|
Post by handsomeguyformzulus on Nov 21, 2017 17:23:17 GMT
บทนำ ------------------------------
3/2/2017
8.30 น. ใจกลางกรุงโซล
ในขณะที่ผู้คนมากมายหลากหลายสถานะและอาชีพ ต่างเดินทางกันไปทำหน้าที่ของตน บ้างก็ไปทำงาน บ้างก็ไปเรียน หรือ บางคนอาจจะกำลังเดินหาโอกาสในชีวิต เขาว่ากันว่าโอกาสคือสิ่งที่มีให้สำหรับผู้ที่คู่ควรเท่านั้น และในเช้าที่เร่งรีบแบบนี้ บางคนไม่แม้แต่จะสนใจข่าวบันเทิงยามเช้าที่กำลังออกอากาศอยู่ในขณะนี้
“....มาต่อกันที่ข่าวบันเทิงนะครับ เมื่อกลางดึกของวันที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ฮะ คุณจียอน” ผู้ประกาศหนุ่มพูดเพื่อเปิดทางให้นักข่าวสาวที่นั่งข้างๆเขาได้รายงานข่าวนี้ต่อ
“ใช่ค่ะ คุณซอกจิน คุณผู้ชมคงจะจำเขาได้นะคะ นั่นก็คือ คุณ คิม จีฮุน” ชื่อของบุคคลที่หลายคนรู้จักดีถูกกล่าวขึ้น
“เมื่อคืนทีผ่านมา คุณคิม จีฮุน ได้โพสเรื่องนี้ลงใน SNS ของเขานะคะ โดยเนื้อหาได้กล่าวว่า” เธอหยุดพูดนิดนึงเพื่อเตรียมพร้อมที่จะอ่านข้อความอันยาวเหยียดเป็นลำดับต่อไป
“....สวัสดีครับ ผม คิม จีฮุน ก่อนอื่นต้องขอโทษทุกๆคนด้วยนะครับ ที่ไม่ได้แจ้งว่าหายไปไหน อันที่จริงที่ผ่านมาผมไม่ได้เข้ากรมรอบที่2 หรือเสียชีวิตตามข่าวลือแต่อย่างใด เพียงแต่ผมมีโปรเจ็คใหญ่ที่จะต้องเริ่มทำก็เลยยุ่งๆไปหน่อย และหลังจากที่ผ่านมา2ปีเต็ม ผมยินดีที่จะประกาศให้ทุกท่านทราบว่า ตัวของผมนั้นกำลังจะเปิดบริษัทค่ายเพลง เป็นของตัวเองครับ การมีค่ายเพลงเป็นของตัวเองคือความฝันของผม พรุ่งนี้ผมจะจัดการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ขอความกรุณาด้วยครับ”
--------------------------------------
12.00 น. บริษัทแห่งหนึ่ง
นักข่าวจากหลายสำนักต่างมากันอย่างล้นหลามภายในบริษัทขนาดกลางนี้ การที่มีสื่อมวลชนมากรุมล้อมมากมายขนาดนี้ทำให้พื้นที่ที่มีอย่างจำกัด ถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็ว คิม จีฮุน เขาคือนักร้อง นักแต่งเพลง ชื่อดัง ที่มีผลงานมานับ10ปี กับค่ายเพลงอันดับต้นๆของเกาหลีอย่าง SD Entertainment ซึ่ง คิม จีฮุน นั้นเป็นนักร้องแนวป๊อบที่ตลาดนิยม และมักจะส่งเพลงออกมาเขย่าชาร์ทเพลงให้สั่นสะเทือนอยู่เสมอ จนกระทั่งเมื่อ2ปีก่อน สัญญาของเขากับ SD ได้หมดลง ซึ่งการที่เขาเลือกไม่ต่อสัญญาในครั้งนั้นถือว่า เป็นข่าวใหญ่เลยทีเดียว ไม่มีใครรู้เหตุผลที่ชัดเจน ทางฝั่งSD เองก็ไม่ได้ออกมาให้ข่าวอะไรมาก และหลังจากเหตุการณ์นั้น นักร้องชื่อดัง คิม จีฮุนก็หายไปจากวงการเพลงถึง2ปี จนกระทั่งเมื่อคืนวานนี้ เขาได้โพสลงใน SNS ของเขาตามที่เป็นข่าว สร้างความฮือฮาอย่างมาก
“ห้องแถลงข่าวพร้อมแล้ว เชิญสื่อมวลชนข้างในครับ” พนักงานคนหนึ่งออกมาเรียกเหล่านักข่าวให้เข้าไปยังสถานที่ ที่ได้จัดเตรียมไว้
ภายในห้องมีเก้าอี้ให้ผู้สื่อข่าวนั่ง รวมถึงโต๊ะที่ถูกตั้งไว้พร้อมกับไมค์หลายสิบตัว ชายที่นั่งอยู่บนเวทีข้างหน้านั่นคือ คิม จีฮุน นักร้องชื่อดังคนนั้นนั่นเอง เขาใส่สูทสีดำ ทรงผมที่เสยขึ้นตามแฟชั่น รูปร่างหน้าตาดี เขายังดูหนุ่มแน่นแม้ว่าอายุ อานาม เกือบจะเข้าเลข4 อยู่แล้ว เขานั่งหันมาทางผู้สื่อข่าว โดยพื้นหลังของเวทีที่เตรียมไว้นั้น ถูกปูด้วยวอลเปเปอร์ เป็นโลโก้ ที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ 3ตัว นั่นคือ K J และ H เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมการแถลงข่าวก็เริ่มขึ้น
“ก่อนอื่นต้องสวัสดีทุกคนที่มาในวันนี้นะครับ ผมคิม จีฮุน ประธาน บริษัท KJH Entetainment ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ”
เขาพูดเสร็จก่อนจะยืนโค้งคำนับให้สื่อมวลชนทุกคนที่มาในวันนี้
“หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมผมถึงหายไปนานขนาดนี้ ที่ผมหายไปก็เพราะสิ่งนี้แหละครับ” เขาพูดก่อนจะผายมือไปที่ข้างหลังเป็นการบ่งบอกว่าคือบริษัทนี้
“ใครมีอะไรสงสัย สามารถถามมาได้เลยครับ” เขานั่งลงอีกครั้ง ก่อนที่คำถามชุดใหญ่จากนักข่าวจะรุมถามกันแบบไม่ให้หยุดพัก…..
------------------------------------
19.00 น. คอนโดหรูแห่งหนึ่ง
คิม จี ฮุน
ให้ตายสิวันนี้ผมเหนื่อยชะมัด.... อันที่จริงผมไม่ชอบเลยกับการต้องไปตอบคำถามแบบนั้น วันๆแค่วิ่งหาหุ้นส่วน หานายทุน หาสปอนเซอร์ผมก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้วให้ตายสิจีฮุนเอ้ยย เป็นนักร้องก็ดีอยู่แล้วไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย ไอ้คำว่าความฝันนี่พอยิ่งเข้าใกล้ ก็ยิ่งเหนื่อยจริงๆ ยังไงซะก็ทำมันลงไปจนได้นะ KJH Entertainment… เฮ้อออออ เวลาค่ำๆแบบนี้เหมาะกับการดื่มเบียร์ชะมัด ว่าแล้วก็จัดซักหน่อย ผมเดินไปที่ตู้เย็นในทันที แต่ในขณะที่ผมกำลังเดินไปที่ตู้เย็นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ชื่อที่โชว์ขึ้นมาคือ ยุน บยองมัน รุ่นพี่ที่ผมสนิทและนับถือเป็นพี่ชายอีกคนนึง พี่บยองมันคือคนที่รู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกและคอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอด ผมพูดคำว่าขอบคุณกับเขา มากกว่าสวัสดีซะอีก
“ว่าไงครับพี่ นึกแล้วว่าต้องโทรมา” ผมทักทายตามปรกติ
“จะไม่ให้โทรมาได้ไงล่ะ แกน่ะแกเดี๋ยวนี้แอบมีความลับกับชั้นแล้วสินะ” อีกฝ่ายโต้ตอบด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด
“ ฮ่าๆ ผมก็ต้องเซอร์ไพร์พี่บ้างสิ “
“ไอเรื่องนี้น่ะ ที่เคยคุยกันมันจะเกิดขึ้นตอนกลางปีไม่ใช่รึไง แล้วทำไมถึงรีบร้อนนักล่ะ”
“ก็แค่ ไฟมันแรงน่ะครับพี่ อยากจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย แล้วอีกอย่าง กว่าจะได้คนที่ต้องการก็ต้องใช้เวลาอีกใช่มั้ยล่ะ?”
“แกนี่จริงๆเลย! โอเค เดี๋ยวพรุ่งนี้เข้าไปหา เจอกันน้องชาย”
“เจอกันครับพี่” ผมพูดส่งท้ายก่อนที่จะกดวาง
หลังจากคุยกับพี่บยองมันเสร็จ ผมก็เดินไปหยิบเบียร์มาดื่มหน้าโทรทัศน์อย่างที่ตั้งใจไว้ ซึ่งข่าวภาคค่ำกำลังรายงานเรื่องของผมพอดี
“KJH Entertainment บริษัทธุรกิจบันเทิงแห่งใหม่ ของนักร้องชื่อดัง คิม จีฮุน ช่วงกลางวันในวันนี้มีการจัดการแถลงข่าวเกิดขึ้น ประเด็นที่ใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้น การประกาศโปรเจคแรกของบริษัทนั่นก็คือ โปรเจคการสร้างกลุ่ม บอยแบรนด์หน้าใหม่ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ วินาทีนี้เป็นต้นไป ถ้าใครสนใจ สามารถไปออดิชั่นได้ที่ บริษัท KJH Entertainment ในอีก1สัปดาห์ข้างหน้า ทางคุณ คิม จีฮุน ประกาศชัด ไม่สนว่าจะเป็นคนชาติไหน หน้าตาจะเป็นยังไง อายุเท่าไร ขอแค่มีความสามารถ รับหมด!”------------------------------------------ บยองมัน
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Nov 27, 2017 15:24:16 GMT
3/2/207
19.00น. ณ บ้านแห่งหนึ่ง
"KJH Entertainment บริษัทธุรกิจบันเทิงแห่งใหม่ ของนักร้องชื่อดัง คิม จีฮุน ช่วงกลางวันในวันนี้มีการจัดการแถลงข่าวเกิดขึ้น ประเด็นที่ใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้น การประกาศโปรเจคแรกของบริษัทนั่นก็คือ โปรเจคการสร้างกลุ่ม บอยแบรนด์หน้าใหม่ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ วินาทีนี้เป็นต้นไป ถ้าใครสนใจ สามารถไปออดิชั่นได้ที่ บริษัท KJH Entertainment ในอีก1สัปดาห์ข้างหน้า ทางคุณ คิม จีฮุน ประกาศชัด ไม่สนว่าจะเป็นคนชาติไหน หน้าตาจะเป็นยังไง อายุเท่าไร ขอแค่มีความสามารถ รับหมด!” เสียงผู้ประกาศหนุ่มรายงานข่าวด้วยเสียงดังฟังชัด ชัดพอที่จะทำให้ผมที่กำลังก้มหน้าก้มตาเล่นเกมอยู่นั้นเงยขึ้นมาดูได้ คิม จีฮุนงั้นหรอ? แม่ผมเคยเล่าเกี่ยวกับเขาให้ฟังอยู่ ดูเหมือนเขาเป็นคนที่กล้าหาญใช้ได้เลยนะ
“แทกึนลูก อาหารเสร็จแล้วนะ รีบมากินเร็ว ดูอยู่นั่นแหละโทรทัศน์น่ะ” ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด เสียงของแม่ก็บ่นผมอีกตามเคย
“ครับแม่” และผมเองก็เคยขานรับตามเคยอีกเช่นกัน
ผมลุกจากโซฟาและเดินไปที่โต๊ะอาหารที่หญิงวัยกลางคนผู้ซึ่งเป็นแม่ของผมกำลังจัดเตรียมอยู่ ผมนั่งลงตามปรกติและถ้าเป็นอย่างที่ผ่านๆมาผมก็คงกินมันจนหมดและกลับไปเล่นเกมในห้องเหมือนเคย ผมเป็นคนรักเสียงดนตรีมาก ผมอยากจะเป็นศิลปินนักร้องแบบแม่ของผม แต่มันติดอยู่ตรงทุกครั้งที่ผมไปออดิชั่น มักจะได้คำตอบแบบว่า “นายร้องเพลงเพราะและเต้นได้ดี ” แต่สุดท้ายก็ไม่มีค่ายไหนสนใจผมอย่างจริงจังซักที ผมก็ได้แต่สงสัยว่า แค่ ”ร้องเพราะและเต้นดี” แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่รึไง? สุดท้ายแล้วพวกเขาก็คงเลือกคนที่หน้าตา แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังอยากจะเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงอยู่ดี มันเป็นความฝันของผม ซึ่งขั้นแรกผมต้องไปยืนอยู่ตรงจุดเริ่มต้นให้ได้ซะก่อน..
“นี่ แม่...”
“...อะไรหรอลูก?”
“ผมไปดีมั้ยนะ?..”
---------------------------------------------------------------------------------------------
The Trainee
ตอนที่ 1 : ออดิชั่น
------------------------------------------------------------------
10/2/2017
10.00น. ห้องทำงานของคิมจีฮุน บริษัท KJH “อาาา ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงสินะ ชักจะอดใจไม่ไหวแล้วซิ” ผมบ่นพึมพำอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่วันนี้ผมจะต้องพบกับเด็กวัยรุ่นที่มีความฝันมากมาย 1สัปดาห์หลังจากที่ประกาศเรื่องการออดิชั่นไป เรื่องของผมก็ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกอินเตอร์เน็ท คอมเม้นที่ดีก็มี คอมเม้นแย่ๆก็มี ซึ่งในวันนี้ ผมในฐานะประทานบริษัท ผมไม่จำเป็นต้องไปนั่งดูการออดิชั่นด้วยตัวเองก็ได้ แต่ถ้าผมไม่ดูผมคงพลาดอะไรสนุกๆไปแน่ๆถึงแม้พวกเขาจะถ่ายวิดิโอไว้ก็เถอะ แต่มันก็ไม่เหมือนได้ดูด้วยตายของตัวเองอยู่ดี ซึ่งสิ่งที่ไม่สามารถได้รับจากการดูวิดิโอมันคือสิ่งสำคัญของการเป็นไอดอล “ความมุ่งมั่นและความพยายาม” มันเป็นรังสีประหลาดที่ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงการซ้อมอันหนักหน่วงของพวกเขา ตอนที่ผมเริ่มต้นออดิชั่นกับค่ายเพลงครั้งแรก ผมถูกปฎิเสธนับครั้งไม่ถ้วนจากค่ายเพลงต่างๆจนผมเริ่มที่จะท้อแท้กับความฝันของตัวเอง แต่ในท้ายที่สุดผมก็ไม่ยอมแพ้ จนกลายมาเป็น คิม จีฮุน แบบทุกวันนี้ เห้อออ เหนื่อยมามากเหมือนกันนะ
“ก๊อกๆ ขอเข้าไปหน่อยคร้าบบบบ คุณประทานจีฮุน” เสียงของชายที่ผมรู้จักดีกำลังหยอกล้อผมอยู่ที่หน้าประตู
“เข้ามาเลยครับพี่บยอนมัน” ผมเอ่ยปากเรียกเขาให้เข้ามา
“จริงๆพี่ไม่เห็นต้องมาเลยนี่น่า ไม่ใช่บริษัทพี่ซักหน่อย”
“เดี๋ยวนี้แก กวนโอ้ยมากนะจีฮุน ที่ชั้นมาก็เหตุผลเดียวกับแกนั่นแหละ แค่ไม่อยากพลาดอะไรสนุกๆน่ะ”
หลังจากที่คราวก่อนผมไม่ได้บอกพี่เขาล่วงหน้าเรื่องการออดิชั่น พี่บยอนมันก็หัวเสียยกใหญ่ตามประแสคนแก่ขี้น้อยใจ พี่แกเลยให้ผมไถ่โทษด้วยการให้เอาพี่เขามานั่งดูการออดิชั่นด้วย ถึงแม้จะดูเพี้ยนๆแต่พี่บยอนมันแกก็เป็นโปรดิวเซอร์ชื่อดัง ที่ทำเพลงฮิตติดชาร์ทมานับไม่ถ้วน ถือเป็นโปรดิวเซอร์คู่บุญผมเลยก็ว่าได้ การได้เขามาช่วยแบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องดีมาก ผมกับพี่บยองมันนั่งคุยกันไม่นาน ชายอีกคนที่จะต้องมาดูการออดิชั่นในวันนี้ก็มาถึง
“ก๊อกๆ คุณคิม อยู่หม้ายยย” สำเนียงแปลกๆกำลังเรียกผมอยู่ที่หน้าประตูนั่น
“ไม่ยักรู้ว่ามีคนญี่ปุ่นในบริษัทแกด้วย” พี่บยอนมันพูดด้วยท่าทางเฮฮา
ผมเดินไปเปิดประตูเพื่อต้อนรับ “โทชิโอะ คิริฮาระ” เขาทำงานเป็นนักร้องไกด์ให้กับศิลปินมากมายในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเราทั้งคู่รู้จักกันตอนที่ผมไปโปรโมทอยู่ที่ญี่ปุ่น ในตอนนั้นซิงเกิ้ลเพลงญี่ปุ่นที่ผมร้องก็ได้คุณโทชิโอะนี่แหละเป็นคนร้องไกด์ให้ ซึ่งการร้องให้ได้คีย์สูงแบบที่เขาร้อง ทำเอาผมเหนื่อยแทบล้มทั้งยืนเลยทีเดียว
“สวัสดีครับ คุณโทชิโอะ” ผมเดินไปเปิดประตูพร้อมทักทายเขา
“เรียกผมว่าคิริฮาระก็ได้ คุณเป็นรุ่นพี่ผมนี่นา ไม่ต้องพูดแบบเป็นทางการกับผมหรอก" คิริฮาระพูดพร้อมท่าทางผ่อนคลายตามสไตล์ของเขา ผมพาเขาเดินเข้ามาในห้องทำงานที่มีพี่บยอนมันนั่งอยู่ที่โซฟารับแขก ก่อนจะแนะนำพวกเขาทั้ง2คนให้รู้จักกัน
“อ่า พี่บยองมัน นี่คุณโทชิโอะ คิริฮาระ คิริฮาระ นี่พี่ยุนบยองมัน” ผมแนะนำเขาทั้ง2ให้รู้จักกัน
“พี่บยองมันคนนี้ไงที่เล่าให้ฟัง”
ก่อนหน้านี้มีใบสมัครงานใบหนึ่งถูกส่งมาทางอีเมลซึ่งเนื้อหาในนั้น ดูก็รู้ว่าจงใจส่งมาป่วนแน่ๆถ้าเกิดผมไม่ได้ไปอ่านชื่อของเขาซะก่อน ผมคงกดลบไปแล้ว ผมโทรไปหาเขาทันทีในวันนั้นแล้วก็ใช่เขาจริงๆซะด้วย โดยปรกติ คิริฮาระมักมีนิสัยขี้เล่นแบบนี้อยู่แล้ว การที่เขาสนใจจะมาช่วยผมแบบนี้ถือว่าน่ายินดีอย่างมากหลังจากแนะนำตัวเรา3คนก็นั่งเม้าท์กันถึงเรื่องในอดีตกันอย่างออกรส เป็นเวลาซักพักก่อนที่เทรนเนอร์สอนเต้นสาวสวย คุณจองซูอาจะเดินมาเรียกพวกเราว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว....
--------------------------------------------------------
11.00น. บริเวณหน้าตึกบริษัท KJH
นี่เป็นอีกวันที่ตึกบริษัทขนาดกลางแห่งนึงถูกกลุ่มคนจำนวนมากเข้ามาอยู่ในพื้นที่แบบนี้ พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นเด็กวัยรุ่นอายุก็มีตั้งแต่ประถม ม.ต้น ม.ปลาย ไปจนถึงจบมหาลัยเลยก็ว่าได้ หน้าทางเข้าตึกบริษัท มีโต๊ะ3-4ตัววางติดกันเป็นเค้าเตอร์สำหรับลงทะเบียนออดิชั่นซึ่งจะเริ่มขึ้นเร็วๆนี้ตอนเที่ยงตรง โดยการเปิดลงทะเบียนได้เริ่มกันมาตั้งแต่ตอน9.00น. และจะสิ้นสุดตอน 13.00น หรือก็คือหลังจากเริ่มออดิชั่น1ชั่วโมง ซึ่งแถวการลงทะเบียนออดิชั่นก็มีคนทยอยมาลงทะเบียนกันเรื่อยๆ บางคนก็มารอตั้งแต่เช้ามืดเลยทีเดียว ซึ่งการออดิชั่นครั้งนี้เป็นการออดิชั่นเพื่อ เดบิ้วบอยกรุ๊ป แต่ทว่ากลับมีเด็กสาวบางส่วนมาออดิชั่นเหมือนกันอย่างเช่น “พวกเธอ”
“ฮัลโหล ซูยองนี่เธออยู่ไหนเนี่ย!” เสียงของเด็กสาวคนนึงที่กำลังว้าวุ่นอย่างมาก
“นี่ เมื่อกี้เธอบอกว่า นั่งรถบัสเลยป้ายใช่มั้ย?” เสียงของเด็กสาวอีกคนพูดแทรกขึ้นมา
พวกเธอ2คนมาที่หน้าตึกตั้งแต่ประมาณ10โมงครึ่ง และดูเหมือนพวกเธอกำลังรอเพื่อนอีกคนที่ยังมาไม่ถึงแต่ตอนนี้ก็เลยเวลานัดมาครี่งชั่วโมงแล้ว
“นี่ กาอิน จองฮวา ชั้นขอโทษนะ พอดีเมื่อคืนชั้นซ้อมหนักไปหน่อยก็เลยเผลอหลับบนรถบัสไป” ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
“เห้ออ... ปรกติเธอเป็นคนรอบคอบไม่ใช่รึไงซูยอง.....” เด็กสาวผมขาวพูดด้วยอารมณ์เซ็งๆ
“เอาล่ะ ไม่เป็นไรสายนิดสายหน่อย ปลอดภัยดีก็ดีแล้วล่ะซูยอง ที่ชั้นโมโหไม่ใช่เพราะเธอมาสายหรอกนะ ชั้นเป็นห่วงว่าเธอจะเป็นอันตรายน่ะสิ” เธอพูดด้วยท่าทีที่เป็นห่วงเพื่อนของเธอ ในขณะที่ข้างๆเธอเป็นเด็กสาวผมสีเขียวหม่นที่คอยพูดเพื่อให้เพื่อนๆของเธอใจเย็นลง
“ฮัลโหล ซูยองนี่จองฮวานะ” เธอเอาโทรศัพท์มาพูดด้วยน้ำเสียงน้อบน้อมและใจเย็น
“เธอบอกว่านั่งรถเลยป้ายใช่มั้ย?”
“อืม” อีกฝ่ายตอบกลับมาสั้นๆ
“ฟังนะ เธอเดินข้ามสะพานลอยมามันจะมีร-“
“ตี๊ดๆ ๆ ๆ” ยังไม่ทันพูดจบสายก็ขาดไปซะก่อน.....
----------------------------------------------
11.10 น. 10นาทีต่อมา ณ ป้ายรถประจำทางแห่งนึง
“ โอ้ยให้ตายสิ ทำไมชั้นถึงได้เป็นแบบนี้นะ ทั้งที่ดูเส้นทางอย่างดีแล้วแท้ๆบ้าที่สุดเลย” ชั้นกำลังบ่นตัวเองบนสะพานลอยในขณะกำลังเดินข้ามเพื่อไปขึ้นรถอีกฝั่ง วันนี้เป็นวันสำคัญของชั้น ไม่สิ.. เป็นวันสำคัญของพวกเราต่างหาก ชั้น กาอิน และ จองฮวา แม้อายุจะห่างกัน1ปีทุกคน แต่เราก็เป็นเพื่อนกัน เพราะตอนเราเด็กๆ แถวพวกบ้านเรามีแต่เด็กผู้ชายเต็มไปหมด เพื่อนสมัยเด็กที่ชั้นมีจึงมีแค่เธอ2คนนั้น และแม้ว่าหลังจากจบชั้นประถมพวกเราจะย้ายบ้าน-ย้ายโรงเรียนต่างกันไป แต่พวกเราก็ยังมาเจอกันแทบทุกวันอยู่ดี ชั้นน่ะอยากเป็นไอดอล แต่ที่อยากมากกว่านั้นคือ ”การได้เป็นไอดอลไปพร้อมๆกับพวกเธอทั้ง2คน” ให้ตายสิเวลาขับขันแบบนี้ โทรศัพท์เจ้ากรรมดันมาเจ๊งซะได้ ชั้นน่าจะเปลี่ยนมันไปซะตั้งแต่เดือนที่แล้ว ซึ่งจริงๆแล้วชั้นเป็นคนรอบคอบมาก แต่เมื่อวานอยู่ดีๆชั้นกลับรู้สึกร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก ก็เลยซ้อมเต้นอยู่คนเดียวจนดึกดื่น แม้ว่าชั้นจะตั้งนาฬิกาปลุกไว้อย่างดี แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมาหลับเอาบนรถบัสแบบนี้ โอ้ยยยยย เป็นอะไรไปนะ ซูยอง ชั้นบนพึมพำก่อนมานั่งที่ป้ายรถประจำทางเพื่อนั่งรถกลับไปทางที่เลยมา แต่ปัญหาก็คือ ชั้นไม่รู้ว่าชั้นอยู่ที่ไหนนี่สิ ถ้าเป็นในแผนที่ที่ชั้นดูมาจากอินเตอร์เน็ตจากตรงนี้น่าจะต้องนั่งรถกลับไปประมาณครึ่งชั่วโมง และแน่นอนว่าชั้นจำได้ว่าต้องนั่งสาย........ เอ่อ.... สาย........ ลืม!!
“เห้อออ บ้าที่สุดเลย บ้าจริง!!!” หลังจากถอนหายใจ ชั้นเผลอพูดคำว่าบ้าจริงดังไปหน่อย โชคดีที่แถวนั้นไม่มีคน..
.
“เจ็บป่วยตรงไหนรึเปล่าครับ!!”
“ว๊ายย!!” นี่เป็นโมเม้นที่น่าอับอายที่สุดในชีวิต
“อ่า ม่ะม่ะ ม่ะ . .. ไม่เป็นไรค่ะ” ชั้นพยายามตอบแบบเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะทำได้
จริงอยู่ที่ตรงที่นั่งในป้ายที่ชั้นนั่ง ไม่มีคนนั่งอยู่เลยนอกจากชั้น และชั้นก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าถัดออกไปข้างๆอีกหน่อยหลังเสาไฟฟ้า มีหนุ่มรูปร่างผอมสูงเหมือนนายแบบเสื้อผ้า ผมสีทองกำลังยืนฟังเพลงจากโทรศัพท์ของเขาอยู่มาซักพักแล้ว
"คุณโอเคนะครับ? เหงื่อออกเต็มเลย ผมว่าไปหาหมอดีมั้ย?” อีกฝ่ายถามด้วยท่าทีเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ ชั้นแค่..มารอรถ” ชั้นอายจะแย่อยู่แล้วเลิกคุยกับชั้นซักที
“จะไปไหนหรอครับ?”
นายคนนี้ชักจะจุ้นจ้านแล้วซิ ชั้นเป็นคนไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไร จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่กาอินจะเป็นห่วงชั้นขนาดนั้น และชั้นก็ไม่ชอบที่ต้องบอกคนอื่นว่าชั้นอยากเป็นนักร้อง หรือ ชั้นอยากเป็นไอดอล หรือบอกใครว่ากำลังจะไปออดิชั่น ไม่รู้สิชั้นรู้สึกว่าความฝันมันเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ใช่รึไง
“ผมกำลังจะไปที่ KJH น่ะ คุณแต่งตัวเหมือนพวกไอดอลเลยถามดู”
“KJH หรอคะ!” อีกฝ่ายยังไม่ทันจะได้ตอบ รถบัสสาย 072ก็แล่นเข้ามาจอดที่ป้าย
“ผมต้องไปแล้วล่ะครับ เดี๋ยวจะสายกันพอดี“
“ไปนะ” เขาพูดก่อนจะใส่หูฟังกลับไปที่หูแล้วเดินขึ้นรถบัสไป
หลังจากที่เขาขึ้นรถไป เขาก็ไปนั่งในที่นั่งแถวหน้าและใส่หูฟังพร้อมมองออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งชั้นคิดว่าเขาคงไม่สังเกตว่าชั้นเองก็แอบเดินขึ้นรถตามเขามาเหมือนกันให้ตายสิ นี่ชั้นกลายเป็นสตอกเกอร์โรคจิตไปแล้วซินะ........
-------------------------------------------------------
11.40 น. 30นาทีต่อมา ร้านกาแฟภายในบริษัทKJH
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลหน้าตามาตฐานทั่วไปไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรนั่งจิบกาแฟของเขาที่โต๊ะมุมร้าน พร้อมกับฟังเพลงจากหูฟังโทรศัพท์เพื่อผ่อนคลาย เขามองไปนอกหน้าต่างที่เป็นกระจกและมองเห็นบริเวณหน้าบริษัทอย่างชัดเจน เขาเห็น กลุ่มผู้หญิง2คนกำลังกอดกันกลมกับเพื่อนของพวกเธอที่พึ่งเดินเข้ามาภายในบริเวณบริษัทก่อนจะพากันไปต่อแถวเพื่อลงทะเบียนออดิชั่นต่อไป ทั้งๆที่ประกาศชัดว่าจะสร้างบอยแบรนด์แท้ๆแต่ทำไมพวกเธอถึงได้มานะ? สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าเขาคิดแบบนั้น ทันใดนั้นเองก็เขาเห็นเงาสะท้อนในกระจกเป็นชายแปลกหน้าตาตี่คนนึงกำลังยื่นหน้าเข้ามา
“นี่นายน่ะ! รู้จักใช่มั้ย!?” เสียงของชายแปลกหน้าตาตี่คนนึงพูดเสียงดังกับเขาอย่างเสียมารยาท
“เฮ้ย! นายเป็นใครเนี่ย? ตกใจหมดเลย” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลสะดุ้งก่อนกันไปถามด้วยท่าทีตกใจ
“โทษที พอดีชั้นตื่นเต้นไปหน่อย ขอนั่งด้วยได้มั้ย? ที่มันเต็มน่ะ ชั้นอันดับ 54 ของนาย 55 ยังไงก็ไปพร้อมกันอยู่แล้ว”
“ไม่จนกว่านายจะบอกชื่อ”
“...ก็ได้ ชั้นคือ ยูฮยองซาน จะเรียกยูฮยอง,ฮยองชาน,ซานนี่,ยูซาน,ฮย-
“พอๆ ฮยองซานสินะ นั่งสิ” เขารีบตัดบทก่อนจะมีชื่อแปลกๆออกมาอีก
“จริงๆนายอ่านตรงสติ๊กเกอร์ที่แปะเสื้อชั้นอยู่ก็ได้นี่นา”
“แต่ชั้นอยากให้นาย แนะนำตัวของนายเองนี่นา ชั้นชื่อ แทกึน ยุนแทกึน”
“โว้วพูดแบบเป็นกันเองกับชั้นแบบนี้ แปลว่าเราสนิทกันแล้วสิ” หนุ่มตาตี่แสดงความสนิท
“ก็นายพูดแบบนั้นกับชั้นก่อนนี่ ว่าแต่ก่อนหน้านี้นายหมายถึงอะไร?” แทกึนถามด้วยความสงสัย
“ตอนที่นายมองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อกี้น่ะ เห็นตั้งใจดูมากเลยนี่ นายเองก็รู้จักใช่มะ?"
“หมายถึงคนไหนล่ะ?”
“ก็คนที่ผมทองๆนั่นไง”
“ที่ชั้นเห็น ในนั้นมีคนที่ผมขาว เขียวหม่น และก็น้ำตาลไม่ใช่รึไง?” แทกึนถามด้วยความใส่ซื่อ
“ย่าห์…. ไอ้หมอนี่มองแต่ผู้หญิงจริงๆด้วยซินะ ไม่ ไม่ ชั้นไม่ได้หมายถึงพวกเธอ”
“แล้วนายหมายถึงใครล่ะ?” เขาถามกลับพร้อมท่าทีเขินอาย
“หนุ่มผมทองที่เดินเข้ามาเกือบจะพร้อมๆกับ 1ในกลุ่มผู้หญิงที่นายมองนั่นไง”
“แล้วยังไง?”
“เขาคือ หลง เกาเร็น หรือว่า เร้ด ไอดอลแห่งวงWeek”
---------------------------
11.50น. 10นาทีต่อมา บริเวณหน้าบริษัท KJH
“หมายเลข 001-050 จะเริ่มออดิชั่นแล้วนะครับ มารายงานตัวกันด้วย” เสียงของพนักงานตะโกนเรียกผู้ออดิชั่นชุดแรกให้เตรียมตัวที่จะเริ่มการออดิชั่น ในขณะที่มีหนุ่มคนนึงหน้าตาดีชนิดที่เรียกได้ว่า เป็นผู้ชายด้วยกันยังรู้สึกแปลกๆ เดินเข้ามาเพื่อรายงานตัว ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับแก๊งสาวสาวสาวก่อนหน้านี้
“นี่จองฮวา คนนั้นใช่ ดาราเด็กที่แปลงร่างในโฆษนาขนมห่อรึเปล่านะ?” สาวผมขาวสะกิดถามเพื่อนผมสีเขียวหม่นของเธอ
“นานขนาดนั้นชั้นจะไปจำได้ได้ไงเล่า?” จองฮวาตอบคำถามเพื่อนของเธอระหว่างรอออดิชั่น
“นี่จะพึ่ง 1-50เอง สงสัย 100+อย่างพวกเราต้องรอนานแน่เลย” สาวผมน้ำตาลคุยกับเพื่อนของเธอ
“ถ้าชั้นมาเร็วกว่านี้ก็คงดี” เธอพูดด้วยท่าทีรู้สึกผิด
"ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ว่าจะได้ออดิชั่นตอนไหน เราก็ต้องทำให้ได้” จองฮวาปลุกเร้าเพื่อนของเธอ
“มารวมพลังกันเถอะ” กาอินพูดพร้อมกับชูกำปั้นไปข้างหน้า
“สู้!” “สู้!” “สู้!”
พวกเธอพูดพร้อมกันหมดและเอาหมัดมาชนกัน แต่ยังไงซะการกระทำที่แปลกประหลาดนั่นไม่ได้อยู่ในความสนใจของ”เขา”แม้แต่น้อย สติ๊กเกอร์ออดิชั่นถูกแปะลงบนเสื้อแขนยาวลายทางขาวดำของเขา “หมายเลข 003 ชินแทฮยอง” ใบหน้าของเขาถูกแต่งมาบางๆอย่างถูกต้องตามหลักการ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งพื้นฐานที่ไอดอลต้องทำเป็นแม้ว่าคุณจะเป็นไอดอลชายก็ตาม ผมของเขาเป็นสีบลอนด์สว่างจนเกือบจะขาว ในตอนนี้หมายเลข 001ถึง050 ถูกเรียกให้มานั่งในโซนที่ได้จัดไว้ เป็นเก้าอี้เรียงกัน10ตัว มี5แถวพอดี นั่งเรียงตามเลขที่เพื่อรอการเรียกเข้าไปออดิชั่นในห้องออดิชั่นอีกทีนึง หลังจากมานั่งครบกันทุกคนแล้ว ที่เหลือก็แค่รอความพร้อมจากทางบริษัทเท่านั้น ระหว่างนี้ผู้มาออดิชั่นก็หาเรื่องคุยกันไปเพื่อลดความกดดัน เช่นเดียวกันกับหมายเลข 003
“คุณเคยออกทีวีรึเปล่าครับ?” ชายหนุ่มหมายเลข004ที่นั่งข้างๆถามเขาด้วยคำถามที่เขาเจอมาตลอด
“อ่า ถ้าหมายถึงซีรี่ย์ เรื่องนั้น ก็ใช่ครับ” เขาตอบด้วยท่าทีเขินอาย
“เปล่าผมหมายถึง โฆษนาขนมห่อที่คุณทำท่าแปลงร่างนั่นน่ะ?”
“.....นั่นก็ผมเหมือนกันครับ” เขาดูเหมือนพร้อมจะแทรกแผ่นดินหนีหลังจากตอบคำถามนี้ไป
“คุณเคยเรียนร้องเพลงหรือเต้นทีไหนมาบ้างรึเปล่าครับ?” 004 ยังยิงคำถามไม่หยุด
“...ก็เคยมาบ้างแหละครับ...” ยังไม่ทันได้คุยกันต่อ สตาฟชายคนนึงก็เดินออกมาจากห้องออดิชั่น
"หมายเลข 001-010 เข้าห้องได้ครับ” สิ้นเสียงของสตาฟหนุ่ม วินาทีสำคัญก็เริ่มต้นขึ้น พวกเขาสิบคนลุกขึ้นก่อนจะเข้าไปในห้องออดิชั่น การออดิชั่น ได้เริ่มขึ้นแล้ว...........
---------------------------------
15.00 3ชั่วโมงต่อมา ร้านกาแฟในบริษัทKJH “นี่เธอน่ะมาสายเหมือนชั้นเลยนะ ชั้นเองก็พึ่งมาลงทะเบียนเอาตอนวินาทีสุดท้ายเหมือนกันล่ะ ตอนแรกเห็นสายขนาดนี้ก็เลยคิดว่าจะไม่มาอยู่แล้ว แต่พ่อชั้นดันบอกว่า ถ้าแกไม่ไปล่ะก็! ชั้นจะไม่ส่งเงินให้แกอีก! มันก็เลยช่วยไม่ได้น่ะสิ นี่ดื่มชามะนาวมั้ย? ชั้นเอากระติกน้ำร้อนมาด้วยนะ เผื่อจะคอแห้ง ยังไงพวกเราก็เป็น2คนสุดท้ายอยู่แล้ว ชั้น 423 ส่วนเธอ 424นี่นะ เผลอๆจะได้ออดิชั่นเอาเกือบๆ2ทุ่มนู่นแหละ” เด็กหนุ่มจ้อกับเพื่อนที่พึ่งเจอกันไม่หยุด หน้าตาของเขาจัดได้ว่าดีมากเหมือนกัน คิ้วเข้ม หูตาปากมีขนาดที่พอดีกัน หรือเรียกว่า “สัดส่วนทองคำ” ก็ไม่ผิดเพี้ยนเกินไปนัก โดยที่ฝ่ายที่เขาสนทนาด้วย เป็นเด็กสาวหน้าหวานใส่เสื้อโชว์ไหล่สีชมพู เผยให้เห็นความขาวเรียบเนียนของผิวหนัง พร้อมกับกางเกงยืนเอวสูงที่โชว์เรียวขายาวๆของเธอ โดยพวกเขานั่งคุยกันในร้านกาแฟเดียวกันกับที่ แทกึนและฮยองซานเคยคุยกันก่อนหน้านี้
“นี่ เธอน่ะ ไม่คิดจะตอบชั้นเลยรึไง? ไม่ต้องอายหรอกน่า แต่จะว่าไปเธอนี่สูงจริงๆเลยนะ แล้วนั่นเธอชื่ออะไรน่ะ โซม ชาอี ตน ตลา กูล?” ชายหนุ่มยังพูดไม่หยุด
ทันใดนั้นเอง สาวเจ้าก็ลุกขึ้น ดูด้วยตาเธอน่าจะสูงประมาณ 180 ได้ หุ่นของเธอสูงผอมดูเหมือนนางแบบมากกว่า ซึ่งถ้าดูแค่ผิวเผินก็คงจะแค่นั้น แต่ถ้าดูกันให้ลึกๆล่ะก็ เหมือนว่าเธอจะมีลูกพรุนติดคออยู่ หรือถ้านั่นไม่ใช่ลูกพรุนนั่นคงเป็น”กระเดือก”เธอรีบค้นกระเป๋าสัมภาระและหยิบเอาหนังสือสนทนาภาษาเกาหลีออกมา ก่อนจะเอ่ยปากพูดว่า
“ฉัน เป็น คน ไทย” เธอ.... ไม่สิ เขา พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำชนิดที่แมนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
“ฉัน ไม่ เข้า ใจ ที่ คุณ พูด เลย”
“………”
“…….”
“จบตอนที่1”
---------------------------
ตอนต่อไป!
-การออดิชั่นยังไม่จบ การแสดงของ แทฮยองจะเป็นยังไง! -หลง เกาเร็น หมอนี่เป็นใครนะ? -อ้อเป็นคนที่ชั้นแอบตามเขามาไง อุ๊ปส์ กาอิน ซูยอง จองฮวา สามสาวที่มาออดิชั่นทั้งที่เขาต้องการเด็กฝึกชาย! -ฮยองซาน แทกึน สองเกลอเฉพาะกิจกับฝีมือที่สูสี? -หนุ่มชามะนาวกับเพื่อน”ชาย”สุดแมนของเขาจะผ่านการออดิชั่นมั้ยนะ?
ติดตามได้ตอนหน้า!-------------------------------------- NPC จองซูอา เทรนเนอร์สอนเต้น
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Nov 28, 2017 16:35:52 GMT
10/2/2017
12.20 บริเวณหน้าบริษัท KJH
ผู้ออดิชั่นรายนึงออกมาจากห้องออดิชั่นด้วยท่าทีผิดหวัง เขาได้หมายเลข 008 เป็น1ในผู้ออดิชั่นชุดแรกที่ได้เข้าไปออดิชั่น นอกจากเขาก็มีชายอีก9คนที่เดินออกจากห้องมาพร้อมๆกันพร้อมความรู้สึกหลากหลาย สตาฟหนุ่มตะโกนเรียก หมายเลข 010 ถึง 020 เข้าไปออดิชั่นเป็นลำดับต่อไป และผู้ที่ผ่านการออดิชั่นแล้ว สามารถกลับบ้านได้ทันที หมายเลข 008 ออกมาเจอเพื่อนของเขาที่รออยู่หน้าบริษัท
“เห้อออ น่าผิดหวังจริงๆเลย” เขาบ่นด้วยท่าทีเสียดาย
“ทำไมล่ะนายฝึกหนักขนาดนั้น นายทำพลาดหรอ?” เพื่อนของเขาถาม
“ฝึกคนเดียวหน้ากระจกกับออกไปแสดงต่อหน้าคณะกรรมการแบบนั้น ความกดดันต่างกันสุดๆไปเลยล่ะ....”
“เออนี่! จำเด็กที่แปล่งร่างในโฆษณาขนมห่อได้มั้ย? เขามาออดิชั่นด้วยแหละ”
“จริงหรอ ? แล้วเป็นไงบ้าง....”
“....ไม่น่าเชื่อเลยล่ะ…”
----------------------------------------------
The Trainee
ตอนที่ 2 : ออดิชั่น(2) -----------------------------
10/2/2017
12.00 ห้องออดิชั่น
คิมจีฮุน ประธานบริษัท ยุนบยองมัน โปรดิวเซอร์ชื่อดัง โทชิโอะ คิริฮาระ เทรนเนอร์สอนร้อง จองซูอา เทรนเนอร์สอนเต้น ต่างนั่งรอผู้ออดิชั่น พร้อมเอกสารการสมัครทั้งที่ยื่นเข้ามาทั้งทางอีเมลและที่เขียนขึ้นมาสดๆในวันนี้ นอกจากพวกเขาที่เป็นคณะกรรมการหลักก็มีพนักงานในตำแหน่งอื่นๆกำลังเช็คกล้อง เช็คเสียง เพื่อถ่ายวิดิโอเก็บไว้ก่อนจะเอาไปพิจารณา เพื่อค้นหา”เด็กฝึกหัด”ชุดแรกของค่ายในลำดับต่อไป เนื่องจากมีผู้สมัครเยอะ ทำให้ไม่สามารถดูการออดิชั่นแล้วตัดสินทั้งหมดภายในวันเดียวได้ และบัดนี้การออดิชั่นได้เริ่มขึ้นแล้ว
“001ถึง010 มาแล้วครับ” สตาฟหนุ่มเปิดประตูเข้ามาแล้วพูด พร้อมๆกับผู้สมัคร10คนที่เดินตามเขามา พวกเขาทุกคนก้มโค้งทำความเคารพก่อนจะเข้าไปนั่งเรียงกันตามเลขที่ ภายในห้องจะมีเก้าอี้อยู่10ตัว พูดง่ายๆว่าไม่ใช่แค่แสดงต่อหน้าคณะกรรมการเท่านั้น พวกเขายังต้องแสดงให้อีก9คนที่เข้ามาด้วยกันดูอีกด้วย
“สวัสดีทุกคนนะครับ ทำให้เต็มที่นะครับ แสดงเสน่ห์ออกมาให้ได้” คิมจีฮุนพูดทักทายผู้เข้าสมัคร
“เพื่อไม่ให้เสียเวลานะครับ 001 เชิญฮะ” บยองมันเรียกผู้สมัครคนแรกออกมา การออดิชั่นได้เริ่มขึ้นแล้ว
หมายเลข 001 ใบหน้าของเขาซีดเซียว เหงื่อไหลเต็มมือไปหมด นี่คงเป็นครั้งแรกของเขาแน่ๆ เขาเริ่มแนะนำตัวก่อนจะเริ่มโชว์การร้องเพลงที่เขาเตรียมมา การออดิชั่นในวันนี้จะไม่มีดนตรีให้ 001 ร้องโชว์เสียงสดๆของเขา เสียงของเขาสั่นเครือและเขาก็เอาแต่ก้มหน้ามองไปที่พื้น เขาเริ่มร้องไปเพียงแค่ 10วินาที คิริฮาระ เทรนเนอร์สอนร้องเพลง ก็บอกให้เขาหยุดร้อง คณะกรรมการพูดขอบคุณเขา ก่อนจะเรียกคนต่อไปมาออดิชั่นต่อเพื่อไม่ให้เสียเวลา หมายเลข001 จบการออดิชั่นของเขาด้วยคราบน้ำตา... และในอีก 10วิต่อมา หมายเลข 002 ก็กลับมานั่งข้างๆเขา...
“ต่อไป 003ครับ” คิริฮาระเรียกผู้สมัครคนต่อไป
เขาดูแตกต่างจากคนอื่น เขามีออร่าความเป็นไอดอลอย่างบอกไม่ถูกรูปร่างผิวพรรณรวมถึงหน้าตา ที่ถูกแต่งมาแบบบางๆแต่ก็ทำให้เขาดูหล่อมากๆ หลายๆคน อาจจะคุ้นหน้าเขาอยู่บ้าง ครั้งนึงโฆษนาขนมห่อชนิดนึงดังไปทั่วเกาหลี เพราะการแสดงของเด็กคนนึงกับท่าแปลงร่างสุดน่ารักในตอนนั้น แม้ว่าเขาจะเคยแสดงซีรี่ย์ดราม่าด้วยก็ตาม แต่ผู้คนมักจะจดจำเขาในฐานะเด็กที่แปลงร่างในโฆษนาขนมมากกว่า
“อู้ว นี่คนดังนี่” คิมจีฮุนพูดหลังจากอ่านใบสมัครของหมายเลข003
“แนะนำตัวได้เลยครับ“ บยองมันพูด
“สวัสดีครับ ผมชินแทฮยอง อายุ 18 ปี ขอความกรุณาด้วยครับ” ผมพูดด้วยเสียงดังฟังชัดและดูมั่นใจต่างจาก2คนแรก
“อืมม เขารู้ว่าต้องทำยังไงนะ” บยองมันพูดด้วยอารมณ์ขบขัน
“ในนี้ เขียนว่าเคยฝึกที่ JYE มาก่อนด้วยใช่มั้ยครับ?” คิมจีฮุนถาม
“ครับ” คำตอบของเขาสร้างความแตกตื่นไปทั่วห้อง
“ฝึกนานขนาดไหนหรอครับ?” คิมจีฮุนยังถามต่อ
“ก็ประมาณ 7-8ปีได้ครับ” เขาตอบอย่างฉะฉาน
“อืมม ถ้างั้นทำไมถึงออกมาล่ะครับ JYE น่ะเป็นบริษัทระดับท็อปเลยนะ”
“คุณเห็นใช่มั้ยครับ พวกเขาพึ่งเดบิ้วบอยกรุ๊ป เมื่อไม่นานมานี้ มันก็แค่...ไม่ใช่กลุ่มของผมน่ะครับ.. ผมไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน แต่ผมไม่อยากรออีกแล้วน่ะครับ”
ปรกติบริษัทบันเทิงเกาหลีจะเดบิ้วศิลปินของพวกเขาที่เป็นวงประเภทเดียวกันห่างกันประมาณ5ปี ยกตัวอย่างเช่น วงบอยกรุ๊ปของ JYE ที่แทฮยองเล่าให้ฟังว่าพึ่งได้เดบิ้วไป หมายความว่าอะไร? หมายความว่าจะไม่มีวงบอยกุร๊ปจากJYE ที่ได้เดบิ้วไปอีกอย่างน้อย 5ปี ซึ่งนั่นก็อาจจะหมายความว่า “เส้นทางของแทฮยองกับ JYE ได้จบลงแล้ว”
“อืม หนักแน่นและดูมุ่งมั่นดีมาก” คิมจีฮุนพูดกับตัวเองเบาๆ
“พร้อมนะคะ ?” จองซูอา เทรนเนอร์สาวเช็คความพร้อมของเขา
“ถ้างั้นเริ่มได้ค่ะ”
แทฮยองเริ่มการแสดงของเขา เขาร้องพร้อมๆกับเต้นไปด้วย เขาแสดงอย่างมั่นใจ ทุกคนต่างคาดหวังการแสดงของ “เด็กฝึก8ปี ของค่ายยักษ์ใหญ่ JYE” แต่ทว่า....
“นี่มัน ธรรมดามากเลยใช่รึไง” 1ในผู้ออดิชั่นที่นั่งอยู่ด้านหลังกระซิบกับคนข้างๆ
แทฮยองยังคงเต้นและร้องต่อไปโดยไม่สนใจใคร ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ การแสดงของเขาไม่ใช่ว่าไม่ดี เขาร้องได้พอประมาณ เต้นก็ไม่ได้แย่มาก แต่การที่เขาฝึกมานานถึง 8 ปี ถ้าหากว่าทำได้แค่นี้ มันค่อนข้างน่าผิดหวัง พูดกันตรงๆการแสดงของเขาไม่ได้โดดเด่นไปกว่าใครเลย เหมือนกับว่า ก็แค่ไม่ได้ทำอะไรพลาดมากกว่า เขาแสดงทั้งหมดที่เตรียมมาจบเรียบร้อย สีหน้าของคณะกรรมการดูผิดหวังแบบสังเกตได้ แทฮยองกลับไปนั่งที่ของเขา ก่อนที่ผู้สมัครที่เหลือจะออกมาทำการแสดงทีละคนๆจนครบทั้ง10คนแรก คณะกรรมการพูดขอบคุณพวกเขาอีกครั้ง ก่อนสตาฟหนุ่มจะพาพวกเขาออกไปจากห้อง แทฮยอง ไม่ได้แสดงท่าทีผิดหวังอะไรออกมา แต่ถ้าสังเกตจากใบหน้าของเขา คุณก็จะสัมผัสความกังวลของเขาได้ แทฮยองออกมาจากสถานที่นั้นและตรงดิ่งกลับบ้านทันที เขาได้แต่ว่าหวังจะมีการติดต่อกลับมา....
--------------------------------------------
10/2/2017
12.20 บริเวณหน้าบริษัท KJH
“เขาแสดงได้เฉยๆมากเลยอ่ะ ถ้าชั้นไม่กดดันเกินไปล่ะก็ ชั้นว่าชั้นดีกว่าเขาแน่นอน”
หมายเลข008ที่เม้าท์มอยกับเพื่อนของเขาที่วันนี้มาให้กำลังใจ ถัดจากพวกเขาไปอีกหน่อย “054 ยูฮยองซาน” “055 ยุนแทกึน” ทั้ง2คนซ้อมการแสดงของตัวเองไปพลางๆ หลังจากที่ทั้งคู่นั่งอยู่ในร้านกาแฟจนเบื่อ ก็เลยชวนกันออกมาทบทวนสิ่งที่เตรียมมาซักหน่อย
“นี่ ได้ยินมั้ย พวกนั้นบอกว่า ชินแทฮยองแสดงได้ไม่ค่อยดีล่ะ” ฮยองซานหยุดซ้อมและหันไปคุยกับ แทกึนที่กำลังซ้อมเต้นอยู่
“ไม่เห็นจะรู้จัก เลย” แทกึนดูเหมือนไม่ค่อยอยากคุยซักเท่าไร
“ชินแทฮยอง ดาราเด็กที่แปลงร่างในโฆษนาขนมนั่นไง” ฮยองซานผู้รอบรู้จำได้ในทันทีที่เขาได้ยินชื่อ
“นี่ นายรู้จักทุกคนในวงการบันเทิงเลยรึไง?” หยุดเต้นก่อนหันมาคุยด้วย
“ตอนเด็กๆจำได้ว่า เคยออกรายการวาไรตี้น่ะ ไม่นึกเลยว่าจะมาที่นี่ด้วย” ฮยองซานพูดด้วยท่าทีร่าเริง
“นายชอบดูรายการวาไรตี้หรอ?” แทกึนถามด้วยความสงสัย
“ชอบกว่าที่นายคิดไว้ซะอีก จะว่าไปสงสัยวันนี้คงพลาดรายการ แอ็คชั่นแมนแหงๆ” ฮยองซานดูเซ็งๆ
“นายชอบรายการนั้นหรอ?”
“อืม ชั้นชอบสุดๆไปเลย วันนี้รู้สึก คูน อาริ จะมาเป็นแขกรับเชิญนะ นายรู้จักมั้ย?”
“อืมรู้จักสิ ลีดเดอร์ของวงเกิลกรุ๊ปอันดับ1 ไดม่อนคุกกี้ ไง...”
“....”
“ไอ้หมอนี่ รู้จักแต่ผู้หญิงจริงๆด้วย”
“หยุดนะ!”
แทกึนโมโหกับความขี้เล่นของฮยองซานและพยายามเดินเข้าไปเอามือปิดปากของเพื่อนเฉพาะกิจคนนี้ให้หยุดพูดเสียที เวลาก็ดำเนินไปอย่างไม่มีหยุดพัก หลังจากออดิชั่นกันไปพักใหญ่ๆฮยองซานก็คอยถามคนที่หมายเลข001-050ที่เดินออกมาว่าถึงลำดับไหนแล้วบ้าง ถัดจากนั้นไม่นานสตาฟหนุ่มคนเดิมก็ออกมาที่โต๊ะลงทะเบียน
“ตอนนี้ หมายเลข 041 ถึง 050 เข้าห้องออดิชั่นแล้วนะครับ เชิญ หมายเลข 051 ถึง 100 มารายงานตัวได้”
แทกึนและฮยองซาน ไม่รอช้าพอกันไปรายงานตัวและเดินเข้าไปในอาคารเพื่อเตรียมแสดงให้คณะกรรมการเห็นถึงความสามารถของพวกเขา...
----------------------------
13.02น. โซนรอออดิชั่น
“เก้าอี้ยังอุ่นๆอยู่เลยนะเนี่ย” ฮยองซานผู้กระตือรือร้นยังคงตื่นเต้นกับทุกสิ่งรอบตัวเขา
“นั่งเงียบๆเถอะน่า เดี๋ยวเสียงก็หายหมดหรอก” ผมไม่ได้พูดเพราะเป็นห่วงแต่เพราะผมเริ่มขี้เกียจฟังแล้วต่างหาก
“นี่นายน่ะ จะโชว์เต้นใช่มั้ย?” เขาถามผม
“จะว่าอย่างงั้นก็ได้ แต่ชั้นก็จะร้องไปด้วย”
“..แต่หน้าตานายไม่น่าร้องเพลงเป็นเลยนะ”
“หยุดนะ!” ให้ตายสิหมอนี่กวนโอ้ยชะมัด
“หมายเลข 051ถึง060 เชิญครับ…”
สตาฟหนุ่มออกมาส่งสัญญานเรียกผู้ออดิชั่นเข้าไปในห้องออดิชั่น การออดิชั่นของกลุ่มที่2เริ่มขึ้นแล้ว แม้ว่าฮยองซานจะพูดมากไปหน่อย แต่การได้คุยกับเขาก็พอจะทำให้ผมผ่อนคลายไปได้บ้าง หลังจากที่เข้ามานั่งในห้องออดิชั่น คณะกรรมการก็กล่าวทักทาย ก่อนที่จะเริ่มการออดิชั่นทันที ในกลุ่มของผม คนก่อนหน้าฮยองซานยังไม่มีใครมีอะไรโดดเด่นเท่าไรพวกเขาไม่ได้ทำอะไรพลาดแต่ก้ไม่ได้ทำได้ดีจนต้องปรบมือให้
“คนต่อไป 054 ครับ” คิริฮาระเรียกผู้ออดิชั่นคนต่อไป
ฮยองซานลุกขึ้นอย่างมั่นใจ เขาดูแตกต่างจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆพอสมควร ตรงที่สีหน้าและแววตาที่ดูเหมือนไม่กังวลแม้แต่น้อยเขายิ้มแย้มและมีความสุขราวกับเขาชอบการแข่งขันนี้มากๆ
“ผมยูฮยองซาน อายุ17ปี สวัสดีครับประธานคิม!!” เขาพูดก่อนคุกเข่าและคำนับคิมจีฮุนเหมือนในละครย้อนยุค สร้างเสียงหัวเราะไปรอบๆและลดบรรยากาศที่อึมครึมได้อย่างดี ไอ้หมอนี่มันไม่กดดันบ้างเลยรึไง
“ฮ่ะฮ่า คาแรกเตอร์คุณนี่น่าสนใจมากนะ” บยอนมันพูดพร้อมหัวเราะไปด้วย
“ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มได้เลยค่ะ” จองซูอากลั้นขำก่อนบอกให้ฮยองซาน เริ่มการแสดงของเขาได้
“อ่ะ” ฮยองซานวอร์มเสียงของเขาด้วยโทนเสียงที่เปลี่ยนไป ทำให้ทั้งห้องเงียบลงและตั้งใจฟังเขาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเริ่มร้อง และทันทีที่เริ่มร้อง ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนที่ดูขี้เล่นผ่อนและคลายแบบนั้น จะร้องเพลงได้เพราะถึงขนาดนี้ ฮยองซานมีเนื้อเสียงที่ดี เนื้อเสียงของเขาเป็นโทนต่ำและมีพลังมาก ทำให้เวลาขึ้นเสียงสูงแล้วมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื้อเสียงของเขาอัดแน่นไปด้วยพลังเหมือนกับภูเขาไฟที่รอวันระเบิดอะไรแบบนั้น รวมกับสูงร่างที่ผอมสูงของเขาทำให้ดูเท่ขึ้นไปอีก เพลงที่เขาร้องเป็นเพลงแบบอาร์แอนด์บี ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าจังหวะของมันร้องตามได้ยาก แต่ฮยองซานก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบหลังจากที่จบโชว์ คณะกรรมการและผู้ออดิชั่นที่เหลือรวมถึงตัวผมเอง ต่างลุกขึ้นปรบมือ
“เสียงของคุณ นี่มันระเบิดชัดๆ” คิริฮาระกล่าวชื่นชม
“ถึงแม้จะไม่ได้ปล่อยออกมาสุด แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังที่อัดแน่นไว้เลยนะ” คิมจีฮุนพูดเสริม
“เต้นให้ดูได้มั้ยคะ” จองซูอาขอให้เขาแสดงเพิ่ม ซึ่งมีน้อยคนมากในวันนี้ที่ถูกขอให้แสดงเพิ่ม
ฮยองซานไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะเริ่มเต้น ซึ่ง.... โอเคเขาเต้นด้วยท่าเบสิคที่ไม่ได้ยากอะไร แล้วก็ยังไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร พอจะสรุปได้ว่า เรื่องเต้นเขาคงไม่ได้เชี่ยวชาญมากเท่าไรไม่เหมือนเรื่องการร้องของเขา หลังจากแสดงจบ เขาก็ก้มโค้งขอบคุณคณะกรรมการก่อนกลับมานั่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ ก่อนที่ คิมจีฮุนจะเรียกหมายเลข 055 ออกมาจากออดิชั่น......
--------------------------------------------
13.05 ห้องออดิชั่น
ฟู่ววว ในที่สุดผมก็แสดงเสร็จจนได้ น่าแปลกใจนะที่ผมไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย โดยรวมผมพอใจกับมันมาก ผมคิดว่าผมร้องได้ดีแบบที่เคยซ้อมมา หลังจากที่แสดงการเต้นให้พวกเขาดู พวกเขาก็กล่าวขอบคุณผมเป็นสัญญานว่าการออดิชั่นของผมเสร็จแล้ว ก่อนที่จะเรียกหมายเลขต่อไปออกมาทำการแสดง ภาพที่ผมเห็นคือ ชายผมสีน้ำตาลอายุน่าจะเท่าๆกับผม วันนี้พวกเราคุยกันมาตลอด เขาเล่าให้ฟังว่าเขาคือลูกชายของ คิมแบคฮวา อดีตนักร้องหญิงรุ่นเดอะของวงการเพลง ผมเอากำปั้นของผมชนกับกำปั้นของเขาในตอนที่เดินสวนกัน หวังว่าเขาจะแสดงได้ดีเหมือนกับตอนที่ผมเห็นเขาซ้อม
“สวัสดีครับ ยุนแทกึน อายุ18ปี....”
“…ห๊ะ! งั้นนายก็เป็นพี่ชั้นน่ะสิ” ผมเผลออุทานออกไป โชคดีที่ไม่มีใครสนใจ
“นายเป็นลูกของ คิมแบคฮวาสินะ?” คิมจีฮุนถามเขา
“ใช่ครับ”
“สมัยตอนเข้าวงการแรกๆ ชั้นเจอเธอในบริษัทบ่อยเลยล่ะ” คิมจีฮุนพูดถึงความทรงจำเก่าๆ
“เอาล่ะ มีอะไรมาโชว์ เชิญเลย” คิมจีฮุนบอกให้เขาเริ่มออดิชั่นได้
แทกึนเริ่มแสดงสิ่งที่เขาเตรียมมา เขาทำมันทั้ง2อย่างทั้งร้องและเต้น เพลงที่เขาร้องเป็นเพลงป๊อบ เสียงของเขาเป็นเสียงโทนสูงเขาร้องมันได้อย่างไม่ติดขัด แม้ว่าผมจะมั่นใจในการร้องของตัวเอง แต่ถ้าเป็นเรื่องความใสของเนื้อเสียงผมคงต้องยกให้เขา แม้จะร้องในคีย์สูงเป็นหลักแต่เขาก็ลงเสียงต่ำได้อย่างแนบเนียนไม่มีเพี้ยน และเขาก็เต้นได้ดีมากๆ การเคลื่อนไหวของเขาทำเอาที่ผมเต้นไปเมื่อกี้น่าอายขึ้นมาเลย เขาร้องและเต้นไปเรื่อยๆผมรู้สึกทึ่งกับความเก่งกาจของเขา จนกระทั่งตอนใกล้จบ มันเป็นท่าที่เขาต้องหมุนตัว1รอบ ตลอดการแสดงผมมองเขาจากทางด้านหลัง ต่างจากคณะกรรมการที่มองจากด้านหน้า แต่หลังจากที่เขาหมุนตัวทำให้ผมเห็นสีหน้าของเขาเป็นครั้งแรก... ทำไมกันนะ?.... ผมสงสัยมากๆว่าทำไมมันถึงออกมาแบบนั้น หลังจากแสดงจบ คณะกรรมการก็ต่างออกความเห็นที่แตกต่างกัน
“อืม... ที่แสดงมาดีมากนะ แทกึน...” บยองมันพูดขึ้น
“เทคนิคการหายใจไร้ที่ดี ความกว้างของช่วงเสียงก็มีมาก” คิริฮาระเสริม
“เรื่องเต้นก็แข็งแรงลงจังหวะได้ดี” จองซูอาก็กล่าว
“แต่ว่า เวลาดูแล้วกลับรู้สึกไม่ค่อยสนุกเลยแห๊ะ” คิมจีฮุนออกความคิดเห็น
“นี่ ยุนแทกึน นายน่ะมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่รึเปล่า?” คิมจีฮุนถามคำถามที่ซีเรียสกับแทกึน
“ผมมีความสุขครับ” แทกึนตอบตามความรู้สึกของเขา
“เวลานายแสดง สีหน้าของนายมันดูวิตกกังวลไปหมด เหมือนนายตั้งใจมากเกินไป”
“นายควรจะผ่อนคลายและสนุกไปกับเพลงมากกว่านี้นะ การร้องเพลงเพื่อทำให้คนอื่นมีความสุขน่ะ นายจะทำได้ยังไงถ้าตัวนายเองก็ไม่ได้สนุกไปกับมัน?”
“ฝีมือของนายอยู่ในระดับสูงนายอาจจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในวันนี้ แต่อารมณ์ร่วมของนายมันไม่มี และมันทำให้การแสดงที่ดีมากๆของนายกลายเป็นแค่การแสดงธรรมดาๆ” คิมจีฮุนวิจารณ์การแสดงของแทกึนยับ
“ผมจะปรับปรุงครับ” แทกึนพูดพร้อมน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“เอาล่ะ คนต่อไป...”
พวกเขาออดิชั่นกันต่อไปเรื่อยๆจนถึงคนสุดท้าย ในกลุ่มนี้นอกจากแทกึนและฮยองซาน ก็ยังไม่มีใครแสดงโชว์ได้ดีมากนัก และหลังจากที่พวกเขาแสดงครบทั้ง10คน พวกเขาก็พากันเดินออกจากห้องออดิชั่นภารกิจในวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว.... ความรู้สึกของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนก็ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเหมือนฮยองซาน ในขณะที่บางคนก็ดูซึมๆเหมือนกับแทกึน ตั้งแต่ที่เขาเคยออดิชั่นมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ถูกติมากขนาดนี้มาก่อน ปรกติเขาจะได้รับคำชมสั้นๆและก็กลับไปนั่ง คิมจีฮุน เขาไม่เหมือนคนอื่นที่แทนกึนได้เจอมา และนี่เป็นครั้งแรกที่แทกึนรู้เหตุผลที่ไม่เคยมีค่ายไหนเรียกเขาไปเพื่อเป็นเด็กฝึกเลยซักครั้ง ฮยองซานที่ยังร่าเริงอยู่ หันมาพูดคุยกับเพื่อนของเขาที่ดูเศร้าๆด้วยการทำเป็นเล่นเหมือนเคย
“นี่นาย! ถึงนายอายุมากกว่าชั้น แต่ชั้นจะไม่เรียกนายว่าพี่หรอกนะ ก็นายไม่ยอมบอกชั้-
“ฮยองซาน...."
"นาย ทำได้ยังไงนะ?” ฮยองซานยังไม่ทันพูดจบ แทกึนก็ถามสวนขึ้นมา
“ทำอะไรหรอ? อ๋อ จริงๆชั้นมารยาทดีนะ แต่ชั้นนึกว่านายอายุเท่ากันนี่ ซอรี่ๆ”
“ไม่ ชั้นไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น......”
“ตอนนายร้องน่ะ นายยิ้มไปด้วยสินะ......”
“นายทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?.....”
-------------------------------------------------
13.50 น. บริเวณหน้าตึก KJH
ณ บริเวณนึงของบริษัทนี้ มีกลุ่มหญิงสาว3คน กำลังซ้อมและทบทวนสิ่งที่พวกเธอเตรียมมาโชว์ในวันนี้ เด็กสาวผมสีขาว เธอซ้อมเต้นพร้อมๆกับร้องไปด้วย ต่างจากเพื่อนผมสีเขียวหม่นของเธอที่ซ้อมร้องเพียงอย่างเดียว ในขณะที่เด็กสาวผมสีน้ำตาลเพื่อนอีกคนที่มาสายกำลังซ้อมเต้นเพียงอย่างเดียวเช่นกัน จริงๆพวกเธอเคยชินกับการร้องและเต้นด้วยกันมากว่าแต่ครั้งนี้เป็นการแสดงแบบเดี่ยว แต่ละคนก็เลยจริงจังและขมักขเม้นอย่างมาก ซึ่งพวกเธอเป็น1ในกลุ่ม ผู้สมัครหญิงที่มีจำนวนน้อยนิดมากไม่ถึง10คนด้วยซ้ำไปในวันนี้ แต่คนที่สะดุดตาที่สุดคงเป็น หญิงสาวตัวสูง หุ่นผอมเพรียวผมสีเขียวหม่นหมายเลข 128 ที่ทั้งสูงและหน้าตาดีที่สุดในกลุ่ม
“ผู้ชายพวกนั้นเขามองเธอตลอดเลยนะ จองฮวา” ซูยองผู้มาสายแซวเพื่อนของเธอ
“ไม่หรอก ชั้นคิดว่ากระแสสมัยนี้น่าจะชอบผู้หญิงชิคๆแบบ ซูยอง หรือดูน่ารักๆแบบกาอินมากกว่า” เธอถ่อมตัว
“ไม่ต้องมาถ่อมตัวเลยจองฮวา เนอะซู-“ ยังไม่ทันจะพูดจบ เธอก็สังเกตเห็นว่าซูยองเข้าไปยืนหลบอยู่หลังจองฮวาเหมือนกำลังหลบหน้าใครซักคน
“เป็นอะไรน่ะซูยอง?” กาอินถาม
“ข่ะ เขา อยู่ตรงนั้น ผู้ชายที่เล่าให้ฟังไง” ซูยองตอบเพื่อนของเธอ
ภาพที่เห็นคือ ชายหุ่นดีผมสีทอง กำลังเดินผ่านมาแถวๆที่พวกเธอกำลังซ้อม เพื่อไปทิ้งถุงขนมที่เขากินจนหมด ก่อนที่จะเดินผ่านหน้ากลุ่มพวกสาวๆไปโดยไม่ทันมองเพราะเขาเอาแต่ฟังเพลงในมือถือของเขาจนไม่สนโลกเหมือนเคย หลังจากที่ซูยองมาถึง เธอก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนๆของเธอฟัง ว่าเธอแอบตามชายคนนั้นมาเรื่อยๆจนถึงบริษัท โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบตามอยู่ ซึ่งการที่เขาไม่สนโลกขนาดนี้ ซูยองต้องพูดคำว่า บ้าจริง! ดังขนาดไหนถึงทำให้เขาหันมาเห็นเธอได้นะ
“นี่ ชั้นว่าเขาดูไม่สนใจสิ่งรอบข้างขนาดนั้น คงจำเธอไม่ได้หรอกมั้ง” กาอินพูดขึ้นมา
“แล้วอีกอย่างเขาหมายเลข 122 ยังไงก็ต้องเข้าห้องออดิชั่นพร้อมเราอยู่แล้ว เธอหนีเขาไม่พ้นหรอก เธอควรจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำนะ” กาอินพูดเสริมอีก
“แต่ถึงแบบนั้นชั้นก็ยังอายอยู่ดีนั่นแหละ”
“ดูนั่นสิ คุยกันเพลินๆหมายเลข 084 ออกมาแล้ว แปลว่ากลุ่มสุดท้ายกำลังจะเข้าแล้วสินะ” จองฮวาสังเกตเห็นพอดี และทันทีที่จองฮวาทักเรื่องนี้ สตาฟหนุ่มคนเดิมก็เดินเข้ามาที่โต๊ะลงทะเบียน
“หมายเลข 100 ถึง 150 เชิญมารายงานตัวครับ” การออดิชั่น ของกลุ่มที่3เริ่มขึ้นแล้ว.......
-----------------------------------------
14.10 น. โซนนั่งรอ
“นี่เลทมา 10นาทีแล้วนะ นายผมทองคนนั้นยังไม่มาเลย รออยู่คนเดียวเนี่ย” กาอินบ่นเพราะรอนาน
“นั่นไงมาแล้ว” จองฮวาหันไปเห็นพอดีว่าเขากำลังวิ่งมารายงานตัว
“พอดีมัวแต่ฟังเพลงเลยไม่ได้ยินประกาศ ขอโทษที่ทำให้ช้าครับ”
หมายเลข 122 หลงเกาเร็นเดินไปนั่งที่ของเขาโดยที่ซูยองยังคงก้มหน้าก้มตาตลอดเวลา หลังจากที่หลงเกาเร็นมา ทุกอย่างก็พร้อมและลงตัว สตาฟหนุ่มเจ้าเก่าออกมาประกาศคำพูดเดิมๆ
“หมายเลข 100 ถึง 110 เข้าห้องได้ครับ”
ผู้ออดิชั่นถัดไป2แถวของพวกเขาไปลุกขึ้นและเดินเข้าห้องไป หลังจากนั้นประมาณ 10นาที พวกเขาก็เดินออกมา และสตาฟคนเดิมก็เรียกหมายเลข 111ถึง120 เข้าไป ใกล้เข้ามาแล้วสินะ การออดิชั่นที่มีอุปสรรคมากมายในวันนี้ หลังจากผ่านไป10นาทีห้องก็เปิดขึ้นผู้เข้ารับการออดิชั่นทยอยกันเดินออกประตูมา สตาฟออกมาเรียกแถวที่3นั่นก็คือ 121ถึง130
“พวกเธอพร้อมแล้วนะ” กาอินพูดกับเพื่อนๆของพวกเธอ
“พร้อม!” พวกเธอทั้ง3คนพูดพร้อมกัน ก่อนจะยื่นหมัดมาชนกัน
“สู้!”
“สู้!”
”สู้” พวกเธอรวมพลังกันแบบนี้อีกครั้ง สร้างความตลกขบขันไปทั่วๆ ซึ่งนั่นทำให้ซูยองลืมอะไรไปชั่วขณะ
“โอ๊ะ นั่นคุณที่ป้ายรถบัสนี่?” เกาเร็น หันมาหาทางต้นเสียงสู้!ที่ดังฟังชัด และพบกับซูยองหญิงสาวที่เขาเจอที่ป้ายรถบัสเมื่อซูยองเห็นว่าเกาเร็นเห็นเธอ เธอก็รีบหลบหน้าอย่างเร็ว ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันต่อ พวกเขาก็ต้องรีบเดินต่อเพื่อเข้าไปออดิชั่นกัน ในห้องออดิชั่นที่มีความทรงจำมากมายในวันนี้ พวกเขาเริ่มทำการออดิชั่นเหมือนอย่างเคย เริ่มที่ 121 และไล่มาเรื่อยๆ
“คนต่อไป 122 ครับ” บยองมันเรียกผู้ออดิชั่นคนต่อไป หลงเกาเร็นลุกขึ้นไปยืนต่อหน้าคณะกรรมการการตัดสินในขณะที่ซูยองยังคงหลบหน้าเขาไม่เลิก
“โอ๊ะ ประวัติคนนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ” จีฮุนพูดขึ้น
“สวัสดีครับ ผมหลงเกาเร็น อายุ22 เป็นคนจีนครับ!” เสียงดังฟังชัดไม่มีอาการเค่อะเขินกล้องแม้แต่น้อย
“อายุ 22แล้วหรอ นั่นมันจบมหาลัยแล้วไม่ใช่รึไง” กาอินหันไปกระซิบกับจองฮวาที่นั่งข้างๆ ในขณะที่ซูยองยังหลบหน้าต่อไป
“คุณเคยเดบิ้วแล้วสินะ?” จีฮุน พูดขึ้นหลังจากอ่านประวัติของเขา
“ครับ ตอนอายุ17 ผมเดบิ้วกับวง Week แต่หลังจากนั้นก็ตัดสินใจมาเรียนต่อที่เกาหลีครับ”
“ถ้างั้น คุณที่เดบิ้วไปแล้ว ทำไมถึงอยากกลับมาเป็นเด็กฝึกอีกล่ะครับ” คิริฮาระถามบ้าง
“ถ้าจะพูดกันตรงๆ.. ผมชอบระบบของเกาหลีมากกว่าระบบของจีนน่ะครับ” เกาเร็นตอบอย่างตรงไปตรงมา
“อืม เหตุผลก็ตรงๆดี ถ้าพร้อมแล้วเชิญเลยครับ” คิริฮาระให้สัญญานเริ่มการแสดง
“โย่ว” เกาเร็นวอร์มเสียงของเขา เขาเปลี่ยนโทนเสียงของตัวเองให้สูงขึ้น การวอร์มเสียงนั่นทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาแม้แต่ซูยองที่หลบหน้าเขามาตลอด เกาเร็นเริ่มแรปโดยใช้เนื้อเพลงที่เขาแต่งมันด้วยตัวเอง ทั้งๆที่เขาเป็นคนจีน แต่การออกเสียงของเขาเหมือนกับเจ้าของภาษาไปแล้ว โทนแรปของเขาเป็นโทนสูง แต่ไม่ได้สูงจนแสบหูหรือตะโกนเขารู้จักการควบคุมความดังเบาในการแรปเป็นอย่างดี เสียงของเขาแข็งแรงมากๆทำให้การแรปดูมาดแมนและหนักแน่น เขารู้จักวิธีเล่นเสียงเป็นอย่างดี แถมท่าทางการแรปของเขาก็ดูดีเขาดูเท่มากๆในตอนแรป หน้าตาของเขาก็ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่แปลกที่เขาจะเคยเดบิ้วมาก่อน และก็ไม่แปลกที่คนที่ชินกับการขึ้นเวทีแล้วจะรู้วิธีสร้างความสนุกให้กับคนดู คณะกรรมการต่างเอนจอยกับการแสดงของเขา ทุกคนลุกขึ้นยืนและปรบมือให้หลังจากการแสดงจบลงแม้แต่ซูยองก็ยังเผลอปรบมือให้เขาเช่นกัน เกาเร็นแสดงได้อย่างดี และคณะกรรมการก็รู้สึกพอใจ นี่เป็นครั้งที่2ในวันนี้ต่อจากฮยองซานที่เกิดการลุกขึ้นยืนและปรบมือ หลังจากที่ทำทุกคนประทับใจคณะกรรมการกล่าวชื่นชมเสร็จเรียบร้อย เขาก็กลับไปนั่งด้วยอารมณ์ที่ผ่อนคลายมากกว่าเดิม ก่อนที่อันดับต่อมาจะเริ่มแสดงมาเรื่อยๆจนกระทั่ง
“ต่อไป 127 ครับ” เมื่อกาอินได้ยินเธอจึงลุกขึ้นและออกไปทำการแสดง ซึ่งหนุ่มๆในห้องบางคนถึงกับส่งเสียงเชียร์
“สวัสดีค่ะ ชั้น ซงกาอิน อายุ19ปี รบกวนด้วยนะคะ” เธอแนะนำตัวให้คณะกรรมการฟัง และทำให้ผู้ออดิชั่นชายหวั่นไหว
“ก่อนอื่นเลย ตั้งแต่เดินเข้ามาผมก็สงสัยมาตลอด คุณกับอีก2คนเป็นเพื่อนกันใช่มั้ยครับ?” จีฮุนถามด้วยความสงสัย
“ใช่ค่ะ พวกเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้วค่ะ”
“จริงๆด้วยสินะ เห็นเป็นผู้หญิงเหมือนกันแถมเลขติดกันด้วย”
“โอเค ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มได้เลยครับ” คิมจีฮุนให้สัญญาน
ซงกาอินหน้าตาและรูปร่างเธอดูน่ารักเหมือน เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ทว่าพลังเสียงของเธอนั้นไม่ใช่เล่นๆเลยทีเดียว น้ำเสียงเธอมีความเกรี้ยวกราดและดุดัน มันเป็นเสียงสูงที่ทรงพลัง เธอรู้วิธีผ่อนหนักผ่อนเบาและเทคนิคการร้องต่างๆ เป็นอย่างดีแถมเธอยังเธอเต้นพร้อมๆกับร้องไปด้วย แม้ว่าจะมีอาการเสียงดรอปบ้างแต่ก็ไม่แปลก เพราะเธอเต้นไปด้วย และดูเหมือนเธอยังไม่ได้เต้นเก่งถึงขนาดรู้วิธีควบคุมเสียงไปพร้อมๆกับการเต้น ซึ่งเพลงที่เธอร้องเป็นเพลงร็อค ที่เธอคิดท่าเต้นขึ้นมาเอง การแสดงของเธอถือว่าทำได้ดีมากอีกคนนึง แต่ด้วยหลงเกาเร็นที่ทำมาตฐานในรอบนี้ไว้สูงทำให้โชว์ของเธอไม่ได้ถึงกับมีการลุกขึ้นยืนปรบมือ
“ในนี้เขียนว่าพึ่งเรียนเต้นได้แค่ไม่นาน แต่ว่าทำได้ถึงขนาดนี้ แปลว่าเรียนรุ้ได้เร็วมากๆนะคะ” จองซูอากระซิบกับคณะกรรมการคนอื่นๆ กาอินรู้สึกพอใจในการแสดงของเธอ หลังจากแสดงเสร็จเธอก็กลับไปนั่งที่พร้อมจับมือกับจองฮวาและซูยอง ซึ่งต่อไปก็เป็นคิวของ จองฮวา ทันทีที่หมายเลข 128ถูกเรียกเธอก็ออกไปเตรียมแสดง ซึ่งการปรากฏตัวของเธอ ทำให้เหล่าผู้ออดิชั่นชายส่งเสียงเชียร์ดังยิ่งกว่าตอนกาอินทำการแสดงซะอีก
“สวัสดีค่ะ ชั้น ยุนจองฮวา อายุ 18ปี จะเริ่มทำการแสดงเป็นลำดับต่อไปค่ะ” เธอพูดจบปุปเสียงเชียร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“หนุ่มๆ ใจเย็นๆกันหน่อยนะ” คิมจีฮุนรีบปราม
“ถ้าพร้อมแล้วเริ่มได้ค่ะ” จองซูอา ให้สัญญานเริ่มการแสดง
เป็นอย่างที่คาดด้วยหน้าตาหุ่นของเธอและองประกอบหลายๆอย่าง มันค่อนข้างชัดว่าเธอจะมาแสดงการร้องเพลง น้ำเสียงของเธอออกแหบนิดๆมีเสน่ห์ เธอเป็นคนที่ มีช่วงเสียงที่กว้างมาก สามารถลงต่ำได้ต่ำมากและขึ้นสูงได้สูงมากเช่นกัน เพลงที่เธอร้องเป็นเพลงบัลลาดช้าๆ แสดงถึงความสง่างามเหมือน “ราชินี” ทุกคนต่างเคลิ้มไปกับน้ำเสียงของเธอ เธอร้องได้ดีพอๆกับกาอินเพียงแต่พลังเสียงของกาอินมีมากกว่า ทำให้เสียงของกาอินมีความดุดัน แต่ของจองฮวาจะเป็นสไตล์เสียงสวย พูดง่ายๆว่า ถ้าคุณถูกพลังเสียงของกาอินแผดเผา ความนุ่มของเสียงจองฮวาจะรักษาคุณเอง หลังจากร้องเสร็จ เหล่าผู้ออดิชั่นชายก็รู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์กันเป็นแถบ คณะกรรมการก็ดูพอใจกับการแสดงของเธอ
“ผมอัดเสียงคุณไปฟังตอนท้อแท้ได้มั้ยครับ?” บยองมันเล่นมุกและสร้างความฮาอีกครั้ง
“ร้องได้ดีมากค่ะ แต่พอจะเต้นได้มั้ยคะ?” จองซูอาถาม
“ก็ไม่ค่อยถนัดเท่าไรค่ะ... “
ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็ขอให้เธอเต้น ซึ่งเธอก็เต้นออกมาได้.... โอเคเธอไม่ถนัดอย่างที่บอกแหละ จองฮวากลับมานั่งด้วยความอายที่เต้นได้ไม่ดี หมายเลข 129 ถูกเรียกขึ้น ซูยอง ลุกขึ้นเตรียมทำการแสดง ฝั่งผู้ออดิชั่นชายดูไม่ได้ออกท่าทางเว่อร์วังกับเธอเหมือนที่ทำกับกาอินและจองฮวา เพราะใน3คนเธอดูเงียบๆและก็เหมือนหยิ่งๆหน่อยๆ ไม่ได้ดูสดใสเหมือนเพื่อนๆของเธอ
“สวัสดีค่ะ ชั้นโยซูยอง อายุ17ปี จะพยายามเต็มที่ค่ะ” เธอพูดด้วยเสียงเรียบๆทำเอาอึมครึมไปทั้งห้อง
“อ่า ชักจะเครียดขึ้นมาแล้วสิ” คิริฮาระพูดขึ้น
“เอ.. คุณนามสกุลโย หรอครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินนามสกุลนี้เลยนะครับ” คิมจีฮุนรู้สึกประหลาดใจ
“ค่ะ ชั้นก็โดนถามเรื่องนี้บ่อยๆ”
“ถ้าเกิดคุณได้เดบิ้วคุณจะได้เป็นคนนามสกุลโย ที่มีชื่อเสียงที่สุดเลยนะ”
“......” ดูเหมือนจะไม่มีใครฮากับมุกนี้เท่าไร
“ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มได้ครับ” บยองมันรีบพูดขึ้นมาเพื่อไม่ให้อึดอัดไปกว่านี้
ซูยองเริ่มการแสดงของเธอ เธอมาแสดงการเต้นในวันนี้ เธอเต้นได้อย่างแข็งแรงและพลิ้วไหว ขัดกับภาพลักษณ์ที่ดูเงียบๆของเธออย่างมาก การเคลื่อนไหวของเธอตรงตามจังหวะบ่งบอกถึงการฝึกที่หนักหน่วงของเธอ ผู้ออดิชั่นรวมถึงคณะกรรมการเริ่มรู้สึกสนุก สามารถพูดได้ว่า เธอเต้นได้ดีเป็นอันดับต้นๆในวันนี้เลยทีเดียว
“หน้านิ่งๆแต่ฟีลลิ่งมาเต็มแบบนั้น โครตเท่เลยว่ะ” 1ในผู้ออดิชั่นซุบซิบกับเพื่อนของเขา
ยิ่งเธอเต้นมากเท่าไร เสียงเชียร์ของเขาผู้ออดิชั่นชายก็ยิ่งดังขึ้นมากเท่านั้นไม่เว้นแม้แต่หลงเกาเร็นที่เซอร์ไพร์กับความสามารถของหญิงสาวที่เขาเจอทีป้ายรถบัส จนกระทั่งเธอแสดงเสร็จเธอก็ได้รับเสียงเชียร์จากทุกคนไม่ต่างกับเพื่อนทั้ง2คนของเธอ เทรนเนอร์จองซูอารู้สึกปลิ้มปริ่มเป็นอย่างมาก
“เธอเต้นเก่งแล้วก็ดูน่ารักมากเลย มาเป็นลูกแม่เถอะลูก” จองซูอาเทรนเนอร์สอนเต้นดูมีความสุขมาก
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มแล้วตอบกลับไป
“มีอะไรมาโชว์พวกเราอีกมั้ยครับ?” บยองมันถาม
“เอ่อ.. จะว่ามีก็มีค่ะ” เธอตอบแบบเท่ๆ
หลังจากนั้นเธอก็เลยโชว์การแรปออกมาอย่างไม่มีใครคาดคิดแม้แต่เพื่อนของเธอเอง เธอแรปในเนื้อเพลงที่เธอแต่งขึ้นเองตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอไม่ใช่ฝึกเต้นแต่เธอยังแอบฝึกแรปไว้ด้วย เผื่อจะมีเหตุการณ์ขอให้โชว์อย่างอื่นแบบนี้ขึ้น ซึ่งแสดงถึงนิสัยที่รอบคอบเอามากๆ ซึ่งการแรปของเธอแม้จะยังไม่ได้ดีมาก แต่ในมาตฐานไอดอลก็คือว่ายอมรับได้ การออกเสียงของเธอยังงุ้งงิ้งอยู่หน่อยๆ การควบคุมเสียงก็ยังต้องปรับปรุงต่อไป แต่โดยรวมการแรปของเธอถือว่าโอเค และสีหน้าที่นิ่งๆแต่ฟีลลิ่งมาเต็มของเธอก็เข้ากับการเป็นแรปเปอร์มาก เธอแรปออกมาได้เท่ทีเดียว
“อืมม เธอก็แรปใช้ได้นะ คิดเหมือนกันมั้ย เกาเร็น?” บยองมันหยอกล้อเกาเร็น ทำให้ทั้งห้องเกิดเสียงหัวเราะขึ้น แต่คงไม่ใช่กับซูยองที่ยังดูเขินอายกับเกาเร็น ผลการออดิชั่นของ3สาวถือว่าเป็นไปได้ดี พวกเธอก็ดูพอใจกับการออดิชั่นครั้งนี้หลังจากที่แสดงครบทุกคน พวกเธอเดินออกมาเตรียมจะกลับบ้าน แต่ทว่า ก่อนกลับกาอินและจองฮวาคิดว่า ควรจะให้ซูยองขอบคุณเกาเร็นซะก่อน พวกเธอเดินตรงไปหาเกาเร็นที่กำลังจะออกจากบริเวณบริษัท
“เอ่อ คุณชื่อหลงเกาเร็นใช่มั้ยค่ะ” จองฮวาเดินนำเพื่อนๆของเธอเข้ามาทักทายเกาเร็น
“พอดี วันนี้เพื่อนชั้นหลงทางน่ะค่ะ ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้คงแย่แน่ๆ เลยอยากจะขอบคุณน่ะค่ะ” จองฮวาพูดถึงเรื่องในวันนี้
“อ่าา จริงๆแล้วผมไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำนะครับ ไม่ต้องขอบคุณหรอก “ เกาเร็นยิ้มก่อนทำท่าจะเดินจากไป
“....ขอบคุณนะ…" เธอพูดมันออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“….อืม” เกาเร็นหันกลับมาพูดเขายิ้มและพยักหน้าก่อนจะเดินจากไป...
----------------------------------------------------------
10/2/2017
20.15 ห้องออดิชั่น หลังจากออดิชั่นกันอย่างทรหดเป็นเวลาถึง8ชั่วโมง คณะกรรมการเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากในที่สุดก็ดำเนินการมาถึง ชุดสุดท้ายแล้ว โดยในรอบนี้มีเพียง4คนเท่านั้นนั่นคือ หมายเลข 421-424 หมายเลข 421 และ 422 แสดงจบไปแล้วการแสดงของพวกเขาไม่ได้ทำให้คณะกรรมการรู้สึกน่าสนใจแต่อย่างใด แตกต่างกับ หมายเลข 423 อย่าง “คิมซอนอิน” ที่แสดงออกมาได้อย่างดี การแสดงของซอนอินเหมือนการปลุกคณะกรรมการจากความเบื่อหน่าย ซึ่งทำให้การแสดงของคนต่อมาถูกคณะกรรมการที่กลับมามีสติจับจ้องอย่างไม่ให้คลาดสายตา....
“คุณเป็นคนไทยซินะ?” คิมจีฮุนถามคำถามแปลกๆ
“ใช่ครับ” อีกฝ่ายตอบกลับมา
“ถ้างั้นทำไมถึงใส่ชุดนั้นมาล่ะ?” คิริฮาระถาม
“พอดี พอมาเกาหลีแล้วก็เอาเสื้อที่ตัวใส่ไปซัก แต่พอเปิดกระเป๋าเดินทางมาดันมีแต่เสื้อผ้าของพี่สาวน่ะครับ”
“ถ้างั้นทำไมไม่ซื้อใหม่ซะล่ะ?” จองซูอาถาม
“ถ้าไปซื้อใหม่ก็กลัวว่าจะมาออดิชั่นไม่ทันน่ะครับ”
“แล้วนายเป็นล่ามของเขารึไงคิมซอนอิน?” บยองมันถาม
“ก็เขาไม่เข้าใจภาษาเกาหลีนี่ครับ ทางที่ดีให้เขาโชว์เลยดีกว่า” ซอนอินพูด
หลังจากที่คุยกันที่ร้านกาแฟ เขาก็รู้จัก”สมชาย”มากขึ้น และเขาสัญญาว่าจะช่วยเรื่องคำถามของคณะกรรมการให้ได้มากที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ คิมซอนอินได้ทำการแสดงของเขาไปแล้ว ซึ่งคิมจีฮุนนั้นรู้จักกับซอนอินและพ่อของเขามาก่อนแล้วและเขาเป็นคนแนะนำซอนอินให้มาออดิชั่นเองกับมือ ซึ่งคิมซอนอิน ได้ทำการแสดงของเขา ได้อย่างน่าประทับใจ เขาแสดงการเต้นในแบบที่ไม่มีใครคาดคิดคือ “เขาฟรีสไตล์” ปรกติเขาควรจะเตรียมการแสดงมาจะได้มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรพลาดแต่เขากลับใช้การฟรีสไตล์ที่ไม่มีกฎตายตัว ฟีลลิ่งในการเต้นของเขาก็ยอดเยี่ยม เขาทำให้ผู้ชมตกอยู่ในภวังค์ได้ราวกับเวทย์มนต์ เขาจัดระเบียบร่างกายได้ดีเป็นพรสวรรค์ สเต็ปเท้าของเขารวดเร็ว ร่างกายของเขารวมเป็นหนึ่งเดียวกันแต่ถ่ายทอดออกมาผ่านการเต้น สามารถพูดได้เต็มปากว่าเรื่องการเต้นนั้นเขาเป็นอันดับ1ของวันนี้เลยก็ว่าได้ และหลังจากที่เขาเต้นเสร็จ ก็เป็นครั้งที่ 3ในวันนี้ที่คณะกรรมการและผู้ออดิชั่นคนอื่นๆลุกขึ้นยืมปรบมือให้เขา แต่ว่าเรื่องการร้องและแรปก็..... คงต้องฝึกฝนกันต่อไป... คราวนี้ก็มาถึง “ชายคนนี้” ชายหน้าหวานเหมือนกับผู้หญิงพร้อมชุดแต่งกายสุดหวานแหวว
“ถ้าพร้อมแล้วเริ่มได้ครับ” คิมจีฮุนให้สัญญาน
คิมซอนอินสะกิดเพื่อนของเขาว่าให้เริ่มแสดงได้ “สมชาย” แสดงการร้องเพลงซึ่งเสียงร้องของเขาก็ออกมาไพเราะ มันเป็นโทนเสียงแหบทุ้มๆมีเสน่ห์ เหมือนพวกนักร้องร็อคยุค80 ยังไงแบบนั้น ซึ่งเพลงที่เขาร้องเป็นเพลงภาษาไทย ที่แม้จะไม่มีใครเข้าใจแต่ด้วยฟีลลิ่งและเสน่ห์ของเขาทำให้เรื่องภาษาไม่เป็นปัญหาออกต่อไป เขาขึ้นเสียงสูงได้ประมาณ แม้พลังเสียงจะไม่ได้มีมากเหมือนฮยองซาน แต่ก็ทำให้ผู้ชมสามารถมีอารมณ์ร่วมไปกับมันได้อย่างน่าประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะใส่เสื้อโชว์ไหล่สีชมพูสดนั่นมาก็ตาม การแสดงของสมชายออกมาดี หลังจากร้องเสร็จ เขาถูกขอให้เต้นให้ดูซึ่งผลก็คือ เขาสามารถเต้นได้ดีทีเดียว ไม่ใช่ว่าถึงขนาดเต้นไม่เป็น หลังจากแสดงเสร็จสมชายก็เอ่ยคำขอบคุณเป็นภาษาเกาหลีกับขณะกรรมการ
“ขอบ คุณ ครับ” เขาขอบคุณด้วยเสียงทุ้มๆของเขา ซึ่งขัดกับหน้าตาและชุดแต่งกายมาก
“ถ้าผ่านการออดิชั่นเราจะติดต่อกลับภายใน1สัปดาห์นี้ขอบคุณมากครับ” คิมจีฮุนพูดเหมือนที่พูดกับทุกกลุ่มที่เข้ามาออดิชั่นและนี่คือครั้งสุดของที่เขาจะต้องพูดมันในวันนี้ คิมจีฮุนรู้สึกเหนื่อยมากๆกับวันนี้ เช่นเดียวกันกับ คิริฮาระ บยองมัน และ จองซูอา หลังจากนี้พวกเขาต้องมาประชุมกันและดูวิดิโอการออดิชั่นซ้ำอีกครั้งก่อนตัดสินใจ
----------------------------
10/2/2017
22.00น.คอนโดของคิมจีฮุน
“ผ่านไปจนได้สินะ” เขาพูดอยู่คนเดียวห้องนอนของเขา
“ก่อนอื่นคนที่ อยากเห็นอีกครั้ง... "
“ชินแทฮยอง..?”
“ ยุนแทกึน....?”
“…ถ้าเกิดชั้นพัฒนานาย2คนได้ล่ะก็....”
“จบตอนที่ 2”
--------------------------
ตอนต่อไป
-ยุนแทกึนจะทำยังไงกับ คำติชมพวกนั้น
-ชินแทฮยองจะยอมแพ้ให้กับความฝันรึเปล่านะ?
-หลงเกาเร็น ยูฮยองซาน และ คิมซอนอิน TOP 3 แรป ร้อง เต้น?
-สามสาวจะได้เป็นเด็กฝึกในค่ายทีต้องการเดบิ้ว บอยกรุ๊ปมั้ยนะ?
-สมชายผู้เข้าออดิชั่นประหลาดผลของเขาจะเป็นยังไง!
--------------------------------------
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Dec 4, 2017 13:25:46 GMT
“นั่นมันธรรมดามากเลยไม่ใช่หรอ”
“ฝึกมาตั้งนานแต่ทำได้แค่นี้จริงๆน่ะหรอ?”
“นั่นเขาที่โฆษนาขนมห่อนี่”
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงซุบซิบนินทา ผมเคยมีชีวิตในวงการที่รุ่งโรจน์หลังจากโฆษนาขนมห่อนั่นดังไปทั่ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกอยากมอบความสุขให้กับคนอื่นผ่านการร้องการเต้นของผม ความรู้สึกที่เคยว่างเปล่าของผมถูกเติมเต็มด้วยความฝันที่อยากเป็นไอดอลแต่วันนี้ความฝันนั้นกลับย้อนมาทิ่มแทงและทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก ผมเคยฝึกที่JYEกับเพื่อนคนอื่นๆที่เป็นเด็กฝึกด้วยกัน ตอนนั้นพวกเราถูกแบ่งเป็น2กลุ่มใหญ่ๆ หลังจากฝึกมานานถึง7-8ปี พวกเขาก็เติบโตและได้เดบิ้ว แต่นั่นก็แค่ครึ่งนึงของพวกเราทั้งหมด.... ผมรู้สึกยินดีและดีใจที่พวกเขาได้เดบิ้ว และผมก็เสียใจที่ไม่ถูกเลือก..
ผมจบกับ JYE ไปทั้งแบบนั้น การเป็นเด็กฝึกหัด คุณจะไม่มีรายได้ คุณจะมีแต่ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเองแม้ว่าทางค่ายจะดูแลเรื่องที่พักให้ แต่เรื่องของค่าใช้จ่ายในการฝึกนั้นไม่ได้เข้าไปฝึกกันฟรีๆ มันก็เหมือนกับการที่เราพยายามอย่างหนักในการสอบเข้าโรงเรียนชั้นนำเพื่อเข้าไปเรียนและเสียค่าเทอมมหาศาลนั่นแหละ ครอบครัวของผมไม่ได้ร่ำรวยอะไร ยิ่งผมฝึกนานเท่าไร ผมก็ยิ่งท้อแท้มากขึ้นเท่านั้น หลังจากที่ผมล้างหน้าแปรงฟัน ผมก็เดินลงมากินข้าวที่โต๊ะอาหารเหมือนอย่างเคย แม้ของผมกำลังทำอาหารเช้าให้ผมและพ่อเหมือนอย่างเคย พ่อของผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ระหว่างรอ ผมเองก็เดินไปนั่งข้างๆเขา
“ออดิชั่นเป็นไงบ้างล่ะลูก” เขาถามผม
“ก็เหมือนเดิมแหละครับ” ผมตอบกลางๆไว้ก่อน
“ถ้าไม่ติดที่นี่ไปที่อื่นต่อก็ได้เนอะลูก” แม่ของผมพูดขึ้นมา
คำพูดแบบนั้น ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดกับความอ่อนฝีมือของตัวเอง ผมอยากจะเดบิ้วเร็วๆ เพื่อตอบแทนพ่อและแม่ของผมที่สนับสนุนผมตลอดไม่ว่าผมจะอยากทำอะไรก็ตาม หลังจากอาหารเสร็จผมก็กินมันจนหมดอย่างเคย ผมเอาจานของตัวเองและของพ่อผมที่ออกไปทำงานมาล้างเพื่อแบ่งเบาภาระของแม่
“นี่ แทฮยองโทรศัพท์แม่ใช้ วายฟาย ไม่ได้ ดูให้หน่อยสิ” แม่ของผมดูเหมือนจะมีปัญหาเรื่องอินเตอร์เน็ท
ผมเดินไปกดเปิดปิดกล่องรับสัญญานใหม่ ดูเหมือนมันจะมีอาการขัดข้อง นิดๆหน่อยๆ ทันทีที่เปิดปิดใหม่รอไปซักพักมันก็กลับมาใช้ได้ตามปรกติ
“ตื้อดึง” เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ผมดังขึ้น มันถูกส่งมาซักพักแล้วแต่คงเป็นเพราะก่อนหน้านี้สัญญานใช้ไม่ได้ทำให้ผมไม่เห็นว่ามันถูกส่งมา มันเป็นอีเมลล์ที่ถูกส่งมาหาผม ซึ่งเนื้อความมันกล่าวไว้ว่า”ยินดีด้วย คุณผ่านการออดิชั่นแล้ว เจอกันที่บริษัทวันที่ 15/2/2017”
-----------------------------------
The Trainee
ตอนที่ 3 : วันแรก
-----------------------------------------------
15/2/2017
9.00 น. ภายในห้องรับรองบริษัท KJH
ห้องนี้เป็นที่ ผู้ออดิชั่นเคยมานั่งรอเวลาก่อนจะถูกเรียกเข้าห้องออดิชั่น คราวก่อนนั้นพวกเขาเข้าห้องนี้ด้วยความรู้สึกกดดันและเครียด แต่ในคราวนี้มันกลับรู้สึกดีกว่าคราวก่อนมาก ภายในห้องมีผู้ชาย2คนกำลังพูดคุยกันจากข่าวที่ถูกเปิดดูในโทรศัพท์
“บริษัท KJH ทำการออดิชั่นเรียบร้อย ทุกคนต่างรอคอยการเดบิ้วของพวกเขา” หนุ่มตาตี่พูดขึ้น
“นี่แทกึน นายเคยคิดมั้ยว่าวันนึงจะมีคนเขียนข่าวถึงพวกเรา?”เขาถามชายผมน้ำตาลข้างๆ
“ข่าวนั่นไม่ได้ เขียนถึงเราซักหน่อย เขาเขียนถึงบริษัทต่างหาก”
“แต่นั่นก็บริษัทของพวกเราไม่ใช่รึไง ตอนนี้เราเป็นส่วนนึงแล้วนี่นา”
“ที่ฮยองซานพูดน่ะถูกต้องแล้วล่ะแทกึน”
คิริฮาระเดินเข้ามาภายในห้อง ทั้ง2คนลุกขึ้นก่อนโค้งคำนับเขา คิริฮาระหรือเทรนเนอร์สอนร้องเพลงประจำบริษัท ทุกคนที่มาออดิชั่นน่าจะเคยเห็นเขามาก่อนแล้ว
“วันนี้ชั้นมาต้อนรับพวกนายรวมถึงอธิบายเรื่องต่างๆให้ฟังรอมากันครบก่อนแล้วกันนะ”
เขาพูดก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวริมสุด ฮยองซานกับแทกึนที่นั่งอยู่ตรงกลางก็รู้สึกเกร็งๆทำให้ไม่กล้าพูดคุยกันซักเท่าไร คิริฮาระนั่งฟังเพลงจากโทรศัพท์ของเขาไม่ได้สนใจทาง สองเด็กฝึกหัดมากนัก ซักพักก็มีคนเข้ามาเพิ่ม
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มผมทองตัวสูงเดินเข้ามาพร้อมกล่าวทักทาย
“หลง เกาเร็นใช่มั้ย? เชิญทางนี้เลย” คิริฮาระพูดพร้อมเรียกเกาเร็นให้มานั่งกับสองหน่อ
“ทำความรู้จักกันไว้ล่ะพวกนายยังต้องอยู่กันอีกนาน” ยังไม่ทันที่เกาเร็นจะเดินถึงก็ดูเหมือนจะมีคนมาเพิ่มอีกคนแล้ว
“สวัสดีจ้า” เขาเป็นหนุ่มตัวไม่ค่อยสูงซักเท่าไร ท่าทางเขาดูขี้เล่นและผ่อนคลายมากๆ
“คิมซอนอินซินะ มานั่งตรงนี้เลย” คิริฮาระพูดขึ้นอีกครั้ง
หลังจากนั้นเกาเร็นและซอนอินก็เข้ามานั่งกับแทกึนและฮยองซานจนได้ พวกเขาแนะนำตัวซึ่งกันและกัน แทกึนดูเหมือนจะเงียบๆกับคนแปลกหน้าหน่อยๆ ในขณะที่ฮยองซานไม่ใช่แบบนั้นเขาตื่นเต้นที่ได้เจอกับหลงเกาเร็นอย่างมาก สำหรับฮยองซานที่รู้จักเกาเร็นในฐานะคนดังก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ฮยองซานพยายามหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเซลฟี่กับเกาเร็นในขณะที่ซอนอินก็พยายามยื่นหน้าเข้ามาถ่ายด้วย
“นายจะไม่ถ่ายรึไง แทกึน?” ฮยองซานเรียกเพื่อนของเขา
แทกึนไม่มีทางเลือกถ้าเกิดเขาไม่ถ่ายด้วยก็กลัวจะทำให้ภาพลักษณ์ดูหยิ่งๆ ทั้ง4คนเลยตั้งท่าเก๊กหน้าถ่ายรูปด้วยกันเป็นรูปแรก คิริฮาระมองดูพวกเขาด้วยสายตาแบบคุณลุง แต่ยังไม่ทันได้ถ่ายทันใดนั้นเอง
“มีคนอยู่มั้ยครับ?” เสียงของชายหน้าตาหล่อดังขึ้น
“โอ๊ะ นั่นชินแทฮยองนี่” ฮยองซานจำเขาได้ในทันที
“มานี่สิแทฮยอง เพื่อนเขากำลังถ่ายรูปกันอยู่” คิริฮาระเรียกเขาเหมือนกับที่เรียกทุกคน
แทฮยองรีบเดินตรงไปที่จุดที่พวกเขาถ่ายรูปกัน แม้แทฮยองจะไม่ทันได้แนะนำตัวอะไรแต่ดูเหมือนพวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้ว ฮยองซานกดถ่ายออกไป ภาพที่ออกมาดูดีใช้ได้ ถ้าไม่นับว่ามีบางคนรู้สึกน้อยเหนือต่ำใจอยู่หน่อยๆ
“ถ้ารูปนี้ไม่มีแทกึนล่ะก็ ชั้นต้องออกมาเหมือนปลาหมึกแน่ๆ” ฮยองซานตัดพ้อเรื่องหน้าตา
“นี่นายหมายความยังไงห๊ะ!?” แทกึนหันไปพูดใส่ฮยองซาน สร้างความตลกขบขันไปทั่วๆ
หลังจากที่มากัน5คนแล้ว ชินแทฮยองก็แนะนำตัวของเขาให้ทุกคนได้รู้จัก ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันมาก คิริฮาระก็ลุกขึ้นและเดินมาที่ตรงกลางห้องเหมือนเขามีเรื่องสำคัญจะพูด พวกเด็กฝึกทั้ง5คนก็รู้สึกได้และตั้งใจฟังเขาอย่างดี
“นี่พวกนาย ฟังทางนี้นะ ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ”คิริฮาระเกริ่น
“นับจากวันนี้ไปพวกนายจะได้เป็นเด็กฝึกที่นี่ เดี๋ยวเสร็จจากนี้พวกนายต้องไปทำบัตรเพื่อเข้าบริษัทก่อน จริงๆยังมีอีก1คนเดี๋ยวเขาจะตามมาทีหลัง”
“วันนี้ตอนนายมาที่นี่ ต้องเอาบัตรประชาชนให้ยามใช่มั้ย หลังจากวันนี้พวกนายจะได้ใช้ใบนี้แทน”
“เรื่องที่2คือ เรื่องค่าใช้จ่าย ทางบริษัทจะจ่ายค่าที่พักให้พวกนายเองส่วนเรื่องค่าอาหารการกินพวกนายต้องออกกันเอง”
“และค่าฝึกพวกนายต้องจ่ายคนละครึ่งกับบริษัท พวกนายก็คงรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนรัฐบาลที่ให้นายเรียนฟรีหรอกนะ”
“และพวกนายจะไม่ได้รับเงินในการเป็นเด็กฝึก เว้นแต่ว่าถ้าเราสามารถดีลงานให้พวกนายได้”
“อย่างเช่น ถ่ายแบบ ถ่ายโฆษนา หรือ ถ่าย MV ถ้านายได้รับเลือกนายก็จะได้เงิน”
“จบเรื่องที่2 ต่อไปเป็นเรื่องสุดท้าย ที่สำคัญมาก ต่อจากนี้ไป ห้ามพวกนายเซลฟี่กับคนนอกอีก”
“เราไม่อยากให้ภาพเล่านั้นถูกขุดขึ้นมาหลังจากที่นายเดบิ้ว”
“และถ้านายมีแฟนอยู่ล่ะก็คิดให้ดีๆซะล่ะ... เพราะเราไม่สนับสนุนเรื่องรักใคร่ๆซักเท่าไร”
“และพวกนายห้ามมีความรัก กับเด็กฝึกด้วยกันเด็ดขาด เอาล่ะวันนี้มีเรื่องจะบอกแค่นี้ เดี๋ยวพวกนายเดินออกไปจะเจอรถตู้ที่จะพานายไปที่หอพัก แล้วก็เลือกรูมเมทกันด้วยล่ะ”
“แล้วก็เรื่องหอพัก นายจะกลับไปนอนบ้านได้แค่หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้พวกนายแอบไปทำอะไรนอกลู่นอกทาง เอาล่ะไปกันได้เลย”
หลังจากที่ประกาศเสร็จพวกเขาก็พากันเดินไปถ่ายรูป กรอกประวัติโปรไฟล์ทำบัตรเด็กฝึกก่อนจะ ออกมาที่ข้างนอกและขึ้นรถตู้ที่เตรียมไว้ พวกเขามีความรู้สึกผสมปนเปกันไป ฮยองซานแทกึน และเกาเร็นนั่งที่แถวหน้า3คน ส่วนแถวหลังเป็นซอนอินและแทฮยอง พวกเขาขึ้นมานั่งและเงียบไปซักพัก ก่อนที่คิมซอนอินจะเริ่มถามเพื่อนๆของเขา
“เรื่องความรักน่ะ ใครมีแฟนอยู่ตอนนี้บ้าง? ชั้นไม่มีนะ” เขาถามแต่ไม่มีใครตอบดูเหมือนจะไม่มีใครมีอยู่ตอนนี้
“จะว่าไป ชั้นเคยมีแต่พึ่งเลิกไปเร็วๆนี้เองล่ะ?” ฮยองซานพูดขึ้นมา
“ทำไมเป็นงั้นล่ะ?” ซอนอินถามต่อ
“มันเป็นช่วงใกล้สอบน่ะ เธอชวนชั้นไปติวหนังสือ แต่ชั้นดันพูดแต่เรื่องไอดอลหญิง เลยเลิกกันวันนั้นเลย”
“พรื่ดด” แทกึนใม่สามารถกลั้นขำไวได้
“ขำอะไรของนายวะ แทกึน!” เขาหันไปถามแทกึนที่กำลังกลั้นขำกับเรื่องราวของฮยองซานที่ดูเพี้ยนสุดๆ
“แล้วนายล่ะแทกึน มีแฟนหรือคนที่แอบชอบมั้ย?” คิมซอนอินหันมาถามเขาบ้าง
“หมอนี่น่ะ ไม่มีแฟน ส่วนคนที่แอบชอบน่ะ ก็คือ คู-“ ยังไม่ทันได้พูดต่อแทกึนก็ต้องรีบหยุดปากเร็วๆฮยองซาน
“เมื่อกี้พูดว่า คูซินะ หมายถึงอะไรนะ?”ซอนอินรู้สึกสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก ชั้นไม่มีทั้งแฟนหรือคนที่แอบชอบทั้งนั้นนั่นแหละ”
แทกึนรีบปฎิเสธข่าวลือ ก่อนที่เกาเร็นและแทฮยองก็เปิดปากบอกว่าพวกเขาไม่มีแฟนเช่นกัน เพราะฉะนั้นพวกเขาเลยสบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
-------------------------
10.00 น.
หอพัก
พวกเขานั่งรถแค่ประมาณไม่ถึง5นาทีด้วยซ้ำ มันถึงเร็วกว่าที่คิดไว้มาก พนักงานที่พาเขามาพาพวกเขาเข้าไปที่เค้าเตอร์เช็คอิน มันเป็นอพาร์ตเม้นสภาพค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตมากดูเหมือนเจ้าของตึกจะเป็นญาติของคิมจีฮุน เท่าที่ฟังจากสตาฟคุยกับคนขับรถตอนที่ขับมา พวกเขาสะพายกระเป๋าสัมภาระก่อนจะลงจากรถ สตาฟพาพวกเขาไปที่ชั้น2 ห้องของพวกเขาคือห้องอันดับที่ 205ถึง207 โดยเป็น3ห้องริมสุดโดยห้อง207เป็นห้องริมสุด พวกเขาต้องเลือกรูมเมทกันเอง ห้องละ2คน หมายความว่าจะมีหนึ่งคนที่ได้อยู่คนเดียวจนกว่าอีกคนจะมา
“เอายังไงดีล่ะเรื่องรูมเมท” แทฮยองพูดขึ้น
“ชั้นว่าเรามาจับสลากกันดีมั้ย?” ซอนอินเสนอไอเดียสุดประหลาด
“จะได้รู้จักกันทั่วๆไง ไม่งั้นจะสนิทกันได้ไง?”
“ที่เขาพูดก็ถูกนะ” เกาเร็นเห็นด้วยกับความคิดของเขา
ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มจับสลากกัน โดยแบ่งเป็นกระดาษ3สี ใครจับได้สีเดียวกันต้องอยู่ด้วยกัน แล้วก็ห้องใครได้รูมเมทครบก่อนจะได้เลือกห้อง คนแรกที่ได้จับคือพี่ใหญ่เกาเร็นที่อายุมากที่สุด โดยเขาจับได้กระดาษสีส้ม ตามมาด้วย ชินแทฮยองคนที่มีประสบการณ์การฝึกมากที่สุด เขาจับได้สีฟ้า คนต่อมาคือ แทกึน เขาจับได้สีฟ้าเช่นเดียวกับแทฮยอง พวกเขาได้เลือกมาเป็นทีมแรก
“ชั้นนึกไม่ออกเลยว่าพวกเขาจะอึดอัดกันขนาดไหน”
ฮยองซานดูเหมือนจะรู้ชะตากรรมของคู่นี้ดี พวกเขาเป็นพวกพูดน้อยทั้งคู่ แทฮยองและแทกึนตัดสินใจเลือกห้อง 207 ที่อยู่ริมสุดไป ดูเหมือนจะเป็นห้องที่พวกเขาอยากได้มากที่สุดเพราะเสียงรบกวนจากห้องข้างๆดูเหมือนจะน้อยกว่าห้องอื่นๆ พวกเขาจับสลากกันต่อไป คนต่อไปคือซอนอินเขาได้กระดาษสีขาว นั่นหมายความว่า การจับของฮยองซานจะตัดสินใจทุกอย่าง และเขาก็จับได้สีส้ม ฮยองซานได้อยู่กับเกาเร็นทั้งคู่เลือก ห้องที่ 205 และซอนอินที่ได้อยู่คนเดียว ต้องอยู่ในห้อง 206
“ชั้นควรดีใจหรือเสียใจดีนะ” ซอนอินรุ้สึกแปลกๆ
“ได้อยู่คนเดียวเป็นส่วนตัวจะตายน่า” ฮยองซานพูดปลอบใจเขา
หลังจากนั้นพวกเขาทั้ง5คนก็เอาสัมภาระไปเก็บที่ตู้เสื้อผ้าภายในห้อง ที่ตามมุมผนังมีกล้องวงจรปิดจับตาดูอยู่ตลอดเวลา หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันออกมาหาอะไรกินบริเวณใกล้ๆ ซึ่งมีอาหารอยู่มากมาย จริงๆแล้วที่นี่มันสวรรค์ชัดๆ พวกเขาเดินหาร้านอยู่พักนึง จนกระทั่ง
“นั่นมันบริษัทนี่” แทกึนมองเห็นบริษัทของเขาพวกอยู่ไม่ไกลมาก แค่เดินออกจากซอยและข้ามถนนไปเดินอีกหน่อยก็ถึงแล้ว
“แบบนี้เราเดินไปเลยก็ได้นี่ สะดวกสบายจังนะ” ซอนอินพูด
“ชั้นว่าเรากินอาหารจีนร้านนี้กันมั้ย ?”
เกาเร็นดูเหมือนอยากกินอาหารบ้านเกิดและทุกคนก็ดูเห็นด้วยพวกเขาเข้าไปนั่งในร้านอาหารจีน พวกเขานั่งที่โต๊ะริมกินไปมองบริษัทไปใจสุขสันต์ ในตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมพอดี ฮยองซานที่อยู่ม.5 กำลังจะขึ้น ม.6ในเทอมหน้า ส่วนแทฮยอง แทกึน และ ซอนอิน ดูเหมือนจะเรียนจบเตรียมต่อมหาลัยกันแล้ว พวกเขาเลยพูดเรื่องนี้กันระหว่างทานอาหาร
“นี่นายจะต่อมหาลัยมั้ย?” แทฮยองถามแทกึน
“ตอนแรกก็ว่าจะต่อนะ แต่พอได้มาเป็นเด็กฝึกก็เลยคิดๆอยู่ “ แทกึนตอบ
“นี่ ตอนชั้นมาเห็นมีมหาลัยศิลปะอยู่แถวๆนี้ ลองไปถามพวกครูฝึกกันเถอะ เผื่อเขาจะช่วยได้นะ” ซอนอินหูไวตาไวใช้ได้
“นี่ นายคิดว่า เด็กฝึกจะมีแค่พวกเรา5คน ไม่สิ6คนจริงๆหรอ?” ฮยองซานพูดขึ้น
”ชั้นก็คิดว่า มันก็ดูน้อยไปเหมือนกันนะ” เกาเร็นเองก็เห็นด้วยกับฮยองซาน
“แล้วก็ถ้ามีแค่พวกเราจริงๆ...”
“ทำไมถึงมีกฎห้ามมีความรักกันนะ?” ซอนอินพูดขึ้นมาอย่างน่าสนใจ
--------------------------------------
ในขณะเดียวกัน
11.00 น.
ภายในบริษัท KJH ในที่เป็นส่วนออฟฟิช
“161 เซนติเมตร 47 กิโลกรัม” เสียงของพนักงานบริษัทคนนึงดังขึ้นขณะกำลังทำบัตรพนักงานให้กับ “ซง กาอิน”
“รูปเธอออกมาดีอยู่นะ กาอิน” เพื่อนของเธอพูดขึ้น
“แต่ก็ยังไม่ดีเท่าของเธออยู่ดีแหละ จองฮวา” กาอินพูดกับจองฮวาเพื่อนของเธอ
“ต่อไปค่ะ”
เสียงพนักงานพูดขึ้น ก่อนที่เด็กสาวผมสีน้ำตาลจะเดินไปถ่ายรูปเป็นอันดับแรก ก่อนจะวัดส่วนสูงและช่างน้ำหนัก แล้วเธอก็มายืนรอรับบัตรสำหรับเด็กฝึก เสร็จแล้วเธอก็มายืนรวมกับเพื่อนๆของเธออีก2คน ก่อนที่จะได้รับบัตรของพวกเธอไป ก่อนที่สตาฟจะพาพวกเธอออกจากห้องนั้นและพาเธอไปขึ้นรถตู้ที่เตรียมไว้ หลังจากขึ้นมาพวกเธอก็คุยกันตามประสาผู้หยิง
“เธอคิดยังไงกับข้อห้ามความรักหรอ?” ซูยองถามกาอินที่เป็นพี่ใหญ่
“จริงๆชั้นไม่สนใจเรื่องนั้นอยู่แล้ว”กาอินพูดขึ้น
“แต่จะว่าไปทำไมถึงไม่เห็นพวกเด็กฝึกชายเลยนะ” จองฮวาสงสัย
“เท่าที่ชั้นรู้มานะ เคยมีไอดอลชายคนนึงเล่าว่า ถึงแม้จะอยู่บริษัทเดียวกัน แต่เขาแทบไม่เจอเด็กฝึกหญิงตอนที่กำลังฝึกเลย ว่ากันว่า เวลาฝึกเวลาพัก ระหว่างเด็กฝึกหญิงชายมันต่างกันหมดเลยน่ะ”ซูยองพูดขึ้น
“เธอนี่หาข้อมูลมาพร้อมก่อนตลอดเลยนะ” กาอินพูดกับเพื่อนของเธอ
รถตู้ของพวกเธอแล่นไปตามถนนเรื่อยๆก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยๆนึงไป ซอยมันไม่ได้กว้างนัก และพอดีกับมีมอเตอร์ไซน์ส่งอาหารของร้านอาหารจีนร้านนึงกำลังออกมาเพื่อเอาอาหารไปส่งทำให้รถตู้ต้องจอดรอให้มอเตอร์ไซน์ไปก่อนทันใดนั้นเองกาอินที่นั่งริมหน้าต่างก็สังเกตเห็นบางอย่าง
“นี่จองฮวา นั่นเขานี่!?” กาอินพูดด้วยท่าทีตกใจ
“ห๊ะ ใครนะ” จองฮวาที่นั่งตรงกลางมองไม่เห็น
“คนที่ชั้นถามเธอวันนั้นไง ดาราเด็กที่แปลงร่างในโฆษนาขนมห่อไง” กาอินพูดกับจองฮวาด้วยท่าทีตื่นเต้น
“อ๊ะใช่จริงๆด้วย อย่าบอกนะว่าเขาผ่านการออดิชั่นเหมือนกันก็เลยอยู่แถวนี้น่ะ” จองฮวาที่ชะโงกดูก็เริ่มสงสัย
“แต่ชั้นเดาว่าบ้านเขาคงจะอยู่แถวๆนี้เฉยๆล่ะมั้ง” ซูยองไม่สนใจท่าทางของเพื่อนๆเธอเลยซักนิด
“นั่น ใช่หลงเกาเร็นรึเปล่านะ?” จองฮวาพูดถึงคนที่นั่งหันหลังให้พวกเธอ
“ห๊ะ!! ไหน!?”
ซูยองเอาหน้ามาติดหน้าต่างเพื่อดู ในขณะที่รถตู้เริ่มเดินหน้าต่อ ใช่ เธอเห็นชัดว่านั่นคือหลงเกาเร็น มันหมายถึงอะไร? ชินแทฮยองกับเกาเร็นเป็นเพื่อนกัน และบ้านอยู่แถวนี้หรอ? ถ้างั้นผู้ชายคนอื่นๆอีก3คนที่นั่งอยู่นั่นล่ะ? คนพวกนั้น คือใคร รถตู้ขับไปแค่อีกนิดเดียวก็ถึงที่พักแล้ว..... แบบนี้มันบังเอิญสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไง ทั้ง3คนขึ้นลิฟไปที่ชั้น4ทันที พวกเธอได้อยู่ห้อง401 เป็นห้องริมสุดอีกฝั่งตรงกันข้ามกับฝั่งของ ฝั่งชายโดยสิ้นเชิง พวกเธออยู่ห้องเดียวกันหมดเลย3คน โดยมีเตียงพิเศษเพิ่มให้มาให้อีก1ตัว พวกเธอรีบเข้าไปในห้องก่อนจะคุยกัน การฝึกนั้นจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ วันนี้เหมือนพวกเขาจะปล่อยให้เด็กฝึกหัดรู้จักกันและเตรียมตัวเตรียมใจก่อน
“นี่ ชั้นว่าใช่แน่นอน” กาอินพูด
“ชั้นก็ว่าใช่นะ” จองฮวา
“ตอนแรกก็คิดว่าไม่ใช่แต่แบบนี้ก็คงใช่จริงๆนั่นแหละ” ซูยองพูดกับเพื่อนๆของเธอในห้องพัก
“สรุปว่ากลุ่มนั้นคือ... เด็กฝึกชายสินะ”
----------------------------------------
22.00 น.
อพาร์ตเม้นต์ ห้องที่ 206 ของ คิมซอนอิน
“เรื่องแฟนที่นายเล่าให้ฟังน่ะ เป็นเรื่องจริงใช่มั้ย?!!” ซอนอินถามฮยองซาน
“จริง!!” ฮยองซานตอบ
“มาดูผลกันเลย!!” ซอนอินพูดก่อนจะกดปุ่ม
“ตึ่ง ตึง ตึ้งง” เสียงของเครื่องจับเท็จดังขึ้นแบบนี้หมายความว่าเขาพูดความจริง
“ฟู่วววว ลุ้นแทบแย่”
ฮยองซานถอนหายใจ พวกเขากำลังเล่นเกมพูดความจริงกันอยู่ คนที่ถูกจับได้ว่าโกหกเป็นคนแรก จะต้องถูกทำโทษให้ไปซื้อขนมที่พวกเขาทุกคนอยากได้ แทกึนที่ยอมรับเรื่องความไม่มีเสน่ห์ของตัวเองก็ผ่านมาได้ ส่วนซอนอินก็ยอมรับว่าแอบขโมยเงินพ่อบางส่วนในการซื้อมอเตอร์ไซน์ของเขา ในขณะที่หลงเกาเร็นก็ยอมรับอย่างไม่อายว่าเขาชอบสาวเกาหลีมากกว่าสาวจีน
“คนต่อไป ชินแทฮยอง” ซอนอินเรียกคนต่อไปมาทำการทดสอบ
“เจ้าเครื่องนี้มันเจ็บนะ” เขาดูกลัวนิดหน่อย
“เอาน่า เริ่มแล้วนะ” ซอนอินจับมือของแทฮยองวางลงไปที่เครื่องก่อนจะเริ่มถาม
“ชินแทฮยอง นายคิดว่า.... ชั้นหล่อกว่านายใช่มั้ย?”
“นี่มันคำถามอะไรเนี่ย?” แทฮยองรู้สึกขำกับคำถามเด็กๆของซอนอิน
"เอาน่า ตอบๆมาเถอะ"
“จริงๆแล้ว ชั้นคิดว่านายหล่อกว่าชั้นนะ” แทฮยองตอบแบบถ่อมตัว
“หึๆ นายโดนแน่ แทฮยอง” ซอนอินกดปุ่มเพื่อดูความจริง ทันทีเหมือนเขามั่นใจมาก
“ตี๊ดดดดดดดด” ไฟสีแดงขึ้นมาพร้อมเสียงสัญญานเตือน
”โอ้ยยยยย”
กระแสไฟฟ้าจำนวนไม่มากช็อตเข้าที่มือของแทฮยองหลังจากที่มั่นจับได้ว่าเขาโกหก ทั้งห้องต่างหัวเราะเขา ในขณะที่แทฮยองสะดุ้งไปทั้งตัว เป็นที่รู้กันว่า แทฮยองคิดว่าตัวเขาเองหล่อกว่าซอนอิน
“ฮะฮะ ชั้นเสียใจหน่อยๆนะเนี่ย” ซอนอินพูดขึ้นในขณะที่ขำอยู่
“ชั้นเอา ไอศกรีมนะ” ฮยองซานรีบพูดขึ้น
“ฮยองซาน! ชั้นเป็นพี่นายนะ!?” แทฮยองพูดกับฮยองซานที่เด็กกว่า
“ทำไงได้ล่ะ ชั้นพูดแบบนี้กับแทกึน แล้วแทกึนก็พูดแบบเป็นกันเองกับนายนี่ อย่าบ่นน่าไปเถอะ”
แทฮยอง ไม่มีทางเลือกก่อนจะจำใจเดินลงลิฟท์ไปที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อขนมให้เพื่อนๆ สำหรับเขามันทำให้เขานึกถึงวันเก่าๆที่ JYE วันที่เล่นเกมหาผู้แพ้มาทำอะไรแบบนี้กับเพื่อนๆของเขา เขาเดินออกมาจากอพาร์ตเม้นและตรงไปที่ขายสะดวกซื้อใกล้ๆ ในระหว่างที่เขากำลังเดินหาขนมอยู่ที่ชั้นขนมทันใดนั้นเอง
“โอ๊ะ ขอโทษค่ะ” มีหญิงสาวคนนึงเดินชนเข้าตรงทางเลี้ยวพอดี ของที่เธอซื้อตกลงมากองกับพื้น แทฮยองในฐานะสุภาพบุรษเลยลงไปช่วยหยิบของที่ตกให้
“ถ้าซื้อเยอะขนาดนี้ ทำไมไม่ใช้ตะกร้าล่ะครับ?” เขาพูดขณะกำลังช่วยเก็บ
“ม่ะม่ะ ไม่ต้องช่วยหรอกค่ะ!” เธอเก็บของขึ้นมาจนหมดก่อนจะลุกขึ้น แทฮยองเองก็หยิบของๆเธอชิ้นนึงขึ้นมาและลุกขึ้นเหมือนกัน
“ค่ะ ค่ะ ค่ะ คืนมาด้วยค่ะ” เธอเหมือนจะต้องการสิ่งที่แทฮยองถืออยู่
“เอาไปซิครับ อ๊ะ!นี่มัน” จริงๆของที่เธอทำตกก็มีมากมาย แต่ทำไมแทฮยองถึงได้ไปหยิบ ‘ผ้าอนามัย’ ขึ้นมากันนะ..
“นี่ไม่ใช่ของชั้นนะ พ่ะ พ่ะ พอดีเพื่อนฝากมากน่ะ” เธอรีบพูดแก้ตัวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา สบตาเขาเป็นครั้งแรก...
แทฮยองมองไปที่หน้าของเธอ ก่อนที่เธอจะรีบคว้าของๆเธอในมือแทฮยอง ก่อนที่จะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว....
-----------------------------------
22.20 น.
อพาร์ตเม้นต์ ห้องที่ 401ห้องพักของเด็กฝึกหญิง
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น จองฮวาที่กำลังมาร์คหน้าของเธอกับซูยองในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ลุกขึ้นมาเปิดประตูห้องให้กับผู้มาเยือน
“ว๊าย!!” ผู้มาเยือนตกใจกับการมาร์คหน้าของเธอ
“ตกใจหมดเลย จองฮวา” ผู้มาเยือนพูด
“ทำไมไปนานจังล่ะ กาอิน” สาวหุ่นดีกับการมาร์คหน้าของเธอพูดกับผู้มาเยือน
“นี่ทีหลัง ถ้าผ้าอนามัยหมดก็ไปซื้อเองนะ!!”กาอินพูดกับจองฮวาด้วยท่าทีโมโหก่อนจะเดินไปทิ้งตัวเอาหน้าคว่ำใส่เตียงนอนของเธอ
“…. แต่นั่นมันก็ของเธอเองไม่ใช่รึไง....” จองฮวางงๆกับคำพูดของกาอิน....
“จบตอนที่3”
---------------------------------------------
ตอนต่อไป
-การฝึกวันแรกของพวกเขาและเธอจะเป็นยังไง!
-เด็กฝึกชายคนสุดท้ายจะมาเมื่อไรกันนะ!
-----------------------------------
23.00 น.
คอนโดของคิมจีฮุน
“สวัสดีครับพี่ เรื่องที่วานให้ช่วยเป็นยังไงบ้างครับ” ผมพูดกับปลายสาย
“อืมมม ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็ไม่มีปัญหา วางใจได้เลย” ปลายสายตอบกลับ
“ขอบคุณครับพี่ แล้วเจอกันครับ” ผมพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไป
ช่วงนี้ผมต้องไปติดต่อกับคนรู้จักในกงสุลและขอให้เขาช่วยนิดๆหน่อยๆ เพราะว่าการที่จะเอาเด็กฝึกที่เป็นคนต่างชาติมาฝึก ก็จำเป็นต้องมีวีซ่าซะก่อน โชคดีที่หลงเกาเร็นมีวีซ่าอยู่แล้วก็เลยไม่ยุ่งยากเท่าไร ทีนี้ก็เหลือแค่ให้เจ้าตัวนั่งเครื่องบินมาซินะ...
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Dec 5, 2017 17:11:40 GMT
“สวัสดีค่ะ เรื่องวีซ่าเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ”เสียงของผู้หญิงชาวไทยออกมาจากโทรศัพท์มือถือ
“ครับ ขอบคุณมากครับ ผมจะไปได้เมื่อไรครับ?”เสียงที่ทุ้มต่ำของชายคนนึงถาม
“…ถ้าพร้อมเมื่อไรก็มาได้เลยค่ะ…”
---------------------------------
The Trainee
ตอนที่ 4 : ก็ดำเนินไปแบบนั้น
-----------------------------------------------
16/2/2017
7.30 น.
หอพัก
ผมลืมตาตื่นขึ้นมารับแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ห้องของผมประกอบไปด้วยเตียงขนาดสำหรับ1คน 2ตัว วางอยู่ในแนวเดียวกันและถูกขั้นกลางด้วยโคมไฟตั้งโต๊ะ ห้องของผมมีประตูกระจกบานใหญ่ที่ใช้เปิดออกไปที่ระเบียง แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่างภายในห้อง ถามว่าผมตื่นเพราะแสงส่องตารึเปล่า? ไม่ หรือว่าผมตื่นเพราะ ผมเป็นคนตื่นเช้า? ไม่ จริงๆผมเป็นคนตื่นสายต่างหาก แล้วทำไมผมถึงตื่นเช้าขนาดนี้ล่ะ?
“คนจีนกรนดังแบบนี้ทุกคนรึเปล่านะ” ผมทำได้แค่บ่นเงียบๆกับตัวเอง
“พี่เกาเร็น ลุกได้แล้วเดี๋ยวก็สายหรอก”
หลังจากทื่ตื่นผมก็ลุกไปปลุกรูมเมทของผมให้เขาตื่นขึ้นซักที จริงๆใช้คำว่าผมตื่นก็ไม่ถูกนัก ที่ถูกควรจะเป็นผมไม่ได้นอนต่างหาก ผมตื่นขึ้นมาเป็นพักๆเพราะเสียงกรนของเขา และเขาก็ควรจะตื่นได้แล้ว ผมจะได้ไม่ต้องทุกทนกับเสียงกรนที่ดังสนั่นของเขา ผมเรียกเขาว่าพี่เกาเร็น เนื่องจากอายุเขาห่างจากผมถึง5ปี จะให้เรียกแบบสนิทเหมือนที่ผมเรียกแทกึน ผมก็ไม่ได้ไร้มารยาทขนาดนั้น
“ว่าไง ฮยองซานหลับสบายดีมั้ย?” เขาลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียจและถามคำถามที่แทบทำให้ผมเป็นบ้า
“ก็สบายดีครับ ถ้าไม่มีเสียงกรนของพี่น่ะนะ” อดไม่ไหวขอแซะหน่อยเถอะ
“จริงหรอ? ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” เขาทำไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปแปรงฟัน
“เห้อออ ว่าแต่พี่ต้องแร็ปก่อนนอนแบบนั้นทุกคืนเลยหรอ”
ผมถอนหายใจก่อนจะพูดกับเขาเรื่องเมื่อวานที่ผมรู้สึกตกใจมาก ในขณะที่ผมกำลังจะเข้านอน พี่เกาเร็นก็เปิดบีทของเพลงๆนึงขึ้นมา แล้วแร็ปชุดใหญ่ด้วยเสียงดังลั่น ซึ่งมันก็มีคำหยาบอยู่ในนั้นด้วย ตอนแรกผมนึกว่าเขาด่าผมซะอีก หลังจากแร็ปเสร็จเขาก็ล้มตัวลงนอนก่อนจะกรนชุดใหญ่อย่างที่ผมต้องเจอมาทั้งคืน ถ้าเขาจะกรนแบบนั้น สู้เขาละเมอแร็ปยังดีซะกว่า
“อืม ถ้าไม่ทำแล้วมันก็นอนไม่ค่อยหลับน่ะ นี่เป็นเคล็ดลับความเก่งเลยนะ”เขาตอบหลังจากแปรงฟันเสร็จ
พวกเราคุยกันว่าจะออกไปหาอะไรกินรองท้องกัน ก่อนที่จะกลับมาอาบน้ำและไปฝึกที่บริษัท ในวันนี้เขาให้เราไปกันตอน9โมงเช้า พวกเราเดินลงมา ที่ร้านสะดวกซื้อแถวๆอพาร์ตเม้นต์ก่อนจะเจอ ชินแทฮยองและแทกึน ที่เป็นรูมเมทกัน กำลังนั่งชงกาแฟและต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ในมุมนึงในร้าน เป็นเรื่องปรกติที่ร้านสะดวกซื้อในเกาหลีจะมีมุมไว้ให้ลูกค้านั่งกินกาแฟหรือบะหมี่กี่งสำเร็จรูปภายในร้าน พี่เกาเร็นเดินไปหาแทฮยองที่กำลังต้มบะหมี่กึ่งฯ ในขณะที่ผมตรงไปหาแทกึนที่นั่งชงกาแฟอยู่
“ว่าไงแทกึน” ผมทักทายเพื่อนคนสนิท
“อ่าว ฮยองซาน เป็นไงบ้างนอนสบายดีมั้ย?” เขาถามผมกลับ
“…..”
“ช่างมันเถอะ แล้วพวกนายล่ะ?” ผมไม่อยากย้อนความทรงจำอันเลวร้าย
“อืม ก็ปรกติดีนะ…”
ไม่รู้สิด้วยลักษณะนิสัยของแทฮยองและแทกึนทั้งคู่ดูพูดน้อยและจริงจังกับชีวิตทั้งคู่ ผมนึกไม่ออกเลยว่าบรรยากาศของห้อง 207จะเป็นยังไง ระหว่างที่ผมกำลังคุยกับแทกึน แทฮยองที่ไปต้มบะหมี่สำเร็จรูปกับพี่เกาเร็นก็เดินกลับมา ทั้ง2คนต้มมา4ถ้วยสำหรับพวกเราทุกคน ก่อนที่เราจะลงมือกินกันอย่างมูมมามในขณะนั้นเอง
“โอ๊ะ นั่นเธอนี่!” แทฮยองที่ชำเลืองมองไปนอกหน้าต่างในขณะกำลังก้มลงไปกินพูดออกมาด้วยเสียงเหมือนเห็นผี
“ไหน!” ผมรีบมองตามทันที
ภาพที่ผมเห็นคือกลุ่มของหญิงสาว3คน หน้าตาดูคุ้นๆ ทั้งหมดใส่เสื้อกีฬาและกางเกงวอร์มเดินออกมาจากหอพักของพวกเราและกำลังเดินทางเพื่อไปที่ไหนซักแห่ง แทกึนและพี่เกาเร็นก็ดูเหมือนจะจำพวกเธอได้ ผมไม่แน่ใจว่าพวกเธอเห็นพวกเรารึเปล่า แต่สปีดการเดินของพวกเธอตอนผ่านหน้าร้านดูเร็วแปลกๆยังไงบอกไม่รู้บอกไม่ถูกเหมือนกัน
“นั่นพวกเธอที่งานออดิชั่นนี่” แทกึนพูดขึ้น
“โอ๊ะ! ใช่จริงๆด้วย เธอคนนั้นชั้นเจอที่ป้ายรถบัส พูดคำว่าบ้าจริงดังลั่นเลยด้วย” พี่เกาเร็นเสริมต่อ
“พวกเธอพักอยู่อยู่แถวนี้เองหรอบังเอิญจังนะ” ผมรู้สึกแปลกใจกับความบังเอิญนี้
“แต่ชั้นว่าไม่ใช่นะ” แทฮยองพูดสวนขึ้นมา
“ชั้นคิดว่าพวกเธอคือเด็กฝึกเหมือนกับเรานี่แหละ”
สิ่งที่แทฮยองพูดขึ้น ทำให้ผมกับแทกึนรู้สึกแปลกใจ ในขณะที่พี่เกาเร็นดูจะเข้าใจสิ่งที่แทฮยองพูดในทันที พวกเขาทั้ง2คนต่างผ่านระบบการฝึกมาแล้วทั้งคู่ คงจะมีมุมมองที่แตกต่างจากพวกเรา2คน
“อืม พอนายพูด ชั้นก็ว่าใช่นะ พวกเด็กฝึกหญิงน่ะแต่งตัวแบบนั้นกันตลอดแหละ” พี่เกาเร็นพูดกับแทฮยอง
“มีใครได้ดูพวกเธอตอน ออดิชั่นบ้างล่ะ “ ผมถาม
“ชั้นเอง ชั้นอยู่รอบเดียวกับพวกเธอ เก่งกันหมดเลยล่ะ” พี่เกาเร็นยกมือและตอบแบบชิลๆ
“ถ้างั้นก็มีความเป็นไปได้สินะ” แทกึนเหมือนจะจับจุดเชื่อมโยงได้
“ว่าแต่นายไปเจอพวกเธอที่ไหนกันน่ะ เท่าที่จำได้พวกเธออยู่คนละรอบกับนายนี่นา” แทกึนถามแทฮยอง
“...ชั้นเจอเธอ...”
“...เมื่อคืนนี้น่ะ...”
“............ “
".......ถ้านายไม่เล่าทั้งหมดให้ฟัง ชั้นจะเลาะกรามนายออกมา” ผมทนไม่ได้กับประโยคชวนสยึ๋มกึ๋ยแบบนั้น
พี่เกาเร็นรู้จังหวะสร้างความสนุกเป็นอย่างดีเขาล็อคแขนแทฮยองในทันที ส่วนผมก็พยายามถามจี้และไล่ต้อนเขาเพื่อเค้นความจริงอันดำมืดนี้ ยังไงก็ตามสำหรับผมนี่ถือเป็นยามเช้าที่เริ่มต้นอย่างสนุกสนาน แม้ว่าในจิตสำนึกลึกๆ กำลังเตือนผมอยู่เล็กๆว่าพวกเรากำลังลืมบางอย่าง
“แต่จะว่าไป เราลืมอะไรไปรึเปล่านะ” ในระหว่างที่ผมรู้สึกได้ แทกึนก็พูดขึ้นมาพอดี
“ชั้นก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” พี่เกาเร็นปล่อยแขนแทฮยองและทำท่าเหมือนกำลังคิด
“ชั้นก็ด้วย ลืมอะไรไปนะ...” แทฮยองก็เช่นกัน
“อืม... กินก่อนแล้วค่อยคิดเถอะ” ผมพูด ก่อนจะบอกให้พวกเขากิน
--------------------------------------
ในขณะเดียวกัน ณ อพาร์ตเม้นต์ ห้อง206
“ปี๊บๆๆ คร่อกZzZz ปี๊บๆๆ คร่อกZzZz” เสียงกรนสลับกับเสียงนาฬิกาปลุกสลับกันดังไปเรื่อยๆทั้งแบบนั้น....
--------------------------
8.00 น.
ห้องซ้อมที่ 2 บริษัท KJH
“ถึงซะทีนะ” สาวผมขาวพูดขึ้น
“ชั้นว่าพวกนั้นเป็นเด็กฝึกหัดชัวร์ๆเลย” เพื่อนผมสีเขียนหม่นของเธอออกความคิดเห็น
“ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่มีทางเลยที่ หลงเกาเร็นจะไม่ผ่านออดิชั่น” เพื่อนของพวกเธออีกคนพูดขึ้น
พวกเธอสามคน กาอิน จองฮวา และ ซูยอง ได้รับมอบหมายว่าให้มาถึงห้องซ้อมตอน แปดโมง พวกเธอตื่นแต่เช้า หลังจากกินข้าวอาบน้ำและแต่งตัว พวกเธอก็เดินทางมาบริษัทด้วยเสื้อผ้ากีฬาและกางเกงวอร์ม ห้องซ้อมที่พวกเธออยู่มีขนาดกว้างเกินคนจำนวน3คน มีกระจกบานใหญ่หลายบานและพื้นไม้ปาร์เก้ที่ถูกปูและดูแลอย่างสวยงาม พวกเธอที่พึ่งมาถึง ก็กำลังยืดเส้นยืดสายเตรียมตัวสำหรับการซ้อมที่กำลังจะเกิดขึ้น
“มากันแล้วสินะ” เทรนเนอร์จองซูอาเปิดประตูเข้ามาพร้อมผู้ช่วยของเธอและชายปริศนา
“สวัสดีค่ะ” พวกเธอสามคนทำความเคารพด้วยการโค้งคำนับตามมารยาท
“เอาล่ะ คลาสแรกในชีวิตเด็กฝึกของพวกเธอคือการซ้อมเต้นนะ”
“แต่ก่อนที่จะได้เริ่มสอนกัน ชั้นจะบอกพวกเธอก่อนว่า”
“พวกเธออาจจะตัวเล็กและหุ่นดีอยู่แล้วก็จริง แต่พวกเธอต้องแข็งแรงขึ้นด้วย”
“พวกเธอจะต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ”
“เธอต้องเอาบัตรของเธอไปเข้าฟิตเนสของบริษัทอย่างน้อย3วันต่อสัปดาห์ มาตอนเช้าๆล่ะ”
“โดยคนที่จะเข้ามาดูแลเรื่องนี้คือ คุณซองอู เทรนเนอร์ฟิตเนส” เธอแนะนำชายแปลกหน้า
“ต่อไปนี้เรื่องการออกกำลังกายผมจะคอยดูแลให้เองครับ” ซองอูเทรนเนอร์ฟิตเนสพูด
“หวังว่าจะเข้าใจนะ เอาล่ะจะเริ่มละนะ” จองซูอาพูดก่อนเข้าคลาสเรียนเต้น
เรื่องการออกกำลังกายสำหรับพวกเธอนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแต่ว่าเรื่องของการควบคุมอาหารดูจะทำให้พวกเธอหัวเสียเล็กน้อย สำหรับการเป็นเด็กฝึกจะมีการชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงอยู่ตลอดๆ ถ้าคุณน้ำหนักมากเกินไปคุณอาจจะโดนดุได้ และนั่นทำให้คุณต้องเหนื่อยมากขึ้นเพราะนอกจากการซ้อมที่หนักแล้วคุณยังต้องดูแลรูปร่างไปพร้อมๆกันด้วย ซองอู เทรนเนอร์ฟิตเนสเดินออกจากห้องไป และการซ้อมของฝ่ายหญิงในวันนี้ก็เริ่มขึ้น เริ่มจากเรื่องพื้นฐานมากๆอย่างการเต้นตามเพลงโดยนับจังหวะไปเรื่อยๆ เริ่มจากการขยับร่างกายด้วยท่าเดียวและขยับตามเพลงไปเรื่อยๆตามจังหวะ ก่อนจะเพิ่มท่าเข้าไปทีละท่าทีละท่า ซึ่งซูยองทำได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น ในขณะที่กาอินก็มีตะกุกตะกักนิดหน่อยแต่ก็ตามมาได้อย่างฉิวเฉียด แต่ปัญหาก็คงจะเป็นตัวของจองฮวา ที่ไม่มีพื้นฐานในเรื่องนี้แถมการที่เธอตัวสูงมันเหมือนจะทำให้เธอเคลื่อนไหวได้ช้ากว่าเพื่อนของเธอที่ตัวเล็กกว่า
“จองฮวา เธอต้องรู้จักเกร็งร่างกายบ้างสิ ไม่ใช่เต้นแบบปล่อยมันไหลไปแบบนั้น” จองซูอาดุเธอ
“ค่ะ จะพยายามค่ะ” เธอยังดูมุ่งมั่นในการฝึกซ้อม
“เธอเคยเล่นกีฬาใช่มั้ย?” จองซูอาถาม
“ค่ะ เคยเล่นเทนนิสค่ะ”
“แต่ทำไมเวลาเต้นเธอดูเหมือนไม่ค่อยมีแรงเลยล่ะ”
“ลองเต้นให้แรงขึ้นนะ” เธอพูดกับจองฮวาก่อนจะเริ่มสอนต่อ
หลังจากเต้นกันไปซักพัก จองซูอาก็สั่งผู้ช่วยเธอให้หยุดเต้นให้ดูและปล่อยให้พวกเธอจำท่าเต้นกันเอง จองฮวาที่มีปัญหาเรื่องความแข็งแรงเวลาเต้นก็พยายามใส่แรงลงไปให้มากขึ้น แต่เหมือนว่าท่าของเธอจะยังผิดอยู่นิดๆหน่อยๆ ซูยองที่อยู่ข้างๆพยายามช่วยเธออยู่ตลอดให้ขณะที่กาอินก็ได้รับความช่วยเหลือจากซูยองเช่นกัน พวกเธอซ้อมเต้นกันยาวนานถึง4ชั่วโมง และพวกเธอต่างรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
“พวกเธอต้องจำท่าพวกนี้ให้ได้นะ มันเป็นท่าพื้นฐานที่ต้องเต้นให้ได้”
“หลังจากนี้เธอจะได้พัก1ชั่วโมง ก่อนจะได้เรียนร้องเพลงต่อ” เธอพูดพร้อมมองไปนาฬิกาที่ผนังห้อง
“หลังจากเรียนร้องเสร็จ ถ้าวันไหนมีเรียนพิเศษก็ไปเรียน หรือถ้าไม่มีก็ฝึกซ้อมทบทวนด้วยตัวเองไป”
“อ๊ะ เกือบลืมไปเรื่องนึง” เทรนเนอร์จองซูอานึกได้พอดี
“หลังจากนี้จะมีการประเมินประจำเดือน โดยพวกเธอจะต้องคิดมันขึ้นมาเอง”
“จะร้องเพลงอะไร เต้นยังไง พวกเธอต้องเลือกเอง หรือจะแต่งเองก็ได้ถ้ามีความสามารถพอ”
“คลาสแรกนี้พอแค่นี้นะไปพักได้”
“ขอบคุณค่ะ”
พวกเธอก้มโค้งคำนับจองซูอาก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องไป พวกเธอรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก โดยเฉพาะจองฮวาที่ไม่เคยเรียนเต้นมาก่อน กาอินกับซูยองต่างเข้าใจมันดีว่าตอนแรกๆมันยากแค่ไหนแม้แต่กาอินที่เริ่มเรียนเต้นมาได้ซักพักนึงแล้วก็ยังรู้สึกเหนื่อยมากอยู่ดี ขาของจองฮวาดูอ่อนล้าอย่างมากซูยองกับกาอินเลยช่วยกันประคองเธอออกจากห้องซ้อมเต้นเพื่อไปพักก่อนที่จะได้ซ้อมร้องเพลงกัน
-------------------------------------------
9.00 น.
ห้องซ้อมที่1 บริษัท KJH
“คลาสนี่จะเป็นคลาสร้องเพลงนะ คนที่อยากแร็ปมากกว่าร้องให้ไปที่ สตูดิโออัดเสียงได้เลยจะมีเทรนเนอร์อีกคนอยู่ที่นั่น”
คิริฮาระเทรนเนอร์สอนร้องเพลงพูดขึ้น สำหรับการร้องเพลงนั้นจะให้แร็ปเปอร์มาร้องก็ไม่ใช่เรื่อง หลงเกาเร็นเมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ตรงไปที่สตูดิโออัดเสียงทันที แน่นอนว่าเขาชอบแร็ปมากกว่าร้องอยู่แล้ว ในขณะที่บางคนยังคงรู้สึกลังเล
“ชั้นจะไปดีมั้ยนะ?” ชายหนุ่มผู้ตื่นสายจนเกือบมาไม่ทันพูดกับเพื่อนของเขา
“ก็แล้วแต่นายสิซอนอิน แต่วันนั้นนายบอกว่าไม่ค่อยถนัดร้องเพลงนี่” แทฮยองตอบเขา
“ถ้างั้นชั้นไปนะ”
คิมซอนอิน พูดก่อนจะเดินตามเกาเร็นไปทันที คนที่เต้นเก่งแต่ไม่มีพรสวรรค์ด้านการร้องแบบเขาจะให้มาฝึกร้องเพลงรวมกับคนที่ร้องเก่งๆอย่างแทกึนหรือฮยองซานตอนนี้ก็คงช้าไปแล้ว เขาจึงตัดสินใจไปเรียนแรปกับเกาเร็นซะดีกว่า ในขณะที่ชินแทฮยองที่ร้องพอได้ก็อยากจะพัฒนาเสียงร้องของตัวเขาเอง คลาสการเรียนร้องเพลงในวันนี้เป็นการเรียนตามพื้นฐานง่ายๆเช่น วิธีการวอร์มเสียง การฝึกจังหวะการหายใจ การเปล่งเสียงให้ตรงโน้ต การร้องคอรัส ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี่ แทกึนทำได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนฮยองซานที่ดูจะมาพร้อมกับพลังเสียงเพียวๆก็ได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆมากขึ้น ในขณะที่ชินแทฮยองก็พยายามทำตามได้ดี เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาทำมาตลอด แต่ทว่า
“เสียงนายดูไม่มีพลังเลยนะแทฮยอง” คิริฮาระพูดขึ้น
“เวลานายร้องเพลงชั้นรู้สึกเหมือนนายพูดเอาเลย”
“ชั้นคิดว่านายต้องออกกำลังกายเพิ่มอีกหน่อยนะ”
คิริฮาระติการร้องของแทฮยอง เขาพยักหน้ารับและพยายามเค้นพลังเสียงที่มีออกมา ด้วยความที่คิริฮาระเป็นนักร้องที่มีเสียงทรงพลังมากเขาจึงแนะนำเทคนิคในเรื่องนี้ให้กับแทฮยองได้อย่างดี และฮยองซานกับแทกึนก็ได้รับเคล็ดลับจากคิริฮาระไปเช่นกัน พวกเขาซ้อมกันอยู่อย่างนั้นจนจบคลาส ในคลาสของการร้องเพลงนั้น เด็กฝึกทุกคนจะต้องได้รับการปรับพื้นฐานเบื่องต้น แม้ว่าเสียงจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่การเป็นไอดอลมันไม่ใช่แค่เสียงดีเท่านั้น แต่พวกเขาต้องสื่อสารและปรับเปลี่ยนแนวการร้องไปตามคอนเซ็ปของเพลงอยู่ตลอด พวกเขาฝึกร้องกันยาวนานถึง2ชั่วโมง ก่อนที่คิริฮาระจะเดินออกไปเขาก็พูดเรื่องฟิตเนสและการประเมินประจำเดือน ให้เด็กฝึกหัดฝั่งชายได้รู้ ในขณะที่คิริฮาระเดินออกไป เกาเร็นและซอนอินที่เรียนแร็ปเสร็จก็เดินมาหาพวกเขาพร้อมพากันไปกินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารจีนเจ้าเก่า
---------------------------------
12.00น.
ร้านอาหารจีน
พวกเขาใช้เวลาเดินกันประมาณ 10นาทีก่อนจะถึงร้านอาหารจีนดังเกล่า พวกเขานั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่างตำแหน่งเดิม ก่อนจะพูดคุยถึงประสบการณ์ในการฝึกภาคเช้าในวันนี้
“พวกนายนี่ใจร้ายชะมัด รู้มั้ยชั้นไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ” ซอนอินพูดขึ้น
“ก็พงกชั้นลืมไปว่านายไม่มีรูมเมทน่ะสิ แล้วก็ไม่นึกว่านายจะขี้เซาขนาดนั้น” ฮยองซานพูดโต้ตอบ
“ว่าแต่คลาสแร็ปเป็นไงบ้างล่ะ” แทฮยองถาม
“นี่ไม่น่าเชื่อเลยล่ะ พอเปิดประตูเข้าไปรู้มั้ยชั้นเจอใคร?”
“เทรนเนอร์สอนแร็ปคือ บี ไฮดร้า ล่ะ”ซอนอินพูดด้วยอารมณ์ตื่นเต้น
บี ไฮดร้า เป็นแรปเปอร์ชื่อดังของเกาหลี ช่วงบุกเบิกตลาดฮิปฮอป ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเขา แม้ช่วงหลังๆเขาจะผันตัวเองไปทำงานเบื้อหลังซะส่วนมาก แต่ก็ถือว่าน่าเหลือเชื่อที่วันนี้เขามาเป็นเทรนเนอร์สอนแร็ปให้กับบริษัทที่พึ่งตั้งใหม่
“แต่พูดตรงๆนะ มันเหมือนกับชั้นเป็นนักเรียนคนเดียวในนั้นมากกว่า” ซอนอินพูดก่อนหันไปมองเกาเร็น
“…..ก็นาย มันอ่อนหัดนี่” เกาเร็นพูดอย่างตรงไปตรงมา
“....เดี๋ยวคลาสเต้นเจอกันไอ้หนุ่ม” ซอนอินผู้ไม่สนระบบอวุโสตอกกลับเกาเร็น
“แล้วเรื่องประเมินประจำเดือนล่ะเอาไงกันดี?” แทกึนที่นั่งฟังคนอื่นพูดมาตลอดถาม
“ถ้าเน้นปลอดภัยก็ โคฟเวอร์ไปง่ายๆ ดัดแปลงท่าเต้นนิดหน่อย นายทำได้มั้ยซอนอิน?”ฮยองซานออกความคิดเห็น
“เรื่องดัดแปลงนี่ของถนัดเลย” ซอนอินดูมั่นใจ
“ถ้างั้นก็ไปหาเพลงกัน ส่วนชั้นจะแต่งท่อนแร็ปเอง” เกาเร็นอาสารับผิดชอบในส่วนของการแร็ป
“เยี่ยม ถ้างั้นเอาตามนั้น..” ดูเหมือนทีมเด็กฝึกชายจะได้ข้อสรุปเรียบร้อย.....
------------------------------------------------
20.00 น.
อพาร์ตเม้นต์ ห้อง 401
หลังจากฝึกร้องเพลงในภาคบ่ายเสร็จ วันนี้เป็นวันที่ชั้นเหนื่อยมากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ แม้ว่าในคลาสการร้องจะทำได้ดี แต่ในคลาสของการเต้นชั้นมันไม่เอาไหนเลยจริงๆนั่นแหละ ถ้าย้อนไปแต่ก่อนการเป็นไอดอลไม่เคยเป็นความฝันของชั้นเลยซักนิด จนกระทั่งเพื่อนรักทั้ง2คน พูดคุยเรื่องความฝันของพวกเธออย่างมีความสุข ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนไหนที่ความฝันของพวกเธอกลายมาเป็นความฝันของชั้นเช่นกัน ในคลาสเต้นชั้นเหนื่อยมากและขาชั้นก็แทบจะหมดแรงเดิน พอคิดถึงภาพที่ต้องฝึกแบบนั้นซ้ำๆทุกวัน จู่ๆชั้นก็รู้สึกท้อแท้ขึ้นมา
“นี่ชั้นไปซื้อมาแล้วล่ะ ครีมแก้ปวดน่ะ”
กาอินเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับหลอดยาที่เธอไปซื้อให้ชั้น เวลาที่ชั้นรู้สึกท้อแท้ ชั้นจะมองไปที่เพื่อนๆของชั้นทั้ง2คน ซูยองที่พยายามช่วยปรับท่าเต้นให้ชั้นอยู่ตลอด และกาอินที่ดูแลชั้นอย่างดี เพราะพวกเธอ2คนทำให้ชั้นมีกำลังใจจะเดินต่อไปในเส้นทางนี้
“นี่ จองฮวา เรื่องการประเมินประจำเดือนน่ะ” ซูยองพูดขึ้น
“ชั้นคิดว่า จะลองหาเพลงช้าๆให้ละกัน แล้วเดี๋ยวชั้นคิดท่าเต้นให้เอง” ซูยองคนเก่งพูดอย่างมั่นใจ
“ขอบใจพวกเธอมากนะ” ชั้นกล่าวขอบคุณพวกเธอ
"พูดอะไรแบบนั้น พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่รึไง"กาอินพูดขณะทาครีมแก้ปวดลงบนขาของชั้น
“เออนี่ วันนี้ชั้นบังเอิญเดินผ่านห้องเด็กฝึกชาย เป็นพวกนั้นจริงๆด้วยล่ะ” กาอินพูดขึ้นมา
“ว่าแล้วเชียว” ชั้นพูดเพราะชั้นคิดไว้แล้วว่าต้องใช่แน่ๆ
“แต่ดูเหมือนตารางจะต่างกันนะ ตอนเช้าที่เราต้องรีบไปซ้อมพวกนั้นยังนั่งกินอาหารเช้าสบายใจอยู่เลย” ซูยองพูด
“แต่ว่าฝั่งนั้นก็ฝึกเต้นกันโหดมากเหมือนกันนะ....” กาอินที่เห็นเหตุการณ์บอกเล่าสิ่งที่เธอเห็น
-------------------------------------
22.00 น.
อพาร์ตเม้นต์ ห้อง 205 ฮยองซาน & เกาเร็น
หลังจากที่ซ้อมเต้นกันต่อเนื่องในภาคบ่อย ที่ถูกสอนโดยเทรนเนอร์สอนเต้นชายอย่าง พักยูจิน เทรนเนอร์คนใหม่ที่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เทรนเนอร์ชายคนนั้นบอกว่าเพราะว่ามีเด็กฝึกหัดหญิงเข้ามา ทำให้เทรนเนอร์จองซูอาต้องไปดูแลพวกเธอ และถ้าให้ดูแลฝั่งชายด้วยงานเธอจะหนักเกิน เพราะฉะนั้นการซ้อมเต้นของฝั่งชายจึงตกเป็นหน้าที่ของเขา ซึ่งเขาก็ฝึกไปชุดใหญ่ จนทำให้ฮยองซานผู้มีพื้นฐานการเต้นน้อยที่สุด ต้องฝึกเต้นแบบมาราธอนยาวนานถึง4ชั่วโมง ภายในห้องเรียน มี2คนที่เต้นเก่งมาก 1คนที่เต้นเก่ง และ อีก1คนที่เต้นธรรมดาแต่ว่าฝึกมานานจนชิน ซึ่งแตกต่างจากฮยองซานที่เต้นก็ไม่ได้เก่งและก็ไม่มีประสบการณ์ เมื่อวานนี้เขาต้องทนทุกข์กับเสียงกรนของเกาเร็น แต่ในวันนี้เขาหลับปุ๋ยไปในทันทีที่หัวถึงหมอนด้วยความเหนื่อยล้า ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงของการค้นหาอะไรบางอย่างที่เกาเร็นกำลังทำอยู่
“หูฟังชั้นหายไปไหนนะ” เกาเร็นที่กำลังหาหูฟังของเขาทั่วห้องพูดขึ้นมา
“เออ จริงสิ!”
เกาเร็นนึกขึ้นได้พอดีว่า คลาสการแร็ปในวันนี้ เขาให้ซอนอินยืมหูฟังของเขาไปใช้ชั่วคราวเพราะเจ้าตัวลืมทุกอย่างอยู่ที่ห้องเพราะความรีบร้อนที่ตื่นสาย เกาเร็นรู้ดังนั้นจึงตั้งใจไปขอคืนจาก ซอนอินที่อยู่ห้องข้างๆ เขาเปิดประตูออกไปก่อนจะพบกับหญิงสาวหน้าหวาน ตัวสูงพอๆกับเขาที่สูง180กว่า ยืนอยู่ที่หน้าห้องของซอนอิน.... เธอมองมาที่เขาก่อนที่ซอนอินจะเปิดประตูออกมาและเรียกเธอเข้าไปในห้อง....
“ไม่นะซอนอิน”
-----------------------------
ในขณะเดียวกัน คอนโดของคิมจีฮุน
“อืม เขามาแล้วสินะ แบบนี้เด็กฝึกก็ครบซะที”
“เด็กฝึกคนสุดท้าย”
“สมชาย ต้นตระกูล”
“จบตอนที่4”
-----------------------------
ตอนต่อไป!!
-การประเมินประจำเดือนใกล้เข้ามา พวกเขาจะทำยังไงต่อไป
-การฝึกที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จองฮวาจะเต้นไหวรึไม่?!!
-เด็กฝึกจากต่างประเทศ สมชายจะเป็นยังไง!
--------------------------------
NPC เทรนเนอร์สอนเต้นชาย พักยูจิน เทรนเนอร์ฟิตเนส ซองอู เทรนเนอร์สอนแร็ป บี ไฮดร้า
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Dec 11, 2017 16:33:15 GMT
16/2/2017
22.30 หอพัก ห้องที่ 206 คิมซอนอิน
“เกาเร็น ชั้นเจอแล้วนายมาเอาไปสิ” หนุ่มหน้าตาดีคนนึงตะโกนเรียกเพื่อนของเขาหลังจากพบบางสิ่ง
“โอเค ซอนอิน ขอบใจมากแล้วทีหลังอย่าลืมอีกล่ะ” เกาเร็นพูดก่อนจะหยิบหูฟังของเขาคืน
“ว่าแต่.....”
“นายน่ะ เป็นผู้ชายแน่นะ” เกาเร็นยังคงสงสัยกับชายแปลกหน้าอีกคนอยู่
“แน่สิ เสียงเขาแมนขนาดไหนนายก็ได้ยินแล้วนี่” ซอนอินตอบกลับ
“อืม....”
“ ถ้างั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เกาเร็นพูดก่อนจะยืนมือออกไป
“....ครับ.... ผมสบายดีครับ” อีกฝ่ายตอบกลับมา....
“…………….”
“.....ไม่ใช่คำนั้น สมชาย......”
------------------------------
The Trainee
ตอนที่ 5 : ลีดเดอร์ กับ เซ็นเตอร์
----------------------------------------
17/2/2017
19.00 น.ห้องประชุมรวม
หลังจากฝึกวันที่2เสร็จ เด็กฝึกทั้ง9คน ทั้งหญิงและชายต่างมารวมตัวกันในสถานที่นี้ แม้ว่าทั้งเขาและเธอจะเหนื่อยล้ามากก็ตามที เดิมทีห้องนี้เป็นห้องเอาไว้รอตอนออดิชั่น หลังจากนั้นมันก็เป็นสถานที่นัดพบครั้งแรก และในตอนนี้มันก็เป็นห้องที่เอาไว้แจ้งข่าวสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น
“นี่ ใครกันนะ คนนั้นน่ะ?” เด็กสาวผมขาวสะกิดกับเพื่อนของเธอที่อยู่ข้างๆ
“ชั้นก็พึ่งเคยเห็นครั้งแรกเหมือนเธอนั่นแหละกาอิน” จองฮวาพูดต่อ
“หน้าตาเขาอย่างกะผู้หญิงแน่ะ” เด็กสาวผมน้ำตาลที่นั่งถัดไปพูดขึ้นมาบ้าง
ภาพที่พวกเธอเห็นคือชายรูปร่างสูงและผอมมาก ใบหน้าของเขาอ่อนหวานและมีความคล้ายกับผู้หญิงมากๆ ไม่ใช่แค่ฝั่งหญิงเท่านั้นที่สงสัย แต่ฝั่งชายเองก็ดูแตกตื่นกับเรื่องนี้ไม่น้อย ในตอนเช้าที่พวกเขาตื่นขึ้นมาเด็กฝึกชายทุกคนต่างตกใจกับ “สมชาย” เด็กฝึกอีกคนนึงที่ คิริฮาระเคยพูดถึงเมื่อครั้งที่พวกเขาถูกเรียกมาเพราะผ่านการออดิชั่น ซอนอินที่เคยเจอสมชายมาก่อนแล้วก็แนะนำเขาให้กับคนอื่นๆได้รู้จัก สมชายเป็นชาวไทย และ สามารถพูดภาษาเกาหลีได้เท่าๆกับเด็ก4ขวบเท่านั้น ตลอดทั้งวัน เขาทำได้แค่พยักหน้าและขำตามเวลาคนอื่นขำ ทั้งๆที่เขาเองก็ฟังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำไป พอมีสมชายเข้ามา ฮยองซานที่ทุลักทุเลเรื่องเต้น ก็หวังว่าจะได้มีเพื่อนที่ฝีมือไล่เลี่ยกันในคลาสบ้าง แต่จริงๆแล้วสมชายก็ยังเต้นเก่งและชินกับสภาพการฝึกซ้อมมากกว่าเขาอยู่ดี หลังจากฝึกเสร็จพวกเขามานั่งรอกันประมาณ10นาทีก่อนจะถึงเวลานัดหมาย นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กฝึกทั้งชายและหญิงได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งหมดแบบนี้
“มากันครบแล้วซินะ”
เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นภาพที่เห็นคือ คิมจีฮุน ประธานบริษัท หรือที่เด็กฝึกหัดมักจะเรียกกันจนติดปากว่า ประธานคิม เขาเดินออกมาทางประตูด้านข้าง และเหมือนว่าเขาจะมีข่าวสำคัญมากแจ้งถึงได้เรียกรวมเด็กฝึกหัดแบบนี้ ซึ่งไม่ได้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นบ่อยๆ เหล่าเด็กฝึกยืนขึ้นและทำความเคารพเขาพร้อมๆกัน
“เอาล่ะสวัสดีทุกคนนะ การฝึกเรียบร้อยดีใช่มั้ย?”เขาทักทายและถามก่อนที่เด็กๆจะตอบว่า ใช่ครับ/ค่ะ
“ชั้นเดาว่าพวกเธอบางคนคงคิดว่า จะเอายังไงกับเรื่องการเรียนดี”
“ก่อนหน้านี้ ซอนอิน เคยถามผ่านเทรนเนอร์คนนึงมา ว่าเขาเห็นมหาลัยศิลปะแห่งนึงแถวๆนี้”
“นั่นไม่ใช่ มหาลัยนะซอนอิน แม้ว่ามันจะดูใหญ่โตเหมือนมหาลัย แต่มันคือโรงเรียนมัธยม”
“เห้ออออ” แทกึนถอนหายใจกับความตาถั่วของซอนอิน
“ยังไงก็ตามสำหรับเรื่องการศึกษาในวัยมัธยม บริษัทเราให้การสนับสนุนเต็มที่”
“เพราะฉะนั้น เราจึงมีทางเลือกให้พวกเธอทุกคน”
“สำหรับวัยมัธยมอย่าง ซูยอง ฮยองซาน และ สมชาย”
“บริษัทสามารถสมัครเรียนให้พวกเธอที่โรงเรียนศิลปะเคอาร์ตได้”
โรงเรียนศิลปะเคอาร์ตเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กฝึกหัดเป็นไอดอล หลายๆบริษัทค่ายเพลงใหญ่ๆ มักจะส่งเด็กฝึกหัดหรือศิลปินของพวกเขาให้มาเรียนที่โรงเรียนมัธยมแห่งนี้ เพราะตารางเรียนของโรงเรียนนี้จะสนับสนุนการฝึกร้อง เต้น การแต่งเพลงหรืออื่นๆ เพื่อที่เด็กฝึกหัดจะได้เรียนรุ้สิ่งที่พวกเขาต้องทำอยู่ตลอดเวลานั่นเอง โดยจะต้องเป็นเด็กฝึกหัดหรือศิลปินจากค่ายเพลงเท่านั้นที่จะสามารถเรียนที่นี่ได้ คนนอกหมดสิทธิ์
“โรงเรียนศิลปะเคอาร์ต ค่าเทอมมันแพงมากนะครับ” ฮยองซานที่รู้จักโรงเรียนนี้ดีพูดขึ้นมา
“เรื่องค่าเทอม บริษัทจะออกให้พวกเธอครึ่งนึง ส่วนพวกเธอก็ออกเองอีกครึ่งนึง”
“และชั้นรู้ดี ว่าพวกเธอไม่ได้มีเงินถุงเงินถังขนาดนั้น”
“เพราะฉะนั้น โรงเรียนเคอาร์ตที่จะเริ่มรับสมัครนักเรียนในเร็วๆนี้ จะมีการแข่งขันชิงทุนเกิดขึ้น”
“ชั้นคิดว่าพวกเธอควรจะลองดู และชั้นสามารถลงชื่อให้พวกเธอไปสอบชิงทุนได้”
เรื่องนี้สร้างความฮือฮามากๆ ฮยองซาน และ ซูยองที่อยู่ในวัยมัธยมปลาย ต่างต้องการจะเข้าโรงเรียนนี้เพื่อจะได้ฝึกอย่างต่อเนื่อง และถ้าหากได้ทุนล่ะก็ยิ่งไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายเลย ส่วนสมชายก็ดูงงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะเขาไม่เข้าใจสิ่งที่คิมจีฮุนพูด ซึ่งเขาจะต้องไปคุยกับพนักงานชาวไทย ที่คอยดูแลเขาหลังจากประชุมเสร็จอีกที
“ส่วนวัยมหาลัย....”
“พวกเธอจะต้องแน่ใจว่าสามารถเรียนไปพร้อมๆกับฝึกหนักได้”
“ชั้นก็ไม่อยากพูดแบบนี้หรอกนะ แต่ชั้นก็พึ่งจะมาเรียนจบมหาลัยหลังจากเดบิ้วไปแล้วเหมือนกัน”
“ยังไงก็คิดให้ดีล่ะ ช่วงของการฝึกมันสำคัญมากสำหรับการเป็นไอดอล “
“ชั้นไม่อยากให้พวกเธอเหนื่อยจนล้มป่วยไปซะก่อน”
“แต่ถ้าพวกเธอต้องการเรียนจริงๆ ชั้นคิดว่าทางบริษัทน่าจะพอจัดการเรื่องตารางเรียนให้พวกเธอได้”
“และก็ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่ม พวกเธอสามารถถามผู้จัดการของพวกเธอได้”
“เพราะหลังจากนี้พวกเธอจะมี ผู้จัดการ เข้าไปดูแลเรื่องตารางเวลาต่างๆของพวกเธอ ขอให้โชคดีล่ะ”
“อ้อ แล้วก็อีกอย่าง การประเมินใกล้เข้ามาแล้ว เตรียมตัวไว้ให้พร้อมล่ะ....” คิมจีฮุนพูดเสร็จก่อนจะเดินจากไป…
---------------------------------------------
20.00 น. หอพัก ห้อง 401 กาอิน จองฮวา และ ซูยอง
“นี่แต่ละคนจะเอายังไงกันดีล่ะ”
จองฮวาถามเพื่อนๆของเธอ ที่มีอายุและสถานะภาพต่างกัน กาอินที่เป็นเด็กปี1 จองฮวา ที่อยู่ในวัยสอบเข้ามหาลัย และ ซูยองที่กำลังจะเป็นเด็กมัธยมปีสุดท้ายหลังจากเปิดเทอม
“ชั้นคงไปลองสอบชิงทุนดูก่อนน่ะ ถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” ซูยองกล่าว
“แต่เอาจริงๆ ชั้นก็อยากดรอปไว้ก่อนนะ แต่ที่บ้านคงไม่ยอมแน่ๆ” กาอินดูเซ็งๆ
“อืม... เอายังไงดีนะ” จองฮวาครุ่นคิด
“ยังไง ชั้นว่าพวกเรากลับไปคุยกับที่บ้านก่อนเถอะ” ซูยองแนะนำว่าควรไปปรึกษาผู้ปกครองก่อน
“แต่ชั้นว่าถึงจะชิงทุนไม่สำเร็จ แม่เธอก็ทุ่มไม่อั้นอยู่ดีนั่นแหละซูยอง” กาอินพูดกับซูยอง
สำหรับซูยองนั้นแม่ของเธอเคยเป็น เด็กฝึกหัดที่อยากเป็นไอดอลเช่นกันแต่ด้วยอุบัติเหตุทำให้แม่ของเธอพลาดมันไปอย่างน่าเสียดาย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ซูยองได้รับการฝึกอย่างหนักจากแม่ของเธอตั้งแต่เด็กๆ และแม่ของเธอก็สนับสนุนเธอในเส้นทางนี้เต็มที่ ซึ่งต่างจาก กาอิน ที่ครอบครัวค่อนข้างหัวโบราณและใส่ใจกับการเรียนการศึกษาเพื่อหางานที่มั่นคงทำ มากกว่าการมาเป็นไอดอลเต้นกินรำกิน
“เอ้อ แล้วเรื่องการประเมินน่ะ”
“เราเริ่มซ้อมกันพรุ่งนี้เลยเถอะ” ซูยองพูดขึ้น
“หาเพลงดีๆได้แล้วหรอ ซูยอง?” จองฮวาถามเพื่อนของเธอ
“ อืม มันเป็นเพลงจังหวะกลางๆไม่เร็วไม่ช้าไป เหมาะกับพวกเราที่ยังเต้นเพลงเร็วๆไม่ได้น่ะ” ซูยองคนเก่งอธิบาย
“โอโห้ ทั้งที่เต้นเก่งขนาดนั้นแต่ก็ยังเป็นห่วงพวกเรา“
“น่ารักจริงๆเลยน้องซูยอง” กาอินหยอกล้อเพื่อนของเธอ
“อย่าล้อแบบนี้สิมันจั๊กจี้จะตายไป” ซูยองรู้สึกแปลกๆเวลากาอินเรียกเธอแบบนั้น
ค่ำคืนของสาวๆจบลงด้วยมิตรภาพและความสามัคคี ในขณะที่....
------------------------------------
20.00 น. หอพัก ห้อง206 คิมซอนอิน & สมชาย
เด็กฝึกชายทุกคนต่างมารวมหัวและประชุมกันเรื่องต่างๆที่ได้รับมาในวันนี้ หลังจากสมชายได้คุยกับพนักงานชาวไทยแล้วเขาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนอื่นในวันนี้ เด็กฝึกชายได้รับการประเมินร่างกายเป็นครั้งแรก เนื่องจากเด็กฝึกหัดมาครบแล้วการดำเนินการที่เตรียมไว้จึงเริ่มเดินหน้าทั้งหมด เทรนเนอร์ฟิตเนสซองอู ได้ส่งรายงานเรื่องร่างกายของพวกเขามาในวันนี้โดยผลออกมาว่า สมชายที่หนักแค่ 53 กิโลกรัม จะต้องเพิ่มน้ำหนักของเขาขึ้นมา ส่วนคนอื่นๆถึงจะมีร่างกายที่ดีและสมส่วนอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ต้องเพิ่มกล้ามเนื้อกันด้วย พวกเขาได้ตารางสำหรับเข้าฟิตเนสมาแล้ว โดยเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการใช้ฟิตเนสคือช่วงเช้าก่อนจะเริ่มฝึกคลาสแรก ในช่วงนี้ทุกคนเลยต้องกินกันให้เยอะขึ้น เรื่องต่อมาคือเรื่องที่คิมจีฮุนได้ประกาศ เรื่องการศึกษาขึ้น
“ชั้นคนนึงแหละ ที่จะไม่เข้ามหาลัยในปีนี้” ซอนอินพูดขึ้น
“ชั้นก็ด้วย” แทกึนเองก็คิดแบบเดียวกัน
“อย่างที่ประธานคิมบอก การเป็นไอดอลช่วงของการฝึกมันสำคัญนะ”
“ชั้นคิดว่าจะทุ่มเทให้กับมันเต็มที่ไปเลย” แทกึนแสดงความมุ่งมั่นออกมา
“อ้าว นายคิดแบบนั้นหรอกหรอ จริงๆชั้นก็แค่เกรดแย่จนไม่มีหน้าไปสมัครเข้าเรียนเท่านั้นเอง”
“หุบปากไปเลย ซอนอิน”
“ก็แค่พูดเล่นน่า “ ซอนอินยังคงอารมณ์ดีเหมือนเคย
“แล้วนายล่ะแทฮยอง” แทกึนถามรูมเมทของเขา
“ชั้นก็คงเหมือนพวกนาย“
“สำหรับชั้น การได้เดบิ้วมันก็เหมือนกับการเรียนจบนั่นแหละ” แทฮยองพูดในสิ่งที่เขาคิด
“เปรียบเทียบได้ดี สุดยอดเลยแทฮยอง” ซอนอินพูดพร้อมยกนิ้วโป้งให้แทฮยอง
“ไม่รู้สิ ชั้นจบแล้วก็เลยไม่มีปัญหาอะไรเลย”
“พวกเด็กๆนี่วุ่นวายจังนะ” เกาเร็นพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยในขณะที่ฟังเพลงไปด้วย
“………..”
“ดูพี่คนนั้นสิ น่าหมั้นไส้ชะมัด”
ฮยองซานรู้สึกหมั้นไส้ท่าทีมั่นหน้าของรูมเมทเขา สำหรับฮยองซานอันที่จริงเขาก็เรียนโรงเรียนสอนศิลปะอยู่แล้ว เขาเรียนดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ แต่การได้เรียนในโรงเรียนสำหรับเด็กฝึกหัดโดยเฉพาะก็คงดีกว่าอยู่แล้ว เขาจึงคิดว่าจะลองไปสอบชิงทุนแต่ก่อนหน้านั้นคงต้องปรึกษาผู้ปกครองดูก่อน และสำหรับพวกวัยอายุ 18ปี ดูเหมือนครอบครัวของพวกเขาจะสนับสนุนลูกๆของตัวเองในเส้นทางนี้อยู่แล้ว
“แล้วนายล่ะ สมชาย” ซอนอินถามเพื่อนของเขา
สมชายไม่ได้ตอบอะไร เขายกเอกสารการสมัครชิงทุนของโรงเรียนเคอาร์ตขึ้นมาก่อนจะชี้ไปที่มันและยกนิ้วโป้งขึ้น พอจะเข้าใจความหมายว่า เขาเองก็จะไปลองสอบชิงทุนเช่นกัน
“ถ้างั้น เรื่องเรียนก็คงตามนี้”
“แล้วเรื่องประเมินล่ะ ซอนอิน?” แทฮยองพูดสรุปก่อนจะถามซอนอิน
“ก็ยังไม่ได้เพลงดีๆเลยนี่ เรื่องเพลงว่าไงล่ะฮยองซาน?” ซอนอินถามฮยองซาน
“ก็พี่เกาเร็นบอกจะแต่งท่อนแร็ปเองนี่ พี่ถนัดบีทแบบไหนล่ะ?” ฮยองซานถามเกาเร็น
“ชั้นถนัดทุกบีทนั่นแหละ แล้วตำแหน่งเสียงร้องอย่างนายต้องการเพลงแบบไหนล่ะ แทกึน?”เกาเร็นถามแทกึน
“ถ้าชั้นเลือกเพลงที่ใช้เสียงสูง นายจะร้องได้มั้ยล่ะ แทฮยอง?” แทกึนถามแทฮยอง
“ชั้นก็พอจะร้องประสานไปได้ แต่นายจะคิดท่าเต้นได้มั้ยล่ะ ซอนอิน?” แทฮยองถามซอนอิน......
พวกเขาถามวนกันแบบนั้นต่อไปโดยไม่รู้จบ สมชายที่ทำได้แค่ฟัง ก็ไม่สามารถออกความคิดเห็นอะไรได้ ค่ำคืนของฝ่ายชายในวันนี้จบลงด้วยการยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรทั้งนั้น.....
---------------------
18/2/2017
16.00 น. ห้องซ้อมที่ 1
นี่คือช่วงเวลาที่ได้ฝึกซ้อมด้วยตัวเอง หลังจากที่เมื่อคืนไม่ได้ข้อสรุปกันพวกเขาจึงปรึกษากันในช่วงเวลานี้และในที่สุดพวกเขาก็ได้เพลงมาแสดงในการประเมินจนได้ มันเป็นเพลงเร็วมีจังหวะเป็นเอกลักษณ์และสนุกสนาน และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เรียนรู้การทำงานร่วมกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ซ้อมโดยสนใจแค่ตัวเองมาโดยตลอดทำให้ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ทุกคนทำแต่ในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ
“นี่ซอนอิน ท่าเต้นเท่มากก็จริงนะ แต่ชั้นกับสมชายตามนายไม่ค่อยทันเลย ช้าๆหน่อยสิ” ฮยองซานพูดขึ้น
“โอเคๆ จะพยายามช้านะ”
“นี่ฮยองซานนายจะไม่มาซ้อมร้องหรอ?”แทกึนที่ซ้อมร้องอยู่คนเดียวถามเพื่อนของเขา
ในตอนนี้ทุกอย่างมั่วไปหมด พวกเขากำลังจะทำมันพัง ถ้าหากปล่อยไว้แบบนี้ พวกเขาต้องแย่แน่ๆ แทฮยองเห็นภาพที่เกิดขึ้น เขาก็รู้ในทันทีว่าการประเมินที่กำลังจะเกิดขึ้นมันจะต้องออกมาล้มเหลวแน่ๆ ชีวิตการฝึกของเขาผ่านเรื่องพวกนี้มานับไม่ถ้วน เขารู้ว่าควรทำยังไง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดมันออกไป เพราะกลัวว่าจะเกิดการเข้าใจผิดขึ้น เพราะสิ่งที่เขาต้องการพูดก็คือ สภาพทีมในตอนนี้ ขาด”ผู้นำ”
“นี่พวกนายน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“กำลังทำบ้าอะไรกันอยู่” เสียงชายชาวจีนพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“มีอะไรหรอ พี่เกาเร็น?” ฮยองซานถาม เขาไม่เคยเห็นรุมเมทของเขาโกรธมาก่อนเลย
“พวกนายยังไม่ได้แบ่งตำแหน่งกันด้วยซ้ำ จะซ้อมๆไปก่อนแล้วค่อยไปคิดเอาดาบหน้ารึไง?”
“นายก็คิดแบบชั้น ใช่มั้ย แทฮยอง?” เกาเร็นที่ดูจริงจังมากพูด ก่อนจะหันไปถามแทฮยอง
”อืม....จริงๆผมก็คิดแบบพี่เหมือนกัน” แทฮยองหันไปพูดกับเกาเร็น
“พวกเราไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี ก็เลยซ้อมไปทั้งแบบนั้น ผมคิดว่าเราต้องการผู้นำ”
ไม่มีใครคิดเลยว่าสุดท้ายแล้วต้องมีคนนึงขึ้นมาเป็นผู้นำ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รับรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่า การทำงานเป็นทีม ซึ่งสำหรับแทฮยองเขาคุ้นชินกับมันดี เขาเข้าใจกระบวนการของมัน เขาจึงอยากที่จะแนะนำสิ่งที่ดีให้กับทุกๆคน ซึ่งเขาเองก็ไม่กล้าพูดมันออกมา โชคดีที่เกาเร็นเองก็คิดแบบเดียวกัน
“ถ้างั้น ก่อนอื่นเลยมีใครเสนอตัวอยากเป็นผู้นำมั้ย?” ซอนอินถามเพื่อนๆของเขา
“ทำไมไม่ให้พี่เกาเร็นเป็นล่ะ เขาอายุมากที่สุดแล้วนี่” ฮยองซานออกความเห็น
“อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกฮยองซาน เพราะสำหรับชั้น แทฮยองเหมาะสมที่สุด” เกาเร็นเสนอตัวแทฮยอง
“อืม ชั้นก็คิดเหมือนพี่เกาเร็นนะ” แทกึนเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
“เดี๋ยวๆ ทำไมถึงเป็นชั้นไปได้ล่ะ?” แทฮยองรู้สึกสับสัน
“ก็นายน่ะ มีประสบการณ์ในการเป็นเด็กฝึกมากที่สุด ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีกว่านายแล้ว” แทกึนบอกเหตุผล
“อืม... ชั้นก็คิดแบบแทกึน ถ้าเป็นนายล่ะก็ ทีมของเราจะต้องเดินหน้าไปในทางที่ถูกได้แน่” เกาเร็นก็คิดแบบแทกึน
“ถ้างั้นมีใครจะคัดค้านมั้ย?” ซอนอินพูดขึ้นและสมาชิกทุกคนก็ดูเห็นด้วยกับการให้แทฮยองเป็นหัวหน้า
“ทีนี้ก็เหลือแต่นายแล้วแทฮยอง นายโอเคกับมันใช่มั้ย?”
“อืม.... ขอบใจมากที่ไว้ใจชั้นถึงขนาดนี้ ชั้นจะลองเป็นดูก็ได้” แทฮยองรู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งที่เขาได้รับ
ในที่สุดพวกเขาก็ได้ ชินแทฮยอง เด็กฝึกประสบการณ์สูงมาเป็น “ลีดเดอร์” ของพวกเขาจนได้ แทฮยองบอกว่า ก่อนอื่นต้องมีการแบ่งพาร์ทการร้องกันก่อนที่จะฝึกเต้นกัน เพื่อที่ซอนอินจะได้รู้ว่าตอนไหนที่ใครควรอยู่ข้างหน้า เขาจะได้คิดท่าเต้นที่เหมาะสมขึ้นมาได้ ในเพลงนี้ มีตำแหน่ง ร้องหลัก ที่ทำหน้าที่ร้องท่อนที่ร้องยากๆและโชว์พลังเสียง 1คน ตำแหน่งร้องนำ ที่ทำหน้าที่ร้องประคองอารมณ์เพลงและร้องนำในท่อนฮุค 2คน ตำแหน่งร้องเสริมที่ได้ร้องนิดๆหน่อยๆ 1 คน และแร็ปเปอร์ อีก2คน โดยคำถามต่อมาคือ ใครจะรับตำแหน่งอะไรกันล่ะ?
ในตำแหน่งร้องหลัก ไม่มีใครที่เสียงดีสู้ ฮยองซานและแทกึนได้ พวกเขาทั้ง2อยากจะได้ตำแหน่งนี้ทั้งคู่ ฮยองซานกับแทกึนจึงลองร้องท่อนที่ต้องร้องดู ผลออกมาว่าฮยองซานดูจะเหมาะกับการโชว์พลังเสียงมากกว่า ทำให้ตำแหน่งร้องหลักตกเป็นของฮยองซาน ส่วนแทกึนก็ได้ตำแหน่งร้องนำไป และในตำแหน่งร้องนำอีกคนซึ่งยังว่างอยู่ แม้ว่าสมชายจะเสียงดีกว่าแต่การออกเสียงภาษาเกาหลีของเขายังไม่ดีนัก ในตำแหน่งร้องนำที่เหลือจึงตกเป็นของแทฮยอง ส่วนสมชายก็ได้ตำแหน่งร้องเสริมไป และสุดท้ายก็เป็นแร็ปเปอร์ อย่างเกาเร็นกับซอนอิน โดยซอนอินจะได้รับตำแหน่งนักเต้นหลักไปด้วย ซึ่งมีหน้าที่เต้นในท่อนโชว์การเต้นของเพลง
“ถ้างั้นใครจะเป็นเซ็นเตอร์ล่ะ?” เกาเร็นพูดขึ้นมา
“เพลงนี้ท่อนฮุคใช้เสียงประสานของทุกคน โดยใช้เสียงของแทฮยองกับแทกึนนำ”
“ให้1ใน2คนนี้เป็นดีมั้ย?” ซอนอินเสนอความคิดเห็น
“ในตำแหน่งเซ็นเตอร์น่ะ ต้องเป็นคนที่ดึงดูดสายตาของผู้ชมให้มาที่ตัวเองได้” แทฮยองพูดขึ้น
“ในท่อนฮุคของเพลงแม้ว่าชั้นจะร้องนำกับแทกึนก็จริง”
“แต่พวกนายที่เหลือก็ต้องร้องประสานเสียงกันหมดอยู่แล้วนี่”
“แปลว่า คนที่ออกมาหน้าสุดไม่จำเป้นต้องเป็นคนที่ร้องนำก็ได้ เพราะทุกคนก็ได้ขยับปากร้องเหมือนกัน”
“เพราะฉะนั้นเซ็นเตอร์ในเพลงนี้ก็เป็นกันได้หมดทุกคนนั่นแหละ”
“อืม ก็จริงนะ” ซอนอินเองก็เห็นด้วย
“ถ้างั้นมีใคร จะเสนอตัวมั้ย?” แทฮยองยกมือขึ้นเป็นสัญญานบอกว่าถ้าใครอยากเป็นให้ยกมือ
“ฟึ่บ” สมชายยกมือขึ้นมา
“นายอยากเป็นเซ็นเตอร์หรอ?” ซอนอินถามรูปเมทของเขา
“.........” สมชายไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเอามือลง
“สงสัย เขาแค่ยกมือตามนายเฉยๆล่ะมั้ง” ซอนอินพูดเพื่อข้ามการกระทำงงๆของสมชายไป
“แล้วนายล่ะ แทกึน?” แทฮยองถามรูมเมทของเขา
“อืม... เอาจริงๆ.... ชั้นก็อยากลองเป็นเซ็นเตอร์นะ” แทกึนผู้ที่เงียบมาตลอดพูดขึ้น
“อืม.....” แทฮยองรับรู้ความเห็นของแทกึน
“จะว่าไงดีล่ะ ไม่ใช่ว่านายไม่ดีนะแทกึน แต่ชั้นว่านายยังไม่ค่อยดึงดูดเท่าไร” ลีดเดอร์แทฮยองพูดตรงๆ
“แต่ชั้นอยากจะลองทำดูน่ะ ขอเวลาลองดูซัก3วันได้มั้ย?” แทกึนอยากจะลองพยายามดู
“ตอนนี้เวลามันน้อยลงทุกทีแล้วนะ แทกึน นี่เหลือไม่ถึง2อาทิตย์แล้วด้วยซ้ำไป” แทฮยองดูไม่ค่อยแน่ใจ
“นายคิดว่านายทำได้จริงๆใช่มั้ย” แทฮยองถามย้ำไปที่แทกึนอีกที
“อย่างน้อยก็ขอให้ชั้นได้ลองดูก่อน” แทกึนพูดกับรูมเมทของเชา
“โอเค.... มีใครจะคัดค้านมั้ย?” แทฮยองถามคนอื่นๆ
“จริงๆ ชั้นไม่ค่อยเห็นด้วย” พี่ใหญ่อย่างเกาเร็นยกมือและพูดขึ้น
“แต่ชั้นคิดว่าจะให้เวลานายพิสูจน์ตัวเองตามที่ขอ”
“3วันเท่านั้นนะแทกึน”
นอกจากนั้นก็ไม่มีใครคัดค้านเรื่องแทกึนได้เป็นเซ็นเตอร์ ในเรื่องของความสามารถไม่มีใครเถียงว่าแทกึน คือที่สุด เขาเต้นได้ดีพอๆกับซอนอินและร้องได้ดีไม่แพ้ฮยองซาน แต่ในการเป็นเซ็นเตอร์ที่ต้องดึงดูดสายตาคนดูไปรวมที่ตัวเองให้ได้ สำหรับแทกึนที่ไม่ค่อยมีเสน่ห์หรือออร่ามากเท่าคนอื่น การจะทำแบบนั้นได้ก็คงจะยาก
“เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ ตำแหน่งแร็ปของชั้นน่ะ” ซอนอินพูดขึ้น
“เนื้อเพลงที่เกาเร็นแต่ง ชั้นได้แร็ปอยู่แค่2ประโยคเองนะ”
“จะให้ทำไงได้ล่ะ ก็นายทำได้แค่นั้นนี่น่า“
“คลาสแร็ปวันนี้ ยังพันกันอยู่เลย”
“ถ้าไม่พอใจที่2ประโยคเดี๋ยวลดให้ก็ได้นะ” คำพูดตรงๆของเกาเร็นทำให้ซอนอินรู้สึกเคืองหน่อยๆ
“พอๆ 2ประโยคก็2ประโยค ไม่เห็นต้องอธิบายเลย” ซอนอินรีบตัดบทก่อนที่เกาเร็นจะพูดมากกว่านี้
หลังจากตกลงตำแหน่งกันเสร็จ พวกเขาก็เริ่มฝึกกันอย่างหนักเนื่องจากเวลาของการประเมินที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลังจากฝึกไปซักพัก สมชาย ก็ต้องไปเรียนภาษาเกาหลี พวกเขาทำแบบนี้ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ต่อเนื่องกันทุกๆวัน ชีวิตของการเป็นเด็กฝึกหัดดำเนินไปทั้งแบบนี้ พวกเขาโดนดุ พวกเขาโดนด่า แต่พวกเขาก็ยังก้มหน้าตาฝึกเพราะหวังให้มันออกมาดี ในการเป็นเด็กฝึก บางคนเคยบอกว่ามันเหมือนกับการเดินทางที่ไม่มีจุดจบ ไม่มีใครรู้ว่าสุดทางจะมีอะไรรออยู่? ได้เดบิ้วเป็นไอดอลที่โด่งดัง? หรือ ได้เป็นแค่เด็กฝึกไปทั้งชาติ....
----------------------------------
10วันต่อมา
28/2/2017
9.30 น หลังเวที
ในที่สุดวันสิ้นเดือนก็มาถึง การประเมินความสามารถประจำเดือนได้เริ่มขึ้นแล้ว พวกเขามีเวลาซ้อมกันไม่ถึง 2อาทิตย์ด้วยซ้ำ ซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับปรกติ โดยการประเมินในครั้งนี้ แต่เดิมไม่ได้คาดหวังอะไรไว้อยู่แล้วด้วยเวลาฝึกที่น้อย สิ่งที่บริษัทอยากจะดูในวันนี้คือความเป็นทีมของพวกเขาซะมากกว่า ซึ่งในการประเมินนั้นถูกจัดขึ้นเพื่อดูความสามารถและความถนัดของเด็กฝึกหัด จะได้ฝึกสอนพวกเขาอย่างถูกต้องที่สุด และเด็กฝึกที่ทำได้แย่หลายครั้งๆ อาจจะถูกพิจารณายกเลิกสัญญาจากการเป็นเด็กฝึกเลยก็ได้ วันนี้จึงเป็นวันสำคัญสำหรับเด็กฝึกทุกคนทั้งชายหญิง ในวันนี้จะไม่มีการฝึกซ้อม ทั้งวันจะมีแค่การประเมินเท่านั้น
“ผมตื่นเต้น” เสียงทุ้มๆของชายหน้าสวยพูดขึ้น
“ใจเย็นๆน่า สมชาย” ซอนอินบอกให้เพื่อนเขาใจเย็นๆ
ตลอดเวลาเกือบ2อาทิตย์ ภาษาเกาหลีของสมชาย ถือว่าดีขึ้นกว่าเดิมมาก เขาเริ่มจะพูดและฟังคำง่ายๆได้บ้างแล้ว แม้ว่าบางคำจะดูแข็งทื่อและไร้อารมณ์ไปหน่อย นอกจากนี้น้ำหนักของเขาก็ขึ้นมา1กิโลแล้ว แม้จะดูน้อยแต่ก็ถือว่ายากสำหรับเวลาไม่ถึง2สัปดาห์ โดยเฉพาะกับคนที่กินแล้วไม่อ้วนแบบเขา พวกเขาอยู่หลังเวทีการและเตรียมตัวที่จะออกไปแสดง โดยข้างนอกนั่นจะมีคณะกรรมการเป็นเหล่าเทรนเนอร์ที่สอนเขามา รวมถึงกล้องที่จะจับภาพของเขาทุกคนเอาไว้ 1ตัวก็ต่อ1คน ซึ่งนอกจากเกาเร็นและแทฮยองที่เคยเป็นไอดอลและเด็กฝึกมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้โชว์แบบเป็นกลุ่ม และก็เป็นครั้งแรกของเกาเร็นและแทฮยองที่ได้แสดงร่วมกับคนกลุ่มนี้ โดยนอกจากกลุ่มเด็กฝึกชายแล้วก็ยังมีกลุ่มเด็กฝึกหญิงที่กำลังเตรียมตัวอยู่เหมือนกัน
“นี่จองฮวา ขาเธอโอเคขึ้นแล้วใช่มั้ย” กาอินถามอาการเพื่อนของเธอ
“อืม ครีมแก้ปวดที่เธอซื้อมาช่วยได้เยอะเลย” จองฮวาตอบเพื่อนของเธอ
“นี่ฟังนะ ไม่ต้องเครียด แค่สนุกไปกับเสียงเพลงแบบตอนที่เราซ้อมกันก็พอ” ซูยองคนเก่งยังคงใจเย็นเหมือนเดิม
“อื้ม!” จองฮวาตอบอย่างหนักแน่น
“ถึงแม้ว่าค่ายจะต้องการเดบิ้วกลุ่มชาย...”
“ ... แต่ชั้นเชื่อว่าเราจะเปลี่ยนใจเขาได้… “ กาอินพูดปลุกใจเพื่อนๆก่อนที่พวกเธอจะเอากำปั้นออกมาแล้วเอามาชนกัน
“สู้” “สู้” “สู้”
--------------------------------------
10.00 น. หน้าเวที
“การประเมินประจำเดือนกุมภาพันธ์ ปี2017” สตาฟคนนึงขึ้นมายืนถือไมค์และพูดกับกล้องที่เตรียมบันทึกภาพ
“กลุ่มแรก เด็กฝึกหัดหญิง”
“ทำการแสดงในเพลง ผิวปาก ของ ไวท์บลู”
“ซง กาอิน ยุน จองฮวา และ โย ซูยอง”
“ขึ้นเวทีได้ ครับ!”
“จบตอนที่ 5”
--------------------------
ตอนต่อไป!!
-ผลของการประเมินจะเป็นเช่นไร
-ผลการสอบชิงทุนของ ฮยองซาน ซูยอง และ สมชาย จะได้รับการเปิดเผย!!
-------------------------
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Dec 12, 2017 15:36:29 GMT
28/2/2017
10.30 น. หลังเวที
เด็กฝึกชายทำการแสดงของพวกเขาอย่างแข็งแรงและเต็มไปด้วยพลัง เหล่าเทรนเนอร์ดูจะพอใจกับความสามารถของพวกเขาในวันนี้เป็นอย่างมาก นอกจากเด็กฝึกชายแล้ว เด็กฝึกหญิงก็ได้ขึ้นแสดงเหมือนกัน และพวกเธอก็ได้รับคำชมไปพอสมควร
“พวกเด็กฝึกชายแข็งแรงกันจริงๆเลยนะ” จองฮวาที่ยืนดูอยู่หลังเวทีพูดขึ้น
“คนที่หน้าเหมือนผู้หญิงก็เต้นดีอยู่นะ” กาอินพูดถึงเด็กฝึกที่ลักษณะโดดเด่นกว่าใครเพื่อน
“แร็ปของหลงเกาเร็นดีขึ้นกว่าครั้งก่อนอีกไม่ใช่รึไง”
“แถมฮยองซานกับอีกคนที่ผมน้ำตาลนั่นก็เสียงดีชะมัด” ซูยองก็คิดว่าออกมาดีเช่นกัน
“ชินแทฮยองเป็นลีดเดอร์สินะ
“นำทีมได้ดีเหมือนกันแหะ” กาอินรู้สึกชื่นชมแทฮยอง
“แต่จะว่าไปพวกเธอเป็นเหมือนกันมั้ย?” จองฮวาพูดขึ้น
“ขนาดชั้นดูจากข้างหลัง....”
“สายตาชั้นยังถูกดึงดูดให้มองไปที่เขาได้เลย”
“ตำแหน่งเซ็นเตอร์ อย่างคิมซอนอินน่ะ”
-------------------------
The Trainee
ตอนที่ 6: เหตุผลและจุดอ่อน
---------------------------------------------------
21/2/2017
1สัปดาห์ก่อนการประเมิน
16.00 น. ห้องซ้อมที่1
“อืม วันนี้คลาสเต้นพอแค่นี้นะ” เทรนเนอร์สอนเต้นพักยูจินพูดก่อนเตรียมจะเดินออกจากห้องไป
“เดี๋ยวก่อนครับ” แทฮยองรีบพูดขึ้น
“คืออยากให้ช่วยดู การแสดงที่จะใช้ประเมินของพวกเราได้มั้ยครับ?”
“อืม... ก็ได้อยู่หรอก จริงๆชั้นก็ต้องช่วยดูอยู่แล้วล่ะ แต่นึกว่ายังเตรียมกันไม่เสร็จ”
“เอาสิ ถ้าพร้อมแล้วก็เอาเลย”
เขาพูดก่อนจะให้เริ่มแสดง แทฮยองบอกให้ผู้ช่วยของเทรนเนอร์พักยูจินเตรียมเปิดเพลงที่พวกเขาเตรียมไว้ พวกเขายืนเรียงแถวตามที่ซอนอินได้ออกแบบไว้ และก็เริ่มแสดง....
---------------------------
20/20/2017
1วันก่อนการแสดงให้เทรนเนอร์พักยูจินดู
22.00 น. ห้องที่ 207 ชินแทฮยองและยุนแทกึน
“อ๊ะ กลับมาแล้วหรอ”
แทฮยองพูดขึ้นขณะกำลังเตรียมตัวนอน ภาพที่เขาเห็นคือยุนแทกึนในชุดซ้อมกลับมาที่ห้อง หลังจากที่เขาเสนอตัวเองเป็นเซ็นเตอร์ เขาก็ยิ่งบ้าคลั่งกับการฝึกหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่อยากทำให้ทุกคนผิดหวัง วันนี้เป็นวันที่2แล้ว ที่เขาใช้เวลาฝึกไปถึง 13 ชั่วโมง ตั้งแต่9โมงเช้ายัน4ทุ่ม
“นายนอนไปเถอะ เดี๋ยวชั้นอาบน้ำเสร็จก็จะนอนแล้ว” เขาพูดกับแทฮยอง
“นายไหวแน่นะ แทกึน” แทฮยองเห็นสภาพของแทกึนที่น่าเป็นห่วง
“ไม่ไหวก็ต้องไว้แหละ ก็ชั้นได้เป็นเซ็นเตอร์แล้วนี่นา”
“ชั้นมีเวลาแค่3วันเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ถ้าไม่รีบฝึกแล้วจะให้ทำยังไงล่ะ” เขาพูดขณะวางตัวลงบนที่นอน
“นี่แทฮยอง”
“นายอยากเป็นไอดอลเพราะอะไรหรอ? “ แทกึนที่นอนแผ่อยู่บนเตียงของเขาถามแทฮยอง
“ชั้นหรอ ไม่รู้สิ ชั้นก็แค่อยากทำให้คนอื่นมีความสุขเพราะการแสดงของชั้นน่ะ”
“เวลามีคนชอบในสิ่งที่ชั้นทำ”
“เวลามีคนบอกว่าสิ่งที่ชั้นทำมันดี และขอให้ชั้นทำมันต่อไป นั่นแหละความสุขของชั้น” แทฮยองตอบตามจริง
“งั้นหรอกหรอ....เหตุผลสมเป็นนายจริงๆ” แทกึนพูดพร้อมยิ้มไปด้วย
“แล้วนายล่ะแทกึน?” แทฮยองถามกลับ
“จริงๆมันค่อนข้างซับซ้อนซักหน่อย แต่นายห้ามไปบอกใครล่ะ สัญญานะ?”
“อืม สัญญา”
แทฮยองรับปากว่าจะเก็บเป็นความลับ สำหรับแทกึนนั้น เขารู้สึกว่าแทฮยองเป็นเพื่อนที่สามารถไว้ใจได้ เพราะว่าตัวของแทฮยองนั้นแม้จะพูดน้อยก็จริง แต่เขาก็ใส่ใจทุกๆคนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะหลังจากได้เป็นลีดเดอร์เขาก็ยิ่งทำงานหนักขึ้นกว่าเก่า แทกึนจึงรู้สึกสบายใจที่จะบอกความลับนี้ให้แทฮยองฟัง
“ชั้นน่ะรักในเสียงดนตรี และชั้นอยากจะเป็นนักร้องมาโดยตลอด”เขาพูด
“อะไรกัน ถ้าแค่นั้นก็ไม่เห็นต้องให้เก็บเป็นความลับเลยนี่” แทฮยองรู้สึกแปลกใจ
“ฟังดีๆสิ ชั้นน่ะอยากเป็นนักร้องไม่ได้อยากเป็นไอดอลซักหน่อย” สีหน้าแทกึนเริ่มเปลี่ยน
“ชั้นอยากเป็นไอดอลเพราะ.......”
“รักแรกของชั้นน่ะ”
-------------------------------------
1สัปดาห์ก่อนการประเมิน
21/2/2017
16.00 น. ห้องซ้อมที่1
“อืม เกาเร็นแร็ปได้สุดยอดมาก แทฮยองกับแทกึนก็ร้องเสริมได้ดี ฮยองซานเองก็โชว์พลังเสียงได้สมคำร่ำลือ แต่ว่า....”
“พวกนายตอบชั้นได้มั้ยว่าทำไมชั้นถึงมองไปที่ซอนอินในท่อนฮุคแทนที่จะเป็น แทกึน”
เทรนเนอร์ พักยูจินพูดขึ้นหลังจากที่เขาดูการแสดงของทีมชายจบ เหล่าเด็กฝึกเงียบไม่มีแม้แต่คำพูดใดๆออกมาตอบคำถามของเขา แม้ว่าแทกึนจะร้องและเต้นได้ดี แต่ซอนอินที่เต้นอยู่ตำแหน่งข้างๆกับทำได้ดีกว่า ไม่สิต้องบอกว่า ทำได้เท่ากัน แต่ซอนอินมีเสน่ห์กว่าแทกึนมาก แม้ว่าแทกึนจะร้องนำในท่อนฮุค ส่วนซอนอินแค่ขยับปากตามเพราะเขาร้องไม่ประสานไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่ซอนอินกลับทำออกมาได้น่าดูกว่าที่แทกึนทำซะอีก
“แทกึน ฟังนะการเป็นเซ็นเตอร์น่ะ นายต้องดึงดูดสายตาของคนดูให้ได้”
“การที่นายเต้นและร้องด้วย สีหน้าที่เครียดและเป็นกังวัลแบบนั้น มันไม่น่าดูเอาซะเลย”
“ขนาดสมชาย ที่เหมือนจะไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองร้อง ก็ยังออกมาน่าดูกว่าที่นายทำซะอีก”
“ตอนนี้เหลือเวลาแค่อาทิตย์เดียวแล้ว ถ้าให้ชั้นแนะนำ ก็มีอยู่2ทาง”
“ทางที่ 1 คือฝึกฝนแทกึนให้เข้าถึงฟีลลิ่งของเพลงและสื่อสารมันออกมาให้ได้”
“ทางที่2 คือเปลี่ยนเซ็นเตอร์เป็น ซอนอินซะ”
“เพราะแร็ป2ประโยคของ ซอนอินเป็นท่อนที่เขาได้โชว์เต้นพอดี”
“ถ้าให้เขาเป็นเซ็นเตอร์ตั้งแต่แรก มันก็น่าจะเจ๋งใช้ได้”
“ถ้าเลือกทางที่ 1 เราจะต้องมาฝึกกันหลังจากนี้”
“แต่ถ้าเลืองทางที่2 ก็แค่สลับตำแหน่งการเต้นในท่อนฮุคของซอนอินกับแทกึน”
“พวกนายจะเลือกทางไหนล่ะ.....”
------------------------------------
20/2/2017
1วันก่อนการแสดงให้เทรนเนอร์พักยูจินดู
22.00 น. ห้องที่ 207 ชินแทฮยองและยุนแทกึน
“ตอนนั้นน่าจะประมาณ ช่วงที่ชั้นพึ่งเข้าม.ต้นใหม่ๆ “
“ในขณะที่ชั้นกำลังกลับบ้าน ทางผ่านของบ้านกับโรงเรียนชั้น มันเป็นย่านค้าขาย"
"ผู้คนเดินสวนกันไปมาด้วยความเร่งรีบ ชั้นเองก็เหมือนกัน” แทกึนเริ่มเล่าเรื่องของเขา
“และในวันนั้น ชั้นก็เจอเธอ...."
"เธออยู่ที่นั่น....”
“เธอน่าจะอายุเท่าๆกับชั้น ยืนร้องเพลงและเต้นอยู่คนเดียว ถามกลางผู้คนมากมายที่เดินผ่านเธอไปและไม่มีใครสนใจเธอ ชั้นเองก็เหมือนกัน ชั้นเจอเธอแทบทุกวันที่ชั้นกลับบ้าน เธอยังคงร้องและเต้นอยู่ตรงนั้น”
“จนกระทั่งวันนึง….”
“ชั้นก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่มันเป็นวันแรก ที่ชั้นหยุดที่จะเดินกลับบ้าน และเริ่มยืนดูการแสดงของเธอแบบห่างๆ......”
“เธอทั้งสวยและเธอสดใสอยู่ตลอดอยู่เวลาแม้ว่าจะไม่มีใครสนใจเธอ.....”
“และนั่นก็คงเป็นครั้งแรกที่ชั้นเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองไม่มีเสน่ห์”
“นายก็เลยชอบเธอหรอ?” แทฮยองถามเพื่อนของเขา
“ในตอนนั้นชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่หลังจากวันนั้น ทุกๆเย็น ชั้นจะมายืนดูเธอที่เดิม ดูเธอทำการแสดงแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมา ชั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใครชื่ออะไร ชั้นแค่มายืนดูเธอ ชั้นไม่ได้เข้าไปพูดคุยหรือทักทาย แค่ยืนดูไปแบบนั้น... ยืนดูทั้งแบบนั้น.....”
“ชั้นทำแบบนั้นอยู่เป็นเดือนๆ จากที่ไม่มีใครยืนดูเธอ ในเวลาต่อมาก็เธอก็เริ่มมีแฟนคลับมากขึ้น จนเธอมีคนมายืนดูเธอเต็มพื้นที่ไปหมด “
“และในวันนั้น”
“มันก็เป็นวันธรรมดาเหมือนทุกวัน เธอทำการแสดงเสร็จและกำลังจะกลับ ชั้นเองก็เตรียมจะกลับเหมือนกัน”
“นี่คุณคะ คุณคนนั้นน่ะ”
"เธอเข้ามาทักชั้น"
“ขอบคุณที่มาดูชั้นอยู่ทุกวันนะคะ ที่ชั้นมีกำลังใจในการแสดงในวันต่อๆมา ส่วนนึงก็เพราะคุณ”
“ถ้าวันนึงชั้นได้แสดงในสถานที่ที่ดีกว่านี้ ช่วยมาดูชั้นใกล้ๆด้วยนะคะ”
“อยู่ดีๆเธอก็หันมาพูดกับชั้นที่ยืนดูอยู่ห่างๆ ชั้นไม่รู้ว่าเธอเริ่มสังเกตเห็นชั้นตั้งแต่ตอนไหน แต่ที่ชั้นแน่ใจคือหลังจากที่เธอหันมาคุยกับชั้น ชั้นก็รู้สึกเหมือนว่าชั้นจะชอบเธอเข้าจริงๆซะแล้ว”
“อืม.... อย่างงั้นหรอกหรอ” แทฮยองงงๆนิดหน่อย
“ยังไม่จบนะ”
“หลังจากวันนั้น ชั้นก็ตั้งใจจะเข้าไปดูเธอใกล้ๆซักครั้ง แต่....”
“เธอหายไป”
“และวันต่อๆมา ชั้นก็ไม่เห็นเธออีกเลย...”
“นั่นคงเป็นครั้งแรกที่ชั้นรู้สึกคิดถึงใครซักคนด้วยความรู้สึกแบบนั้น ชั้นยังคงเดินไปที่นั่นทุกวัน และคาดหวังว่าชั้นจะเจอเธออีกครั้ง แต่ชั้นก็ไม่เคยเจอเธออีกเลย”
“หลังจากนั้นชั้นก็ฝึกร้องเพลงเพื่อจะได้เป็นนักร้องตามความฝันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนที่ชั้นเข้า ม.ปลายเดือนแรกๆ บริษัท SD ก็เดบิ้วไอดอลเกิลกรุ๊ป วงนึงขึ้นมา”
“.... แทกึน นายไม่ได้บ้าใช่มั้ย ประวัติของรักแรกของนายน่ะ มันเหมือนกับ....”
“ใช่รู้ว่ามันบ้า แต่นั่นคือเธอ เธอหายไปเป็นเด็กฝึกหัดของSD และ3ปีต่อมาเธอก็เดบิ้วเป็นไอดอล”
“คูน อาริ ลีดเดอร์ของไดม่อนคุกกี้”
“แทกึน นายนี่มันบ้าชัดๆ” แทฮยองรู้สึกถึงความบ้าของคนๆนึง
“นายก็เลยไปเรียนเต้น และพยายามเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัด เพื่อจะเป็นไอดอลและได้ไปเจอเธออีกครั้งน่ะนะ?”
“จะว่างั้นก็ได้”
“ความพยายามของเธอทำให้ชั้นประทับใจ และชั้นเองก็อยากทำให้เธอประทับใจในความพยายามของชั้นบ้าง”
“นี่นายฝึกหนักขนาดนั้น เพราะอยากทำให้ผู้หญิงที่นายแอบชอบประทับใจน่ะนะ?” แทฮยองรู้สึกสับสนมาก
“อืม” แทกึนตอบด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“ให้ตายสินายนี่มันบ้าของแท้ เลย”
“นี่นายคิดไปถึงอยากเป็นแฟนเธอเลยรึเปล่าเนี่ย?”
“ที่จริง ชั้นคิดว่านายก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วล่ะ ถ้าไม่ได้คิดแบบนั้นชั้นจะมาอยู่ที่นี่หรอ” แทกึนพูดพร้อมท่าทีเขินอาย
“ให้ตายสิ แล้วถ้านายได้เป็นไอดอล นายจะไปเจอเธออีกครั้งแล้วขอเธอคบรึไง?”
“อย่างน้อย การเป็นไอดอลก็อาจจะทำให้ชั้นกับเธอได้คุยกันน่ะนะ เรื่องหลังจากนั้นก็อยู่ที่ตัวเธอแล้ว”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย” แทฮยองยังคงอึ้งกับเหตุผลของแทกึน
“เอาล่ะ นายนอนไปเถอะ ชั้นจะไปอาบน้ำแล้ว หวังว่าพรุ่งนี้จะได้รับคำชมนะ” แทกึนพูดตัดบทก่อนจะเตรียมตัวไปอาบน้ำ ปล่อยให้แทฮยองอึ้งกับเรื่องราวความรักของเขาทั้งแบบนั้น
-----------------------------
21/2/2017
1สัปดาห์ก่อนการประเมิน
16.00 น. ห้องซ้อมที่1
“เอาล่ะจะเลือกทางไหนล่ะ?”เทรนเนอร์พักยูจิน ถามคำถามเดิมกับเด็กฝึกหัด ในสภาพของทีมตอนนี้ ต้องบอกว่านอกจากเซ็นเตอร์ ในทุกๆตำแหน่งก็ดูจะลงตัวหมดแล้ว ซึ่งถ้าหากแทกึนสามารถฝึกฝนเรื่องฟีลลิ่งของเขาได้ มันก็จะออกมาสมบูรณ์แบบ หรือถ้าไม่อยากเสี่ยง ก็แค่สลับตำแหน่งการเต้นของแทกึนกับซอนอินซะ
“ฮะฮะ ไม่เห็นยากเลย เรื่องฟีลลิ่งแทกึนฝึกได้อยู่แล้วหมอนี่มันเก่งจะตายไป” ซอนอินยังผ่อนคลายและพูดขึ้น
“แต่ชั้นจะเลือกทางที่ 2” เกาเร็นพูดพร้อมยกมือขึ้นมา
“นี่นาย! จะไม่ใจร้ายไปหน่อยรึไง?”ซอนอินรู้สึกไม่ดีที่เกาเร็นทำแบบนั้น
“ฟังนะซอนอิน เหลืออีกแค่อาทิตย์เดียวกับการประเมิน พอผ่านรอบนี้ไป ก็ให้แทกึนฝึก”
“แล้วค่อยกลับมาเป็นเซ็นเตอร์ในการประเมินเดือนหน้าก็ยังไม่สาย” เกาเร็นบอกเหตุผลของเขา
“แต่แทกึนน่ะ! ซ้อมหนักมากเพื่องานนี้เลยนะ! นายก็เห็นไม่ใช่รึไง!?” ซอนอินแคร์ความรู้สึกของแทกึน
“เพราะฉะนั้นเขาถึงสมควรเป็นเซ็นเตอร์! ทั้งๆที่ยังทำได้ไม่ดีน่ะหรอ!?”เกาเร็นตอบโต้ซอนอิน
“เรื่องนั้นมัน.....”
“ทั้ง2คนใจเย็นๆก่อนเถอะ” แทฮยองพยายามควบคุมอารมณ์ของทั้ง2ที่เริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
“นายโอเคนะ แทกึน” ฮยองซานถามเพื่อนของเขา
“อืม…….”
"เอาล่ะเรามาค่อยๆคิดกันดีกว่านะ" ลีดเดอร์แทฮยองพยายามควบคุมสถานการณ์
“เลือกทางที่ 2เถอะ” แทกึนพูด....
“พูดอะไรของนายน่ะ แทกึน!“
“นายฝึกหนักตั้งขนาดนั้น ทั้งๆที่ชั้นแอบอู้อยู่ตลอด นายจะยกมันให้ชั้นได้ยังไง!” ซอนอินรู้สึกผิด
“ไม่หรอกซอนอินนายสมควรจะได้มัน ขอโทษนะที่ทำให้พวกนายเป็นห่วง”
“แต่ชั้นยังไม่ดีพอจะเป็นเซ็นเตอร์อย่างที่พี่เกาเร็นพูดจริงๆนั่นแหละ”
“พวกเราเป็นทีมเดียวกัน ยังไงก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ทีมอยู่แล้ว”
“ฝากด้วยนะซอนอิน”
แทกึนพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ที่เต็มไปด้วยความเศร้าและผิดหวัง แม้ว่าเขาจะฝึกอย่างหนักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเป็นเซ็นเตอร์อย่างที่ต้องการได้ การได้เป็นเซ็นเตอร์ในช่วงเวลา3วัน ผ่านไปเหมือนกับความฝัน.... เขายังคงฝืนยิ้มออกมาและทำท่าทางเหมือนไม่เป็นอะไร ทีมเด็กฝึกหัดชายได้เปลี่ยนเซ็นเตอร์จาก “แทกึน” เป็น “ซอนอิน”
-------------------------
28/2/2017
10.00 น. หน้าเวที
หลังจากที่สตาฟชายเรียกชื่อพวกเธอทั้ง3คน พวกเธอก็ขึ้นมาบนเวที วันนี้พวกเธอแต่งกายด้วยชุดที่ใช้แสดง และแต่งหน้ามาอย่างดี ซึ่งแตกต่างจากชุดกีฬาโทรมๆกับหน้าสดที่เห็นกันจนชินตาในทุกวัน
“สวัสดีค่ะ ยุนจองฮวาค่ะ”
“ซง กาอินค่ะ”
“โย ซูยองค่ะ”
“พวกเราคือ ทีมเด็กฝึกหญิง ฝากตัวด้วยค่า”
จองฮวาพูดเปิดหัวและปิดท้ายก่อนที่พวกเธอจะโค้งคำนับตามมารยาท และเริ่มยืนในตำแหน่งที่ได้ซ้อมกันมา เพลงที่พวกเธอใช้ เป็นเพลงที่มีจังหวะไม่เร็วมาก เป็นเพลงเคป๊อบ-ฮิปฮอปจังหวะกลางๆ มีทั้งช่วงที่ช้าและช่วงที่เร็ว ทันทีที่เพลงเปิดขึ้นเหมือนกับวิญญาณไอดอลในตัวพวกเธอก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน ในช่วงอินโทรของเพลงเป็นซูยองออกมาร้องเกริ่นก่อนเข้าเพลงซึ่งเป็นท่อนที่ไม่ต้องใช้สกิลการร้องอะไรมาก ก่อนที่ท่อนต่อมา จะเป็นจองฮวาหมุนตัวมาร้องที่ด้านหน้า แม้ว่าเธอจะยังเต้นได้ไม่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียด เธอยังขยับตามจังหวะได้อย่างดี แม้ว่าบางท่าจะดูช้าๆไปหน่อย
หลังจากจองฮวาร้องเสร็จ ดนตรีก็จะเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงของการแร็ป ซูยองออกมาแร็ปในท่อนของเธอ ในรอบนี้เธอไม่ได้แต่งแร็ปขึ้นเอง เธอแร็ปตามต้นฉบับ ซึ่งก็ทำได้ดีและถ้อยคำก็ดูชัดขึ้นกว่ารอบออดิชั่น หลังจากเธอแร็ปเสร็จ ก็เป็นกาอินที่ออกมาร้องท่อนก่อนเข้าฮุคซึ่งเป็นท่อนที่ต้องใช้สกิลการร้องเพลงสูง ซึ่งเธอก็ทำตามหน้าที่ได้ดีด้วยเสียงที่ดุดันและเกรี้ยวกราดของเธอ และในท่อนฮุคก็เป็นซูยองกลับมาอยู่ตรงกลางอีกครั้ง ท่อนฮุคในเพลงนี้ไม่ได้มีเนื้อร้องอะไรมาก เป็นการร้องคำเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาซึ่งเป็นจุดขายของเพลง และซูยองก็ร้องออกมาในสไตล์แบบฮิปฮอป ที่ทำให้ดูชิคๆหยิ่งๆ เข้ากับอารมณ์เพลง โดยรวมแล้วพวกเธอทำได้อย่างดี มีการดัดแปลงท่าเต้นบางท่าให้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังคงความสวยงามเอาไว้ได้ พวกเธอทำการแสดงได้อย่างไม่มีอะไรผิดพลาดไปจนจบเพลง หลังจากเพลงจบพวกเธอได้รับเสียงปรบมือจาก เล่าคณะกรรมการการตัดสิน ซึ่งก็คือเหล่าเทรนเนอร์รวมไปถึง ประธานบริษัทอย่างคิมจีฮุนด้วย
“ไม่อยากจะเชื่อเลยพวกเธอทำได้ดีเลยนะ”
“ความเป็นทีมนี่สุดยอดเลย” คิมจีฮุนรู้สึกเซอร์ไพร์
“ตอนที่ซ้อมกันเมื่อหลายวันก่อน จองฮวายังดูงงๆ ทุลักทุเลอยู่เลย”
“พอมาวันนี้ เธอกลับทำได้ถึงขนาดนี้ดีรู้สึกปลื้มใจมากค่ะ” เทรนเนอร์จองซูอาที่เคี่ยวเข็ญพวกเธอรู้สึกดีใจ
“ในพาร์ทของการร้อง ก็ถือว่าสื่อสารได้ดี พวกเธอทุกคนสื่ออารมณ์เพลงได้ดี” คิริฮาระเองก็พูดชมพวกเธอ
“จองฮวานี่ดูมีมาด เอ็มซีเหมือนกันนะ” คิมจีฮุนชื่นชมทักษะการพูดของเธอ
“ขอบคุณค่ะ“ เธอขอบคุณเขา
“มีอะไรจะติบ้างมั้ยครับ?” คิมจีฮุนหันไปถามเหล่าเทรนเนอร์
“ถ้าจะติก็คงเป็น เรื่องของการใช้พื้นที่ล่ะนะ”
“พวกเธอยังเต้นกันอยู่แค่ในวงเล็กๆ ทั้งที่มีพื้นที่กว้าง”
“แต่ด้วยจำนวน3คนก็ถือว่าให้อภัยได้แหละนะ” เทรนเนอร์จองซูอาออกความคิดเห็น
“ส่วนเรื่องการร้อง กาอินยังมีอาการเสียงสั่นกันอยู่หน่อยๆ คงจะเพราะต้องเต้นไปด้วย แต่ถ้าไม่จับผิดก็ไม่รู้สึกเลยนะ”
“แล้วก็จองฮวา เวลาร้องตอนที่เต้นไปด้วยยังหายใจไม่ค่อยทัน ฝึกเต้นๆบ่อยๆเดี๋ยวก็ชินเอง” คิริฮาระก็มีข้อติเช่นกัน
“ผลของการประเมินเดี๋ยวจะบอกในวันพรุ่งนี้ ขอบคุณมากครับ” คิมจีฮุนกล่าวปิดท้าย
พวกเธอกล่าวขอบคุณเช่นกัน ก่อนจะเดินลงเวทีไปด้วยท่าทีดีด้ากันใหญ่ จองฮวาที่ก่อนหน้านี้มีอาการปวดกล้ามเนื้อขา ทำให้มีอาการกังวลนิดหน่อยแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี ทางด้านของซูยองก็โชว์ได้ดีเช่นเคย ในเพลงนี้เธอได้เป็นเซ็นเตอร์โดยไร้การกังขา แม้ว่าหน้าตาของกาอินและจองฮวาจะดีกว่า แต่ซูยองก็ไม่ได้โดนรังสีนั้นกลบความสามารถของเธอแต่อย่างใด
“ซูยอง นี่สมแล้วที่ได้รับทุนจากโรงเรียนเคอาร์ต”
“ทั้งๆที่ต้องเตรียมโชว์นี้อยู่แท้ๆ ก็ยังหาเวลาไปเตรียมโชว์แข่งชิงทุนได้อีก” คิมจีฮุนรู้สึกชื่นชม
“วันนั้น การแสดงของเธอดีเป็นอันดับ2เลยนะคะ” เทรนเนอร์จองซูอาพูดขึ้น
“กลุ่มที่สอง เด็กฝึกหัดชาย” สตาฟพูดแทรกขึ้นมาพอดี
“ทำการแสดงในเพลง คำราม ของวงดวงดาว”
“ชิน แทฮยอง, หลง เกาเร็น , ยุน แทกึน , คิม ซอนอิน, ยู ฮยองซาน และ สมชาย”
“เชิญขึ้นเวทีได้ครับ!”
หลังจากสิ้นเสียงเรียก เขาเด็กฝึกหัดชายก็ขึ้นเวที ในวันนี้พวกเขาใส่ชุดในการแสดงเช่นกัน มันเป็นชุดคล้ายๆกับชุดนักเรียน ซึ่งเป็นชุดคอนเซ็ปประจำเพลงนี้ พวกเขาพูดแนะนำตัวเหมือนอย่างที่ทีมหญิงทำ นำโดยชินแทฮยอง หลังแนะนำตัวกันเสร็จ พวกเขาก็โค้งคำนับและพูดคุยกับคณะกรรมการ
“ได้ข่าวว่าเธอเป็นลีดเดอร์ไปแล้วซินะ แทฮยอง” คิมจีฮุนถาม
“ก็ประมาณนั้นครับ” แทฮยองตอบ
“อืม พยายามได้ดีมาก”
“ยูฮยองซาน” คิมจีฮุนพูดชื่อของฮยองซานขึ้นมา
“ครับ” ฮยองซานขานรับพร้อมยกมือขึ้นมา
“ได้ข่าวว่า เล่นเปียโนได้ดีเลยนี่”
“ขอบคุณมากครับ ฮะฮะ” ฮยองซานรู้สึกเขินๆ
“รู้สึกยังไงที่โชว์นายได้ อันดับ1ในนายสอบชิงทุนล่ะ” คิมจีฮุนถามต่อ
“ดีใจมากครับ”
“ดีแล้ว ต่อจากนี้ก็พยายามล่ะ”
ระหว่างเหตุการณ์ การเตรียมตัวแสดงการประเมินนั้น ฮยองซานและซูยอง จะต้องไปสอบชิงทุน ของโรงเรียนศิลปะเคอาร์ต โดยจะมีการสอบข้อเขียนและปฎิบัติ ทั้งคู่ทำได้ดีทั้ง2อย่าง ซูยองที่โชว์เต้น สร้างความประทับใจให้เหล่าครูอาจารย์ที่นั่งตัดสินภายในห้อง เธอสมควรได้ทุนไปอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนฮยองซาน ที่ตอนแรกเตรียมร้องเพลงมาแค่อย่างเดียวแต่ในห้องออดิชั่นดันมีเปียโนตั้งอยู่ เขาเลยเล่นมันพร้อมๆกับร้องไปด้วย ความสามารถของเขาทำให้ผู้ชมในห้องต่างลุกขึ้นปรบมือ เขาได้อันดับ1ในการสอบชิงทุน ดูเหมือนฮยองซานจะทำได้ดีในการแข่งขันเสมอ เรื่องนี้ถึงกับทำให้มีข่าวในโซเชี่ยลที่โด่งดังประมาณนึงเลยว่า เด็กฝึกหัดจากค่ายของนักร้องดัง คิมจีฮุน สอบชิงทุนของโรงเรียนศิลปะเคอาร์ต โรงเรียนศิลปะชื่อดัง ได้อันดับที่1และอันดับที่2 ทำให้ค่าย KJH ในตอนนี้เป็นที่จับตามองมากขึ้น น่าเสียดายที่สมชายยังใช้ภาษาเกาหลีได้ไม่ดี ทางค่ายเลยตัดสินใจให้เขาเรียนภาษาเกาหลีจนกว่าจะอยู่ในระดับที่ดีซะก่อน เพราะเขาจะต้องมีปัญหาในส่วนของข้อเขียนแน่ๆ ทำให้สมชายต้องหยุดพักเรื่องการเรียนเอาไว้ก่อน
“เอาล่ะถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มได้”
คิมจีฮุนให้สัญญาน เหล่าเด็กฝึกชายยืนเรียงแถวกันตามที่ซอนอินได้ออกแบบไว้ ทันทีที่เพลงดังขึ้น พวกเขาก็เริ่มขยับร่างกายและเต้นอย่างพร้อมเพรียง เป็นสมชายที่ออกมาร้องเกริ่นในช่วงอินโทรของเพลงและร้องในท่อนแรก ตามด้วยซอนอินที่ร้องแค่1ประโยค และเป็นท่อนที่ไม่ต้องใช้สกิลอะไรเลย ก่อนที่จะเข้าท่อนต่อไปที่ต้องใช้สกิลการร้องเพลงสูงขึ้น ซึ่งแทกึนอดีตเซ็นเตอร์ที่วันนี้สลัดความเศร้าออกจนหมดและพยายามยิ้มไปด้วยเวลาร้องเพลง ซึ่งเขาเองก็ร้องได้ดีแม้ว่าตอนแรกนี้จะยังดูเป็นกังวลอยู่เหมือนเดิมแต่รอยยิ้มที่ฝีนยิ้มนั้นก็ทำให้ดูผ่อนคลายลงนิดหน่อย และท่อนต่อมาที่ร้องยากไม่แพ้กัน เป็นฮยองซานออกมาร้อง ซึ่งในระหว่างนี้พวกเขาก็ต้องเต้นตามจังหวะไปด้วย ในเรื่องของการเต้นยังไม่มีใครทำผิดพลาด จะมีก็แต่ฮยองซานที่การร้องในท่อนของเขา เขาเลือกจะยืนร้องในท่อนที่ใช้เสียงสูงก่อนจะเต้นต่อในท่อนที่ซอฟลงมาเพื่อไม่ให้เสียงสั่น และในท่อนต่อไปซึ่งเป็นท่อนก่อนเข้าฮุค เป็นหน้าที่ของชินแทฮยองออกมาร้อง นับจากวันที่ออดิชั่นเสียงของแทฮยอง ดูดีกว่าเดิมมาก เสียงของเขานุ่มขึ้นกว่าเดิมและเหมาะสมกับท่อนนี้มากๆ ก่อนที่แทกึนจะเดินออกมาร้องประโยคสุดท้ายและเข้าฮุค
เป็นสมชายที่ออกมาอยู่หน้าสุดด้วยความสวย ไม่สิ หล่อของเขา ก่อนที่จะเริ่มเต้นขยับตำแหน่งกันและพาซอนอินเซ็นเตอร์ที่แท้จริงออกมาอยู่หน้าสุด ซอนอินเต้นด้วยความรู้สึกสนุกไปกับเพลงซึ่งแตกต่างจาก แทกึนที่ก่อนหน้านี้เต้นโดยพยายามนับจังหวะในใจให้เป๊ะที่สุด ซอนอินทำได้ดีให้ท่อนฮุค การเคลื่อนไหวในตรงกลางของเขาทำให้การเต้นในท่อนฮุคออกมาไหลลื่น แทฮยองและแทกึนก็ร้องนำได้ดี สมชายกับเกาเร็นก็ประสานเสียงได้อย่างไม่น่าเกลียดพวกเขาแสดงต่อไปเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงจบฮุคที่2 ซึ่งท่อนต่อไปจะเป็น ท่อนแร็ปของเกาเร็น ซึ่งเขาเองก็ออกมาแร็ปได้ดีมากจนทำให้ผู้ชมรู้สึกสนุกสนานได้ ต่อด้วยแร็ป2ประโยคของซอนอินที่มาพร้อมท่าเต้นพิเศษที่เขาเตรียมไว้ในท่อนของตัวเองสร้างความประทับใจให้เหล่าคณะกรรมการพอสมควร หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้าสู่การร้องท่อนแยก ที่จังหวะเพลงจะช้าลงมาก่อนจะเข้าฮุคสุดท้าย ในท่อนนี้ร้องโดยฮยองซานเป็นคนแรกก่อนที่ แทกึนจะมาร้องต่อโดยได้รับการประสานเสียงของแทฮยอง
“อ๊ะ สีหน้าแบบนั้น….” คิมจีฮุนพูดขึ้นมา
“....เขาเริ่มรู้สึกสนุกแล้วซินะ....”
หลังจากแทกึนและแทฮยองร้องเสร็จ พวกเขาก็เข้าสู่ฮุคสุดท้ายไปพร้อมกับการโชว์พลังเสียงอีกครั้งของฮยองซาน และหลังจากนั้นพวกเขาก็เต้นในท่อนฮุคกันอย่างเมามัน และพร้อมเพรียงแม้แต่ฮยองซานที่ยังเต้นไม่ค่อยเก่งก็ยังรู้สึกสนุกไปกับโชว์นี้เป็นอย่างมาก ซอนอินที่เป็นเซ็นเตอร์เขาดึงดูดทุกสายตาอย่างอยู่หมัดก่อนจะร้องประโยคสุดท้ายของเพลง และจบด้วยท่าจบเท่ๆที่พวกเขาคิดขึ้นมา หลังจากที่โชว์เสร็จ เหล่าคณะกรรมการรวมถึงเด็กฝึกหญิงที่หลังเวทีต่างปรบมือและส่งเสียงเชียร์ พวกเขาได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ทางค่ายรู้สึกทึ่งกับความสามารถของเด็กกลุ่มนี้ ปรกติเวลาที่พวกเขาอยู่คนเดียว ก็ไม่ได้ดูเก่งพิเศษไปกว่าเด็กฝึกหัดทั่วไป แต่พอมาอยู่รวมกันเคมีบางอย่างมันกลับเข้ากันและทำให้ได้โชว์ที่ลงตัวแบบนี้ออกมา ทั้งๆที่พึ่งจะฝึกกันแค่ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ
“ประธานคิมคะ ชั้นว่าเราถูกหวยรางวัลที่1เข้าซะแล้ว” เทรนเนอร์จองซูอารู้สึกทึ่ง
“เจ้าเด็กพวกนี้มันปีศาจชัดๆ ฮ่าฮ่า” คิมจีฮุนยิ้มจนแทบจะเห็นฟันทุกซี่ของเขา
เช่นกันกับฝ่ายหญิงผลการประเมิน จะถูกส่งให้ในวันถัดไป เหล่าเด็กฝึกชายโค้งคำนับก่อนจะลงจากเวที การประเมินปรจำเดือน กุมภาพันธ์สิ้นสุดแล้ว...
-------------------------------
10.30 น.หลังเวที
เหล่าเด็กฝึกชาย ลงจากเวทีพร้อมความรู้สึกคึกคัก โดยหลังเวทีมีเหล่าเด็กฝึกหญิงยืนปรบมือให้กับพวกเขา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเด็กฝึกเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตากันขึ้น ทำให้ความรู้สึกเขินอายค่อยๆหายไป
“เป็นไงล่ะซูยอง ชั้นเท่ใช่มั้ย?” ฮยองซานถามซูยอง
“ถ้าเรื่องร้องชั้นยกให้ แต่เรื่องเต้นนายก็ยังห่วยเหมือนเดิมนั่นแหละ”
“เหอะ! ใช่สิ! ชั้นไม่ใช่พี่เกาเร็นนี่!”
ฮยองซานหยอกล้อกับซูยอง ในขณะซูยองก็เหนื่อยใจกับนิสัยของฮยองซาน ฮยองซานสนิทกับซูยองในวันที่ไปสอบชิงทุนด้วยกัน แม้ซูยองจะไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้า แต่ถ้าเจอพวกชอบพูดอย่างฮยองซาน ไม่ว่าจะไม่ชอบคุยแค่ไหนก็ต้องเปิดปากคุยด้วยจนได้ พวกเขาทั้ง2ใช้เวลาด้วยกันแทบทั้งวันในวันนั้น ทำให้ทั้ง2คนสนิทกันในฐานะเพื่อนวัยเดียวกัน
“นายก็ทำได้ดีนี่” กาอินพูดกับแทฮยอง
“ขอบคุณครับ พี่กาอิน….”
“อุ้ยตาย!”
“ห่างกันแค่ปีเดียวไม่ต้องเรียกชั้นว่าพี่แล้วพูดสุภาพแบบนั้นหรอก” กาอินรู้สึกเขินๆที่ถูกแทฮยองเรียกว่าพี่
“ดูอย่างซอนอินสิ ห่างจากพี่เกาเร็นตั้ง4ปี ยังเห็นด่าพี่เขาอยู่ตลอดเลย”
“ฮะฮะ งั้นหรอ” แทฮยองหัวเราะออกมา
ในขณะที่ซอนอินยังเคืองเกาเร็นอยู่เรื่องที่เกาเร็นมักจะพูดตรงๆอยู่เสมอ และเขายังคงรู้สึกผิดกับแทกึนมาโดยตลอด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาซอนอืนพยายามฝึกอย่างบ้าคลั่งแบบที่แทกึนทำ แม้ว่าสมาชิกคนอื่นจะคิดเหมือนกันว่ามันไร้สาระชะมัด เพราะสิ่งที่เขาฝึกมันคือการฝึกมั่วๆที่เขาคิดขึ้นมาเอง
“นี่ ซอนอิน ขอบใจนะ” แทกึนพูดกับซอนอินขณะกำลังเดินไปที่ตู้กดน้ำ
“ไม่ต้องหรอก ชั้นไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย จริงๆแล้วชั้นควรพูดขอโทษนายมากกว่าอีก”
“ขอโทษอะไรกัน ในวันนั้น ที่นายโมโหเพราะเรื่องของชั้น จริงๆแล้ว ชั้นซึ้งใจมากนะ”
“แต่นายอย่าไปโกรธพี่เกาเร็นเลย ถ้าชั้นเป็นเขาก็คงคิดแบบเดียวกัน”
“เหอะ! เจ้าคนจีนนั่นน่ะหรอ เดี๋ยวจะเตะโด่งให้กลับไปเขาเหลียงซานเลย” ซอนอินพูดพร้อมทำท่าเตะ
“เฮ้ สมชายเห็นเจ้าเกาเร็นมั้ย”
ซอนอินถามสมชายที่กำลังดื่มน้ำอยู่ สมชายไม่ได้พูดอะไรก่อนชี้นิ้วไปที่ทางซอนอิน ซอนอินรีบหันหลังไปตามนิ้วของสมชาย ภาพที่เขาเห็นคือชายร่างสูง180 ยืนอยู่เหนือหัวเขาพร้อมกับสีหน้าที่กำลังเดือดดาล....... ดูเหมือนพวกเขามีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว เกาเร็นวิ่งไล่สมชายที่วิ่งหนีไป ทิ้งแทกึนยืนดดูความอลม่านอยู่คนเดียว สำหรับแทกึนนั้นแม้จะเสียใจกับการที่ไม่ได้เป็นเซ็นเตอร์ แต่เขาก็รู้สึกดีใจที่ซอนอินทำมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ในระหว่างการแสดง แทกึนยังคงรู้สึกเป็นกังวลเช่นเคยแม้ว่าจะฝืนยิ้มตามคำแนะนำของแทฮยองแล้วก็ตาม จนกระทั่งถึงท่อนฮุคแรก.... ด้วยความที่เขาไม่ได้เป็นเซ็นเตอร์ที่ต้องมองไปแต่ข้างหน้า ทำให้เขาเริ่มสังเกตสิ่งรอบๆตัวมากขึ้น เขาเห็นเหล่าผู้คนที่มีความฝันแบบเดียวกันกำลังแสดงร่วมไปกับเขาด้วยสีหน้าที่มีความสุขและสนุกกันเต็มที่ มันทำให้แทกึนเองก็รู้สึกอยากสนุกไปกับคนพวกนั้นด้วย ถึงแม้มันจะทำให้เสียงของเขาจะดร็อปลงไปในบางช่วง... แต่ก็ยังมีเสียงเพื่อนๆที่คอยประสานให้ และทุกครั้งที่เขาต้องเคลื่อนที่ในการเต้น... มันก็จะมีพื้นที่ว่างที่เว้นไว้ให้สำหรับเขาเสมอ มันทำให้เขาวางใจ และผ่อนคลาย แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เฮ้ แทกึน นายมาช่วยชั้นจัดการเจ้าคนจีนนี่ที”ซอนอินพูดในขณะถูกเกาเร็นไล่ล่า
“วันนี้ทำได้ดีมาก เดี๋ยวทำผัดเผ็ดซอนอินให้กินนะแทกึน”เกาเร็นพูดขณะไล่ล่าซอนอิน
“นี่ แทกึน นายยังไม่ได้แนะนำตัวกับพวกเด็กฝึกหญิงเลยนะ” แทฮยองตะโกนเรียก
“มัวแต่ยืนแอ็คอยู่นั่นแหละ” ฮยองซานที่อยู่ข้างๆแทฮยองหยอกล้อเพื่อนของเขา
และในขณะที่เขากำลังมองดูสิ่งต่างๆรอบตัว สมชายเดินไปหยิบน้ำมาให้แทกึน แม้สมชายจะพูดได้ไม่ดีเท่าไร แต่การกระทำของเขาก็สามารถแทนคำพูดเหล่านั้นได้
“อย่างนี้เองซินะ...”
“ดูเหมือนผมจะได้เพื่อนดีๆกับเขาบ้างแล้วนะครับ คุณ อาริ”
“จบตอนที่6”
--------------------
ตัวอย่างตอนต่อไป
-หลังจากผ่านการประเมินไป จะมีบททดสอบอะไรรอพวกเขาอยู่
-เปิดเทอมแล้ว! ฮยองซานและซูยองเตรียมตัวไปเรียน
-จองฮวาและกาอินจะตัดสินใจยังไงเรื่องมหาลัย
ติดตามได้ตอนหน้า!!!
--------------------------------
คูน อาริ แห่งวงไดม่อนคุกกี้
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Dec 18, 2017 16:51:06 GMT
28/2/2017
22.00 น. บ้านแห่งนึง
“กลับมาแล้วค่ะ”
ชั้นพูดเหมือนอย่างเคยเวลาที่กลับมาที่บ้าน หลังจากที่การประเมินวันนี้จบลงเด็กฝึกหัดทุกคนก็ตัดสินใจกลับบ้านของตัวเอง จองฮวากับซูยองก็เหมือนกัน บ้านที่ชั้นอยู่มันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แต่ก็ถือว่าเป็นบ้านที่สวยงามและดูมีฐานะพอสมควร
“อืม กลับมาแล้วก็ไปอ่านหนังสือซะ”
พ่อของชั้นพูดขณะกำลังดูข่าวอยู่ พ่อของชั้นเป็นอัยการ และดูเหมือนเขาจะอยากให้ชั้นเป็นด้วย แม้ว่าชั้นจะบอกไปแล้วว่าอยากเป็นนักร้อง แต่ดูเหมือนพ่อของชั้นจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนัก ชั้นใช้ชีวิตอยู่ในบ้านนี้อย่างอึดอัด ชั้นต้องอ่านหนังสือกฎหมายเล่มหนาเท่ารองเท้าส้นสูงอยู่ตลอด นั่นทำให้ช่วงเวลาที่ชั้นออกไปหาจองฮวาและซูยองเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก ตลอดเวลาครึ่งเดือนที่ได้ฝึกร้องฝึกเต้นกับพวกเธอชั้นมีความสุขมากจริงๆ แล้วชั้นจะทำยังไงดีนะ? ก่อนหน้านี้ชั้นไม่ได้บอกพ่อว่าจะไปออดิชั่น และพึ่งจะมาบอกตอนที่ติดไปแล้ว ตอนนั้นพ่อดูโกรธมาก คงเป็นเพราะชั้นทำตัวออกนอกลู่นอกทางที่เขาได้กำหนดเอาไว้ พ่ออนุญาตให้ชั้นเรียนดนตรี เรียนเต้น ได้ แต่มีข้อแม้ว่าชั้นจะต้องเรียนได้เกรดที่ดี ถ้าทำไม่ได้ก็ลืมเรื่องความฝันไปได้เลย
“พ่อคะ คือว่า.....”
“มีอะไร” พ่อพูดด้วยเสียงดุๆในขณะที่ดูข่าวไปด้วย
“คือ หนูไปคุยกับบริษัทมาแล้ว”
“พวกเขาสามารถปรับตารางเรียนให้เข้ากับการฝึกได้…”
“แต่อาจจะจบช้ากว่าเดิมซักปีสองปี....”
“นี่! พูดเรื่องอะไรน่ะ!?” เขาเลิกสนใจข่าวแล้วหันมาคุยกับชั้นทันที
“แกจะบอกว่า แกจะเรียนน้อยลงเพื่อไปฝึกเต้นอ่ะนะ?”
“นี่กาอิน เชื่อพ่อเถอะ เป็นอัยการน่ะ มันทั้งมีหน้ามีตาและมั่นคง”
“จะไปเต้นกินรำกินแบบนั้นทำไม”
“พ่อดูสถิติแล้วนะ พวกไอดอลที่เดบิ้วกับบริษัทที่พึ่งเปิดได้ไม่นานเนี่ย”
“ส่วนใหญ่จะล้มเหลวกันทั้งนั้น นี่ถ้าเป็นค่าย SD หรือ JYE หรือ YK พ่อจะไม่ว่าเลยนะ”
“…แน่ใจหรอคะ ว่าจะไม่ว่า?....”
“กาอิน!”
ชั้นพูดเสร็จก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของชั้นทันทีโดยไม่ฟังสิ่งที่พ่อชั้นจะพูดหลังจากนั้น.... ทำไมกันนะ นี่มันชีวิตของชั้นไม่ใช่รึไง ไม่ว่าใครก็บอกว่าชีวิตเป็นของเราแต่นั่นมันคำโกหกชัดๆ... ทุกครั้งที่ชั้นพูดเรื่องความฝันกับพ่อ ทำไมมันถึงไม่เคยจบลงด้วยรอยยิ้มเลยนะ.... ถ้าแม่ของชั้นยังอยู่จะเป็นแบบนี้มั้ยนะ......
------------------------
ในขณะเดียวกัน 22.00 น.บ้านแห่งนึง
“นี่จองฮวา พ่อว่าลูกดร็อปไปเลยดีกว่า เอาเวลาไปซ้อมซะสิ”
“นี่ถ้าลูกพ่อได้เป็นดารานะ พ่อจะได้โม้กับชาวบ้านเขาได้ฮะฮ่า” น้ำเสียงของคุณพ่อยังคงตื่นเต้นเกินจริงเหมือนเคย
“จริงด้วยจองฮวาเวลาแม่ไปตลาด ถ้าบอกว่าลูกเป็นคนดังต้องได้ของแถมแน่ๆเลย” แม่เองก็ไม่ต่างกัน
“ใจเย็นๆนะคะ คุณพ่อคุณแม่”
“หนูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้เดบิ้วรึเปล่า”
“ก็เลยอยากเรียนมหาลัยเผื่อไว้ด้วยเท่านั้นเอง บริษัทบอกว่าจะปรับตารางเรียนให้”
“อ้าว! แบบนี้ก็ดีเลยนี่ เอาเลย แล้วแต่หนูเลย พ่อเชื่อใจหนูตลอดแหละจองฮวาคนเก่งของพ่อ“
“พ่อกับแม่สนับสนุนเต็มที่ เป็นไอดอลให้ได้นะลูก”
--------------------
The Trainee
ตอนที่ 7 : ปกป้องวันที่สดใสของชั้น
------------------------------------------------
1/3/2017
9.00 น.ห้องทำงานของคิมจีฮุน
วันนี้โรงเรียนมัธยมเคอาร์ตเปิดเทอมแล้ว ฮยองซานกับซูยองก็เลยไปเรียนกันตั้งแต่ตอนเช้า เดี๋ยวประมาณเที่ยงๆก็น่าจะกลับมาฝึกที่บริษัทกันได้ ในเดือนนี้ เวลาของช่วงการฝึกซ้อมด้วยตัวเอง จะถูกหั่นให้เหลือครึ่งนึง เพราะผมจะให้พวกเขาเรียนการแสดงกันตลอดเดือนนี้ ในวงการบันเทิงคุณจะต้องสวมบทบาทอยู่ตลอดเวลาแม้แต่ในชีวิตประจำวัน ผู้คนเขารู้จักคุณในแบบไหน คุณก็จะต้องแสดงให้เขาเห็นแบบนั้น ถ้าคาแรกเตอร์ของคุณเป็นคนโง่ แม้ว่าคุณจะฉลาด คุณก็ต้องแกล้งโง่ เด็กๆจะได้รับการฝึกสอนในเรื่องนั้นเพื่อเตรียมรับมือกับสิ่งต่างๆในวงการมายา
“ประธานคิมคะ มีเด็กฝึกหัดมาหาค่ะ” เสียงเลขาหน้าห้องพูดเข้ามา
“เข้ามาได้เลย”
ปรกติ เด็กฝึกหัดมักไม่ค่อยกล้ามาพบผมเท่าไร ส่วนใหญ่เวลามีเรื่องอะไรเขาก็มักจะบอกทีมงานคนอื่นๆ แล้วผมก็จะรู้หลังจากนั้นอีกที การที่มีเด็กฝึกหัดมาหาผมแต่เช้าแบบนี้ทำให้ผมประหลาดใจเหมือนกัน หลังจากที่พวกเขาเข้ามา ภาพที่ผมเห็นคือเด็กฝึกหัดหญิงตัวสูงคนนึง
“สวัสดีค่ะประธานคิม”
“อืม นั่งก่อนสิ” ผมพูดขณะนั่งอยู่บนโซฟารับแขก
“คือ.... เรื่องมหาลัยชั้นตัดสินใจแล้วค่ะ” เธอพูดหลังจากนั่งลง
“ชั้นจะเรียนต่อค่ะ ขอความกรุณาเรื่องเวลาด้วยนะคะ” เธอพูดพร้อมก้มหัวขอร้องผม
“อืม ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เดี๋ยวชั้นจัดการให้”
“ค่ะ... ขอบคุณค่ะ....”
“...มีอะไรรึเปล่า ?” แม้ว่าผมจะตอบรับอย่างเป็นมิตรแต่เธอดูไม่ค่อยดีใจเลย
“คือว่า....”
“กาอินน่ะ.....”
-----------------------
9.10 ห้องซ้อมที่2
จองฮวาเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเป็นกังวลและไม่สดใสเหมือนเคย ภายในห้องมีเพียงเธอกับเทรนเนอร์จองซูอาเท่านั้น เพราะซูยองต้องไปเรียนในช่วงเช้า ส่วนกาอินยังติดต่อไม่ได้ สำหรับจองฮวากาอินและซูยองเป็นเพื่อนคนสำคัญ การที่ใครในกลุ่มหายไปแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกเครียดเป็นห่วงเอามากๆ แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้ซูยองเครียดกับเธอไปด้วย เธอจึงตัดสินใจไม่บอกเรื่องนี้กับซูยอง เพื่อไม่ให้ซูยองเสียสมาธิในการเรียน ทำให้ในตอนนี้เหลือเพียงแค่เธอที่เต้นได้แย่ที่สุดในกลุ่ม อยู่ซ้อมเต้นคนเดียวกับเทรนเนอร์จองซูอา
“จองฮวา ชั้นสอนไม่ได้หรอกนะถ้าเหลือเธอแค่คนเดียว”
“กาอิน เป็นอะไรไปหรอ?” เทรนเนอร์สาวถามลูกศิษย์ของเธอ
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ…”
“กาอินที่ชั้นรู้จักน่ะ ถ้าเป็นเรื่องการซ้อม ต่อให้ป่วยแค่ไหนเธอก็จะไม่ขาดซ้อมแน่นอนค่ะ”
“ถ้างั้น เธอคิดว่ากาอินขาดซ้อมวันนี้เพราะเหตุผลอื่นงั้นหรอ?”
“ค่ะ... เธอกับพ่อน่ะ ความคิดไม่ค่อยลงรอยกันมานานแล้ว”
“เมื่อวานนี้เธอบอกชั้นว่า จะคุยเรื่องมหาลัยกับพ่อเธอ”
“แล้ววันนี้เธอก็เงียบหายไปเลย”
“อืม... แต่ยังไงชั้นคงสอนเธอคนเดียวไม่ได้แน่ เดี๋ยวชั้นจะลองติดต่อไปที่พ่อของกาอินดู เพราะฉะนั้น”
“ช่วงเช้าเธอไปเรียนร้องเพลงกับพวกผู้ชายแล้วกัน”
“เอ๊ะ”
--------------------------------
9.30 ห้องซ้อมที่ 1
พวกเขาทุกคนในห้องนี้ ต่างใช้สายตาจับจ้องไปที่เด็กฝึกหญิงเพียงคนเดียวในห้อง มันเป็นภาพที่น่าขนลุกชอบกล สำหรับจองฮวาเธอเป็นคนที่คุยกับเด็กฝึกหัดชายน้อยที่สุด ไม่เหมือนกับ ซูยองที่เคยเจอกับเกาเร็น หรือ กาอินที่เคยเจอกับแทฮยอง โดยในวันนี้ไร้เงาของลีดเดอร์ทีมชายอย่าง แทฮยอง ตอนแรกเขาติดต่อมาบอกว่าจะเข้ามาตอนบ่าย และหลังจากนั้นก็ส่งมาบอกว่าเขาลา โดยภายในห้องกำลังเรียนร้องเพลงกันอยู่ซึ่งเป็นเรื่องที่จองฮวาถนัดอยู่แล้วเธอจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แต่ว่ากับคนที่ไม่เคยคุยกันแต่กับจ้องกันแบบนั้นทำให้เธอรู้สึกอึดอัดพอสมควร
“นี่พวกนาย ได้ฟังชั้นรึเปล่าเนี่ย?”
“เลิกจ้องเธอได้แล้ว พวกนายทำให้เธออึดอัดนะ” คิริฮาระพูดขึ้น
“นี่สมชายไปนั่งเป็นเพื่อนเธอไป” คิริฮาระสั่งให้สมชายไปนั่งกับเธอ
“ทราบครับ” เขาตอบรับด้วยคำพูดแปลกๆเช่นเคย
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่การที่ได้คนที่หน้าตาเหมือนผู้หญิงมานั่งข้างๆคงทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้างและสมชายก็ดูเหมือนเด็กทารกที่ใสซื่อ บุคลิกของเขาบวกกับหน้าตาที่เหมือนผู้หญิงแบบนั้นคงทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง พวกเขาและเธอฝึกกันต่อโดยไม่ได้มีการพูดคุยกันมากนัก จนในที่สุดเวลาก็ล่วงเลยมาจนจบคลาสร้องเพลง พวกเขาและเธอก็กำลังเดินออกไปจากห้อง พร้อมๆกับพวกเรียนแร็ปที่เดินทางมาสมทบ
“อ๊ะ ทำไมเด็กฝึกหญิงอยู่ที่นี่ล่ะ?” ซอนอินถามเพื่อนๆของเขา
“ดูเหมือนเด็กฝึกหญิงจะเหลือแค่เธอคนเดียวน่ะนะ” แทกึนตอบ
“อืม ก็เลยมาเรียนกับฝั่งชายสินะ” เกาเร็นพูดขึ้น
“ช่ะ ชั้นขอตัวก่อนนะคะ” จองฮวาที่เริ่มรู้สึกอึดอัดเตรียมตัวเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน จองฮวา” เทรนเนอร์จองซูอาเดินเข้ามาหาเธอ
“เมื่อกี้ชั้นลองติดต่อไปที่พ่อของกาอิน…. เขาพึ่งจะรับโทรศัพท์เพราะเขามีประชุมในช่วงเช้า...”
“...และเขาบอกว่าเธอออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้าแล้ว....”
“เธอพอจะมีทางติดต่ออื่น หรือรู้สถานที่ที่เธอน่าจะไปมั้ย?”
----------------------------
11.00 น. ร้านอาหารจีน
“นายว่าเธอไหวมั้ยนั่นน่ะ”
แทกึนพูดขึ้นมาระหว่างที่เขากำลังนั่งกินอาหารจีนอยู่กับเพื่อนๆของเขา ภาพที่เขาเห็นคือ ภาพของหญิงสาวตัวสูงคนนึงกำลังนั่งเหม่อลอยด้วยความกังวลหลังจากทราบข่าวที่ไม่ค่อยดีกับเพื่อนของเธอ ทั้งๆที่พึ่งผ่านการประเมินมาทุกคนๆควรจะฝึกซ้อมด้วยความรู้สึกสดใสที่เมื่อวานได้รับคำชมแต่มาวันนี้กลับเกิดเรื่องไม่ค่อยดีขึ้น อย่างเช่นเด็กฝึกหัดคนนึงหายไป
“ชั้นว่าน่าเป็นห่วงมากเลยล่ะ ปรกติเธอดูติดเพื่อนมาก”
“แต่วันนี้ต้องอยู่คนเดียว แถมเพื่อนอีกคนยังติดต่อไม่ได้อีกด้วย” เกาเร็นพูดขึ้นมา
“น่าสงสารเขานะครับ” สมชายเองก็ออกความคิดเห็นเหมือนกัน
“หึ่ย!!! แบบนี้มันหงุดหงิดชะมัด!!”
“เมื่อวานทำได้ดีแท้ๆ แต่ทำไมวันนี้ถึงได้เศร้าแบบนี้ล่ะ!!” ซอนอินเริ่มสติแตก
“ใจเย็นๆน่า โมโหไปก็ช่วยอะไรใครไม่ได้หรอก” แทกึนบอกให้เพื่อนเขาใจเย็น
“ไม่ยงไม่เย็นแล้วโว้ยยย แทกึนตอนบ่ายชั้นไม่สบายนะ!!” ซอนอินพูดก่อนจะรีบเดินออกไป
“เห้ยๆ! มันไปไหนของมันวะ”แทกึนเผลอพูดสบถออกมา
“แทฮยองลาไปก็คนนึงแล้วนะ ซอนอิน!!”
แทกึนตะโกนบอกซอนอินเผื่อจะทำให้เขาเปลี่ยน แต่ซอนอินก็หาได้สนใจไม่ เขาเดินออกจากร้านอาหารจีนด้วยความเร่งรีบก่อนจะวิ่งเข้าไปในร้านอาหารเกาหลีที่จองฮวากำลังนั่งซึมอยู่ สีหน้าเธอดูหม่นหมองและไม่สดใสเหมือนอย่างเคย และนั่นทำให้ซอนอินรู้สึกไม่อยากให้ความเศร้าของเธอมาทำลายวันที่สดใสของเขา
“นี่เธอ! ไปกันเถอะ!”
“ว๊าย!?!” จองฮวาถึงกับสะดุ้งที่ซอนอินโผล่มาแบบนั้น
“ไปตามหาเพื่อนเธอกัน!”
“อะไรนะ? คุณจะให้ชั้นโดดซ้อมตอนบ่ายหรอคะ?”
“สภาพของเธอตอนนี้น่ะ ฝึกไปก็เท่านั้นแหละ”
“ไปกันเถอะ วันนี้ชั้นเอามอเตอร์ไซน์มา”
“แต่ว่า.....”
“ไปเถอะน่าเร็วเข้า!”
ซอนอินจับแขนของจองฮวาก่อนจะพาเธอไป ซึ่งจองฮวาผู้อยู่ในกรอบและกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอดกำลังจะทำการ ‘โดดเรียน’ เป็นครั้งในชีวิตของเธอ
----------------------
ย้อนกลับไปเมื่อตอนเช้า
8.30 น. หน้าปากทางเข้าบริษัท
หลังจากเมื่อวานได้รับคำชม ผมก็เดินทางมาซ้อมด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน วันนี้ผมมาก่อนเวลา ก็เลยตัดสินใจแวะซื้อกาแฟที่ร้านหน้าปากทางแถวนั้นซะก่อน จริงๆผมรู้สึกว่าหลายสัปดาห์ผ่านมานี้ผมเองพัฒนาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ด้วยจำนวนเด็กฝึกหัดที่มีน้อย ทำให้เทรนเนอร์สามารถดูแลและแนะนำได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น นั่นคงเป็นสาเหตุแน่ๆเลย
“อ๊ะ นั่นเธอนี่”
ระหว่างกำลังนั่งรอกาแฟผมก็เห็น เด็กสาวผมสีขาวกำลังเดินลงจากรถบัสประจำทาง เธอคือซงกาอิน เด็กฝึกหญิงที่อายุมากกว่าผม1ปีนั่นเอง สีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีนัก ทั้งๆที่พึ่งได้รับคำชมมาแท้ๆแต่กลับดูไม่สดใสเอาซะเลย ทำไมกันนะ? เธอลงจากรถประจำทางแล้วยืนแน่นิ่งอยู่แบบนั้น แบบนี้มันแปลกสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไง ผมนั่งรออยู่ในร้านไม่นาน กาแฟที่สั่งไว้ก็เสร็จ ผมลุกไปจ่ายเงินค่ากาแฟและถือแก้วกาแฟออกมาเตรียมไปคุยกับเธอที่ยื่นแน่นิ่งอยู่ที่ป้ายรถบัสด้วยความเป็นห่วง ไม่นานนักก็มีรถบัสอีกคันแล่นเข้ามาจอดที่ป้าย.....
“เห้ย ไปไหนน่ะ! ซงกาอิน!”
ทันทีที่รถประจำทางเข้ามาจอดรับคน ซงกาอินก็หันหลังกลับและก้าวขึ้นไปบนรถทันที สร้างความตกใจให้ผมเป็นอย่างมาก และด้วยสัญชาตญาณ ทำให้ผมวิ่งและกระโดดขึ้นรถตามเธอไปด้วยอย่างไม่ได้ตั้งใจ ให้ตายสิ นี่ผมทำบ้าอะไรอยู่ เนื่องจากคนที่เยอะในช่วงเช้าทำให้ผมไม่สามารถขยับตัวไปหาเธอที่นั่งเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่างได้ แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาที่ใบหน้าของเธอ เธอดูเศร้าสร้อยและไม่ร่าเริงเหมือนอย่างเคย หรือว่าจะเป็นวันนั้นของเดือนกันนะ? ไม่สิๆก็เธอพึ่งจะมีมันไปเมื่อไม่นานมานี้เองนี่..... ไม่นะ! ผมกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย
ผมตามเธอไปเรื่อยๆเพื่อดูว่าเธอจะไปที่ไหน และเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างผม รถคนนี้เลี้ยวไปในเส้นทางที่การจราจรเข้าขั้นวิกฤตเพราะมีอุบัติเหตุใหญ่ ทำให้มีการปิดถนนชั่วคราว ผ่านไปประมาณเกือบๆ3ชั่วโมง รถคนนี้ยังไปได้ไม่ไกลเท่าไรเลย ให้ตายสิผมมาเช้าแท้ๆ ผมจำเป็นต้องส่งข้อความไปบอกพวกนั้นว่า ผมจะเข้าไปซ้อมในตอนบ่าย และหลังจากการจราจรเริ่มดีขึ้น จากจำนวนคนที่เคยอยู่กันเต็มรถก็ค่อยๆลดลงจนหลือเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น และในที่สุดมันก็พาผมมาที่ป้ายๆนึง มันเป็นป้ายที่เงียบมาก เธอค่อยๆลุกขึ้นและเตรียมจะลงจากรถ ผมเองก็ตัดสินใจลงตามเธอไป แต่ผมหาเธอไม่เจอ เธอเดินไปไหนแล้วนะ ระหว่างนี้ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อติดต่อกับเพื่อนๆของผม
“นี่นายน่ะ... ไม่ไปซ้อมรึไง”
หลังจากลงจากรถเธอก็ไม่ได้เดินไปไหน และยืนเหม่อลอยอยู่เหมือนเดิมกลายเป็นว่าเป็นผมที่ซุ่มซุ่มมองไม่เห็นและเดินผ่านหน้าเธอไปซะอย่างนั้น
“เอ่อ.. พอดีบ้านผมอยู่แถวนี้น่ะครับ” ให้ตายสิเป็นคำโกหกที่แย่ชะมัด
“งั้นหรอ? แต่นั่นมัน กาแฟของร้านที่อยู่หน้าปากทางบริษัทนี่” เธอจำลวดลายของแก้วกาแฟได้บ้าจริง
“แล้วก็ชั้นบอกแล้วไงว่าห่างกันปีเดียวไม่ต้องพูดสุภาพก็ได้”เธอพูดก่อนจะเริ่มเดิน
“อืม... ถ้างั้นแล้วเธอล่ะ? ไม่ไปซ้อมหรอ?” ผมไปเดินข้างๆเธอและถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้สิ....ตอนแรกก็ว่าจะไปแหละ”
“นี่แทฮยอง ชั้นน่ะจะได้เดบิ้วมั้ยนะ?”
“พูดอะไรแบบนั้นล่ะ เธอกับเพื่อนน่ะเก่งจะตายก็ต้องได้เดบิ้วอยู่แล้ว” ผมตอบไปตามที่คิด
“งั้นหรอ? “
“..... “
“ถ้ามีอะไรไม่สบายใจบอกชั้นได้นะ”
“ชั้นบอกนายได้งั้นหรอ? “
“อืม... ”
ผมพูดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะส่งข้อความไปให้แทกึนรูมเมทของผมว่า “วันนี้ชั้นลา”
-------------------------
11.30 น. บนถนน
“นี่นายขับช้าๆหน่อยสิ” จองฮวาไม่คุ้นชินกับการซ้อนมอเตอร์ไซน์นัก
“เหอะ ถ้าช้ากว่านี้เดี๋ยวเต่ากัดยางกันพอดี” ซอนอินก็ไม่ได้ขับเร็วอะไรแต่อาจจะเร็วเกินไปสำหรับจองฮวา
ซอนอินที่พาจองฮวาขึ้นรถมอเตอร์ไซน์ของเขา มันเป็นรถมอเตอร์ไซน์ของแบรนด์ดัง เขาทำงานพิเศษเพื่อซื้อมันมาครอบครองแม้ว่าจะมีการแอบขโมยเงินพ่อบางส่วนก็ตาม จองฮวาบอกทางให้ซอนอินไปที่บ้านของกาอิน เผื่อว่าเธอจะกลับมาหลังจากออกไป ซอนอินขับมาพอประมาณแต่ก็ไม่ถึงกับไกลมากนัก แม้ว่าการจราจรจะมีปัญหาแต่มอเตอร์ไซน์ของซอนอินก็ทำให้การเดินทางมีความคล่องตัวมากขึ้น ก่อนจะมาถึงบ้านของกาอิน ซอนอินค่อยๆลดความเร็วและจอด จองฮวารีบลงจากรถ เธอพยายามกดกริ่งเรียก แต่ก็ไม่มีใครออกมา
“ดูเหมือนจะไม่อยู่ที่นี่นะ” ซอนอินที่นั่งอยู่บนรถพูดขึ้น
“ไปไหนของเธอนะ กาอิน” จองฮวาเป็นห่วงเพื่อนของเธอ ดูเหมือนโทรศัพท์ของกาอินจะปิดเครื่องไว้
“ถ้างั้นมีที่ไหน ที่กาอินน่าจะไปบ้างมั้ย?” ซอนอินถาม
“ที่ชั้นพอจะนึกออกอย่าง ห้างสรรพสินค้า สวนสนุก หรือร้านอาหารโปรด ชั้นก็บอกทีมงานของบริษัทไปหมดแล้ว”
“พวกเขาคงกำลังไปหาเธอในที่พวกนั้นอยู่.... มีที่ไหนอีกนะ....”
“จริงสิ! มีอยู่ที่นึงที่เธอมักจะไปบ่อยๆ อาจจะเป็นที่นั่นก็ได้”
จองฮวาพูดก่อนจะรีบขึ้นไปนั่งบนรถมอเตอร์ไซน์ของกาอินและบอกสถานที่ต่อไปที่เธอน่าจะไป ซอนอินก็จัดการสตาร์ทรถของเขาก่อนจะเตรียมขับออกไปทันที
“ขอบใจนายมากนะ“
“อย่างน้อยก็ยังดีกว่าทำได้แค่รอล่ะนะ” จองฮวาพูดขึ้นตอนที่ซอนอินเริ่มจะขับออกไป
“พูดอะไรแบบนั้น ชั้นจะไม่ยอมให้สีหน้าหม่นหมองของเธอมาทำลายวันที่สดใสของชั้นเด็ดขาด”
“ถ้าอยากจะตอบแทนกันล่ะก็...”
“แค่กลับมาเป็นแบบเดิมเหมือนที่เคยเป็นก็พอ...” ซอนอินดูเท่แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“หรือถ้าเธออยากตอบแทนชั้นมากกว่านั้นล่ะก็......” เขาพูดต่อ
“น้ำมันชั้นใกล้จะหมด แล้วตอนนี้ปั้มก็อยู่ไม่ไกลเกินไปนัก..... ถ้าเธอพอจะพกเงินมาบ้างก็”
“เดี๋ยวชั้นจะกลับมาสดใสให้นายเองนะซอนอิน” จองฮวารีบพูดตัดบททันที....
“เหอะ! ออกเองก็ได้...”
“ว่าแต่กาอินจะไปทำอะไรที่นั่นล่ะ?”
“..........”
“...เธอไปคุยกับแม่น่ะ...”
------------------------
12.00 น. ช่องบรรจุอัฐิ
ในประเทศเกาหลีนั้น ส่วนใหญ่ญาติๆผู้ตายมักจะเอาโกศที่บรรจุอัฐิของผู้ตายมาเช่าช่องวางโกศที่มีลักษณะคล้ายๆกับตู้โชว์ เพื่อตั้งโกศที่บรรจุอัฐิของผู้ตายเพื่อให้พวกญาติๆแวะมารำลึกถึง หลังจากที่ลงป้ายนั้น แทฮยองกับกาอินก็เดินต่ออีกนิดหน่อย และต่อรถอีกต่อนึงมาที่นี่ เนื่องจากกาอินนั่งรถสายที่เดินทางมาที่นี่แบบอ้อมมันก็เลยยิ่งไกลและซับซ้อนกว่าเดิม มันเป็นสถานที่ ที่ภายในนั้นมีทั้งห้องจัดงานศพรวมถึงห้องของช่องบรรจุอัฐิ ถ้าหากว่าไม่มีปัญหาการจราจรในตอนเช้าและกาอินไม่ได้นั่งสายที่อ้อม มันก็ไม่ได้ไกลอะไรมาก กาอินเดินไปซื้อดอกไม้เพื่อเอาไปตกแต่งช่องที่บรรจุอัฐิของแม่เธอให้สวยงาม
“สมัยก่อนบ้านชั้นอยู่แถวนี้น่ะ” กาอินพูดขึ้น
“งั้นหรอ จองฮวากับซูยองก็ด้วยซินะ” แทฮยองพอจะเดาได้
“อืม... นายรออยู่ข้างนอกนี่แหละ เดี๋ยวชั้นเข้าไปแปปเดียว”
”อืม”
แทฮยองตัดสินใจเดินออกมารออยู่หน้าตึก ก่อนหน้านี้กาอินได้เล่าปัญหาระหว่างพ่อกับเธอให้แทฮยองฟัง เธอเล่าว่าตอนแรกๆตอนที่แม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ พ่อของเธอก็ยังเป็นพ่อที่ใจดีและอ่อนโยน ส่วนแม่ของเธอก็ใจดีและชอบร้องเพลงเล่นกับเธอเป็น และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอรักในเสียงดนตรี จนกระทั่งแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุรถยนต์ และอัยการในคดีนั้นไม่สามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้ แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นอัยการที่เก่งแต่เนื่องจากมันเป็นคดีของคนในครอบครัวเขาจึงไม่สามารถทำคดีนั้นได้ ทำให้หลังจากนั้นพ่อเธอก็เคี่ยวเข็ญให้เธอเป็นอัยการมาโดยตลอด เวลาเธอมีปัญหากับพ่อ เธอมักจะมาที่นี่เสมอ เธอเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่เสียแม่ไปไม่นาน เธอก็ได้พบกับจองฮวา เด็กข้างบ้านที่พึ่งย้ายเข้ามาและซูยองเด็กอีกคนที่พึ่งจะเริ่มพูดได้ พวกเธอเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปในชีวิตวัยเด็กของกาอิน นั่นทำให้พวกเธอมีความหมายกับกาอินมาก แทฮยองออกมายืนรอเธอข้างนอกได้ประมาณ10นาที ทันใดนั้นเอง
“แทฮยอง ทำไมนายมาอยู่ตรงนี้ล่ะ” เสียงคุ้นๆของชายคนนึงดังขึ้นมาพร้อมเสียงรถมอเตอร์ไซน์ของเขา
“คุณแทฮยองคะ กาอินอยู่ที่นี่รึเปล่าคะ?!” หญิงสาวที่ซ้อนท้ายรถชายคนนั้นถามเขา
“ซอนอินนายมาที่นี่กันได้ไง ไม่ซ้อมกันหรอ?” แทฮยองรู้สึกตกใจ
“แล้วนายล่ะไม่ซ้อมหรอ?” ซอนอินที่ถอดหมวกกันน็อคและเดินลงจากรถ ถามคำถามเดียวกัน
“แล้วตกลงเธออยู่ที่นี่รึเปล่า?” จองฮวายังคงถาม
“อืม เธออยู่ แต่อย่าพึ่งเข้าไปเลยเธอขอเวลาซักนิดน่ะ”
“เห้ออ โล่งอกไปที อย่างน้อยก็เจอตัวแล้วล่ะ” จองฮวารู้สึกผ่อนคลายขึ้น
พวกเขาสามคนยืนรอกันข้างนอกประมาณ20นาที แทฮยองกับจองฮวาอายุเท่ากัน ซอนอินบอกให้ทั้งคู่พูดแบบไม่เป็นทางการเพื่อจะได้สนิทกันไว้ พวกเขาคุยกันไปเรื่อยๆ ก่อนที่กาอินจะเดินออกมาพร้อมคราบน้ำตาแต่ถึงแบบนั้นเธอก็ดูสบายใจขึ้น เธอคงพูดทุกอย่างที่เธอคิดและระบายมันกับแม่ของเธอในนั้น
“อ้าว ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ จองฮวา?” กาอินดูตกใจที่เห็นเพื่อนเธอ
“ก็เธอน่ะสิ ทำให้เป็นห่วงหมดเลย” จองฮวาพูดก่อนจะร้องไห้แล้วเดินไปสวมกอดเพื่อนของเธอ
“งั้นหรอ... โทษทีนะ” สองสาวกอดกันกลม
“ไม่เป็นไรหรอก เธอปลอดภัยก็ดีแล้ว”
“ตอนที่พ่อเธอบอกว่าเธอไม่ได้อยู่บ้านน่ะ ชั้นตกใจแทบแย่”
“ทีหลังมีอะไรก็บอกกันสิ” จองฮวาดูเป็นห่วงเพื่อนของเธอ
“พ่อชั้นรู้เรื่องแล้วหรอ... สงสัยจะโดนด่าอีกแล้วซิ…” กาอินพูดด้วยเสียงเศร้าๆ
“จริงสิเมื่อกี้ แทกึนส่งข้อความมาว่า พ่อของเธอมาที่บริษัทล่ะ” ซอนอินพูดขึ้นมา
“และชั้นก็ส่งกลับไปว่า เจอเธอแล้ว”
“งั้นหรอ.... “ กาอินดูเศร้าๆ
“รีบกลับไปที่บริษัทเถอะ ตอนนี้พ่อของเธอคงคุยกับประธานคิมอยู่” ซอนอินพูด
“ขอบใจมากนะ แทฮยอง นายเป็นที่ปรึกษาที่ดีมากเลย” เธอหันมาพูดกับแทฮยอง
“ถ้าจะขอบคุณกันก็ระหว่างขากลับละกัน” ซอนอินพูดพร้อมโยนกุญแจรถให้แทฮยอง
“นายขับเป็นสินะ ชั้นบอกให้แทกึนลาภาคบ่ายไปแล้ว เดี๋ยวแวะไปเล่นเกมซะหน่อยค่อยกลับหอ”
“ให้ตายสินายนี่มันซอนอินจริงๆเลย”
“พูดแบบนั้นหมายความว่าไง? แกคิดว่าชั้นเป็นคนยังไงห๊ะ?” ซอนอินดูไม่ค่อยพอใจนัก
“แล้วจองฮวาล่ะ จะกลับยังไง” แทฮยองถาม
“นายไปส่งกาอินเถอะ เธอต้องรีบไป เดี๋ยวชั้นก็คงนั่งรถประจำทางกลับไปแหละ” จองฮวาพูดกับแทฮยอง
“แล้วเจอกันที่บริษัทนะ กาอิน” จองฮวาพูดกับเพื่อนของเธอ
“อืม...”
--------------------------------
12.00 ห้องทำงานของคิมจีฮุน
“ถ้าลูกสาวผมเป็นอะไรไปล่ะก็! ผมจะฟ้องพวกคุณให้หมด!” พ่อของกาอินกำลังร้อนใจเป็นอย่างมาก
“ใจเย็นๆก่อนนะครับ ตอนนี้ทีมงานเรากำลังช่วยกันตามหาและติดต่อเธออยู่” คิมจีฮุนรีบทำให้เขาใจเย็นลง
“ประธานคะ แทกึนบอกว่าซอนอินเจอตัวเธอแล้วค่ะ” เทรนเนอร์จองซูอาเปิดประตูเข้ามา
“ซอนอิน? ซอนอินเป็นใคร?” พ่อของกาอินถาม
“เขาเป็นเด็กฝึกหัดชายคนนึงน่ะครับ” คิมจีฮุนตอบ
“เหอะ! เด็กฝึกหัดคนนึงหายไป แต่คนที่เจอกลับเป็นเด็กฝึกหัดเหมือนกัน ทีมงานมีคุณภาพจังนะ”
พ่อของเธอประชดประชันใส่คิมจีฮุน พ่อของเธอเล่าว่าวันนี้เธอออกจากบ้านแต่เช้ามืด หลังจากที่เมื่อคืนวานมีปากเสียงกันเล็กน้อย พ่อของเธอเข้าใจว่ากาอินคงตั้งใจจะหลบหน้าเขาเฉยๆ แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะปิดโทรศัพท์แล้วหนีหายไปไหนไม่รู้แบบนี้ หัวอกของคนเป็นพ่อ ทำให้เขาเป็นห่วงกาอินมากกว่าใคร เขากลัวว่าเธอจะโดนลักพาตัว ประสบอุบัติเหตุ หรือคิดจะทำอะไรไม่ดีๆรึเปล่า
“ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า เธออยากจะเป็นไอดอลไร้สาระนั่นแท้ๆ”
“นี่คุณ!” คิมจีฮุนของขึ้นทันทีที่ได้ยินคำนั้น
“จะทำไมล่ะ!?” พ่อของกาอินก็ขึ้นเหมือนกัน
“ใจเย็นๆก่อนนะคะ” เทรนเนอร์จองซูอาพยายามควบคุมสถานการณ์
“ทำไมคุณถึงได้ดูถูกความฝันของเธอขนาดนั้น!” คิมจีฮุนพูดขึ้น
“ความฝันหรอ? ถ้าเธออยากจะเป็นหมอ อยากจะเป็นอัยการหรืออะไรก็ตาม”
“ผมก็คงไม่มีปัญหา แต่เธอดันอยากเป็นนักร้อง!”
“ผมจะปล่อยให้ลูกเดินบนเส้นทางที่ไม่แน่นอนแบบนั้นได้ยังไง!” พ่อกาอินพูดเหตุผลของเขา
“แต่นั่นมันก็ทางที่เธอเลือก!! คุณเคยดูรึเปล่าว่าลูกคุณร้องเพลงได้ดีแค่ไหน!”
“ทำไมคุณถึงต้องกำหนดชีวิตของเธอขนาดนั้น!?”
“ทำไมคุณถึงชอบดูถูกสิ่งที่เธอชอบและอยากจะทำนัก?!” คิมจีฮุนพูดเสียงดังใส่พ่อของเธอ
“ก็สิ่งที่เธออยากทำน่ะ! มันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ!” เขาตะคอกคิมจีฮุนกลับ
“คุณก็เลย ให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเธอแม้ว่ามันจะทำให้เธอไม่มีความสุขน่ะนะ?”
“คุณเป็นพ่อแบบไหนกัน!” คิมจีฮุนก็ตอบโต้กลับไปเหมือนกัน
“..................” พ่อของกาอินเริ่มจะเงียบ
“….เธอเป็นสิ่งเดียวที่ผมเหลืออยู่....”น้ำตาของเขาเริ่มจะไหลริน
“หลังจากภรรยาผมเสียไป ผมก็สาบานกับตัวเองว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด”
“ผมจึงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เธอเสมอ...”
“ผมทำผิดมากนักรึไง?”
พ่อของกาอินพูดก่อนจะเริ่มร้องไห้เพราะความเป็นห่วงลูก ลึกๆแล้วเขาก็คงจะรู้สึกเหมือนกันว่าเขาเข้มงวดกับลูกสาวมากเกินไป คิมจีฮุนแม้จะยังไม่มีครอบครัว แต่เขาก็พอจะเข้าใจสิ่งที่เขาทำให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา
“ฟังนะครับคุณพ่อ สิ่งที่คุณเลือกให้เธอ อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดก็จริง”
“แต่ในบางครั้ง คนเราก็ไม่ได้มีความสุขเพราะเราได้สิ่งที่ดีที่สุด”
“ผมคิดว่าคนเรามีความสุขเพราะเราได้สิ่งที่เราต้องการต่างหาก”
“คุณเองก็มีความสุข เวลาที่เธอทำในสิ่งที่คุณชอบ”
“แต่จริงๆแล้วเธอชอบทำแบบนั้นรึเปล่า?”
“ทุกครั้งที่คุณให้สิ่งที่คุณบอกว่าดีที่สุดกับเธอ”
“เธอเคยดีใจหรือว่ายิ้มแล้วก็โผเข้ากอดคุณรึเปล่า?”
“ถ้าคุณอยากให้เธอมีความสุข แล้วที่คุณทำอยู่มันทำให้เธอมีความสุขรึเปล่า?”
“…………” พ่อของกาอินเริ่มนึกย้อนกลับไป
“...เธอไม่เคยยิ้มหรือดีใจเลยจริงๆนั่นแหละ” เขาพูดออกมา
“...เพราะฉะนั้น...”
“....เชื่อใจเธอซักครั้งเถอะครับ....” ประธานคิมพูดก่อนจะยืนก้มหัวขอร้องเขา....
-----------------------------------
12.10 น. บนถนน
แทฮยองขับมอเตอร์ไซน์ของซอนอินเพื่อพากาอินไปที่บริษัท ตามที่แทกึนส่งข้อความมาบอก พ่อของกาอินมาที่บริษัทเพราะเขาเข้าใจว่าลูกสาวตัวเองหายตัวไป
“จะเป็นอย่างที่นายพูดจริงๆน่ะหรอ แทฮยอง?”
“ที่บอกว่าลึกๆ แล้วพ่อของชั้นก็รู้สึกเหมือนกัน”
“เรื่องที่เขาเข้มงวดกับชั้นเกินไปน่ะ” กาอินที่ซ้อนท้ายพูดกับแทฮยอง
“จริงสิ ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่ยอมเธอให้เรียนดนตรี หรือมาเป็นเด็กฝึกหัดแบบนี้แน่”
“พ่อเธอคงรู้สึกผิดหวังในตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องแม่ของเธอได้”
“เขาก็เลยอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเธอ เพื่อลบล้างความผิดนั้น”
“เขาอยากให้เธอมีชีวิตที่ดี เขาพยายามอย่างมากที่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เธอ”
“และนั่นทำให้เขาเผลอและลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดไป...” แทฮยองพูดก่อนจะเงียบ
“…ความสุขที่แท้จริงของชั้น…” กาอินพูด
หลังจากนั้นประมาณเกือบๆครึ่งชั่วโมง แทฮยองก็พากาอินมาถึงบริษัทจนได้ ซูยองที่กลับมาจากเรียนดีใจมากที่เห็นเธอยังปลอดภัยดี กาอินกับแทฮยองรีบขึ้นลิฟท์เพื่อไปหาพ่อของเธอที่ซูยองบอกว่าเขาขึ้นไปหาประธานคิม หลังจากออกมาจากลิฟท์ เธอก็ตรงไปที่ห้องทำงานของประธาคิม เธอคิดว่าพ่อของเธอคงหันมาตวาดเธอด้วยเสียงดุๆของเขาเหมือนอย่างเคย และเธอคงไม่ได้เป็นเด็กฝึกหัดของที่นี่อีกต่อไป แต่ทันที่ที่เปิดประตูเข้าไป พ่อของเธอก็รีบเดินมาสวมกอดเธอแน่นและร้องไห้ออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นอีกเลย หลังจากตอนที่แม่เสีย
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย กาอิน”
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“พ่อขอโทษนะ” เขาพูดทั้งน้ำตาก่อนจะสวมกอดเธออีกครั้ง
“ฮือๆ หนู ก็ขอโทษค่ะ” กาอินที่อั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวก็ร้องไห้ออกมาเช่นกัน....
“เมื่อกี้พ่อคุยกับประธานคิมแล้วล่ะ...” พ่อของเธอพูดขึ้น
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา…”
“พ่อไม่รู้ว่าตัวเองทำบ้าอะไรอยู่....”
“พ่ออยากให้ลูกมีงานที่มั่นคงทำ อยากให้ลูกประสบความสำเร็จ”
“แต่หลังจาก ที่คุยกับประธานคิมพ่อก็ได้รับรู้ว่าตัวเองเป็นพ่อที่แย่แค่ไหน....”
“พ่อขอโทษ ที่ไม่เคยเชื่อใจลูกเลย”
“พ่อไม่เคยเชื่อว่า ทางที่ลูกเลือกจะเป็นทางที่ถูก”
“และพ่อเอาแต่เชื่อว่าทางที่พ่อเลือกให้ลูกมันคือทางดีที่สุด... “
“แม้ว่านั่นจะพราก รอยยิ้มของลูกที่มีต่อพ่อไป...”
“แต่ ต่อจากนี้ไป…”
“พ่อจะยอมให้ลูกได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักซักครั้ง…”
“เหมือนกับที่แม่เชื่อ แม่บอกว่าพ่อเสมอว่าลูกเราเก่ง”
“….พ่ออนุญาติเรื่องเรียนมหาลัยแบบลดเวลาเรียนแล้วนะ....”
“ทำให้ได้นะลูก”
กาอินร้องไห้อย่างหนักจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลมาไม่มีหยุดเหมือนกับเด็กน้อยในวันที่เพิ่งเสียงแม่ของเธอไป และเธอกำลังถูกปลอบโดยพ่อของเธอทั้งๆที่ตัวเขาเองก็ร้องออกมาไม่ต่างจากเธอซักเท่าไร พ่อและลูกกอดกันกลมและน้ำตาที่ไหลริน ทุกอย่างจบลงด้วยความเข้าใจ...
“จบลงด้วยดีสินะ” แทฮยองผู้เห็นเกตุการณ์พูดออกมาด้วยความรู้สึกโล่งใจ
------------------------------
20.00 น. หอพัก
ซอนอินกลับมาถึงหอพักจนได้หลังจาก เอามอเตอร์ไซน์ให้แทฮยองพากาอินกลับมา เขาก็แวะไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนึง ก่อนจะนั่งเล่นเกมทั้งวันโดยไม่สนใจการฝึกอะไรทั้งสิ้น จริงๆวันนี้มีคลาสการแสดงอยู่ ซึ่งแทฮยองที่กลับมาทันตอนบ่ายได้เข้าเรียนในคลาสในด้วย แปลว่ามีแต่ซอนอินเท่านั้นที่ไม่ได้เข้าร่วมด้วย เขาเดินเข้าไปภายในตึกหอพักก่อนจะพบจองฮวานั่งรออยู่ที่เก้าอี้รับแขก
“กลับมาแล้วซินะ ซอนอิน” สาวตัวสูงเหมือนจะรอเขาอยู่
“โอ๊ะ นั่นเธอนี่ มาทำอะไรตรงนี้ แล้วกาอินเป็นยังไงบ้าง”
“อื้ม ดีขึ้นแล้วล่ะ ไม่สิต้องบอกว่าดีกว่าเดิมอีก” จองฮวาพูดด้วยรอยยิ้ม
“งั้นหรอ ฮะฮ่า ในที่สุดชั้นก็รักษาวันที่สดใสของชั้นไว้ได้”
“จริงๆชั้นว่ามันเป็นฝีมือแทฮยองมากกว่านะ”
“อืม.... จริงด้วยแหะ....” พอย้อนกลับไปซอนอินก็แทบไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์เลยนี่น่า
“แล้วแบบนี้ แทฮยองกับกาอินจะโดนลงโทษอะไรรึเปล่านะ” ซอนอินถาม
“เพราะว่าเป็นครั้งแรกและทั้งคู่ก็กลับมาซ้อมภาคบ่ายตามปรกติ”
“ก็เลยไม่โดนลงโทษอะไรเลย แต่ชั้นที่มาสายในภาคบ่ายดันโดนลงโทษนิดๆหน่อยซะงั้น”
“แต่ยังไงก็ขอบใจนะ ถ้าเกิดไม่ได้นายวันนี้ชั้นคงเครียดจนเป็นบ้าแน่ๆ”
“อ่ะนี่ ค่าน้ำมัน” จองฮวาพูดก่อนจะยื่นเงินให้ซอนอิน
“ทำอะไรน่ะ? ช่างเถอะน่า แค่ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมก็พอแล้ว”
ซอนอินพูดก่อนจะยิ้มหน้าบานและกดลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นที่เขาอยู่ เขาเดินไปที่ห้อง 206 ก่อนจะเปิดเข้าไปแล้วพบว่าเด็กฝึกชายทุกคนอยู่ในนั้น
“…. มาแล้วซินะซอนอิน....” เกาเร็นพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว
“นายรู้มั้ยว่า.... การที่นายหายไปแบบนั้นมันทำให้พวกชั้นโดนดุมากขนาดไหน?” แทกึนเองก็เช่นกัน
“ขนาดชั้นที่พึ่งกลับจากโรงเรียนยังโดนดุไปด้วย.... นายคิดว่ายังไงล่ะ?” ฮยองซานก็ดูจะแค้นเขาไม่น้อย
“เฮ้ๆ ไม่เอาน่า แทฮยองก็โดดซ้อมเหมือนชั้นแหละ แถมหมอนั่นยังเป็นลีดเดอร์ด้วย”
“แต่ว่าลื้อก็เป็งเซ็งเตอร์ไม่ใช่รึงาย! ห๊า!?” เกาเร็นแสดงความเป็นนักเลงจากจีนออกมา
“แล้วแทฮยองล่ะ ทำไมหมอนั่นไม่โดนอะไรเลยล่ะ!!?”
“ก็หมอนี่น่ะมีความดีความชอบน่ะสิ” แทกึนพูดพร้อมเอื้อมแขนไปกอดคอแทฮยอง
“หมอนี่น่ะพากาอินกลับมา แถมยังร่วมซ้อมตอนบ่ายอีกด้วย”
“แต่นั่นมันมอเตอร์ไซน์ของชั้นนะ!” ซอนอินขอความเป็นธรรม
“นั่นมันไม่สำคัญเท่ากับการที่นายโดดหายไปดื้อๆหรอกซอนอิน!” ฮยองซานพูด
“วันนี้เรามีคลาสการแสดงกัน.....”
“พวกเราทุกคนรวมถึงเด็กฝึกหญิง และทั้งกาอินกับแทฮยองก็ด้วยทุกคนได้เข้าคลาสนั้นทั้งหมด…”
“แม้แต่จองฮวาที่ตามมาที่หลังก็ยังได้เข้าร่วม”
“มีแต่นายที่ไม่ยอมเข้ามา....” แทกึนพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว
“บทบาทที่ต้องแสดงพรุ่งนี้น่ะ... จะเป็นบทรัก3เส้า”
“จองฮวาถูกลงโทษเพราะมาเรียนภาคบ่ายสาย”
“เธอโดนลงโทษให้แสดงเป็นผู้ชาย หมายความว่า บทของผู้หญิงก็จะขาดไป1คน…”
“นายรู้ใช่มั้ยว่าต้องทำอะไร? เฮี๊ยกๆฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ปีศาจแทกึนเผยโฉมออกมาจนได้
“จบตอนที่ 7”
---------------------------
ตอนต่อไป!!!
-ทุกอย่างคลี่คลาย สามสาวกลับมาสดใส!!
-บยองมันโปรดิวซ์เซอร์ชื่อดังปรากฏตัวอีกครั้ง!!
-โปรเจ็คต่อไปของ KJH จะได้รับการเปิดเผย!!
------------------------------
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Dec 19, 2017 15:33:12 GMT
2/3/2017
18.00 นห้องซ้อมที่2
“นี่สาวน้อย วันนี้มาคนเดียวหรอจ้ะ” เสียงของชายชาวจีนร่างสูงพูดขึ้น
“อย่านะ อย่ามายุ่งกับชั้นนะ” เสียงของเอ่อ.... ชายผู้รับบทสาวน้อยพูดตอบโต้
“นี่! นายคนนั้นน่ะ หยุดรังแกสุภาพสตรีเดี๋ยวนี้นะ” เสียงที่พยายามดัดให้ต่ำของหญิงสาวคนนึงพูดขึ้น
หลังจากนั้น ชายทั้ง2 เอ่อ... ชายคนนึงกับหญิงสาวที่รับบทผู้ชาย ก็เข้ามาต่อสู้กันเพื่อแย่งชิง เอ่อ.... หญิงสาววัยแรกแย้มอย่าง คิมซอนจา โดยสุภาพบุรษหนุ่ม ยุน จองแท ซัด นักเลงจากจีนอย่าง หลงเกาลู ลงไปนอนกองหมดสภาพ
“ชั้นเป็นหนี้คุณซะแล้ว... คุณชื่ออะไรหรอคะ?” คิมซอนอินในร่างคิมซอนจาพูดขึ้น
“ผมชื่ออะไรไม่สำคัญหรอก”
“ที่ผมทำ ก็แค่...”
“ปกป้องคุณ”
“…….”
“อ๊ากกกกกกกกกก ไม่ไหวแล้วโว้ย”
“บทรักหวานเลี่ยนนี่มันอะไรกัน!!”
ฮยองซานไม่อาจทนบทพูดอันชวนขนลุกแบบนั้นได้อีกต่อไป แม้แต่สมชายที่ไม่ได้เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดเท่าไรยังต้องเอามือปิดตาเพราะทนเห็นภาพนี้ไม่ไหว ภาพที่ยุนจองฮวาที่รับบทเป็นยุนจองแทพูดบทน้ำเน่านั่น ก่อนจะเอามือของเธอไปสัมผัสปลายคางของคิมซอนอินที่รับบทคิมซอนจา การแสดงนี้เป็นบทลงโทษของพวกเขาที่เมื่อวานโดดซ้อม เป็นการลงโทษแบบขำๆ เพราะว่าเมื่อวานเป็นการทำความผิดครั้งแรกและแต่ละคนก็มีเหตุผลในการโดดซ้อมที่เข้าใจได้ รวมถึงคิมจีฮุนเองก็รู้สึกพอใจกับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของเด็กฝึก
“จองฮวาทำได้ดีเลยนะ” แทฮยองชื่นชมเธอ
“เพราะแบบนี้ตอนเรียนถึงได้ฉายาว่าเจ้าหญิงไงล่ะ” กาอินที่นั่งข้างๆก็พูดชมเธอเช่นกัน
“ว่าแต่ทำไมนางเอกถึงสูงเท่าๆกับพระเอกเลยล่ะ” เกาเร็นที่โดนซัดหมอบลุกขึ้นมาแซวทั้งคู่
“นอนไปต่อไปเถอะ เจ้าหลงเกาลู” ซอนอินผู้ตั้งตนเป็นอิสระจากระบบอวุโสพูดกับเกาเร็น
“ทำได้ดีมาก จองฮวา”
“แม้ว่าจะมีเสียงขำ ของคนอื่นๆแทรกมาตลอด แต่สมาธิเธอไม่หลุดเลยเยี่ยมมาก”เทรนเนอร์สอนการแสดงกล่าวชมเธอ
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มและขอบคุณเขา ก่อนจะกลับไปนั่งที่ เช่นเดียวกับซอนอิน
วันนี้ปัญหาทุกอย่างดูจะคลี่คลายไปในทางที่ดี ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมซอนอินรู้สึกเหมือนได้อยู่ในวันที่สดใสของเขาอีกครั้ง กาอินกับพ่อของเธอปรับความเข้าใจกันได้อย่างดี โดยในวันนี้มีการแจ้งผลของการประเมินมาแล้ว หลังจากเมื่อวานมีเรื่องๆยุ่งๆขึ้นก็เลยมาบอกกันวันนี้แทน คร่าวๆก็คือ ฮยองซานกับสมชายจะได้เรียนร้องเพลงน้อยลงและได้เรียนเต้นมากขึ้น โดยในกรณีของสมชายค่ายคิดว่าควรให้ภาษาเกาหลีเขาดีกว่านี้แล้วค่อยมาเรียนร้องเพลง ส่วนเกาเร็น แทฮยองและแทกึนตารางยังเหมือนเดิม คือเรียนทุกอย่างเท่าๆกัน ในขณะที่ซอนอินจะได้เรียนเต้นน้อยลงและได้เรียนร้องหรือแร็ปมากขึ้น ส่วนฝั่งหญิง ก็เป็นซูยองที่ได้เรียนเต้นน้อยลงและได้เรียนร้องหรือแร็ปเพิ่มขึ้น ในขณะที่กาอินและจองฮวาจะได้เรียนร้องน้อยลงและเรียนเต้นมากขึ้น โดยในการปรับตารางเรียนเป็นแบบนี้นั้น ทำให้เกิดการเรียนร่วมกันระหว่างเด็กฝึกชายและหญิงเพิ่มขึ้น โดยวันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มฝึกตามตารางใหม่ พวกเขาฝึกกันไปแบบนั้นตามวันเวลาที่ค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ
---------------------------
The Trainee
ตอนที่ 8 : ก้าวสำคัญ
-------------------------------------------------
5/3/2017
22.00 น. สตูดิโอ
คิมจีฮุนกำลังนั่งรอใครบางคนอยู่ในห้องสตูดิโอ มันเป็นห้องสำหรับใช้อัดเสียง มันมีอุปกรณ์ทุกอย่างที่ต้องการ ข้างๆของคิมจีฮุนคือ บี ไฮดร้า แร็ปเปอร์ชื่อดังและเทรนเนอร์สอนแร็ป พวกเขามาทำอะไรตอนดึกๆในที่แบบนี้กันนะ?
“ว่าไงหนุ่มๆ” เสียงของชายวัยกลางคนพูดหลังจากเปิดประตูเข้ามา
“ไม่เจอกันนานเลยนะ พี่บยองมัน” คิมจีฮุนทักทายรุ่นพี่คนสนิท
ถ้าหากจำกันได้ ยุนบยองมันคือโปรดิวเซอร์ชื่อดัง ผู้อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพลงของฮิตของไอดอลหรือแม้แต่เพลงฮิตของคิมจีฮุนเองก็ผ่านมือเขาทั้งนั้น หลังจากมาร่วมคัดเลือกผู้ออดิชั่น บยองมันกลับไปทำงานของเขา ซึ่งงานที่ว่าก็คือ
“ตามที่นายบอกเลย เพลงป๊อบ-ฮิปฮอปใสๆ”
บยองมันพูดก่อนจะหยิบแฟลชไดร์ของเขาให้กับบี ไฮดร้า หลังจากนั้น บี ไฮดร้าก็เสียบมันเข้าที่เครื่องคอมที่อยู่ใกล้ๆเขา ข้อมูลภายในนั้นเป็นไฟล์โปรเจคของโปรแกรมทำเพลงโปรแกรมหนึ่ง บี ไฮดร้าเลื่อนเมาท์คลิกและเปิดมันเพื่อฟัง มันเป็นเพลงจังหวะปานกลางค่อนไปทางเร็วนิดหน่อย จังหวะของมันทำให้น่าโยกตัวตาม โดยรวมมันเพลงที่ให้ความรู้สึกถึงความรักแบบใสๆของเด็กวัยมัธยม
“เยี่ยมเลย พี่บยองมัน” คิมจีฮุนรู้สึกพอใจ
“ที่เหลือก็เป็นหน้าที่เขียนเนื้อเพลงของนาย กับเนื้อแร็ปของไฮดร้าล่ะนะ” บยองมันพูดขึ้น
“นี่พี่ครับ....”
“ใครบอกล่ะว่าคนที่เขียนท่อนแร็ปในเพลงนี้คือไฮดร้าน่ะ?” คิมจีฮุนพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
-------------------------
6/3/2017
19.00 น. ร้านสะดวกซื้อ
ผ่านการฝึกไปอีก1วัน หลังจากฝึกกันอย่างเหน็ดเหนื่อย พวกเด็กฝึกชายก็มาสุมหัวกันที่ร้านสะดวกซื้อ วันนี้ก็ปิดท้ายด้วยคลาสการแสดงเหมือนอย่างเคย คนที่ได้รับประโยชน์เต็มๆจากการคลาสเรียนนี้ก็คงหนีไม่พ้นแทกึน ที่ได้พัฒนาเรื่องฟีลลิ่งและการสื่ออารมณ์ไปเต็มๆ โดยการที่พวกเขาไปซัดอาหารจีนเป็นมื้อกลางวันบ่อยๆ ทำให้เงินที่ได้มาจากครอบครัวเป็นรายสัปดาห์ค่อยๆลดลงไปตามสภาพ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขามานั่งโซ้ยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันแบบนี้ หลังจากกินเสร็จ ดูเหมือนจะมีบางคนที่กำลังมีปัญหา
“พวกนายยังเหลือเงินกันอยู่ใช่มั้ย”ซอนอินพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ก็พอมีอยู่หรอกนะ สัปดาห์นี้ชั้นไม่ค่อยได้ใช้น่ะ” แทกึนพูด
“ชั้นน่ะ เสียทั้งค่าน้ำมัน ทั้งค่าเล่นเกม ชั้นรู้ว่านายใจดีแทกึน เพราะฉะนั้นมื้อนี้น่ะ” ซอนอินเริ่มพูดชักจูงแทกึน
“ชั้นไปอาบน้ำดีกว่า ขอตัวนะ” แทกึนพูดก่อนจะรีบเดินออกไปทันที…
“แทฮยอง นายจำได้ใช่มั้ย วันนั้นชั้นให้นายยืมรถ นายต้องตอบแทนค่าน้ำมันชั้นบ้างสิ”
“ตอนเช้าตากผ้าไว้นี่นา ไปเก็บก่อนนะ” แทฮยองก็จะลุกจากไปเช่นกัน
“ฮยองซานน้องรัก”
“ใครน้องนาย” ฮยองซานพูดและเดินจากไปไม่ดูดำดูดี
“สมชาย รูมเมทที่น่ารักของชั้น”
“ผมลื่นล้มในห้องน้ำ จนเงินเปียกแฉะไปหมด ขอโทษด้วยครับ” สมชายพูดและก็เดินจากไปเช่นกัน
“...อย่างน้อยๆก็น่าจะโกหกให้เนียนกว่านี้หน่อยสิ”ซอนอินได้แต่มองตาม
“เดี๋ยวชั้นเลี้ยงเองซอนอิน” เกาเร็นเด็กฝึกคนสุดท้ายพูดขึ้นมา
“เหอะ! ไม่ต้องมาทำเป็นญาติดีกับชั้นเลย” ซอนอินยังคงตั้งตัวเป็นศัตรูกับเกาเร็น
“เอาน่า คนอุตส่าห์มีน้ำใจ มื้อนี้ชั้นเลี้ยงนายเอง นายรีบๆกลับไปนอนไป”
“เกาเร็น นี่นายโอเคนะ? ไม่ได้ป่วยใช่มะ?” ซอนอินรู้สึกแปลกๆชอบกลกับท่าทีมีน้ำใจของเกาเร็น
“อืม นายไปเถอะ”
เกาเร็นพูดย้ำอีกครั้ง ซอนอินได้กินฟรีในมื้อนี้ เป็นการยืดชีวิตเขาออกไปได้อีกวัน ในขณะที่เกาเร็นยังคงใส่หูฟังและมีสมาธิจดจ่อกับเพลงที่เขาฟัง ที่เขายอมเลี้ยงซอนอินคงเป็นเพราะรู้สึกรำคาญและอยากจะมีสมาธิให้การฟังเพลง มันเป็นเพลงเปล่าๆที่เขาได้มันมาจากบี ไฮดร้า เทรนเนอร์สอนแร็ปของเขา โดยบี ไฮดร้าบอกว่านี่เป็นการบ้านของเขา เขามีเวลา3วันในการแต่งเนื้อเพลงลงไปในมัน มันไม่ใช่ท่อนที่ยาวมาก ไม่ใช่การแร็ปทั้งเพลง มันเป็นเหมือนกับท่อนแร็ปความยาวแค่ประมาณ20วินาที มันเป็นเพลง ป๊อบ ฮิปฮอป จังหวะกลางๆค่อนไปทางเร็ว
----------------------
7/3/2017
18.00 ห้องซ้อมที่2
“นี่ ฮยองซาน นายว่าช่วงนี้เกาเร็นดูแปลกๆไปมั้ย?” แทฮยองถามฮยองซาน
“ชั้นก็คิดแบบนั้นนะ เมื่อคืนเขานอนดึกมากเลยล่ะ ทั้งที่ปรกติจะแหกปากแร็ปแล้วก็หลับทันทีตลอด”
“เอาล่ะหยุดคุยกันได้แล้ว วันนี้เราจะมาเล่นเกมกัน” เทรนเนอร์สอนการแสดงพูดขึ้น
“โดยเกมนี้ทุกคนจะได้บทที่จะต้องแสดง ซึ่งจะเป็นการแสดงแบบใบ้ ทุกคนห้ามส่งเสียงอะไรทั้งนั้นระหว่างการแสดง"
“ตัวเองได้รับบทอะไรก็แสดงออกมาตามนั้นให้ได้มากที่สุด”
“บทที่แสดงมีซ้ำกัน แต่ว่า ห้ามบอกบทของตัวเองให้คนอื่นรู้นะ”
“คนที่เพื่อนๆทายบทที่แสดงถูกหรือใกล้เคียงที่สุดจะได้เป็นผู้ชนะ และจะมีรางวัลให้”
หลังจากพูดจบพวกเขาก็ได้รับบทมาบอกถึงสิ่งที่พวกเขาต้องแสดงมันออกมา ต่างคนก็ต่างเอามันไปแอบอ่านอย่างมิดชิด ฝ่ายเด็กฝึกหญิงเองก็เช่นกัน หลังจากดูบทบาทที่ตัวเองต้องแสดงอย่างดีแล้ว ทุกคนก็กลับมานั่งรวมกันเป็นวงกลม พวกเขาหันซ้ายหันขวาและพยายามจ้องจับผิดบทบาทที่แต่ละคนได้รับ
“พร้อมแล้วสินะ คนแรก.... คิมซอนอิน”
เสียงปรับมือให้กำลังใจจากเด็กฝึกคนอื่นๆดังขึ้น โดยปรกติซอนอินเป็นคนแสดงได้ดีพอสมควร เนื่องจากเขามีความร่าเริงและเล่นใหญ่อยู่ตลอดๆ ซอนอินแสดงโดยทำท่าทีเก๊กหล่อเต็มที่ เขาโชว์วิดพื้น รวมถึง ทำท่าหว่านเสน่ห์ใส่เหล่าเด็กฝึกหญิง ซึ่งการแสดงของเขามันลามปามไปถึงขั้นถอดเสื้อโชว์กล้าม ซึ่งมันค่อนข้างจะ..... หลังจากเขาแสดงไปได้ไม่นาน เกาเร็นก็ยกมือเพื่อเป็นสัญญานว่าพร้อมตอบ
“ผมคิดว่าหมอนี่ แสดงเป็นคนบ้าแน่นอน”
“เหอะ แล้วจะรอดู เจ้าหลงเกาลูเอ้ย” ซอนอินพูดกับเกาเร็นอย่างตลกขบขัน
การแสดงของซอนอินจบลงด้วยเสียงหัวเราะ สุดท้ายจะยังไม่มีการเฉลยในตอนนี้จะไปเฉลยกันในตอนจบคลาสพร้อมๆกันทุกคนเลย แม้ว่าซอนอินจะจับจุดสำคัญได้ แต่การแสดงของเขายังดูเล่นใหญ่และออกมาดูตลกมากกว่า
“คนต่อไป โยซูยอง”
คราวนี้เป็นซูยองออกมาทำการแสดงบ้าง ปรกติซูยองจะดูนิ่งๆการแสดงอะไรแบบนี้ดูไม่เหมาะกับเธอเอาซะเลย เธอเริ่มแสดงโดย เธอทำท่าเหมือนกำลังเฝ้ามองอะไรบางอย่าง ด้วยความที่เธอเป็นคนแสดงออกทางสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร การที่เธอทำท่าทางเหมือนเฝ้ามองอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าเรียบเฉยแบบนั้น ทำให้มันออกมาดูน่ากลัวเหมือนสตอล์กเกอร์โรคจิตยังไงไม่รู้
“ตอนนั้นที่ตามชั้นบนรถบัส เธอเป็นแบบนี้เองซินะ” เกาเร็นพูดออกมาระหว่างแสดงที่น่ากลัวของเธอ
“น่ะ นายจะบ้ารึไง!?”
ซูยองอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี การแสดงคงไม่ใช่ทางของเธอซักเท่าไร หลังจากนั้นก็ผลัดกันออกมาทำการแสดง ยุนแทกึนที่แสดงได้แข็งโป้ก จนเพื่อนๆทายว่าเขาแสดงเป็นก้อนหิน ส่วนฮยองซานก็แสดงโดยทำท่าทางเจ้าชู้ใส่พวกเด็กฝึกหญิงคล้ายๆกับซอนอิน จนเพื่อนๆทายว่าเขาเป็นแมงดา คนต่อมาอย่างกาอิน ก็ทำท่าทางเขินอายได้อย่างดี แต่มันคงดูเขินอายมากไปหน่อย จนถูกทายว่าแสดงเป็นคนขี้กลัว ส่วนสมชายที่พูดได้ไม่ดี การได้แสดงโดยไม่ต้องพูดทำให้เขาดูมั่นใจขึ้น เขาแสดงออกด้วยท่าทียิ้มแย้มน่ารัก และทำท่าทางร่าเริงสดใส แต่ด้วยใบหน้าที่สวยเหมือนผู้หญิง ทำให้เขาถูกทายว่าแสดงเป็นไอดอลหญิงซะงั้น และคนต่อไปคือหลงเกาเร็น เขาออกมาทำการแสดง โดยเก๊กหน้าหล่อเช่นเดียวกัน แต่เขาทำท่าทีหยิ่งผยองแตกต่างจากทุกคนก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้รู้สึกน่าหมั้นไส้มาก
“ผมคิดว่าหมอนี่ก็แค่เป็นคนจีนที่คิดว่าตัวเองหล่อล่ะมั้ง” ซอนอินยกมือตอบ
“นี่นายแอบด่าชั้นอยู่ใช่มะ?” เกาเร็นพูดกับซอนอินก่อนจะกลับไปนั่ง
“เอาล่ะ คนต่อไป ยุนจองฮวา”
เทรนเนอร์เรียกเธอออกมาทำการแสดง ยุนจองฮวา เธอดูมีออร่าของความเป็นนักแสดงอยู่ในตัวสูงมาก ไม่แปลกที่จะเคยมีแมวมองมาทาบทามเธออยู่บ่อยๆ เธอเริ่มแสดงโดยทำท่าทางไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ก่อนจะทำท่าเหมือนเห็นอะไรบางอย่างและหลังจากนั้นก็ทำท่าทีเขินอาย ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง การแสดงของเธอทำให้เหล่าฝึกหัดสัมผัสได้ถึงบางอย่างและพวกเขาก็รู้สึกว่านี่แหละ สิ่งที่เรียกว่า “การแสดง”
“ชั้นคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงมืดมนที่แอบชอบใครซักคนค่ะ” กาอินยกมือตอบ
“อ๊ะ กาอิน” จองฮวาดูตื่นเต้นกับคำตอบของกาอิน
“ชู่วๆ” เทรนเนอร์รีบห้ามจองฮวา
“เอาล่ะดีมากจองฮวา คนต่อไป ชินแทฮยอง”
ต่อไปเป็นคราวของชินแทฮยอง สำหรับแทฮยองนั้นตลอดคลาสการแสดงเขาทำได้อย่างดีมาโดยตลอด ด้วยประสบการณ์ที่เคยเป็นดาราเด็กมาก่อน ทำให้เขาเข้าใจการแสดงเป็นอย่างดี ด้วยหน้าตาหล่อเหลามากๆ จุดนั่นอาจจะส่งเสริมการแสดงของเขาให้น่าดูยิ่งขึ้น เขาแสดงด้วยรอยยิ้มที่สดใสเหมือนกับที่สมชายเคยทำ และเมื่อมองไปที่เขา มันทำให้รู้สึกเปล่งประกายอย่างบอกไม่ถูก แทฮยองทำการแสดงด้วยท่าทีที่สง่างามในทุกท่วงท่าไม่ว่าจะเป็นท่าอ่านหนังสือ ท่าชู้ตบาส หรือแม้แต่ท่าที่ใช้ทักทายคนอื่น เขาทำทั้งหมดนั้นด้วยรอมยิ้มที่สดใสพร้อมกับท่าทางที่เหมือนคนที่เพอเฟ็กซ์ไปทุกๆด้าน
“พนันทั้งหมดที่มี ว่าหมอนี่แสดงเป็นพวกคนหล่อๆที่เก่งไปหมดแน่ๆ” ฮยองซานตอบ
“สมัยเรียนน่ะ ชั้นหมั้นไส้พวกคนแบบนี้ชะมัด” แทกึนผู้มีเสน่ห์น้อยนิดพูดกับเพื่อนของเขา
“เอาล่ะ แทฮยองทำได้เยี่ยมเลย การแสดงจบทุกคนแล้วที่นี้ เฉลยกันได้เลย” เทรนเนอร์พูดขึ้น
“ผมได้ บทเดียวกับแทฮยองนั่นแหละครับ ไม่รู้ทำไมถึงถูกทายว่า เป็นก้อนหิน” แทกึนพูดกับเทรนเนอร์
“ชั้นเองก็ได้เป็นบทเดียวกับจองฮวา แต่ถูกทายว่าเป็นสตอล์กเกอร์ซะงั้น” ซูยองเองก็บอกว่าได้บทซ้ำกับเพื่อน
“เดี๋ยวนะ ของชั้นก็ซ้ำกับแทฮยองเหมือนกัน” เกาเร็นเองก็ได้บทที่ซ้ำกับแทฮยอง
“อ่า.... เป็นแบบนี้เองซินะ....” ฮยองซานเอามือมาจับคางและพูดขึ้นเหมือนนักสืบในขณะที่ทุกคนมึนงง
“ัชั้นคิดว่า จริงๆแล้วบทที่เราได้รับน่ะ...”
“มันคือบทเดียวกันตั้งแต่แรกแล้วไงล่ะ!!?” เด็กฝึกหัดทุกคนต่างรู้สึกตะลึงกับการไขคดีของฮยองซาน
“จริงด้วย พูดได้ดี โคซานคุง” ซอนอินพูดชมฮยองซาน
“ใช่แล้วล่ะ ฮยองซาน พวกเธอทุกคนได้รับบทเดียวกันทั้งหมดนั่นแหละ” เทรนเนอร์เฉลยความจริง
“แปลว่า ผู้ชายก็ได้บทของแทฮยอง ส่วนของผู้หญิงได้ก็บทของจองฮวาซินะ” แทกึนพูดขึ้น
“จริงๆแล้ว แทฮยองกับจองฮวายังไม่ได้เฉลยบทของพวกเขาเลยว่าคืออะไรกันแน่”
“แต่ทุกคนกลับบอกว่าตัวเองได้บทเดียวกับพวกเขา”
“แปลว่าสิ่งที่พวกเธอคิดไว้ คือแบบเดียวกับที่พวกเขา2คนแสดงสินะ” เทรนเนอร์พูดออกมาอย่างน่าสนใจ
“อืม... จะว่าไปมันก็จริงนะ” ซอนอินเห็นด้วยกับที่เทรนเนอร์พูด
“เอาล่ะ ผู้ชนะในเกมนี้คือ แทฮยองกับจองฮวาดีใจด้วย"
"และรางวัลที่จะได้น่ะ พวกเธอต้องชอบแน่ แต่คืออะไรยังบอกไม่ได้ รออีกนิดนะ”
เทรนเนอร์การแสดงของพวกเขากล่าวเพื่อมอบตำแหน่งผู้ชนะให้2คนนั้น และในขณะที่ทุกคนต่างชื่นชมและปรบมือให้กับสิ่งที่แทฮยองและจองฮวาได้ทำ เกาเร็นที่ยืนอยู่ไกลๆก็เหมือนจะคิดบางอย่างขึ้นมาได้ มันเป็นสิ่งที่เขาใช้เวลาคิดมาทั้งคืน
“แบบนี้เองซินะ”
------------------- -----
9/3/2017
สตูดิโอ 18.30 น.
นี่เป็นเวลาที่ใกล้จะเลิกซ้อมแล้วของเหล่าเด็กฝึก ในช่วงเวลานี้พวกเขาคงกำลังฝึกซ้อมด้วยตัวเองอยู่เนื่องจากวันนี้ไม่มีเรียนคลาสการแสดง และในห้องสตูดิโออัดเสียงนี้ ก็เป็น คิมจีฮุน บี ไฮดร้า และ ยุนบยองมัน 3เกลอที่ทำเพลงด้วยกันมานั่งสุมหัวกันอีกครั้ง
“เนื้อเพลงที่จีฮุนเขียน ผ่านไปแค่ไม่กี่วันแต่ก็แต่งได้ดีเหมือนเดิมเลยนะ” บยองมันกล่าวชมคิมจีฮุน
“เพลงนี้แต่งไว้นานแล้วล่ะครับ มันบังเอิญเข้ากับดนตรีของพี่พอดี” คิมจีฮุนพูดกับรุ่นพี่ของเขา
“เออ! แล้วคราวก่อนที่บอกว่า ที่ไฮดร้าไม่ได้เป็นคนแร็ปน่ะ ตกลงเป็นใครล่ะ?” บยองมันถามด้วยความสงสัย
“เดี๋ยว แร็ปเปอร์ก็จะมาแล้วล่ะครับ” ไฮดร้าพูดขึ้น ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น
“อ๊ะ ประธานคิม คุณยุนบยองมัน สวัสดีครับ”
หลงเกาเร็นที่ขอปลีกตัวออกมาจากห้องซ้อมของพวกเขาเปิดประตูมา และพบกับเหล่าผู้ทำเพลงทั้ง3คน เขาโค้งคำนับให้ทุกคนก่อนที่ไฮดร้าจะบอกให้เขานั่ง ยุนบยองมันสงสัยอย่างมากว่าเขามาทำไมนี่ที่ เกาเร็นเองก็เช่นกัน
“นายมาทำอะไรที่นี่หรอเกาเร็น?”บยองมันถามเกาเร็น
“มาส่งการบ้านน่ะครับ” เกาเร็นตอบ
บี ไฮดร้า หยิบสมุดจดที่เกาเร็นยื่นมาให้เขาและเปิดอ่าน แม้ว่าเกาเร็นจะเป็นคนจีนแต่เขาก็เรียนภาษาเกาหลีมานานเป็น10ปีแล้ว รวมถึงยังจบมหาลัยที่เกาหลีแล้วด้วย เรื่องการใช้ภาษาจึงหายห่วง ภายในนั้นเป็นเนื้อเพลงแร็ป หลังจากอ่านเสร็จ บี ไฮดร้า ก็ลองเปิดเพลงแล้วให้เกาเร็นแร็ปดู ซึ่งเชาก็แร็ปได้ดีเหมือนอย่างเคย เกาเร็นมีความสามารถที่เป็นพรสวรรค์อันแข็งแกร่งของเขา นั่นก็คือเขาสามารถถ่ายทอดอารมณ์และทำให้คนดูสนุกได้อยู่ตลอดทุกครั้งที่เขาแสดง และเนื้อเพลงที่แต่งมาก็เข้ากับคอนเซ็ปเพลงเป็นอย่างดีราวกับมันเกิดมาคู่กันอยู่แล้ว
“เอาอีกแล้วนะจีฮุน ทำอะไรไม่บอกชั้นอีกแล้ว”
“นี่ เกาเร็น เนื้อเพลงของนายตรงกับคอนเซ็ปที่ชั้นคิดไว้มาก ทำได้ยังไงกันนะ?”บยองมันรู้สึกทึ่งที่เกาเร็นเขียนเนื้อเพลงได้ดี
“อ่า... ที่ผมเขียนได้ก็เพราะเมื่อวานตอนคลาสการแสดง ตอนที่นั่งดูแทฮยองกับจองฮวากำลังแสดงกันอยู่”
“ตอนนั้น ในหัวผมมันบังเอิญนึกถึงเพลงนี้ไปด้วย”
“คาแรกเตอร์ที่แสดงกับคาแรกเตอร์ของดนตรี ทั้ง2อย่างมันออกมาเข้ากันมากเลยครับ” เกาเร็นบอกเหตุผล
“อืม... ถ้างั้นก็เป็นอย่างที่คุณบอกไว้จริงๆด้วยซินะ”
“คุณบอกผมว่า เกาเร็นจะเองรู้ว่าต้องทำยังไงจากคลาสการแสดง” บี ไฮดร้าพูดกับคิมจีฮุน
“ฮะฮ่า ผมน่ะมันนักวางแผนตัวยงอยู่แล้ว” คิมจีฮุนดูภูมิใจกับความฉลาดตัวเอง
“นี่เกาเร็นฟังนะ จริงๆแล้วนี่เป็นการทดสอบความสามารถของนายแบบลับๆ”
“ถ้าหากว่านายแต่งเพลงนี้ออกมาไม่ได้แบบนี้ล่ะก็”
“นายจะพลาดสิ่งสำคัญไป... แต่ว่าถ้านายทำได้...”
“นายจะได้รางวัลสุดพิเศษ…”
“หมายถึงอะไรหรอครับ? ผมงงไปหมดแล้ว” เกาเร็นรู้สึกสบสนมาก เขาไม่คิดว่าสิ่งที่เขามันจะสำคัญกับเขาขนาดนั้น
“เอาล่ะ ถ้างั้นผมขอประกาศเลยแล้วกันนะ”
“เกาเร็นเพลงที่นายแต่งไปน่ะ เป็นเพลงใหม่ของชั้นเอง”
“มันเป็นเพลงที่ชั้นจะใช้เพื่อโปรโมทการกลับมาอีกครั้งในรอบ2ปีของ คิมจีฮุน”
“และนายจะได้แร็ปในเพลงนี้”
---------------------
9/3/2017
19.00 น. ห้องประชุมรวม
“อะไรกันเนี่ย นี่ชั้นฟังผิดไปรึเปล่า?” ซอนอินไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง
“ไม่ผิดหรอกซอนอิน ชั้นจะได้ร่วมแร็ปในเพลงนี้ด้วย” เกาเร็นบอกกับเพื่อนของเขา
“อ๊ะ! หรือว่าการบ้านของนายอันนั้น อย่าบอกนะว่า!” ซอนอินจำการบ้านที่บีไฮดร้ามอบให้เกาเร็นแค่คนเดียวได้
“อืม การบ้านอันนั้นแหละ ชั้นก็ตกใจเหมือนกัน” เกาเร็นบอกเล่าความรู้สึก
“สุดยอดจริงๆ พี่เกาเร็นเก่งมากเลยเนอะ” กาอินรู้สึกชื่นชม
“การบ้านอันนั้นเองซินะ” ซูยองที่ปรับเวลามาเรียนร่วมกับเกาเร็นและซอนอินก็เห็นเหมือนกัน
“ถ้าเพลงนี้ดังขึ้นมาล่ะก็ จะส่งผลดีต่อค่ายมากเลยนะ” จองฮวารู้สึกคาดหวัง
หลังจากฝึกเสร็จ คิมจีฮุนได้เรียกรวมเด็กฝึกหัดอีกครั้ง ก่อนที่จะประกาศโปรเจคล่าสุดของบริษัท มันคือการกลับมาสู่วงการเพลงในรอบ2ปีของตัวเขาเอง ซึ่งเป็นทั้งศิลปินคนแรกและประธานบริษัท ซึ่งถ้ามันสำเร็จ ชื่อของคิมจีฮุนและบริษัท KJH จะต้องถูกพูดถึงในโลกโซเชี่ยลและยิ่งเกาเร็นที่ได้มีส่วนร่วมด้วยก็จะต้องมีชื่อเสียงไปด้วยแน่ๆ ซึ่งนั่นเป็นแผนการสร้างฐานแฟนคลับให้เด็กฝึกหัดแบบง่ายๆของวงการเพลง ที่ส่วนใหญ่มากจะให้พวกเด็กฝึกหัดมีส่วนร่วมเล็กๆน้อยๆในเพลงอย่างเช่น เป็นตัวประกอบในMV แต่ในกรณีของเกาเร็นนี่ถึงขั้นทำเพลงด้วยกันเลย ซึ่งแปลว่าในเครดิตของเพลง จะมีชื่อของเกาเร็นอยู่ตรงช่องศิลปินและช่องผู้แต่งเนื้อเพลง อยู่บรรทัดเดียวกับคิมจีฮุนเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเกาเร็นแต่งเนื้อเพลงที่ดีออกมาไม่ได้ คนที่ได้แรปจะเป็นบี ไฮดร้า แต่เนื่องจาก เกาเร็นสามารถผ่านการทดสอบแบบลับๆของคิมจีฮุนได้ ทำให้ท่อนแร็ปในเพลงนี้ตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
“เรื่องที่จะประกาศก็ตามนี้นะทุกคน ขอเสียงเชียร์ให้เกาเร็นด้วย”
คิมจีฮุนพูดก่อนจะมีเสียงเชียร์จากเหล่าเด็กฝึกให้กำลังใจเกาเร็น เกาเร็นลุกขึ้นมาก้มโค้งคำนับให้กับเสียงปรบมือที่เขาได้รับ เด็กฝึกชายทุกคนรู้สึกดีใจไปกับเขา เพราะเกาเร็นเป็นคนมีความสามารถ และมีความพยายามและความมุ่งมั่น มีหลายๆที่ครั้งเกาเร็นแสดงความเป็นผู้ใหญ่ออกมา เขาเปรียบเสมือนพี่ชายที่ไว้ใจได้ของกลุ่มเด็กฝึกชาย และถ้าพูดกันตรงๆหลายคนคิดว่าเขาพร้อมจะเดบิ้วแล้วด้วยซ้ำไป เขามีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนแถมยังแร็ปได้ดีมากอีกด้วย เรื่องเต้นกับร้องก็อยู่ในเกณฑ์ดีทั้งหมด
“แล้วก็ยังมีอีกเรื่องนึง....” คิมจีฮุนพูดแทรกขึ้นมา
“กระบวนการทำเพลงๆนี้ จะใช้เวลาประมาณเดือนนึง”
“และตามที่คาดไว้ หลังจากจบการ ประเมินสิ้นเดือนนี้ จะมีการถ่าย MV”
“ซึ่งเด็กฝึกทุกคนจะได้มีส่วนร่วมด้วย”
เด็กฝึกหัดทุกคนถึงกับตะลึงและยิ้มออกมาพร้อมๆกัน ทุกคนตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก ถ้าเป็นแบบนี้สื่อต่างๆก็จะเห็นหน้าเห็นตาพวกเขา และถ้าโชคดีอาจจะทำให้พวกเขาโด่งดังขึ้นมาได้เลยทีเดียว นอกจากนี้คิมจีฮุนยังบอกอีกด้วยว่าการถ่ายทำ MV ครั้งนี้จะไปถ่ายกันที่เกาะเชจู สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง โดยจะเป็นทริป2วัน1คืน พอพูดแบบนั้นเด็กฝึกหัดที่ได้อยู่แต่ที่เดิมๆอย่างหอพักหรือห้องซ้อมก็ยิ่งดีใจเข้าไปกันใหญ่ แต่มันไม่ได้จบแค่นี้หรอกนะ
“และก็แน่นอนว่าในการถ่ายทำ MVนั้น..." เขาพูดต่อ
"จะต้องมี2คนที่รับบทพระเอก-นางเอก…”
“มันเป็นเรื่องของ สาวที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองไปแอบชอบหนุ่มสุดฮอตของโรงเรียน….”
“จำคลาสการแสดงวันนั้นได้ใช่มั้ย แทฮยอง จองฮวา?”
"นี่แหละรางวัลที่พวกเธอได้รับ จากการชนะในเกมนั้น"
“จบตอนที่8”
------------------------
ตอนต่อไป!!
-ไปถ่าย MV ที่เกาะเชจูกัน!
-พบกับบรรยากาศกองถ่ายได้!!
----------------------------------------
|
|
|
Post by handsomeguyformzulus on Dec 25, 2017 14:37:00 GMT
31/3/2017
22.00 น. หอพัก ห้อง206
ไม่รู้เมื่อไรเหมือนกันที่ห้องของสมชายกับซอนอินกลายเป็นห้องประชุมระหว่างเด็กฝึกชาย โดยในวันนี้นั้นเป็นการประเมินครั้งที่2ของพวกเขา โดยในวันนี้พวกเขาก็แสดงได้ดีเหมือนเคย แต่ละคนต่างพัฒนาไปในทางที่ดี สมชายที่เริ่มพูดภาษาเกาหลีชัดก็มีท่อนร้องมากขึ้น เสียงที่ทุ้มต่ำของเขาก็ทำให้เขาดูมีเสน่ห์ทีเดียว ส่วนแทกึน ก็เริ่มเข้าใจวิธีสร้างเสน่ห์ให้ตัวเองมากขึ้น หลังจากผ่านคลาสการแสดงในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทางด้านของแทฮยองแม้จะไม่มีอะไรโดดเด่นแต่ก็อยู่ในมาตฐานที่ดีทั้งหมด ในขณะที่คู่รูมเมท ห้อง205อย่าง เกาเร็นกับฮยองซาน ก็ทำได้ตามมาตฐานของทั้งคู่ เกาเร็นก็ยังคงเป็นเกาเร็นการประเมินครั้งนี้เป็นเครื่องการันตีว่าเขาพร้อมจะเดบิ้วแล้ว ส่วนฮยองซานก็ยังเต้นได้เฉยๆเหมือนเดิมแต่ด้วยเสียงร้องที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆของเขาก็กลบเรื่องที่เต้นไม่เก่งไปจนหมด พวกเขาทั้งหมดแสดงโดยมีจุดศูนย์กลางอย่าง คิมซอนอินที่เรื่องเต้นแข็งแกร่งที่สุด ทำให้โชว์ออกมาสวยงามเหมือนอย่างเคย พวกเขาได้รับคำชมอีกครั้ง
“วันนี้ทำได้ดีมาก สมชาย” ซอนอินพูดกับรูมเมทของเขา
“ขอบคุณครับ” หนุ่มชาวไทยตอบ
“ทีมหญิงก็ทำได้ดีเหมือนเคยเลยนะ” ฮยองซานพูดขึ้น
“อืม จองฮวาเต้นเก่งขึ้นเยอะเลย แม้จะยังหายใจไม่ทันเหมือนเดิมแต่ก็พัฒนาขึ้น” แทกึนก็คิดเช่นกัน
จริงๆมีอีกอย่างที่เกิดขึ้นตลอดเดือนมีนาคมนี้ นั่นก็คือการเข้าห้องอัดของเกาเร็น ถึงแม้ว่าจะเป็นท่อนสั้นๆ แต่เกาเร็นก็อัดไปหลายครั้งมาก เทรนเนอร์แร็ปอย่างบี ไฮดร้า ก็ไม่ปล่อยให้เขาทำอะไรพลาดแม้แต่ครั้งเดียว และคิริฮาระก็ทำหน้าที่ร้องไกด์ให้คิมจีฮุนเหมือนเคย รวมถึงทำหน้าที่กำกับร้องด้วย และเขาเองก็ไม่ยอมปล่อยให้คิมจีฮุนทำพลาดเหมือนกันแม้ว่านั่นจะเป็นประธานบริษัทก็ตาม โปรเจคการกลับมาในรอบ2ปีของคิมจีฮุน ผลจะเป็นยังไงก็คงต้องรอดูหลังจากที่เพลงถูกปล่อยออกมา โดยวันมะรืนนี้พวกเขามีกำหนดไปถ่าย MV กันที่เกาะเชจู
“นี่ มะรืนต้องไปถ่าย MV แล้วซินะ พวกนายเตรียมอะไรไปบ้าง?” แทกึนถามเพื่อนๆของเขา
“ของชั้นก็เอ่อ.. อมยิ้ม กระติกน้ำเก็บความร้อน และก็ชามะนาวล่ะมั้ง” ซอนอินตอบ
“แค่นั้นไม่พอหรอก ชั้นแนะนำให้เอาที่อุดหูไปด้วย“ ฮยองซานผู้เป็นรูมเมทกับเกาเร็นเสนอแนะ
“อ่าจริงด้วยแหะ จะได้ยินเสียงกรนของพี่เกาเร็นที่ล่ำรือกันแล้วซินะ” แทฮยองพูดขึ้น
พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆอย่างสนุกสนาน การถ่ายทำMVในครั้งนี้เป็นครั้งแรกของใครหลายๆคน จริงๆคนที่พอจะมีประสบการณ์อยู่บ้างก็มีแค่เกาเร็นกับแทฮยองเท่านั้น ส่วนคนที่เหลือนี่จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะมีผลงานในวงการบันเทิงไปประดับประวัติการทำงานของเขา พวกเขารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมาก เพราะว่าสถานที่ ที่กำลังจะไปถ่ายทำกันนั้นอยู่ใกล้กับชายหาดมากเดินแค่ไม่เท่าไรก็ถึงชายหาดแล้ว พวกเขาหวังว่าจะได้รับประสบการณ์ดีๆจากการไปทำงานครั้งนี้
----------------------
The Trainee
ตอนที่ 9 : เบื้องหน้าของชายหนุ่มคือแผ่นหลังของหญิงสาว
----------------------------------------------------------------------------
1/4/2017
7.00 สนามบิน
ในขณะที่เกาหลีกำลังเป็นฤดูใบไม้พลิ สภาพอาการอากาศหนาวเย็นแต่ก็ไม่ได้หนาวเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ที่เป็นฤดูหนาว แม้ว่าจะต้องแหกขี้ตาตื่นกันมาแต่เหล่าเด็กฝึกทั้งชายหญิงก็มากันพร้อมหน้า พวกเขาและเธอรวมถึงทีมงานถ่ายทำแม้แต่เล่าเทรนเนอร์ก็ยังเดินทางมา ทางฝั่งของเทรนเนอร์คิริฮาระก็ดูจะเตรียมตัวไปสนุกเกินกว่าใคร เขาเตรียมห่วงยางมาพร้อมเล่นน้ำเต็มที่ แต่ดูเหมือนเขาจะพลาดอะไรไปหน่อย
“นี่คิริฮาระ อุณหภูมิของเกาหลีช่วงนี้น่ะ ไม่มีใครคิดจะเล่นน้ำหรอก”
“ห่วงยางนั่นน่ะ ทิ้งไว้ที่นี่เถอะ” คิมจีฮุนพูดกับเขาอย่างเย็นชา
“ไม่จริง ไม่ว่าอากาศจะหนาวแค่ไหน เกาะเชจูก็จะอบอุ่นตลอดไม่ใช่รึไง ผมอ่านมาแล้วนะ” เขาเถียง
“ฟังนะ คิริฮาระ”
“แม้ว่าที่นั่นอากาศจะอบอุ่นกว่าที่นี่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่หนาวนะ” คิมจีฮุนอธิบายให้เขาฟัง
“งั้นหรอกหรอ...”
เทรนเนอร์คิริฮาระกำลังซึมกับสิ่งที่ได้รู้ เขาคิดว่าจะมีการลงไปเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานในการไปถ่ายMV ครั้งนี้ ก็ใช่พวกเขาอาจจะไปเที่ยวทะเลกัน แต่คงไม่ลงไปเล่นในน้ำแน่นอน ในขณะที่ฝั่งของเด็กฝึกหัด ก็มีบางคนก็ดูแปลกๆไปจากปรกติ แม้ว่าปรกติเธอจะเป็นคนที่ร่าเริงและสดใสก็ตาม แต่คงไม่ใช่กับวันนี้
“จองฮวาเป็นอะไรไปหรอ?” กาอินถามเพื่อนของเธอ
“ม่ะ ม่ะ ไม่เป็นไรหรอก” สีหน้าของจองฮวาดูซีดๆ
“งั้นหรอ.....” กาอินดูไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่เพื่อนเธอพุด
“ใกล้จะถึงเวลาแล้วเตรียมตัวได้เด็กๆ” เทรนเนอร์สอนเต้นจองซูอาพูดกับพวกเธอ
“ไปกันเถอะ จองฮวา” ซูยองจับมือเพื่อนของเธอก่อนจะเดินไป
ร่างกายของจองฮวาสั่นตั้งแต่ก้าวแรกที่เริ่มเดิน และสั่นไปตลอดจนขึ้นไปนั่งบนเครื่อง เหงื่อเม็ดเล็กๆของเธอเริ่มจะพลั่งพลูออกมาจากผิวหนังแม้ว่าสภาพอากาศจะหนาวเย็น รวมถึงใบหน้าที่เริ่มซีดเซียวลงเรื่อยๆ กาอินไปนั่งกับเทรนเนอร์จองซูอา ส่วนซูยองได้นั่งกับจองฮวา โดยซูยองบอกจองฮวาว่าเธอกลัวความสูงนิดหน่อย ด้วยความรักเพื่อนจองฮวาจึงอาสาไปนั่งที่ริ่มหน้าต่างแทนซูยองและนั่นยิ่งทำให้เธอสั่นยิ่งกว่าเดิม แถมยังไม่ยอมปล่อยมือซูยองแม้แต่นิดเดียว และนั่นทำให้ซูยองรู้ในทันทีว่า....
“นี่ จองฮวา.... “
“ห๊ะ! มีอะไรหรอ!” จองฮวาตอบเพื่อนเธออย่างผิดธรรมชาติ
“จริงๆแล้ว เธอน่ะ.....”
“กลัวเครื่องบินซินะ” ซูยองที่จับมือจองฮวามาตลอดถามออกไปตรงๆ
“ป่ะ ป่ะ ป่ะ เปล่านะ แหะๆๆๆ”
“ช่ะ ช่ะ ชั้น ม่ะ ม่ะ โอๆๆ โออออออออออออ”
“โออออออออออ”
ยังไม่ทันจะพูดจบเครื่องบินก็เริ่มเดินเครื่องและออกบินสู่ฟากฟ้า และในช่วงที่เครื่องขึ้น สำหรับคนที่กลัวเครื่องบินแบบจองฮวา นี่คงเป็นวินาทีที่ระทึกขวัญและน่าอับอายที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเธอ...... เธอกำมือของซูยองแน่น หลับตาปี๋ และพยายามเอาร่างสูงๆของเธอไปมุดและซบซูยองที่ตัวเล็กกว่า ส่วนซูยอง ที่บอกว่าตัวเองกลัวความสูงกลับไม่รู้สึกกลัวอะไรเลยซักนิด...
-------------------
8.00 สนามบินเกาะเชจู
พวกเขาใช้เวลาบนเครื่องบินประมาณ 1ชั่วโมง ทางฝั่งของเด็กฝึกชายนั้นได้ที่นั่งคนละฝั่งกับเด็กฝึกหญิง จองฮวาเลยโชคดีที่ไม่มีใครเห็นสภาพอันน่าอดสูของเธอมากนัก โดยตลอดเวลาบนเครื่องบิน ฮยองซานพยายามอย่างมากในการทำอะไรก็ได้เพื่อไม่ให้เกาเร็นหลับเพราะกลัวว่าเสียงของเขาจะไปรบกวนคนอื่นๆ แม้ว่าเกาเร็นจะบอกว่าเขาจะกรนแบบนั้นแค่ตอนที่นอนกับที่นอนเท่านั้น แต่ฮยองซานก็เชื่อว่าปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า หลังจากลงเครื่องบิน คิมจีฮุนก็พาเด็กฝึกชายมานั่งรอที่มุมนึงในสนามบิน
“พวกเธอนั่งรอแถวๆนี้นะ เดี๋ยวชั้นไปตรวจเช็คอุปกรณ์กับทีมงานก่อน”
คิมจีฮุนบอกพวกเขาก่อนที่จะเดินหายไปดูเหมือนพวกเขาจะต้องรอพวกทีมงานเช็คสัมภาระกันก่อน และดูเหมือนรถตู้ของพวกเขาจะยังมาไม่ถึงด้วย ที่ๆพวกเขานั่งรอนั้นอยู่ห่างจากคนอื่นๆรวมถึงทีมงานอยู่พอสมควร พวกเขาไม่เห็นเด็กฝึกหญิงบางทีพวกเธออาจจะไม่ได้มานั่งรออยู่แถวๆนี้ หรือบางทีพวกเธออาจไปหาอะไรกินก็ได้
“นี่ฮยองซานไปซื้อน้ำเปล่าให้หน่อยสิ” แทกึนที่รู้สึกคอแห้งพุดพร้อมให้เงินฮยองซาน
“ไปซื้อเองสิ” ฮยองซานรู้สึกไม่พอใจเท่าไร
“นายน่ะเป็นน้องเล็กของพวกเรานะ นายต้องดูแลพี่ๆสิ” แทกึนพูด
“ทำไมอยู่ดีๆถึงเอาระบบอวุโสมาใช้งานชั้นแบบนี้ล่ะ สมชายก็เกิดปีเดียวกับชั้นนะ” ฮยองซานพยายามขอความเป็นธรรม
“แต่ผมเกิดต้นปีนะครับ ฮยองซานเกิดท้ายปีนี่” สมชายที่พูดเกาหลีคล่องขึ้นพูดกับฮยองซาน
“นายเปลี่ยนโชคชะตาไม่ได้หรอกฮยองซาน ซื้อให้ชั้นกับสมชายด้วย” ซอนอินที่นั่งถัดไปก็คอแห้งเช่นกัน
“นี่นาย! ไหนบอกไม่ชอบระบบอวุโสไง” ฮยองซานพูดกับซอนอิน
“ชั้นน้ำผลไม้นะ” เกาเร็นก็เอาด้วย
“เหอะ! เหลือแค่นายแล้วนะ แทฮยอง ว่าไงจะเอาน้ำอะไรล่ะ?” ฮยองซานดูสิ้นหวัง
“เอาน้ำอะไรก็ได้แล้วแต่นายหยิบเลย” แทฮยองดูจะมีสมาธิกับการอ่านบทมากกว่า
ฮยองซานดูหัวเสียก่อนจะเดินไปซื้อน้ำที่ร้านสะดวกซื้อในสนามบิน สำหรับฮยองซานผู้ที่อายุน้อยที่สุดนั้น เขามักจะถูกคนอื่นๆใช้งานแบบนี้อยู่บ่อยๆ เพราะว่าพอเริ่มสนิทกันมากขึ้น การจะใช้ใครไปทำอะไร ก็เริ่มไร้ซึ่งการเกรงใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ ฮยองซานที่อายุน้อยสุดก็เลยต้องตกเป็นผู้รับกรรมอยู่บ่อยครั้ง เขาเดินมาถึงร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะพบกับสาวตัวเล็กผมสีน้ำตาล หน้าตาดูคุ้นๆ เธอก็กำลังซื้อของอยู่เหมือนกัน
“ไง ซูยอง” เขาทักทายเธอ
“อ่าวฮยองซานมาซื้ออะไรหรอ” ซูยองถามเขา
“มาซื้อน้ำน่ะ พวกนั้นใช้ชั้นอีกแล้วล่ะ เธอก็เหมือนกันซินะ”
“เปล่านะ ชั้นก็แค่อาสามาเอง พวกเราน่ะไม่เคยคิดถึงเรื่องอายุเลย” ซูยองตอบแบบเท่ๆ
“เห้อออ น่าอิจฉาจังนะ ว่าแต่ซื้อยาดมไปทำไมล่ะ?”
ภายในตะกร้ามียาดมอยู่ด้วย ทำให้ฮยองซานอดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าเด็กสาววัยรุ่นอย่างเธอจะซื้อมันไปทำไม แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากนัก ฮยองซานกับซูยองไปโรงเรียนด้วยกันทุกเช้า ทำให้พวกเขาสนิทกันไปตามสถานภาพ ตอนอยู่ที่โรงเรียน ซูยองเคยใช้เวลาว่างสอนฮยองซานเต้นด้วยซ้ำไป พวกเขาเหมือนเพื่อนสนิทที่คุยกันได้ทุกเรื่อง สำหรับฮยองซานเขามองซูยองเป็นเพื่อนชายอีกคนนึงไปแล้วเพราะภาพลักษณ์ที่ดูแมนๆเท่ๆของเธอ
หลังจากซื้อของที่ต้องการเสร็จ ฮยองซานก็แยกกับซูยอง เขาก็เดินกลับมาที่ที่เหล่าเด็กฝึกชายนั่งรออยู่ พวกเขาหยิบน้ำที่ตัวเองสั่งไปและดื่มมันอย่างเอร็ดอร่อย พวกเขารออยู่ซักพักก่อนที่ทีมงานจะเช็คสัมภาระเสร็จและรถตู้ก็มาถึงหลังจากนั้นไม่นาน รถที่จ้างไว้มีแค่3คันเนื่องจากพวกเขาไม่ใช่กองถ่ายที่ใหญ่เท่าไร โดยเด็กฝึกทั้งชายและหญิงได้นั่งรถคันเดียวกันทั้งหมดเนื่องจากจำนวนคนพอดีกับที่นั่ง โดยเด็กฝึกหญิงนั่งแถวหน้า3คนซึ่งพอดีกับจำนวนเบาะ ส่วนเด็กฝึกชายก็นั่ง2แถวที่เหลือ แทฮยอง ซอนอิน เกาเร็น นั่งแถวที่2 สมชาย ฮยองซาน แทกึน นั่งแถวหลังสุด ทันทีที่รถเริ่มแล่นพวกเขาก็เริ่มหาเรื่องพูดคุยกัน
“พวกเธอสามคนมีใครขึ้นเครื่องบินครั้งแรกบ้าง” ซอนอินพูดขึ้นมา
“ชั้นกับจองฮวาค่ะ” ซูยองตอบ
“งั้นหรอ พวกเธอกลัวกันมั้ย?” ซอนอินถามต่อ
“ม่ะ ไม่กลัวหรอก ก็แค่เครื่องบินเองนี่ ฮะฮ่า” จองฮวารีบตอบด้วยท่าทีมีพิรุธ
“แล้วพวกนายล่ะ” กาอินถามฝั่งเด็กฝึกชายบ้าง
“นอกจากสมชายกับพี่เกาเร็นก็มีแค่ชั้นที่เคยนั่ง”
“จริงๆมันก็ตั้งแต่สมัยถ่ายซีรี่ย์ตอนเด็กๆแล้วล่ะ มาที่เชจูเนี่ยแหละ”แทฮยองตอบ
“เออนี่ แทฮยองอ่านบทแล้วใช่มะ” จองฮวาถาม
เนื่องจากแทฮยองได้รับบทพระเอก ส่วนจองฮวาได้รับบทนางเอก พวกเขาทั้งสองคนเลยต้องพูดคุยละลายพฤติกรรมกันก่อนถ่าย จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดเวลาเล่นด้วยกัน แม้ว่าสุดท้ายแล้วบทพูดส่วนใหญ่จะถูกตัดเสียงออกก็จริง แต่นั่นก็หมายความว่าพวกเขาต้องพยายามเข้าใจอารมณ์ของตัวละครให้ดี จะได้สื่อสารมันออกมาผ่านสีหน้าและท่าทาง ส่วนคนอื่นๆก็ได้รับบทแตกต่างกันไป โดยเกาเร็นที่ได้ร่วมแร็ปด้วย ได้แสดงเป็นอาจารย์ แม้ว่าเขาจะถูกล้อก็ตามแต่เขาก็พยายามเข้าถึงตัวละครเต็มที่ ส่วนคนอื่นๆอย่าง แทกึน ฮยองซาน และ สมชาย ก็ได้แสดงเป็นกลุ่มเพื่อนของแทฮยอง ในขณะที่ ซอนอินได้แสดงเป็นตัวร้ายที่คอยแกล้งนางเอกอย่าง จองฮวา และ กาอินกับซูยอง ก็ได้แสดงเป็นกลุ่มนักเรียนสุดเนิร์ด เพื่อนของจองฮวา
“บทของนาย ก็เด่นอยู่นะ ซอนอิน” แทกึนพูดระหว่างอ่านบท
“ออกมาเด่นแค่2ฉากแรก หลังจากนั้นก็ตัวประกอบเหมือนนายแหละ” ซอนอินพูด
“พูดได้ตรงดีนะซอนอิน”
แทกึนพูดในขณะที่สายตากำลังก้มอ่านบทของเขา พวกเขานั่งรถกันซักพัก ทุกคนต่างคุยกันต่างสนุกสนาน เนื่องจากพวกเขาฝึกอย่างต่อเนื่องกันมานาน การมาที่นี่จึงเป็นเหมือนกับการพักผ่อนสำหรับพวกเขา รถเดินมาทางจอดที่สถานที่นึง มันเป็นโรงแรมสำหรับให้นักท่องเที่ยวเช่า มันอยู่ห่างจากชายหาดเพียงแค่นิดเดียว ภายในนั้นมีร้านอาหารทะเลขนาดใหญ่อยู่ คิมจีฮุนและคณะทีมงานเข้าไปติดต่อเรื่องห้องที่พวกเขาจองไว้ ก่อนจะสั่งให้ เหล่าเด็กฝึกเอาสัมภาระไปเก็บที่ห้อง ตอนนี้เป็นเวลา เกือบๆจะ9โมงเช้าแล้ว
“เด็กๆเอาของไปเก็บที่ห้อง แล้วเดี๋ยวลงมากินข้าวกันตอน 9โมงครึ่งละกันนะ”
เขาพูดก่อนจะให้กุญแจห้องกับตัวแทนเด็กฝึกชายอย่างแทฮยอง และตัวแทนเด็กฝึกหญิงอย่างกาอิน พวกเขาขึ้นลิฟท์ไปหยุดที่ชั้น4 ทั้ง2กลุ่มต่างแยกย้ายกันไปตามห้องของตน โดยพวกเขาทั้ง2กลุ่มได้ห้องริมสุดทั้งคู่ แต่ว่าอยู่คนละฟั่ง
--------------------------
9.00 น. โรงแรมห้อง 410 ห้องเด็กฝึกชาย
ภายในห้องเป็นห้องที่ทั้งกว้างและใหญ่กว่าห้องของพวกเขาที่หอพักมาก โดยห้องที่หอพักของพวกเขานั้นถูกออกแบบมาให้อยู่แค่2คน แต่ในห้องนี้นั้น ขนาดเข้ามาหมดทั้ง6คนก็ยังมีที่เหลืออยู่ด้วยซ้ำไป มองไปนอกหน้าต่างมันคือวิวของชายหาดและทะเลที่สวยงามในฤดูใบ้ไม้ผลิของเกาะเชจู ทันทีที่เข้ามาพวกเขาก็เริ่มจัดการกับสัมภาระของตัวเอง จะมีก็แต่ฮยองซานกับซอนอินที่ล้มตัวลงนอนบนที่นอนอย่างสนุกสนาน
“เตียงนี่นุ่มชะมัด อยากอยู่นานๆจังแหะ” ฮยองซานรู้สึกประทับใจมาก
“พวกนายรีบๆเก็บของเร็วเข้า เดี๋ยวต้องลงไปกินข้าวอีกนะ” แทฮยองบอกเพื่อนๆของเขา
“บรรยากาศแบบนี้มันต้องไอนี่”
ซอนอินพูดก่อนจะหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้ของเขา มันซองของผงชามะนาว เขาใช้กาน้ำร้อนภายในห้องต้มน้ำก่อนจะชงมันและออกไปนั่งจิบชิลๆที่ระเบียง วันเวลาเหล่านี้ช่างเป็นวันที่ดีซะจริงๆ พวกเขาใช้เวลาที่เหลือในการพักผ่อนและอ่านบทของตัวเอง เขาว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็ว มันคงเป็นเรื่องจริง ไม่นานนักเวลาก็ดำเนินมาถึงเวลานัด พวกเขาออกจากห้องไปเตรียมไปทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารภายในโรงแรมแห่งนี้ โดยรวมมันเป็นโรงแรมที่ใหญ่และหรูหรามากทีเดียว มีนักเที่ยวจากต่างประเทศมาใช้บริการเยอะเหมือนกัน พวกเขาทั้งหมดล้วนมีความสุขกับทริปนี้มาก
“เอาล่ะ หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ไปพักผ่อนกันซักครึ่งชั่วโมง”
“หลังจากนั้นเราจะไปทำงานกันแล้วนะ อย่าลืมล่ะว่าเรามาที่นี่ทำไม” คิมจีฮุนพูดขึ้น
“ใช่ เรามาเที่ยวกันอยู่แล้ว” คิริฮาระผู้เฮฮาพูดขึ้น
“ถ้างั้นชั้นส่งนายไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นแล้วไม่ต้องกลับมาอีกดีมั้ย?” คิมจีฮุนพูดหยอกล้อเขา
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างผ่อนคลายและสนุกสนาน หลังจากทานอาหารเสร็จเหล่าเด็กฝึกก็ตอบรับคำสั่งของคิมจีฮุนอย่างขันแข็ง ก่อนจะแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวรวมถึงเตรียมตัวการทำงานที่จะเกิดขึ้นต่อไป
-------------------
10.10 น. โรงเรียนแห่งนึง
พวกเขาใช้เวลานั่งรถกันประมาณ 10นาทีเท่านั้น ซึ่งถ้าใช้วิธีเดินเท้า ก็คงประมาณ30นาที แต่เนื่องจากอุปกรณ์การถ่ายทำที่มีมากก็คงไม่เหมาะที่จะใช้วิธีเดินเท่าไร มันเป็นโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนึง ที่ทางบริษัทได้ติดต่อขอสถานที่ถ่ายไว้ มันเป็นโรงเรียนธรรมดาๆทั่วไป แต่ที่แตกต่างจากทั่วไปก็คือ จากโรงเรียนคุณสามารถมองเห็นทะเลได้อย่างชัดเจน และเพราะแบบนั้นทำให้โรงเรียนธรรมดาๆกลายเป็นโรงเรียนที่สวยงามและโรแมนติกมาก มีนักเรียนบางคนอยู่ที่นี่ พวกเขาคงมาติดต่ออะไรกันซักอย่าง และทันที่ทีมาถึง พวกเขาก็เริ่มเตรียมตัว เซ็ทกล้อง เซ็ทไฟ และที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือฝ่ายแต่งหน้าแต่งตัว พวกเขาใช้ห้องว่างๆ2ห้องของโรงเรียนเป็นห้องสำหรับงานนี้ พวกเขาแยกห้องแต่งหน้าแต่งตัวของเด็กฝึกชายและหญิงออกจากกัน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พวกเขาเข้าไปซักพักแล้วก็ทยอยแต่งเสร็จกันทีละคน
“สวัสดีครับ อาจาร์ยเกาเร็น” ซอนอินทักเพื่อนชาวจีนของเขาที่อยู่ในชุดครู
“เอาแต่แซวคนอื่นเหมือนเดิมนะนายเนี่ย”
“แต่ชุดนักเรียนของฝ่ายออกแบบนี่ทำออกมาได้ดีจริงๆแหะ”
"ชุดพนักงานออฟฟิชธรรมดาๆของชั้นเทียบไม่ได้เลย"
เกาเร็น พูดหลังจากมองดูเครื่องแบบนักเรียนที่ซอนอินใส่ มันออกมาดูดีไม่แพ้เสื้อผ้าแฟชั่น มันเป็นชุดคล้ายๆกับชุดสูท สีออกน้ำเงินเข้มมีโลโก้ของบริษัทติดอยู่ที่ตำแหน่งสัญลักษณ์โรงเรียนที่อกด้านซ้าน เหมือนกับเป็นการบอกว่าพวกเขาคือนักเรียนของโรงเรียน KJH พวกเขาไม่ได้ติดกระดุมที่ตัวสูท ทำให้เห็นเสื้อสีขาวกับเน็คไทที่อยู่ข้างในและกางเกงขายาวสีครีม นั่นทำให้คนที่ตัวสูงและขายาวแบบสมชายหรือฮยองซานใส่มันแล้วออกมาดูเท่ดีมาก
“นี่ นายดูหมอนั่นสิ” แทกึนพูดกับฮยองซานก่อนจะชี้ไปที่แทฮยอง
“โอ...ให้ตายสิ หมอนี่มันหล่อจริงๆด้วยแหะ” ฮยองซานที่หันไปเห็นแทฮยองรู้สึกอิจฉาหน่อยๆ
ภาพที่เขาเห็นคือชายหนุ่มรูปงาม ทั้งใบหน้าและรูปร่างต่างสมส่วนกันไปทั้งหมด ถ้าเทียบกับคนอื่นๆต้องบอกว่าวันนี้แทฮยอง ออร่ามาเต็มจริงๆและด้วยความที่เป็นพระเอก ช่างแต่งหน้าจึงดูพิถีพิถันกับเขามากกว่าที่แต่งให้คนอื่นๆ ในขณะที่อีกฝั่งนึงช่างแต่งหน้าก็กำลังงุนงงว่าเขาควรจะทำยังไงกับเด็กฝึกคนนี้ดี
“นี่ชั้นควรจะใช้วิธีแต่งแบบผู้หญิงหรือแบบผู้ชายดีนะ” ช่างแต่งหน้าคนนึงเกิดอาการสับสนขึ้นมา
“แบบผู้ชายแหละครับ “ สมชายสหายหน้าสวยตอบอย่างมาดแมน
“นี่ สมชายจริงๆถ้านายไปแต่งหญิงล่ะก็ เผลอๆจะสวยกว่าจองฮวาอีกนะ” ซอนอินเดินมาพูดกับรูมเมทของเขา
“นายก็พูดเกินไป ยังไงหมอนี่มันก็เป็นผู้ชายนะ” แทกึนที่เดินเข้ามาร่วมสนทนาด้วยพูดขึ้นมา
หลังจากนั้นไม่นานพวกเด็กฝึกชายก็แต่งหน้าแต่งตัวกันจนเสร็จทีมงานจากกองถ่ายคนนึงเดินมาเรียกพวกเขาให้ไปเข้าซีนได้ เหล่าเด็กฝึกชายนำโดยสุดหล่อแทฮยอง พวกเขาพากันเดินออกมาจากห้องแต่งตัวห้องพวกเขาขึ้นมาที่ชั้น2 ซึ่งเป็นชั้นที่มีห้องเรียนมากมาย โดยซีนแรกเป็นซีนที่เกิดขึ้นตรงทางเดิน จะเป็นฉากที่ซอนอินแกล้งจองฮวา แล้วแทฮยองก็จะเดินมาช่วย
“นางเอกมาแล้วครับ” ทีมงานคนนึงเช็คตัวแสดง
ภาพที่เห็นคือเหล่าเด็กฝึกหญิงในชุดนักเรียนเดินเข้ามาที่ในสถานที่ถ่ายทำ สำหรับซูยองการใส่ชุดนักเรียนของเธอถือว่าเป็นเรื่องปรกติ แต่กับกาอิน แม้ว่าเธอจะเข้ามหาลัยแล้ว แต่การที่ใส่ชุดนักเรียนแบบนั้นมันดันเหมาะสมกับเธอมากๆด้วยหน้าตาที่น่ารักและร่างกายที่เล็กของเธอบวกกับชุดสูทคล้ายๆแบบของผู้ชายแต่ฝ่ายหญิงจะใส่กระโปรงสีครีมถึงประมาณหัวเข่า ติดกระดุมชุดสูทที่ตัดมาพอดีตัว ที่คอเสื้อด้านในมีโบว์ไทติดอยู่ ถุงเท้าสีดำที่ดึงขึ้นสูง และที่ขาดไม่ได้ของงานนี้ มันเป็นภาพของหญิงสาวผมสีเขียวหม่น รูปร่างดีเหมือนนางแบบ จริงๆแล้วเธอเป็นคนหน้าตาดี แต่ด้วยบทสาวเนิร์ดทำให้เธอต้องใส่แว่นและแต่งหน้าด้วยการทาขอบตาดำทำให้ดูโทรมๆ
“ที่ชั้นบอกถ้านายแต่งหญิงแล้วจะสวยกว่าจองฮวา”
“มันเป็นความจริงเห็นมั้ย” ซอนอินที่พูดกับสมชาย
“นั่นมันเพราะการแต่งหน้านะครับ” สมชายพูดกับซอนอิน
“โอ๊ะ! พวกนายดูดีกว่าที่คิดนะ” กาอินที่เดินมาใกล้ๆพูดพร้อมยกนิ้วโป้งให้กับฝั่งชาย
“เอาล่ะ เลิกคุยกันได้แล้วจะเริ่มล่ะนะ เตรียมตัวเข้าฉากได้”
เสียงของผู้กำกับพูดก่อนที่พวกเขาเริ่มซีนแรกกันทั้งแบบนั้น จองฮวาที่แสดงเป็นสาวเนิร์ดใส่แว่นตายืนกอดหนังสือของเธอแน่น เธอกำลังถูกแกล้งโดยซอนอิน โดยเทคแรกๆ ซอนอินมักจะหลุดขำบ่อยๆ เนื่องจากฉากนี้เป็นฉากที่แสดงกันแค่2คน คงทำให้ทั้งคู่รู้สึกเขินอายซึ่งกันและกันพอสมควร แต่พอผ่านไปซักพักพวกเขาก็เริ่มคุ้นชินกับบรรยากาศในกองถ่าย ทำให้การแสดงในซีนแรกออกมาดีจนได้ และมาถึงซีนที่สอง เป็นซีนที่แทฮยองออกมาช่วยจองฮวาจากซอนอิน เขาผลักซอนอินที่ในเนื้อเรื่องซอนอินได้แกล้งจองฮวาโดยการเอาหนังสือที่เธอกอดมาโยนลงพื้น เขาผลักซอนอินออกไปและช่วยจองฮวาเก็บหนังสือ โดยในจุดนี้ทั้งคู่จะต้องมองตากันประมาณ3วินาที ตามสูตรฉากโรแมนติกในละคร
“ดูนั่นสิ ชั้นจะทนไม่ไหวแล้วนะ หวานเลี่ยนตั้งแต่ซีนแรกแบบนี้” ฮยองซานที่ยืนตัวบิดเบี้ยวรู้สึกเขินแทนทั้งคู่
แทฮยองและจองฮวาสบตากันในระยะแค่เพียงประมาณ1คืบเท่านั้น และด้วยซีนนั้นทำให้ฮยองซานถึงแทบจะเป็นบ้าด้วยความเขิน ด้วยฝีมือในการแสดงของทั้งคู่ ทำให้ซีนนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ พวกเขาถ่ายทำฉากอื่นๆกันแบบนั้นไปเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง สรุปคร่าวๆก็เป็นแทกึนที่ถ่ายไปหลายเทคที่สุดแม้ว่าเขาจะไม่มีซีนเดี่ยวเลย แต่การแสดงของเขาก็ยังแข็งทื่อในบางซีน จนมันเตะตาแปลกๆทำให้ต้องเล่นใหม่ไปหลายรอบ ส่วนฮยองซานกับสมชายก็ทำออกมาได้ตามปรกติไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไร แต่หน้าตาสวยๆของสมชายทำให้เขาดูขโมยซีนแปลกๆ พวกเขาสามคนจะเข้าซีนกับแทฮยองซะส่วนมาก บทบาทก็ประมาณกลุ่มนักเรียนสุดฮอตประจำโรงเรียนอะไรแบบนั้น ซึ่งจริงๆบทของทั้ง3คนเหมือนจะมีไว้เพื่อทำให้แทฮยองดูโดดเด่นขึ้นมากกว่า ส่วนทางด้านเกาเร็น เขามีซีนเดี่ยวสำหรับท่อนที่เขาแร็ป เป็นซีนที่เกาเร็นทำการแสดงโดยมีพื้นหลังเป็นกระดานดำ ทีมงานบอกว่าจะมีการไปทำวิดิโอกราฟฟิกในซีนนี้ภายหลัง แม้ว่าเกาเร็นจะไม่เห็นกราฟฟิกที่ทีมงานพูดถึงแต่เขาก็พอจะจินตนาการได้ เขาเลยทำการแสดงโดยต้องจินตนาการกราฟฟิกที่ว่านั่นตามไปด้วย ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี
“ต่อไปซีน นางเอกอยู่เพื่อนสาว แล้วพระเอกเดินผ่านนะครับ” ทีมงานคนนึงพูดซีนต่อไป
หลังจากถ่ายฝั่งผู้ชายไปซักพัก ก็ถึงซีนของฝ่ายหญิงบ้าง มันเป็นซีนเล็กๆที่นางเอกกำลังอ่านหนังสือกับเพื่อนเนิร์ดๆของเธอทั้ง2คนในห้องสมุด แล้วแทฮยองเดินผ่านหน้าห้องสมุดที่พวกเธอนั่งอยู่ จองฮวาต้องทำท่ามองไปที่แทฮยองด้วยสีหน้าเขิน ส่วนกาอินกับซูยองก็ต้องทำท่ามองตามจองฮวาอีกที ซึ่งทั้ง3คนก็ทำออกมาได้น่ารักทีเดียว มีหลายต่อหลายต่อหลายฉากที่ถ่ายกันในวันนี้ พวกเขาถ่ายทำกันทั้งวันจนตกเย็นและแสงก็ใกล้จะหมดเข้าไปทุกที พวกเขาถ่ายทำกันมาตั้งแต่เช้าโดยไม่มีหยุดพักเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงตามที่วางแผนไว้ แม้ว่าจะมีอุปสรรคหลายอย่างแต่ด้วยความขยันขันแข็งและฝีมือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของทีมงาน ทำให้การถ่าย MV นี้ดำเนินมาถึงฉากสุดท้ายแล้วจนได้ โดยฉากนี้ขึ้นไปถ่ายกันที่ดาดฟ้าของโรงเรียน เป็นฉากสารภาพรัก
-----------------------
17.00 น. ดาดฟ้าของโรงเรียน
“ฉากสุดท้ายแล้วนะครับ” ทีมงานคนเดิมพูดขึ้น
“เฮ้อ วันนี้เหนื่อยชะมัด”ซอนอินที่ไม่ได้มีซีนมากเท่าไรบ่น
“แทฮยองกับจองฮวาน่ะ ถ่ายมากกว่านายตั้ง2เท่ายังไม่บ่นเลย” เกาเร็นพูดกับเพื่อนของเขา
“เนื้อเรื่องน่ารักดีนะ สาวเนิร์ดที่พยายามทำให้ตัวเองสวยขึ้นเพื่อพิชิตใจชายในฝัน” ฮยองซานพูดถึงเนื้อเรื่องของMV
“แบบนั้นมันเก่าไปแล้วไม่ใช่รึไง ยุคนี้มันต้องแบดบอยหน่อยๆสิ” ซอนอินที่ได้รับบทเด็กเกเรออกความเห็น
“นายไม่ได้พูดแบบนั้น เพราะนายได้บทเด็กเกเรใช่มั้ย?” แทกึนหันมาพูดกับซอนอิน
“เมื่อไร จองฮวาจะมานะ” ฮยองซานที่กำลังรอการถ่ายทำพูดขึ้น
“เธอต้องไปแต่งหน้าใหม่น่ะ น่าจะใกล้มาแล้วนะ” แทฮยองที่เตรียมพร้อมเข้าฉากแล้วพูดขึ้น
หลังจากที่แทฮยองพูดแค่แปปเดียว ทีมงานก็พาจองฮวามาที่ดาดฟ้าจนได้ เนื้อเรื่องของMV มันเกี่ยวกับการความพยายามพัฒนาความสวยของตัวเอง โดยจองฮวาที่เริ่มชอบแทฮยองในบท เธอได้ปรึกษาเพื่อนของเธออย่างกาอินกับซูยอง เรื่องความสวยความงาม และเริ่มพัฒนาความสวยขึ้นมาทุกๆซีน จากตอนแรกที่จองฮวาต้องใส่แว่นและหน้าสด หรือจริงๆมันคือการแต่งหน้าให้ดูโทรมนั่นแหละ แต่ว่าพอมาถึงฉากสุดท้ายเธอได้ถอดแว่นออก แล้วก็แต่งหน้าให้ออกมาสวย เธอเป็นคนที่มีบุคลิกดี หุ่นดีและดูสง่างาม บวกกับชุดนักเรียนแบบนั้น ทำให้จองฮวาในตอนนี้สามารถทำดาเมจให้หนุ่มๆได้มหาศาล
“ที่บอกว่านายสวยกว่าชั้นถอนคำพูดเลยว่ะ” ซอนอินที่จ้องตาไม่กระพริบพูดกับสมชาย
“สวยมากเลยนะครับคุณจองฮวา” สมชายพูดกับจองฮวา
“แหมๆ ชั้นเขินนะ” จองฮวารู้สึกเขินที่สมชายพูดกับเธอ
หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้าฉากกันเป็นฉากสุดท้าย มันก็ไม่มีอะไรมาก มันเป็นฉากที่จองฮวาจะมาสารภาพรักกับแทฮยองบนดาดฟ้า ฉากนี้เป็นฉากเดียวที่จะไม่มีการตัดเสียงออก มันเป็นซีนสุดท้ายหลังจากที่เพลงจบไปแล้ว เริ่มมาที่จองฮวาเปิดประตูดาดฟ้าเข้ามา และพบแทฮยองกำลังเดินรออยู่ มันเป็นบรรยากาศตอนเย็น ที่ท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีส้ม และดวงอาทิตย์เริ่มจะหย่อนคล้อยลงมา
“แทฮยอง... ชั้นมีเรื่องจะบอก” จองฮวาพูดบทของเธอ
“อืม ชั้นก็มีเหมือนกัน” แทฮยองพูดสวนกลับมา
“อะไรหรอ?”
จองฮวาทำท่าทีตกใจที่แทฮยองสวนกลับมาแบบนั้น หลังจากที่แทฮยองพูดเขาก็เริ่มเดินเข้ามาใกล้จองฮวาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆจองฮวาที่รู้สึกตกใจก็ถอยหนีเขา จนหลังของเธอไปติดที่ประตู แทฮยองเดินเข้ามาใกล้เธอมาก จองฮวาไม่สามารถขยับตัวถอยหลังไปไหนได้อีก จองฮวาคิดว่าแทฮยองโกรธอะไรเธอรึเปล่า ก่อนที่แทฮยองจะเลื่อนใบหน้าของเขาลงมาใกล้ๆกับใบหน้าของเธอ
“ทำอะไรน่ะ แทฮยอง” จองฮวาถามด้วยท่าทีเขินอาย
“แว่นเธอหายไปไหนแล้วล่ะ?” แทฮยองถามแปลกๆ
“อ๋อ อยู่ในกระเป๋าเสื้อนี่แหละ รอแปปนะ”
จองฮวาพูดก่อนจะหยิบมันขึ้นมาออกจากกระเป๋าเสื้อของเธอ และยื่นให้แทฮยองดู แทฮยองหยิบมันไปจากมือของเธอ เขากางขาแว่นออกแล้วสวมมันให้กับจองฮวา
“โป๊ะเชะ! อย่างที่คิดจริงๆด้วย”
“เธอน่ะเหมาะกับแบบนี้ที่สุดแล้ว...”
“เธอไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองให้ดูสวยขึ้นหรอก”
“เพราะชั้นชอบเธอที่เป็นแบบนี้มากกว่า” แทฮยองยิ้มแล้วก็พูดออกมาแต่จองฮวาที่ได้ยินแบบนั้นกลับทำหน้าเศร้า
“....ชอบน่ะ.. แบบเพื่อนสินะ....” จองฮวาที่ใส่แว่นและหลังชนฝาพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ใช่ในฐานะเพื่อนชั้นชอบเธอมาก” แทฮยองตอบตามความจริง
“แล้วที่บอกมีเรื่องมาบอกน่ะคืออะไรหรอ?” แทฮยองถามกลับ
“เปล่าหรอกไม่มีอะไร?”
จองฮวาพูดก่อนจะทำท่าหันหลังกลับ ในซีนนี้แม้ว่าจะไม่ได้เขียนไว้ว่าให้เธอร้องไห้ แต่เธอกลับร้องมันออกมาจริงๆ มันเป็นอารมณ์ที่ผิดหวังในก็เศร้าในเวลาเดียวกัน เธอพยายามที่จะทำตัวให้สวยขึ้นถึงขนาดนี้เพื่อคนที่เธอชอบ แต่เขากลับบอกว่าชอบเธอแบบเพื่อน แถมบอกให้เธอกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก จองฮวาหันหลังกลับและเตรียมเปิดประตูที่ติดอยู่ด้านหลังของเธอ เธอบิดลูกบิดและพยายามดึงมันเข้าหาตัวเองเพื่อเปิดประตู ทันใดนั้นเอง แทฮยองก็เอามือของเขาไปผลักประตูไว้ ไม่ให้เธอหนีไปไหน และนั่นทำให้ตัวของจองฮวาอยู่ในอ้อมแขนเขา แม้ว่าจองฮวาจะพยายามดึงประตูแค่ไหนก็ไม่สามารถสู้แรงของแทฮยองได้
“ถ้าเธอไม่มีอะไรจะบอกชั้น ถ้างั้นช่วยฟังที่ชั้นจะบอกเธอด้วยนะ” แทฮยองพูดเพื่อให้เธอหยุด
“พอเถอะ ชั้นไม่อยากรู้อะไรแล้ว” จองฮวาพูดพร้อมร้องไห้ไปด้วย
“ฟังนะจองฮวา ชั้นชอบเธอในฐานะเพื่อนมาก….”
“...ชอบมากจริงๆ…”
“….ชอบซะจนไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธออีกแล้ว.....”
“...จองฮวา ชั้นชอบเธอ...”
“...เป็นแฟนกันนะ...”
“…….”
“เยี่ยมมาก!! ปิดกองได้!”
เสียงผู้กำกับดังขึ้น ทีมงานรวมถึงเด็กฝึกหัดต่างปรบมือกันยกใหญ่ จบการถ่ายMV ไปด้วยฉาก “ถูกสารภาพรักในขณะที่หันหลัง” แทฮยองและจองฮวาแสดงได้ดีมากในฉากนี้ การถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยดี ทีมงานรีบเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน เด็กฝึกหัดทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเป็นเสื้อของพวกเขาเอง พวกเขาจะกลับไปทานอาหารเย็นที่โรงแรมกัน
“จบตอนที่ 9
------------------------
ตอนต่อไป
-ค่ำคืนที่เกาะ เชจู จะมีอะไรพิเศษๆรึไม่?
----------------------------
ชุดนักเรียนประมาณนี้ครับ
|
|