเราจะไปไหนแล้วก็ตามเพื่อนๆของมันมา พวกมันเข้ามาประชิดพวกเราโดยไม่ทันตั้งตัว มันซัดหลงเกาเร็นด้วยหมัด และจับหัวเขาโขกกับตู้โทรศัพท์จนเขามีแผลแตก.. แต่ถึงแบบนั้นหลงเกาเร็นก็ยังไม่ตอบโต้กลับ หลงเกาเร็นจับชั้นยัดเข้าไปในตู้โทรศัพท์และปิดประตู เขาต่อสู้กับพวกสัตว์ร้ายข้างนอกนั่นเพียงลำพัง ชั้นพยายามใช้โทรศัพท์ แต่ด้วยแรงกระแทกที่แรง มันทำให้ตู้ถึงกับสั่นจนชั้นทำมันหล่นจนแบตกระจายออกมาจากตัวเครื่อง โชคดีที่มันเป็นตู้โทรศัพท์ที่ยังใช้งานได้ ชั้นจึงใช้มันโทรหาตำรวจได้ทัน แต่กว่าตำรวจจะมา แม้จะไม่นานเท่าไร แต่นั่นก็นานพอที่ทำให้ชั้นภาพของเหตุการณ์นี้ทุกภาพ...
หลงเกาเร็นใช้หลังของเขาปกป้องประตูเอาไว้ และเขาไม่เคยเอาแผ่นหลังของเขาออกห่างจากประตูของตู้โทรศัพท์แม้ซักนิด เขาปกป้องมันไว้อย่างดี... เขาปกป้องชั้นที่อยู่ในนั้น... เมื่อพวกมันโจมตีลงต่ำ เขาจะเอาลำตัวกับแขนลงไปรับแทนการใช้ขา แม้ว่าชั้นจะร้องขอให้พวกมันหยุด แต่พวกมันก็ไม่ได้ฟังชั้น พวกมันยิ้มและหัวเราะที่เกาเร็นเริ่มไร้การตอบสนอง.... ในขณะที่ชั้นกรีดร้อง พวกมันกลับทำหน้ามีความสุข พวกมันหัวเราะร่าและหันมามองที่ชั้น ชั้นยังจำสีหน้าของพวกมันได้ดี ชั้นเชื่อว่าทันทีที่พวกมันจัดการเกาเร็นเสร็จ ตัวของชั้นจะเป็นรายต่อไป.... และชั้นเขื่อว่าพวกมันจะไม่หยุดจนกว่าเกาเร็นจะตาย... โชคดีที่ชาวบ้านแถวนั้นบังเอิญเดินผ่านมาเห็นเข้า เขาจึงมาช่วยได้ทัน และตำรวจก็มาทันเวลาพอดีก่อนที่พวกมันจะหนีไป ถึงแม้เวลาจะไม่นาน แต่หลงเกาเร็นก็บอบช้ำเกินกว่าจะลุกไหว เขาสลบและนอนจมกองเลือดไปต่อหน้าต่อตาชั้น.... ทั้งๆที่เราพึ่งจะหัวเราะกันอยู่เมื่อกี้แท้ๆ.... (หลังจากนั้นก็มีแต่เสียงร้องไห้)
--------------------------------
คิมจีฮุน ฮยองซาน แทกึน และ สมชาย ถึงกับพูดไม่ออกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีใครคาดคิดว่าเกาเร็นจะโดนหนักขนาดนี้ ไม่มีใครคิดว่าทริปแห่งความสุขจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้
“เนื่องจากคุณหลงเกาเร็นไม่ได้ตอบโต้เลย” ตำรวจพูดขึ้น
“และมีพยานเห็นเหตุการณ์ รวมถึงกล้องวงจรปิดก็จับภาพได้ทุกอย่าง”
“คุณสามารถฟ้องเขาได้ถึงข้อหาพยายามฆ่าเลยนะครับ” เขาพูดรายละเอียดให้คิมจีฮุนฟัง
“...มีข้อหาอื่นที่แรงกว่านั้นมั้ย?....” คิมจีฮุนพูดขึ้น
“เพราะถ้ามีล่ะก็ ผมฟ้องมันทั้งหมดนั่นเลย รวมถึงข้อหาลวนลามซูยองด้วย”
“ผมไม่รู้หรอกนะว่ากฎหมายผู้เยาว์มันเป็นยังไง แต่เธออายุยังไม่ถึง18ด้วยซ้ำ”
“ทั้ง2คนคือดวงดาวที่รอการส่องสว่าง แต่ดวงนึงอาจจะดับแสงเพราะการกระทำต่ำๆนั่น”
“และอีกดวงอาจจะสะเทือนใจจนไม่สามารถกลับไปสดใสอยู่บนฟากฟ้าได้อีก”
“ผมไม่สนใจกฎหมายห่าเหวอะไรนั่นหรอก ผมแค่อยากให้คนผิดได้รับผิด”
“เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่จะลากไอ้3-4ตัวนั่นเข้าคุกได้ ผมทำทั้งหมด”
“เด็กๆไป”
คิมจีฮุนโชว์เดี่ยวไมค์โครโฟนของเขาให้ตำรวจทั้งโรงพักได้ดู แม้ว่าสภาพเขาจะดูเหมือนคุณลุงขี้เมาไม่ได้ความ เขาพูดก่อนขยับหัวเป็นสัญญานให้เด็กฝึกที่ตามมาเดินตามเขาไป เหล่าเด็กฝึกหัดเดินตามหลังประธานบริษัทของพวกเขา ถ้าหากฉากนี้ใช้ภาพสโลว์โมชั่น มันคงออกมาเป็นแบบหนังฮ่องกงยุค90แน่นอน และเด็กฝึกหัดชักจะสงสัยว่า นอกจากเป็นนักร้องประธานของพวกเขาเคยเป็นนักเลงมาก่อนรึเปล่า แต่ไม่ว่ายังไงวันนี้ประธานของพวกเขาก็เท่ไม่เบาเลยนะ
-----------------------
2/4/2017
15.00 น.หน้าห้องคนไข้
“ซูยอง ต้องไปแล้วนะ” กาอินเปิดประตูและเรียกเธอ
ซูยองกำลังยืนมองเกาเร็นด้วยอาการเศร้า วันนี้เป็นวันที่พวกเขาต้องกลับกันแล้ว แต่เนื่องจากเกาเร็นที่ได้รับบาดเจ็บที่ซี่โครง ทำให้เขาหายใจได้ลำบาก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ การจะโยกย้ายเขาไปที่เครื่องบินคงไม่ง่ายนัก นี่ก็ผ่านมาวันนึงแล้ว แต่เขาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมา ทางคิมจีฮุนและคณะจึงตัดสินใจจ้างพยาบาลให้ดูแลหลงเกาเร็นอย่างดีที่โรงพยาบาลแห่งนี้ โดยในวันนี้ครอบครัวของเหล่าอันพาลพยายามเข้ามาขอโทษเกาเร็น เป็นภาพที่เห็นกันจนชิน... เมื่อพวกเขาเลี้ยงลูกหลานออกมาได้ล้มเหลว พวกเขาก็ต้องได้รับผลของมัน...
“พวกนายจะเข้าไปบอกลาเขาหน่อยมั้ย?”
คิมจีฮุนถามพวกเด็กฝึกชายที่กำลังนั่งรออยู่หน้าห้อง พวกเขาแวะมาดูอาการเกาเร็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะกลับไปกรุงโซล ในวันนี้ พวกเขาทั้ง5คน ต่างรู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่สิ่งนึงที่พวกเขาจะไม่ทำเด็ดขาดนั่นก็คือ “การบอกลา”
“ไม่มีใครคิดจะทำแบบนั้นหรอกครับ..” แทฮยองพูด
“....ใช่ ไม่เห็นต้องบอกลากันเลย” แทกึนพูด
“เดี๋ยวพอตื่นก็กลับมาเองแหละน่า..” ซอนอินพูด
“เขาเป็นพี่ใหญ่ของพวกเรานะ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก” ฮยองซานพูด
“รีบกลับมาก่อนไอศกรีมละลายนะครับ” สมชายพูด
พวกเขาพูดก่อนจะหันหลังเดินตรงไปที่ขึ้นรถเพื่อกลับไปที่กรุงโซล.. แม้ว่าจะไม่สามารถสื่อสารผ่านทางคำพูดกันได้ในตอนนี้ แต่ความรู้สึกที่พวกเขาได้อยู่ร่วมกัน... ได้ฝึกซ้อมร่วมกัน... ได้หัวเราะด้วยกัน... ได้ยิ้มด้วยกัน... และสนุกไปบนทางแห่งความฝันเดียวกัน... สิ่งเหล่านั้นมันผูกพวกเขาเข้าด้วยกัน และกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถึงแม้จะสึกกร่อนไปบ้างแต่ก็ไม่มีทางที่มันจะพังลง... จบตอนที่10
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Jan 1, 2018 15:21:19 GMT
12/4/2017
19.00 น. ห้องซ้อมที่ 1
“จะรีเฟรชแล้วนะ”
เสียงของหญิงสาวผมขาวพูดขึ้นเพื่อบอกเพื่อนๆของเธอ เบื้องหน้าของเธอคือโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ที่กำลังเปิดชาร์ทเพลงแบบเรียลไทม์อยู่ หลังจากที่ถ่าย MV กันไปได้10วัน ทีมตัดต่อก็ทำงานของเขาพวกเขาจนสำเร็จเสร็จสิ้น โดยตอนเที่ยงวันของวันนี้ พวกเขาก็ได้ทำการปล่อยเพลงและMV ออกมาให้ดูชม เหล่าเด็กฝึกหัดต่างตื่นเต้นกันมาก และในช่วงฝึกซ้อมด้วยตัวเองในตอน6โมงเย็น พวกเขาที่ยังไม่มีเวลาดู MV รวมถึงกระแสของเพลงซักเท่าไร ตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ใกล้จะเลิกซ้อมแล้ว ทำให้พวกเขาทุกคนต่างมาสุมหัวกันเพื่อที่จะดู ชาร์ทเพลง และMV ร่วมกัน และในตอนแรกที่ดูชาร์ท พบว่าเพลงของคิมจีฮุน ประธานของพวกเขาอยู่ในอันดับ2ของชาร์ท กำลังเบียดกับเพลงอันดับ1 ซึ่งเป็นเพลงดังและครองอันดับ1มาหลายสัปดาห์แล้ว เรื่องนี้บ่งบอกถึงอิทธิพลในวงการของคิมจีฮุนได้อย่างดี เพราะว่าเพลงที่ปล่อยออกมา ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถไต่มาที่อันดับ2ได้แล้ว เหล่าเด็กฝึกตัดสินใจว่าจะทิ้งเวลาไว้ซัก1ชั่วโมง แล้วค่อยดูใหม่ และตอนนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้ว
“กดไปแล้ว!!” กาอินกดรีเฟรชทันทีหลังจากที่พูดเสร็จ
“ไหนๆ ขอชั้นดูบ้างสิ “ ซอนอินผู้ถูกบังพยายามยื่นหน้าเข้ามา
ภาพที่เขาเห็นคือ ชื่อเพลงของคิมจีฮุน มันอยู่ที่บนสุดของแถว และมีหมายเลข 1 กำกับอยู่ข้างหน้า หลังจากที่เบียดกันมานาน เพลงของเขาก็สามารถไต่ขึ้นอันดับ1ได้สำเร็จ เหล่าเด็กฝึกหัดต่างตะโกนดีใจกัน มันเป็นงานที่พวกเขาคาดหวังกันอย่างมาก เพราะถ้าเพลงนี้ทำได้สำเร็จ มันเหมือนกับเป็นการเปิดตัวบริษัทของพวกเขาอย่างเป็นทางการ
“ถ้า 2คนนั้นอยู่ที่นี่ด้วยก็คงดี” แทกึนพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“นั่นสินะ” ฮยองซานเข้าใจสิ่งที่แทกึนพูด
ในขณะที่ดีใจ แต่พวกเขาทุกคนก็ต่างมีเรื่องที่ทำให้รู้สึกเสียใจอยู่ ทุกคนต่างรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กฝึกทั้ง2คนที่ไม่อยู่ หลงเกาเร็นถูกอัดจนสลบ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะลืมตาตื่นขึ้นมา ทางบริษัทถูกครอบครัวของเกาเร็นต่อว่าอย่างมาก และทางบริษัทพยายามปิดข่าวอย่างหนักเพื่อตัวของบริษัทและรวมถึงตัวของเกาเร็นเอง โชคดีที่ครอบครัวของเกาเร็นเข้าใจ เพราะพวกเขาเองก็ไม่อยากให้ลุกชายของพวกเขามีข่าวเสียๆหายๆเช่นกัน ล่าสุดทางครอบครัวได้ขอให้ทางโรงพยาบาลย้ายลูกชายของพวกเขาไปพักฟื้นที่ประเทศจีน บ้านเกิดของพวกเขา และไม่มีใครรู้ว่า หลงเกาเร็นจะได้กลับมาเป็นเด็กฝึกหรือไม่...
ส่วนซูยอง แม้ว่าเธอจะพยายามมาซ้อมแต่ภาพที่เธอเห็นคงยังกระทบจิตใจเธอเป็นอย่างมาก เธอดูไม่มีสมาธิซ้อมเลย ทางบริษัทจึงสั่งให้เธอหยุดพักการซ้อมไปก่อน สบายใจเมื่อไรค่อยกลับมา ซึ่งก็ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่าเหตุการณ์นั้นมันจะส่งผลเสียกับจิตใจเธอแค่ไหน และเธอจะยังอยากเป็นไอดอลอยู่รึเปล่า.....
------------------
The Trainee
ตอนที่ 11 : 9>7
--------------------------------------
13/4/2017
9.30 น. บ้านหลังหนึ่ง
“ถือว่าเปิดตัวได้อย่างสวยงามนะคะสำหรับ KJH”
“เพราะว่าล่าสุด เพลงแรกของบริษัทที่ถูกปล่อยออกมา โดยศิลปินดังคิมจีฮุน”
“ได้ยึดตำแหน่งอันดับ1ในชาร์ท ไว้อย่างเหนียวแน่นทีเดียวค่ะ”
เสียงของผู้ประกาศสาวทำงานของเธอได้อย่างดี ไม่มีข้อบกพร่อง เธอพูดก่อนที่จะปิดเบรคไปด้วยMVเพลงที่ว่า เช้านี้ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เธอได้ดูMV นี้ มันเป็นMVที่เธอมีส่วนร่วมอยู่ในนั้น แต่เธอรู้สึกดีใจที่มันออกมาดี เพื่อนของเธออย่างจองฮวาและกาอินออกมา สวยและน่ารักมาก เด็กฝึกชายก็ดูออร่าไอดอลกันหมด แม้ว่าตัวเองเธอก็ทำได้ดี แต่ทุกครั้งที่เธอเห็น พาร์ทแร็ปของเพลง ซึ่งในMV มันเป็นฉากการแสดงแบบเดี่ยวของ หลงเกาเร็น ฉากนั้นทำให้เธอรู้สึกเศร้าทุกครั้ง
ก่อนหน้าที่เกาเร็นจะไปรักษาตัวกับครอบครัวของเขาที่ประเทศจีน เธอกับแม่ของเธอได้ไปหาครอบครัวเกาเร็นที่เกาะเชจูเพื่อขอโทษและขอบคุณพวกเขา ทางฝั่งครอบครัวของเกาเร็นเมื่อรู้เหตุการณ์เพิ่มเติม พวกเขาก็รู้สึกภูมิใจในตัวลูกชายมาก และนั่นก็นำมาสู่การยอมปิดข่าวเพราะไม่อยากให้สิ่งที่ลูกชายของเขาปกป้องพังทลายไป และแม้ว่าการเคลื่อนย้ายจะทำได้ลำบากและใช้ต้นทุนสูง แต่บริษัทก็ยินดีอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่างถ้าหากครอบครัวของเด็กฝึกหัดประสงค์แบบนั้น หลงเกาเร็นจึงได้จากเกาหลีไปชั่วคราว หรือบางทีอาจจะตลอดไป
“ซูยอง จะไม่โทรไปคุยกับเพื่อนซักหน่อยหรอลูก”
เสียงของหญิงวัยกลางคนในชุดออกกำลังกายพูดกับลูกของเธอในขณะที่ดูข่าวด้วยกัน ข้างๆของหญิงวัยกลางคน คือเด็กสาววัยมัธยมปลาย ผมของเธอเป็นสีน้ำตาลยาวแค่ประบ่า
“หนูไม่อยากให้พวกเขาเป็นห่วงน่ะค่ะ”
เธอตอบแม่ของเธอ แม่ของเธอเป็นครูสอนเต้นและกำลังจะออกไปทำงานแล้ว แม่ของเธอรู้สึกดีใจมากที่เห็นลูกของเธอใน TV แต่ด้วยเหตุการณ์ที่ลูกเธอเล่าให้ฟัง ทำให้เธอรู้สึกร้อนใจมาซักพักแล้ว นี่ก็ผ่านมาเกือบจะ2สัปดาห์แล้วที่ซูยองไม่ได้ไปซ้อมหรือไปโรงเรียน ถ้าหากว่าปล่อยไปแบบนี้ซูยองอาจจะยอมแพ้ให้กับความฝันเข้าซักวัน
“ซูยอง ลูกจะไม่ไปซ้อมหรอ?” เธอถามลูกสาวของเธอ
“..... นั่นสินะ”
“ถ้าหนูไม่ได้อยากจะเป็นไอดอล เรื่องนี้ก็คงไม่เปิดขึ้น” เธอยังคงโทษตัวเองเหมือนเคย
“นี่ ซูยอง แม่จะพูดตรงๆนะ ลูกในตอนนี้น่ะ ไม่ใช่ซูยองที่แม่รู้จัก”
คำพูดของแม่ ทำให้ซูยองรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แม่ของซูยองสอนลูกสาวของเธอด้วยตัวคนเดียว นั่นทำให้ซูยองที่ดูเหมือนจะแข็งกร้าวแต่จริงๆแล้วข้างในของเธอเปราะบางอย่างน่าเหลือเชื่อ
“ปรกติลูกไม่เคยยอมแพ้ให้กับอะไรแบบนี้”
“หนุ่มคนนั้น ที่เขาตัวเองปกป้องลูก เขาจะเสียใจแค่ไหนกันนะ”
“ถ้าเขาได้มาเห็น สิ่งที่เขาปกป้องกำลังพังทลายลงไป...”
"ลูกควรจะตอบแทนเขาด้วยการฝึกหนักในระหว่างที่เขาฝึกไม่ได้สิ"
คำพูดของแม่ทำให้ซูยองฉุกคิดขึ้นมาได้ ลึกๆแล้ว เธอเองก็อยากจะกลับไปฝึกเพียงแต่เธอยังรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเธอยังสามารถฝึกได้ตามปรกติแต่ว่าหลงเกาเร็นไม่... เรื่องนั้นมันรบกวนจิตใจเธอจนไม่มีสมาธิในการซ้อม เธอใช้เวลาอยู่กับตัวเองและคิดเกี่ยวกับมันมาตลอดช่วงที่หยุดพัก
“หนูควรตอบแทนเขาแบบนั้นหรอคะ?” ซูยองพูดขึ้น
---------------------
12.00 น. ห้องทำงานของคิมจีฮุน
“ซูยองน่ะ กลับมาซ้อมแล้วนะคะ”
เทรนเนอร์จองซูอา พูดกับประธานของเธอขณะกำลังส่งรายงานกายฝึกซ้อมในช่วงเช้า ซูยองกลับมาซ้อมตอนเกือบจะพักเที่ยง หลังจากคุยกับแม่ เธอก็ตัดสินใจกลับมาซ้อม จองฮวากับกาอินดีใจมาก พวกเขาทั้ง3คนกอดกันกลม และร้องไห้ออกมาเป็นภาพที่คุ้นเคย
“เยี่ยม! อย่างน้อยก็กลับมาคนนึงแล้วล่ะนะ” เขารู้สึกดีใจที่ซูยองไม่ท้อใจจนล้มเลิกความฝันไปซะก่อน
“แล้วก็.. “
“ในเน็ทน่ะ เห็นรึยังคะ”
จองซูอาพูดก่อนจะเดินจากไป นั่นทำให้คิมจีฮุนรู้สึกสงสัยมากว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไรกัน คิมจีฮุนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะเข้าเว็ปชื่อดังของเกาหลี มันเป็นเว็ปที่คนเกาหลีนิยมใช้ในการค้นหาเรื่องต่างๆคล้ายๆกับเว็ปไซต์กูเกิ้ล แต่มันจะต่างกันตรงที่เว็ปนี้จะแสดงคำที่ผู้คนค้นหามากที่สุดให้เห็นอยู่ตลอด เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าตอนนี้กระแสอะไรกำลังมา คิมจีฮุนเปิดมันขึ้นมาและพบกับ คำค้นหาอันดับ1 “พระเอกนางเอกMV ของคิมจีฮุน”
“ประธานคิมคะ มีโทรศัพท์เข้ามาที่บริษัทหลายสายมากค่ะ”
เลขาของคิมจีฮุนเปิดประตูเข้ามาแจ้งข่าว ภาพที่คิมจีฮุนเห็นในกระแสโลกโซเชี่ยลในตอนนี้ คือการถูกพูดถึงของจองฮวาและแทฮยอง มีหลายคนถ่ายรูปลงโซเชี่ยล ด้วยท่าทางเอามือทั้ง2ข้างดันประตูในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะเปิด แบบที่แทฮยองทำกับจองฮวาใน MV ตอนนี้การถ่ายภาพแบบนั้นกลายเป็นที่นิยมในเวลาอันสั้น รวมถึงมีคนเริ่มทำคลิปตลกออกมาทำเลียนแบบมากมาย เพลงดัง MVดัง นักแสดงก็เกิด การที่คิมจีฮุนตัดสินใจเชื่อใจเด็กฝึกหัดของเขา กลายเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดสำหรับบริษัท
“งั้นหรอ ถ้ามีใครยื่นข้อเสนออะไรมา ก็ลองเอามาให้ผมดูละกัน” คิมจีฮุนพูดกับเลขาสาว
“ค่ะ” เธอพูดก่อนจะปิดประตูและกลับไปทำงานของเธอ
คิมจีฮุนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะเลื่อนหาเบอร์มือถือของยุนบยองมัน รุ่นพี่คนสนิทผู้อยู่เบื้องหลังความโด่งดังของเพลง ดูเหมือนเขามีอะไรบางอย่างต้องการจะพูด
“ฮัลโหล ว่าไงจีฮุน” อีกฝ่ายทักทาย
“พี่ครับ เย็นนี้พี่ว่างมั้ย?”
“จะว่าว่างมันก็ว่างน่ะนะ”
“อยากให้มาประชุมด้วยกันซักหน่อยน่ะครับ”
----------------------
16.00 น. ห้องประชุม
“อะไรนะ งานโชว์เคสหรอ? นี่มันไม่เร็วไปหน่อยรึไง”
บยองมันคัดค้านเช่นเคย สถานการณ์ในตอนนี้คือมีโฆษนาหลายตัวมากที่ติดต่อแทฮยองและจองฮวาให้ไปแสดง นี่ยังไม่นับงานถ่ายแบบและงานอื่นๆที่ติดต่อมาไม่ขาดสาย ทำให้คิมจีฮุนคิดว่า ถ้าหากพวกเขาจัดงานโชว์เคสของเด็กฝึกหัดขึ้น มันก็เป็นเวลาที่เหมาะสมสุดๆ งานโชว์เคส คืองานที่มักจะถูกจัดขึ้นก่อนจะปล่อยเพลง เป็นงานที่คล้ายๆกับมินิคอนเสิร์ต เพื่อแสดงให้สื่อมวลชนและแฟนคลับจำนวนนึงดู เป็นการโปรโมทเพลงอีกรูปแบบนึง ก็คล้ายๆกับการฉายหนังรอบสื่อมวลชลอะไรแบบนั้น ซึ่งมีหลายครั้งที่บริษัทเพลงจัดงานโชว์เคสขึ้นเพื่อแสดงศักยภาพของเด็กฝึกหัด และเป็นการบ่งบอกว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้เดบิ้วสูง ไหนๆกระแสของแทฮยองกับจองฮวาก็กำลังมา คิมจีฮุนก็เลยคิดว่าน่าจะต่อยอดจากความสำเร็จนี้ได้
“พวกนั้นน่ะเก่งนะครับ ถ้าให้เวลาฝึกซัก 1 เดือน พวกนั้นทำได้แน่” คิมจีฮุนพูดกับรุ่นพี่ของเขา
“แล้ว หลงเกาเร็นล่ะ?” บี ไฮดร้า เทรนเนอร์สอนแร็ปพูดขึ้น
เรื่องนั้นทำให้คิมจีฮุนรู้สึกละอายใจขึ้นมา แทฮยองกับจองฮวากำลังรุ่งสุดๆ คิมจีฮุนอยากจะใช้ประโยชน์จากกระแสนั้น การดันให้ใครซักคนให้เป็นที่สนใจของสื่อจะเป็นการดึงดูดแฟนคลับชั้นดี เพื่อที่จะนำแฟนคลับเหล่านั้นให้เข้ามาและเริ่มรู้จักกับคนอื่นๆในวง แต่ปัญหาก็คือถ้าหาก จัดงานขึ้นในตอนนี้ จะไม่มีหลงเกาเร็นอยู่ในนั้น แล้วเด็กฝึกจะยอมเข้าร่วมงานนี้รึเปล่า เพราะเกาเร็นมีความหมายกับพวกนั้นมาก
“นั่นสินะ... พวกเด็กๆคงไม่ยอมขึ้นแสดงแน่ ถ้าไม่มีเกาเร็น”
“แต่ผมว่า พวกนั้นทำได้นะ” คิริฮาระพูดขึ้นมา
“ยังไงหรอ?” คิมจีฮุนถามเขา
“ถ้าพวกคุณยังมั่นใจว่าจะจัดงานโชว์เคสขึ้นผมคิดว่าผมจะลองพูดดู”
“อืม……”
"ฝากด้วยนะ" คิมจีฮุนพูดกับลูกจ้างของเขา
-----------------------------
14/4/2017
19.00 น. ห้องซ้อมที่ 1
เหล่าเด็กฝึกทุกคนต่างมารวมกันซ้อมอยู่ในห้องซ้อมที่ 1 พวกเขาเปิดโทรทัศน์ดูโดยมีคิริฮาระอยู่ในห้องด้วย ภาพที่เห็นมันเป็นรายการเพลงที่คิมจีฮุนได้ขึ้นแสดงและมันเป็นรายการสด นี่เป็นเวทีแรกของคิมจีฮุนหลังจากที่เขากลับมาสู่วงการเพลง ภายในรายการนั้นมีศิลปินไอดอลวงต่างๆมากมายขึ้นแสดง
“ขนาดไดม่อนคุกกี้ ยังสู้ประธานคิมไม่ได้เลยนะ” ฮยองซานพูดขึ้น
“แต่เพลงของไดม่อนคุกกี้น่ะอยู่ที่1บนชาร์ทมาตั้งหลายสัปดาห์แล้ว”
“จะโดนแซงก็ไม่เห็นแปลกเลย แถมนี่ก็เป็นเวทีสุดท้ายของการโปรโมทเพลงนี้แล้วด้วย” แทกึนพูด
“ดูเหมือนนายจะชอบวงนี้นะ แทกึน” ซอนอินเริ่มสงสัย
“ป่ะ เปล่านะ” แทกึนรีบปฏิเสธอย่างมีพิรุธ
“โอ๊ะ ประธานคิมมาแล้ว” กาอินพูดขึ้น
หลังจากที่โชว์ของวงไดม่อนคุกกี้จบลง ภาพที่เห็นก็เป็นภาพของชายวัยเกือบๆจะ40 แต่ว่าเขายังดูอ่อนเยาว์อยู่ แม้ว่าสำหรับสายตาเด็กฝึก เขาจะเหมือนคุณลุงที่ใจดีคนนึง แต่เวลาร้องเพลงคิมจีฮุนถือว่าเป็นคนมีเสน่ห์มากคนนึง เสียงเขามีความอบอุ่นแบบผู้ชายอบอุ่นอยู่ในเนื้อเสียง เขาร้องเพลงที่กำลังเป็นกระแสดังออกมาอย่างสนุกสนาน จังหวะดนตรีที่น่าโยกตัวตามทำให้ เหล่าเด็กฝึกหัดโบกไม้โบกมือให้กำลังใจประธานของพวกเขาผ่านทางหน้าจอทีวี เพลงดำเนินมาถึงท่อนแร็ป ซึ่งคนที่ออกมาแร็ปเป็น บี ไฮดร้า เขาแร็ปในเนื้อเพลงที่เกาเร็นแต่ง สร้างความประหลาดใจให้กับคนดูในห้องส่งอย่างมาก เพราะบี ไฮดร้าก็เป็นแร็ปเปอร์ที่ไม่ได้ออกหน้าจอมานานแล้วเหมือนกัน พวกเขาทำโชว์ออกมาได้สมกับระดับรุ่นใหญ่ในวงการ หลังจากที่แสดงจบก็มีการสัมภาษณ์คิมจีฮุนเล็กหน้อย
“ยินดีด้วยนะคะ ตอนนี้เพลงของคุณกำลังเป็นที่รักของชาวเกาหลีเลยนะคะ” โฆษกสาวถามเขา
“ครับ ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนครับ” เขาตอบ
“แต่ว่าท่อนแร็ปน่ะ ตรงชื่อศิลปินบอกว่าถูกแร็ปโดยแร็ปเปอร์ที่ชื่อเร้ดนี่คะ เขาเป็นใครแล้วทำไมถึงไม่มาแร็ปล่ะคะ”
“คือว่าเรื่องนั้น....”
“เขาเป็นเด็กฝึกหัดของผมเองครับ แต่ว่าตอนนี้เขากำลังป่วยอย่างหนักน่ะครับ”
“ความสำเร็จรวมถึงความรักที่เพลงนี้ได้ ผมขอมอบมันให้กับเขาจากใจจริงครับ” คิมจีฮุนตอบอย่างจริงใจ
“เยี่ยมมากค่ะ สุดท้ายแล้ว มีอะไรจะบอกแฟนคลับมั้ยคะ” โฆษกสาวพูดเพื่อให้เขาทิ้งท้าย
“ก็ ขอขอบคุณแฟนคลับของผมทุกคน รวมถึงแฟนคลับของ แทฮยองกับจองฮวาด้วยนะครับ”
ทันทีที่เขาพูดชื่อของ2คนนั้นขึ้นมา เสียงกรี๊ดจากแฟนๆดังขึ้นอย่างมาก เป็นการบ่งบอกว่าแทฮยองกับจองฮวากลายเป็นคนดังไปแล้วจริงๆ
“นี่เราอยู่กับดารามาตลอดเลยสินะ” ซอนอินพูดแซวเพื่อนของเขา
“ฟังประธานต่อเถอะ” แทฮยองพูดด้วยท่าทีเขิน
“ผมอยากให้แฟนคลับทุกคนเตรียมตัวนะครับ...” คิมจีฮุนพูดในระหว่างให้สัมภาษณ์
“เพราะสิ้นเดือนหน้า...”
“ทุกคนจะได้พบกับเด็กฝึกทุกคน รวมถึงแทฮยองและจองฮวาในงานโชว์เคส”
“แล้วเจอกันนะครับ”
“……..”
หลังจากประกาศสิ่งนี้ผ่านหน้าจอโทรทัศน์เด็กฝึกทุกคนก็ต่างตกตะลึงเป็นอย่างมาก แม้พวกเขาจะรู้จักแค่เข้าใจอย่างดีว่างานโชว์เคสคืออะไร แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วอะไรแบบนี้ พวกเขารู้สึกเซอร์ไพร์กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ว่ามันก็ไม่ใช่แค่ความรู้สึกดีใจ ประหลาดใจ หรืออะไร
“แล้วหลงเกาเร็นล่ะคะ” ซูยองถามคิริฮาระที่ยืนมองข้างหลัง
“ข่าวดีของเด็กฝึกชายก็คือ ตอนนี้พวกนายได้เข้าสู่กระบวนการเตรียมเดบิ้วอย่างสมบูรณ์แล้ว”
“ต้องขอบคุณแทฮยองกับจองฮวาที่ทำให้เกิดกระแสขนาดนี้ ทำให้แผนการเดบิ้วของพวกนายเร็วขึ้นเป็นปีเลยทีเดียว”
“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามเลยนะครับ.... “
“แล้วพี่เกาเร็นล่ะ....?” ฮยองซานถามคำถามเดียวกับเกาเร็น
“……”
“แผนงานโชว์เคสนี้เป็นแผนสำหรับ และเด็กฝึกหญิง3คน”
“และเด็กฝึกชาย 5คน”
“อะไรนะ! นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?” ซอนอินรู้สึกโมโหอย่างมาก
แม้ว่าพวกจะดีใจที่วันเดบิ้วถูกเลื่อนมาให้เร็วขึ้น แต่การกระทำที่เหมือนจะตัดเกาเร็นออกไปแบบนั้น มันทำให้พวกเขารู้สึกแย่มาก พวกเขารู้สึกเคารพและเชื่อใจเกาเร็นพี่ใหญ่ของพวกเขา
“พวกนายคิดว่านี่ เป็นการทิ้งเขาไว้รึไง?” คิริฮาระพูดด้วยเสียงแบบผู้ใหญ่
“เปล่าเลย พวกนายต่างหากที่ต้องรีบตามเกาเร็นให้ทัน”
“ถ้าพวกนายทำได้ดีในงานโชว์เคสนี้ เมื่อเกาเร็นกลับมาเขาก็พร้อมจะเดบิ้วกับพวกนายทันที”
“นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่พวกนายจะทำให้เขาได้ในตอนนี้”
แผนการเดบิ้วพวกเขาถูกเลื่อนกำหนดมาให้เร็วขึ้น นั่นเป็นข่าวดีมาก รวมถึงการแสดงในงานโชว์เคสต่อหน้าสื่อมวลชน มันเป็นโอกาสให้พวกเขามีชื่อเสียงมากขึ้น แต่สิ่งที่เจ็บปวดใจก็คือ มันเป็นแผนที่ไม่มีเกาเร็นอยู่ในนั้น นี่คืออีกหนึ่งบทเรียนที่โหดร้ายของโลกแห่งไอดอล ในงานบางงานเมื่อวงจำเป็นต้องเดินหน้าแต่มีสมาชิกไม่พร้อม คุณก็จำเป็นต้องเดินหน้าต่อไปแม้ว่านั่นจะหมายถึงการทิ้งใครบางคนไว้ข้างหลังก็ตาม....
------------------------
19.30 น. หอพัก ห้องที่ 207
เหล่าเด็กฝึกหัดมารวมกันที่ห้องของซอนอินและสมชายเช่นเคย เป็นภาพที่เห็นกันจนชินตาเพียงแต่ในวันนี้ มีเพียง5คนเท่านั้นที่อยู่ในห้อง
“บอกตรงๆนะ ชั้นรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้เลย”
ซอนอินรู้สึกผิด แม้ว่าเขาจะเป็นคนร่าเริงสนุกสนานและดูผ่อนคลายไปซะหมด แต่ลึกๆแล้วเขาเป็นคนแคร์ความรู้สึกของคนอื่นมาก เหมือนตอนที่เขาได้ตำแหน่งเซ็นเตอร์จากแทกึนมา ตอนนั้นก็ทำให้เขารู้สึกแย่ไปซักพักนึงเลยเหมือนกัน
“แต่ที่เทรนเนอร์คิริฮาระพูดก็ถูกนะ” แทฮยองพูดขึ้นมา
“สิ่งที่เราพอจะทำให้พี่เกาเร็นได้ในตอนนี้มีแค่พยายามทำให้ดีที่สุดเท่านั้น”
“ชั้นเองก็เคยถูกทิ้งไว้ข้างหลังมาแล้ว“
“แต่กับพี่เกาเร็นน่ะชั้นไม่รู้สึกเหมือนเราทิ้งเขาเลย”
“ถ้าเรามัวแต่รอเขาไปวันๆแบบนั้น ก็มีแต่จะทำให้พวกเรารวมถึงพี่เกาเร็นเดบิ้วช้าลงไปเรื่อยๆ”
“พี่เกาเร็นน่ะอายุ22แล้ว จะช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ”
แทฮยองแสดงความเป็นลีดเดอร์ออกมา แทฮยองตอนที่เขาเคยเป็นเด็กฝึกอยู่ที่ค่ายอื่น เขาก็เป็นอีกคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเช่นกัน ค่ายเลือกที่จะเดบิ้วเพื่อนคนอื่นๆของเขา แต่ไม่ได้เดบิ้วเขา ซึ่งแทฮยองก็สัมผัสได้ตั้งแต่แรกว่าค่ายดูไม่ค่อยใส่ใจเขาเท่าไร แต่กับ KJH พวกเขานั้นต่างออกไป พวกเขาถึงขั้นให้เกาเร็นทำเพลงด้วย นั่นหมายความว่า พวกเขาไว้ใจ และพร้อมจะเดบิ้วเกาเร็นแล้ว ถ้าจะพูดให้ถูก สิ่งที่ทำให้เกาเร็นยังไม่ได้เดบิ้ว คงจะเป็นเด็กฝึกคนอื่นๆที่ยังไม่พร้อมมากกว่า แทฮยองจึงคิดว่า นี่ไม่ใช่การทิ้งเกาเร็นไว้ข้างหลัง แต่เป็นการที่เกาเร็นหยุดเพื่อรอพวกเขามากกว่า สำหรับแทฮยอง เกาเร็นเป็นคนเสนอชื่อเขาให้เป็นลีดเดอร์ของกลุ่ม และเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีอย่างที่เกาเร็นบอกจริงๆ
“ถ้างั้นเรื่องงานโชว์เคสมีใครมีไอเดียอะไรนำเสนอมั้ย?” ซอนอินพูด
“จะว่ามีมันก็มีนะ” แทกึนพูดขึ้นมา
“สมชายนายเล่นดนตรีเป็นใช่มั้ย” แทกึนถามสมชาย
“ก็ใช่ครับ” เขาตอบ
“ซอนอิน กับ ฮยองซานก็ด้วยซินะ” แทกึนถามอีก2คนก่อนที่พวกเขาจะพยักหน้า
“ชั้นกำลังคิดว่าพวกเราน่าจะพอแต่งเพลงกันเองได้นะ” แทกึนเสนอไอเดียของเขา
เป็นเรื่องที่น่าแปลกเหมือนกัน เพราะในจำนวน6คนของเด็กฝึกหัดชาย มีถึง5คนที่เล่นเครื่องดนตรีเป็น โดยเฉพาะแทกึนกับสมชายที่เล่นเป็นแทบจะทุกอย่าง ฮยองซานก็เล่นเปียโนเก่ง ซอนอินเองก็มีความสามารถในด้านเพลงอิเล็กโทรนิกซ์แดนซ์ หรือ EDM ที่กำลังเป็นเพลงกระแสหลักของเคป๊อบในปัจจุบัน ส่วนแทฮยองแม้จะเล่นได้ไม่เก่งเท่าไร แต่ก็ถือว่าเล่นเปียโนได้
“แล้วเนื้อร้องล่ะ?” แทฮยองถาม
“ปรกติตอนประเมินใครเป็นคนปรับแต่งเนื้อร้องนะ?” แทกึนถาม...
“เห้ออ....” ซอนอินถอนหายใจ
“….หลงเกาเร็น....” เขาตอบแบบเซ็งๆ
ความคิดสร้างสรรค์กำลังพุ่งพ่านกันแท้ๆ แต่ดูเหมือนพวกเขาจะกลับไปหดหู่กันอีกแล้ว
-----------------------
15/4/2017
9.00 น.ห้องทำงานของคิมจีฮุน
“อืมพวกนายอยากจะแต่งเพลงกันเองซินะ” คิมจีฮุนถาม
แทฮยอง พาเหล่าเด็กฝึกทุกคนมาเสนอไอเดียถึงห้องทำงานของคิมจีฮุน แม้ว่าจะเป็นในตอนที่เช้าแบบนี้ แต่พวกเขาก็ยังแสดงสปิริตของคนวัยหนุ่มออกมาได้อย่างดีเยี่ยม พวกเขาดูสดใสและตื่นตัว ต่างจากคิมจีฮุนที่เหน็ดเหนื่อยกับการออกรายการต่างๆเพื่อโปรโมทเพลง รวมถึงการเตรียมการงานโชว์เคสที่จะเกิดขึ้น การที่เขาสามารถลืมตาตื่นมาได้ในตอนเช้าแบบนี้ก็ถือมหัสจรรย์แล้ว
“ไอเดียพวกนายก็กล้าบ้าบิ่นดีนะ แล้วใครจะเป็นคนทำล่ะ?” เขาถาม
“ซอนอินใช้โปรแกรมทำเพลงได้อย่างคล่องแคล่วส่วนคนอื่นๆก็เล่นดนตรีเป็นหมดเลยครับ” แทฮยองตอบ
“นายด้วยหรอแทฮยอง?” เขาถาม
“อ่า... ผมเล่นได้นิดหน่อยน่ะครับ แต่ไม่เก่งเท่าพวกนั้นหรอก”
“ว่าแต่ใครจะเป็นคนแต่งเนื้อเพลงล่ะ?” ประธานคิมถามกลับ
คำถามของคิมจีฮุน ทำให้พวกเด็กฝึกหัดถึงกับเงียบ ซึ่งจริงๆพวกเขาก็รู้ดีอยุ่แล้วว่า ตลอดเวลาทีผ่านมา ใครที่เชี่ยวชาญเรื่องเนื้อเพลงที่สุด ใช่ พวกเขาต่างเล่นดนตรีเก่งและสามารถแต่งเพลงได้ดีก็จริง แต่คนที่แต่งเนื้อร้องได้ดีมีเพียงคนเดียวคือ เด็กฝึกที่หายไปอย่างหลงเกาเร็น
“เขาไม่อยุ่ที่นี่น่ะครับ” แทฮยองตอบไปตามตรง
“งั้นหรอ...”
“น่าแปลกใจจังนะ ชั้นคิดว่ามีบางคนที่ช่วยพวกนายได้” คิมจีฮุนพูดออกมาอย่างน่าสนใจ
“ก่อนที่พวกนายจะมา เมื่อวานนี้ตอนที่พวกนายกลับหอกันไป มีอยู่คนนึงที่มาเสนอไอเดียเหมือนกัน”
“เขาคนนั้นบอกชั้นว่า อยากแสดงโดยเขียนเนื้อเพลงของตัวเอง”
“แต่ไม่มีดนตรีที่จะใช้”
“แล้วตอนนี้พวกนายก็จะแต่งเพลงกันแต่ไม่มีคนเขียนเนื้อร้อง...”
คำที่คิมจีฮุนพูดทำให้เหล่าเด็กฝึกชายถึงกับงุนงง พวกเขาทั้ง5กลับหอพร้อมกันหมดเมื่อวานนี้ ความเป็นไปได้เดียวก็คือ เด็กฝึกหญิงเป็นคนเสนอ แต่เป็นใครกันนะ?
“ใคร หรอครับ?” ซอนอินถามประธานคิม
“นายก็น่าจะรู้ดีนะซอนอิน คนที่เรียนแร็ปจะได้เรียนเขียนเนื้อเพลงด้วย”
“ถ้าไม่ใช่เกาเร็นกับนายแล้วจะเป็นใครล่ะ?”
“ประธานคิมคะมาแล้วค่ะ”
เลขาของคิมจีฮุน พูดพร้อมเปิดประตูเข้ามา ภาพที่เห็นคือเด็กฝึกหญิงทั้ง3คนเดินเข้าห้องมา พวกเธอเองก็ดูตกใจกับเด็กฝึกชายที่อยู่ในห้องกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“เอาล่ะ ซูยอง เมื่อวานเธอมาบอกกับชั้นว่าอยากแสดงเพลงที่เธอแต่งเนื้อร้องขึ้นเองใช่มั้ย?”
"ค่ะ" เธอตอบด้วยท่าทีงงๆ
“เมื่อกี้เด็กฝึกชายพึ่งจะบอกชั้นว่า พวกเขาต้องการจะแต่งเพลงกัน”
“เพราะฉะนั้นชั้นจะขอเสนอไอเดียให้พวกนายบ้าง”
“เด็กฝึกชายแต่งเพลง ซูยองแต่งเนื้อร้อง เราจะใช้เพลงนั้นในการแสดงร่วมกันระหว่างเด็กฝึกหญิงและชาย....”
“พวกนายสนใจมั้ย?”
----------------
ตอนต่อไป
-งานโชว์เคสเริ่มขึ้นแล้ว!
-การแสดงต่อหน้าผู้คนและสื่อมวลชนจะไม่พลาดไม่ได้เด็ดขาด!!
-อาการของหลงเกาเร็นจะเป็นยังไงบ้าง?
---------------------------
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Jan 2, 2018 15:57:22 GMT
22/4/2017
22.00 น. ร้านสะดวกซื้อ
หลังจากผ่านไป1สัปดาห์หลังจากที่แผนการแสดงงานโชว์เคสถูกประกาศ พวกเด็กฝึกทั้งชายและหญิงก็ต่างฝึกซ้อมอย่างหนัก โดยเพลงที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงของคิมจีฮุนในอดีต โดยการจับมันมาทำใหม่ให้เข้ากับโชว์ที่จะแสดง โดยฝีมือของบี ไฮดร้าและคิริฮาระที่ช่วยกันทำงานในฝ่ายของเบื้องหลัง และนอกจากนั้นยังมีเพลงพิเศษ ที่เป็นการทำร่วมกันของเหล่าเด็กฝึกหัดซึ่งจะเป็นการแสดงร่วมกันทั้งชายและหญิงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าบริษัทมา
นอกจากการแสดงที่มากมายที่ต้องเตรียมแล้ว สิ่งนึงที่พวกเขายังเป็นห่วงก็คืออาการของหลงเกาเร็น ที่หายเงียบไปหลังจากกลับไปที่จีน แม้ว่าอายุของเขาจะแค่22ซึ่งน้อยสำหรับสังคมปรกติ แต่มันถือว่าเยอะสำหรับการเป็นเด็กฝึกหัด ในการออดิชั่นของบางบริษัท อายุที่ถูกจำกัดไว้สูงสุดที่จะเข้ามาออดิชั่นได้ คือ22ปีเท่าเกาเร็นด้วยซ้ำไป เพราะว่าการเป็นไอดอลเป็นงานที่มีอายุในการทำงานน้อยเพราะถ้าคุณเริ่มเดบิ้วไปนานๆ เด็กรุ่นใหม่ๆก็จะค่อยๆขึ้นมาแทนที่คุณที่เริ่มแก่ตัวลงเรื่อยๆ ทำให้การเป็นไอดอลนั้นยิ่งเป็นได้เร็วเท่าไรยิ่งดี ซึ่งอาการบาดเจ็บครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับเกาเร็นอย่างถึงที่สุด
ฮยองซานตัดสินใจเดินลงมาซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อในตอนกลางคืน เนื่องจากรูมเมทของเขาไม่อยู่ ก็เลยรู้สึกเบื่อๆ สำหรับฮยองซานเขาใช้เวลาตลอด1สัปดาห์ในการทำเพลงร่วมกับเพื่อนๆของเขาโดยมีซอนอินผู้ใช้ซอฟแวร์รวมถึงปลั๊กอินต่างๆได้อย่างคล่องแคล่วเป็นศูนย์กลาง โดยมีแทกึน ผู้ที่เสนอไอเดียนี้ขึ้นมาทำการควบคุมดูแลขั้นตอนต่างๆ แทกึนเปรียบเสมือนโปรดิวเซอร์ของเพลงนี้ ส่วนฮยองซานก็ใช้ฝีมือการเล่นเปียโนรวมถึงทฤษฏีดนตรีที่เขารู้ในการคิดคอร์ดและเมโลดี้ต่างๆขึ้นมา ทางด้านสมชายก็ดูแลในส่วนของเบสและกลอง ส่วนแทฮยองก็ยืนหล่อๆช่วยฟังไปพลางๆเนื่องจากฝีมือไม่สูงพอ นอกจากนั้นพวกเขายังได้รับความช่วยเหลือในด้านดนตรีจาก กาอินและจองฮวา ที่เล่นกีต้าร์เป็นอีกด้วย
“อ่าว ซูยอง จะไปไหนหรอ?”
ฮยองซานที่ได้ของที่ต้องการแล้วกำลังจะกลับไปที่หอบังเอิญพบเข้ากับซูยองที่เดินสวนกันกลางทาง ซูยองรับหน้าที่เป็นคนแต่งเนื้อร้อง จริงๆแล้วพวกเขาทุกคนก็ช่วยๆกันทั้งหมด ซูยองเป็นคนแต่งพวกมันออกมาทั้งหมดด้วยตัวของเธอเอง แล้วคนที่เหลือก็จะคอยปรับ เพื่อให้เข้ากับเสียงร้องของแต่ละคน โดยซูยองเรียนคลาสการแร็ปเช่นเดียวกับซอนอินและเกาเร็น ดูเหมือนเธอจะสนใจการแต่งเนื้อเพลงพอสมควร โดยเฉพาะหลังจากที่เนื้อเพลงของเกาเร็นได้เข้าไปอยู่ในเพลงของคิมจีฮุน ซูยองก็ยิ่งอยากเขียนเนื้อเพลงดีๆมากขึ้นไปอีก ซึ่งถ้าซอนอินสนใจจะเขียนเนื้อเพลงด้วยก็คงดี แต่ดูเหมือนเขาไม่ค่อยสนใจเรื่องนั้นเท่าไร
“อ่าว ฮยองซาน ชั้นจะไปร้านสะดวกซื้อน่ะ” ซูยองทักเขา
“จะซื้ออะไรหรอ?” ฮยองซานถาม
“ก็แค่ของใช้ทั่วๆไปน่ะ” เธอตอบ
“เดี๋ยวชั้นไปด้วย”
ฮยองซานพูดพร้อมเดินกลับไปที่ร้านแม้ว่าเขาจะซื้อของเสร็จแล้วก็ตาม ถึงแม้ซูยองจะบอกไม่ต้องแต่ฮยองซานก็ยังอยากจะเดินเป็นเพื่อนเธออยู่ดี เพราะซูยองเคยถูกคนใจทรามเข้ามาลวนลามเธอ ฮยองซานจึงค่อนข้างเป็นห่วง แม้ว่านี่มันจะเป็นเมืองหลวงที่สว่างไสวก็ตาม
“ชั้นว่าเพลงที่พวกเราทำน่ะออกมาดีเลยนะ” ฮยองซานพูดขึ้นพร้อมกับแววตาที่ดูมีความหวัง
“แหม ยังไม่ทันได้อัดเสียงร้องเลย เหลืออีกตั้งหลายขั้นตอน” ซูยองคุยกับเพื่อนของเธอ
“อืม... ก็จริง แต่ตอนนี้อยากรู้มากเลยว่าซอนอินจะคิดท่าเต้นออกมาแบบไหน” ฮยองซานพูดกับเพื่อนของเขา
“อืม แต่จะว่าไป พี่ซอนอินนี่เก่งทุกอย่างเลยว่ามั้ย?” ซูยองโต้ตอบ
“ยกเว้นเรื่องเสียงล่ะนะ” ฮยองซานแอบนินทาเพื่อนของเขา
ฮยองซานกับซูยองต่างหัวเราะออกมา มันก็เป็นแค่วันธรรมดาเหมือนทั่วไปต่างคนก็ต่างมีสิ่งที่ต้องทำ แต่พวกเขาก็ยังแบ่งปันเรื่องราวและความคิดซึ่งกันและกันและเข้าใจกันด้วยจุดเชื่อมโยงบางอย่าง
“เออนี่ ซูยอง” ฮยองซานพูดขึ้น
“อะไรหรอ?” ซูยองถามเขา
“คนแบบซอนอินน่ะ...”
“ไม่ต้องเรียกว่าพี่ก็ได้”
----------------------
The Trainee
ตอนที่ 12 : เป้าหมาย
-------------------------------------------
23/4/2017
10.00 น. ห้องซ้อมที่ 1
“ประมาณนี้เต้นได้มั้ย จองฮวา”
ซอนอินพูดขึ้นหลังจากที่เต้นให้ดู มันเป็นท่าเต้นที่ยากใช้ได้แต่ก็เหมาะสมกับเพลงของพวกเขาที่ออกมาเป็นแนว เร็กเก้-ป๊อบ ที่มีท่อนEDMไว้โชว์การเต้น ซึ่งการเต้นในท่อนนั้น มันก็ยากพอสมควร ในเพลงนี้เซ็นเตอร์จะเป็นซูยองกับซอนอิน เนื่องจากเป็นสเตจรวม แบ่งเซ็นเตอร์เป็นชาย1หญิง1 จะได้ไม่ดูแปลกๆ ซึ่งปัญหาก็คงจะเป็นจองฮวาที่ยังเต้นได้ไม่คล่องเท่าไรแต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว
“คิดว่าน่าจะพอขยับตามได้บ้างล่ะนะ” จองฮวาตอบ
“ถ้าฮยองซานเต้นได้เธอก็เต้นได้ ไม่ต้องห่วงหรอก” ซอนอินแอบกัดเพื่อนของเขา
“พูดเก่งจังนะ” ฮยองซานตอบโต้คำพูดของซอนอิน
“ท่าเท่ดีนะ ซอนอิน” ซูยองพูดขึ้น
“ห๊ะ!? ซอนอินหรอ เมื่อกี้เรียกซอนอินเฉยๆซินะ!”
พวกเขาต่างหัวเราะกับสิ่งที่ซูยองพูดกับซอนอิน สำหรับซูยองเธออายุเท่าฮยองซานและสมชายนั่นหมายความว่า พวกเขาเป็นกลุ่มน้องเล็กของกลุ่มเด็กฝึกหัด แต่ซูยองก็เรียกเด็กฝึกชายคนอื่นๆที่แก่กว่าว่าพี่ ยกเว้นเกาเร็นที่เธอรู้สึกแปลกๆที่จะเรียกเขาแบบนั้น แต่การที่อยู่ดีๆเธอเรียกชื่อซอนอินขึ้นมาเฉยๆแบบนี้ มันก็ค่อนข้างจะเหนือความคาดหมาย
“จะเข้าไปละนะหนุ่มๆ”
เทรนเนอร์สอนเต้นจองซูอาเปิดประตูเข้ามาพร้อมๆกับเทรนเนอร์สอนเต้นพักยูจิน เนื่องจากช่วงนี้จะงดการฝึกแบบปรกติเพื่อเตรียมโชว์ขึ้นแสดงในงานโชว์เคสกัน เทรนเนอร์ทั้ง2คนจึงต้องเข้ามาดูแลเรื่องท่าเต้นในเพลงอื่นๆด้วย แต่ดูเหมือนวันนี้จะมีอะไรพิเศษนิดหน่อย
“ชั้นมีข่าวดีมาบอกพวกนาย”
“อะไรหรอคะ?” กาอินถามด้วยความสงสัย
“หลงเกาเร็นฟื้นแล้ว”
คำพูดของจองซูอา ทำให้เด็กฝึกหัดคนอื่นๆดีอกดีใจกันอย่างมากโดยเฉพาะซูยอง ที่กังวลมาตลอดว่าเกาเร็นจะเป็นอะไรหนักๆเพราะเธอ จองซูอายังพูดต่อว่า จริงๆเกาเร็นฟื้นขึ้นมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนหน้านี้แล้วแต่ว่าทางครอบครัวของเขาพึ่งจะติดต่อมา โดยแพทย์จากฝั่งจีนบอกว่า เกาเร็นไม่มีอาการกระทบกระเทือนทางสมองแต่อย่างใด โดยตอนนี้เขากำลังทำกายภาพบำบัด ซึ่งทางครอบครัวเกาเร็นยังไม่ยอมให้เกาเร็นคุยกับทุกคนในตอนนี้ เนื่องจากอยากให้เขามีสมาธิกับการกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อที่อ่อนแรงลงไปหลังจากนอนสลบไปถึง2สัปดาห์ แต่ยังไงก็ตามเกาเร็นก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
------------------------
30/5/2017
หลังเวที 15.00 น.
พวกเขาเดินทางมาที่สถานที่จัดงานล่วงหน้า3ชั่วโมง ซึ่งทีมงานคนอื่นๆมากันตั้งแต่เช้าแล้วด้วยซ้ำไป โดยแทฮยองกับจองฮวาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเขามีงานถ่ายโฆษนาหลายตัวเพราะว่าพวกเขากลายเป็นคนมีชื่อเสียงไปแล้ว โดยเฉพาะแทฮยองที่หลังจากเปิดเผยว่าเขาคือเด็กที่แปลงร่างในโฆษนาขนมห่อและเคยเป็นเด็กฝึกหัดของJYE เขาก็ยิ่งโด่งดังและเป็นที่จดจำมากขึ้น แทฮยองกับจองฮวาเริ่มมีรายได้จากการเป็นเด็กฝึกแล้ว ส่วนคนที่เหลือก็ฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อที่พวกเขาจะได้มีชื่อเสียงแบบแทฮยองกับจองฮวาบ้าง และหลังจากที่ได้รับข่าวดีที่หลงเกาเร็นฟื้นแล้วพวกเขาก็มีกำลังใจมากขึ้นไปอีก
“นี่ฮยองซาน ชั้นว่าทำแบบนั้นมันดูไม่ค่อยดีเลยนะ”
แทกึนพูดกับฮยองซาน เรื่องของเรื่องก็คือ ฮยองซานรู้สึกแปลกๆที่เกาเร็นไม่อยู่ที่นี่ เพราะว่าปรกติพวกเขาจะมีกัน6คนเสมอ แต่คราวนี้เหลือ5 ฮยองซานที่คิดว่าควรจะมีอะไรซักอย่างที่ทำหน้าที่ตัวแทนของเกาเร็น ซึ่งมันก็มีวิธีมากมายที่จะทำได้ แต่ว่าเขาดันเลือกวิธีเอารูปของเกาเร็นไปอัดใส่กรอบขนาดเท่ากระดาษA4 แล้วเอามาตั้งที่หลังเวที บอกตรงๆว่าเหลือแค่ปักธูปเท่านั้น
“ชั้นว่าแบบนั้นมันยิ่งเป็นลางนะฮยองซาน” แทฮยองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร
“พวกนายนี่ใจร้ายชะมัด อย่างน้อยก็ควรระลึกถึงเขาบ้างสิ” ฮยองซานตอบตามสิ่งที่เขาคิด
“ชั้นว่าคำพูดกับการกระทำของนายน่ะ น่ากลัวที่สุดเลยนะฮยองซาน” ซอนอินพูดกับฮยองซาน
"โถ่! อย่างนายจะไปเข้าใจอะไรซอนอิน" ฮยองซานยังคงแก้ตัว
“แต่ว่า พี่เขายังไม่ตายนะครับ” สมชายก็เห็นว่ามันแปลกๆเช่นกัน
ทางด้านของเด็กฝึกหญิงที่ดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆก็แอบขำกันนิดๆ กับความใสซื่อของฮยองซาน ถึงแม้จะเป็นเรื่องตลกที่ไม่เข้าท่าซักเท่าไร แต่มันก็ทำให้พวกเธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
“แบบนี้ค่อยสบายใจขึ้นมาแล้วเนอะซูยอง” กาอินพูดกับเพื่อนของเธอ
“อืม” ซูยองดูสดใสขึ้นกว่าตอนแรกๆมาก
“ไปซ้อมกันเถอะ”
“สู้” “สู้” “สู้”
จองฮวาพูดก่อนจะยื่นมือกำปั้นของเธอออกมา เพื่อทำท่าเรียกกำลังใจประจำกลุ่มของพวกเธอ จองฮวาเดินนำเพื่อนๆขึ้นไปซ้อมบนเวที อีกไม่กี่อึดใจพวกเขาจะต้องแสดงต่อหน้าผู้คนหลักร้อยหรือบางทีอาจจะเป็นหลักพันด้วยซ้ำไป พวกเขามาเช่าฮอลในการจัดงานนี้ นอกจากสื่อมวลชนหลายร้อยชีวิตแล้ว ยังมีเหล่าแฟนคลับของคิมจีฮุนและแฟนคลับของแทฮยองกับจองฮวามาดูด้วย รวมถึงตัวแทนจากบริษัทค่ายเพลงใหญ่ๆๆ ที่พร้อมจะยื่นข้อเสนอเทรดตัวเด็กฝึกหัดค่ายเล็กๆแบบนี้ไปเป็นเด็กฝึกของตัวเองด้วย งานโชว์เคสใกล้จะเริ่มแล้ว
---------------
18.00น. หน้าเวที
มันค่อนข้างเกินกว่าที่คาดไว้ซักหน่อย ฮอลนี้จุคนได้ประมาณ1พันคนเศษๆ สำหรับเด็กฝึกหัดที่ยังไม่ได้เดบิ้วนี่ถือว่าเยอะมาก งานนี้มีการจองบัตรผ่านทางเว็ปไซต์ ด้วยความที่ราคาบัตรค่อนข้างถูก หรือเพราะกระแสของแทฮยองและจองฮวาที่ยังดีไม่มีตก ก็ไม่รู้ว่าเหตุผลใดกันแน่ ที่ทำให้แฟนคลับมากันอย่างเนืองแน่นจนเต็มความจุแบบนี้ หลังจากเข้ามานั่งรอกันได้ซักพัก ไฟถูกปิดลงเป็นการบ่งบอกว่าการแสดงใกล้จะเริ่มแล้ว แท่งไฟรวมถึงป้ายเชียร์เรืองแสงที่แฟนคลับทำขึ้นเองส่องประกายไปทั้งฮอลนี้ เสียงเชียร์แทฮยองของสาวๆ ดังสลับกับเสียงเชียร์จองฮวาของหนุ่มๆ ดูเหมือนความดังของพวกเขาจะไม่ใช่เล่นๆแล้ว
“แทฮยองกับจองฮวานี่เยี่ยมเลยนะครับ” เสียงของชายคนนึงพูดขึ้น
“อืม... ถ้าได้มาอยู่กับบริษัทเราล่ะก็”
เสียงของชายอีกคนในชุดสูทพูดขึ้นเขามีผมหงอกหน่อยๆอายุประมาณ50กว่าๆ การมาของเขาถือว่าสร้างความฮือฮาในวงการบันเทิงมาก เพราะเขาคือ “ชเว ซองดัม” ประธารบริษัท SD Entertainment ต้นสังกัดเก่าของ คิมจีฮุน บริษัทเพลงยักษ์ใหญ่ผู้ไม่เคยล้มเหลวในวงการเพลง แม้ว่าเขาจะบอกว่ามาที่นี่เพื่อให้กำลังใจศิษย์เก่าอย่างคิมจีฮุนก็ตาม แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าคนอย่าง ชเวซองดัม ไม่ได้มาเพราะเรื่องแบบนั้นแน่ๆ ทันใดนั้นเองเสียงกีต้าร์ปริศนาก็ดังขึ้น เสียงที่ออกมามันเป็นเสียงกีต้าร์โปร่ง แสงสปอร์ตไลท์ส่องไปที่ทางมุมซ้ายของเวที เผยให้เห็นคนที่กำลังเล่นมันอยู่ เธอเป็นผู้หญิงที่มีผิวพรรณดี มีผมสีเขียวหม่น หุ่นดี และมีใบหน้าสวยงาม
“สวยจังเลย!!!”
“ยุน!!! จอง!!! ฮวา!!!!!”
เสียงเชียร์ของหนุ่มดังกระหึ่ม จองฮวาเล่นกีต้าร์ของเธอด้วยท่าทีที่สง่างาม หน้าจอบนเวทีแสดงชื่อของเธอขึ้นมาด้วยตัวอักษรสีชมพูว่า “จองฮวา” เธอเกากีต้าร์ของเธออย่างคล่องมือ เธอเล่นมันออกมาทุกตัวโน๊ตโดยไม่มีขาดตกบกพร่อง เสียงของมันไพเราะและชวนให้เคลิบเคลิ้ม เธอสะกดคนดูด้วยเสียงกีต้าร์ของเธอ ก่อนจะเริ่มร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ แม้ว่าก่อนหน้าที่จะมีเสียงเชียร์ดังแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อเธอเริ่มร้องทุกคนก็ต้องสะกดทันที น้ำเสียงของเธอมันสื่อถึงความอ่อนไหวและทำให้รู้สึกมีกำลังใจ เพลงที่เธอร้องเป็นเพลงดังของคิมจีฮุนในอดีต แฟนคลับทุกคนต่างร้องตามเธออย่างสนุกสนาน ก่อนหน้านี้จองฮวาไม่เคยโชว์การร้องเพลงต่อหน้าสื่อมาก่อน ทุกคนไม่คาดคิดว่าเธอจะร้องได้ดีถึงเพียงนี้ เธอร้องจบจบฮุคแรกของเพลงทันใดนั้นเอง
เสียงกีต้าร์แตกๆก็ดังขึ้น มันเป็นเสียงกีต้าร์แบบที่เพลงร็อคใช้ สปอร์ตไลท์ที่ส่องไปที่จองฮวาดับลงก่อนจะหันไปจับที่เป้าหมายใหม่ของมันที่ตรงกลางของเวที ภาพที่เห็นเธอเป็นเด็กสาวผมสีขาว แต่งตัวด้วยเครื่องประดับแบบร็อคๆ แม้ว่าหน้าตาเธอจะดูน่ารักมากก็ตาม
“นั่นใครน่ะ!!”
“น่ารักจังเลยยยย!!!!”
แฟนคลับตะโกนเชียร์เธอ หน้าจอบนเวทีเปลี่ยนจาก “จองฮวา” เป็น “กาอิน” เธอเริ่มการโซโล่กีต้าร์ไฟฟ้าอย่างคล่องแคล่ว ท่ามกลางเสียงตะโกนเชียร์ที่ค่อยเบาๆลงเพราะการโซโล่ที่สะกดให้ทุกคนต้องตั้งใจฟัง เธอโชว์สกิลที่สุดยอด และทำให้ภายในฮอลที่บรรจุคนได้พันเศษๆ มีเพียงแค่เสียงกีต้าร์ของเธอเท่านั้น หลังจากที่โดนจองฮวาฮีลมา ทุกคนก็ถูกแผดเผาโดยกาอินอีกครั้ง เธอจบการโซโล่ด้วยการดีดครั้งสุดท้ายแบบใส่อารมณ์ คนดูตกตะลึงและเงียบไปซักพักก่อนจะตะโกนด้วยเสียงเชียร์ที่ดังกึกก้องไปทั้งฮอล
“อะไรวะนั่น!!! เด็กผู้หญิงเล่นกีต้าร์ได้ขนาดนี้เลยหรอ!!!”
“บ้าไปแล้ว!!!”
กาอินยืนที่กลางเวทีกับกีต้าร์ของเธอพร้อมกับสปอร์ตไลท์ที่ส่องมา กาอินยืนนิ่งและเก๊กท่าทางเท่ๆอยู่แปปนึงก่อนจะเดินออกจากบริเวณที่แส่งสปอร์ตไลท์ส่องมา และในขณะเดียวกันนั้นก็มีเด็กสาวอีกคนนึงเดินเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของกาอิน เธอใส่กางเกงขาสั้นสีดำและเสื้อฮูดคลุมหัวสีเทาเอาไว้ข้างนอกและไม่ได้รูดซิบ เผยให้เห็นเสื้อเอวลอยสีขาวข้างในชื่อบนหน้าจอเปลี่ยนจาก “กาอิน” เป็น “ซูยอง” เพลงที่มีจังหวะกลองอันหนักหน่วงถูกเปิดขึ้นและเธอก็เริ่มเต้นตาม การแสดงของเพลงที่มีจังหวะเร้าใจบวกกับท่าทางการเต้นที่แข็งแรงและพลิ้วไหวของเธอ ทำให้ออกมาเป็นการโชว์การเต้นที่เฉียบคมและตรงจังหวะ
“เต้นโครตเก่งเลยยยย!!!”
“เก่งกันหมดเลย!!”
เธอเต้นไปได้ซักพักก่อนที่ดนตรีจะหยุดลงที่จุดพีค ทันทีที่เพลงจบเธอก็ถอดฮูดที่คลุมหัวของเธอออกเผยให้เห็นเครื่องต่างกายที่แท้จริงของเธอที่เป็นเสื้อเอวลอย กับกางเกงขาสั้น เพียงแค่นั้นก็สามารถสร้างดาเมจให้กับแฟนคลับชายได้อย่างมหาศาล ทันใดนั้นเอง อินโทรของเพลงดังเพลงหนึ่งก็ดังขึ้น มันเป็นเพลง ผิวปากของวงไวท์บลู ที่พวกเธอทำการแสดงในการประเมินครั้งแรก กาอินและจองฮวาเดินออกมาจากเงามืดด้วยเครื่องแต่งกายในสไตล์เดียวกัน ทันทีที่เพลงเข้าสู่ท่อนแรก ไฟเวทีก็เปิดขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าและรูปร่างรวมทั้งการแสดงของพวกเธออย่างเช่นเจน พวกเธอแสดงกันออกมาอย่างดี ทำให้การเต้นพร้อมเพรียงยิ่งขึ้น แฟนคลับต่างสนุกสนานไปกับโชว์ของพวกเธอทั้ง3คน
“จองฮวา!!!!!”
“คนผมขาวน่ารักมาก!!!!”
“อีกคนก็เต้นเก่งมากเลย!!!!”
พวกเธอจบการแสดงไปด้วยเสียงเชียร์ที่ดังกึกก้อง ระหว่างที่เด็กฝึกหัดหญิงกำลังโพสท่าจบของเพลงไปได้ซักพัก ไฟบนเวทีก็ปิดลง และหน้าจอบนเวทีแสดงผลอีกครั้ง ตัวอักษรเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นสีฟ้า และชื่อแรกที่ปรากฏคือ “แทฮยอง” ทันทีที่ชื่อบริเวณมุมซ้ายสุดของเวทีเป็นแทฮยองในชุดนักเรียนแบบที่เขาใส่ในMV
“หล่อมากค่า!!!!!”
“เจ้าชายของชั้น!!!”
แทฮยองยืนหันข้างให้กับแฟนๆก่อนที่เขาจะเริ่มเดินมาที่กลางเวที ทันใดอันนี้แสงสปอร์ตไลท์อีกดวงก็เปิดขึ้น มันส่องที่กลางเวทีและพบชายอีกคนที่ยืนมองหน้าแทฮยองอยู่ เขาใส่ชุดนักเรียนเช่นเดียวกัน เขาเป็นชายรูปร่างไม่สูงเท่าไรแต่ว่าใบหน้าของเขาก็หล่อเหลา ทุกอย่างบนใบหน้าของเขามีขนาดที่พอดีกันทั้งหมด หน้าจอบนเวทีเปลี่ยนการแสดงผลเป็น “แทฮยอง&ซอนอิน”
“โอ๊ะคนนั้นที่แสดงเป็นเด็กเกเรนี่!!!”
“ว๊ายยย แบดบอย!!!”
ทันใดนั้นเองเสียงเพลงก็ดังขึ้น มันเพลงที่แสดงถึงความเป็นเอเชียตะวันออกแบบดั้งเดิมผสมกับดนตรีในยุคปัจจุบัน มันให้อารมณ์เหมือนเพลงประกอบหนังแอคชั่นกังฟูอะไรแบบนั้น ทันทีที่เพลงถูกเปิดพวกเขาเริ่มขยับเต้นตามจังหวะ มันเหมือนกับการเป็นเต้นเพื่อแสดงศิลปะการต่อสู้ พวกเขาเต้นด้วยท่าทีที่เหมือนกำลังสู้กัน โดยซอนอินเต้นออกมาได้สุดยอดเหมือนเคยเรื่องการเต้นไม่มีใครดีกว่าเขาอีกแล้ว ทางด้านแทฮยองด้วยรูปร่างที่ดีทำให้ไลน์การเต้นออกมาสวยงามแม้ว่าท่าทางจะไม่ได้เฉียบคมเท่าซอนอินแต่ความน่าดูชมก็ไม่ได้ต่างกัน พวกเขาทำท่าสู้กันสักพัก ตามบทบาทของโชว์นี้ผลที่ออกมาคือเสมอกัน ทั้ง2ฝ่ายต่างไม่สามารถเอาชนะกันและกันได้ ทั้งคู่จึงจับมือกันเป็นการสื่อว่าทั้ง2ยอมรับซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นเพลงก็เปลี่ยนจังหวะ เป็นเพลงแดนซ์สนุกๆ แล้วพวกเขาก็วาดลวดลายการเต้นด้วยกัน ทั้ง2คนเต้นได้เท่และพร้อมเพรียงกัน ทุกๆการขยับตัวของพวกเขาสามารถสร้างเสียงกรี๊ดได้ทุกครั้ง พวกเขาทำได้อย่างเพอเฟ็กซ์ ก่อนจะปิดท้ายด้วยท่าเท่ๆแบบที่ซอนอินถนัด
“เท่มากค่า!!!!”
“น่ารักทั้ง2คนเลย!!!!”
ทั้งสองคนยืนหันหลังชนกันเป็นท่าปิด ยืนข้างไว้แบบนั้นซักพักก่อนที่ไฟจะปิดลงอีกครั้ง คราวนี้เสียงเปียโนที่ดังขึ้น สปอร์ตไลท์ส่องไปที่มุมขวาของเวที เขาเป็นชายรูปร่างดีหุ่นนายแบบ ตาชั้นเดียวเล็กๆของเขาทำให้ดูน่ารักและมีเสน่ห์แม้ว่าเขาจะไม่ได้หล่อเท่า2คนก่อนหน้านี้ เขาใส่ชุดนักเรียนเช่นกัน ชื่อบนจอเปลี่ยนเป็น “ฮยองซาน” เขาเริ่มโชว์การโซโล่เปียโนของเขา เพลงที่เขาเล่นมันเป็นเพลงคลาสสิก ฮยองซานเล่นมันออกมาด้วยนิ้วที่พลิ้วไหวของเขา สกิลการเล่นเปียโนของฮยองซานสามารถสื่อสารความรู้สึกของเขาได้เป็นอย่างดี มันมีทั้งความดุดัน ความอ่อนโยน และความสนุกสนานอยู่ในนั้น ฮยองซานเล่นมันด้วยสีหน้าที่สนุกสนานเหมือนเคย
“เล่นเก่งมากเลย!!!”
“เก่งขนาดนี้เป็นครูได้เลยนะเนี่ย!!!”
เสียงเชียร์จากสกิลการเล่นเปียโนของเขาดังขึ้นอย่างมากมาย ก่อนที่เขาจะกดโน๊ตตัวสุดท้ายอย่างกระแทกกระทั้นและทำให้บรรยากาศเงียบลงตาม ก่อนที่ฮยองซานจะเริ่มเล่นเพลงดังของคิมจีฮุนอีกเพลงนึงที่มีอินโทรเป็นที่จดจำ ทันทีที่ขึ้นอินโทรมาแฟนๆก็ต่างส่งเสียงฮือฮาและตื่นเต้นที่จะได้ฟังเพลงนี้อีกครั้ง และในตอนนั้นเอง ชายในชุดนักเรียนอีกคนก็เดินออกมา เขาเดินออกมายืนข้างๆฮยองซาน หน้าจอเปลี่ยนเป็น “ฮยองซาน&แทกึน” ชายนามว่าแทกึนเริ่มร้องเพลงนี้ โดยโทนเสียงที่สูงสามารถสะกดคนดูได้ตั้งแต่ประโยคแรก แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะดูธรรมดาและหาได้ทั่วไป แต่ความสามารถที่เขาแสดงออกมาผ่านการร้องเพลงทำให้เขาดูมีเสน่ห์อย่างมาก เขาร้องด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะและสะกดทุกคนให้ต้องมนต์ในโชว์ของพวกเขา เสียงร้องของแทกึนกับฝีมือการเล่นเปียโนของฮยองซานมันออกมาน่าประทับใจและผ่อนคลายคนดูด้วยเพลงช้าๆซึ้งๆของพวกเขาหลังจากที่ที่ได้ดูโชว์ที่เป็นเพลงเร็วๆสนุกๆติดๆกันหลายเพลง
“เสียงเพราะเว่อร์!!!!!”
“เก่งกันอีกแล้ว!!!”
แทกึนร้องจบท่อนฮุคแรกอย่างหน้าประทับใจ ก่อนที่ท่อนต่อมาจะเป็นเสียงทุ้มต่ำมีสเน่ห์ของชายปริศนาอีกคนดังขึ้น หน้าจอเปลี่ยนเป็น “ฮยองซาน&แทกึน&สมชาย” สมชาย ชายหน้าสวยออกมาร้องเพลงนี้ต่อในท่อนที่ 2 การปรากฏตัวของเขาทำให้แฟนคลับถึงกับงุนงงว่าผู้หญิงที่ไหนเสียงต่ำได้ขนาดนั้น ก่อนที่จะพบว่าเขาเป็น สมชายโชว์ข้อดีของตัวเองที่เป็นการร้องเพลงให้ทุกๆคนได้ประจักษ์ ตลอดมาสมชายต้องต่อสู้กับกำแพงด้านภาษามาโดยตลอด จนกระทั่งวันนี้มาถึง วันที่เขาสามารถร้องเพลงในภาษาเกาหลีได้อย่างสมภาคภูมิ
“จะเรียกหล่อหรือสวยดีเนี่ย!!!!”
“สวยมากค่า!!!”
สมชายร้องมันจนถึงฮุคที่2 ก่อนที่ท่อนแยกจะเป็นหน้าที่ของฮยองซานที่โชว์พลังเสียงที่สุดยอดออกมา และเข้าสู่ฮุคสุดท้ายด้วยการร้องพร้อมๆกันทั้ง3คน พวกเขาร้องกันได้อย่างน่าประทับใจ ในท่อนโชว์เสียงสูงแทกึนก็โชว์มันออกมาได้อย่างสุดยอด โดยไลน์ประสานอย่างฮยองซานและสมชายก็แข็งแรงมากๆ ทันทีที่เพลงจบลง สมชายกับฮยองซานก็หายไปเหลือเพียงแทกึนยืนอยู่บนเวที เขาเดินมาที่กลางเวที ก่อนที่จะมีเสียงดนตรีดังขึ้นอีกครั้ง เป็นดนตรีที่เอาไว้โชว์เต้น แทกึนโชว์การเต้นของเขาอย่างไม่เคอะเขินและมีเสน่ห์ ไม่มีอีกแล้ว แทกึนผู้ขี้กังวลคนนั้น แทกึนมีสไตล์การเต้นแบบนับจังหวะ ไม่ได้ใช้ฟีลลิ่งแบบซอนอิน เขาเต้นมันออกมาได้เป๊ะมากๆ การโชว์เต้นของแทกึนครั้งนี้มันคืออินโทร เพื่อเตรียมคนดูให้กลับมาสนุกอีกครั้งหลังจากฟังเพลงซึ้งๆไป
“อะไรกันเนี่ย!!!”
“เต้นเก่งไม่แพ้2คนก่อนหน้านี้เลยนะ!!!”
“คนนี้ครบเครื่องสุดเลยนี่!!!”
เขาเต้นอย่างดีจนจบการโชว์เต้น หลังจากที่เต้นเสร็จ แทกึนจบโชว์ของเขาในท่าคุกเข่า และเสียงเพลง คำราม ของวงดวงดาวก็ดังขึ้น แทกึนลุกขึ้นยืนและขยับไปที่ตำแหน่งของตัวเองพร้อมๆกับที่สมาชิกคนอื่นๆเดินออกมาประจำตำแหน่ง แสงไฟบนเวทีสว่างขึ้นอีกครั้ง เสียงเชียร์จากแฟนๆที่ดังกระหึ่มส่วนนึงก็คงเป็นเพราะแทฮยองที่เดินออกมาอีกครั้ง เพลงที่พวกเขาใช้มันเป็นเพลงดังที่พวกเขาใช้ประเมินในการประเมินครั้งแรก พวกเขาเริ่มเต้นและร้องกันอย่างสนุกสนานและทรงพลัง ในท่อนแร็ปของเกาเร็น พวกเขาตัดมันออกและเปลี่ยนเป็นท่อนโชว์การเต้นแทน ซอนอินผู้เป็นเซ็นเตอร์แสดงได้อย่างน่าประทับใจ ก่อนที่พวกเขาจะเข้าฮุคสุดท้ายอย่างเมามันเหมือนที่เคยเป็น
“ทีมเวิร์คสุดยอดมากเลย!!!”
“แค่ดูก็รู้สึกได้แล้ว!!!”
พวกเขาจบการแสดงด้วยท่าเท่ๆ มันเป็นการแสดงความสามารถของแต่ละคนได้อย่างไหลลื่นและสวยงาม ถือว่าเป็นการเตรียมการมาได้อย่างดีมาๆสำหรับงานนี้ ไฟถูกเปิดขึ้น ก่อนที่คิมจีฮุนจะเดินออกมา พร้อมเรียกเสียงปรบมือจากแฟนๆได้อย่างมาก แฟนๆต่างตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน
“ประ ธาน คิม!! ประ ธาน คิม!! ประ ธานคิ ม!!”
คิมจีฮุนโค้งคำนับเสียงเหล่านั้นก่อนจะเดินไปที่กลางเวที ข้างๆกับเด็กฝึกของพวกเขา คิมจีฮุนยกไมค์ขึ้นมาเพื่อพูดทักทายแฟนๆที่วันนี้มากันอย่างอุ่นหนาฝาคลั่ง
“สวัสดีครับทุกท่าน โชว์สนุกมั้ยครับ!” เขาพูดก่อนจะทักทายแฟนๆทุกคน
“สนุก!!!” แฟนๆตะโกนตอบ
“ก่อนอื่นขอเชิญ กลุ่มหญิงขึ้นมาบนเวทีด้วยครับจะได้แนะนำตัวพร้อมๆกัน”
เขาเรียกเด็กฝึกหัดหญิงขึ้นมา แฟนๆยังตะโกนเรียกจองฮวาไม่ขาดสาย คิมจีฮุนบอกให้พวกเขาเริ่มแนะนำตัวกันทีละคนและหลังจากที่พวกเขาแนะนำตัวกันจนครบ พวกเขาทุกคนรวมถึงประธานคิมก็โค้งคำนับพร้อมๆคนดูพร้อมๆกัน พวกเขารู้สึกชื่นใจมากที่วันนี้มีคนดูมาอย่างมากมายขนาดนี้
“เอาล่ะครับ ตอนนี้เด็กฝึกต้องไปพักกันก่อน เพราะพวกเขามีโชว์พิเศษให้พวกคุณได้ดู”
“ไม่เอาอย่าพึ่งไป!!!” แฟนคลับตะโกนพร้อมๆกัน
“เดี๋ยวกลับมาครับ” แทฮยองพูดขึ้น
“กรี๊ด!!!!!”
แค่แทฮยองพูดสั้นๆพวกแฟนคลับก็แทบจะดิ้นตายกันตรงนั้น พวกเขาพาเด็กฝึกคนอื่นๆเดินลงเวทีไปเหลือแต่คิมจีฮุนบนเวที ระหว่างที่เด็กฝึกหัดลงไปเปลี่ยนชุดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อทำการแสดงในเพลงที่พวกเขาแต่งกันเอง คิมจีฮุนจำเป็นต้องหาโชว์อะไรบางอย่างมาขั้นกลาง ทันใดนั้นเอง ไฟก็ดับลง ก่อนที่อินโทรของเพลงๆนึงจะดังขึ้น มันเป็นเพลงร็อคสากลในปี90 มันคือเพลง She Gone เพลงร็อคที่ใช้เสียงสุงมากยากที่จะมีใครขึ้นถึง แต่ไม่ใช่กับชายคนนี้ โทชิโอะ คิริฮาระ เขาคือเทรนเนอร์สอนร้องเพลง เขาออกมาร้องเพลงนั้นด้วยเสียงที่สูงมาก สูงจนเชื่อได้ว่าถ้ามันสูงกว่านี้เขาก็ยังร้องได้ ถือว่าไม่บ่อยนักที่เขาจะได้โอกาสโชว์เสียงแบบนี้ เสียงของเขาทำให้แฟนคลับที่มารู้สึกขนลุก หน้าจอแสดงผลว่า “เทรนเนอร์สอนร้อง โทชิโอะ คิริฮาระ” เขาร้องจนจบได้อย่างน่าประทับใจ ก่อนที่เทรนเนอร์สอนเต้นจองซูอาและพักยูจิน จะออกมาแสดงการเต้นร่วมกัน ซึ่งพวกเขาก็ออกมาทำการแสดงในเพลง ตัวสร้างปัญหา ของวง ตัวสร้างปัญหา ซึ่งเป็นเพลงคู่ที่โด่งดังเรื่องท่าเต้นที่เซ็กซี่ พวกเขาทำได้อย่างดี ก่อนที่เทรนเนอร์สอนแร็ป บี ไฮดร้า จะขึ้นมาเขย่าเวทีด้วยฮิปฮอปแบบโอลสคูลที่ทุกคนคิดถึง เหล่าเทรนเนอร์สร้างความประทับใจคนดู แฟนๆต่างสนุกไปกับมันแม้ว่านี่จะเป็นแค่โชว์คั่นเวลาก็ตาม หลังจากจบโชว์ของบีไฮดร้า คิมจีฮุนก็ออกมาอีกครั้ง
“นี่คือเหล่าเทรนเนอร์ผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดครับ ขอเสียงปรับมือให้พวกเขาด้วย” คิมจีฮุนแนะนำพวกเขาให้แฟนๆรู้จัก
“สุดยอดเลย!!! คิริฮาระเสียงดีมาก!!! บีไฮดร้าเจ๋งมาก!! เทรนเนอร์สอนเต้น เต้นเก่งสมเป็นเทรนเนอร์เลย!!!”
“เอาล่ะครับ พร้อมจะพบกับโชว์พิเศษรึยัง?” คิมจีฮุนถามพวกเขาอีกครั้ง
“พร้อมแล้ว!!!!” แฟนคลับตอบ
“เพลงนี้นะครับ ถูกแต่งขึ้นมาใหม่ในช่วงเดือนที่ผ่านมา”
“มันเป็นเพลงที่ถูกแต่งขึ้นโดย…”
“เด็กฝึกทุกคน”
คำพูดของคิมจีฮุนทำให้แฟนๆถึงกับแตกตื่น เพราะการที่เด็กฝึกหัดแต่งเพลงของตัวเองได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และสังคมเกาหลีก็ค่อนข้างชอบศิลปินที่สามารถแต่งเพลงได้เอง ไฟดับลงอีกครั้ง ก่อนที่เพลงก็ดังขึ้น พร้อมๆกับเสียงเชียร์ของแฟนๆที่พวกเขาเฮขึ้นมาเพราะได้เห็นเหล่าเด็กฝึกหัดอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาเปลี่ยนชุดในการแสดงเป็นแฟชั่นแบบ หน้าร้อน เป็นเสื้อฮาวายกับกางเกงผ้า ให้อารมณ์ชายทะเลอะไรแบบนั้น มันเป็นเพลงที่มีจังหวะไม่ช้าไม่เร็วในช่วงแรกออกแนวเร็กเก้หน่อยๆผสมกับเพลงป๊อบแบบกระแสหลัก
“แววดีมากเลย!!!”
“แค่ช่วงแรกก็รู้เลยว่าเพราะแน่!!!”
ในช่วงแรกที่จังหวะเพลงช้าๆเป็นกาอินออกมาร้องในท่อนแรกเสียงของเธอยังมั่นคงและแข็งแรงเช่นเคย ด้วยเสียงของเธอทำให้แฟนๆถูกเพลงนี้ดึงดูดอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ก่อนที่ท่อนต่อมาจะเป็นฮยองซานที่ขยับมาร้องตรงกลางและแน่นอนว่าเรื่องเสียงหายห่วงอยู่แล้ว ก่อนที่ท่อนต่อมาจะมีการเปลี่ยนจังหวะให้เร็วขึ้นโดยเป็นแทฮยองออกมาร้องโดยได้รับการประสานจากจองฮวา ในส่วนนี้แฟนคลับต่างกรี๊ดกร๊าดกันมาก พวกเขาทั้งสองคนมีเคมีที่เข้ากันทั้งรูปลักษณ์ บุคลิก และเนื้อเสียง ส่วนท่อนต่อมาก็เป็นซอนอินร้องนิดๆหน่อยๆ ก่อนที่จะถูกส่งเข้าท่อนฮุคด้วยเสียงต่ำๆของสมชาย
ในท่อนฮุคแรกนี้จะเป็นแทกึนในตำแหน่งร้องนำออกมาร้องในท่อนฮุคด้วยเสียงโทนเสียงสูงๆของเขา โดยได้รับการประสานจากฮยองซานและแทฮยอง แทกึนเต้นอยู่ตรงกลางในท่อนฮุค ในพาร์ทของเนื้อเพลงนั้นมันเข้าใจง่ายและติดหู ถ้าหากว่ามันถูกปล่อยออกไป คำแสลงบางคำที่เขียนไว้ในเพลงต้องกลายเป็นคำฮิตแน่ๆ และในพาร์ทของการเต้นนั้นพวกเขาทำได้ดีและยังไม่มีใครผิดพลาด การที่เอาจองฮวากับฮยองซานไปอยู่หลังๆช่วยปกปิดความผิดพลาดเล็กๆน้อยได้ แทกึนทำได้สมบูรณ์แบบไม่มีที่ติในท่อนฮุค ก่อนที่ท่อนสำคัญของเพลงจะมาถึง นั่นคือท่อนที่ใส่จังหวะEDMเข้าไปเพื่อโชว์การเต้น ในฮุคแรกนี้เป็นซอนอินออกมาโชว์การเต้นของเขา ร่างกายของซอนอินจดจำท่าทางได้อย่างแม่นยำ เขาเต้นออกมาด้วยฟีลลิ่งที่สนุกสนาน และสีหน้าของเขาตอนเต้นก็ดีมากๆ แม้ว่าท่านี้จะเต้นยากจนมองตามแทบไม่ทัน แต่ซอนอินก็เต้นมันออกมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ พวกเขาผ่านฮุคแรกไปได้อย่างสนุกสนาน
“เพลงโครตดีเลย!!!”
“เพลงนี้ทำขายได้เลยนะเนี่ย!!!”
หลังจากจบฮุคแรกก็เป็นจองฮวาออกมาร้องท่อนต่อไปที่ดนตรีกลับมาช้าอีกครั้ง เธอเดินออกมาตรงกลางพร้อมขยับตัวเต้นตามจังหวะสร้างเสียงเชียร์จากแฟนคลับชายได้ล้นหลาม และท่อนต่อไปเป็นท่อนแร็ปของซูยอง เธอออกมาแร็ปได้อย่างน่ารักและเท่ในเวลาเดียวกัน ซูยองเป็นคนที่ทำให้คนดูเซอร์ไพร์ได้ตลอดเช่นเคย และท่อนต่อไปที่จังหวะเร็วขึ้นคราวนี้ เป็นหน้าที่ของแทกึนที่รับผิดชอบในท่อนนี้ไป และท่อนต่อมาเป็นแทฮยองร้อง ก่อนจะส่งเข้าฮุคด้วยท่อนของสมชายอีกครั้ง ในฮุคที่2นี้ไม่ใช่แทกึนที่ออกมาร้องนำ แต่เป็นกาอินออกมาร้อง โดยได้รับการประสานจากจองฮวาและซูยอง เป็นการแบ่งพาร์ทของผู้หญิงและผู้ชายคนละฮุค พวกเขาแบ่งส่วนกันได้อย่างดี กาอินในตอนนี้สามารถเต้นและร้องไปพร้อมๆกันได้ดีขึ้นมากแล้ว อาการเสียงดร็อประหว่างเต้นของเธอได้รับการพัฒนาแล้ว และหลังจากที่ฮุคจบลงก็จะเข้าสู่ท่อนโชว์เต้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นซูยองออกมาโชว์เต้น ซึ่งซูยองก็เต้นออกมาได้น่าประทับใจเช่นกัน แฟนๆต่างคลั่งไคล้กับฝีมือการเต้นของเธอ ถ้าเธอยังคงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ในอนาคตเธออาจจะกลายเป็นแดนซิ่งควีนคนต่อไปของวงการเลยก็ว่าได้ โชว์ของพวกเขาสมบูรณ์แบบมาก ในท่อนแยก ฮยองซานก็โชว์พลังเสียงได้ดีเหมือนเดิมสมกับตำแหน่งร้องหลัก และพวกเขาจบฮุคสุดท้ายอย่างสมบูรณ์ นี่คือเวทีที่มีแต่พวกเขาอย่างแท้จริง พวกเขาสร้างมันเอง “ทุกขั้นตอน” หลังจากที่โพสท่าจบก็ถึงช่วงพูดคุยกับแฟนๆ
“สนุกมั้ยครับ??” ซอนอินพูดใส่ไมค์ของเขา
“สนุก!!!!!!” แฟนๆตอบโต้ด้วยเสียงเชียร์อย่างล้นหลาม
“กาอิน วันนี้คุณพ่อมาดูด้วยใช่มั้ย?” ซูยองพูดกับเพื่อนของเธอบนเวที
“ใช่ค่ะ วันนี้พ่อชั้นมาดูด้วย” เธอตอบหลังจากที่พ่อของเธอบอกว่าจะมาดูการแสดงของเธอเป็นครั้งแรก
“มีอะไรจะบอกเขามั้ย?” ซูยองพูดอีกครั้ง
“คุณพ่อคะ หนูเก่งใช่มั้ยล่ะ รักนะคะคุณพ่อ” กาอินพูดแบบน่ารักๆก่อนจะทำท่าหัวใจให้กับพ่อของเธอที่ไม่รู้ว่านั่งตรงไหน
“น่ารักมากเลย!!! แบ๊วมาก!!!” แฟนๆรู้สึกสดใสตามความสดใสของเธอ
“จริงๆวันนี้ เรามากันไม่ครบนะครับ” แทกึนพูดบ้าง
“มีพี่คนนึงเขาป่วยอยู่ เลยมาไม่ได้พวกเราเสียดายมากครับ” แทกึนด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ไม่เอาอย่าเศร้านะ!!!” แฟนๆรีบปลอบเขา
“เราหวังว่าพวกคุณจะให้การสนับสนุนเขาเหมือนกับที่สนับสนุนเรานะคะ” จองฮวาพูดขึ้น
“แน่นอนอยู่แล้ว!!! จะเชียร์ทั้งค่ายเลย!!!” แฟนคลับตะโกนตอบ
“หลายคนอาจจะรู้แล้วนะครับ ว่าพี่คนนั้นเขามีส่วนร่วมในเพลงที่กำลังดังมากๆตอนนี้”
“เพราะฉะนั้น เราจะเล่นเพลงนั้นส่งท้ายงานในวันนี้นะครับ” ฮยองซานพูดขึ้น
“เฮ!!!!!” แฟนๆรู้สึกดีใจที่จะได้ฟังเพลงที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้
“สมชาย มีอะไรจะพูดส่งท้ายก่อนเข้าเพลงมั้ยฮะ โทษที” ฮยองซานส่งช่องให้เพื่อนของเขาได้พูด
“เอ่อ... ขอให้ทุกคนมีความสุขครับ!” สมชายตอบอย่างขันแข็ง สร้างเสียงหัวเราะให้แฟนๆ
“น่ารักชะมัดเลย!! สวยกว่าชั้นอีกนะเนี่ย” แฟนคลับสาวๆบางคนโดนสมชายตกไปซะแล้ว
หลังจากที่มีการพูดคุยนิดๆหน่อยๆกับแฟนคลับ เพลงล่าสุดของคิมจีฮุนก็ดังขึ้น มันเป็นเพลงที่ติดหูชาวเกาหลีไปแล้ว เหล่าเด็กฝึกหัดเดินร้องเพลงนี้ไปทุกมุมของเวที และแฟนๆร้องตามได้อย่างดี พวกเขาโบกไม้โบกมือกันให้กับเด็กฝึกทุกๆคน เหล่าเด็กฝึกก็รู้สึกสนุกไปด้วยกับการโชว์ครั้งนี้ นี่จะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำดีๆของพวกเขา โดยในท่อนแร็ป พวกเขาเว้นว่างเอาไว้ ปล่อยให้เสียงของแบ็คกิ้งแทรคที่เป็นเสียงแร็ปของเกาเร็นดังขึ้นแบบนั้น ก่อนจะปิดฉากงานแสดงโชว์เคสของพวกเขาลงอย่างสวยงาม
---------------------
ตอนต่อไป
-การตัดสินใจของ1ในสมาชิก
---------------------------------
21.00 น. ณ บ้านแห่งนึง
วันนี้ผมกลับมาที่บ้านหลังจากแสดงงานโชว์เคสเสร็จ ผมรู้สึกสนุกมากกับงานนั้น มันเป็นการบ่งบอกว่าผมชอบการแสดงบนเวทีจริงๆ ยิ่งคนดูเยอะผมก็ยิ่งอยากโชว์ข้อดีของตัวเองให้มากๆ ผมหวังว่าพี่เกาเร็นจะรีบกลับมา ผมอยากจะเดบิ้วเต็มที่แล้ว
“แทกึนลูก มีคนมาหา”
เสียงของแม่ผมเรียกผมจากข้างนอกห้อง ผมที่กำลังจะเล่นเกมตัดสินใจหยุดความคิดนั้นไว้ก่อนจะออกมาพบกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญท่านนึง เขามีผมหงอก และใส่สูทอย่างดี เขามากับลูกน้องของเขาอีกคนนึง บอกตรงๆว่ามาดของเขาดูเหมือนพวกมาเฟียมากกว่า แต่ถึงแบบนั้นทั้งผมและแม่ของผมต่างรู้จักชายคนนี้ดีเขาคือ ชเว ซองดัม ประธานบริษัทSD ที่โด่งดัง เขามาทำอะไรที่นี่กันนะ
“นายชื่อ ยุนแทกึนสินะ” เขาพูดกับผม
“ใช่ครับ” ผมตอบ
“ชั้นกับแม่เธอเคยร่วมงานกันมาก่อนเธอรู้ใช่มั้ย?”
“ครับ”
“พอดีว่า ชั้นจะเดบิ้วกลุ่มบอยกรุ๊ปเร็วๆนี้น่ะ”
“แล้วก็ดันมีสมาชิกคนนึง ที่ถอนตัวไปด้วยเหตุผลส่วนตัวทำให้ขาดอยู่ตำแหน่งนึง”
“ถ้าเธอตกลง”
“เธอจะได้เดบิ้วในอีก4เดือน...”
การมาของชายผุ้นี้ ทำให้ผมตกตะลึงเป็นอย่างมาก…. ทำไมถึงเป็นผมล่ะ? ทำไมถึงไม่ใช่แทฮยองที่กำลังดัง? หรือซอนอินที่เป็นเซ็นเตอร์? และถ้าหากว่าเป็นค่ายอื่น ผมคงปฏิเสธไปในทันที แต่ทว่า ค่ายที่มาติดต่อดันเป็นค่าย SD Entertainment ค่ายที่ได้ชื่อว่าไม่เคยล้มเหลวในวงการเพลงเกาหลี ไอดอลที่ถูกพวกเขาเดบิ้ว แทบจะการันตีความโด่งดังในระดับเอเชียได้เลย แต่นั่นไม่สำคัญสำหรับผม เท่ากับที่พวกเขาคือค่ายของไอดอลชื่อดัง “ไดม่อนคุกกี้” วงที่มี “คูน อาริ” เป็นสมาชิกของวง ตลอดมาเธอคือสิ่งที่ผมไล่ตาม เธอคือคนที่ทำให้ผมอยากจะเป็นไอดอล เธอคือความฝันของผม.... เธอคือรักแรก... และในตอนนี้ เธออยู่ห่างจากผมเพียงปลายเล็บ.....
"จบตอนที่12"
------------------------- เพลงต้นแบบที่เอาไว้ใช้เขียนบรรยายเพลงที่เด็กฝึกหัดแต่ง
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Jan 8, 2018 15:03:57 GMT
30/5/2017 21.00 น. บ้านหลังนึง
“ทำไมถึงเป็นผมล่ะครับ?” ผมถาม
“มันก็ง่ายๆนะ”
“นายน่ะมีพร้อมทั้งการร้องและการเต้น”
“ถ้าได้นายมาก็ไม่ต้องเสียเวลาฝึกเรื่องพวกนั้นอีกแล้วไงล่ะ”
สิ่งที่เขาพูดมันก็อาจจะจริง แทฮยองที่กำลังดังคงไม่มีทางที่ KJH จะปล่อยให้เขาหลุดมือไป ซอนอินเต้นเก่งก็จริงแต่เรื่องการร้องหรือแร็ปก็ยังบกพร่องอยู่ คล้ายๆกับฮยองซานที่แม้ว่าจะร้องเพลงเพราะแต่ก็ยังเต้นได้ไม่ดี สมชายก็เป็นอีกคนที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและความสามารถ แต่ว่าสมชายเป็นชาวต่างชาติ ในระยะเวลา4เดือน ถ้าภาษาของเขาไม่ดีขึ้น เขาก็ไม่สามารถเดบิ้วได้ ส่วนพี่เกาเร็นก็ไม่ได้ร่วมโชว์ด้วย เพราะฉะนั้นคนที่เหมาะสมกับการเอาไปเดบิ้วแบบเร่งด่วนที่สุด ก็คงเป็น”ผม”
“ชั้นจะให้เวลานายคิดซัก2-3วัน”
“ถ้าได้คำตอบยังไงก็ติดต่อมานะ”
“แล้วก็....”
“ชั้นรู้นะว่านายเคยพยายามที่จะออดิชั่น เข้ามาที่ค่ายของเรา”
“นี่เป็นโอกาสของนายนะแทกึน”
ชายผมหงอกในชุดสูทหน้าตาและท่าทางเหมือนมาเฟียนามว่า ชเว ซองดัม พูดกับผมก่อนที่เขาจะบอกลาและกลับออกไป ที่ผ่านมาผมพยายามอย่างมากที่จะเข้าไปอยู่ในSDให้ได้ เหตุผลก็ง่ายๆ เพราะว่าSDคือค่ายของ คูน อาริ หญิงสาวที่ทำให้ผมอยากเป็นไอดอล และการที่มีประธานบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่อย่าง SD เข้ามาติดต่อถึงที่แบบนี้ ถือว่าเป็นเกียรติกับผมมาก ค่ายSD เป็นอันดับ1ในด้านวงการเพลง ประธานบริษัทของผมอย่าง คิมจีฮุน ก็เคยเป็นนักร้องในค่ายSD เช่นกัน น่าคิดเหมือนกันว่าถ้าคิมจีฮุนไม่ได้เดบิ้วกับSD เขาจะโด่งดังแบบทุกวันนี้รึเปล่า นอกจากที่ประธานบริษัทจะมาติดต่อด้วยตัวเองแล้ว พวกเขายังบอกอีกว่าจะให้ผมเดบิ้วในอีก4เดือน และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือเป้าหมายที่ผมไล่ตามมาตลอด เธอคนนั้นผู้เป็นความฝันของผม ผมจะได้เข้าใกล้เธอขึ้นไปอีกขั้นถ้าหากว่าตอบตกลง
“แม่แล้วแต่ลูกนะแทกึน” แม่ของผมพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ถ้าเป็นแม่จะเลือกแบบไหนหรอครับ?”
ผมถามแม่ของผม ในอดีตแม่ของผมก็เคยเป็นศิลปินของSDเหมือนกัน เธอเป็นศิลปินยุคแรกๆของบริษัทSDในสมัยที่SD ยังไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ผมคิดว่าแม่น่าจะให้คำตอบผมได้
“แม่ตอบไม่ได้หรอกแทกึน เพราะแม่ไม่เคยอยู่ที่ KJH”
“อืม นั่นสินะครับ” ที่แม่ผมพูดก็ถูกของเขา
“ถ้างั้นแม่ช่วยเล่าเกี่ยวกับSDได้มั้ยครับ?”
-----------------------
The Trainee
ตอนที่ : 13 คนเราใช้เหตุผลหรือความรู้สึก
---------------------------------------------------------
"เหตุผล"
31/5/2017
8.30 น. บนรถบัสประจำทาง
ชายผมสีน้ำตาลกำลังเดินทางไปยังต้นสังกัดของเขาเช่นเคย เขาถูกติดต่อจากบริษัทใหญ่ ถึงแม้ว่าในตอนนี้ที่KJHกำลังไปได้ดี และงานโชว์เคสที่ผ่านไปก็ได้รับกระแสที่ดีก็ตาม แต่ถ้าจากสถิติที่ถูกบันทึกไว้จากหลายๆสำนักข่าว ที่ระบุเอาไว้ว่า ไอดอลจากค่ายเล็กที่สามารถประสบความสำเร็จได้ มีไม่ถึง10เปอร์เซ็นของไอดอลทั้งหมดด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นถ้าพูดถึงเรื่องการประสบความสำเร็จ การเลือกที่จะไปอยู่กับSDไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไรเลย แม่ของแทกึนเล่าให้ฟังว่า SDมักจะใช้วิธีนี้ในการหาไอดอลมาเข้าร่วมกับบริษัทของตน พวกเขาส่งตัวแทนไปตามสถานบันร้องเพลงหรือค่ายเล็กๆ เพื่อดูคนที่มีแววและจับเซ็นสัญญา เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาฝึกด้วยตัวเอง
แทกึนเดินทางมาจนถึงป้ายที่ต้องลง เขาลงจากรถประจำทางและเดินเข้าไปในซอยที่มีบริษัทของเขาตั้งอยู่ แทกึนมาก่อนเวลาประมาณ10นาที เนื่องจากมีเวลา เขาจึงตัดสินใจวอร์มร่างกายนิดๆหน่อยๆด้วยการตรงไปที่ฟิตเนส ภายในนั้นมีเครื่องออกกำลังกายมากมายให้พวกเขาเลือกใช้ โดยภายในนั้นก็มีห้องสำหรับอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเช่นกัน โดยรวมมันก็เหมือนกับฟิตเนสที่ได้มาตฐานทั่วๆไป เพียงแต่มันถูกตั้งอยู่ภายในบริษัทแห่งนี้เท่านั้นเอง แทกึนเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ภายในนั้นมีตู้ล็อคเกอร์มากมาย และมีชายหน้าหล่อคนนึงกำลังใส่เสื้อผ้าของเขาหลังจากออกกำลังกายเสร็จ เขาคือคนที่แทกึนรู้จักดี
“ว่าไงแทฮยอง มาแต่เช้าเลยนะ” แทกึนทักทายรูมเมทของเขา
“วันนี้ชั้นมีงานตั้งแต่เช้ามืดเลยล่ะ เมื่อคืนชั้นนอนไปแค่4ชั่วโมงเอง ที่เห็นนี่คือพึ่งกลับจากทำงานต่างหาก” แทฮยองตอบ
“ถ่ายโฆษนาอีกแล้วหรอ?” แทกึนถาม
“อืม คราวนี้ถ่ายรณรงค์ งดสูบบุหรี่น่ะ”
“ดังใหญ่แล้วนะนาย” แทกึนรู้สึกชื่นชมเพื่อนของเขา
“มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่พูดตรงๆชั้นอยากจะใช้เวลาฝึกซ้อมกับพวกนายมากกว่า”
“เพราะชั้นไม่อยากเป็นแค่แทฮยองเฉยๆ ชั้นอยากเป็นแทฮยอง ไอดอลแห่งวง...มากกว่า” แทฮยองพูด
คำพูดของแทฮยองเป็นเครื่องบ่งบอกถึงอนาคตที่ไม่แน่นอน แม้แต่ชื่อวงพวกเขาก็ยังไม่มี หมายความว่าพวกเขาคงยังไม่ได้เดบิ้วในเร็วๆนี้แน่ พวกเขาคุยกันถึงเรื่องต่างๆกันซักพัก ก่อนที่แทฮยองจะขอตัวและเดินจากไปทำธุระของเขา แม่ของแทกึนเล่าให้ฟังว่า SD มีขั้นตอนในการทำงานที่เป็นระบบมาก พวกเขาจะกำหนดสิ่งต่างๆรวมถึงชื่อวงไว้ตั้งแต่แรก เพื่อให้เด็กฝึกหัดพยายามและแข่งขันกันเพื่อที่จะเป็น1ในนั้นให้ได้ ซึ่งแตกต่างจากKJH ที่ยังไม่มีอะไรชัดเจนนอกจากการฝึกไปวันๆ
---------------------
12.00 ร้านอาหารจีน
แทกึนและเด็กฝึกหัดชายทุกคนมารวมกันที่ร้านอาหารจีนอีกครั้ง ในช่วงเช้าพวกเขาวฝึกเต้นกันอย่างนักและเข้มข้นกว่าเดิม ตอนนี้พวกเขาต้องพยายามลบจุดอ่อนของตัวเองออกไปให้ได้ ฮยองซานเลือกที่จะไปเข้าเรียนในช่วงบ่ายเพราะอยากฝึกซ้อมเต้นกับคนอื่นๆในช่วงเช้า
“พอมากินที่นี่แล้วนึกถึงพี่เกาเร็นทุกทีเลยนะ” แทฮยองพูดขึ้น
“นั่นสินะ” ซอนอินก็คิดเหมือนกัน
ที่ก็ผ่านมาเกือบจะ2เดือนแล้วแต่หลงเกาเร็นก็ยังไม่กลับมาและยังเงียบหายไปโดยไม่มีการติดต่อกลับมา พวกเขาคิดว่าทางครอบครัวของเกาเร็นคงไม่อยากให้เขากลับมาฝึกอีกแล้ว เพราะประสบการณ์ที่เลวร้าย ทำให้พวกเขาเหลือกันแค่5คนเท่านั้นในตอนนี้ และทางบริษัทก็ยังไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ พวกเขารู้แค่ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในขั้นตอนการเตรียมเดบิ้วแล้ว แต่ชื่อวงก็ยังไม่มี แถมสถานะของเกาเร็นก็ยังคลุมเครือเอามากๆ ตกลงเกาเร็นอยู่ในแผนการเตรียมเดบิ้วรึเปล่า?
“พวกนายจะเอาอะไรมั้ย ชั้นจะเดินไปซื้อขนมมากินเล่นๆซะหน่อย” ซอนอินพูดขึ้น
“ชั้นไปด้วยสิซอนอิน” แทกึนขอตามซอนอินไปด้วย
หลังจากที่บอกของที่อยากได้กันแล้ว แทกึนกับซอนอินก็เดินไปที่ร้านสะดวกซื้อด้วยกัน พวกเขาเดินมาด้วยกันจนถึงร้านสะดวกซื้อโดยไม่มีการพูดคุยอะไรกันมากนัก ซอนอินเดินตรงเข้าไปซื้อของที่เขาอยากได้และของที่คนอื่นฝากซื้อ โดยมีแทกึนถือตะกร้าอยู่ข้างๆ
“นี่ ซอนอิน” แทกึนพูดกับซอนอินที่ก้มหน้าก้มตาหาของที่คนอื่นๆฝากซื้ออยู่
“อะไรหรอ?” ซอนอินหันมาพูดกับเขา
“สมมุติค่ายเพลงใหญ่ๆมาติดต่อให้นายไปอยู่ด้วยและสัญญาว่าจะเดบิ้วนายในเร็วๆนี้”
“นายจะทำยังไง” แทกึนถามซอนอิน
“ถ้าเป็นชั้นหรอ?” ซอนอินถามย้ำอีกครั้ง
“อืม” แทกึนตอบ
“ชั้นไม่ไปหรอก” ซอนอินตอบตรงๆ
“ทำไมล่ะ นายจะได้เดบิ้วในอีก4เดือนเลยนะ” แทกึนถามเหตุผล
“พวกเราน่ะพยายามด้วยกันมาตลอด”
“อยู่ๆจะให้ทิ้งกันไปทั้งๆที่มันยังไม่สำเร็จ ชั้นไม่มีทางทำแบบนั้นแน่”
“ที่ KJH เนี่ยแหละ เหมาะกับชั้นที่สุดแล้ว”
ซอนอินตอบทันทีโดยที่แทบจะไม่ได้ใช้เวลาคิดเลย ซอนอินไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะได้เดบิ้วหรืออะไร เขาแค่อยากจะอยู่ในที่ๆทำให้เขารู้สึกสบายใจเท่านั้น แม่ของแทกึนเล่าให้ฟังว่า SD เป็นค่ายที่มีความทะเยอทะยานมากกว่า KJH เพราะที่SD มีเด็กฝึกหัดเกือบๆจะร้อยคนทำให้เกิดการแข่งขันขึ้นอย่างเข้มข้น และไม่ใช่แค่นั้น ถึงแม้คุณเดบิ้วไปแล้ว คุณก็ต้องมาแข่งขันกับศิลปินคนอื่นๆร่วมค่ายต่อ เพราะค่ายSD จะสนับสนุนศิลปินที่ทำยอดขายออกมาได้ตามเป้าเท่านั้น แม่ของแทกึนยังเล่าอีกว่า สังคมของSDมันเหมือน สังคมของการทำงาน ที่แต่ละคนต้องแข่งขันและชิงดีชิงเด่นกัน ซึ่งนั้นทำให้SDมีความเป็นมืออาชีพมากกว่า KJH
------------------------------
20.00 น.หอพัก
หลังจากฝึกเสร็จแทกึนก็กลับมาที่ห้องของเขา ส่วนแทฮยองกับจองฮวามีงานสัมภาษณ์ที่บริษัทนิดหน่อยทำให้ยังไม่กลับ ทำให้แทกึนต้องอยู่ที่ห้องเพียงคนเดียว หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำธุระส่วนตัวเสร็จ แทกึนก็ตัดสินใจเดินออกจากห้องของตัวเองและตรงไปที่ห้องของ ฮยองซาน ที่อยู่คนเดียวเหมือนกัน เนื่องจากเกาเร็นยังไม่กลับมา เขาเคาะประตูก่อนที่ฮยองซานจะเดินมาเปิดประตู
“มีอะไรหรอแทกึน?” ฮยองซานถามเพื่อนของเขา
“ไม่มีอะไรหรอก ชั้นก็แค่อยากคุยกับนายน่ะ” แทกึนบอกเหตุผลของเขา
“งั้นหรอ ถ้างั้นจะคุยเรื่องอะไรล่ะ?” ฮยองซานถามกลับ
“ชั้นถามจริงๆนะ”
“นายคิดว่าบริษัทจะทำให้เราจะโด่งดังมั้ย?” แทกึนถามตรงๆ
“เรื่องนั้นมันขึ้นอยู่กับเราไม่ใช่รึไง ถ้าเราทำได้ดียังไงก็ดังอยู่แล้ว” ฮยองซานตอบตามที่เขาคิด
“งั้นหรอ ถ้างั้นนายคิดว่าบริษัทของเราจะส่งเสริมเราได้แค่ไหน” แทกึนถามต่อ
“ชั้นเชื่อในประธานคิมนะ นายก็เห็นว่าทุกอย่างกำลังไปในทางที่ดี”
“งานโชว์เคสของเราน่ะถูกพูดถึงเยอะเลย มีคนถ่ายวิดิโอเอาไว้ด้วย” ฮยองซานยังคงแสดงจุดยืน
สิ่งที่ฮยองซานพูดเป็นความจริง ในตอนนี้งานโชว์เคสของพวกเขาได้รับการพูดถึงในโลกอินเตอร์เน็ทอยู่เหมือนกัน มีคนเข้าไปดูคลิปที่ถูกอัพโหลดไว้มากมาย คอมเม้นที่ชื่นชมก็เยอะ คอมเม้นที่ติก็พอจะมีอยู่บ้าง แต่สิ่งนี้จะบ่งบอกถึงความสำเร็จของพวกเขาได้จริงๆน่ะหรอ? บุคลากรที่มีอยู่ของKJH จะสามารถทำเพลงที่ดีออกมาได้จริงๆน่ะหรอ? ถ้าหากว่าเป็นค่ายSD ก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนั้น และแม้ว่าทุกอย่างกำลังไปได้ดีในตอนนี้ก็จริง แต่นั่นมันก็เป็นเพราะกระแสของแทฮยองรึเปล่า? ถ้าเกิดแทฮยองกระแสตกมาเมื่อไร ถ้าถึงวันนั้นจะยังมีคนรอคอยพวกเขาอยู่มั้ยนะ?
-----------------------------
1/6/2017
7.00 น. หอพัก
ในวันแรกของเดือนมิถุนายน ในช่วงนี้สภาพอากาศไม่ได้หนาวเย็นมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว และในช่วงปลายเดือนประเทศเกาหลีก็จะเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ผมตื่นแต่เช้าในวันที่อากาศดีๆแบบนี้ ในขณะที่ แทฮยองยังนอนหลับสนิทอย่างมีความสุขในช่วงเช้าตรู่ เรื่องข้อเสนอถ้าพูดด้วยเหตุผลเรื่องความสำเร็จ ไม่มีอะไรที่ KJH จะสามารถสู้กับ SD ได้เลย ทั้งในแง่ของเงินทุน สปอนเซอร์ รวมถึงบุคลากร ที่ค่ายSD มีการจ้างโปรดิวเซอร์ระดับโลกหลายคนให้มาทำเพลงให้ด้วยซ้ำ หลังจากที่คิดเรื่องนู้นเรื่องนี้เสร็จ ผมบิดขี้เกียจและล้างหน้าล้างตา ก่อนจะเปิดประตูห้องออกมา และในขณะที่ผมกำลังจะเดินไปที่บันได ผมก็หันไปเห็น ชายร่างสูงของห้องข้างๆ ใบหน้าของเขาสวยเหมือนผู้หญิง เขาคือสมชาย ปรกติสมชายเป็นคนตื่นสายพอๆกับซอนอิน แต่ทำไมวันนี้เขาถึงตื่นเช้านะ
“ว่าไงสมชาย” ผมทักทาย
“สวัสดีครับ คุณแทกึน” สมชายยังพูดด้วยรูปแบบสุภาพ
“นายยังไม่ได้เรียน วิธีพูดแบบเป็นกันเองซินะ” ผมรู้สึกแปลกๆนิดหน่อยกับคำพูดสุภาพของเขา
“ก็เริ่มจะเรียนแล้วครับ แต่ยังไม่ค่อยกล้าพูดเท่าไร” เขาตอบ
ผมกับสมชายเดินลงบันไดด้วยกัน เนื่องจากตอนเช้าๆอาการเย็นๆแบบนี้ การได้ออกกำลังเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ตื่นตัวได้ดี พวกเราจึงเลือกเดินลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์ พวกเขาเดินไปที่ร้านสะดวกซื้อด้วยกัน โดยสมชายบอกว่าเขาบังเอิญตื่นขึ้นมาตอนช่วงเช้ามืดแล้วก็นอนไม่หลับก็เลยจะใช้โอกาสนี้ไปเข้าฟิตเนสซะหน่อย สมชายในตอนนี้เขามีน้ำหนัก62กิโลกรัมแล้ว หลังจากที่กินอย่างหนักเพื่อเพิ่มน้ำหนัก ร่างกายเขาดูสมส่วนขึ้นไม่ได้ผอมแห้งเหมือนก่อนหน้านี้ ผมกับเขาเดินลงมาจนถึงชั้นแรกและเดินออกไปสูดอากาศหน้าหอพัก มันช่างเป็นเช้าที่บรรยากาศดีจริงๆ
“คุณแทกึน มีพี่น้องมั้ยครับ?” สมชายหันมาถามผม
“ก็มีน้องสาวคนนึงล่ะนะ แต่ไปอยู่กับพ่อน่ะ” ผมตอบ
“อยู่กับพ่อ?” สมชายถามด้วยความสงสัย
ผมกับสมชายไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร สมชายจะสนิทกับฮยองซานที่อายุเท่ากัน และซอนอินที่เป็นรูมเมทซะมากกว่า ผมกับเขาแทบจะไม่ค่อยได้คุยกันเลย อาจจะเป็นเพราะกำแพงของภาษาแต่ว่าในตอนนี้จะดีขึ้นมากแล้ว ผมเคยเล่าเรื่องครอบครัวของผมกับแทฮยองแล้ว แต่นอกจากแทฮยองก็ยังไม่มีใครถามผมเรื่องนั้น จนมาถึงสมชายที่พึ่งจะถามผมมาเมื่อกี้ ผมก็เลยเล่าให้สมชายฟัง
ปัจจุบันผมอาศัยอยู่กับแม่แค่2คน ส่วนน้องสาวไปอาศัยอยู่กับพ่อนานๆทีจะได้เจอกัน โดยพ่อกับแม่ของผมหย่ากันหลังจากที่คลอดน้องสาวของผมได้ไม่นาน ตอนนั้นผมยังเด็กมาก ก็เลยจำเรื่องราวไม่ค่อยได้ แต่คร่าวๆก็ประมาณว่า ครอบครัวของฝ่ายแม่จะไม่ค่อยชอบ พ่อเท่าไร เนื่องจากพ่อของผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆคนนึง แต่แม่ของผมเป็นถึงนักร้องดัง และครอบครัวของแม่ก็ร่ำรวย แม้ว่าจะมีลูกด้วยกันถึง2คน แต่พวกผู้ใหญ่ก็ยังไม่ยอมรับในตัวของพ่อผมอยู่ดี ทำให้พ่อกับแม่มีปากเสียงกันบ่อยครั้งและนำมาซึ่งการหย่าร้างในที่สุด
“แบบนี้ลำบากแย่เลยนะครับ” สมชายรู้สึกเห็นอกเห็นใจผม
“ตอนแรกๆก็เสียใจมาก”
“และเพราะแบบนั้น ชั้นถึงเอาจริงเอาจังกับการฝึกมากไงล่ะ” ผมตอบ
“มันเกี่ยวอะไรกันหรอครับ?” สมชายคงคิดว่ามันไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไร
“ก็เพราะชั้นอยากจะประสบความสำเร็จในเส้นทางที่ชั้นเลือก”
“เพื่อที่ซักวันชั้นจะได้เป็นผู้ชายที่ดีพอสำหรับคนที่ชั้นรัก”
“จะได้ไม่จบลงแบบเรื่องของพ่อกับแม่ชั้นไง” ผมตอบตามสิ่งที่ผมคิด
“แปลว่ามีคนที่ชอบแล้วซินะครับ” สมชายถามด้วยท่าทียิ้มๆ
ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่สีหน้าที่ไม่อาจเก็บความเขินไว้ได้ของผมก็คงตอบคำถามนั้นของสมชายได้อย่างดี ผมกับสมชายเดินเข้าร้านสะดวกซื้อชงกาแฟ แล้วก็มายืนดื่มกันในตอนเช้าที่อากาศเย็นสบายแบบนี้
“คุณแทกึนครับ?” สมชายเหมือนมีอะไรจะถามอีก
“อะไรหรอ?” ผมถามเขากลับ
“ถ้างั้นคุณคิดว่า พวกเราจะประสบความสำเร็จมั้ยครับ?” เขาถามออกมาตรงๆ
“ตอนแรกชั้นก็สงสัยเหมือนนายแหละ”
“แต่พอหันไปดูรอบๆ”
“ชั้นว่าก็มีอยู่คำตอบเดียวละน่ะ”
---------------------------
"ความรู้สึก"
31/5/2017
8.30 น. บนรถบัสประจำทาง
ผมนั่งรถประจำทางเพื่อไปที่บริษัทของผมเหมือนเช่นเคย ผู้คนมากมายต่างออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปทำงาน ไปเรียน หรือไปทำธุระอื่นๆ สำหรับผมการที่ค่ายSD ติดต่อมาแบบนั้น ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากที่พวกเขาเห็นค่าของผม เพราะว่าก่อนหน้านี้ ผมไปออดิชั่นที่บริษัทของพวกเขาหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ แต่หลังจากได้เข้ารับการฝึกที่KJH ประธานบริษัทของพวกเขากลับมาติดต่อผมด้วยตัวเอง นั่นทำให้ผมรู้สึกสะใจแปลกๆ คูนอาริ รักแรกของผมอยู่ที่ค่ายนั้น ถ้าผมตอบตกลงผมก็ใกล้เธอเข้าไปอีกก้าว แต่ว่าผมในตอนนี้ต้องการแบบนั้นจริงๆน่ะหรอ? ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงตอบตกลงไปทันที แต่ทำไมตอนนี้ผมถึงรู้สึกว่าที่ทำมาทั้งหมดมันจะสูญเปล่า ถ้าผมตอบตกลงกันนะ?
ผมรู้สึกเหมือนผมกำลังสร้างอะไรบางอย่างด้วยมือของผมจนมันใกล้จะสำเร็จ แต่แล้ววันนึงกลับมีคนต้องการให้ผมไปแทนที่ใครซักคนในงานที่สำเร็จแล้วเหลือแค่รอวันเปิดตัว คำถามคือ ผมควรจะทิ้งสิ่งที่ผมทำจนใกล้จะสำเร็จ เพื่อไปเปิดตัวกับสิ่งที่ผมไม่ได้สร้างมันมาแต่แรกงั้นหรอ? แล้วสิ่งที่ผมสร้างมันขึ้นมานั่นล่ะ? ปล่อยให้คนที่เหลือทำต่องั้นหรอ? ผมลงจากรถก่อนจะเดินเข้าบริษัทไปและยังมีเวลาเหลือบางทีผมอาจจะใช้เวลาที่เหลือนี้ออกกำลังกายซักหน่อย ผมเดินไปที่ฟิตเนสและเข้าไปในห้องเปลี่ยนสื้อ ผมเห็นแทฮยองอยู่ที่นั่น
“ว่าไงแทฮยอง มาแต่เช้าเลยนะ”แทกึนทักทายรูมเมทของเขา
“วันนี้ชั้นมีงานตั้งแต่เช้ามืดเลยล่ะ เมื่อคืนชั้นนอนไปแค่4ชั่วโมงเอง ที่เห็นนี่คือพึ่งกลับจากทำงานต่างหาก”แทฮยองตอบ
“ถ่ายโฆษนาอีกแล้วหรอ?” แทกึนถาม
“อืม คราวนี้ถ่ายรณรงค์งดสูบบุหรี่น่ะ”
“ดังใหญ่แล้วนะนาย” แทกึนรู้สึกชื่นชอบเพื่อนของเขา
“มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่พูดตรงๆชั้นอยากจะใช้เวลาฝึกซ้อมกับพวกนายมากกว่า”
“เพราะชั้นไม่อยากเป็นแทฮยองเฉยๆ ชั้นอยากเป็นแทฮยองไอดอลแห่งวง...มากกว่า” แทฮยองพูดสิ่งที่เขาคิด
“นายคิดเหมือนชั้นเลยนะ แทฮยอง”
ผมก็คิดแบบแทฮยองเช่นกัน ผมกับคนอื่นๆสร้างมันมาด้วยกัน แม้ว่าในตอนนี้มันจะยังไม่มีชื่อเรียกด้วยซ้ำไป แต่เราก็ภูมิใจที่จะบอกว่าพวกเราคือไอดอลจากKJH ถ้าหากว่าผมไปเป็นไอดอลที่SD ผมจะรู้สึกภูมิใจกับการบอกแบบนั้นรึเปล่านะ ผมจะรู้สึกภูมิใจที่จะพูดชื่อตัวเองแล้วตามด้วยชื่อวงที่ผมแค่เข้ามาแทนที่คนอื่นจริงๆน่ะหรอ? ถึงแม้ว่านั่นจะทำให้ผมประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ผมจะรู้สึกมีความสุขจริงๆรึเปล่า? ผมมีความสุขอย่างมากในการแสดงกับเพื่อนๆคนอื่นๆของผม และเมื่อมันออกมาดีผมก็ยิ่งมีความสุขที่พวกเราได้ทำมันด้วยกัน ผมยังต้องการอะไรมากกว่านี้อีกหรอ?
---------------------
12.00 ร้านอาหารจีน
ผมกับเพื่อนๆมารวมกันที่ร้านอาหารจีนอีกครั้ง ในช่วงเช้าพวกเราฝึกเต้นกันอย่างนักและเข้มข้นกว่าเดิม แม้ว่าจะเหนื่อยมากจนร่างกายล้าไปหมด แต่มันก็รู้สึกมีความสุขแปลกๆ มันเป็นความสุขที่ผมคงไม่ได้รับมันจากที่อื่น พวกเราไม่ได้เก่งอะไรกันมากมายก็จริง แต่พวกเราก็สนับสนุนซึ่งกันและกันมาโดยตลอด ไหนจะเด็กฝึกหญิงที่พยายามอย่างหนักจนทำให้พวกเราเด็กฝึกชายต้องฝึกหนักขึ้นกว่าเดิมเพื่อไม่ให้น้อยหน้าพวกเธอ
“พอมากินที่นี่แล้วนึกถึงพี่เกาเร็นทุกทีเลยนะ” แทฮยองพูดขึ้น
“นั่นสินะ” ซอนอินก็คิดเหมือนกัน
ถ้าหากเป็นที่ค่ายSD เกิดผมบาดเจ็บขึ้นมาก ผมไม่รู้ว่าพวกเขาจะรอผมแบบที่ที่พวกเราทำมั้ย เพราะพวกเขามีเด็กฝึกหัดเกือบจะร้อยคน ถ้ามีคนหายไปซักคนนึงพวกเขาจะสังเกตเห็นรึเปล่านะ?
“พวกนายจะเอาอะไรมั้ย ชั้นจะเดินไปซื้อขนมมากินเล่นๆซะหน่อย” ซอนอินพูดขึ้น
“ชั้นไปด้วยสิซอนอิน” แทกึนขอตามซอนอินไปด้วย
ผมอยากจะถามซอนอินเกี่ยวกับความคิดของเขา บางทีซอนอินอาจจะคิดเหมือนผม ผมเลยทำทีเดินตามเขาไปเพื่อลองถามความคิดเห็นของเขา พวกเราเดินมาถึงร้านสะดวกซื้อ ผมอาสาถือตะกร้า ส่วนซอนอินมีหน้าที่มองหาของที่ถูกฝากซื้อ
“นี่ ซอนอิน” ผมพูดกับซอนอินที่ก้มหน้าก้มตาหาของที่คนอื่นๆฝากซื้ออยู่
“อะไรหรอ?” ซอนอินหันมาพูดกับผม
“สมมุติค่ายเพลงใหญ่ๆมาติดต่อให้นายไปอยู่ด้วยและสัญญาว่าจะเดบิ้วนายในอีก4เดือน”
“นายจะทำยังไง” ผมพูดโดยเอาคำว่าสมมุติมาบังหน้า
“ถ้าเป็นชั้นหรอ?” ซอนอินถามย้ำอีกครั้ง
“อืม” ผมตอบ
“ชั้นไม่ไปหรอก” ซอนอินตอบตรงๆ
“พวกเราน่ะพยายามด้วยกันมาตลอด”
“อยู่ๆจะให้ทิ้งกันไปทั้งๆที่มันยังไม่สำเร็จ ชั้นไม่มีทางทำแบบนั้นแน่”
“ที่ KJH เนี่ยแหละ เหมาะกับชั้นที่สุดแล้ว”
“ที่ KJH เหมาะกับนายที่สุดงั้นหรอ?” ผมทวนคำตอบเขา
“อืม ชั้นจินตนาการชั้นไปอยู่ที่ค่ายอื่นไม่ได้จริงๆ”
“ถ้าเป็นที่อื่นคงไม่สนุกกันแบบนี้แน่”
------------------------------
20.00 น.หอพัก
หลังจากที่คุยกับซอนอินก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาเองก็รู้สึกเหมือนกัน ถ้าเป็นที่อื่นคงไม่สนุกกันแบบนี้แน่ ในตอนนี้ผมได้ค้นลึกเข้าไปในจิตใจส่วนลึก ว่าผมเชื่อในตัวของเพื่อนๆผมทุกคน และผมเชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จในแบบของพวกเราแน่นอน พวกเขาคือเพื่อนร่วมทีมที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะมีได้แล้ว ที่เหลือก็คงเป็นความสงสัยในตัวของบริษัท ว่าจะสามารถนำพาพวกเราไปในทิศทางที่ดีได้แค่ไหน ถ้าเป็นที่SD ของ ชเวซองดัม พวกเขาคงสนับสนุนพวกเราได้ดีแน่นอน แต่ถ้าเป็นKJH ของคิมจีฮุน ผมไม่รุ้ว่าผมจะเชื่อในตัวประธานคิมได้แค่ไหน บางทีผมควรไปลองคุยกับฮยองซานเรื่องนี้ ผมตัดสินใจเดินไปที่ห้องของฮยองซาน และเคาะประตูเรียกเขา และเขาก็เปิดประตูอย่างรวดเร็ว ผมเดินเข้าไปในห้องเขาก่อนที่การสนทนาจะเริ่มขึ้น
“มีอะไรหรอแทกึน?” ฮยองซานถามผม
“ไม่มีอะไรหรอก ชั้นก็แค่อยากคุยกับนาย” ผมบอกเหตุผลที่ผมมาหาเขา
“งั้นหรอ ถ้างั้นจะคุยเรื่องอะไรล่ะ?” ฮยองซานถามกลับ
“ชั้นถามจริงๆนะ”
“นายคิดว่าบริษัทจะทำให้เราจะโด่งดังมั้ย?” ผมถามตรงๆ
“เรื่องนั้นมันขึ้นอยู่กับเราไม่ใช่รึไง ถ้าเราทำได้ดียังไงก็ดังอยู่แล้ว” ฮยองซานตอบตามที่เขาคิด
“งั้นหรอ ถ้างั้นนายคิดว่าบริษัทของเราจะส่งเสริมเราได้แค่ไหน” ผมถามต่อ
“ชั้นเชื่อในประธานคิมนะ นายก็เห็นว่าทุกอย่างกำลังไปในทางที่ดี”
“งานโชว์เคสของเราน่ะถูกพูดถึงเยอะเลยนะ มีคนถ่ายวิดิโอเอาไว้ด้วย” ฮยองซานยังคงแสดงจุดยืน
“นายก็เลยเชื่อในตัวประธานคิมสินะฮยองซาน” ผมถามย้ำกับเขา
“เปล่าหรอก ชั้นไม่ได้เชื่อประธานคิมเพราะเขาคือประธานคิมหรอก แทกึน”
“แต่เป็นเพราะชั้นเชื่อในพวกเราทั้ง6คน”
“และที่ชั้นเชื่อในตัวประธานคิม”
“ก็เพราะประธานคิมเชื่อในตัวพวกเรา”
---------------------------
7.30 ร้านสะดวกซื้อ
“เพราะชั้นเชื่อในพวกเราทั้ง6คน”
“และที่ชั้นเชื่อในตัวประธานคิม”
“ก็เพราะประธานคิมเชื่อในตัวพวกเรา”
“ฮยองซานบอกชั้นแบบนั้น”
แทกึนพูดกับสมชายที่ฮยองซานพูดกับเขา เพื่อนชาวไทยของเขาคงไม่ค่อยเข้าใจประโยคที่ดูซับซ้อนแบบนี้เท่าไร แต่ถึงแบบนั้นเขาก็น่าจะพอเข้าใจอยู่บ้าง ทั้ง2คนดื่มกาแฟด้วยกันยามเช้า ก่อนที่สมชายจะตัดสินใจไปฟิตเนสในตอนเช้าที่บริษัท แทกึนแยกกับสมชายที่หน้าร้าน หลังจากที่สมชายเดินจากไป แทกึนก็หยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมา ก่อนจะกดไปที่เบอร์ของชายคนนึงที่ได้ให้เขาไว้
“สวัสดีครับ ผมยุนแทกึนนะครับ”
“เรื่องที่คุยกันคราวก่อน”
“ขอปฏิเสธครับ”
แม้ว่าจะเป็นตอนเช้า แต่ลูกน้องของชเวซองดัมก็ตื่นขึ้นมาทำงานของเขาแล้ว น่าชื่นชมจริงๆ แทกึนได้ปฏิเสธโอกาสที่ดีที่สุดที่จะทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับคูนอาริไปแล้ว เพราะว่าเขาไม่ใช่แค่อยากให้เธอเห็นความพยายามของเขา แต่เขายังอยากให้เธอเห็นด้วยว่าเขามีพวกพ้องที่ดีแค่ไหน และแสดงให้เธอเห็นว่าพวกเขาช่วยกันสร้างอะไรกันขึ้นมา ไม่ใช่KJHที่สร้างพวกเขา แต่เป็นพวกเขาต่างหากที่จะสร้างKJH ขึ้นมาเพราะชื่อเสียงของบริษัทแห่งนี้ขึ้นอยู่กับพวกเขา และประธานคิมก็เชื่อในเด็กฝึกหัดของเขาทุกคน แทกึนยังจำได้ดี วันที่ประธานคิมโวยวายในโรงพักเพื่อเอาผิดคนทำร้ายเกาเร็น แม้ว่าจะยังไม่ได้เจอคูนอาริในตอนนี้ แต่ซักวันเขาจะต้องได้เจอเธอแน่
“ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกครับ คุณอาริ”
“ผมจะไปเจอคุณในวันที่ผมเป็นผู้ชายที่ดีกว่านี้”
“และผมจะโชว์ให้คุณเห็น”
“สิ่งที่ผมกับเพื่อนพยายามสร้างกันมา”
“คุยกับใครน่ะแทกึน”
เสียงของเด็กฝึกหญิงทั้ง3ที่เดินลงมาและเตรียมไปซ้อม เห็นแทกึนกำลังที่ยืนอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อด้วยชุดนอนของเขาและ ทำหน้าซาบซึ้งและบ่นพึมพำๆเหมือนพวกคนเมายังไงอย่างงั้น
“ป่ะ เปล่าซะหน่อย!” แทกึนปฏิเสธแบบลุกลี้ลุกลน
“จบตอนที่13”
------------------
ตอนต่อไป
-ข่าวดีของเด็กฝึกหัด!!!
-แทกึนกับSD จบลงแล้วจริงๆน่ะหรือ?
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Jan 9, 2018 17:05:23 GMT
1/6/2017
10.00 น. ห้องทำงานของคิมจีฮุน
“ไม่เจอกันนานนะ จีฮุน” ชายผมหงอกท่าทางน่าเกรงขามทักทายผม
“งานโชว์เคสคุณก็มา จำไม่ได้หรอครับ?" ผมตอบเขา
“ฮะฮ่า ชั้นหมายถึงเจอกัน แบบส่วนตัวแบบนี้ต่างหาก”
ชเวซองดัม ประธานบริษัทSDผู้โด่งดัง เข้ามาหาผมที่ทำงานตั้งแต่เช้า โดยงานโชว์เคสของบริษัทผม ข่าวที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่การแสดงของเหล่าเด็กฝึกหัด แต่เป็นข่าวที่ ชเวซองดัมมานั่งชมการแสดงต่างหาก พวกสื่อมวลชนต่างชื่นชมเขากับความใจกว้างที่มาให้กำลังใจศิษย์เก่าของเขา ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ทุกคนรู้ดีว่าชเวซองดัมไม่เคยไม่มีแผนอะไรซ่อนไว้ สาเหตุที่ผมออกจากSD เป็นเพราะความกดดันและการแข่งขันที่สูงจนสุขภาพจิตของผมย่ำแย ผมจึงสาบานกับตัวเองว่าจะไม่เป็นประธานบริษัทแบบเขา ผมจะเชื่อใจบุคลาการและเด็กฝึกของผมทุกคน และจะปฏิบัติกับพวกเขาแบบครอบครัว ไม่ใช่ลูกน้อง จนถึงตอนนี้บรรยาการในบริษัทของผมก็ดีมาโดยตลอด ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส จนกระทั่งการมาของ “เขา”
“คุณมาที่นี่ทำไม?” ผมถามเขา
“ชั้นอยากแลกเปลี่ยนเด็กฝึกหัดกับนาย”
สิ่งที่เขาพูดทำให้ผมโกรธจนควันออกหู ตอนที่ผมอยู่กับค่ายSD นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกแย่กับเด็กฝึกหัดคนอื่นๆ พวกเขาเหมือนกับหมากตัวนึงของ ชเวซองดัม พวกเขามีทั้งความหวังและความฝัน แต่กลับถูกนำไปเป็นของแลกเปลี่ยนในธรุกิจของ ชเวซองดัม บ่อยครั้ง
“ยุนแทกึน แลกกับ เด็กฝึกหัดคุณภาพดีของ SD 2คน”
เขาพูดต่อก่อนจะโยนเอกสารโปรไฟล์ของเด็กฝึกหัดทั้ง2คนที่ว่ามาให้ผม พวกเขาอายุยังน้อย และหน้าตาดีพอๆกับซอนอิน อาจจะไม่หล่อเหมือนแทฮยอง แต่ก็หล่อกว่าแทกึนและฮยองซาน ความสามารถของพวกเขาก็อยู่ในระดับกลางๆ ถ้าเอามาฝึกฝนก็สามารถพัฒนาได้ไม่ยาก แต่ว่า
“ผมขอปฏิเสธครับ”
“ทำไมล่ะ จีฮุน?”
“พวกเขาทั้ง6คน คือไอดอลบอยกรุ๊ปของบริษัทผม”
“ต้องเป็นพวกเขาทั้ง6เท่านั้น”
ผมยืนกรานที่จะไม่เทรดเด็กฝึกหัดของผมกับใครทั้งนั้น แทกึนมีความพยายามมากกว่าใคร เขาร้องและเต้นได้เก่ง เขาจะเป็นส่วนสำคัญของวงนี้ ไม่ว่าจะเอาอะไรมาแลก ผมก็ไม่มีวันปล่อยเขาไปเด็ดขาด ไม่ใช่แค่แทกึน แต่เป็นเด็กฝึกทุกคนของผม จะไม่มีใครถูกนำไปแลกเหมือนสิ่งของเด็ดขาด
“นายนี่ดื้อด้าน เหมือนเดิมเลยนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่มๆ
"ถ้าไม่นายยอมแลกล่ะก็..." เขายื่นหน้าของเขาเข้ามาใกล้ผม
“ขอให้โชคดีนะ จีฮุน”
ชเวซองดัมกระซิบที่ข้างหูผมก่อนจะลุกขึ้นและหันหลังกลับไป ซึ่งผมก็รู้ดี ว่าคนอย่างชเวซองดัมจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้สิ่งที่เขาต้องการ
-------------------
The Trainee
ตอนที่ 14 : อาจารย์กับลูกศิษย์
--------------------------------------------------
12.00 น.ร้านอาหารจีน
เป็นอีกวันที่พวกเขาฝึกอย่างหนักหน่วง ในวันนี้เด็กฝึกชายและหญิงมาทานอาหารกลางวันด้วยกันที่ร้านอาหารจีน สาเหตุที่มารวมตัวกันแบบนี้ก็เพราะกาอินสังเกตเห็นว่า ชเวซองดัม มาที่บริษัท พวกเขาจึงยกขบวนมาสุมหัวพูดคุยกันที่นี่
“ชั้นว่าเขาจะมา ขอแลกเปลี่ยนตัวเด็กฝึกหัดแน่เลย” กาอินพูดขึ้น
“อย่าบอกนะว่าเป็นนาย แทฮยอง” จองฮวาพูดขึ้นพร้อมหันไปมองแทฮยอง
“แต่ชั้นว่าน่าจะเป็นแทกึนมากกว่านะ” ซอนอินพูดอย่างน่าสนใจ
“ทำไมนายถึงคิดแบบนั้นแหละซอนอิน” แทฮยองถามซอนอิน
“เมื่อวานนี้น่ะ หมอนี่ถามอะไรชั้นแปลกๆด้วยล่ะ”
“อ๊ะ! จริงสิ ตอนเช้าวันนี้เห็นแทกึนคุยโทรศัพท์ด้วย” กาอินพูดเสริม
ซอนอินกับกาอินเล่าถึงพฤติกรรมแปลกๆของแทกึน ก่อนที่ฮยองซานจะเล่าให้ฟังอีกว่าเมื่อวานแทกึนมาถามเขาเรื่องบริษัท สิ่งที่พวกเขาเล่าทำให้แทกึนถึงกับหน้าซีดขึ้นมาเลยทีเดียว แม้ว่าเขาจะตอบปฏิเสธกับทางSDไปแล้วก็ตาม แต่ถ้าพวกเด็กฝึกรู้เรื่องนี้ พวกเขาคงไม่ชอบใจนัก ที่แทกึนไม่ยอมบอกพวกเขาตรงๆ
“ตายแล้ว...” ฮยองซานพูดพร้อมยกสมาร์ทโฟนขึ้นมา
“เพื่อนที่โรงเรียนชั้นกับซูยองส่งข่าวมาให้ดู”
เขาพูดก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้ทุกคนดู หัวข้อข่าวมันบอกว่า “ประธานบริษัทSD ชเวซองดัม ประกาศชื่นชอบในตัว เด็กฝึกหัด ยุนแทกึน แห่งKJH พร้อมบอกว่าอยากได้ตัวมาเป็นส่วนหนึ่งกับวงไอดอลที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ โดยชเวซองดัมได้บอกอีกว่า คิมจีฮุนควรจะปล่อยตัวของยุนแทกึนให้มีอนาคตที่ดีกับค่ายSD แทนที่จะเก็บเขาไว้" เพราะข่าวที่ออกมาแบบนี้ ทำให้เหล่าเด็กฝึกหัด หันไปมองแทกึนด้วยสายตาอำมหิต
“เดี๋ยวนี้นายหัดปิดบังชั้นแล้วซินะเจ้าแทกึน” ซอนอินดูหัวเสียหน่อยๆ
“ชั้นขอโทษที่ไม่ได้บอกพวกนายนะ แต่ชั้นปฏิเสธเขาไปแล้วจริงๆ” แทกึนจำนนด้วยหลักฐาน
“เพราะว่านายปฏิเสธเขา เขาก็เลยใช้อำนาจสื่อ มากดดันประธานคิมแบบนี้ไง”
กาอินพูดถึงการกระทำของชเวซองดัม พวกเขาไม่ได้โกรธแทกึนเพราะเจ้าตัวก็บอกชัดเจนว่าต้องการอยู่ที่บริษัทนี้ต่อไป และทุกคนก็เข้าใจดีว่าแทกึนที่เคยสละตำแหน่งเซ็นเตอร์ให้กับซอนอิน และพยายามเพื่อให้โชว์ของพวกเขาออกมาดีโดยตลอด ไม่มีทางที่เขาจะทอดทิ้งบริษัทแห่งนี้ไปแน่ ทันใดนั้นเอง
“พวกเธอทุกคน!” เทรนเนอร์จองซูอาเปิดประตูร้านเข้ามาและเรียกชื่อพวกเขา
“ประธานคิมเรียกให้เข้าไปพบด่วน”
---------------------
12.10 น.ห้องทำงานของคิมจีฮุน
“เอาล่ะ มากันครบแล้วซินะ” คิมจีฮุนพูดเมื่อเห็นเด็กฝึกหัดของเขาทุกคน
“นี่มันเกิดอะไรคะ” กาอินถามประธานบริษัทของเธอ
“พวกเธอคงเห็นข่าวกันแล้ว ที่ประธานชเวของSD ออกมากดดันชั้นให้ปล่อยตัวแทกึนให้เขา” คิมจีฮุนตอบ
“ผมปฏิเสธครับ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” แทกึนพูดอย่างหนักแน่น
“ชั้นรู้แทกึน ตอนที่เขามาที่นี่เขาบอกชั้นทั้งหมดแล้ว ขอบใจมากที่เธอเชื่อในบริษัทแห่งนี้” คิมจีฮุนรู้สึกซาบซึ่ง
“เขามารึยัง คิริฮาระ”
คิมจีฮุนหันไปถามคิริฮาระ ที่อยู่ในห้องด้วย ดูเหมือนจะมีอีกคนนึงที่คิมจีฮุนกำลังรออยู่ เหล่าเด็กฝึกต่างรู้สึกงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยปรกติคิมจีฮุนไม่เคยเรียกพวกเขาให้มารวมตัวกันแบบเร่งด่วนแบบนี้
“เมื่อกี้บอกว่ามาถึงบริษัทแล้ว คงกำลังขึ้นลิฟท์มาครับ”
หลังจากที่คิริฮาระพูดไม่ถึง1นาที ชายที่พวกเขากำลังรอก็ปรากฏตัวขึ้น รูปร่างของเขาสูงผอม ผมของเขาเป็นสีทองสว่าง เขาดูแข็งแรงดี แม้ว่าที่มือซ้ายจะยังเข้าเฝือกอ่อนอยู่ก็ตาม เขาเป็นชายที่หายไปเกือบจะ2เดือน เพราะอาการบาดเจ็บ และวันนี้เขากลับมาแล้ว
“พี่เกาเร็น!!!”
ฮยองซานพูดก่อนเดินเข้าไปกอดรูมเมทของเขาเป็นคนแรกก่อนที่คนอื่นๆจะรุมเข้าไปกอดกันกลม เด็กฝึกหัดหญิงอย่างซูยองถึงกับร้องไห้ออกมา เพราะเธอยังคงรู้สึกผิดอยู่ตลอดและคิดว่าที่เกาเร็นบาดเจ็บเป็นเพราะเธอ ตลอดมาเธอกลัวว่าเกาเร็นอาจจะไม่กลับมาอีก การที่เขากลับมาแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจจนร้องไห้ออกมา
“เฮ้ๆ ชั้นไม่ชอบแบบนี้เลยพอได้แล้ว” เกาเร็นพยายามผลักพวกเด็กฝึกชายที่รุมกอดเขาออกไป
“เอาล่ะๆ ฟังชั้นก่อน” คิมจีฮุนพูดเพื่อให้เด็กฝึกหัดฟังเขา
“ตอนนี้ ชเวซองดัม กำลังอยากได้ตัวแทกึนไปเพื่อเดบิ้วเป็นไอดอลของเขา”
“และที่ชั้นเรียกพวกเธอมาก็เพื่อประกาศเรื่องสำคัญ”
เขาพูดก่อนจะหยุดเงียบเพื่อมองไปที่เด็กฝึกหัดของเขา ทุกคนยืนตัวตรงและเรียงแถวกัน พวกเขาเงียบและตั้งใจฟังสิ่งที่คิมจีฮุนกำลังจะพูด พวกเขากลัวว่าจะมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้น พวกเขาทำผิดกฎอะไรรึเปล่า ซอนอินที่ชอบอู้ในคลาสเต้นจะโดนไล่ออกรึเปล่า หรือจองฮวาที่ชอบแอบกินขนมตอนกลางคืนจะโดนทำโทษ
“เด็กฝึกหัดหญิง”
“อนาคตของพวกเธอคงต้องฝากไว้ที่เด็กฝึกชายล่ะนะ” คิมจีฮุนพูดอะไรแปลกๆ
“หมายความว่าอะไรคะ?” ซูยองถามเพราะไม่เข้าใจ
“เพราะเด็กฝึกชายจะได้เดบิ้วในปี 2018”
“ถ้าพวกเขาทำได้ดี พวกเธอก็จะมีโอกาสเดบิ้วสูงขึ้น”
สิ่งที่คิมจีฮุนพูด ไม่ใช่ข่าวร้ายแต่มันเป็นข่าวดีต่างหาก เล่าเด็กฝึกหัดชายที่ตกใจและดีใจในคราเดียวกันแต่ยังออกท่าทางมากไม่ได้ เพราะอยู่ในห้องของประธานของพวกเขา ในที่สุดสิ่งที่พวกเขาพยายามกันมาก็ใกล้จะสำเร็จ พวกเขาถูกกำหนดและถูกวางแผนในการเดบิ้วไว้แล้วจริงๆ เหล่าเด็กฝึกหญิง แม้จะมีอาการเศร้านิดๆ ที่พวกเธอต้องฝึกไปอีกนานกว่าจะได้เดบิ้วเหมือนกับเด็กฝึกชาย แต่ในฐานะที่เป็นเด็กฝึกเหมือนกันการได้เห็นเพื่อนๆได้เดบิ้วตามความฝัน ก็ทำให้พวกเธอรู้สึกยินดีไปด้วยเช่นกัน
“ทำไมถึงเร็วแบบนี้ล่ะครับ” แทฮยองถาม
“ต้องขอบคุณชเวซองดัมล่ะนะ”
“การที่เขาสนใจแทกึน แปลว่าเขาเชื่อว่าแทกึนสามารถเดบิ้วได้จริงๆ”
“แม้ว่าเขาจะมีนิสัยชอบเอาเปรียบและอยากได้ของคนอื่น แต่เซ้นส์ในการมองคนของเขาก็แม่นยำจริงๆ”
“ในตอนนี้ชั้นคิดว่า พวกเด็กฝึกชาย มีคนที่สามารถเดบิ้วได้แล้ว อย่างน้อย3คน”
“เวลาในประมาณ1ปี ชั้นคิดว่ามันมากพอที่จะฝึกคนที่เหลือได้สบายๆ ถ้าพวกนายยังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆแบบนี้”
“นั่นคือข่าวที่ชั้นจะบอกพวกนาย เพราะฉะนั้น กลับไปซ้อม แล้วไม่ต้องสนใจเรื่อง ชเวซองดัม”
“ชั้นจะจัดการทุกอย่างเอง”
คิมจีฮุนบอกข่าวของเขากับเหล่าเด็กฝึก จริงๆแผนที่จะเดบิ้วในปี 2018 ถูกคิดขึ้นมาตั้งแต่การประชุมงานโชว์เคสคราวก่อน และพวกเขาตั้งใจจะบอกในช่วงท้ายปีเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้พวกเหล่าเด็กฝึกชาย แต่การที่ชเวซองดัมมาปั่นป่วนพวกเขาด้วยการใช้สื่อ ทำให้คิมจีฮุนเป็นกังวลว่า ความเป็นทีมของพวกเขาจะสูญเสียและจะทำให้พวกเขาเสียสมาธิในการฝึก คิมจีฮุนจึงตัดสินใจบอกแผนการเดบิ้วกับพวกเขาตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้เด็กฝึกหัดกลับมามีกำลังใจและรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และไม่มีการตะขิดตะขวงใจกันอีก ภายในห้องของเขาเด็กฝึกหัดต่างอมยิ้มกันอย่างมีความสุข เขาคิดว่าควรจะให้พวกเขาได้พูดคุยกันซักที
“เอาล่ะ มีแค่นี้แหละ ไปฝึกต่อได้”
----------------------------
20.00 น. หอพัก ห้อง206 ซอนอินกับสมชาย
“ในที่สุดก็กลับมาครบกันจนได้นะ” ซอนอินพูดอย่างอารมณ์ดี
ในที่สุดพวกเขาทั้ง6คนก็กลับมาสุมหัวที่ห้องของซอนอินจนได้ เนื่องจากเกาเร็นพึ่งเดินทางกลับมาที่เกาหลีสดๆร้อน ทำให้เขาต้องพักผ่อนร่างกายที่ใกล้จะหายดีด้วยการกลับมาพักที่ห้องของเขาก่อน ทำให้เกาเร็นยังไม่ได้ซ้อมอะไรในวันนี้ ดูเหมือนเกาเร็นก็ดูจะเขินๆกับทุกคน เพราะว่าเขาหายไปนาน แถมทุกคนก็ดูเปลี่ยนไปมากในช่วง2เดือน ผมที่เคยย้อมเป็นสีทองของแทฮยองกลายเป็นสีดำ ส่วนสมชายก็ดูสมส่วนขึ้นไม่ได้ผอมเหมือนก่อนหน้านี้ แต่สิ่งนึงที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือ
“ยังเตี้ยเมื่อเหมือนเดิมเลยนะซอนอิน” เกาเร็นพูดกับซอนอิน
“172ไม่ได้เรียกว่าเตี้ยซะหน่อย บินกลับไปจีนเลยไป” ซอนอินโดนเล่นอีกแล้ว
“แล้วทำไมตอนพูดว่าเตี้ย ต้องหันมามองผมด้วยล่ะ” แทกึนที่สูง170ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไร
“พี่เกาเร็น อย่าหยาบคายกับแทกึนสิ” ฮยองซานออกปกป้องเพื่อนของเขา
“หมอนี่น่ะ”
“เป็นไอดอลของSDเลยนะ”
ฮยองซานหยอกล้อเพื่อนของเขาด้วยอีกคน ก่อนที่ทั้งห้องจะระเบิดหัวเราะออกมา มันน่าเหลือเชื่อมากที่ แทกึนกลายเป็นข่าวและกลายเป็นที่รู้จักในช่วงเวลาข้ามคืน คลิปวิดิโองานโชว์เคส มีคลิปนึงที่กล้องโฟกัสไปที่แทกึนเพียงคนเดียว คลิปนั้นมียอดวิวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากมีข่าวนั้น แทกึนที่ไร้สเน่ห์ที่สุดในกลุ่มของพวกเขา แทกึนที่เคยเต้นด้วยใบหน้าที่เครียดเหมือนสอบแอดมิชชั่นคนนั้น ดันถูกบริษัทอย่างSDสนใจซะอย่างงั้น
“แบบนี้ดีจังเลยนะครับ คุณแทกึน” สมชายพูด
"เพราะแบบนี้แหละ ชั้นถึงตัดสินใจอยู่ต่อ บรรยากาศแบบนี้ดีที่สุดแล้ว" แทกึนพูดอย่างมีความสุข
สมชายพูดกับแทกึน ทั้ง2คนเคยคุยกันถึงเรื่องบริษัทมาก่อนหน้านี้ ดูเหมือนสมชายเองก็จะเริ่มเข้าใจความรู้สึกของแทกึนแล้ว พวกเขารู้สึกสบายใจและมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่รู้ว่าพวกเขาจะได้เดบิ้วในปีหน้า แล้วหลงเกาเร็น พี่ใหญ่ของพวกเขาก็กลับมาแล้ว พวกเขามองเรื่องที่แทกึนถูกติดต่อให้ย้ายบริษัทเป็นเรื่องตลก และเชื่อมั่นในตัวแทกึนมากกว่าเดิม พวกเขาเลิกคิดเรื่องอื่นและหันไปตั้งใจฝึกซ้อมแบบที่เคยเป็น ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คิมจีฮุนได้คาดการณ์ไว้
“ว่าแต่ทำไมก่อนหน้านี้นายถึงไม่ติดต่อมาเลยล่ะ?” ซอนอินถามเกาเร็น
“วันๆนึงชั้นต้องทำกายภาพบำบัดตั้งหลายอย่าง”
“แล้วก็ ชั้นรู้ข่าวเรื่องงานโชว์เคสของพวกนายแล้ว”
“ชั้นอยากให้พวกนายตั้งใจฝึกซ้อม แล้วถ้าเกิดชั้นโทรมาบ่อยๆเดี๋ยวพวกนายก็เสียสมาธิกันพอดี” เกาเร็นตอบแบบเท่ๆ
“เท่จริงๆ ผมภูมิใจในตัวพี่มาก” ฮยองซานรู้สึกถึงความเท่ของเกาเร็น
“เวลาแบบนี้ชั้นว่ามันต้องฉลองกันสิ” ซอนอินรู้สึกอยากปาร์ตี้
“ซอนอิน นายน่ะกินเยอะมากเลยนะ เดี๋ยวก็โดนสั่งลดน้ำหนักหรอก” แทฮยองตักเตือนเพื่อนของเขา
“แค่เตี้ยก็พอ อย่าอ้วนเลย” เกาเร็นรีบเสริมทันที
“ผู้ชายน่ะสูง 170ขึ้นไปไม่ถือว่าเตี้ยซะหน่อย!!” ซอนอินรีบแก้ตัว
“....แล้วถ้า170พอดีล่ะ.....” แทกึนพูดด้วยเสียงอ่อยๆ
---------------------------
20.00 น. หอพัก ห้อง401 ของเด็กฝึกหญิง
พวกเธอกลับมาจากการฝึกซ้อมอย่างเหน็ดเหนื่อย โดยเฉพาะ เด็กมหาลัยอย่างจองฮวาและกาอิน ยิ่งเหนื่อยขึ้นเป็น2เท่า เพราะพวกเธอต้องไปเรียนตามตารางที่บริษัทไปคุยกับมหาลัยไว้ กาอินกับจองฮวา เลยค่อนข้างยุ่งมากๆในตอนนี้ ถ้าหากไม่ได้ค่ายช่วยเรื่องเวลาก็คงแย่ยิ่งกว่านี้ โดยเฉพาะจองฮวาที่มีงานในวงการบันเทิงอื่นๆเข้ามาด้วย ในตอนนี้พวกเด็กฝึกชายถูกกำหนดเวลาในการเดบิ้วมาแล้ว แต่พวกเธอไม่ สิ่งที่พวกเธอต้องเผชิญก็คือ การก้มหน้าก้มตาฝึกไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้เดบิ้ว ซึ่งเรื่องนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเด็กฝึกชายจะเดบิ้วเป็นไอดอลที่โด่งดังได้มากแค่ไหน
“เธอคิดว่าพวกผู้ชายจะทำได้ดีมั้ย?” จองฮวาแถมเพื่อนๆของเธอ
“ชั้นเชื่อในตัวพวกนั้นนะ”
“เธอก็เห็นนี่ว่าเวลาพวกนั้นแสดงด้วยกัน มันมีจะพลังบางอย่างแผ่ออกมาและมันทำให้คนดูรู้สนุกไปด้วย”
“ชั้นว่าพลังแบบนั้นจะทำให้ทุกคนชอบพวกเขาแน่นอน” กาอินพูด
“อืมมม จริงด้วยนะ” จองฮวาเข้าใจสิ่งที่กาอินพูด
“เออนี่ซูยอง พี่เกาเร็นกลับมาแล้ว เธอไม่ต้องโทษตัวเองแล้วนะ” กาอินพูดกับเพื่อนของเธอ
“อืม ชั้นโล่งใจมากเลยล่ะ ถ้าเกิดเขาไม่กลับมาอีก ชั้นคงรู้สึกผิดไปตลอดแน่ๆ” ซูยองรู้สึกโล่งใจ
“พวกเธอดูข่าวนี่สิ”
จองฮวายกโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมา และเปิดดูข่าวในวันนี้ มันมีหลากหลายข่าวที่เป็นประเด็นร้อน แต่ที่ฮอตสุดๆก็คงเป็น ข่าวของเด็กฝึกปริศนา “ยุนแทกึน” หลังจากที่ ชเวซองดัม ประธานบริษัท SD ประกาศต่อสื่อแบบนั้น ทำให้สื่อหลายสำนักเพ่งเล็งมาที่ ประธานบริษัท KJH อย่างคิมจีฮุน อดีตศิลปินของบริษัท SD ที่ ออกมาเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง โดยสำนักข่าวได้รายงานว่า พบเห็นคิมจีฮุนเข้าไปในบริษัท SD กับ แร็ปเปอร์ชื่อดัง บี ไฮดร้า และ คนสนิทอีกคนนึง และเมื่อคิมจีฮุนเดินทางกลับ เขาได้ประกาศกับผู้สื่อข่าวว่าจะจัดงานแถลงข่าวขึ้น ในเร็วๆนี้
“ประธานไปที่นั่นกับเทรนเนอร์ บี ไฮดร้า และ เทรนเนอร์ คิริฮาระสินะ” ซูยองถาม
“จากภาพก็ตามนั้นแหละนะ” กาอินตอบคำถามซูยองหลังจากดูภาพข่าวอย่างแน่ใจแล้ว
“อยากรู้จังว่า ประธานคิมของพวกเรากับประธานชเวของSDคุยอะไรกันบ้าง”
----------------------------
ย้อนไปตอนบ่ายๆ
15.00 น. ห้องทำงานของ ชเวซองดัม
"ห้องสวยกว่าสมัยก่อนอีกนะครับ” คิมจีฮุนพูดขึ้น
ในอดีตเขาเคยขึ้นมาพูดคุยกับประธานชเวที่นี่บ่อยครั้ง ทำให้เขาไม่รู้สึกเกร็งหรืออะไร ในตอนนี้เขากำลังยืนและเดินไปมาเพื่อดูเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหราภายในอกห้องอย่างสบายอกสบายใจ ในตอนนี้ห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอนิเจอร์แบบใหม่ แตกต่างจากที่เขาเคยเห็นมาในอดีต คิมจีฮุนใช้เวลาตลอดช่วงวัยรุ่นกับการฝึกฝนการร้องเพลงที่บริษัทแห่งนี้ ในตอนที่เขาเข้ามาแรกๆ บริษัทแห่งนี้ ยังไม่ได้โด่งดังมากถึงขนาดนี้ เขายังทันศิลปินยุคบุกเบิกของบริษัท อย่าง คิมแบคฮวาผู้เป็นแม่ของแทกึนและศิลปินคนอื่นๆอีกมากมายถ้าจะพูดว่า คิมจีฮุนคือลูกศิษย์ของ ชเวซองดัมก็คงไม่ผิดนัก
“อย่าลีลาเลยจีฮุน นายไม่ใช่คนอ้อมค้อมแบบนั้นนี่” ประธานชเวพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ผมจะเดบิ้ว ไอดอลกรุ๊ปในปีหน้า แทกึนจะเป็น1ในนั้น และจะไม่มีแด็กฝึกคนไหนย้ายมาที่นี่” คิมจีฮุนพูดตรงๆขณะกำลังดูเฟอร์นิเจอร์
“จะพูดเรื่องนี้เองงั้นหรอ? ถ้างั้นจะเอาคิริฮาระกับไฮดร้ามาทำไมล่ะ?” ชเวซองดัมถาม
“พวกเขาแค่มาเป็นเพื่อนน่ะ แล้วพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ซะหน่อย”
คิริฮาระกับบีไฮดร้า แค่มาเป็นเพื่อนเท่านั้น คิมจีฮุน รู้สึกอุ่นใจเวลามีเพื่อนมาด้วย แต่ในการพูดคุยนี้มีเพียงแค่เขากับ ประธานชเวเท่านั้นที่ได้พูดคุยกัน
“ไม่ว่าจะยังไงนายก็ไม่ยอมปล่อย แทกึนให้ชั้นสินะ” ชเวซองดัมพูด
“ครับ” คิมจีฮุนหนักยืนยัน
“นายยังคิดจะต่อต้านชั้นด้วยแนวคิดแบบนั้นอยู่อีกหรอ?”
“นายก็รู้ว่านี่คือโลกของธุรกิจ นายหัวแข็งและใจดีเกินไปนะ จีฮุน” ชเวซองดัมพูดกับศิษย์เก่าของเขา
“ผมเชื่อในแนวทางของผม” คิมจีฮุนพูดแทรกขึ้นมา
“ผมจะดูแลพวกเขาอย่างครอบครัว ไม่ใช่หัวหน้ากับลูกน้อง”
“เหมือนกับคุณเมื่อก่อนนี้...”
“อาจารย์ชเว”
--------------------------
7/11/1997
23.00 น. ไนท์คลับ
“ไอ้เด็กนี่ ยังไงกันเนี่ย”
“อายุแกน่ะเข้าร้านชั้นไม่ได้ด้วยซ้ำไป” เสียงของชายวัยกลางคนตะโกนดุด่าผม
“โถ่ เถ้าแก่ ให้ผมได้ร้องเถอะน่า เสียงผมเพราะจะตายไป”
“ไม่เอาๆไปไหนก็ไป”
ผมถูกไล่ออกมาอีกครั้ง เห้อ บางทีผมอาจจะคิดผิดก็ได้นะที่ฝันอยากจะเป็นนักร้อง ผมคือคิมจีฮุน อายุ 17ปี มีคนเคยบอกผมว่าสิ่งที่ง่ายที่สุดในโลกคือการฝัน และสิ่งที่ยากที่สุดในโลกคือการทำตามความฝัน สงสัยจะเป็นเรื่องจริงล่ะมั้ง ผมแบกกีต้าร์และเดินจนน่องปูดไปทั่วกรุงโซล หวังว่าจะมีร้านอาหารหรือไนต์คลับซักที่ ที่ยอมจ้างผมไปเล่นดนตรีให้พวกเขาดูแต่ก็คว้าน้ำเหลวตามเคย ผมเดินกลับมาที่สตูดิโอของรุ่นพี่นักดนตรีของผม “ยุนบยองมัน” ผมมักจะสุมหัวอยู่ที่นี่ทั้งวัน งานของผมก็คือทำทุกอย่างที่พี่บยองมันสั่ง แล้วพอตกกลางคืนผมก็ไปออดิชั่นหาร้านซักร้านที่พร้อมจะจ้างผม แล้วก็กลับมานอนเฝ้าที่นี่ตอนที่พี่บยองมันกลับบ้าน ผมเปิดประตูเข้าไปในสตูดิโอ มันเป็นตึกแถวโทรมๆแห่งนึง ที่ยุนบยองมันใช้เงินของเขาเปลี่ยนมันเป็นสตูดิโอทำเพลง
“กลับมาแล้วครับพี่บยองมัน” ผมพูดเหมือนเคย
“กลับมาแล้วหรอ จีฮุน”
พี่บยองมันทักทายผม โดยที่ข้างๆเขาคือชาย คนนึงเขาน่าจะอายุสามสิบกว่าๆ เขาดูเป็นคนสุขุมและน่าเกรงขาม คนที่พี่บยองมันรู้จักมีเยอะมาก บางทีนั่นอาจเป็นญาติ เพื่อน หรือว่ารุ่นพี่ของเขา
“สวัสดีครับ ผมคิมจีฮุนครับ” ผมสวัสดีเขาและก้มโค้งให้ตามมารยาท
“นายเองหรอที่ชื่อ คิมจีฮุน” เขาเรียกชื่อผม
“ครับ ใช่ครับ” ผมขานครับ
“บยองมันเล่าเกี่ยวกับนายให้ฟังเยอะเลยล่ะ”
“ชั้นพึ่งเปิดบริษัทได้ไม่นานมานี้ และชั้นคิดว่าเดโม่ที่นายทำน่าสนใจดี ถ้าสนใจพรุ่งนี้ไปหาชั้นได้เลย”
เขาพูดพร้อมยื่นนามบัตรของเขามาให้ผม มันเขียนเอาไว้ว่า “ชเวซองดัม บริษัท SD Entertainment” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เหตุมันเกิดจากพี่บยองมันแอบส่งเดโม่ของผมไปให้ ชเวซองดัม คนที่เขารู้จักจากเพื่อนคนอื่นๆในวงการเพลง โดยบริษัท SD ในตอนนั้นเป็นบริษัทดาวรุ่ง ศิลปินชื่อดังในตอนนั้นก็ ยูซูจี ราชินีนักเต้นในสมัยนั้น หรือ คิมแบคฮวา ก็พอจะมีชื่อเสียงประมาณนึงกับเพลงบัลลาดของเธอ
รุ่งเช้าผมไปที่บริษัท เซ็นสัญญาและถูกจับไปฝึกฝนให้เป็นศิลปิน โดยคนที่สอนผมถึงเรื่องต่างๆทั้งเรื่องดนตรีและการชีวิตก็คือ ชเวซองดัม เขาคืออาจารย์ของผม ผมทั้งเคารพและเชื่อใจเขา เขาสอนผมเกี่ยวกับการเชื่อใจคนอื่นๆ เขาบอกผมว่าไม่มีอะไรที่จะใช้ซื้อคนได้ดีเท่ากับหัวใจและผมในตอนนั้นก็คงถูกเขาซื้อเข้าไปเต็มๆ สมัยนั้นภายในบริษัท มีแต่คนอายุไม่มาก ชเวซองดัมในตอนนั้นก็ยังอายุแค่30กว่าเท่านั้น พวกเราอยู่กันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ชเวซองดัมรับฟังศิลปินของเขาทุกคน เขาเชื่อใจและปกป้องศิลปินของเขาทุกครั้ง ผมฝึกอยู่แบบนั้นหลายปี ก่อนที่จะได้เดบิ้วในฐานะศิลปินเดี่ยว และนั่นทำให้ผมเจอเพื่อนหลายคน ไม่ว่าจะเป็น บี ไฮดร้า แรปเปอร์ใต้ดิน ที่ถูกนำมาฟีทเจอริ่งในเพลงของศิลปินคนอื่นในค่าย หรือจะเป็นจองซูอา แดนซ์เซอร์รุ่นน้องที่เข้ามาหลังผมหลายปีและฝึกเต้นอยู่ในบริษัทตั้งแต่ อายุ7ขวบ หรือจะเป็นคิริฮาระ นักร้องไกด์ชาวญี่ปุ่นที่ผมได้เจอตอนไปโปรโมทเพลงที่นั่น
ผมผ่านเหตุการณ์ต่างๆมามากมายกับบริษัทแห่งนี้ มันก็มีทั้งดีและไม่ดีแต่ผมก็มีความสุขกับมัน จนกระทั่งวันนึงบริษัทที่ผมรัก ก็ค่อยๆกลายเป็นธุรกิจเต็มตัว ผมจำไม่ได้ว่ามันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรผมก็ลืมไปแล้ว แต่ที่ผมจำได้ก็คือชเวซองดัมเริ่มจะเปลี่ยนไป แนวทางการปกครองของเขามันเริ่มจะแตกต่างออกไปจากเดิมแบบกู่ไม่กลับ เขาเริ่มไปชักชวนคนจากค่ายอื่นๆที่มีเงินน้อยกว่า และเริ่มเอาศิลปินในค่ายตัวเองไปเทรดกับค่ายคนอื่น ทั้งๆที่เขาเคยสอนผมว่าการเป็นเจ้านายที่ดีต้องเชื่อใจลูกน้อง และที่สำคัญก็คืออย่ามองตัวเองเป็นเจ้านาย และอย่ามองลูกน้องเป็นลูกน้อง แต่ทำไมอยู่ดีๆเขาถึงทำแบบนี้
“อาจารย์ครับ! ทำไมคุณถึงเอาเด็กฝึกหัดพวกนั้นไปแลกกับค่ายอื่นล่ะครับ!? พวกเขาฝึกกันมาตั้งนาน” ผมถาม
“ที่ชั้นทำก็เพื่อค่ายนะ จีฮุน นายก็น่าจะเข้าใจนี่ นายอยุ่กับชั้นมาตั้งกี่ปีแล้ว?” เขาตอบพร้อมถามกลับ
“แต่คุณเป็นคนสอนผมเองไม่ใช่รึไง เรื่องการเชื่อใจ เรื่องความซื่อสัตย์ คุณบอกให้ผมเชื่อใจคนของตัวเอง”
“แล้วทำไมคุณถึงกลายเป็นแบบนี้!?” ผมถาม
“นายจะไปรู้อะไร จีฮุน!!” เขาตะคอกผมกลับ
“รู้มั้ย มีเด็กฝึกกี่คนที่แอบไปติดต่อกับบริษัทอื่นลับๆ”
“แล้วมาโกหกชั้นว่า ครอบครัวไม่สนับสนุนบ้าง อยากทุ่มเท่กับการเรียนบ้าง”
“นายรู้มั้ย พวกนั้นเอาเด็กเก่งๆของเราไปกี่คน? นายรู้บ้างมั้ย ว่าแผนของชั้นพังมากี่ครั้งแล้ว!!!”
“นายคิดว่าการเป็นประธานบริษัทมันง่ายนักรึไง จีฮุน?”
"ในโลกของธุรกิจ ชั้นมันอ่อนแอเกินไป"
“ต่อไปนี้เรียกชั้นว่า ประธานชเว ชั้นไม่ใช่อาจารย์ที่ไหนทั้งนั้น”
------------------------------
1/6/2017
15.00 น. ห้องทำงานของชเวซองดัม
“หลังจากที่ผมเรียกคุณว่าประธาน”
“SD ก็กลายเป็น ธุรกิจไปโดยสิ้นเชิง เด็กฝึกหัดป่วยเป็นโรคซึมเศร้ากันเป็นว่าเล่น”
"แม้แต่ผมก็ยังรับความกดดันจากคุณไม่ไหว จนต้องออกไปเปิดบริษัทเองในที่สุด"
“แต่ผมก็ต้องยอมรับ ว่าวิธีการที่คุณทำ มันก็ทำให้บริษัทนี้กลายเป็นอันดับ1 ในวงการเพลงได้จริงๆ”
“แต่ผมจะทำให้คุณดู ว่าวิธีการของผมเองก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน”
“แม้ว่าจะไม่ได้เป็นอันดับ1 แต่ผมก็จะประสบความสำเร็จและมีความสุขไปกับมัน”
คิมจีฮุนพูดกับอดีตอาจารย์ของเขาอย่างตรงไปตรงมา โดย ชเวซองดัม ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของเขา ได้แต่ฟังและมองมาที่คิมจีฮุนอดีตลูกศิษย์ ผู้เป็น 1 ในตัวแปรสำคัญที่ทำให้บริษัทSD ทะยานขึ้นสู่บริษัทเพลงอันดับ 1 ในประเทศ ถ้าหากความนิยมของคิมจีฮุนในช่วงพีคของอาชีพ ไม่ได้พีคถึงขนาดนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า SD จะสามารถผลิตศิลปินคนอื่นๆออกมาได้อย่างถูกทิศถูกทางรึเปล่า เพราะศิลปินของSD ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ ถูกผลิตมาโดยยึดแนวทางที่ใช้กับ คิมจีฮุนเป็นต้นแบบ
“ให้ตายสิ คิมจีฮุนก็ยังเป็นคิมจีฮุนวันยังค่ำสินะ ชั้นไม่น่าไปยุ่งกับนายเลย”
“รู้งี้น่าจะปล่อยให้เดินแบกกีต้าร์จนน่องโป่งไปซะ ฮะฮ่า” ชเวซองดัมพูดพร้อมกับยิ้มออกมา
“ไม่ต้องมาขำเลย ตาเฒ่า คุณน่ะอายุ50กว่าแล้วนะ ผมก็เกือบจะ40แล้ว”
“ขำอย่างกะเด็กๆ” คิมจีฮุนพูดกับประธานชเว
“อืม... ผ่านอะไรกันมามากมายจริงๆนะ นายกับชั้น....” เขาพูดก่อนจะมองมาที่ผมด้วยสีหน้าหนักใจ
“เห้อออ... เอาล่ะ ฟังนะ จีฮุน”
“ฮยองซาน มีเสน่ห์เวลาร้องเพลงมากอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องฝึกให้เต้นเก่งอะไรมาก เอาแค่พอเต้นได้ก็พอ”
“ซอนอิน ทุกอย่างเพอเฟ็กซ์และอยู่ในระดับที่กำลังดีแล้ว อย่าพยายามเปลี่ยนอะไรในตัวเขา”
“แทฮยอง ต้องฝึกเขาให้ร้องและเต้นเก่งกว่านี้ จะได้ไม่ถูกวิจารณ์ว่ามีดีแต่หน้าตาหลังจากที่เดบิ้วไปแล้ว”
“สมชาย หมอนี่มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน แล้วความสามารถก็เพียบพร้อม เหลือแค่การพูดที่ยังดูไม่มีเสน่ห์เท่าไร”
“แทกึน เพอเฟ็กซ์ทั้งด้านการร้องและเต้น แต่ไม่มีคาแรกเตอร์ พยายามให้เขาดึงความเป็นตัวเองออกมาให้ได้”
อยู่ดีๆชเวซองดัม ก็ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เหล่านี้กับคิมจีฮุน โดยที่คิมจีฮุนเองก็ไม่ได้คาดฝันมาก่อนว่าการมาวันนี้จะทำให้เขาได้รับคำแนะนำแบบนี้ แม้ว่าชเวซองดัมก็อายุมากแล้ว แต่สายตาในการมองคนของเขาก็ยังเฉียบคมและแม่นยำเช่นเคย
“อะไรของคุณเนี่ย อยู่ดีๆมาให้คำแนะนำผมทำไม” คิมจีฮุนรู้สึกงง
“ชั้นก็แค่...."
“เห็นตัวเองในตัวของนาย”
“สายตาของนายเหมือนกับของชั้น จีฮุน”
“เด็กพวกนั้นยอดเยี่ยม นายต้องนำพาเขาไปในทิศทางที่ถูกต้อง”
“ชั้นอยากจะเห็นมันนะ”
“อยากเห็นว่าวิธีการเก่าๆของชั้น จะสามารถยืนหยัดอยู่บนโลกของธุรกิจที่โหดร้ายแบบนี้ได้แค่ไหน” ประธานชเวพูด
“วิธีการเก่าๆของคุณนั่นน่ะ ตอนนี้มันเป็นของผมแล้ว”
“แล้วก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ แต่ว่า...”
“เด็กฝึกผมยังมีอีกคน ที่คุณไม่เคยดูเขาแสดงมาก่อน”
“และพอพวกเขารวมกัน6คน พวกนั้นจะแข็งแกร่งเหมือนกับอุกกาบาตรที่พุ่งชนโลกอย่างรุนแรง”
“แต่ยังไงก็ ขอบคุณนะครับ ประธานชเว”
“อย่างน้อย คุณก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้คุยกับอาจารย์คนนั้นอีกครั้ง” คีมจีฮุนพูดก่อนจะเตรียมหันหลังกลับ
"....."
"โชคดีนะจีฮุน"
คำพูดอวยพรนั้นของชเวซองดัม ทำให้คิมจีฮุนที่กำลังหันหลังและเดินจากไปหันกลับมา เขามองไปที่ประธานชเวอย่างแปลกใจ เพราะชเวซองดัมพูดมันออกมาด้วยน้ำเสียงและสายตาแบบที่คิมจีฮุนเกือบจะลืมไปแล้ว มันคือน้ำเสียงและสายตาแบบชายคนนั้น
"ครับอาจารย์"
“จบตอนที่14”
------------------
ตอนต่อไป
-เตรียมเดบิ้วจ้า!!!!
-ทั้ง6กลับมาพร้อมหน้าแล้ว เดินหน้าเต็มกำลัง!!
------------------ ประธานชเว
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Jan 15, 2018 16:19:16 GMT
18/10/2017
11.00 น. ปราสาทแห่งหนึ่ง
หลังจากที่หลงเกาเร็นกลับมาจากอาการบาดเจ็บ และคิมจีฮุนได้บอกกับเด็กฝึกหัดว่าพวกเขาจะได้เดบิ้วในปี2018 จากวันนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมา 4เดือนแล้ว เพลงดังของคิมจีฮุนยังติดชาร์ทในอันดับที่25อยู่ แม้ว่าจะไม่ใช่เพลงอันดับ1แล้วเนื่องจากผ่านมาหลายเดือน แต่อย่างน้อยมันก็ยังเกาะชาร์ทไว้อย่างเหนียวแน่นถึง6เดือน แทฮยอง ตัดสินใจบอกกับบริษัทว่าขอลดงานอื่นๆลง เพื่อจะได้เตรียมเดบิ้วกับเพื่อนๆได้อย่างเต็มที่ แต่ถึงแบบนั้นก็เถอะ
“ดีมากแทฮยอง เธอนี่ใส่ชุดอะไรก็หล่อไปหมดเลยนะ” ช่างภาพหญิงพูดชื่นชมแทฮยองหลังจากเธอที่กดถ่าย
“อันนี้ชุดสุดท้ายแล้วใช่มั้ยครับ” หนุ่มหน้าตาดีถามถึงตารางงานของเขา
“อยากกลับบ้านแล้วหรอ?” ช่างภาพหญิงพูดด้วยท่าทีสบายๆ
“อ่า อยากกลับไปซ้อมน่ะครับ จริงๆช่วงนี้ผมงดรับงานนอกแบบนี้แล้วด้วยซ้ำไป” แทฮยองบอกเหตุผลของเขา
“คงยุ่งมากสินะแทฮยองดีนะที่นิตยสารของเราติดต่อไปตั้งแต่แรกๆ”
“ไม่อย่างงั้นเราคงอดได้นายแบบดีๆแบบเธอแน่ๆ” ช่างภาพพูดกับแทฮยอง
แม้ว่าแทฮยองจะงดรับงานตั้งแต่4เดือนที่แล้ว แต่ตารางงานของเขาที่ถูกติดต่อไว้ก่อนหน้านั้น เขาก็ต้องทำมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ยังไงซะการถ่ายปกนิตยสารแฟชั่นครั้งนี้ก็เป็นงานสุดท้ายที่เขาต้องทำแล้ว ในวันนี้พวกเขาพาแทฮยองมาถ่ายกันที่สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนึง ภายในนี้มีปราสาทแบบสถาปัตยกรรมเกาหลีในสมัยก่อนตั้งอยู่ แล้วล้อมรอบด้วยธรรมชาติที่สวยงาม มันเป็นฤดูใบ้ไม้ร่วง เป็นฤดูที่อากาศดีที่สุดในเกาหลีไม่หนาวไม่ร้อนเกินไป และธรรมชาติก็สวยงามมาก ใบไม้กลายเป็นสีส้ม สีเหลือง และ สีแดง ไล่สีกันไปอย่างสวยงาม หลังจากถ่ายเสร็จ แทฮยองก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปเป็นแบบเดิมและเตรียมนั่งรถตู้เพื่อกลับไปที่บริษัท ตอนนี้เพื่อนๆของเขาคงกำลังฝึกอย่างหนักกันอยู่แน่นอน
-----------------
The Trainee
ตอนที่ 15 : ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ
----------------------------------------
13.00 น. ห้องซ้อมที่ 1
“หมอนั่นต้องพูดว่า ว่าไง แน่ๆ” ซอนอินพูดขึ้น
“แต่ชั้นคิดว่าหมอนั่นจะพูดว่า ซ้อมไปถึงไหนแล้วมากกว่า” ฮยองซานก็พูดขึ้นเช่นกัน
“ถ้างั้นมาพนันกันเถอะ ถ้าแพ้ต้องเลี้ยงข้าวเย็น” ซอนอินพูดกับฮยองซาน
พวกเขากำลังรอแทฮยองที่ไปถ่ายงานและกำลังกลับมาซ้อม พวกเขาพนันกันว่าแทฮยองจะพูดอะไรเป็นคำแรกเมื่อเขามาถึง โดยตลอดเวลา 4 เดือนหลังจากที่คิมจีฮุนแถลงข่าวเรื่องแผนการเดบิ้วกรุ๊ปไอดอลชายในปีหน้า พวกเขาก็ได้ฝึกอะไรหลายๆอย่างที่จำเป็นในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการตอบคำถามสื่อ ที่แทฮยองทำได้อย่างดีสมกับที่เป็นลีดเดอร์ การเรียนทักษะวาไรตี้สำหรับการออกรายการวาไรตี้ ซอนอินกับฮยองซานที่เป็นคนอารมณ์ดีทั้งคู่ก็ทำได้ดีกว่าคนอื่นๆตามคาด แต่ที่เซอร์ไพร์จริงๆคงเป็นการเรียนแต่งหน้า ที่สมชายทำได้อย่างโดดเด่นอย่างน่าสนใจ เขาแต่งหน้าเก่งมากๆจนซอนอินเริ่มรู้สึกแปลกๆว่าจริงๆแล้วรูมเมทของเขามีรสนิยมแบบไหนกันแน่
“ว่าไงพวกนาย” แทฮยองมาถึงพอดี
“เยส!!!” ซอนอินพูดพร้อมกำหมัดและดีใจ
“เห้อ พลาดซะแล้ว” ฮยองซานแพ้พนันซอนอินจนได้
“พวกนายเล่นอะไรกันแปลกๆอีกแล้วสินะ” แทฮยองรู้สึกแหม่งๆ
พอแทฮยองมาถึงไม่นาน เทรนเนอร์สอนร้องเพลงอย่างคิริฮาระก็เข้ามาในห้องพร้อมๆกับบีไฮดร้าเทรนเนอร์สอนแร็ป ดูเหมือนพวกเขาจะมีข่าวมาแจ้งให้เด็กฝึกหัดทราบ ซึ่งตลอดเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีมักจะมีข่าวมาแจ้งพวกเขาอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากการเดบิ้วใกล้เข้ามาทุกที และที่พวกเขาต้องทำจึงไม่ใช่แค่การฝึกซ้อมไปวันๆอีกต่อไป เหล่าเด็กฝึกหัดลุกขึ้นและทำความเคารพเทรนเนอร์ทั้ง2คน
“เอาล่ะวันนี้มีข่าวใหญ่มาแจ้งพวกนาย2เรื่อง” คิริฮาระพูดอย่างสบายๆ
“ว่าไป ไฮดร้า” เขาพูดเพื่อให้บี ไฮดร้าพูด
“เรื่องแรกก็คือ....”
“ซอนอินกับเกาเร็น จะได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงโปรโมท”
ทันทีที่เขาพูดเสร็จ ซอนอินก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เกาเร็นจะได้แต่งเนื้อร้อง เพราะเกาเร็นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาทำได้ดีแค่ไหนในการแต่งท่อนแร็ปในเพลงของคิมจีฮุน แต่กับซอนอิน ผลงานเดียวของเขาก็คือ การทำเพลงที่ใช้ในงานโชว์เคสกับเด็กฝึกคนอื่นๆ และที่ซอนอินได้รับเลือกให้มีส่วนร่วมในการทำเพลง ก็คงเป็นเพราะ เขามีความสามารถในการใช้ซอฟแวร์และปลั๊กอินในการทำเพลงมากกว่าคนอื่นๆ ทำให้ซอนอินสามารถทำเพลงที่ทันสมัยและเป็นกระแสนิยมออกมาได้ดี ว่ากันว่าไม่มีใครที่ทำเพลงให้เข้ากับคาแรกเตอร์ของศิลปินได้ดีเท่ากับการที่ศิลปินทำเพลงของเขาเอง สำหรับบริษัทKJH พวกเขาวางแผนให้ไอดอลกรุ๊ปนี้ขายความเป็นธรรมชาติในตัวของสมาชิกแต่ละคนโดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรมาก แม้ว่าพวกเขาจะแตกต่างกันแต่ก็มีเคมีที่ลงตัว ซึ่งสิ่งนี้จะสามารถสร้างเสน่ห์ในแบบที่ไม่มีใครเหมือนออกมาได้ เด็กฝึกหัดร่วมยินดีกับซอนอินและเกาเร็น ในตอนนี้พวกเขากำลังมีความสุขกันมากๆ
“เรื่องที่ 2” บี ไฮดร้าพูดขึ้น และนั่นทำให้เด็กฝึกหัดทุกคนเงียบเพื่อรอฟัง
“อีก2เดือนจะมีเวทีการประกาศรางวัลต่างๆ ซึ่งก็จะมีการแสดงของไอดอลและศิลปินภายในงานด้วย”
“ซึ่งประธานคิมบอกว่าเขาจะเข้าร่วมการแสดงด้วยเหมือนกัน”
“และเกาเร็น นายจะได้แร็ปในท่อนของนายบนเวทีนั้น”
------------------------
20.00 น. ร้านสะดวกซื้อ
เหล่าเด็กฝึกชายกำลังนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันอยู่ โดยซอนอินได้พลาดไปแล้วเพราะว่าเขาไม่ได้บอกว่าอาหารเย็นที่ฮยองซานต้องเลี้ยงเขาคืออะไร ผลก็คือฮยองซานเลี้ยงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเขาแค่1ห่อเท่านั้น และถึงแม้ว่าข่าวของการที่ซอนอินและเกาเร็นได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงจะเป็นเรื่องดี แต่ซอนอินกับเกาเร็นก็มีเรื่องเครียดให้ต้องคิดเช่นกัน เพราะพวกเขาจะต้องทำงานร่วมกับทีมงานคนอื่นๆที่บริษัทได้จ้างมาทำเพลง ซึ่งเป็นทีมงานมืออาชีพ ไม่ใช่แค่เด็กฝึกหัดที่ทำกันเองแบบคราวก่อน พวกเขาแค่หวังว่าจะไม่ไปทำอะไรพังก็พอแล้ว
“อ้าว พวกนาย ได้ข่าวว่าจะได้ทำเพลงกันเองด้วยนี่” กาอินมาเจอพวกเด็กฝึกชายโดยบังเอิญ
“อ้าว กาอิน อืม.... ถ้าจะพูดให้ถูกก็แค่ซอนอินกับพี่เกาเร็นล่ะนะ” แทฮยองตอบเธอ
“อืม งั้นหรอ” กาอินพูดพร้อมพยักหน้า
“ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่หรอ?” แทฮยองถามคู่สนทนาของเขา
“ก็แค่ซื้อของใช้ทั่วไปน่ะ เดี๋ยวซื้อเสร็จก็กลับแล้ว พวกนายกินกันต่อเถอะ”
กาอินพูดก่อนที่เธอจะเดินไปซื้อของที่เธอต้องการ เหล่าเด็กฝึกชายก็นั่งกินบะหมี่กันอย่างไม่สนโลกต่อไป จะมีก็แต่สมชายที่ท่าทีดูแปลกๆไปจากเดิมเมื่อขาเห็นกาอิน ในช่วง2-3เดือนให้หลังนี้ หลังจากที่ประกาศว่าใกล้จะได้เดบิ้ว ตารางฝึกของเด็กฝึกชายและหญิงก็กลับมาแยกกันอีกครั้ง เพราะมันไม่ใช่การฝึกแบบปรกติทั่วไปเหมือนเดิมแล้ว ทำให้ช่วงๆหลังมานี้ พวกเด็กฝึกชายได้เจอและพูดคุยกับพวกเด็กฝึกหญิงน้อยลงกว่าช่วงก่อนหน้านี้มาก กาอินซื้อของที่เธอต้องการเสร็จแล้วก็เดินมาบอกลาเด็กฝึกชายอีกครั้งก่อนที่จะเดินกลับไปที่หอของเธอ
“ชั้นไปแล้วนะ” กาอินมาบอกลาพวกเขา
“ผมไปด้วยซิครับ” สมชายพูดขึ้นอย่างร้อนรน
“อืม มาสิ”
กาอินพูดขึ้นและสมชายก็รีบเดินตามกาอินออกไปอย่างรวดเร็ว สร้างความน่าสงสัยให้กับชายที่ชื่อ ซอนอิน เป็นอย่างมาก ในช่วงหลังมานี้ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยแน่ใจรสนิยมของสมชายซักเท่าไร
“เดี๋ยวนี้สมชายพูดชัดกว่าเดิมเยอะเลยนะ” แทกึนรู้สึกทึ่งที่เขาพูดชัดกว่าเดิมมาก
“นี่ๆ พวกนายน่ะ” ซอนอินพูดด้วยเสียงกระซิบ
“ไม่รู้สึกช่วงนี้สมชายดูแปลกๆไปบ้างรึไง?” เขาพูดอย่างน่าสนใจ
“นายหมายความว่าไงหรอ ซอนอิน?” ฮยองซานถาม
“ช่วงหลังๆเราไม่ค่อยได้เจอเด็กฝึกหญิงเลย แต่สมชายกลับดูสนิทกับพวกนั้นแปลกๆนะ” ซอนอินพูดสิ่งที่เขาสงสัย
“เฮ้ๆ นายจะบอกว่าสมชายกำลังแอบคบกับเด็กฝึกหญิงรึไง?” เกาเร็นพูดตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีน่ะสิ....” ซอนอินพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว
“ตอนที่ชั้นเห็นหมอนั่นครั้งแรกน่ะ มันแต่งหญิงมาออดิชั่น...”
“แถมยังแต่งหน้าเก่ง แล้วก็เข้ากับเด็กฝึกหญิงได้ดีอีก..”
“แล้วที่สำคัญที่สุดเลยนะ.... ช่วงนี้น่ะ.... “
“หมอนั่นมันชอบมองชั้นตอนซ้อมเต้นด้วย....”
--------------------
21.00 น. ห้องที่ 206 สมชาย&ซอนอิน
“กลับมาแล้วหรอครับ” สมชายพูดทักทายซอนอินที่พึ่งกลับมาที่ห้อง
“อะ อืม...” ซอนอินตอบแบบอึดอัด
ตอนแรกซอนอินก็ไม่คิดอะไรจนกระทั่งคลาสแต่งหน้าวันนั้น สิ่งที่สมชายทำมันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายจะทำกันเลยไม่ใช่รึไง? เขาแต่งหญิงมาออดิชั่น แล้วก็รูปร่างของสมชายในตอนแรกน่ะ มันผอมมากเกินกว่าจะเป็นผู้ชาย จริงๆซอนอินก็ไม่ใช่คนที่เหยียดเพศหรืออะไร แต่ที่เขาต้องมาเครียดแบบนี้ก็เพราะ เขาไม่รู้ว่าสมชายชอบแบบไหนกันแน่ ถ้าเขาชอบผู้หญิงซอนอินก็คงจะดีใจมาก แต่ช่วงหลังๆมานี่ สมชายชอบมองมาที่เขาตอนซ้อมเต้นตลอด และนั่นทำให้ซอนอินรู้สึกแปลกๆเพราะเขารู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องมองเขาจากทุกที่ แถมสมชายยังดูสนิทกับเด็กฝึกหญิงขึ้นมากในช่วง2-3เดือนหลังอีกด้วย สิ่งที่ซอนอินภาวนาในตอนนี้ก็คือ ขอให้เขาแอบคบกับพวกเธอซักคนเถอะ เขาจะได้หลับอย่างสบายใจ
“นี่สมชาย...” ซอนอินเรียกชื่อสมชาย
“ครับ?” เขาขานตอบ
“ช่วงหลังนายดูสนิทกับเด็กฝึกหญิงจังนะ อยู่ดีๆทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ?” ซอนอินถามตรงๆ
“ผมมีบางเรื่องที่อยากรู้น่ะครับ ผมคิดว่าความเห็นของพวกเธอน่าจะเชื่อถือได้มากที่สุดน่ะครับ” สมชายตอบ
“งั้นหรอ...”
ทำไมมันถึงอึดอัดแบบนี้นะ ซอนอินที่ปรกติจะผ่อนคลายอยู่ตลอด ยังไม่สามารถสงบจิตใจของตัวเองเอาไว้ได้ในตอนนี้ ทำไมสิ่งที่สมชายทำมันถึงได้ดูมีพิรุธไปหมดแบบนี้นะ!!! ซอนอินพยายามสงบจิตใจและยกกฎเกณฑ์ของบริษัทมาบังหน้าเพื่อถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสมชายและเด็กฝึกหญิง
“นี่ สมชาย นายรู้ใช่มั้ยว่าเด็กฝึกหัดห้ามมีความรักนะ” ซอนอินทำเป็นตักเตือนสมชาย
“อะไรกัน คุณกังวัลเพราะเรื่องนี้เองหรอ? ผมกับเด็กฝึกหญิงน่ะไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลยครับ” สมชายตอบแบบยิ้มๆ
“งั้นหรอกหรอ... "
"เอาล่ะ สมชาย ชั้นจะถามตรงๆเลยนะ” คำตอบของสมชายทำให้ซอนอินไม่มีทางเลือก
“นายน่ะ…”
“ชอบผู้ชายใช่มั้ย?!!” ซอนอินถามออกไปตรงๆทั้งแบบนั้นเลย!!
“อะไรของคุณเนี่ย ไม่ใช่แบบนั้นนะ!!!” สมชายดูโกรธที่ซอนอินพูดกับเขาแบบนั้น
“ก็ช่วงหลังนายเอาแต่มองชั้นตอนซ้อมเต้นนี่นา ชั้นจะเป็นโรคหวาดระแวงอยู่แล้วนะ!!” ซอนอินเถียงกลับ
“ถ้าไม่ให้มองคุณแล้วจะมองใครล่ะครับ!! ก็คุณเต้นได้ถูกต้องที่สุดแล้วนี่”
“นอกจากผม ฮยองซานก็มองเหมือนกันไม่ใช่รึไง!?” สมชายเถียงกลับ
“ถะ ถ้างั้น แล้วที่ไปสนิทกับเด็กฝึกหญิงล่ะ!!!” ซอนอินยังไม่ยอม
“เรื่องนั้นมันก็แค่”
--------------------------
1ชั่วโมงก่อน
20.00 น. หอพัก ห้อง 401 ห้องของเด็กฝึกหัดหญิง
“นายเป็นผู้ชาย อย่าแต่งหน้าเยอะนักสิ” กาอินพูดกับชายหน้าสวยเบื้องหน้า
“จริงด้วย ชั้นไม่ชอบผู้ชายแต่งหน้าหนาๆเลยอ่ะ” จองฮวาก็เช่นกัน
“งั้นหรอครับ แต่ถ้าไม่แต่งแล้วมันจะดูโทรมน่ะสิ” ชายหน้าสวยพูดกับเด็กฝึกหญิง
“ผู้ชายก็ต้องมีมุมเซอร์ๆบ้างจะได้ดูมาดแมนขึ้นแบบที่นายต้องการไง” ซูยองพูดกับเขา
ในช่วงเวลา2-3เดือนหลังมานี้สมชาย มาปรึกษาเด็กฝึกหญิงเรื่องที่ว่าเขาควรทำยังไงให้ผู้หญิงเกาหลีชอบ เพราะว่าสมชายเป็นคนไทย วัฒนธรรมต่างๆรวมถึงสเปคของผู้หญิงก็ต่างกัน เพราะว่าหน้าตาของเขาเหมือนผู้หญิงเกินไป สมชายเลยจะอยากดูมาดแมนขึ้นเพื่อจะได้ดึงดูดแฟนคลับสาวๆได้เยอะๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง อะไรก็ตามที่มันเพิ่มความแมนให้สมชายได้อย่างเช่น หนวด สมชายก็มีมันน้อยมากจนแทบจะไม่มีเลย แถมผิวพรรณก็ยังดีเกินกว่าจะเชื่อว่ามาจากประเทศที่มีแดดร้อนๆอย่างประเทศไทย เขาจึงมักจะปรึกษาเด็กฝึกหญิงบ่อยๆว่าเขาควรจะทำยังไงให้ตัวเองดูแมนขึ้นมา
-----------------------
21.00 น. ห้องที่ 206 สมชาย&ซอนอิน
“อะไรกัน เรื่องแบบนั้นถามชั้นก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องทำลับๆล่อๆเลย” ซอนอินรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“ก็ผมอยากรู้ความชอบของผู้หญิงเกาหลีนี่ครับ ถามผู้ชายไปแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา” สมชายตอบ
“แล้วก็ผู้ชายแบบพวกเราน่ะ นอกจากคุณแทฮยอง ไม่เห็นจะมีแบบที่สาวๆชอบเลย”
“พอแล้ว สมชาย พอแล้ว ชั้นขอโทษ”
ซอนอินรีบขอโทษสมชายก่อนที่เจ้าตัวจะโกรธไปมากกว่านี้ ดูเหมือนเรื่องราวต่างๆจะเกิดจากการตีโพยตีพายของคิมซอนอินเท่านั้น สมชายพยายามอย่างหนักที่จะโชว์ด้านแมนๆของตัวเองออกมา สมชายถือเป็นสมาชิกที่มีความสามารถเพียบพร้อมมากอีกคนนึง น่าเสียดายที่พรสวรรค์ด้านหน้าตาของเขามันเป็นดาบสองคม มันทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมา แต่มันก็กลบความสามารถด้านอื่นๆของเขาไปหมดเช่นกัน พวกเขายังต้องฝึกฝนกันอีกหลายด้านๆ เพราะแต่ละคนยังมีสิ่งที่บกพร่องกันอยู่คนละนิดๆหน่อยๆ ใกล้ๆเข้ามาเรื่อยๆแล้วกับปี2018 ปีที่จะเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล
--------------------------------------------
2เดือนต่อมา
24/12/2017
23.00 น. ร้านอาหารของยุนบยองมัน
“ดูนี่สิ ดูถ้วยนี่สิ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” คิมจีฮุนถือถ้วยรางวัลแล้วก็หัวเราะออกมาเหมือนกับคนบ้า
ในตอนท้ายๆปีแบบนี้ เป็นเรื่องปรกติของวงการบันเทิงเกาหลีที่จะมีงานประกาศรางวัลขึ้น โดยในวันนี้ คิมจีฮุนและหลงเกาเร็นได้ขึ้นโชว์เพลงดังของพวกเขาที่สามารถเกาะชาร์ทเพลงไว้ได้อย่างเหนียวแน่นจนทำให้พวกเขาได้รับรางวัล “เพลงยอดเยี่ยม” ไปครอง ถือว่าเป็น1ในรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในงานร่วมกับรางวัล ศิลปินยอดเยี่ยม และ อัลบั้มยอดเยี่ยม หลังจากจบงาน คิมจีฮุนก็รีบนัดให้พนักงานทุกคนและเด็กฝึกหัดไปรวมตัวกันที่ร้านของยุนบยองมันเพื่อเลี้ยงฉลองกัน
“เกาเร็นวันนี้เยี่ยมมาก นายอายุถึงเกณฑ์แล้วสินะ มาดื่มกันเถอะ” คิมจีฮุนที่เริ่มเมาได้ที่ชวนเกาเร็นให้ดื่มกับเขา
“โอ๊ะ ไม่ได้จริงๆครับ เดี๋ยวตอนตี2ผมต้องกลับไปจีนแล้วครับ”
เกาเร็นรีบปฏิเสธทันทีเนื่องจากเขามีคิวเดินทาง โดยในตอนนี้บริษัท KJH อนุญาตให้พนักงานทุกคนหยุดงานและกลับบ้านได้1สัปดาห์ในช่วงวันคริสมาสต์นี้ และจะกลับมาทำงานกันอีกครั้งหลังจากผ่านเทศกาลปีใหม่ไป นั่นทำให้หลงเกาเร็นต้องบินกลับไปที่ประเทศจีน เช่นเดียวกับสมชาย ซึ่งน่าเสียดายมากที่สมชายต้องกลับไปที่ประเทศไทยตั้งแต่เมื่อวาน เขาเลยไม่ได้อยู่ร่วมงานเลี้ยงนี้ แทฮยอง ซอนอิน แทกึน และ ฮยองซาน ต่างสนุกสนานกับการกินอาหารที่แสนอร่อยในร้านของยุนบยองมัน รุ่นพี่คนสนิทของคิมจีฮุน ซึ่งยุนบยองมันก็เป็นโปรดิวเซอร์ในเพลงเดบิ้วของพวกเขาเช่นกัน ซอนอินกับเกาเร็นได้ร่วมงานกับยุนบยองตลอดเวลา2เดือนที่ผ่านมา
“เอาล่ะ กินให้เต็มที่เลย ชั้นลดราคาให้ไม่อั้น” ยุนบยองมันพูดขึ้น
“เดี๋ยวนะ ตอนแรกบอกว่าฟรีไม่ใช่รึไง!” คิมจีฮุนรู้สึกเหมือนโดนหลอก
“ถ้าให้พวกนายกินฟรี ร้านต้องชั้นเจ๊งแน่ๆ แต่ละคนกินอย่างกะไม่เคยกินมาก่อน”
สิ่งที่บยองมันพูดทำให้คนอื่นๆหัวเราะกันยกใหญ่ งานเลี้ยงนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อตอบแทนการทำงานหนักของทุกๆคนในบริษัท ไม่ว่าจะเป็นทีมงาน เทรนเนอร์ หรือตัวของเด็กฝึกหัดที่พยายามกันอย่างหนักมาโดยตลอด พวกเขายังคงฉลองกันต่อไป โดยที่คิริฮาระเริ่มเข้าใกล้เครื่องเสียงเข้าไปเรื่อยๆ แน่นอนเมื่อคนอื่นเมา บางคนก็อาจพูดไร้สาระแบบที่คิมจีฮุนเป็น หรืออาจจะร้องไห้แบบที่จองซูอากำลังร้อง ในขณะที่บางคน “เมาแล้วร้องเพลง”
“She Gone อีกแล้วสินะ” เกาเร็นดูเซ็งๆ
“นั่นมันเพลงประจำตัวเขานี่ ทำไงได้” กาอินพูดกับเกาเร็น
“นี่ ซอนอินเดี๋ยวก็อ้วนหรอก” แทฮยองเตือนเพื่อนของเขา
“พูดอะไรแบบนั้น งั่มๆ กินไปแค่นิดเดียวเอง งั่มๆ” ซอนอินพูดในขณะที่อาหารเต็มปาก
“เธอไม่กินหรอ จองฮวา” แทกึนพูดกับจองฮวา
“ชั้นไดเอตน่ะ โดนเทรนเนอร์ซูอา ดุทุกวันเลย” จองฮวาพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ
“ฮือๆๆๆ จองฮวาชั้นขอโทษ เธอกินเถอะ ฮือๆๆๆๆ” เทรนเนอร์ซูอาที่กำลังเมาและร้องไห้ออกมาพูดกับจองฮวา
“ไม่อยากจะเชื่อว่าเลยว่าเทรนเนอร์จองซูอา เมาแล้วจะเป็นแบบนี้” ฮยองซานรู้สึกทึ่ง
พวกเขาปาร์ตี้กันต่ออย่างสนุกสนาน ฮยองซานกับซูยองอายุไม่ถึงไม่สามารถดื่มเหล้าได้ แทฮยองกับแทกึน ที่แม้จะอายุถึงเกณฑ์แล้วแต่ก็ตัดสินใจไม่ดื่ม เหตุผลก็เพราะถ้าพวกเขาดื่ม คงไม่มีใครแบกร่างของซอนอินที่กำลังดื่มและกินอย่างเมามันกลับไปแน่นอน กาอินกับจองฮวาถูกยุให้ขึ้นไปร้องเพลงต่อจากคิริฮาระ ที่ซัดShe Goneไปเน้นๆหลายดอกจนคิมจีฮุนสั่งให้บี ไฮดร้าไปหิ้วเขาลงมา พวกเขาปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่บางคนได้เวลาต้องไปแล้ว และไม่อยากทำให้งานกร่อย ก็เลยปลีกตัวออกมาเงียบๆ
หลงเกาเร็นต้องบินกลับไปที่จีนตอนตีสอง ทำให้ตอนนี้เขาต้องไปแล้ว เขาเดินออกมาจากร้านของยุนบยองมันแบบเงียบๆ และเดินออกจากซอยของร้านออกมาที่บริเวณหน้าถนนและไปนั่งรอรถที่ป้าย เพื่อกลับไปที่หอพัก เพราะว่าสัมภาระที่เขาเตรียมไว้อยู่ที่นั่น เนื่องจากทันทีที่การแสดงบนเวทีกับคิมจีฮุนจบลง เขากับคิมจีฮุนก็ตรงมาที่งานเลี้ยงนี้ทันที วันนี้เกาเร็นได้แร็ปในเนื้อเพลงที่เขาแต่งในเพลงที่แสนโด่งดังนั่นซักที หลังจากในตอนที่มันกำลังดังสุดขีด เขาทำได้แค่ทำกายภาพบำบัดอยู่ที่ประเทศจีน หลังจากผ่านคืนนี้ไป เขาอาจจะกลายเป็นคนดังเนื่องจากการแสดงของเขาในงานประกาศรางวัล ที่ถ่ายทอดไปทั่วประเทศ เขาเดินออกจากซอยที่ร้านยุนบยองมันตั้งอยู่ เขาเดินมาที่ป้ายรถประจำทาง และนั่งรอมันอย่างเงียบๆคนเดียว เขานั่งอยู่ซักพัก ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น ทันใดนั้นเอง ก็มีหญิงสาวคนนึงนั่งลงข้างๆเขาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“โอ๊ะ! ตกใจหมดเลยอย่ามาเงียบๆแบบนี้สิ” เกาเร็นรู้สึกตกใจ
“ทำไมถึงออกมาล่ะ? ไม่สนุกหรอ?” เสียงของเด็กสาวคนนึงพูดขึ้น
“แล้วเธอล่ะ? ไม่สนุกหรอ?” เกาเร็นถามกลับ
“ชั้นถามก็ตอบสิ ไม่ใช่มาถามกลับ” เธอพูดกับเกาเร็น
“ชั้นต้องบินกลับจีนตอนตี2 นี่ก็จะไปเอากระเป๋าที่หอแล้วก็ไปที่สนามบิน
“แล้วเธอล่ะซูยอง?” เขาถามกลับ
“วันคริสมาสต์ ชั้นต้องอยู่กับแม่น่ะ ชั้นเชื่อว่านั่นจะทำให้ชั้นโชคดี” ซูยองตอบ
“งั้นหรอ”
“อื้ม เวลาชั้นอยู่กับแม่ในวันคริสมาสต์สิ่งที่ชั้นคาดหวังมักจะเป็นจริงในปีถัดไป”เธอตอบด้วยรอยยิ้ม
“ดูจากภายนอกเธอดูเหมือนไม่น่าจะใช่คนที่เชื่อเรื่องโชครางหรืออะไรเลยนะ” เกาเร็นพูดกับเธอ
“พูดอย่างกะรู้จักชั้นดีงั้นแหละ” ซูยองหยอกล้อกับเกาเร็น
“รู้ไหมเธอเป็นคนที่ชั้นไม่อยากเจอมากที่สุดเลย เจอเธอทีไรมีแต่เรื่องทุกที” เกาเร็นพูดพร้อมยิ้มออกมา
“แต่วันนี้นายแร็ปได้ดีมากนะ” อยู่ดีๆซูยองก็พูดชมเขา
“ระ รู้อยู่แล้วล่ะน่า อยุ่ดีๆชมกันแบบนี้ทำตัวไม่ถูกเลย” เกาเร็นตอบแบบเขินๆ
พวกเขานั่งรอกันอยู่ซักพัก รถสายที่จะกลับไปที่หอพักของเกาเร็นยังไม่มา เช่นเดียวกับรถที่จะไปบ้านของซูยอง ถนนรวมถึงสถานที่ต่างๆในเกาหลีถูกประดับด้วยของตกแต่งในตรีมวัน คริสมาสต์ มันดูสวยงามและให้ความรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก พวกเขานั่งรอกันซักพักจนกระทั่ง
“ดูนั่นสิ”
ซูยองเรียกให้เกาเร็นดูในขณะที่เขากำลังก้มหน้าและฟังเพลงในโทรศัพท์ของเขา หลงเกาเร็นถอดหูฟังและเงยหน้าขึ้นมา ภาพที่เขาเห็นคือหิมะสีขาวๆ ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าราวกับปุยนุ่น เกาเร็นรู้สึกเหมือนเวลากำลังถูกหยุด และมีเพียงแค่ตัวเขากับหิมะที่ร่วงลงมาเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหวได้ มันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายคิดย้อนไปถึงสิ่งต่างๆที่ได้เกิดขึ้นในปีนี้ เรื่องราวมากมายเหล่านั้นช่างมีคุณค่ามากซะเหลือเกิน และเมื่อหิมะตกลงมาแบบนี้ นั่นแปลว่าในปีนี้ ไวท์คริสมาสต์ ได้กลับมาอีกครั้ง
“ ไวท์ คริสมาสต์ซินะ สวยจังเลย “ ซูยองพูดขึ้น
“แต่แบบนี้มันหนาวไม่ใช่รึไง ไม่เห็นจะชอบเลย” เกาเร็นดูไม่ค่อยชอบอากาศหนาวเท่าไร
“หรอ แต่ชั้นชอบนะ......” ซูยองพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ชอบหิมะน่ะนะ ทำเป็นเด็กๆไปได้”
"เปล่าหรอก"
“ที่ชั้นชอบน่ะ...”
"ไม่ใช่หิมะ.."
".....แต่เป็นนายต่างหาก....."
------------------------
ตอนต่อไป (ตอนจบ)
-มาเดบิ้วกันเถอะ!!
-------------------
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Jan 16, 2018 16:53:53 GMT
25/12/2017
00.10 น. ป้ายรถโดยสารแห่งหนึ่ง
“เธอชอบชั้นหรอ?” หนุ่มชาวจีนถามเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเขา
“อืม” ซูยองสบตาเขาและตอบอย่างไม่มีการลังเล
“ตั้งแต่ที่นายช่วยชั้นวันนั้น นั่นมันทำให้ชั้นประทับใจมากจริงๆ” เธอบอกเหตุผลของเธอ
พวกเขาทั้งสองคนคุยกันเงียบๆแค่2คนที่ป้ายรถแห่งหนึ่ง ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย ในค่ำคืนของวันคริสมาสต์แบบนี้ เป็นเวลาที่แสนโรแมนติก ถ้าหากจะสารภาพรักใครซักคน ซูยอง ไม่ได้คิดจะบอกเกาเร็นมาก่อน แต่ทว่าบรรยากาศแบบนั้น กับการได้อยู่กับคนที่เธอชอบแบบนี้ มันทำให้เธอตัดสินใจบอกเขาออกไปจนได้ แม้ว่านั่นจะผิดกฎก็ตาม
“เธอกล้ามากนะซูยอง”
“แต่ชั้นคงคบกับไม่เธอไม่ได้หรอกนะ…”
“………”
“อืม....”
“จริงๆ ชั้นก็รู้คำตอบนั้นอยู่แล้วล่ะ”
“แต่ถ้าชั้นไม่บอกนายตอนนี้ ก็อาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
“เพราะนายกำลังจะกลายเป็นไอดอล ส่วนชั้นก็แค่เด็กฝึกหัดธรรมดาๆ”
“เพราะระยะห่างของเรามันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ชั้นก็เลย.....”
“บ้าเนอะ”
ซูยองพูดในขณะที่น้ำตาของเธอเริ่มจะไหลออกมา เธอพยายามเงยหน้าขึ้น และทำหัวเราะกลบเกลื่อน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้น้ำตาของเธอหยุดไหลเลย แม้ว่าเธอจะรู้คำตอบนั้นอยู่แล้ว แต่เธอยังพูดมันออกไปจากใจจริงของเธอ อย่างน้อยเรื่องที่เธอชอบหลงเกาเร็น คนแรกที่รู้มันก็คือตัวของหลงเกาเร็นเอง อย่างน้อยเธอก็ได้บอกความรู้สึกของเธอกับคนที่เธอชอบเป็นคนแรก
“อ๊ะ รถนายมาแล้วนี่ ไปเถอะ” ซูยองยิ้มแล้วบอกให้เกาเร็นไป
“อืม... “
เกาเร็นพูดก่อนที่เขาจะเดินขึ้นรถไป รถบัสค่อยๆเดินทางออกจากป้ายไปสู่ที่หมายของมัน ซูยองได้เรียนรู้สิ่งที่เรียกว่าความรักเป็นครั้งในชีวิตของเธอ มันเป็นสิ่งที่สวยงามแหละมีคุณค่า แม้ว่ามันจะทำให้เธอเสียใจมากก็ตาม หลงเกาเร็น ที่อยู่บนรถประจำทาง เห็นซูยองนั่งอย่างโดดเดี่ยวอยู่ที่ป้ายรถนั่น และร่างของเธอก็ค่อยๆเล็กลงตามระยะทางที่รถคนนี้แล่นออกไป เกาเร็นได้แต่นั่งคิดเรื่องของซูยองไปตลอดทั้งทาง เขาตอบปฏิเสธเธอไปเพราะสิ่งที่เรียกว่า กฎเกณฑ์และสถานะของเขาที่กำลังจะเป็นไอดอล เพื่อตัวของซูยองเองและเพื่อทีมของเด็กฝึกชายที่กำลังจะได้เดบิ้วนั้น อะไรก็ตามที่มันทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม เป็นสิ่งที่เขาควรจะหลีกเลี่ยง เขาไม่ควรทำอะไรที่ ”ผิดกฎ” แต่ถ้าในวันนี้พวกเขาทั้ง2ไม่ใช่เด็กฝึกหัดหรือว่าไม่ใช่ไอดอล ถ้าหากพวกเขาเป็นเพียงแค่วัยรุ่นธรรมดาๆ คำตอบของเกาเร็นจะยังเป็น “ปฏิเสธ” รึเปล่านะ?
“เจอกันทีไรต้องมีปัญหาทุกที่สินะ”
“ยัยบ้าเอ้ย”
------------------------
The Trainee
ตอนที่ 16 : จุดเริ่มต้น
---------------------------------------------
3/2/2018
7.00 น. หอพัก
หลังจากที่หยุดยาวช่วงปีใหม่ผ่านพ้นไป เหล่าเด็กฝึกหัดที่ได้พักผ่อนเต็มที่ก็กลับมาเตรียมฝึกซ้อมกันอีกครั้ง โดยเฉพาะเด็กฝึกชายที่ หลังจากไปชาร์ทแบตกันมาเต็มที่ ก็ถึงเวลาต้องกลับมาต่อสู้แล้ว ปีนี้ตลอดทั้งปีจะเป็นปีที่พวกเขาจะไม่มีวันลืม เพราะพวกเขาจะได้เดบิ้วในปีนี้แล้ว เหล่าเด็กฝึกชายต่างปล่อยเนื้อปล่อยตัวและกลับมาที่บริษัทในสภาพที่ดูเซอร์มากๆ พวกเขานัดเจอกันที่หน้าหอพักในตอนเช้า ก่อนที่จะเดินทางไปที่บริษัทด้วยกัน
“ฮยองซานนายไปทำอะไรกับหัวมา”
ซอนอินรู้สึกแปลกใจมาก เพราะว่าผมของฮยองซานยาวจนไม่สามารถทำจัดทรงเป็นหน้าม้าหรือว่าเสยขึ้นได้ ฮยองซานเลยต้องไว้ผมทรง “แสกกลาง” ซึ่งมีน้อยคนมากที่จะไว้ทรงนี้แล้ว “รอด” แม้ว่าฮยองซานจะไม่ใช่คนหล่ออะไร แต่ผมทรงนั้นกลับเข้ากับใบหน้าเขาแบบประหลาดๆ
“เมื่อไรสมชายจะมานะ” เกาเร็นถามถึงเพื่อนคนสุดท้ายที่ยังมาไม่ถึง
“โอ๊ะ นั่นไง!” แทกึนเหลือบไปเห็นสมชายที่กำลังเดินมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง
สมชายคงจะเป็นคนเดียว ที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยซักอย่าง แม้ว่าเขาจะกลับบ้านก่อนใครตอนได้หยุดยาว แต่เขาก็กลับมาด้วยสภาพเดิมแทบทุกอย่าง และเมื่อพวกเขามากันครบแล้ว พวกเขาก็เดินขึ้นหอพักเพื่อเอาของไปเก็บก่อนที่จะไปที่บริษัท ก่อนหน้านี้เกาเร็นกับซอนอินได้ทำเพลงโปรโมทร่วมกับทีมงานคนอื่นๆจนเสร็จ และพวกเขาก็เริ่มซ้อมเต้นท่าที่เทรนเนอร์จองซูอาและพักยูจิน 2เทรนเนอร์สอนเต้น ที่เป็นคนออกแบบท่าเต้นสำหรับเพลงนี้ มันเป็นเพลงป๊อบที่มีกลิ่นอายแบบฟังกี้ที่มีจังหวะที่น่าโยกตาม ท่อนฮุคให้ความรู้สึกน่าลุกขึ้นมาเต้น ทำให้เหมาะกับการใช้โชว์การเต้น โดยรวมมันเป็นเพลงที่สนุกสนาน พวกเขาจะเริ่มเข้าบันทึกเสียงเพลงนี้รวมถึงเพลงอื่นๆในอัลบั้มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเขาเก็บสัมภาระเข้าที่ และเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดซ้อม พวกเขาเดินออกจากหอพักมาพร้อมกับใส่เสื้อกันหนาวไว้ข้างนอก พวกเขาตรงไปที่บริษัทในทันที
“จะว่าไปไม่เห็นเด็กฝึกหญิงเลยแหะ” ซอนอินพูดระหว่างเดินทาง
“เดี๋ยวก็คงมาแหละ หยุดยาวๆแบบนั้นก็ต้องมีสายกันบ้างสิ” แทกึนพูดกับซอนอิน
“อืม... ถ้ามาก็ดีน่ะสิ” เกาเร็นพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นกังวล
ก่อนหน้านี้ซูยองเคยกังวลว่าเกาเร็นจะไม่กลับมาซ้อมอีกเพราะอาการบาดเจ็บทางร่ายกายที่เขาได้รับเพราะช่วยเธอ แต่คราวนี้เป็นฝ่ายเกาเร็นที่กังวลว่าซูยองอาจจะไม่กลับมาซ้อมอีกเพราะการที่ถูกเกาเร็นปฏิเสธ อาจจะทำให้เธอไม่กล้าสู้หน้าเขาอีก แต่ลึกๆเกาเร็นก็เชื่อว่าคนที่มีความสามารถและจริงจังในเส้นทางนี้อย่างซูยองคงไม่ล้มเลิกความฝันเพราะเรื่องแบบนั้น พวกเขาเดินไปที่บริษัทตามเคย แต่ในอนาคต พวกเขาคงไม่สามารถ เดินอย่างสบายใจแบบนี้ได้อีก เพราะการเป็นคนดังนั่นหมายความว่า คุณต้องปฏิบัติตัวให้เหมาะสมกับชื่อเสียงที่คุณมีตลอดเวลา และเวลาในฐานะเด็กฝึกหัดของพวกเขาก็เหลือไม่มากแล้ว
---------------------
11.00 น. สตูดิโอบันทึกเสียง
“เอาล่ะ ร้องตามที่คิริฮาระไกด์ให้นั่นแหละนะ”
ยุนบยองมันผู้เป็นโปรดิวเซอร์พูดกับพวกเขา ในด้านของการร้อง ยุนบยองมันให้คิริฮาระ เทรนเนอร์สองร้องเพลงของพวกเขาเป็นคนร้องไกด์ให้ เนื่องจากคิริฮาระมีความกว้างของช่วงเสียงมาก และเขาสามารถร้องได้คลอบคลุมทั้งต่ำและสูง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คิริฮาระเป็นนักร้องไกด์ชั้นเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาทั้ง6คนนั่งตัวเบียดกันในสตูดิโอที่ไม่ได้มีขนาดกว้างเท่าไรนัก เบื้องหน้าของเขาคือห้องสำหรับอัดเสียงร้องที่พวกเขาสามารถมองเข้าไปในห้องได้อย่างง่ายดายผ่านหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่เบื้องหน้า ภายในนั้นนอกจากเด็กฝึกชายทั้ง6แล้ว ก็ยังมียุนบยองมันโปรดิวเซอร์และทีมงานของเขา รวมไปถึงคิริฮาระที่เป็นทั้งนักร้องไกด์และผู้กำกับร้อง
“เอาล่ะ ท่อนแรก”
“สมชายเข้าไปได้”
ยุนบยองมันเรียกให้สมชายเข้าไปในห้องอัดเป็นคนแรก ในเพลงนี้สมชายได้รับตำแหน่งร้องนำเคียงข้างกับแทฮยอง โดยแทกึนที่เคยเป็นร้องนำ ได้เป็นตำแหน่งร้องหลักคู่กับฮยองซาน เพราะเพลงนี้มีตำแหน่งร้องหลัก2คน สมชายลุกขึ้นและเปิดประตูห้องอัดเสียงเข้าไปอยู่ในภายในนั้น เขามองเห็นเพื่อนๆผ่านทางหน้าต่างกระจกเบื้องหน้า รอบตัวเขาไม่มีอะไรเลยนอกจาก อุปกรณ์บันทึกเสียงอย่างไมค์กับหูฟัง สมชายสวมหูฟังเพื่อฟังเสียงดนตรีและเสียงของตัวเอง เขาให้สัญญานแก่ทีมงานข้างนอก ก่อนที่จะเริ่มการบันทึกกัน
“ใส่อารมณ์เข้าไปมากกว่านี้หน่อยนะสมชาย”
“ออกเสียงให้ชัดๆสิ”
สมชายอัดไปหลายรอบกว่าจะได้แบบที่โปรดิวเซอร์และผู้กำกับร้องอย่างคิริฮาระต้องการ สมชายมีเสียงต่ำเป็นเอกลักษณ์การได้เขาร้องเป็นคนแรกของเพลงน่าจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้เพลงได้มากทีเดียว สมชายอัดส่วนของเขาเสร็จ ก่อนจะเดินออกมาแล้วได้รับเสียงปรบมือจากเพื่อนๆที่นั่งรออยู่
“เทรนเนอร์คิริฮาระร้องสูงชะมัดเลย” สมชายบ่นออกมา
“ฮะฮ่า ใครๆก็พูดแบบนั้นเวลาชั้นร้องไกด์ให้ ทำไมกันนะ” คิริฮาระดูพอใจ
หลังจากที่สมชายอัดเสร็จ ก็เป็นทีของคนอื่นๆบ้าง พวกเขาผลัดกันเข้าไปอัดเสียงกันทีละคนๆสำหรับท่อนเดี่ยวของพวกเขา โดยในท่อนรวมหรือท่อนประสานจะถูกอัดหลังจากนี้ แทกึนกับฮยองซานทำได้ตามมาตฐานของพวกเขา ซึ่งไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ที่น่าเซอร์ไพร์คือแทฮยอง ที่เสียงของเขาดีขึ้นกว่าตอนแรกๆมาก แม้ว่ามันจะไม่มีความเป็นเอกลักษณ์เหมือนอีก3คน แต่มันก็เป็นเสียงที่ดีและน่าฟัง พวกเขาอัดกันเป็นเวลานานจนเสียงเริ่มจะหมด โชคดีที่พาร์ทร้องเดี่ยวของพวกเขาหมดแล้ว ในท่อนที่ร้องรวมจะถูกอัดในวันพรุ่งนี้ เพื่อถนอมเสียงของเขาไม่ให้ถูกใช้งานหนักเกินไปในวันนี้ พวกเขาเดินออกจากห้องสตูดิโอ เพื่อไปทำอย่างอื่นต่อ
-------------------
4/1/2018
10.00 น. ห้องซ้อมที่ 1
“ดีมากสมชาย” เทรนเนอร์สอนเต้นชายพักยูจินพูดชมสมชาย
“ขอบคุณครับ” สมชายพูดขอบคุณเทรนเนอร์ของเขา
ในเพลงนี้ท่าเต้นแม้จะไม่ได้ยากอะไร แต่มันก็เป็นเพลงใหม่ ไม่สิ มันเป็นเพลงของพวกเขาเอง เพราะฉะนั้นมันเลยไม่มีตัวอย่างที่ไหนให้ดู ตอนงานโชว์เคส ซอนอินเป็นคนคิดท่าขึ้นเอง เขาจึงจำทุกอย่างได้ แต่พอเป็นท่าที่ถูกคนอื่นคิดให้ แม้ว่าจะเต้นเก่งแบบซอนอินก็ยังต้องใช้เวลาจำ พวกเขาซ้อมเต้นกันอย่างหนัก เพราะว่านี่คือเพลงเดบิ้วของเขา พูดง่ายๆก็คือ ถ้าหากพวกเขาเปิดตัวได้ดี อะไรๆมันก็ง่ายขึ้น และพวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“เกาเร็น ถึงแม้ว่านายจะไม่ได้อยู่ข้างหน้าแต่ก็ต้องแสดงสีหน้าที่สนุกกับเพลงไปด้วยนะ” พักยูจินแนะนำเกาเร็น
“ครับ ขอบคุณที่แนะนำครับ”
“ส่วนฮยองซาน ทำได้ดีแล้ว เต้นเก่งกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะ”เขาชมฮยองซาน
“ว้าว ฮยองซานของเราเต้นเก่งแล้วหรอเนี่ย” ซอนอินหยอกล้อเพื่อนของเขา
“ระวังไว้เถอะซอนอิน เดี๋ยววันนึงชั้นจะเต้นให้เก่งกว่านายอีก” ฮยองซานท้าทาย
“คงเป็นวันที่ชั้นแก่จนเต้นไม่ไหวล่ะนะ” ซอนอินทับถมฮยองซาน
“อย่าพึ่งตีกันสิ ตั้งใจซ้อมกันหน่อย” ลีดเดอร์แทฮยองดูจริงจัง
“ดีมากแทฮยอง เอาล่ะมาซ้อมท่อนเต้นของแทกึนกัน” เทรนเนอร์พักยูจินบอกการซ้อมลำดับต่อไป
ในเพลงนี้ก่อนที่เพลงจะจบ จะมีท่อนที่แทกึนออกมาโชว์เต้นอยู่ตรงกลางอยู่ด้วย มันเป็นท่อนแยกที่เอาไว้โชว์เต้นประจำเพลง แทกึนก็ยังทำได้ดีเหมือนเคย ไลน์เต้นของแทกึนถือว่าสวยงามและแข็งแรง เขานับจังหวะได้อย่างแม่นยำ ทุกๆการขยับตัวของเขามีความหมาย และเพราะความพยายามของเขา ทำให้แทกึนได้รับพิจารณาให้รับผิดชอบ ท่อนโชว์เต้นนี้ในเพลงเดบิ้วของพวกเขา พวกเขาซ้อมท่อนนั้นไปซักพักก่อนที่เทรนเนอร์พักยูจินจะให้พัก15นาที เด็กฝึกหัดคนอื่นๆไปเข้าห้องน้ำและทำธุระส่วนตัว มีเพียงแทกึนกับแทฮยองที่นั่งพักอยู่ภายในห้องซ้อมเต้นแห่งนี้
“เพลงนี้เห็นนายชัดเลยนะแทกึน” แทฮยองพูดกับเพื่อนของเขาหลังซ้อมครั้งแรกเสร็จ
“อืม ชั้นดีใจก็จริงแต่ก็กังวัลมากเหมือนกัน” แทกึนแสดงออกถึงความจริงจังในการแสดงของเขา
“ถ้านายยังตั้งใจมากๆแบบนี้ เธอคนนั้นต้องเห็นนายแน่” แทฮยองพูดถึงความลับของแทกึน
“ชั้นก็หวังว่าแบบนั้นเหมือนกัน...”
“แต่เธอจะจำชั้นได้มั้ยนะ แทฮยอง?” แทกึนพูดและถามแทฮยอง
“ถ้าเธอจำไม่ได้ นายก็ทำให้เธอจำได้ซะสิ”
“มาเดบิ้วให้ดังระเบิดกันไปเลย”
แทฮยองพูดพร้อมลุกขึ้นและยื่นมือมาให้แทกึน แทกึนจับมือของแทฮยองและดึงมันขึ้นหาตัวเพื่อยืนขึ้น ทั้ง2คนยังคงฝึกเต้น แม้ว่าจะเป็นเวลาพัก เพราะว่ามันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกเขาไม่อยากเสียเวลาไปซักวินาทีเดียว พวกเขาต้องพร้อมที่สุดในทุกๆด้าน ร้องเต้น รวมไปถึง ภาพลักษณ์
------------------
5/1/2018
10.00 น. ร้านทำผม
“สุดยอดเลย ชั้นโชคดีชะมัด แค่ตัดผมเอง” ซอนอินดูดีใจระหว่างที่มองไปที่เพื่อนๆของเขา
“ให้ตายสิ ชั้นแสบหัวชะมัด” แทกึนพูดพร้อมแสดงความเจ็บปวดขึ้นมา
“นายพึ่งเคยทำครั้งแรกสินะ ตอนนั้นชั้นก็เป็นแบบนายนี่แหละ” เกาเร็นพูดกับแทกึนที่ดูทรมาณมาก
“ของชั้น ถ้าได้แบบที่ต้องการก็คงดีนะ” แทฮยองพูดกับเพื่อนๆของเขา
“บอกตรงๆนะ สีน้ำเงินที่นายจะทำน่ะ ถ้าเป็นชั้นทำล่ะก็พังพินาศแน่ๆ” ซอนอินพูดกับแทฮยอง
“ทำไมชั้นถึงไม่ได้สีง่ายๆแบบสีน้ำตาลของสมชายนะ” วันนี้แทกึนบ่นเป็นหมีกินผึ้งเลย
ทีมงานพาพวกเขามาที่ร้านทำผม เนื่องจากในวันนี้คิมจีฮุนได้เรียกพวกเขาเข้าไปพบ โดยก่อนหน้านี้คิมจีฮุนได้ปรึกษากับสไตลิสที่จ้างมาเพื่อดูแลเรื่องเครื่องแต่งกายรวมถึงภาพลักษณ์ของพวกเขาทุกคน คิมจีฮุนต้องการให้พวกเขาดูเป็นไอดอลมากกว่านี้ ก่อนที่จะเริ่มถ่ายโปสเตอร์โปรโมทกัน โดยหลักๆก็คือ ซอนอินที่เป็นเซ็นเตอร์ไม่จำเป็นต้องโดดเด่นอะไรมาก เพราะเขาเป็นเซ็นเตอร์อยู่แล้ว โดยคิมจีฮุนอยากให้ซอนอินดูน่ารักและไม่เป็นพิษเป็นภัย จึงให้ซอนอินตัดผมทรงหน้าม้าทั่วไป จะได้เจาะกลุ่มแฟนคลับที่ชอบผู้ชายใสๆ ส่วนแทกึนที่มีแรงดึงดูดน้อยสุด ก็ต้องทำผมสีเจ็บที่สุดอย่าง “สีส้ม” และนั่นทำให้หนังหัวของแทกึนกำลังปวดแสบปวดร้อนจากการฝอกสีอย่างที่เห็น
ในส่วนของสมชายเขาได้ทำสีน้ำตาลเข้ม ที่เป็นแบบนั้นก็แค่จะได้ไม่ซ้ำกับซอนอินแค่นั้นเอง สมชายมีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว แทบไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลย ในส่วนของหลงเกาเร็น ได้ทำสีเดิมกับที่ทำมาตอนแรกคือ สีทองสว่าง คิมจีฮุนคิดว่า ภาพลักษณ์ของแร็ปเปอร์ในผมสีแบบนี้ก็น่าจะให้อารมณ์ผู้ชายแบดๆดี ส่วนแทฮยองได้ทำผมสีน้ำเงิน ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะแทฮยองเป็นคนดูที่ดูดีมากอยู่แล้ว การที่แทฮยองทำอะไรก็ตามมันจะดูดีและมีคนอยากทำตาม การให้แทฮยองทำสีน้ำเงินแบบนี้สามารถต่อยอดและผลักดันให้เขากลายเป็นแฟชั่นนิสต้าในอนาคตได้ และอีกคนที่.....
“แทกึน ชั้นควรอิจฉานายมั้ยนะ” ฮยองซาพูดเสียงเศร้าๆ
“ทำไมล่ะฮยองซาน” แทกึนถาม
“อย่างน้อยนายก็ แสบไปทั้งหัว..”
“ไม่ได้แสบแค่ครึ่งหัวแบบชั้น!!” ฮยองซานพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
คิมจีฮุนรู้สึกว่าผมแสกกลางที่ยาวปิดหูของฮยองซานมันดูเข้ากับใบหน้าตี๋ๆของเขาอย่างบอกไม่ถูก คิมจีฮุนเลยปิ้งไอเดียสุดบรรเจิด “ขวาสีดำ” “ซ้ายสีทอง” และนั่นทำให้ฮยองซานกลายเป็นมนุษย์ผมสองสีไปในทันที เพื่อนๆต่างหัวเราะให้กับเขา ถึงแม้มันจะดูแปลกๆแต่มันก็เข้ากับฮยองซานยังไงไม่รู้เหมือนกัน หลังจากที่พวกเขาทำผมกันเสร็จ ซอนอินที่หลับไประหว่างที่กำลังถูกตัดผมถูกปลุกขึ้นมาดูเพื่อนๆของเขา
“.........”
“วะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ซอนอินขำออกมาดังลั่น
“ขำอะไรของนายวะซอนอิน” แทกึนดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร
“ก็ดูนายกับฮยองซานสิ ฮะฮ่า” ซอนอินยังขำไม่เลิก
“ทำไม? ชั้นมันทำไมหรอฮะ?” ฮยองซานดูไม่ค่อยสบอารมณ์
“นี่แทกึน จริงๆแล้วนายเป็นมะละกอสินะ หัวนายส้มซะขนาดนั้น”
“ส่วนฮยองซาน นายเป็นทูเฟสรึไง? ชั้นต้องเรียกแบทแมนมั้ยวะ ฮะฮา” ซอนอินยังคงตลกขบขันไม่เลิก
“แล้วนายล่ะซอนอิน....” แทกึนพูดด้วยเสียงชั่วร้าย
“นายน่ะ.. “
“พึ่งจะเข้าชั้นประถมสินะ”
ซอนอินรู้สึกตกใจที่แทกึนพูดแบบนั้นกับเขา นั่นทำให้ซอนอินหันหน้ากลับไปที่กระจก แล้วเขาก็พบทันทีว่าที่ คิมจีฮุนพูดว่า “อยากให้ซอนอินดูน่ารักและไม่เป็นพิษเป็นภัย” มันหมายถึงอะไร เพราะว่าผมทรงที่เขาตัด มันเป็นทรงหน้าม้า แต่มันเป็นม้าเต่อๆ เหมือนกับที่พวกเด็กประถมโรงเรียนเอกชนชอบตัดกัน ในตอนนี้... เด็กชายซอนอิน มาแล้วจ้า
----------------
22.00 น. ร้านสะดวกซื้อ
หลังจากที่ไปอัพเกรดทรงผมกันเสร็จ พวกเขาก็กลับมาซ้อมกันจนเย็นเช่นเคย หลงเกาเร็นกลับมาที่ห้องของเขา อาบน้ำและเตรียมนอน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เกาเร็นนอนไม่หลับ แม้ว่าจะแร็ปก่อนนอนไปแล้วก็ตาม เขาเลยตัดสินใจลงไปเดินเล่นรับลมหนาวซักหน่อย ซึ่งสถานที่เดียวที่เหล่าเด็กฝึกจะไปได้ในตอนดึกแบบนี้ ก็มีแต่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆหอเท่านั้น หลงเกาเร็นหยิบเสื้อกันหนาวมาใส่และเดินออกจากห้องและหอพักเพื่อไปยังร้านสะดวกซื้อ และนั่นทำให้เขาพบกับเธออีกครั้ง เธอคือ”ซูยอง” 2-3วันมานี้ เด็กฝึกชายยุ่งมาก ไหนจะซ้อมเต้นไหน ไหนจะอัดเสียง และอะไรอีกมากมาย ทำให้พวกเขาแทบไม่เจอเด็กฝึกหญิงเลย ซูยองอยู่กับกาอินและจองฮวา พวกเธอเดินมาซื้อของด้วยกัน เมื่อเกาเร็นเห็นดังนั้น เขาจึงตั้งใจจะหันหลังกลับ เพราะเขาเองก็รู้สึกไม่กล้าสู้หน้าซูยองเช่นกันแต่ว่า
“นั่นพี่เกาเร็นนี่! พี่เกาเร็นคะ!!!”
จองฮวาตะโกนเรียกเขา ดูเหมือนนอกจากเกาเร็นกับซูยอง ไม่มีใครรู้เรื่องในวันนั้นเลยจริงๆ ซูยองบอกเรื่องนั้นกับเกาเร็นเป็นคนแรกจริงๆ และเพราะว่าโดนเรียกซะขนาดนั้นก็คงช่วยไม่ได้ เกาเร็นเลยต้องเดินไปหาพวกเธอทั้ง3คน โดยจองฮวากับกาอินยังมีท่าทีแบบปรกติกับเขา จะมีก็แต่ซูยองที่หันหลังให้เขาและยังหลบหน้ากันอยู่
“ซูยอง ดูพี่เกาเร็นสิ สีผมเขาเป็นแบบที่เราเจอเขาวันแรกเลย” กาอินเรียกให้ซูยองดู
“ไม่เป็นไรหรอกกาอิน ซูยองเคยเห็นแล้ว ไม่ต้องหันมาดูก็ได้” เกาเร็นกลัวว่าซูยองจะอึดอัด
แต่ถึงจะแบบนั้นซูยองก็ยังกลั้นใจและหันมามองหน้าเกาเร็นจนได้ ใบหน้าของซูยองทำให้เกาเร็นใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก และซูยองเองก็คงจะเป็นแบบนั้นเช่นกัน ภาพในคืนวันคริสมาตส์ถูกย้อนเข้ามาในหัวของทั้งคู่อีกครั้ง เกาเร็นปฏิเสธเธอไปทั้งที่ใจจริงของเขาก็ยังไม่แน่ใจกับมัน แต่เพื่อบริษัทและเพื่อนๆของเขา เขาในฐานะสมาชิกที่อายุมากที่สุด เขาจะทำผิดกฎไม่ได้ เกาเร็นรู้สึกร้อนใจและอึดอัดที่ซูยองเป็นแบบนั้น และเขาก็อึดอัดตัวเองเหมือนกันที่ไม่มีความแน่นอนในหัวใจ เขาพยายามบอกตัวเองให้ปฎิเสธซูยอง พยายามบอกตัวเองให้มองเธอเป็นแค่น้องสาว แต่ดูเหมือนเขาเองก็ทำแบบนั้นไม่ได้เช่นกัน ในขณะที่เขาคิดเรื่องต่างๆอยู่ ซูยองก็ค่อยๆพูดกับเขา ด้วยสายตาที่ดูเศร้าๆ
“อืม สีเดียวกับตอนนั้นจริงๆด้วย” ซูยองพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ฝืนยิ้ม
“……”
“กาอิน จองฮวา ชั้นมีเรื่องจะคุยกับซูยองนิดหน่อย”
“พวกเธอกลับไปก่อนได้มั้ย?” เกาเร็นพูด
“งั้นหรอ...”
“ฝากซูยองด้วยนะ“
จองฮวาพูดก่อนจะลากกาอินที่ยังงงๆไปด้วย ดูเหมือนจองฮวาพอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ เนื่องจากเธอเคยแสดงทั้งMVและละครเวทีมา เธอรู้ว่าท่าทางแบบนั้นของทั้งคู่มันน่าจะหมายถึงอะไร ในขณะที่กาอินก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย เอาแต่ถามจองฮวาว่ามีเรื่องอะไรไปตลอดทาง เมื่อจองฮวาและกาอินจากไป ก็เหลือเพียงแค่ซูยองกับเกาเร็น ที่ยืนประชันหน้ากันในร้านสะดวกซื้อ เกาเร็นบอกให้ซูยองออกไปคุยกับเขาข้างนอกร้าน การที่เกาเร็นทำแบบนั้นกับเธอ ทำให้ซูยองรู้สึกหวั่นไหวอย่างมาก ซูยองพยายามใช้ช่วงเวลาหยุดยาวในการทำใจ ในตอนนี้เธอก็พอจะดีขึ้นบ้างแล้ว แต่พอเกาเร็นทำแบบนั้น กลายเป็นว่าการที่เธอพยายามทำใจมาตลอดช่วงหยุดยาวนั้น มันไร้ค่าไปหมดเลย เธอหวั่นไหวให้กับเกาเร็นอีกครั้ง
“นายต้องการอะไรหรอ?” ซูยองถามเกาเร็น
“นายปฏิเสธชั้นไปแล้ว ทำไมต้องทำแบบนี้?” ซูยองพูดด้วยเสียงสั่นๆและเริ่มจะมีน้ำตา
“........”
“ชั้นจะทำกำไรให้บริษัทมากๆ พวกเขาจะได้เดบิ้วเธอเร็วๆ” เกาเร็นพูด
“อะไรกัน.....”
“ถ้านายจะพูดแค่นี้ไม่เห็นต้องบอกให้กาอิน จองฮวาไปเลย”
“นายทำแบบนี้กับชั้นทำไม?”
“นายไม่ควรทำให้ชั้นหวั่นไหวสิ”
“ชั้นอุตส่าห์พยายามทำใจ"
"แต่นายก็ทำมันพังจนหมด” ซูยองร้องไห้ออกมาและเอามือปาดน้ำตาของเธอ
“ชั้นก็ชอบเธอ”
“…….”
“ชั้นชอบเธอซูยอง แต่เราคบกันไม่ได้”
“ในอนาคตอันใกล้นี้ ชั้นจะกลายเป็นไอดอล”
“แต่เธอยังเป็นเด็กฝึกหัดเหมือนเดิม และถ้าเราคบกัน เธอจะแย่กว่าชั้นมากถ้าถูกจับได้”
“เพราะไอดอลน่ะ ถึงจะมีแฟนแต่ยังไงก็ได้เดบิ้วไปแล้ว”
“แต่เด็กฝึกหัดน่ะ ถ้ามีแฟนอาจจะมีปัญหากับค่าย เธออาจโดนลงโทษและมีโอกาสที่จะไม่ได้รับการเดบิ้ว”
“ชั้นไม่อยากให้เธอมีปัญหาแบบนั้น”
สิ่งที่เกาเร็นพูดทำให้ซูยองอึ้ง เพราะเธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้จะเอายังไงกับเธอกันแน่ ตกลงเขาชอบหรือไม่ชอบเธอ แล้วเรื่องไอดอลเด็กฝึกหัดอะไรนั่น ทำให้เธอสับสนไปหมด ซูยองไม่รู้ว่าเธอควรจะรู้สึกยังไงกับสิ่งที่เกาเร็นพูดกับเธอ
“นายจะให้ชั้นทำยังไง?”
“นายต้องการอะไรจากชั้น? ” ซูยองพูดทั้งน้ำตาด้วยเสียงสั่นๆ
“……” เกาเร็นไม่พูดอะไรเขาเอามือทั้ง2ข้างไปจับที่ไล่ซูยองและเข้าไปพูดใกล้ๆเธอ
“เธอต้องเดบิ้วให้ได้...”
“....เธอต้องเป็นไอดอลเหมือนกับชั้นให้ได้”
“และถ้าวันนั้นมาถึง เธอก็แค่อยู่เฉยๆ…..”
“.....เพราะชั้นจะเป็นคนไปสารภาพรักกับเธอเอง…..”
“ชั้นจะรอเธอนะ”
“ซูยอง”
--------------------------
1เดือนผ่านไป
10/2/2018
7.00 น. หอพัก
“วันนี้พวกผู้ชายได้เดบิ้วแล้วสินะ”
กาอินที่ตื่นแต่เช้าพร้อมๆกับเพื่อนๆของเธอ เธอพูดถึงเด็กฝึกชายหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ วันนี้พวกผู้ชายจะได้เดบิ้วแล้ว พวกเขาถ่ายโปสเตอร์ ถ่ายภาพปกอัลบั้ม ถ่ายMV รวมถึงปล่อยทีเซอร์MVเพลงโปรโมทออกมาผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คแล้ว และเพราะว่ามีแทฮยองอยู่ในนั้น ทำให้ฐานแฟนคลับเดิมของแทฮยอง ออกมาซัพพอร์ตและตั้งตารอคอยพวกเขาเดบิ้วอย่างเต็มที่ แฟนคลับวงWeek ของเกาเร็นจากประเทศจีนก็ตามเชียร์เกาเร็นอยู่ห่างๆ โดยในทีเซอร์โปรโมทนั้น เป็นวิดิโอที่ถ่ายสมาชิกแต่ละคนไว้ 1คนก็1ตัว แปลว่าเพลงนี้ มีทีเซอร์ที่ถูกปล่อยออกมาแล้วถึง6ตัวด้วยกัน
โดยยอดวิวสูงสุดก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก แทฮยอง ที่แม้จะห่างกายจากวงการบันเทิงไปหลายเดือน แต่แฟนๆก็ยังรอต้อนรับเขาอยู่เช่นเคย โดยเมื่อวานนี้ได้มีการจัดงานโชว์เคสขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันถูกใช้เพื่อโปรโมทเพลงเดบิ้วของพวกเขา โดยเด็กฝึกหญิงไม่ได้มีส่วนร่วมในงานนั้น พวกเด็กฝึกชายยังคงแสดงได้ดี และแน่นอนว่า พวกเขาเหมาะสมแล้วกับการได้เดบิ้ว และในวันนี้เด็กฝึกชายจะได้ปล่อยเพลงออกมาอย่างเป็นทางการและได้ร่วมทำการแสดงในรายการเพลงเป็นครั้งแรก
“วันนี้เมื่อปีที่แล้ว พวกเราทุกคนมาออดิชั่นกันสินะ” จองฮวาย้อนความหลัง
“ใช่เลย ที่ซูยองหลงทาง แล้วก็ได้เกาเร็นช่วยพากลับมาไง” กาอินยังจำได้ดี
“ไม่น่าเชื่อเลยว่า ว่าทั้งซูยองและเกาเร็นจะผ่านการออดิชั่นด้วยกันทั้งคู่”
“นั่นสินะ เวลา1ปีนี่ บางทีมันก็ดูสั้นมากเลย” จองฮวารู้สึกทึ่ง
“อยากเดบิ้วบ้างจัง” จองฮวารู้สึกอยากเดบิ้ว
“แต่จริงๆ เธอก็ถือว่าเดบิ้วแล้วครึ่งนึงนะจองฮวา” กาอินพูดกับจองฮวา
ถ้าหากยังจำกันได้ กระแสของแทฮยองจากMVของคิมจีฮุนนั้น ไม่ได้มีเพียงแทฮยองที่โด่งดังและมีชื่อเสียง จองฮวาเองก็โด่งดังมากเช่นกัน เธอมีงานถ่ายMV โฆษนา และ นิตยสารแฟชั่นมากมาย แถมยังได้ร่วมแสดงรับเชิญในซีรี่ย์หลายๆเรื่องอีกด้วย ในตอนที่แทฮยองหยุดรับงาน จองฮวาก็ยังคงรับงานต่อไป เอาจริงๆถ้าไม่นับคิมจีฮุน จองฮวาคือศิลปินที่ทำรายได้ให้บริษัทมากที่สุดในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้
“แต่ยังไงชั้นก็อยากเดบิ้วกับพวกเธออยู่ดีแหละ” จองฮวาพูดกับกาอิน
“ว่าแต่ซูยองไปไหนหรอ?” กาอินถามถึงซูยอง
“ออกไปวิ่งแต่เช้าแล้วล่ะ” จองฮวาตอบ
“เอาอีกแล้วสินะ ช่วงนี้ซูยองจริงจังกับการเดบิ้วมากเลย”
“นั่นสิ ไม่รู้ไปได้แรงผลักดันมาจากไหน”
--------------
7.00 น. ถนน ยามเช้า
เด็กสาวผมสีน้ำตาลในชุดออกกำลังกายสำหรับฤดูหนาวสีชมพู กำลังวิ่งออกกำลังกายเพื่อวอร์มและเตรียมพร้อมสำหรับการซ้อมเต้นอยู่ตลอด เธอพยายามทำให้ตัวเองแข็งแรง เพราะว่ามันจะช่วยเธอทั้งในด้านร้องเพลงและการเต้น ซูยองวิ่งด้วยรอยยิ้มในทุกๆวัน เธอรู้สึกมีความสุขในการได้เฝ้ารอวันเดบิ้วของเธอ หลงเกาเร็น ผู้ชายที่เธอชอบ เขาคือเป้าหมายที่เธอจะต้องไล่ตาม เธอหยุดวิ่งและพักหายใจหน้าร้านกาแฟแห่งนึง กำแพงกระจกของร้านมีโปสเตอร์ของวงไอดอลจาก ค่ายKJH แปะอยู่ ทางบริษัทคงมาเช่าพื้นที่เพื่อโฆษนา มันเป็นรูปของชายทั้ง6คนยืนเรียงกัน พวกเขาทั้ง6คือคนที่ซูยองรู้จักดี และ1ในนั้นคือชายที่เธอชอบ
“นายกำลังรอชั้นอยู่สินะ”
“ทำให้มันดีล่ะ”
“ถ้าพวกนายทำได้ดี ชั้นก็จะได้เดบิ้วเร็วขึ้น”
“สู้ๆนะ”
เธอพูดกับตัวเองและโปสเตอร์ก่อนจะตั้งท่า และเริ่มออกวิ่งต่อไปในวันที่อากาสหนาวเย็นแบบนี้
----------------------
8.00 น. ห้องแต่งหน้ารายการเพลง
มันเป็นทั้งห้องแต่งหน้าและห้องพักสำหรับศิลปิน ภายในห้องนี้มีเก้าอี้และกระจกมากมาย เอาไว้แต่งหน้าแต่งตัวพวกเขาก่อนจะขึ้นแสดงบนเวที โดยรายการเพลงนั้นมันเป็นรายการสดที่จะออกอากาศในตอนเย็น แต่ว่าการแสดงของไอดอลและศิลปิน จะถูกอัดเทปเอาไว้ก่อน เพราะมันต้องมีการเซ็ตเวทีใหม่อยู่ตลอด ถ้าทำการแสดงแบบสดก็คงไม่สะดวกนัก วันนี้พวกเขาจะต้องถ่ายทำกันตั้งแต่ตอนเช้า และในตอนนี้พวกเขาทั้ง6คนนั่งอยู่ในห้องและกำลังแต่งหน้า โดยช่างแต่งหน้าของบริษัท KJH
“เพลงเราน่ะ ที่มันเพราะก็ต้องให้เครดิตดนตรีที่ชั้นทำ”ซอนอินพูด
“แต่ที่มันติดหูน่ะ เพราะเนื้อเพลงของชั้นต่างหาก” เกาเร็นเถียง
“นี่ทั้งคุ่พอเลย แม้ว่าสื่อมวลชนจะเขียนว่าเพลงเราดี แต่แฟนคลับอาจไม่คิดแบบนั้นก็ได้” แทฮยองรีบห้าม
แทกึนนั่งมองความวุ่นวายอยู่ห่างๆ คอนเซ็ปในวันนี้คือชุดสูทธสีดำ พวกเขาให้ชุดสูทธกันหมดทุกคน และนั่นทำให้แทกึนรู้สึกร้อนนิดหน่อย แทกึนเลยใช้โอกาสนี้ออกไปซื้อน้ำที่ตู้กดเหรียญหลังเวทีซะหน่อย เขาเดินออกมาด้วยชุดสูทะและผมสีส้มแสบจี๊ดแบบนั้น เขาหยอดเหรียญลงไปในตู้กดน้ำและกดมันออกมา ทันใดนั้นเอง
“โอ๊ะ นั่นไดม่อนคุกกี้นี่” เสียงของสตาฟคนนึงพูดขึ้น
ใช่นั่นคือไดม่อนคุกกี้ แต่ไม่ใช่วงไดม่อนคุกกี้มา แต่เป็นหนึ่งในสมาชิกต่างหาก เธอมีรูปหน้าที่ดี และเข้ากับผมทรงหน้าม้าที่ของเธออย่างมาก และดวงตาโตๆของเธอก็พร้อมที่จะมัดใจของหนุ่มๆทุกคนที่มองมัน หางตาของเธอชี้ขึ้น ทำให้ดูสดใสตลอดเวลา เธอคือคนที่แทกึนไม่ได้เจอตัวเป็นๆแบบใกล้ชิดมานานมากๆ เธอคือ คูนอาริ ลีดเดอร์ของวงไดม่อนคุกกี้ เกิลกรุ๊ปอันดับ1ของเกาหลี แห่งค่ายอันดับ1SD เธอทำหน้าที่เป็นพิธีกรในรายการนี้ โดยปรกติงานของเธอคือพูดเปิด-ปิดรายการ รวมไปถึงสัมภาษณ์ศิลปินในรายการ และนั่นจะถูกออกอากาศแบบสด ซึ่งมันจะถูกถ่ายทอดสดในตอนเย็นๆ และแทกึนไม่รู้เหตุผลว่าทำไมคูนอาริถึงได้มาแต่เช้าขนาดนี้
“สวัสดีครับ” แทกึนก้มโค้งทักทายเธอ
“สวัสดีค่ะ” เธอทักทายเขา
แทกึนพยายามโชว์หน้าให้เธอเห็นแต่ไม่รู้ว่าด้วยสีผมที่แปลกตาไปมากรึเปล่า เพราะคูนอาริก็ดูเงียบๆไม่ได้ทักทายเขาแบบที่คนเคยรู้จักกันทำ แทกึนคิดว่าเธอคงจำเขาไม่ได้แน่ๆ พวกเขามองหน้ากันและเงียบไปถึง5-10วินาที ก่อนที่แทกึนจะอับอายและพยายามหนีออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้ เขารีบเดินจากเธอไปแบบลุกลี้ลุกลน
“ใจร้ายจังเลยนะคะ” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้แทกึนหันกลับมา
“ครับ?” แทกึนไม่รู้ว่าเธอพูดถึงอะไร
“คุณจำชั้นไม่ได้จริงๆหรอ?”
“ชั้นอุตส่าห์มาแต่เช้าเพื่อดูคุณเลยนะ” คูนอาริพูดกับแทกึน
“คุณ.. จำผมได้หรอครับ” แทกึนถาม
“จำได้สิคะ ใครจะไปลืม”
“ถ้าไม่ได้คุณมายืนดูชั้นอยู่ทุกวันๆ ชั้นก็คงจะล้มเลิกความฝันนี้ไปแล้ว”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณเองก็จะได้มาเป็นไอดอลเหมือนกัน”
“หลังจากนี้มาพยายามด้วยกันนะคะ”
"ครับ ผมจะทำให้ดีที่สุดเหมือนกับคุณ"
"แล้วก็... "
"การแสดงของพวกเราน่ะ"
"ช่วยตั้งใจดูด้วยนะครับ"
---------------------------
17.00 น.ห้องซ้อมที่ 2
เด็กฝึกหญิงจับกลุ่มนั่งดูโทรทัศน์ ภายในนั้นเป็นภาพของไอดอลสาวคูนอาริ กำลังยืนอยู่ในฉากสำหรับสัมภาษณ์ เธอกำลังแนะนำศิลปินหน้าใหม่ที่พึ่งจะเดบิ้วได้ไม่นานอย่าง “แกมม่า” พวกเขาดูสดใสและน่ารัก เธอสัมภาษณ์พวกเขาถึงเรื่องต่างๆ ก่อนที่จะได้เดบิ้ว หนึ่งในนั้น เป็นชายผมสีน้ำเงินเขาหล่อมากๆ เขาพูดถึงคอนเส็ปต่างๆของเขากับคูนอาริ ก่อนที่คูนอาริจะพูดส่งเพื่อพาทุกๆคนไปดูการแสดงของพวกเขาที่อัดไว้ตั้งแต่เช้า พวกเขาทำการแสดงได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ ซูยอง กาอิน และ จองฮวานั่งดูพวกเขาอย่างประทับใจ
“พวกนั้นเก่งมากเลยนะ” กาอินพูด
“นั่นสิ เต้นพร้อมกันมากเลย” จองฮวาก็คิดเช่นเดียว
“วงนี้ไง ที่พี่แทกึนเกือบจะได้เป็นสมาชิก” ซูยองพูด
แกมม่า คือวงไอดอลชายจากค่ายSD ที่เดบิ้วมาแล้ว 3เดือน พวกเขากำลังโปรโมทเพลงใหม่ของตัวเองที่ปล่อยมาในเดือนที่ พวกเขาเดบิ้วช้ากว่ากำหนดเพราะมีคนถอนตัว และคนที่สามารถแทนได้ทันทีอย่างแทกึนก็ปฏิเสธพวกเขา ทำให้พวกเขาได้เดบิ้วในช่วงท้ายปี แทนที่จะเป็นกลางปี พวกเขาทำการแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม แฟนคลับที่ร่วมเข้าไปบันทึกส่งเสียงเชียร์ดังกึกก้อง หลังจากที่แกมม่า แสดงเสร็จ กล้องก็ตัดกลับมาที่ คูนอาริอีกครั้ง เธอยืนอยู่ที่เดิมแต่แตกต่างกันตรงกลุ่มไอดอลที่ยืนอยู่เบื้องหลังของเธอ ไม่ใช่ “แกมม่า”
“ก็จบไปแล้วนะคะ สำหรับการแสดงของ แกมม่า”
“ต่อไปนะคะ เป็นวงน้องใหม่ไฟแรง ที่พึ่งจะปล่อยเพลงเดบิ้วในช่วงตอนกลางวันนี้เองค่ะ”
“และพวกเขาก็คือ!!” เธอพูดส่งให้พวกเขาได้แนะนำตัว
“พุ่งชนด้วยพลัง! สวัสดีครับ พวกเรา เมเทโอ!!” พวกเขาพูดสโลแกนวงพร้อมๆกัน
“สวัสดีครับผมลีดเดอร์แทฮยองครับ”
“สวัสดีครับตำแหน่งร้องแทกึนครับ”
“สวัสดีครับ ผมเร้ด เป็นคนจีน ตำแหน่งแร็ป ขอบคุณครับ”
“สวัสดีครับ ผมสมชายเป็นชาวไทย ตำแหน่งร้องครับ”
“ผมฮยองซานครับ ตำแหน่งร้องและผมสองสี”
“ส่วนผมตำแหน่งเต้น แม้ตัวจะเล็ก แต่เพอเฟ็กเรื่องเต้น ซอนอินครับ!!”
“ให้ตายสิซอนอิน แบบนั้นมันน่าขายหน้านะเนี่ย”
จองฮวารู้สึกป่วยใจกับมุกตลกของซอนอิน ที่สร้างความตลกขบขันให้กับผู้ชมทุกคน พวกเขาแนะนำตัวกันอย่างแข็งขันในฐานะ “เมเทโอ” ไอดอลกรุ๊ปจาก KJH ที่ตอนนี้ได้ปล่อยเพลงไปในช่วงตอนเที่ยงของวันนี้ โดยเพลงของพวกเขาสามารถไต่อันดับมาได้ถึงอันดับที่9ในชาร์ทเพลงแบบเรียลไทม์ ถือว่าเป็นม้ามืดมากๆ ส่วนนึงก็เพราะกระแสของแทฮยอง ที่ทำให้วงนี้มีผู้คนสนใจ และด้วยคุณภาพของเพลงที่ออกมาดี ทำให้เกิดกระแสปากต่อปากและพามันมาสู่อันดับที่9ได้ในที่สุด
“ทำไมถึงชื่อวงว่า เมเทโอล่ะคะ?” คูนอาริยื่นไมค์มาให้แทฮยอง
“พวกเรามีความแข็งแกร่งและพร้อมพุ่งชนทุกๆอย่างบนฟากฟ้า เหมือนกับอุกกาบาต”
“แต่ว่า พวกเราก็มีความสง่างามเมื่อมองจากพื้นดิน เหมือนกับดาวตกครับ” ลีดเดอร์แทฮยองตอบอย่างมั่นใจ
“ว้าว คอนเส็ปน่าสนใจมากค่ะ”
“ว่าแต่มีการบูมเรียกกำลังใจประจำกลุ่มมั้ยคะ?” คูนอาริถาม
“จริงๆมันก็มีนะครับ แต่เราไม่ได้เป็นคนคิดหรอกนะ” เกาเร็นเอาไมค์มาพูด
“ถ้างั้นทำให้ดูหน่อยได้มั้ยคะ?” คูนอาริถาม
“พร้อมนะพวกเรา” เกาเร็นพูด ก่อนที่จะยืนกำปั้นออกมาชนกับสมาชิกคนอื่นๆที่ยื่นออกมาเช่นกัน
“เอานะ” แทฮยองให้สัญญาน
“สู้! สู้! สู้!“
“สู้! สู้! สู้!“
“สู้! สู้! สู้!” พวกเขาพูดคำว่าสู้ออกมาพร้อมๆกัน9ครั้ง
“สุดยอดมากค่ะ! ถ้างั้นอย่ารอช้าอยู่เลย เชิญพบกับพวกเขาได้เลยค่ะ!! เมเทโอ!!!”
หลังจากที่ไอดอลสาว คูนอาริ พูด ภาพตัดกลับมาที่การแสดงของพวกเขา เสียงดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น ซอนอินที่อยู่หน้าสุดขยับตัวอย่างรวดเร็วบ่งบอกถึงฝีมือในการเต้นของเขา ฮยองซานเดินออกมาข้างหน้าเพื่อร้องเกริ่นเข้าเพลง ก่อนที่ดนตรีจะเข้าสู่ท่อนแรกที่แท้จริง ซึ่งถูกร้องโดยสมชาย เขามีใบหน้าเป็นเอกลักษณ์และเสียงร้องที่ไม่มีใครเหมือน เขาดูน่ารักและใสซื่อ ทำให้แฟนๆตกหลุมรักเขาอย่างรวดเร็ว พวกเขาร้องและเต้นกันอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาเต้นและขยับตำแหน่งกันหลังจากสมชายร้องเสร็จ และการขยับตำแหน่งนั่นได้พา แทฮยองมาอยู่ตรงกลาง ซึ่งเขาเป็นผู้ที่ต้องร้องในท่อนต่อไปพอดี แค่เขาเดินออกมาร้อง ก็สามารถเรียกเสียงกรี๊ดได้อย่างท่วมท้น แทฮยองรับผิดชอบหน้าที่ตัวเองได้ดีไม่มีบกพร่องทั้งในด้านของการเต้นและการร้อง แทฮยองเต้นในพาร์ทของตัวเองร่วมกับคนอื่นๆ ก่อนที่ท่อนจะต่อจะเป็นเกาเร็นออกมาพ่นแร็ปเท่ๆของเขา
“วู้ วู้วววววววววววว!!!!” ซูยองเชียร์เกาเร็นเต็มที่
เกาเร็นเร็ปท่อนข้างเขาเสร็จอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน และตามด้วยแร็ปของซอนอิน ที่ถึงแม้จะไม่ได้ดีเท่าแร็ปของเกาเร็น แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้สำหรับคนที่ไม่ใช่แร็ปเปอร์มืออาชีพ และซอนอินก็พาเพลงนี้เข้าฮุคหลังจากที่เขาแร็ปจบ ในท่อนฮุคพวกเขามีเนื้อร้องที่ติดหูคนฟัง และทำให้ร้องตามได้อย่างรวดเร็ว ส่วนนึงก็ต้องให้เครดิตเกาเร็นที่แต่งมันออกมาได้อย่างดี และอีกส่วนนึงก็ต้องขอบคุณซอนอินที่ทำในภาคดนตรีร่วมกับทีมงานคนอื่นๆ และมันก็ออกมาได้สนุกน่าเต้นตาม โดยเสียงร้องนำในท่อนฮุคแน่นอนว่าเป็นเสียงของแทกึนที่ร้องนำคนอื่น โดยมีซอนอินเต้นอยู่ข้างหน้า
หลังจากจบท่อนแรกในท่อนฮุคไป พวกเขาก็ขยับแถวกันอีกครั้งและท่อนที่2ในท่อนฮุคเป็นแทกึนก็ออกมาร้องท่อนของเขาข้างหน้า และขยับตัวเต้นไปด้วย พวกเขาทำได้สนุกและมีพลัง ก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของท่อนฮุคที่ดนตรีเริ่มแผ่วลงมา ในส่วนนี้ไม่มีใครร้องอะไรเป็นพิเศษ มีเพียงแค่เสียงร้องประโยคเด็ดของเพลงซ้ำไปซ้ำมา และเป็นซอนอินที่เต้นอยู่ตรงกลาง ก่อนที่เขาจะร้อง1ประโยค เพื่อที่จะเปลี่ยนจังหวะไปท่อนธรรมดาอีกครั้ง และเป็นแทฮยองที่กลับมาร้องในท่อนนี้
“แทฮยองมีเสน่ห์มากเลย” จองฮวาที่ดูผ่านทางทีวียังสามารถสัมผัสมันได้
หลังจากแทฮยองร้องเสร็จ แทกึนก็ร้องท่อนที่ใช้เสียงสูงต่อเพื่อส่งเข้าสู่ท่อนแร็ปของเกาเร็นอีกครั้ง และแน่นอนว่า เกาเร็นแร็ปได้ดีมากจริงๆ เขาแทบจะเป็นไอดอลแร็ปเปอร์อันดับต้นๆของวงการได้เลยในตอนนี้ หลังจากท่อนแร็ปของเกาเร็นก็ต่อด้วยท่อนแร็ปของซอนอินเช่นเคย และหลังจากจบท่อนแร็ปของซอนอิน ก็เป็นแทกึนที่ออกมาร้องท่อนของเขา และโชว์เสียงสูงอีกครั้ง แม้ว่าจะเต้นมาซักพักแล้ว แต่แทกึนที่ซ้อมอย่างหนักมาตลอดก็ไม่มีอาการเหนื่อยให้เห็นเลย แทกึนทำได้สุดยอด และเป็นแทฮยองออกมาส่งเข้าฮุคที่2
ซึ่งในฮุคที่2นี้ ใช้เสียงของฮยองซานเป็นเสียงร้องนำ เขาออกมาเต้นอยู่ตรงกลางแปปนึง ก่อนที่ท่อนต่อมาในท่อนฮุค จะเปลี่ยนเป็นซอนอินมาอยู่ตรงกลางอีกครั้ง ในช่วงท้ายของท่อนฮุค ที่ฮุคแรกเป็นท่อนเปล่าๆมีแต่เต้นอย่างเดียวนั้น ในฮุคที่2นี้ มันกลายเป็นท่อนแยกสำหรับสายโชว์พลังเสียงของพวกตำแหน่งร้อง เริ่มจากสมชายที่ได้ร้องอีกครั้ง เขาร้องเสียงต่ำๆออกมาได้อย่างทรงพลัง โดยมีแทกึนที่ทำหน้าที่ร้องเชื่อมท่อนระหว่างสมชายกับฮยองซาน แทกึนร้องท่อมชื่อมเสร็จ ก็เป็นฮยองซานออกมาร้องท่อนที่โชว์พลังเสียงประจำเพลง ฮยองซานยืนอยู่ตรงกลางและเงยหน้าขึ้นนิดนึงเพื่อขึ้นเสียงสูง และเขาทำมันออกมาได้เพอเฟ็กซ์ หลังจากที่ฮยองซานโชว์เสร็จ แทกึนก็ร้องอีกครั้งเพื่อส่งเข้าสู่ท่อนต่อไป เป็นท่อนที่ดนตรีผ่อนลงมาเพื่อเตรียมเข้าฮุคสุดท้าย
“เท่มากเลย!!” กาอินรู้สึกอินมาก
“จริงด้วยพวกนั้นเท่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร” จองฮวาก็เช่นกัน
พวกเขาเข้าฮุคสุดท้ายโดยใช้เสียงของแทฮยองร้องนำโดยมีสมชายกับฮยองซานผลัดยืนร้องแอดลิปสำหรับฮุคสุดท้าย และหลังจากนั้นก็เป็นช่วงเต้นของแทกึน เขาร้องไปด้วยและเต้นอยู่ตรงกลางอย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขาเต้นกันอย่างมีพลังและพร้อมเพรียงก่อนจะจบด้วย สมชายที่ร้องประโยคสุดท้ายของเพลง และโพสท่าจบอย่างสวยงาม
“โอ้ นี่มันบ้าชัดๆ!!”
“ให้ตายสิ พวกนั้นเป็นอุกกาบาตจริงๆรึไง” กาอินรู้สึกทึ่ง
“เวทีของพวกนั้นมีพลังแปลกๆนั่นอยู่จริงๆด้วย” จองฮวาพูด
“พอดูจบก็อยากดูอีกรอบเลยนะ” ซูยองก็คิดเช่นกัน
ภาพตัดกลับมาที่คูนอาริ กับพวกเขาทั้ง6คน แม้ว่าเมื่อกี้จะเป็นการบันทึกเทปการแสดง แต่พวกเขาก็ทำมันออกมาได้มีพลังและน่าติดตามเช่นเคย สำหรับศิลปินที่พึ่งเดบิ้วจะถูกสัมภาษณ์หลังแสดงจบอีกรอบนึง เป็นโอกาสให้พวกเขาได้โปรโมท
“แสดงได้ดีมากเลยนะคะ” คูนอาริกล่าว
“คุณแทฮยองในฐานะลีดเดอร์มีอะไรกล่าวกับผู้ชมมั้ยคะ?” เธอยืนไมค์ให้แทฮยอง
“ก่อนอื่นเลยนะครับ ขอบคุณทุกคนมากๆนะครับ ที่เชียร์พวกเรามาตลอด”
“ผมคิดว่าพวกเราฝึกกันน้อยนะครับ ใช้เวลาแค่ประมาณ1ปีเอง”
“ตอนแรกผมกังวลว่าจะทำได้ดีมั้ย แต่พอผมได้ฝึกซ้อมกับพวกเขาทุกคน ผมก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมา”
“ถ้าเป็นกลุ่มคนพวกนี้ต้องทำได้แน่ ผมคิดแบบนั้นครับ”
“สุดท้ายก็ขอขอบคุณ ทีมงานทุกคนนะครับ ขอบคุณประธานคิม โปรดิวเซฮร์ยุนบองมัน”
“เทรนเนอร์บี ไฮดร้า เทรนเนอร์คิริฮาระ เทรนเนอร์จองซูอา เทรนเนอร์พักยูจิน”
“และก็ขอบคุณพวกเธอด้วย เพราะความมุ่งมั่นของพวกเธอ ทำให้เราไม่เคยคิดยอมแพ้”
“ยุนจองฮวา ซงกาอิน และ โย ซูยอง ขอบคุณพวกเธอมาก”
"และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ แฟนคลับทุกๆคนที่คอยส่งเสียงเชียร์พวกเรา ขอให้สนับสนุนพวกเราต่อไปเรื่อยๆ"
"และพวกเราก็จะตอบแทนพวกคุณด้วยผลงานดีๆต่อไป ขอบคุณมากครับ"
แทฮยองพูดในสิ่งที่เขาคิดออกไปทั้งหมดก่อนจะส่งไมค์กลับไปให้คูนอาริ และเดินออกไปจากฉาก พวกเขาได้เดบิ้วในฐานะของ เมเทโอ วงไอดอลที่อัดแน่นไปด้วยพลัง แต่พวกเขายังไม่ได้สำเร็จ พวกเขาพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ในขณะที่บางคนก็ยังต้องฝึกฝนต่อไป
“พวกเรามาฝึกกันเถอะ ซักวันเราจะได้เดบิ้วแบบนั้นบ้าง!!” ซูยองพูดกับเพื่อนๆของเธอ
เส้นทางของการเป็นไอดอลเต็มไปด้วยกฎที่น่าครหาต่างๆมากมาย แต่ว่าก็แปลกเช่นกัน ที่เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวต่างถวิลหาและยึดมันเป็นความฝัน ทั้งที่ไอดอลหลายคนพูดว่ามันไม่ได้สวยงามอย่างที่เห็น หลายคนถึงกับบอกว่าเขาไม่น่ามาเป็นไอดอลเลย แต่ถึงแบบนั้นความฝันที่อยากจะเป็นไอดอลก็จะยังเป็นแรงขับเคลื่อนและเป็นความหมายของการมีชีวิตของใครหลายๆคน และไม่ใช่แค่นั้น ไอดอลยังสามารถให้กำลังใจผู้คนที่กำลังเหนื่อยและท้อแท้ได้ และเมื่อยามที่ไอดอลเหนื่อยพวกเขาก็ได้รับกำลังใจกลับมาจากแฟนคลับเหล่านั้นเช่นกัน
“พวกเขาพุ่งชนอย่างกล้าหาญบนฟากฟ้า และ สง่างามเมื่อมองจากพื้นดิน พวกเขาคือ”
“เมเทโอ”
------------------------------------------------------จบ------------------------------------------------------
|
|