Post by AkashiSeijuro on May 24, 2018 13:10:15 GMT
Chapter 9 : Atlantis
แฮก แฮก….
เหล่าบรอนซ์เซนต์ทั้ง 7 คนกำลังเดินทางไปที่หุบเขาจามิล ตามคำบอกของเวอร์โก กฤษณะ และในตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในหุบเขา ซึ่งถ้าผ่านไปได้ก็จะถึงหุบเขาจามิล หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเซนต์
“เห้ออ... เหนื่อยจังโว้ยยยย! เมื่อไหร่จะถึงหุบเขาจามิลที่กฤษณะบอกกันนะ” เสียงขี้เล่นของชายสวมคลอธยูนิคอร์น หรือ ทสึกาสะ เจ้าของบรอนซ์คลอธยูนิคอร์น ที่กำลังเดินทางกับเหล่าบรอนซ์เซนต์ตามคำพูดของเวอร์โก้ กฤษณะ
“คงจะผ่านไปอีกเขาหละนะ…” คายุเซนต์เพกาซัสคนปัจจุบันพูดขึ้นมา
“หา……. อีกเขาหรอเนี่ย!! โอยยยย หิวจังเลยแฮะ” ทสึกาสะยังคงบ่นอยู่
“เลิกพูดเถอะน่า ทสึกาสะ… เราต้องเดินต่อไป” ยูกิหรือเซนต์แอนโดรเมด้า บอกกับทสึกาสะ
“เห้อออ… นี่ริว เอลเลน อิซามิ ไซบะ นายไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรอพวก?!” ทสึกาสะถามกับเพื่อนที่เหลือ
“หุบปากเถอะน่า เจ้าตัวน่ารำคาญ” เอลเลนบอกกับทสึกาสะด้วยความรำคาญ
“อะไรนะ! แกเองก็ไอ้ตัวห่วงหล่อไม่ใช่หรอ!?!” ทสึกาสะเถียงกลับไป
“มาแล้วหรอ… เหล่าบรอนซ์เซนต์ พวกเรารอมานานพวกแกมานานแล้ว!”
เสียงของคนที่พูดขึ้นมาในระหว่างที่เหล่าบรอนซ์เซนต์ทั้ง 7 กำลังเดินทางอยู่นั้น มันทำให้เหล่าบรอนซ์เซนต์หยุด ก่อนที่จะหันไปตามเสียง แต่ก็ยังไม่เห็นใครก่อนที่จะมีทหารของเหล่าสเปคเตอร์มาอยู่ล้อมรอบตัวพวกเขาเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะมีสเปคเตอร์สองตัวเดินออกมาหาพวกเขา
“สวัสดีพวกบรอนซ์เซนต์… จะขอแนะนำให้รู้จัก ข้า แมนเดรก เกรกอร์ แห่งดาว ภัยนะ…..
“พูดมากปากเหม็น จงรับไปซะ ยูนิคอร์น กัลลอป!”
ทางทสึกาสะไม่ทนฟังคำพูดของเกร์เกอร์ หรือ ผู้ที่สวมเซอร์พริสแมนเดรก ก่อนจะกระโดดถีบด้วยท่า ยูนิคอร์น กัลลอปเข้าไปที่แมนเดรกโดยตรง
“เสียมารยาท! ไม่มีใครสั่งสอนหรือยังไง! ว่าต้องให้คนอื่นแนะนำตัวเองให้จบก่อน!”
เกร์กอร์จัดการปล่อยพลังสีดำทมิฬจากมือของเขาเอง โจมตีเข้าไปที่ทสึกาสะ หรือ ยูนิคอร์น พลังนั้นต้านกับยูนิคอร์น กัลลอปของทสึกาสะก่อนมันจะดันจนทสึกาสะนั้นได้ปลิวออกไปก่อนตัวของทสึกาสะจะปลิวเข้าไปติดกับต้นไม้ก่อนจะร่วงลงไปนอนที่พื้น
“ทสึกาสะ!”
เหล่าบรอนซ์เซนต์กรูเข้าไปหาทางทสึกาสะแต่ว่าเหล่ากองทหารของสเปคเตอร์กระโจมเข้ามาหาพวกเขา ทำให้เหล่าบรอนซ์ เซนต์ต้องทำการต่อสู้กับเหล่าทหารของสเปคเตอร์ ตัวของแมนเดรกนั้นก็ยืนดูอย่างสบายใจ แต่ว่าทางทสึกาสะก็พยายามลุกขึ้นมาช้า ๆ ทางแมนเดรกหรือเกร์เกอร์นั้นตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นทางทสึกาสะยังลุกขึ้นมาได้อยู่
“โอ… เป็นเพียงแค่บรอนซ์เซนต์ยังทนกับการโจมตีของข้าคนนี้ได้ด้วยแฮะ” เกรเกอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยามทางทสึกาสะ
“ชิ! การโจมตีกระจอกแบบนั้นโดนทั้งวันฉันก็ไม่เป็นอะไรหรอกน่า!” ทสึกาสะตอบกลับไป
“อืมมมม ดี… งั้นฉันขอแนะนำตัวเองอีกครั้ง ฉัน แมนเดร้ก เกรเกอร์ จากกลุ่มดาวภัยนภา แล้วนายหละ เจ้าบรอนซ์ เซนต์?” เกร์เกอร์พูดพร้อมถามทางทสึกาสะ
“ฉัน บรอนซ์ เซนต์ ยูนิคอร์น ทสึกาสะ คนที่จะมาจัดการแกตอนนี้ยังไงหละ!!” ทสึกาสะตะโกนกลับไป
“เจ้านั่นมันเล่นตามด้วยแฮะ….” เอลเลนหันมาบ่นโดยที่พวกเขากำลังรับมือกับทางกองทหารของสเปคเตอร์อยู่
“เอาหละเตรียมใจไว้ให้ดี! แมนเดร้ก” ทสึกาสะตะโกนขึ้นมาก่อนจะกระโดดพุ่งเข้าไปหาแมนเดร้กโดยทันที
-------------------------------------------------------------
วิหาร อาเธน่า
,แซงค์ทัวร์รี่
ในห้องวิหารของอาเธน่านั้น เป็นทางเอสรา หรือ โกลเซนต์ ราศีสิงห์ กำลังเข้าเฝ้าอาเธน่ากับ แอทลาส หรือ ซาจิตทาเรียส โกลเซนต์ โดยตอนนี้พวกเขาได้รอเหล่าซิลเวอร์ เซนต์ที่ออกไปตรวจตราได้กลับมารายงานความคืบหน้ากับอาเธน่าหรือในร่างมนุษย์เธอก็คือ คิโดะ ซากุระ
“นี่แอทลาสคุง… อาการของอัลดีนี่เป็นยังไงบ้าง” ซากุระ หรือ อาเธน่าได้ถามกับแอทลาสเกี่ยวกับอาการของโกลเซนต์ราศีมีน หรือ พิสเซส อัลดีนี่ ในการต่อสู้กับหนึ่งในตรีฑูตอย่างการูด้า ไออาคอส
“อาการของอัลดีนี่ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องหน้าเป็นห่วงขอรับ แค่ต้องพักฟื้นร่างกายสักเล็กน้อย” แอทลาสบอกกับอัลดีนี่
“เห้อ… แต่มันก็น่าเจ็บใจนะที่มีคนคนนึงลงไปบินไปหาตรีฑูตทั้งที่ก็ตกลงไว้แล้ว แย่จริง ๆ” เอสราพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันทางตัวของแอทลาส
“นี่แกคิดจะหาเรื่องกันอีกหรือไง! เอสรา!!”
“ป่าว ๆ ฉันแค่รู้สึกเบื่อ ๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำเลย แถมภารกิจที่บลูกราดยังให้ โนเอล ทำอีก แถมเจ้านั่นยังชวนเจ้าบ้าแบเลอร์ไปอีก…. และถ้าให้ฉันเดา เจ้าแบเลอร์คงลากเจ้านั่นไปอีกหละนะ” เอสราพูดด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย
“นายหมายถึง สกอร์เปี้ยน ไมนอส หนะหรอ?” แอทลาสพูดขึ้นมา
“ก็ตามนั้นหละนะ… แต่ยังไงก็แล้วแต่ถือว่าเจ้านั่นมันก็อยากจะรับน้องใหม่ พอๆ กับฉันนี่ละ แต่จะให้พูดจริง ๆ เจ้านั่นไม่เหมาะกับการเป็นสกอร์เปี้ยน เซนต์ด้วยซ้ำ… ถึงมันจะชนะมาได้ ถึงคนจะยอมรับยังไง ฉันไม่ได้เกลียดมันหรอกนะ แต่แค่….” เอสราหยุดพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น
“นาย ยังยึดติดกับเรื่องในอดีตสินะ” แอทลาสพูดสวนขึ้นมา
“เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ มันแค่มาหลอกหลอนในความฝันของฉันเท่านั้นเองหละนะ… ยังไงซะก็รอเจ้านั่นเอาวิธีบุกวิหารลอยฟ้ามาได้ ฉันก็จะไปจัดการเจ้านั่นแค่นั้นเอง”
เอสราพูดพร้อมบิดขี้เกียจไป ทางแอทลาสมองทางเอสราที่สีหน้าดูเบื่อหน่าย เขารู้สึกว่าเอสราไม่เหมือนคนเดิมถึงแม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ทุกคนก็เห็นว่าทางเอสรานั้นจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่เมื่อเวลาผ่านไปทางเอสราก็กลับกลายเป็นคนน่าเบื่อเหมือนเดิม ดูจืดจาง ทางแอทลาสถึงจะไม่ชอบขี้หน้ากันแต่ว่าเขาก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่อยู่ข้างในใจของเอสรา รวมถึงตัวของคิโดะ ซากุระ หรือ อาเธน่า ที่เธอมองทางเอสราด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง
“นี่รุ่นพี่เอสราไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ซากุระหรืออาเธน่าถามกับเอสรา
“โอเคดีเลยละ… ฉันแค่เบื่อ ๆ รอเวลาเอาคืนพวกนั้นต่างหากละ หิหิ” เอสราหันหน้ามาพร้อมชูสองนิ้ว แต่ตัวของซากุระก็รู้ว่าทางเอสรานั้นกลบเกลื่อนความแค้นที่มีอยู่ในใจของตัวเองอยู่
“มาแล้วสินะ…” แอทลาสพูดขึ้นมาก่อนที่ทางเหล่าซิลเวอร์เซนต์ทั้งสามคน โดยมี เซเบอรัส เซนต์ที่มีร่างกายที่ใหญ่กว่าใครเพื่อน และทาง เซนทอรัส เซนต์ และมัสค่า เซนต์ หรือ คลอธ แมลงวัน ทั้งสามคนเดินเข้ามาคำนับกับอาเธน่า ก่อนที่ทางอาเธน่าจะเริ่มถามกับเหล่าซิลเวอร์ เซนต์ทั้งสามคน
“จากภารกิจลาดตระเวนมีแค่พวกท่านทั้งสามคนที่รอดมาได้ กลับมาได้ก็ดีมากแล้ว เหล่าซิลเวอร์ เซนต์ พวกท่านได้อะไรมาบ้างหรือเปล่า กับการตรวจตราครั้งนี้” อาเธน่าถาม
“ขอทำการรายงานขอรับ” เซเบอรัสเซนต์เริ่มพูดขึ้นมา
“ตอนนี้ทางเหล่าบรอนซ์ เซนต์กำลังเดินทางไปที่หุบเขาจามิล โดยตอนนี้ยังไม่มีอันตรายใดๆ” เซเบอรัสเซนต์บอกกับอาเธน่า
“สเปคเตอร์ตอนนี้ได้ไปรวมกันที่วิหารลอยฟ้า เพื่อคิดแผนการณ์ใหญ่ในอนาคต” มัสค่าเซนต์บอกต่อ
“ส่วนทางกลุ่มดาร์ค อเวนเจอร์ตอนนี้ทางคุณ คิโดะ เซนไซเอมอนได้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไป โดยยังไม่ทราบจุดหมายปลายทางที่จะไป” เซนทอรัสบอกกับอาเธน่า
“และตอนนี้จากการปะทะกันทั้งสามครั้ง ทำให้ชาวโลกเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก”
เมื่อทางซิลเวอร์ เซนต์รายงานให้กับอาเธน่าเสร็จสีหน้าของเธอก็ดูไม่ดีนัก เธอดูกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ แต่เธอก็สูดหายใจเข้าไปลึก ๆ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ
“อืมม… ขอบคุณพวกท่านที่เสียสละเวลาทำงานให้เรา เอาหละงานต่อไปของพวกท่านคือ…”
“งานต่อไปของพวกเรางั้นหรอ?”
หึหึหึ
เหล่าซิลเวอร์ เซนต์หัวเราะอย่างมีเลศนัย ทั้งสามถึงกับงงกับเหล่าซิลเวอร์ เซนต์ เมื่อผ่านไปเรื่อย ๆ เริ่มมีออร่าสีดำปกคลุมพวกเขาคลอธของพวกเขากลายเป็นสีดำ เหมือนชุดเซอร์พริสของเหล่าสเปคเตอร์ สร้างความตกตะลึงให้ทาง เอสรา แอทลาส และทางอาเธน่าเป็นอย่างมาก พวกเขาหันหน้าขึ้นมาก่อนจะพุ่งเข้าไปหาอาเธน่า
“งานต่อไปของเราก็คือเด็ดหัวของแกยังไงหละ อาเธน่า!!!!”
ทางเอสรา และ แอทลาส รีบเข้ามาดักทางเหล่าซิลเวอร์ เซนต์เข้าไว้ก่อนจะใช้พลังของพวกเขาจนทาง ซิลเวอร์ เซนต์ปลิวออกไป แต่ว่าทางซิลเวอร์ เซนต์นั้นกลับลุกขึ้นมาได้เหมือนการโจมตีเมื่อกี้เป็นการโจมตีธรรมดา ๆ
“อะไรกัน! การโจมตีเมื่อกี้ไม่เป็นผลงั้นหรอ? มันไม่ใช่พลังของเหล่าซิลเวอร์เซนต์นี่!!” แอทลาสพูดด้วยความตกใจ
“หึหึหึ ในตอนนี้โกลเซนต์ก็ไม่อาจกำจัดเราง่าย ๆ หรอกนะ!” เหล่าซิลเวอร์เซนต์พูดขึ้นมา พร้อมโจมตีเข้ามาที่เหล่าโกลเซนต์ทั้งสอง
หึ! ตลกสิ้นดี!!
ไลท์นิ่ง! พลาสม่า!!!!!
หมัดความเร็งแสงของทางเอสราพุ่งเข้าไปหาเหล่าซิลเวอร์ เซนต์เข้าไปจนเหล่าซิลเวอร์ เซนต์นั้นปลิวกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง เมื่อทางเหล่าซิลเวอร์เซนต์นอนลงไป เซอร์พริสสีดำทมิฬได้กลับไปเป็นคลอธเช่นเดิม ร่างกายของเขาพูดได้เลยว่าปางตาย ทางอาเธน่ารีบวิ่งเข้าไปหาทางเซเบอรัสเซนต์ที่นอนอยู่ เธอมองหน้าของเซเบอรัสเซนต์ ที่กำลังจะตายเต็มที เธอจับมือของเซเบอรัส หน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจ
“ที่จริงเราทั้งหมดได้ตายหมดแล้วกับการตรวจตราที่จามิล ก่อนถึงหุบเขาจามิล เราเจอวิหารแห่งหนึ่ง เราก็ได้ทำการต่อสู้กับสเปคเตอร์ ซึ่งเราถูกสเปคเตอร์ฆ่า แล้วคืนชีพมายังโลกด้วยท่านฮาเดส”
“เรารู้ดีว่าเซนต์อาเธน่าที่กลายเป็นทหารของยมเทพฮาเดส ควรตกนรกหมกไหม้”
อาเธน่า… พวกเรา….
“ไม่ต้องขอโทษฉันหรอก เหล่าซิลเวอร์เซนต์ทั้งหลาย เรารับรู้ถึงการโจมตีของพวกท่านเสียงของพวกท่าน ข้ารู้สึกถึงพลังคอสโมของพวกท่าน ตอนที่ท่านตายแล้วกลายเป็นพวกมัน
คงจะทุกข์ทรมานมากสินะ”
อาเธน่าพูดพร้อมด้วยน้ำตาแห่งความโศกเศร้า เมื่อทางซิลเวอร์ เซนต์ได้เห็นก็แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พวกเขาร้องไห้ออกมา
มือของเซเบอรัสเริ่มสลายไป รวมถึงเหล่าซิลเวอร์เซนต์ทั้งสามพวกเขาเริ่มสลายไป หน้าตาของเขาที่เต็มไปด้วยน้ำตา ร่างกายเริ่มสลายไปเป็นผุยผงโดยมีคำส่งท้ายจากพวกเขา
ต่อสู้เคียงข้างกับท่าน….
อาเธน่าเศร้าโศกกับการจากไปของเหล่าซิลเวอร์เซนต์ทั้งสาม ทางเอสราที่มองทางซากุระกำลังร้องไห้อยู่นั้นเขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
“เจ้าฮายามะ…. มันจะมากไปแล้วควบคุมคนตายอย่างงั้นหรอ!?!” เอสราพูดพร้อมกำหมัดแน่นจนเลือดอออกมาจากมือของตัวเอง
เคียวโกหรือเดอะ วอชเชอร์นั้นเดินเข้ามาในห้องของอาเธน่า เขามองเห็นควันผงสีดำของร่างซิลเวอร์ เซนต์ที่โดนทางยมเทพฮาเดสควบคุมไว้ เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเริ่มพูดขึ้นมา
“มาไม้นี้อีกแล้วสินะ…..” วอชเชอร์พูดเป็นลาง ๆ
“ทางเอสรารีบลงไปคำนับเคียวโกและอาเธน่า!”
“เคียวโก! อาเธน่า! โปรดออกคำสั่งให้ข้าไปจัดการด้วยเถอะ ขอให้ข้าได้ชดใช้ที่ต้องบีบทำร้ายพวกเรากันเองด้วยเถิด”
“อนุญาติให้ไปได้ เอสรา….” เคียวโกพูดขึ้นมา
“ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกนะ ที่จะรู้สึกเสียใจหนะ” แอทลาสพูดกับเอสราพร้อมคำนับไปที่เคียวโกและอาเธน่า
“โปรดให้คำสั่งข้าไปจัดการอีกคนด้วยเถิด” แอทลาสพูดขึ้นมา ทางอาเธน่าพยักหน้ารับ
“จงไปช่วยเหล่าบรอนซ์ เซนต์และเรียก ซิลเวอร์ เซนต์ทั้งสามที่เหลือด้วย… เราจะรวมกำลังกันอีกในไม่ช้า” เคียวโกสั่งทั้งสอง
“ขอบคุณขอรับ” โกลเซนต์ทั้งสองลุกขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากห้องโถงของอาเธน่า แต่เมื่อทางเอสรากำลังจะออกจากประตูทางเคียวโกได้พูดขึ้นมา
“เตรียมใจไว้ดี ๆ นะเอสรา…. ถ้าฮาเดสใช้เซนต์ที่ตายเป็นเครื่องมือ….” เคียวโกบอกกับเอสรามันทำให้ทางเอสรานิ่งสักพัก ก่อนจะกัดฟันด้วยความเจ็บปวด
“เข้าใจละครับ” เอสราตอบก่อนจะเดินออกไป
-------------------------------------------------------------
“มีดีแค่นี้เองหรอบรอนซ์เซนต์”
แมนเดร้ก หรือ เกร์เกอร์ ในตอนนี้กำลังบีบคอของทสึกาสะ หรือ ยูนิคอร์น เซนต์ อยู่ โดยมีเหล่าบรอนซ์ เซนต์นอนบาดเจ็บกันเกลื่อน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะจัดการลิ่วล้อของแมนเดร้กไปได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถชนะแมนเดร้กได้อยู่ดี
“อย่ามาดูถูกกันนะ!”
ทสึกาสะพูดด้วยความโกรธก่อนจะใช้เท้าดันออกมาทั้งสองคนกลับมายืนอีกครั้ง ทสึกาสะตอนนี้แค่ยืนได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว ทางแมนเดร้กมีแค่ลอยขีดข่วนเพียงนิดเดียว
“เอาหละแมนเดร้กรับการโจมตีสุดยอดของชั้น!”
ทางทสึกาสะพูดพร้อมกระโดดขึ้นมาคอสโม่ทั้งหมดที่เขามีตอนนี้รวมมาอยู่ที่ขาของเขา คอสโม่นี้ทำให้แม้แต่ทางแมนเดร้กก็ยังอึ้งเลยทีเดียว
“จงรับไปซะ! ยูนิคอร์น กัลลอป!!!!!!!!!!!!!!!!”
ทางทสึกาสะกระโดดพุ่งเข้าไปสร้างแรงระเบิดมหาศาลทาง แมนเดร้กที่ไปประมาทพลังของยูนิคอร์นก็ใช้แขนรับไว้แต่เมื่อเขามองไปที่แขนของตัวเองนั้นชุดเซอร์พริสของเขาได้เกิดรอยร้าวก่อนจะเกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่ขึ้น
ตู้มมมมมมมมมม!
เมื่อควันจางลงไป ทางเหล่าบรอนซ์ เซนต์ก็พยายามมองหาทางทสึกกาสะ พวกเขาลุ้นว่าการโจมตีเมื่อกี้มันจะสำเร็จหรือเปล่า เมื่อควันเริ่มจากลงไป เหล่าบรอนซ์เซนต์เห็นทางทสึกาสะนั้นยืนอยู่พวกเขากำลังจะดีใจ แต่ว่าสุดท้ายแล้วทสึกาสะก็คุกเข่าล้มลงไป เมื่อฝุ่นจางลงก็เห็นทางแมนเดรกนั้นยืนอยู่ เซอร์พริสของเขานั้นเกิดการเสียหายเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือแขนข้างขวาของแมนเดร้กที่รับท่ายูนิคอร์น กัลลอปนั้นได้ขาดออกไป ทางแมนเดร้กตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“มะ ไม่จริง ไม่จริง แค่บรอนซ์เซนต์เนี่ย!”
เกร์เกอร์เริ่มเกิดอาการคุ้มคลั่งเขาไม่อยากจะเชื่อว่า แค่ยูนิคอร์นเซนต์ จะสามารถทำให้เขาต้องเสียแขนของเขาไปได้ ทางเกร์เกอร์กระทืบไปที่ทสึกาสะอย่างไม่หยุดหย่อน แต่แล้วก็มีโซ่เข้ามาพันของเขาไว้ มันเป็นโซ่ของอันโดรเมดร้า หรือ ยูกิ นั่นเอง ก่อนจะมีน้ำแข็งเข้ามาปกคลุมที่ขาของเขาทำให้ขยับไม่ได้ ซึ่งนั่นก็เป็นพลังของเอลเลน หรือ ซิกนัส เซนต์
“เราจะไม่ได้แกมาทำอะไรทสึกาสะอีกแล้ว” ยูกิหรือแอนโดรเมด้าเซนต์พูดขึ้นมา
“ถึงเจ้านั่นมันจะน่ารำคาญ แต่เมื่อกี้มันก็ไม่เลวเลย” เอลเลนบอกกับแมนเดร้ก
“เอาหละริวจัดการเลย!” คายุหรือเพกาซัสเซนต์พูดขึ้นมา
“โอสสส!”
หมัดมงกรผงาดโรซัน!
เพกาซัสหมัดดาวตก!
หมัดมังกรของริว และ หมัดดาวตกของคายุพุ่งโจมตีเข้าไปที่แมนเดร้กจนทางแมนเดร้กปลิวออกไป ตัวของแมนเดร้กลอยขึ้นฟ้า ก่อนที่จะมีเสียงเสือจากัวร์คำรามออกมา ไลโอเน็ต เซนต์ หรือ อิซามิ กระโดดพุ่งเข้าไปหาแมนเดร้กที่กำลังร่วงลงมา
ไลโอเน็ต คราว!
อิซามิใช้เล็บของตัวเองตะปปทางแมนเดร้กก่อนจะพาแมนเดร้กพุ่งลงมาที่พื้น แมนเดร้กนอนอนาจ ทางไซบะ หรือ แบร์เซนต์เข้าไปแบกตัวของทสึกาสะขึ้นมา ก่อนที่ทั้งเจ็ดคนจะเดินทางไปหุบเขาจามิลต่อ แต่ว่าทางแมนเดร้กก็พยายามคลานเพื่อลุกขึน้มา
“พวกเซนต์ชั้นต่ำ… ชะ ชั้น ไม่มีวัน ยก โท…..
ยังไม่ทันสิ้นเสียงทางแมนเดร้กก็ถึงแก่ความตายเหล่าเซนต์หันมามองก่อนที่ยูกิ จะมองร่างที่สลบของทสึกาสะด้วยสีหน้าที่ยิ้มอ่อน ๆ เธอเอามือของเธอลูบหัวของทสึกาสะ
“ยูกิ ฉันจะปกป้องเธอให้ได้เลยคอยดูสิ” ทสึกาสะละเมอออกมา
“ฉันรู้” ยูกิยิ้มอ่อน ก่อนที่เหล่าบรอนซ์เซนต์จะมองเขาทั้งสองคนด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
“เอาหละพวกเราไปที่หุบเขาจามิลกัน!” เพกาซัสพูดขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนเตรียมเดินทางไปพร้อมกัน
-------------------------------------------------------------
บลูกราด, ไซบีเรียตะวันออก
ตอนที่เหล่าโกลเซนต์ที่นำโดน อควาเรียส โนเอล แคนเซอร์ แบเลอร์ และยังมี สกอร์เปี้ยน ไมนอส โดยพวกเขาได้รับภารกิจให้ขอความช่วยเหลือจากโปไซดอนในการขึ้นไปบนวิหารลอยฟ้าของยมเทพฮาเดส
“นี่เจ้ามาถูกทางแน่นะโนเอล” แบเลอร์ถามกับโนเอลที่พาเขามาที่บลูกราด
“นะ นี่ พวกนายพาฉันมาที่หนาวๆแบบนี้ทำไมเนี่ย!?! ดูท่าว่าเล็บของฉันจะแข็งก่อนนะเนี่ย” ไมนอสที่มากับโนเอลและแบเลอร์ถามกลับไป
“พวกนายสองคนจงตามมาเงียบๆ เถิด… คิดว่าเพราะอะไรถึงทำให้อาเธน่ามอบภารกิจให้กับข้า”
“เพราะว่าข้าหนะเติบโตมากับดินแดนน้ำแข็งแห่งนี้ยังไงหละ….”
“เอ้อ แปลว่านายก็คงชำนาญกับที่นี่สินะ” ไมนอสพูดขึ้นมา
“ยังว่าทำไมถึงได้คล่องทางนัก” แคนเซอร์เสริม
บลูกราด คือเมืองที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งตลอดปี โดยที่แห่งนี้เป็นต้นกำเนิดของ บรอนซ์ คลอธ ซิกนัส ที่ทางเอลเลนได้สวมใส่อยู่ โดยเมืองนี้อาจจะไม่ดูทันสมัยเหมือนเมืองอื่น ๆ ที่เทคโนโลยีก้าวล้ำไปไกลแล้วแต่ทางบลูกราดชาวเมืองนั้นยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม
“ว่าไงโนเอลไม่ได้เจอกันซะนาน”
ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาทางโนเอล ทำให้ทางแบเลอร์และทางไมนอสสงสัยเป็นอย่างมาก เมื่อดูท่าทางของทั้งสองคนนี้เหมือนรู้จักกันเป็นอย่างดี
“เอ่อ โนเอลเจ้านี่คือสหายของเจ้างั้นหรอ?” แบเลอร์ถามกับโนเอลไป
“อ้อ คุณคือแคนเซอร์ เซนต์สินะ และ คุณก็คงเป็น สกอร์เปี้ยนเซนต์สินะ… ผมขอแนะนำตัวเองให้พวกคุณรู้จักก็แล้วกัน ผมคือ การ์เซีย ผู้ครองนครบลูกราดแห่งนี้” ชายคนนั้นแนะนำตัวเขาคือการ์เซียร์จ้าวแห่งนรกบลูกราด
“ไม่คิดเลยว่าผ่านไปไม่นานเจ้าก็กลายเป็นเจ้าเมืองของที่นี่แล้วการ์เซีย” โนเอลบอกกับการ์เซีย
“เจ้าก็เหมือนกันโนเอล… เจ้าก็กลายเป็นโกลด์เซนต์ผู้ยิ่งใหญ่” การ์เซียพูดกับโนเอล
“คิดถึงเมื่อวันวานจังนะโนเอล แต่เราคงยืนคุยอยู่ตรงนี้ต่อไม่ได้… ข้าจะไปที่ที่ทำให้ภารกิจของพวกเจ้าสำเร็จ”
“หา… หอสมุดนี่นะ ทำไมเราต้องมาที่แบบนี้ด้วย มีแต่อะไรเนีย หนังสือ หนังสือ นั่นก็ หนังสือ…. นี่หนะหรอ ภารกิจ ให้มากับบรรณารักษ์ที่เป็นเจ้าเมืองเนี่ยนะ โนเอล ไม่ปล่อยให้เจ้าไมนอสไปจีบแม่นางเกลจะไม่ดีกว่าหรอ ?”
แบเลอร์พูดพร้อมชี้ไปที่ไมนอส ทำให้ทางไมนอสถึงกับตกใจเมื่อทางแบเลอร์พูดออกมาแบบนี้ ทางเกลที่ยังคงอยู่ปราสาทราศีเมถุน
“ฮัดชิ้วววววววววว!”
“ใครมานินทาเนี่ย”
ตึง ตึง ตึง ตึง
“กองทัพยมโลกมาแล้วสินะ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมพวกนั้นต้องมาที่แบบนี้กันด้วย” แบเลอร์ยังคงบ่นไม่หยุด
“อย่าดูแคลนปริมาณภูมิปัญญาที่อยู่ในบลูกราดแห่งนี้ วิทยาการทุกหนแห่งของโลกต่างมารวมอยู่ที่นี่รุ่นสู่รุ่น หอสมุดแห่งนี้ถือเป็นสมบัติล้ำค่าของโลกใบนี้” โนเอลอธิบายให้ฟัง
“ไหนละความสนุกให้มานั่งอ่านหนังสือเนี่ยนะ ให้ตายเถอะ!” แบเลอร์ยังคงบ่น
“ฉันว่านายคงเลิกบ่นได้แล้วน่าแบเลอร์” ไมนอสพูดขึ้นมา
“ห๊ะ!?! แกพูดอะไรนะไอ้เจ้าเด็กใหม่หรืออยากจะลองดี” แบเลอร์สวนกลับคืน
“ก็เอาสิ!”
โกลเซนต์ทั้งสองคนทะเลาะคน ทั้งสองคนชี้นิ้วเข้าหากัน เพราะกระบวนท่าของทั้งสองคนใช้พลังที่นิ้วชี้ของตน ทางโนเอลที่เห็นถึงกับเกาหัวถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย
“ถึงห้องหนังสือใต้ดินแล้ว” ทางการ์เซียพูดขึ้นมาก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป
หนังสืออีกแล้วหรอ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“อะไรเนี่ยโนเอล ฉันออกจากที่นี่ไปจัดการกองทัพยมโลกจะไม่ดีกว่าหรอ ?!” แบเลอร์พูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“นั่นสิ! ทำไมกันให้ฉันมาที่หนาวๆ แบบนี้เพื่ออะไรกันแน่โนเอล?” ไมนอสถามย้ำเข้าไปอีก
“ไม่แปลกใจเลยที่คนมองอะไรไม่ทะลุปรุโปร่งแบบพวกท่านจะคิดกันเช่นนี้” การ์เซียพูดขึ้นมา
หา ว่าไงนะ!
นั่นมัน!?!
“ในที่แห่งนี้มีสิ่งที่เราชาวบลูดราดต้องปกป้องมันด้วยชีวิต”
ทางการ์เซียพูดก่อนจะดึงยันออกมา เมื่อดึงยันออกมามีแสงสีทองอร่ามประกายออกมา ก่อนที่พวกเขาจะเห็น
ก่อนที่มันหายไป เป็นประตูทางเข้าอะไรสักอย่างก่อนที่แสงนั้นจะส่องประกายเจิดจ้า จนทำให้โกลด์เซนต์ทั้งสามต้องมาแขนมาบังไว้
“อะไรเนี่ย!?! เหมือนมันจะดูดเราเข้าไปเลยแฮะ! มันคืออะไรกันโนเอล?!” แบเลอร์หันไปถามกับโนเอล
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!!” โนเอลตอบกลับ
“แล้วนายหละไมนอส!?!” แบเลอร์หันไปถามไมนอส
“ไม่!”
ทั้งสี่คนถูกดูดเข้าไปในประตู โกลด์เซนต์ทั้งสามล้มระเนระนาด ก่อนจะลุกขึ้นมากันอย่างช้า ๆ ทางแบเลอร์เกาหัวด้วยความ งง เขามองไปบนฟ้าก่อนจะอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เห้ยยย!! ทำไมท้องฟ้าถึงเป็นผืนน้ำแบบนี้เนี่ย!?!” แบเลอร์จะตะโกนออกมา
“อะไรกัน… เมื่อกี้เรายังอยู่ในหอหนังสือโง่ๆ นั่นอยู่เลย” ไมนอสพูดขึ้นมา
“ในที่แห่งนี้มีมรดกที่พวกท่านตามหาอยู่ รวมถึงยมเทพด้วย” การ์เซียพูดขึ้นมา ทั้งสามคนมองไปก็ต้องแปลกใจเมื่อทางการ์เซียสวมชุดเหมือนโกลด์คลอธแต่มันไม่ใช่โกลด์คลอธ
“ขอแนะนำให้รู้จักในอีกชื่อ ผมคือ ซีดราก้อน การ์เซีย ผู้เฝ้าเสาค้ำแห่งมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ”
และที่นี่คือ
“เห… เมืองใต้น้ำอย่างงั้นหรอ ? รู้สึกคันเล็บจังเลยแฮะ” ไมนอสพูดด้วยสีหน้าและท่าทางที่ตื่นเต้นแบบสุด
“หึ ดูเหมือนเจ้าจะมีความเป็นสกอร์เปี้ยนขึ้นมากเลยนะ ไมนอส” แบเลอร์หันไปบอกกับไมนอส
“เอาหละเหล่าโกลด์เซนต์เจ้าต้องการอะไรถึงมาที่แห่งนี้” ซีดราก้อน หรือทาง การ์เซียร์ พูดขึ้นมา
“ข้ามาทำตามภารกิจของพวกเราคือ การยืมพลังของโพไซดอนในการบุกโจมตีกองทัพยมโลกบนฟ้า” โนเอลบอกกับการ์เซีย
“โอเค… แอตแลนติสนั้นกว้างใหญ่นักงั้นให้ข้านำทางให้ท่านเถิด” การ์เซียบอกกับโนเอล
“แต่แกก็คือคนนำทาง ถ้าคิดจะเล่นไม่ซื่อ ฉันกับไมนอสจะฆ่าแกแน่!” แบเลอร์บอกกับการ์เซีย ทางโนเอลไม่พูดอะไรนอกจากทำได้แค่ถอนหายใจ ก่อนที่พวกเขาจะพาโกลด์เซนต์ทั้งสามเดินไปจนถึงที่หมาย
“ที่นี่คือเทวสถานกลาง”
“ถึงเร็วกว่าที่คิดแฮะ…” ไมนอสพูดขึ้นมา
“ขอบใจนะการ์เซีย” โนเอลพูดต่อ
“ฉันก็ต้องขอบใจพวกแกเหมือนกันสินะ….”
เสียงลึกลับดังขึ้นมาทำให้ทั้งสี่คนถึงกับชะงัก ก่อนจะหันไปพบกับสเปคเตอร์ ในชุดเซอร์พริส ไวเวริน เขาคือแองเจโล่ มาพร้อมกับ แพนโดร่า และลิ่วล้อสเปคเตอร์อีก 2 คน
“ข้าจะกำจัดพวกเจ้ารวดเร็วแล้วนำของที่พวกเจ้าอยากได้ ส่งต่อไปให้ท่านฮาเดส”
เมื่อทางแองเจโล่พูดจบ ทางแบเลอร์ และ ทาง ไมนอสก็แทบจะหุบยิ้มไม่ได้ เพราะสิ่งที่พวกเขาสองคนต้องการคือการต่อสู้ ก่อนสิ่งไหนๆ
“ข้า ไวเวริน แองเจโล่ หนึ่งในสามตรีฑูตไวเวริน แห่งดาว เกรี้ยวกราด นภา!” แองเจโล่แนะนำตัวเอง
“เห ก็น่าสนุกสิ… ฉันสกอร์เปี้ยนไมนอส มาเป็นเหยื่อให้ฉันเถอะนะ ไวเวริน” ไมนอสประจัญหน้าจะสู้กับไวเวริน
“หึ! สกอร์เปี้ยนอีกแล้วหรอ ?!”
“เห้ย! แกหนะมาแย่งคู่ต่อสู้ฉันทำไม!!” แคนเซอร์โวยวายอย่างไม่พอใจ
“อย่าลืมพวกเราไปสิคุณโกลเซนต์”
เมื่อทางแบเลอร์หันไปตามเสียงก็พบกับลิ่วล้อของไวเวรินอยู่ข้างหน้า ทางแบเลอร์ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะตั้งท่าพร้อมสู้
“ส่วนฉันแพนโดร่าคนนี้จะขอเจรจาความกับโปไซดอนเอง” แพนโดร่าพูดก่อนจะเดินตรงไปในเทวสถาน
“ไม่มีทาง พวกเราไม่ให้เธอเข้าไปแน่!” โนเอลกับการ์เซียเข้ามาขวางทางแพนโดร่า แต่ว่าทางแพนโดร่าก็ไม่ได้ทำสีหน้าอะไร ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ
“เอาหละนะ…. มาสนุกกันเถอะ”
แฮก แฮก….
เหล่าบรอนซ์เซนต์ทั้ง 7 คนกำลังเดินทางไปที่หุบเขาจามิล ตามคำบอกของเวอร์โก กฤษณะ และในตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในหุบเขา ซึ่งถ้าผ่านไปได้ก็จะถึงหุบเขาจามิล หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเซนต์
“เห้ออ... เหนื่อยจังโว้ยยยย! เมื่อไหร่จะถึงหุบเขาจามิลที่กฤษณะบอกกันนะ” เสียงขี้เล่นของชายสวมคลอธยูนิคอร์น หรือ ทสึกาสะ เจ้าของบรอนซ์คลอธยูนิคอร์น ที่กำลังเดินทางกับเหล่าบรอนซ์เซนต์ตามคำพูดของเวอร์โก้ กฤษณะ
“คงจะผ่านไปอีกเขาหละนะ…” คายุเซนต์เพกาซัสคนปัจจุบันพูดขึ้นมา
“หา……. อีกเขาหรอเนี่ย!! โอยยยย หิวจังเลยแฮะ” ทสึกาสะยังคงบ่นอยู่
“เลิกพูดเถอะน่า ทสึกาสะ… เราต้องเดินต่อไป” ยูกิหรือเซนต์แอนโดรเมด้า บอกกับทสึกาสะ
“เห้อออ… นี่ริว เอลเลน อิซามิ ไซบะ นายไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรอพวก?!” ทสึกาสะถามกับเพื่อนที่เหลือ
“หุบปากเถอะน่า เจ้าตัวน่ารำคาญ” เอลเลนบอกกับทสึกาสะด้วยความรำคาญ
“อะไรนะ! แกเองก็ไอ้ตัวห่วงหล่อไม่ใช่หรอ!?!” ทสึกาสะเถียงกลับไป
“มาแล้วหรอ… เหล่าบรอนซ์เซนต์ พวกเรารอมานานพวกแกมานานแล้ว!”
เสียงของคนที่พูดขึ้นมาในระหว่างที่เหล่าบรอนซ์เซนต์ทั้ง 7 กำลังเดินทางอยู่นั้น มันทำให้เหล่าบรอนซ์เซนต์หยุด ก่อนที่จะหันไปตามเสียง แต่ก็ยังไม่เห็นใครก่อนที่จะมีทหารของเหล่าสเปคเตอร์มาอยู่ล้อมรอบตัวพวกเขาเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะมีสเปคเตอร์สองตัวเดินออกมาหาพวกเขา
“สวัสดีพวกบรอนซ์เซนต์… จะขอแนะนำให้รู้จัก ข้า แมนเดรก เกรกอร์ แห่งดาว ภัยนะ…..
“พูดมากปากเหม็น จงรับไปซะ ยูนิคอร์น กัลลอป!”
ทางทสึกาสะไม่ทนฟังคำพูดของเกร์เกอร์ หรือ ผู้ที่สวมเซอร์พริสแมนเดรก ก่อนจะกระโดดถีบด้วยท่า ยูนิคอร์น กัลลอปเข้าไปที่แมนเดรกโดยตรง
“เสียมารยาท! ไม่มีใครสั่งสอนหรือยังไง! ว่าต้องให้คนอื่นแนะนำตัวเองให้จบก่อน!”
เกร์กอร์จัดการปล่อยพลังสีดำทมิฬจากมือของเขาเอง โจมตีเข้าไปที่ทสึกาสะ หรือ ยูนิคอร์น พลังนั้นต้านกับยูนิคอร์น กัลลอปของทสึกาสะก่อนมันจะดันจนทสึกาสะนั้นได้ปลิวออกไปก่อนตัวของทสึกาสะจะปลิวเข้าไปติดกับต้นไม้ก่อนจะร่วงลงไปนอนที่พื้น
“ทสึกาสะ!”
เหล่าบรอนซ์เซนต์กรูเข้าไปหาทางทสึกาสะแต่ว่าเหล่ากองทหารของสเปคเตอร์กระโจมเข้ามาหาพวกเขา ทำให้เหล่าบรอนซ์ เซนต์ต้องทำการต่อสู้กับเหล่าทหารของสเปคเตอร์ ตัวของแมนเดรกนั้นก็ยืนดูอย่างสบายใจ แต่ว่าทางทสึกาสะก็พยายามลุกขึ้นมาช้า ๆ ทางแมนเดรกหรือเกร์เกอร์นั้นตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นทางทสึกาสะยังลุกขึ้นมาได้อยู่
“โอ… เป็นเพียงแค่บรอนซ์เซนต์ยังทนกับการโจมตีของข้าคนนี้ได้ด้วยแฮะ” เกรเกอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยามทางทสึกาสะ
“ชิ! การโจมตีกระจอกแบบนั้นโดนทั้งวันฉันก็ไม่เป็นอะไรหรอกน่า!” ทสึกาสะตอบกลับไป
“อืมมมม ดี… งั้นฉันขอแนะนำตัวเองอีกครั้ง ฉัน แมนเดร้ก เกรเกอร์ จากกลุ่มดาวภัยนภา แล้วนายหละ เจ้าบรอนซ์ เซนต์?” เกร์เกอร์พูดพร้อมถามทางทสึกาสะ
“ฉัน บรอนซ์ เซนต์ ยูนิคอร์น ทสึกาสะ คนที่จะมาจัดการแกตอนนี้ยังไงหละ!!” ทสึกาสะตะโกนกลับไป
“เจ้านั่นมันเล่นตามด้วยแฮะ….” เอลเลนหันมาบ่นโดยที่พวกเขากำลังรับมือกับทางกองทหารของสเปคเตอร์อยู่
“เอาหละเตรียมใจไว้ให้ดี! แมนเดร้ก” ทสึกาสะตะโกนขึ้นมาก่อนจะกระโดดพุ่งเข้าไปหาแมนเดร้กโดยทันที
-------------------------------------------------------------
วิหาร อาเธน่า
,แซงค์ทัวร์รี่
ในห้องวิหารของอาเธน่านั้น เป็นทางเอสรา หรือ โกลเซนต์ ราศีสิงห์ กำลังเข้าเฝ้าอาเธน่ากับ แอทลาส หรือ ซาจิตทาเรียส โกลเซนต์ โดยตอนนี้พวกเขาได้รอเหล่าซิลเวอร์ เซนต์ที่ออกไปตรวจตราได้กลับมารายงานความคืบหน้ากับอาเธน่าหรือในร่างมนุษย์เธอก็คือ คิโดะ ซากุระ
“นี่แอทลาสคุง… อาการของอัลดีนี่เป็นยังไงบ้าง” ซากุระ หรือ อาเธน่าได้ถามกับแอทลาสเกี่ยวกับอาการของโกลเซนต์ราศีมีน หรือ พิสเซส อัลดีนี่ ในการต่อสู้กับหนึ่งในตรีฑูตอย่างการูด้า ไออาคอส
“อาการของอัลดีนี่ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องหน้าเป็นห่วงขอรับ แค่ต้องพักฟื้นร่างกายสักเล็กน้อย” แอทลาสบอกกับอัลดีนี่
“เห้อ… แต่มันก็น่าเจ็บใจนะที่มีคนคนนึงลงไปบินไปหาตรีฑูตทั้งที่ก็ตกลงไว้แล้ว แย่จริง ๆ” เอสราพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันทางตัวของแอทลาส
“นี่แกคิดจะหาเรื่องกันอีกหรือไง! เอสรา!!”
“ป่าว ๆ ฉันแค่รู้สึกเบื่อ ๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำเลย แถมภารกิจที่บลูกราดยังให้ โนเอล ทำอีก แถมเจ้านั่นยังชวนเจ้าบ้าแบเลอร์ไปอีก…. และถ้าให้ฉันเดา เจ้าแบเลอร์คงลากเจ้านั่นไปอีกหละนะ” เอสราพูดด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย
“นายหมายถึง สกอร์เปี้ยน ไมนอส หนะหรอ?” แอทลาสพูดขึ้นมา
“ก็ตามนั้นหละนะ… แต่ยังไงก็แล้วแต่ถือว่าเจ้านั่นมันก็อยากจะรับน้องใหม่ พอๆ กับฉันนี่ละ แต่จะให้พูดจริง ๆ เจ้านั่นไม่เหมาะกับการเป็นสกอร์เปี้ยน เซนต์ด้วยซ้ำ… ถึงมันจะชนะมาได้ ถึงคนจะยอมรับยังไง ฉันไม่ได้เกลียดมันหรอกนะ แต่แค่….” เอสราหยุดพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น
“นาย ยังยึดติดกับเรื่องในอดีตสินะ” แอทลาสพูดสวนขึ้นมา
“เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ มันแค่มาหลอกหลอนในความฝันของฉันเท่านั้นเองหละนะ… ยังไงซะก็รอเจ้านั่นเอาวิธีบุกวิหารลอยฟ้ามาได้ ฉันก็จะไปจัดการเจ้านั่นแค่นั้นเอง”
เอสราพูดพร้อมบิดขี้เกียจไป ทางแอทลาสมองทางเอสราที่สีหน้าดูเบื่อหน่าย เขารู้สึกว่าเอสราไม่เหมือนคนเดิมถึงแม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ทุกคนก็เห็นว่าทางเอสรานั้นจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่เมื่อเวลาผ่านไปทางเอสราก็กลับกลายเป็นคนน่าเบื่อเหมือนเดิม ดูจืดจาง ทางแอทลาสถึงจะไม่ชอบขี้หน้ากันแต่ว่าเขาก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่อยู่ข้างในใจของเอสรา รวมถึงตัวของคิโดะ ซากุระ หรือ อาเธน่า ที่เธอมองทางเอสราด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง
“นี่รุ่นพี่เอสราไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ซากุระหรืออาเธน่าถามกับเอสรา
“โอเคดีเลยละ… ฉันแค่เบื่อ ๆ รอเวลาเอาคืนพวกนั้นต่างหากละ หิหิ” เอสราหันหน้ามาพร้อมชูสองนิ้ว แต่ตัวของซากุระก็รู้ว่าทางเอสรานั้นกลบเกลื่อนความแค้นที่มีอยู่ในใจของตัวเองอยู่
“มาแล้วสินะ…” แอทลาสพูดขึ้นมาก่อนที่ทางเหล่าซิลเวอร์เซนต์ทั้งสามคน โดยมี เซเบอรัส เซนต์ที่มีร่างกายที่ใหญ่กว่าใครเพื่อน และทาง เซนทอรัส เซนต์ และมัสค่า เซนต์ หรือ คลอธ แมลงวัน ทั้งสามคนเดินเข้ามาคำนับกับอาเธน่า ก่อนที่ทางอาเธน่าจะเริ่มถามกับเหล่าซิลเวอร์ เซนต์ทั้งสามคน
“จากภารกิจลาดตระเวนมีแค่พวกท่านทั้งสามคนที่รอดมาได้ กลับมาได้ก็ดีมากแล้ว เหล่าซิลเวอร์ เซนต์ พวกท่านได้อะไรมาบ้างหรือเปล่า กับการตรวจตราครั้งนี้” อาเธน่าถาม
“ขอทำการรายงานขอรับ” เซเบอรัสเซนต์เริ่มพูดขึ้นมา
“ตอนนี้ทางเหล่าบรอนซ์ เซนต์กำลังเดินทางไปที่หุบเขาจามิล โดยตอนนี้ยังไม่มีอันตรายใดๆ” เซเบอรัสเซนต์บอกกับอาเธน่า
“สเปคเตอร์ตอนนี้ได้ไปรวมกันที่วิหารลอยฟ้า เพื่อคิดแผนการณ์ใหญ่ในอนาคต” มัสค่าเซนต์บอกต่อ
“ส่วนทางกลุ่มดาร์ค อเวนเจอร์ตอนนี้ทางคุณ คิโดะ เซนไซเอมอนได้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไป โดยยังไม่ทราบจุดหมายปลายทางที่จะไป” เซนทอรัสบอกกับอาเธน่า
“และตอนนี้จากการปะทะกันทั้งสามครั้ง ทำให้ชาวโลกเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก”
เมื่อทางซิลเวอร์ เซนต์รายงานให้กับอาเธน่าเสร็จสีหน้าของเธอก็ดูไม่ดีนัก เธอดูกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ แต่เธอก็สูดหายใจเข้าไปลึก ๆ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ
“อืมม… ขอบคุณพวกท่านที่เสียสละเวลาทำงานให้เรา เอาหละงานต่อไปของพวกท่านคือ…”
“งานต่อไปของพวกเรางั้นหรอ?”
หึหึหึ
เหล่าซิลเวอร์ เซนต์หัวเราะอย่างมีเลศนัย ทั้งสามถึงกับงงกับเหล่าซิลเวอร์ เซนต์ เมื่อผ่านไปเรื่อย ๆ เริ่มมีออร่าสีดำปกคลุมพวกเขาคลอธของพวกเขากลายเป็นสีดำ เหมือนชุดเซอร์พริสของเหล่าสเปคเตอร์ สร้างความตกตะลึงให้ทาง เอสรา แอทลาส และทางอาเธน่าเป็นอย่างมาก พวกเขาหันหน้าขึ้นมาก่อนจะพุ่งเข้าไปหาอาเธน่า
“งานต่อไปของเราก็คือเด็ดหัวของแกยังไงหละ อาเธน่า!!!!”
ทางเอสรา และ แอทลาส รีบเข้ามาดักทางเหล่าซิลเวอร์ เซนต์เข้าไว้ก่อนจะใช้พลังของพวกเขาจนทาง ซิลเวอร์ เซนต์ปลิวออกไป แต่ว่าทางซิลเวอร์ เซนต์นั้นกลับลุกขึ้นมาได้เหมือนการโจมตีเมื่อกี้เป็นการโจมตีธรรมดา ๆ
“อะไรกัน! การโจมตีเมื่อกี้ไม่เป็นผลงั้นหรอ? มันไม่ใช่พลังของเหล่าซิลเวอร์เซนต์นี่!!” แอทลาสพูดด้วยความตกใจ
“หึหึหึ ในตอนนี้โกลเซนต์ก็ไม่อาจกำจัดเราง่าย ๆ หรอกนะ!” เหล่าซิลเวอร์เซนต์พูดขึ้นมา พร้อมโจมตีเข้ามาที่เหล่าโกลเซนต์ทั้งสอง
หึ! ตลกสิ้นดี!!
ไลท์นิ่ง! พลาสม่า!!!!!
หมัดความเร็งแสงของทางเอสราพุ่งเข้าไปหาเหล่าซิลเวอร์ เซนต์เข้าไปจนเหล่าซิลเวอร์ เซนต์นั้นปลิวกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง เมื่อทางเหล่าซิลเวอร์เซนต์นอนลงไป เซอร์พริสสีดำทมิฬได้กลับไปเป็นคลอธเช่นเดิม ร่างกายของเขาพูดได้เลยว่าปางตาย ทางอาเธน่ารีบวิ่งเข้าไปหาทางเซเบอรัสเซนต์ที่นอนอยู่ เธอมองหน้าของเซเบอรัสเซนต์ ที่กำลังจะตายเต็มที เธอจับมือของเซเบอรัส หน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจ
“ที่จริงเราทั้งหมดได้ตายหมดแล้วกับการตรวจตราที่จามิล ก่อนถึงหุบเขาจามิล เราเจอวิหารแห่งหนึ่ง เราก็ได้ทำการต่อสู้กับสเปคเตอร์ ซึ่งเราถูกสเปคเตอร์ฆ่า แล้วคืนชีพมายังโลกด้วยท่านฮาเดส”
“เรารู้ดีว่าเซนต์อาเธน่าที่กลายเป็นทหารของยมเทพฮาเดส ควรตกนรกหมกไหม้”
อาเธน่า… พวกเรา….
“ไม่ต้องขอโทษฉันหรอก เหล่าซิลเวอร์เซนต์ทั้งหลาย เรารับรู้ถึงการโจมตีของพวกท่านเสียงของพวกท่าน ข้ารู้สึกถึงพลังคอสโมของพวกท่าน ตอนที่ท่านตายแล้วกลายเป็นพวกมัน
คงจะทุกข์ทรมานมากสินะ”
อาเธน่าพูดพร้อมด้วยน้ำตาแห่งความโศกเศร้า เมื่อทางซิลเวอร์ เซนต์ได้เห็นก็แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พวกเขาร้องไห้ออกมา
อาเธน่า….
พวกเราก็แค่…..
ต้องการ……
ต่อสู้ร่วมกับท่าน……
มือของเซเบอรัสเริ่มสลายไป รวมถึงเหล่าซิลเวอร์เซนต์ทั้งสามพวกเขาเริ่มสลายไป หน้าตาของเขาที่เต็มไปด้วยน้ำตา ร่างกายเริ่มสลายไปเป็นผุยผงโดยมีคำส่งท้ายจากพวกเขา
ต่อสู้เคียงข้างกับท่าน….
อาเธน่าเศร้าโศกกับการจากไปของเหล่าซิลเวอร์เซนต์ทั้งสาม ทางเอสราที่มองทางซากุระกำลังร้องไห้อยู่นั้นเขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
“เจ้าฮายามะ…. มันจะมากไปแล้วควบคุมคนตายอย่างงั้นหรอ!?!” เอสราพูดพร้อมกำหมัดแน่นจนเลือดอออกมาจากมือของตัวเอง
เคียวโกหรือเดอะ วอชเชอร์นั้นเดินเข้ามาในห้องของอาเธน่า เขามองเห็นควันผงสีดำของร่างซิลเวอร์ เซนต์ที่โดนทางยมเทพฮาเดสควบคุมไว้ เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเริ่มพูดขึ้นมา
“มาไม้นี้อีกแล้วสินะ…..” วอชเชอร์พูดเป็นลาง ๆ
“ทางเอสรารีบลงไปคำนับเคียวโกและอาเธน่า!”
“เคียวโก! อาเธน่า! โปรดออกคำสั่งให้ข้าไปจัดการด้วยเถอะ ขอให้ข้าได้ชดใช้ที่ต้องบีบทำร้ายพวกเรากันเองด้วยเถิด”
“อนุญาติให้ไปได้ เอสรา….” เคียวโกพูดขึ้นมา
“ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกนะ ที่จะรู้สึกเสียใจหนะ” แอทลาสพูดกับเอสราพร้อมคำนับไปที่เคียวโกและอาเธน่า
“โปรดให้คำสั่งข้าไปจัดการอีกคนด้วยเถิด” แอทลาสพูดขึ้นมา ทางอาเธน่าพยักหน้ารับ
“จงไปช่วยเหล่าบรอนซ์ เซนต์และเรียก ซิลเวอร์ เซนต์ทั้งสามที่เหลือด้วย… เราจะรวมกำลังกันอีกในไม่ช้า” เคียวโกสั่งทั้งสอง
“ขอบคุณขอรับ” โกลเซนต์ทั้งสองลุกขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากห้องโถงของอาเธน่า แต่เมื่อทางเอสรากำลังจะออกจากประตูทางเคียวโกได้พูดขึ้นมา
“เตรียมใจไว้ดี ๆ นะเอสรา…. ถ้าฮาเดสใช้เซนต์ที่ตายเป็นเครื่องมือ….” เคียวโกบอกกับเอสรามันทำให้ทางเอสรานิ่งสักพัก ก่อนจะกัดฟันด้วยความเจ็บปวด
“เข้าใจละครับ” เอสราตอบก่อนจะเดินออกไป
-------------------------------------------------------------
“มีดีแค่นี้เองหรอบรอนซ์เซนต์”
แมนเดร้ก หรือ เกร์เกอร์ ในตอนนี้กำลังบีบคอของทสึกาสะ หรือ ยูนิคอร์น เซนต์ อยู่ โดยมีเหล่าบรอนซ์ เซนต์นอนบาดเจ็บกันเกลื่อน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะจัดการลิ่วล้อของแมนเดร้กไปได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถชนะแมนเดร้กได้อยู่ดี
“อย่ามาดูถูกกันนะ!”
ทสึกาสะพูดด้วยความโกรธก่อนจะใช้เท้าดันออกมาทั้งสองคนกลับมายืนอีกครั้ง ทสึกาสะตอนนี้แค่ยืนได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว ทางแมนเดร้กมีแค่ลอยขีดข่วนเพียงนิดเดียว
“เอาหละแมนเดร้กรับการโจมตีสุดยอดของชั้น!”
ทางทสึกาสะพูดพร้อมกระโดดขึ้นมาคอสโม่ทั้งหมดที่เขามีตอนนี้รวมมาอยู่ที่ขาของเขา คอสโม่นี้ทำให้แม้แต่ทางแมนเดร้กก็ยังอึ้งเลยทีเดียว
“จงรับไปซะ! ยูนิคอร์น กัลลอป!!!!!!!!!!!!!!!!”
ทางทสึกาสะกระโดดพุ่งเข้าไปสร้างแรงระเบิดมหาศาลทาง แมนเดร้กที่ไปประมาทพลังของยูนิคอร์นก็ใช้แขนรับไว้แต่เมื่อเขามองไปที่แขนของตัวเองนั้นชุดเซอร์พริสของเขาได้เกิดรอยร้าวก่อนจะเกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่ขึ้น
ตู้มมมมมมมมมม!
เมื่อควันจางลงไป ทางเหล่าบรอนซ์ เซนต์ก็พยายามมองหาทางทสึกกาสะ พวกเขาลุ้นว่าการโจมตีเมื่อกี้มันจะสำเร็จหรือเปล่า เมื่อควันเริ่มจากลงไป เหล่าบรอนซ์เซนต์เห็นทางทสึกาสะนั้นยืนอยู่พวกเขากำลังจะดีใจ แต่ว่าสุดท้ายแล้วทสึกาสะก็คุกเข่าล้มลงไป เมื่อฝุ่นจางลงก็เห็นทางแมนเดรกนั้นยืนอยู่ เซอร์พริสของเขานั้นเกิดการเสียหายเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือแขนข้างขวาของแมนเดร้กที่รับท่ายูนิคอร์น กัลลอปนั้นได้ขาดออกไป ทางแมนเดร้กตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“มะ ไม่จริง ไม่จริง แค่บรอนซ์เซนต์เนี่ย!”
เกร์เกอร์เริ่มเกิดอาการคุ้มคลั่งเขาไม่อยากจะเชื่อว่า แค่ยูนิคอร์นเซนต์ จะสามารถทำให้เขาต้องเสียแขนของเขาไปได้ ทางเกร์เกอร์กระทืบไปที่ทสึกาสะอย่างไม่หยุดหย่อน แต่แล้วก็มีโซ่เข้ามาพันของเขาไว้ มันเป็นโซ่ของอันโดรเมดร้า หรือ ยูกิ นั่นเอง ก่อนจะมีน้ำแข็งเข้ามาปกคลุมที่ขาของเขาทำให้ขยับไม่ได้ ซึ่งนั่นก็เป็นพลังของเอลเลน หรือ ซิกนัส เซนต์
“เราจะไม่ได้แกมาทำอะไรทสึกาสะอีกแล้ว” ยูกิหรือแอนโดรเมด้าเซนต์พูดขึ้นมา
“ถึงเจ้านั่นมันจะน่ารำคาญ แต่เมื่อกี้มันก็ไม่เลวเลย” เอลเลนบอกกับแมนเดร้ก
“เอาหละริวจัดการเลย!” คายุหรือเพกาซัสเซนต์พูดขึ้นมา
“โอสสส!”
หมัดมงกรผงาดโรซัน!
เพกาซัสหมัดดาวตก!
หมัดมังกรของริว และ หมัดดาวตกของคายุพุ่งโจมตีเข้าไปที่แมนเดร้กจนทางแมนเดร้กปลิวออกไป ตัวของแมนเดร้กลอยขึ้นฟ้า ก่อนที่จะมีเสียงเสือจากัวร์คำรามออกมา ไลโอเน็ต เซนต์ หรือ อิซามิ กระโดดพุ่งเข้าไปหาแมนเดร้กที่กำลังร่วงลงมา
ไลโอเน็ต คราว!
อิซามิใช้เล็บของตัวเองตะปปทางแมนเดร้กก่อนจะพาแมนเดร้กพุ่งลงมาที่พื้น แมนเดร้กนอนอนาจ ทางไซบะ หรือ แบร์เซนต์เข้าไปแบกตัวของทสึกาสะขึ้นมา ก่อนที่ทั้งเจ็ดคนจะเดินทางไปหุบเขาจามิลต่อ แต่ว่าทางแมนเดร้กก็พยายามคลานเพื่อลุกขึน้มา
“พวกเซนต์ชั้นต่ำ… ชะ ชั้น ไม่มีวัน ยก โท…..
ยังไม่ทันสิ้นเสียงทางแมนเดร้กก็ถึงแก่ความตายเหล่าเซนต์หันมามองก่อนที่ยูกิ จะมองร่างที่สลบของทสึกาสะด้วยสีหน้าที่ยิ้มอ่อน ๆ เธอเอามือของเธอลูบหัวของทสึกาสะ
“ยูกิ ฉันจะปกป้องเธอให้ได้เลยคอยดูสิ” ทสึกาสะละเมอออกมา
“ฉันรู้” ยูกิยิ้มอ่อน ก่อนที่เหล่าบรอนซ์เซนต์จะมองเขาทั้งสองคนด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
“เอาหละพวกเราไปที่หุบเขาจามิลกัน!” เพกาซัสพูดขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนเตรียมเดินทางไปพร้อมกัน
-------------------------------------------------------------
บลูกราด, ไซบีเรียตะวันออก
ตอนที่เหล่าโกลเซนต์ที่นำโดน อควาเรียส โนเอล แคนเซอร์ แบเลอร์ และยังมี สกอร์เปี้ยน ไมนอส โดยพวกเขาได้รับภารกิจให้ขอความช่วยเหลือจากโปไซดอนในการขึ้นไปบนวิหารลอยฟ้าของยมเทพฮาเดส
“นี่เจ้ามาถูกทางแน่นะโนเอล” แบเลอร์ถามกับโนเอลที่พาเขามาที่บลูกราด
“นะ นี่ พวกนายพาฉันมาที่หนาวๆแบบนี้ทำไมเนี่ย!?! ดูท่าว่าเล็บของฉันจะแข็งก่อนนะเนี่ย” ไมนอสที่มากับโนเอลและแบเลอร์ถามกลับไป
“พวกนายสองคนจงตามมาเงียบๆ เถิด… คิดว่าเพราะอะไรถึงทำให้อาเธน่ามอบภารกิจให้กับข้า”
“เพราะว่าข้าหนะเติบโตมากับดินแดนน้ำแข็งแห่งนี้ยังไงหละ….”
“เอ้อ แปลว่านายก็คงชำนาญกับที่นี่สินะ” ไมนอสพูดขึ้นมา
“ยังว่าทำไมถึงได้คล่องทางนัก” แคนเซอร์เสริม
บลูกราด คือเมืองที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งตลอดปี โดยที่แห่งนี้เป็นต้นกำเนิดของ บรอนซ์ คลอธ ซิกนัส ที่ทางเอลเลนได้สวมใส่อยู่ โดยเมืองนี้อาจจะไม่ดูทันสมัยเหมือนเมืองอื่น ๆ ที่เทคโนโลยีก้าวล้ำไปไกลแล้วแต่ทางบลูกราดชาวเมืองนั้นยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม
“ว่าไงโนเอลไม่ได้เจอกันซะนาน”
ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาทางโนเอล ทำให้ทางแบเลอร์และทางไมนอสสงสัยเป็นอย่างมาก เมื่อดูท่าทางของทั้งสองคนนี้เหมือนรู้จักกันเป็นอย่างดี
“เอ่อ โนเอลเจ้านี่คือสหายของเจ้างั้นหรอ?” แบเลอร์ถามกับโนเอลไป
“อ้อ คุณคือแคนเซอร์ เซนต์สินะ และ คุณก็คงเป็น สกอร์เปี้ยนเซนต์สินะ… ผมขอแนะนำตัวเองให้พวกคุณรู้จักก็แล้วกัน ผมคือ การ์เซีย ผู้ครองนครบลูกราดแห่งนี้” ชายคนนั้นแนะนำตัวเขาคือการ์เซียร์จ้าวแห่งนรกบลูกราด
“ไม่คิดเลยว่าผ่านไปไม่นานเจ้าก็กลายเป็นเจ้าเมืองของที่นี่แล้วการ์เซีย” โนเอลบอกกับการ์เซีย
“เจ้าก็เหมือนกันโนเอล… เจ้าก็กลายเป็นโกลด์เซนต์ผู้ยิ่งใหญ่” การ์เซียพูดกับโนเอล
“คิดถึงเมื่อวันวานจังนะโนเอล แต่เราคงยืนคุยอยู่ตรงนี้ต่อไม่ได้… ข้าจะไปที่ที่ทำให้ภารกิจของพวกเจ้าสำเร็จ”
“หา… หอสมุดนี่นะ ทำไมเราต้องมาที่แบบนี้ด้วย มีแต่อะไรเนีย หนังสือ หนังสือ นั่นก็ หนังสือ…. นี่หนะหรอ ภารกิจ ให้มากับบรรณารักษ์ที่เป็นเจ้าเมืองเนี่ยนะ โนเอล ไม่ปล่อยให้เจ้าไมนอสไปจีบแม่นางเกลจะไม่ดีกว่าหรอ ?”
แบเลอร์พูดพร้อมชี้ไปที่ไมนอส ทำให้ทางไมนอสถึงกับตกใจเมื่อทางแบเลอร์พูดออกมาแบบนี้ ทางเกลที่ยังคงอยู่ปราสาทราศีเมถุน
“ฮัดชิ้วววววววววว!”
“ใครมานินทาเนี่ย”
ตึง ตึง ตึง ตึง
“กองทัพยมโลกมาแล้วสินะ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมพวกนั้นต้องมาที่แบบนี้กันด้วย” แบเลอร์ยังคงบ่นไม่หยุด
“อย่าดูแคลนปริมาณภูมิปัญญาที่อยู่ในบลูกราดแห่งนี้ วิทยาการทุกหนแห่งของโลกต่างมารวมอยู่ที่นี่รุ่นสู่รุ่น หอสมุดแห่งนี้ถือเป็นสมบัติล้ำค่าของโลกใบนี้” โนเอลอธิบายให้ฟัง
“ไหนละความสนุกให้มานั่งอ่านหนังสือเนี่ยนะ ให้ตายเถอะ!” แบเลอร์ยังคงบ่น
“ฉันว่านายคงเลิกบ่นได้แล้วน่าแบเลอร์” ไมนอสพูดขึ้นมา
“ห๊ะ!?! แกพูดอะไรนะไอ้เจ้าเด็กใหม่หรืออยากจะลองดี” แบเลอร์สวนกลับคืน
“ก็เอาสิ!”
โกลเซนต์ทั้งสองคนทะเลาะคน ทั้งสองคนชี้นิ้วเข้าหากัน เพราะกระบวนท่าของทั้งสองคนใช้พลังที่นิ้วชี้ของตน ทางโนเอลที่เห็นถึงกับเกาหัวถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย
“ถึงห้องหนังสือใต้ดินแล้ว” ทางการ์เซียพูดขึ้นมาก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป
หนังสืออีกแล้วหรอ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“อะไรเนี่ยโนเอล ฉันออกจากที่นี่ไปจัดการกองทัพยมโลกจะไม่ดีกว่าหรอ ?!” แบเลอร์พูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“นั่นสิ! ทำไมกันให้ฉันมาที่หนาวๆ แบบนี้เพื่ออะไรกันแน่โนเอล?” ไมนอสถามย้ำเข้าไปอีก
“ไม่แปลกใจเลยที่คนมองอะไรไม่ทะลุปรุโปร่งแบบพวกท่านจะคิดกันเช่นนี้” การ์เซียพูดขึ้นมา
หา ว่าไงนะ!
นั่นมัน!?!
ยันต์อาเธน่า
“ในที่แห่งนี้มีสิ่งที่เราชาวบลูดราดต้องปกป้องมันด้วยชีวิต”
ทางการ์เซียพูดก่อนจะดึงยันออกมา เมื่อดึงยันออกมามีแสงสีทองอร่ามประกายออกมา ก่อนที่พวกเขาจะเห็น
จ้าวสมุทรโพไซดอน!
ก่อนที่มันหายไป เป็นประตูทางเข้าอะไรสักอย่างก่อนที่แสงนั้นจะส่องประกายเจิดจ้า จนทำให้โกลด์เซนต์ทั้งสามต้องมาแขนมาบังไว้
“อะไรเนี่ย!?! เหมือนมันจะดูดเราเข้าไปเลยแฮะ! มันคืออะไรกันโนเอล?!” แบเลอร์หันไปถามกับโนเอล
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!!” โนเอลตอบกลับ
“แล้วนายหละไมนอส!?!” แบเลอร์หันไปถามไมนอส
“ไม่!”
ทั้งสี่คนถูกดูดเข้าไปในประตู โกลด์เซนต์ทั้งสามล้มระเนระนาด ก่อนจะลุกขึ้นมากันอย่างช้า ๆ ทางแบเลอร์เกาหัวด้วยความ งง เขามองไปบนฟ้าก่อนจะอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เห้ยยย!! ทำไมท้องฟ้าถึงเป็นผืนน้ำแบบนี้เนี่ย!?!” แบเลอร์จะตะโกนออกมา
“อะไรกัน… เมื่อกี้เรายังอยู่ในหอหนังสือโง่ๆ นั่นอยู่เลย” ไมนอสพูดขึ้นมา
“ในที่แห่งนี้มีมรดกที่พวกท่านตามหาอยู่ รวมถึงยมเทพด้วย” การ์เซียพูดขึ้นมา ทั้งสามคนมองไปก็ต้องแปลกใจเมื่อทางการ์เซียสวมชุดเหมือนโกลด์คลอธแต่มันไม่ใช่โกลด์คลอธ
“ขอแนะนำให้รู้จักในอีกชื่อ ผมคือ ซีดราก้อน การ์เซีย ผู้เฝ้าเสาค้ำแห่งมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ”
และที่นี่คือ
มหานครแอตแลนติส ของ โปไซดอน
“เห… เมืองใต้น้ำอย่างงั้นหรอ ? รู้สึกคันเล็บจังเลยแฮะ” ไมนอสพูดด้วยสีหน้าและท่าทางที่ตื่นเต้นแบบสุด
“หึ ดูเหมือนเจ้าจะมีความเป็นสกอร์เปี้ยนขึ้นมากเลยนะ ไมนอส” แบเลอร์หันไปบอกกับไมนอส
“เอาหละเหล่าโกลด์เซนต์เจ้าต้องการอะไรถึงมาที่แห่งนี้” ซีดราก้อน หรือทาง การ์เซียร์ พูดขึ้นมา
“ข้ามาทำตามภารกิจของพวกเราคือ การยืมพลังของโพไซดอนในการบุกโจมตีกองทัพยมโลกบนฟ้า” โนเอลบอกกับการ์เซีย
“โอเค… แอตแลนติสนั้นกว้างใหญ่นักงั้นให้ข้านำทางให้ท่านเถิด” การ์เซียบอกกับโนเอล
“แต่แกก็คือคนนำทาง ถ้าคิดจะเล่นไม่ซื่อ ฉันกับไมนอสจะฆ่าแกแน่!” แบเลอร์บอกกับการ์เซีย ทางโนเอลไม่พูดอะไรนอกจากทำได้แค่ถอนหายใจ ก่อนที่พวกเขาจะพาโกลด์เซนต์ทั้งสามเดินไปจนถึงที่หมาย
“ที่นี่คือเทวสถานกลาง”
“ถึงเร็วกว่าที่คิดแฮะ…” ไมนอสพูดขึ้นมา
“ขอบใจนะการ์เซีย” โนเอลพูดต่อ
“ฉันก็ต้องขอบใจพวกแกเหมือนกันสินะ….”
เสียงลึกลับดังขึ้นมาทำให้ทั้งสี่คนถึงกับชะงัก ก่อนจะหันไปพบกับสเปคเตอร์ ในชุดเซอร์พริส ไวเวริน เขาคือแองเจโล่ มาพร้อมกับ แพนโดร่า และลิ่วล้อสเปคเตอร์อีก 2 คน
“ข้าจะกำจัดพวกเจ้ารวดเร็วแล้วนำของที่พวกเจ้าอยากได้ ส่งต่อไปให้ท่านฮาเดส”
เมื่อทางแองเจโล่พูดจบ ทางแบเลอร์ และ ทาง ไมนอสก็แทบจะหุบยิ้มไม่ได้ เพราะสิ่งที่พวกเขาสองคนต้องการคือการต่อสู้ ก่อนสิ่งไหนๆ
“ข้า ไวเวริน แองเจโล่ หนึ่งในสามตรีฑูตไวเวริน แห่งดาว เกรี้ยวกราด นภา!” แองเจโล่แนะนำตัวเอง
“เห ก็น่าสนุกสิ… ฉันสกอร์เปี้ยนไมนอส มาเป็นเหยื่อให้ฉันเถอะนะ ไวเวริน” ไมนอสประจัญหน้าจะสู้กับไวเวริน
“หึ! สกอร์เปี้ยนอีกแล้วหรอ ?!”
“เห้ย! แกหนะมาแย่งคู่ต่อสู้ฉันทำไม!!” แคนเซอร์โวยวายอย่างไม่พอใจ
“อย่าลืมพวกเราไปสิคุณโกลเซนต์”
เมื่อทางแบเลอร์หันไปตามเสียงก็พบกับลิ่วล้อของไวเวรินอยู่ข้างหน้า ทางแบเลอร์ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะตั้งท่าพร้อมสู้
“ส่วนฉันแพนโดร่าคนนี้จะขอเจรจาความกับโปไซดอนเอง” แพนโดร่าพูดก่อนจะเดินตรงไปในเทวสถาน
“ไม่มีทาง พวกเราไม่ให้เธอเข้าไปแน่!” โนเอลกับการ์เซียเข้ามาขวางทางแพนโดร่า แต่ว่าทางแพนโดร่าก็ไม่ได้ทำสีหน้าอะไร ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ
“เอาหละนะ…. มาสนุกกันเถอะ”
つづく