|
Post by GreyTear on Aug 2, 2018 10:02:41 GMT
ตอนคั่นพิเศษ : "ค่ำคืนวิปลาส!"
ท่ามกลางความมืดมิดและบรรยากาศเงียบสงัด ไม่มีเสียงหรีดหริ่งเรไรยามค่ำคืนอย่างที่ควรจะเป็น ท้องฟ้าแทบจะมืดสนิทเนื่องจากเป็นคืนข้างแรม ไร้ซึ่งแสงสว่างจากจันทรา เสียงฝีเท้าของนักเรียนสาวผมดำดังกรอบแกรบไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้ ภายในซอยเปลี่ยวๆแคบๆไร้ซึ่งแสงไฟที่อยู่ข้างทาง เธอเดินผ่านคูน้ำเล็กๆที่อยู่ด้านหน้าของเธอไปก่อนที่จะก้าวเข้าสู่บริเวณหญ้ารก
หลายครั้งที่พี่สาวซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกับเธอเตือนว่าอย่าเดินกลับบ้านโดยใช้เส้นทางนี้ ทว่าด้วยความที่มันเป็นซอยลัดซึ่งอยู่ใกล้กับโรงเรียนและจะทำให้ประหยัดเวลาในการเดินกลับบ้านมากๆ หญิงสาวจึงมักจะใช้ทางแคบๆภายในซอยเปลี่ยวๆติดกับคูน้ำแห่งนี้ในการเดินกลับบ้านอยู่บ่อยๆ โดยซอยดังกล่าวเป็นซอยเล็กๆแคบๆแต่มีระยะทางกะคร่าวๆได้ประมาณสองกิโลเมตรกว่าๆซึ่งถือว่ายาวพอสมควรแต่ก็สั้นกว่าถ้าหากเดินอ้อมด้วยเส้นทางปกติที่กินระยะทางกว่าเจ็ดกิโล และถ้าหากเดินทะลุซอยออกมาแล้วก็จะถึงบ้านของเธอพอดี ...แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่ามันเป็นซอยที่เปลี่ยว แทบไม่มีคนอยู่และเป็นจุดอับสายตา
ระหว่างที่กำลังเดินจ้ำเท้าตัวคนเดียวอยู่นั้นเอง จู่ๆโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากระโปรงของหญิงสาวก็สั่นขึ้นมา เธอหยิบมันขึ้นมาดูก่อนที่จะพบว่าโทรศัพท์ของเธอแบตหมดเสียแล้ว นักเรียนสาวหยุดเคาะโทรศัพท์ของตัวเองสองสามครั้งและลองกดเปิดเครื่องดูอีกที ทว่าสุดท้ายเธอก็พบว่ามันดับสนิทแล้วจริงๆ หน้าจอเป็นสีดำไร้ซึ่งแสงสว่างคอยอยู่เป็นเพื่อนกับเธอ ณ ตอนนี้หญิงสาวเรียกได้ว่ากำลังอยู่เพียงลำพังโดยแท้จริง
'โถ่เอ๊ย... แบตหมดซะแล้ว คงต้องหยิบแบตสำรองขึ้นมาใช้แล้วสินะ'
เธอสบถกับตัวเองขึ้นในใจก่อนที่จะเลื่อนกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ด้านหลังลงมาอยู่ข้างๆลำตัวพร้อมกับรูดซิบเปิดกระเป๋า นักเรียนสาวค่อยๆคลำหาแบตสำรองที่อยู่ในกระเป๋าด้วยทัศนวิสัยที่มืดมัวก่อนที่เธอจะคลำเจอแท่งแข็งๆบางอย่าง หญิงสาวหยิบมันออกมาและพบว่ามันก็คือแท่งแบตสำรองขนาดพกพาของเธอทว่ามันไม่มีสายชาร์จเสียบอยู่
นักเรียนสาวล้วงมือลงไปควานหาของในกระเป๋านักเรียนสีดำอีกครั้ง คราวนี้เธอก็คลำเจอสายหุ้มไฟเบอร์ซึ่งน่าจะเป็นสายชาร์จโทรศัพท์มือถือของเธอ
...แต่ทว่าไม่ใช่ สิ่งที่เธอหยิบขึ้นมากลับกลายเป็นสายแจ็คต่อหูฟังแทน หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนที่จะใช้มือควานหาอีกครั้ง โดยเธอเสียเวลาไปได้พักใหญ่ๆเพื่อหยุดหาสายชาร์จอยู่กลางซอยที่เงียบเชียบและดูไม่ปลอดภัยแห่งนี้ และท้ายที่สุดเธอก็พบว่า...
'แย่แฮะ... สงสัยจะลืมเอาสายชาร์จกลับมา เอาเถอะ...เดินอีกหน่อยก็จะถึงปากซอยแล้ว ไม่เป็นไร'
นักเรียนสาวนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมสายชาร์จเอาไว้ที่โรงเรียน เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินตรงไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงหน้าปากซอยซึ่งอยู่ติดกับบ้านของเธอ แต่การเดินอยู่บนเส้นทางเปลี่ยวๆและไม่เห็นแสงไฟที่อยู่ปลายทางข้างหน้าเพราะเป็นซอยที่คดเคียวจึงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ประกอบกับการที่ไม่มีแสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์มาดึงสมาธิไปจากตัวเธอจึงทำให้สาวน้อยต้องคอยวอกแวกไปมองสิ่งรอบข้างเพื่อที่จะทำให้ตัวเองไม่รู้สึกอยู่เพียงลำพัง ...แต่ถึงกระนั้น บางครั้งการที่ได้อยู่เพียงตัวคนเดียวจริงๆในสถานที่ที่ไม่น่าไว้วางใจแบบนี้ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะถ้าเกิดสิ่งที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนกับเธอคือสิ่งที่เธอไม่รู้จักและไม่เข้าใจขึ้นมา ปัญหาที่น่าหวาดหวั่นก็อาจจะเกิดขึ้นได้
หญิงสาวค่อยๆเดินไปตามทางเรื่อยๆ สิ่งหนึ่งที่มักจะทำให้เธอไม่ค่อยสบายใจทุกๆครั้งที่ต้องเดินผ่านเส้นทางๆนี้ก็คือบริเวณตรอกสามแยกที่อยู่ข้างหน้า
หลังจากที่เดินผ่านเขตหญ้ารกและคูน้ำมาแล้ว สิ่งที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์และจุดเด่นของซอยๆนี้ก็คือแยกๆหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยศาลพระภูมิร้างและศาลเจ้าที่ที่ผู้คนเอามาทิ้งเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีต้นไทรต้นใหญ่ที่ผูกด้วยผ้าสามสีและมีรอยขีดข่วนบริเวณเปลือกไม้ข้างๆซึ่งเผอิญตรงกับเส้นทางสามแพร่งพอดี ...คนโบราณเชื่อว่า เส้นทางสามแพร่งเป็นทางผ่านของภูตผีหรือวิญญาณ เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความมืดมน อุบัติเหตุ ความวุ่นวาย ...ความตาย... และยิ่งอยู่ในจุดที่เต็มไปด้วยศาลพระภูมิรกร้างอีกด้วย...
ทว่าเรื่องความเชื่อผีสางพรรค์เหล่านั้นไม่ได้อยู่ในหัวสมองของเด็กสมัยนี้อีกต่อไปแล้ว นักเรียนสาวยังคงเดินมองซ้ายมองขวาอยู่ภายในซอยไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างแต่อย่างใด หารู้ไม่ว่ามีสายตาจำนวนมากกำลังจับจ้องมาที่เธอตั้งแต่ที่เธอเดินผ่านศาลพระภูมิเหล่านั้นมา
กรอบแกรบ กรอบแกรบ กรึก กรึก กรึก
เสียงรองเท้าเสียดสีกับดงหญ้าและพื้นที่เป็นทางกรวด ...ทันใดนั้นเองสายลมเย็นยะเยือกก็พัดโชยลงมาสัมผัสกับผิวหนังอันแสนบอบบางของเธอ ความหนาวเหน็บของมันทำเอาหญิงสาวรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัวราวกับว่าสายลมทั้งหมดทั้งมวลที่อยู่ใต้ฟ้าผืนนี้ต่างพัดเข้าหาตัวเธอเพียงคนเดียวยังไงอย่างงั้น หรืออาจจะเป็นไปได้สิ่งที่พัดพาเข้ามาอาจจะไม่ใช่สายลม ...แต่อาจจะเป็นเพียงแค่ลมหายใจของอะไรบางอย่างที่เข้ามารดต้นคอ...
ความหนาวทำเอานักเรียนสาวรู้สึกเสียววาบไปทั่วแผ่นหลัง เธอเริ่มจ้ำเท้าถี่ขึ้นเพื่อที่จะรีบเดินออกไปจากซอยๆนี้ให้เร็วที่สุด บรรยากาศที่หนาวเหน็บ ท่ามกลางความมืดมิด ใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่รายล้อมไปด้วยดงหญ้าอันเงียบเชียบ...ทว่าสั่นไหวไปมาในเวลาเดียวกัน... ไม่ว่าใครถ้าตกอยู่ในสภาพรอบตัวแบบนี้ก็คงรู้สึกไม่ดีและคงอยากเดินหนีออกไปจากที่แบบนี้ให้เร็วที่สุด
กระโปรงของสาวน้อยเริ่มพริ้วไหวไปมา จากการก้าวเท้าเดินไปทีละก้าวกลายเป็นการก้าวเดินที่ว่องไวและเร่งรีบ
...แต่ถึงอย่างงั้นก็ตาม...
หลังจากที่รีบออกมาจากบริเวณสุสานศาลพระภูมิร้างได้สำเร็จ เธอก็กลับมาเดินทีละก้าวด้วยความเร็วปกติแบบเดิมและดูเหมือนทุกๆอย่างจะทำให้เธออุ่นใจมากขึ้น เนื่องจากเบื้องหน้าของเธอ เป็นตลาดถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยแสงสีซึ่งกำลังจัดเป็นงานวัดอยู่ ความสว่างและสีสันฉูดฉาดจากหลอดไฟแบบงานวัดทำให้หญิงสาวรู้สึกสบายใจและหายใจได้ทั่วท้องมากขึ้น เธอถอนหายใจออกมาพร้อมกับค่อยๆเดินแกว่งแขนด้วยความรู้สึกที่โล่งอก ทางเดินนั้นกว้างและดูสบายตา มีชิงช้าสวรรค์และเครื่องเล่นขนาดเล็กตั้งอยู่ทั่วทางเดิน มีม้าหมุนและซุ้มปาเป้า บรรยากาศงานวัดแบบนี้ทำให้หญิงสาวรู้สึกย้อนนึกถึงวัยเด็กเช่นกัน
"ลูก... ลูกเอ้ย... หนูโดนแล้ว"
นอกจากนั้นแล้วยังมีบ้านขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับตลาดที่เธอกำลังเดินอยู่อีก
'เห้ออ อย่างน้อยแถวนี้ก็มีคนอยู่... ไม่ต้องกังวลเรื่องจะโดนใครหรืออะไรดักฉุดลงข้างทางก็แล้วกัน'
สาวน้อยคิดในใจ ทว่าดูเหมือนบรรยากาศที่อยู่รอบๆตัวเธออยู่ในตอนนี้ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่สาวน้อยไม่ได้สังเกตและมองข้ามมันไปอย่างน่าขัน ทั้งๆที่มันเป็นรายละเอียดที่สุดแสนจะเด่นชัดอยู่ทนโท่แท้ๆ
ระหว่างที่หญิงสาวกำลังเดินคนเดียวอยู่นั้นเอง เธอก็เหลือบไปเห็นกระจกเงาบานหนึ่ง หญิงสาวหยุดหน้ากระจกพร้อมกับตรวจเช็คทรงผมของเธอให้เรียบร้อย นัยน์ตาสีม่วงเม็ดมะปรางของเธอสะท้อนออกมาจากภายในกระจก นักเรียนสาวฉีกยิ้มเพื่อยลโฉมความงามของตัวเอง มันเป็นภาพที่มีไม่กี่คนเท่านั้นถึงจะเห็น เมื่อตรวจเช็คหน้าตาของตัวเองเสร็จเธอก็หันหน้าตรงก่อนที่จะจ้ำเท้าเดินต่อ
"ลูก... ลูกเอ้ย... หลงแล้ว"
...เธอก็ยังคงไม่ตระหนักถึงอะไรบางอย่างที่มันผิดเพี้ยนและแปลกประหลาดออกไป ทั้งๆที่มันอยู่รายล้อมตัวของเธอเองอยู่แท้ๆ
เมื่อนั้นเอง หญิงสาวก็เดินผ่านระเบียงรั้วของบ้านหลังนั้นก่อนที่จะได้ยินเสียงหอนของสุนัข
ทีแรกหญิงสาวมิได้เอะใจอะไร เธอหันไปตามเสียงหอน...ทันใดนั้นเอง เธอก็พบว่าสุนัขที่กำลังหอนใส่เธอมันไม่มีหัว
...
มีเพียงร่างท่อนล่างที่ถูกตรึงด้วยโซ่ตรวนอยู่ ซึ่งมันปกคลุมไปด้วยขนที่เปียกแฉะและดูหลุดลุ่ยราวกับไม่มีคนคอยดูแลมันมาหลายปีแล้ว ผิวหนังบางและมีส่วนที่เห็นกระดูกสีขาวโพลนยื่นออกมา อุ้งเล็บแหลมคมยาวเฟื้อย ส่วนที่เป็นคอขึ้นไปนั้นว่างเปล่ามีเพียงแต่ช่วงคอที่ขาดวิ่นเห็นโครงกระดูก หลอดเลือดและผิวหนังสีแดงฉานอยู่ด้านในนั้น ทว่าเสียงหอนของมันก็ยังคงโหยหวนไม่หยุดราวกับว่าแท้จริงแล้วมันไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ แต่เป็นเสียงจากสายลมและสรรพสิ่งที่ล่องลอยอยู่บนอากาศซึ่งไม่สามารถจับต้องและเห็นตัวตน
เมื่อนักเรียนสาวเห็นภาพที่เหวอะหวะและน่าขยะแขยงดังนั้นเธอจึงรู้สึกผะอืดผะอมขึ้นมา หญิงสาวเอามือกุมไปที่ปากและพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองปล่อยสิ่งที่ไม่น่ามองออกมาก่อนที่จะจ้ำเท้าเดินออกไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม
"ลูกเอ้ย... ผิดทางแล้ว"
หญิงสาวรีบเดินจ้ำเท้าไปเรื่อยๆ ในที่สุดเธอก็พลันนึกขึ้นได้ซักทีว่าปกติแล้วซอยๆนี้มันไม่มีที่ว่างพอที่จะจัดงานวัดหรือมีบ้านหลังใหญ่อยู่ข้างทางได้หรอก สิ่งที่เธอเห็นเมื่อครู่เป็นภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้น ณ ตอนนี้เธอกำลังหลงเข้าไปอยู่ในกลอันลวงหลอกของสิ่งที่มองไม่เห็นเข้าเต็มๆเสียแล้ว
...และตั้งแต่ที่เธอเดินเข้าไปสู่งานวัดลวงตาเมื่อตะกี้ มันเหมือนกับมีเสียงแว่ว เสียงกระซิบที่มาพร้อมกับความมืดที่อยู่รอบตัว ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังพูดกรอกหูของเธออยู่มาได้ซักพักนึงแล้ว เสียงของมันเหมือนกับจะพยายามบอกเตือนเธออยู่ ว่าเธอกำลังหลงทาง
และก็ดูเหมือนว่าเธอจะวิ่งหนีมาผิดทางจริงๆ...
เพราะตรงหน้าของเธอ แทนที่จะเป็นแสงสว่างหรือทางออกสู่หน้าปากซอย... แต่กลับเป็นสุสานศาลพระภูมิร้างที่เธอพึ่งเดินผ่านมาก่อนหน้านี้
พลังอำนาจเหนือธรรมชาติบางอย่างกำลังล่อลวงและเล่นงานตัวเธออยู่ มันกำลังวางกับดักมายาและเล่นกับกลไกความกลัวของมนุษย์เพื่อที่จะได้ฉุดกระชากเธอลงหลุมและติดอยู่ในห้วงแห่งความวิปลาสท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืนไปตลอดกาล...
หญิงสาวเมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะหันหลังเพื่อเดินย้อนกลับไป แต่ทว่าทันทีเธอหันหลังกลับ สาวน้อยก็ต้องเห็นกับสิ่งที่ไม่คาคดิด...
เงาสีทมิฬของวิญญาณสัมภเวสีนับสิบตัวกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของเธอ ขวางทางเดินของสาวน้อยไม่ยอมให้เธอหนีกลับบ้านไปได้ วิญญาณสัมภเวสีเหล่านี้จ้องจะกัดกินและกระชากวิญญาณของคนที่ดวงตกและกำลังหลงทางอย่างเธอ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์บีบคั้นอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ สาวน้อยจึงจำใจวิ่งหนีกลับไปทางเดิมหรือก็คือทางที่จะนำเธอไปสู่คูน้ำและโบสถ์ที่อยู่หลังโรงเรียน
นักเรียนสาวยังคงตั้งสติให้อยู่กับตัว เธอไม่ยอมให้ตัวเองแตกตื่นลนลานเพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจะยิ่งเข้าทางของพวกภูตผีปีศาจร้าย เธอวิ่งไปตามทางที่เธอเดินผ่านมา เธอเข้าไปในเขตหญ้ารกพร้อมกับคอยหันไปมองข้างหลังว่ามีสิ่งที่จับต้องไม่ได้ตามมาหรือไม่
โชคเหมือนจะกลับมาเข้าข้างเธอ เมื่อหญิงสาวพบว่าด้านหลังไม่มีอะไรตามมาแล้ว วิญญาณไร้ส่วนบุญเหล่านั้นคงจะไม่มีพลังอำนาจและบารมีมากพอที่จะติดตามตัวเธอมา สิ่งเดียวที่สัมภเวสีเหล่านั้นทำได้ก็คือรอให้คนที่กำลังดวงตกเข้าไปติดกับดักต้องสาปของพวกมัน ทว่าระหว่างที่เธอกำลังมองหลังและกำลังวิ่งไปข้างหน้าโดยที่ไม่ได้มองทางอยู่นั้นเอง
ปักก!
ร่างของหญิงสาวล้มลงไปสัมผัสกับพื้นดินโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
เสียงกรอบแกรบของใบไม้ดังขึ้นเมื่อเธอพยายามที่จะใช้มือทั้งสองข้างยันพื้นเพื่อพยุงตัวเธอขึ้นมา
เท้าของเธอสะดุดกับหลุมคูน้ำเล็กๆตรงหน้าที่เธอไม่ทันมอง หญิงสาวตะเกียกตะกายยกร่างของตัวเองขึ้นมามายืนได้อีกครั้ง แต่ทว่า...
...ทันทีที่เธอลุกขึ้นมา นักเรียนสาวก็พบกับชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังยืนขวางทางอยู่ตรงหน้าของเธออยู่
นักเรียนสาวมองไม่เห็นดวงตาของสิ่งที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเนื่องจากมันมีหน้ากากอันหนึ่งกำลังปกปิดใบหน้าของชายปริศนา ...เพียงแต่ใบหน้าที่มองตรงมายังเธอนั้นราวกับว่าสายตาคู่นั้นของมันกำลังจรดมองเข้ามาที่ดวงตาของเธออยู่ก็ไม่ปาน และสิ่งที่ยิ่งทำให้ขาทั้งสองข้างของหญิงสาวสั่นเครือไปด้วยความกลัวนั่นก็คือ... มีดปังตอสนิมเขรอะที่เต็มไปด้วยรอยเลือดอันน่าสยดสยองที่ถืออยู่บนมือข้างขวาของมัน...
เมื่อกวาดสายตามองไปที่ปังตอเปื้อนเลือดของชายคนนั้นแล้ว หญิงสาวไม่คิดไตร่ตรองอะไรอีกนอกจากตัดสินใจเพ่งสมาธิไปที่ข้อเท้าของตัวเองพร้อมกับกระโดดข้ามคูน้ำและจ้ำเท้าวิ่งหนีออกไปจาก ณ ที่ตรงนั้นโดยบัดดล
เธอรู้ดีว่าเมื่อวิ่งกลับไปทางนั้นแล้ว เธอก็จะต้องเจอกับสุสานศาลพระภูมิและฝูงสัมภเวสีกระหายวิญญาณพวกนั้นอีกครั้งแต่หญิงสาวก็ไม่มีทางเลือกเนื่องจากถ้าไม่ยอมวิ่งหนีไปทางใดทางหนึ่งแล้ว เธอก็ต้องเผชิญหน้ากับความเกรี้ยวกราดของคมมีดปังตออยู่ดี ...เธอวิ่งออกมาจากเขตหญ้ารกและเมื่อนั้นเองเธอก็มองเห็นศาลพระภูมิร้างและฝูงสัมภเวสีกำลังยืนดักรอเธออยู่ขาของเธอเริ่มที่จะอ่อนล้าประกอบกับความรู้สึกสิ้นหวังที่ไม่ว่าจะวิ่งหนีไปทางไหนก็จะพบแต่ความตาย เมื่อมองไปด้านหน้าเธอก็พบกับเงาสีทมิฬรูปร่างซูบผอมสื่อให้เห็นถึงวิญญาณที่ขาดส่วนบุญทว่ามีปากใหญ่และฟันอันแหลมคมน่าสยดสยองเพื่อที่จะกระชากวิญญาณจากเหยื่อ เมื่อหันไปมองด้านหลังก็พบกับชายฆาตกรที่มาพร้อมกับมีดปังตอ ระหว่างที่ทุกอย่างดูเหมือนกำลังจะจบสิ้นอยู่นั้นเอง...ฟึบๆ...จู่ๆก็มีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ภายในพงหญ้า และชั่วพริบตาเดียวนั้นเองท่อนไม้ขนาดใหญ่จากไหนไม่รู้ก็ถูกเหวี่ยงเข้ามาฟาดใส่หน้าฆาตกรโรคจิตจนหน้ากากหลุดพร้อมกับล่วงลงไปนอนกองหมดสภาพอยู่ที่พื้น ซึ่งใบหน้าภายใต้หน้ากากของชายผู้นั้นก็คือเมฆ บาริสต้าหนุ่มที่ประจำอยู่ที่ร้านกาแฟที่มีชื่อว่าสกายคาเฟ่ โดยหญิงสาวไม่ได้ทันสังเกตเนื่องจากบริเวณโดยรอบนั้นมืดมากหญิงสาวกวาดสายตาไปยังท่อนไม้ที่ถูกใช้เข้าโจมตีชายหนุ่มคนนั้น และเธอก็พบว่ามีนักเรียนสาวอีกคนพุ่งเข้ามาช่วยเธอและกำลังยืนอยู่เหนือร่างของชายหนุ่มที่กำลังนอนกองอยู่อย่างสง่าผ่าเผย เธอคนนั้นก็คือซาโกะหนึ่งในสมาชิกชมรมโรงเรียนไอด้อลซึ่งหญิงสาวก็ไม่รู้จักเช่นกันซาโกะยื่นมือมายังหญิงสาวพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงแบบสาวหล่อในซีรี่ส์แนวชีวิตในรั้วโรงเรียนหญิง(ประกอบกับภาษาไทยสำเนียงญี่ปุ่นของเธอว่า) "--จับมือชั้นไว้-- --ถ้ายังอยากที่จะมีชีวิตต่อ!--" หญิงสาวไม่ได้คิดอะไร เธอเอื้อมไปจับมือที่ยื่นมาของซาโกะก่อนที่สาวหน้าญี่ปุ่นจะจูงมือของเธอและวิ่งข้ามผ่านขวากหนามที่อยู่ข้างหน้าไปด้วยกัน...ระหว่างที่กำลังก้าวเท้าไปพร้อมๆกัน ซาโกะก็หันกลับมามองหน้าของหญิงสาวที่เธอสวมบทฮีโร่เข้ามาช่วย เธอส่งรอยยิ้มให้กับสาวผมดำที่กำลังบีบมือของเธอด้วยใบหน้าที่เธอคิดว่ามันต้องเท่ห์มากๆ ภายในหัวของซาโกะ ทุกๆอย่างที่อยู่รอบตัวของเธอกำลังเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆราวกับเป็นภาพสโลโมชั่นเพราะเธอกำลังจินตนาการถึงซีนๆนึงในซีรี่ส์แนวสยองขวัญของญี่ปุ่นซักเรื่อง ที่ตัวเอกวิ่งมาช่วยเหลือนางเอกและทั้งสองก็วิ่งฝ่าเหล่าตัวร้ายที่อยู่ด้านหน้าไปด้วยกัน ทุกๆอย่างมันเป็นแผนที่เธอกับเมฆจัดฉากขึ้นมา อันดับแรกคือการให้เมฆปลอมตัวเป็นฆาตกรโรคจิตแล้วมาวิ่งไล่ล่าเป้าหมายของเธอ อันดับต่อมาก็คือเธอต้องสวมบทเป็นฮีโร่เข้าไปช่วยเป้าหมาย จังหวะที่เธอหวดเมฆด้วยท่อนไม้เมื่อครู่นี้ก็เป็นฉากที่เตี๊ยมกันมาแล้ว (ทว่าไม่รู้ว่าเมฆกำลังแสดงให้สมจริงอยู่หรือเพราะว่าเธอหวดแรงเกินไปกันแน่ เพราะตอนนี้นักเรียนหนุ่มก็ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น ไม่มีที่ท่าว่าจะขยับเขยื้อนแต่อย่างใด) ...เพื่อที่ในท้ายที่สุด ซาโกะจะได้พานักเรียนสาวไปส่งถึงที่หน้าปากซอยและใช้จังหวะที่หญิงสาวกำลังซาบซึ้งกับการมาโปรดของเธอกล่าวเชิญชวนให้เธอมาเข้าร่วมชมรมโรงเรียนไอด้อล ท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องเข้ามาจากถนนยามค่ำคืน...อันเป็นบรรยากาศชวนฝันที่ซาโกะคิดขึ้นในหัว ...ทว่าดูเหมือนทุกๆอย่างมันจะไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น"คุณคะ !" เสียงที่ทุ้มแต่นุ่มนวลของหญิงสาวเอ่ยขึ้นมา"คุณคะ ! คุณคะ !" ดูเหมือนซาโกะจะไม่ได้ยินเธอจึงเรียกซ้ำขึ้นมา"--หึ ? อะไรอย่างงั้นหรอ--" ซาโกะถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ฝืนเก๊กอย่างสุดขีด สีหน้าของเธอคือแบบคนที่กำลังจะโชว์ว่าตัวเองใจเย็นมากขนาดไหน ทั้งๆที่เธอกำลังจะจูงมือลากหญิงสาวคนนั้นไปตาย"คุณคะ ! หยุดก่อนค่ะ ! คุณกำลังพาชั้นมาผิดทางนะคะ !" "--หนาหนิ--" ซาโกะหยุดนิ่งลงก่อนที่จะหันไปข้างหลังและพบกับ...ซี่ซี่ซี่ซี่ซี่ !เหล่าสัมภเวสีที่ใบหน้าเป็นอสุรกายกำลังจะเขมือบร่างของเธออยู่ เมื่อสาวหน้าญี่ปุ่นเห็นดังนั้นจึงเกิดอาการช็อคและใบหน้าซีดเสียวลงทันตาเห็น เธอกรีดร้องออกมาสุดเสียง"--กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!--"นักเรียนสาวผู้ถูกช่วยไม่รอช้า เธอรูดซิบเปิดกระเป๋าเป้ที่สะพายหลังของเธออยู่ออกมาพร้อมกับคว้าแฟ้มสีน้ำตาลแฟ้มหนึ่ง เธอหยิบแผ่นกระดาษที่อยู่ภายในแฟ้มออกมาพร้อมกับชูขึ้นก่อนที่จะใช้มันแปะเข้าที่ใบหน้าของสัมภเวสีตนนั้น เพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างของมันก็สลายหายไปในทันที!กระดาษแผ่นนั้นคือยันกันผีจากประเทศจีน ที่พ่อของเธอซึ่งเป็นชาวจีนให้พกติดตัวไว้เสมอเผื่อเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เสียงร้องโหยหวนจากวิญญาณร้ายในขณะที่ร่างกำลังสลายแสบแก้วหูและน่าหวาดผวามาก เสียงอันน่าขนลุกนั้นทำเอาซาโกะประสาทเสีย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอมาเพื่อช่วยสาวน้อยแท้ๆ ทว่ากลับกลายเป็นเธอที่ไปยืนซบอยู่ด้านหลังพร้อมกับร้องให้ออกมาอย่างเละเทะ ในขณะที่หญิงสาวถึงแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับภาพลวงตา เสียงแว่วกระซิบจากผีพรายที่มาเตือน วิญญาณร้ายที่กระหายวิญญาณและฆาตกรปลอมๆที่น่าหวาดหวั่น เธอก็ยังคงตั้งสติเอาไว้ได้และไม่แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว... เธอยังคงยืนอย่างมั่นคงเป็นโล่คอยปกป้องผู้หญิงที่ชื่นชอบความสยองขวัญแต่กลับกลัวผีซะเองอย่างซาโกะพร้อมกับใช้ยันกันผีที่เหลือขู่ให้เหล่าสัมภเวสีหลีกทางออกไป เมื่อวิญญาณร้ายต่างพากันสลายหายตัวกันไปหมดแล้ว เธอก็พาซาโกะเดินออกมาจากซอยอย่างทุลักทุเล สาวหน้าญี่ปุ่นยังคงร้องไห้ไม่หยุดเนื่องจากไม่เคยพบกับเรื่องราวอันน่าสะพรึงแบบนี้มาก่อน สาวน้อยผู้ไร้ซึ่งความกลัวเมื่อเห็นดังนั้นจึงพาซาโกะมาพักที่บ้านของตัวเองก่อนพร้อมกับปลอมประโลมด้วยการนำกับข้าวจากหลังบ้านมาให้ …"อะ... นี่ ข้าวหน้าไก่ทอด ชั้นทำเอง กินก่อนสิ""--ฮือๆๆ-- --ฮือๆๆ-- --ฮือๆๆ-- --ขอบคุณนะ-- --ฮือๆ--" ซาโกะยังคงฟุบหน้าตัวเองลงไปกับโต๊ะอาหาร เมื่อกลิ่นหอมๆของไก่ทอดโชยมาเธอจึงลุกขึ้นมาตักกับข้าวกินทั้งๆที่ยังสะอึกสะอื้นอยู่"บ้านของเธออยู่ไหนหรอเดี๋ยวพาไปส่ง" หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงที่เท่ห์ออกมาโดยธรรมชาติ ไม่ต้องพยายามสร้างสถานการณ์แบบใครบางคน"--ฮือๆๆ-- --ฮือๆ-- --อยู่หอพักบล็อดดี้มิดดุไนท์โตะ{Bloody Midnight}-- --ฮือๆ--" ซาโกะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ"อ๋อ งั้นเหรอ ? ได้ๆเดี๋ยวจะพาไปส่ง" เสร็จแล้วหลังจากนั้นหญิงสาวผมดำก็อาสาพาซาโกะไปส่งถึงที่หอพัก’บล็อดดี้มิดไนท์’ซึ่งเป็นหอพักเอกชนอยู่ไกลจากโรงเรียนไปได้พอสมควรแต่จุดพิเศษของมันอยู่ที่การตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับคนที่ชื่นชอบบรรยากาศแบบสถานที่ในภาพยนตร์แนวฆาตกรโรคจิต...ซึ่งเป็นสิ่งที่ซาโกะชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจ ซาโกะยังคงร้องไห้มาตลอดทาง ทั้งๆที่เธอชื่นชอบเรื่องราวสยองขวัญและคาแรคเตอร์ฆาตกรโรคจิตแท้ๆ แต่เธอกลับขวัญอ่อนและขี้กลัวกว่าที่คิด ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ไม่ได้เอ่ยปากชวนให้สาวผมดำมาอยู่ชมรมด้วย แต่อย่างน้อยเธอก็ได้รู้ชื่อของสาวมาดขรึมคนนี้"--ฮือๆๆ-- --ฮือๆๆ-- --เธอชื่ออะไรหรอ?-- --ฮือๆๆ--""ชื่อชั้นน่ะหรอ...'ไข่มุก'แล้วเธอล่ะ""--ฮือๆๆ-- --ฮือๆๆ-- --ซาโกะ-- --ฮือๆๆ--" ...ก่อนที่ทั้งสอง จะผ่านพ้นค่ำคืนวิปลาสนี้ไป......หลังจากที่สลบเมือดไปร่วมครึ่งชั่วโมง เมฆก็รู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมด้วยอาการปวดเคล็ดขัดยอกบริเวณศรีษะเป็นอย่างมาก เขาบ่นพึมถึงเรื่องความแรงของไม้ที่ซาโกะใช้ฟาดตัวเค้า... ระหว่างที่กำลังรวบรวมสติและยังคงไม่หายจากอาการมึนงงอยู่นั้นเอง เขาก็พบว่ารอบๆตัวเค้า...ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด และเงาทมิฬ...ของพวกสัมภเวสี... ... ... ...
"ใครก็ได้ช่วยชั้นด้วย !! อ้าาาาาาาาาาาากกกกกกกกกกกกกกกกกก !!"
|
|
|
Post by GreyTear on Aug 10, 2018 12:00:48 GMT
สาวผมดำยาวสลวยกำลังจัดเสื้อผ้าในตู้ของเธอให้เรียบร้อย เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดเธอจึงได้โอกาสจัดห้องพักที่เธออาศัยอยู่ร่วมกับรูมเมทให้มีระเบียบมากยิ่งขึ้น โดยรูมเมทหรือกุ๊งกิ๊งนั้นช่วงนี้ค่อนข้างวุ่นอยู่กับกิจกรรมชมรมจึงไม่ค่อยอยู่หอเท่าไหร่และไหนจะต้องเตรียมสอบกลางภาคอีก ซึ่งสายวิทย์ที่กุ๊งกิ๊งอยู่นั้นตารางสอบค่อนข้างแน่นกว่าสายศิลป์เพราะมีวิชาที่ต้องเรียนเยอะกว่า
อย่างไรก็ตาม มันก็มีบางวิชาที่สายวิทย์กับสายศิลป์สอบเหมือนกันและสามารถติวให้กันได้เช่นวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ซึ่งวันนี้เธอก็ได้นัดติววิชาคณิตกับกุ๊งกิ๊งเอาไว้ตอนดึกๆ
ระหว่างจัดตู้เสื้อผ้าอยู่นั้นเอง เธอก็พบว่ามีเสื้อตัวหนึ่งซึ่งเธอไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เสื้อผ้าของเธอ
'...เห? นี่เสื้อผ้าของกุ๊งกิ๊งปนมากับตู้เรางั้นหรอ...?'
มันเป็นเอี๊ยมกระโปรงสีชมพูอ่อน หญิงสาวหยิบไม้แขนเสื้อที่เอี่ยมตัวนั้นพาดอยู่ออกมาจากตู้เสื้อผ้า เธอมองดูมันด้วยความฉงนเล็กน้อยเพราะเธอนึกไม่ออกว่าเธอเคยเห็นกุ๊งกิ๊งใส่เสื้อเอี๊ยมตัวนี้ที่ไหนแต่ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนเคยใส่ ...แต่ไซส์ของมันก็ถือว่าค่อนข้างเล็กเหมือนกันถ้าเทียบกับหุ่นของกุ๊งกิ๊งในตอนนี้ถึงแม้ว่ากุ๊งกิ๊งจะมีรูปร่างเพรียวบางก็ตาม
จีจี้จ้องมองเอี๊ยมตัวนั้นไปได้ซักพักหนึ่ง ทันใดนั้นเองเธอก็เดาะปากพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาว่า...
"เอ๊ะ?"
ราวกับว่าเธอมองเห็นอะไรบางอย่างภายในเสื้อเอี๊ยมตัวนี้
ตอนที่ 6 : กลิ่นความรักที่ชั้นมอบให้เป็นของปลอม...?
สกายคาเฟ่
แสงสว่างสีขาวนวลจากพระอาทิตย์ยามสายส่องผ่านหน้าต่างร้านกาแฟเข้ามา นาฬิกาเรือนสีขาวที่ติดอยู่บนผนังบอกเวลาสิบโมงครึ่งซึ่งเป็นช่วงเปิดร้านพอดี
ผ้าม่านสีขาวถูกลมที่พัดเข้ามาทำให้โป่งออกมาจากหน้าต่างราวกับเป็นผีผ้าม่านตอนกลางวันแสกๆยังไงอย่างงั้น ไออุ่นจากแสงแดดยามเช้าล่องลอยมาพร้อมๆกับสายลม
ประตูสีครีมหน้าร้านถูกผลักเข้ามา เสียงกระดิ่งที่ติดอยู่กับบานประตูดังกิ๊งๆ ป้ายห้อยที่เขียนว่า {OPEN} สั่นไปมา
หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตตัวหลวมๆลายตารางสีขาวเดินผ่านประตูบานนั้นเข้ามา ชายเสื้อใหญ่ๆของเธอถูกปล่อยแบบเซอๆคลุมกางเกงยีนส์ขาสั้นจนเกือบไม่เห็น ที่เท้าของเธอสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวได้ลุคแบบสาวออฟฟิศในวันเดย์-ออฟออกมานั่งจิบกาแฟช่วงสายๆ ผิวของเธอค่อนข้างซีดจนถูกแสงแดดที่ส่องเข้ามากลบทุกอย่างให้สว่างจ้าและกลายสีขาวทั้งหมด จะมีแต่ดวงตาสีชมพูเฟื่องฟ้ากับสีผมอันฉูดฉาดของเธอเท่านั้นที่โดดเด่นออกมาและตัดกับอย่างอื่น ซึ่งทั้งหมดนี้คือการแต่งตัวสบายๆในวันหยุดของสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นอย่างซาโกะ
โดยที่หญิงสาวมาร้านกาแฟในวันนี้ก็เพื่อที่จะมาคุยกับเมฆเรื่องแผนการดึงสมาชิกใหม่ให้มาเข้าร่วมชมรมโรงเรียนไอด้อล ซาโกะกะจะให้เมฆที่เป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเข้าไปอ้างตัวว่าเป็นโปรดิวเซอร์ของชมรมนี้และโปรยสเน่ห์เรียกให้หญิงสาวที่เธอกำลังหมายตาอยู่มาเข้าชมรมให้ได้ ซึ่งแผนการคราวก่อนที่ให้เมฆปลอมตัวเป็นฆาตกรโรคจิตดูเหมือนจะไม่ได้ผลเสียเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเธอจึงเปลี่ยนมาใช้วิธีที่มันดูนุ่มนวลลงตามคำแนะนำของเซี๊ยะ
เธอมองซ้ายมองขวาดูภายในร้าน เหมือนจะมีบางสิ่งที่ขาดหายไปในวันนี้
'--สงสัยคงจะต้องให้เมฆคุง-- --ไปโปรยเสน่ห์-- --แบบที่เซี๊ยะจังพูดแล้ว-- --ว่าแต่เมฆคุงอยู่ไหนกันน่า-- --วันนี้ไม่มาทำงานหรือเปล่า--'
ที่สเตชั่นหลังเคาน์เตอร์ไม่มีบาริสต้าหนุ่มที่ชื่อว่า'เมฆ'ยืนอยู่ ซาโกะนั่งลงตรงที่นั่งที่เป็นบาร์หน้าเคาน์เตอร์ เธอนั่งหันซ้ายหันขวาไปมาด้วยสีหน้าที่ดูว้าเหว่ จนกระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูหลังร้านก่อนที่จะมาประจำอยู่ที่หลังเคาน์เตอร์แทนที่ตำแหน่งประจำของเมฆ ซาโกะมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความฉงน เธอสังเกตเห็นป้ายชื่อที่เขียนห้อยคอเอาไว้อยู่ว่า'ธารา'
ซาโกะไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มายืนอยู่ที่หลังเคาน์เตอร์มาก่อน ด้วยความที่หญิงสาวคนนั้นหน้าตาค่อนข้างเด็กโดยน่าจะมีอายุรุ่นเดียวหรือไม่ก็เป็นรุ่นพี่ซาโกะซักปีสองปี จึงเป็นไปได้ว่าเธอคือบาริสต้าที่มาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ถึงอย่างงั้นก็ตามในตอนนี้เธอก็อยากพบหน้าบาริสต้าที่ชื่อเมฆมากกว่า ซาโกะตัดสินใจเอ่ยปากถามบาริสต้าสาวคนนั้นไปว่า
"--ขอโทษนะคะ-- --ไม่ทราบว่าวันนี้-- --'เมฆ'ไม่อยู่ที่ร้านหรอคะ ?--" เธอถามออกไปด้วยสำเนียงที่ไม่ค่อยชัดของเธอ เมื่อนั้นเองบาริสต้าสาวจึงหันกลับมาด้วยสายตาที่ดูดุๆเล็กน้อยซึ่งอาจจะเป็นธรรมชาติของเธอพร้อมกับตอบกลับไปว่า
"อ๋อ... เมฆน่ะหรอ? พอดีโดนไล่ออกไปแล้วล่ะ น่าเสียดายจริงๆนะ" น้ำเสียงของบาริสต้าสาวค่อนข้างแหบห้าวและแข็งกระด้างพอสมควร เมื่อซาโกะได้ยินดังนั้นเธอจึงตกใจขึ้นมาพร้อมกับถามกลับไปว่า
"--เอ๋! ?-- --จริงหรอคะ! ?-- --ทำไมกันน่ะ! ?-- --เมฆไปทำอะไรไม่ดีไว้หรอ?--" แววตาของซาโกะนั้นดูใสซื่อ เธอเหมือนจะเชื่อว่าเมฆโดนไล่ออกแล้วจริงๆ เมื่อธาราเห็นดังนั้นเธอจึงแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับพูดความจริงออกไปว่า
"เหอะๆๆ จริงๆชั้นแค่ล้อเธอเล่นเท่านั้นแหละ" ธาราพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
"--เอ๊ะ! ?-- --หนาหนิ!!-- --ทำไมต้องมาหลอกกันด้วยล่ะคะ--" ซาโกะงอนแก้มป่องออกมา ธาราจึงอธิบายกลับไป...
"พอดีว่าช่วงนี้น่ะมีพวกสาวๆจากโรงเรียนอื่นชอบแวะมาเจ๊าะแจ๊ะจอแจตามอ่อยเมฆเป็นจำนวนมาก ชั้นที่เป็นญาติกับเมฆจึงต้องคอยดูแลความปลอดภัยของน้องชายตัวเอง แล้วก็ต้องสกรีนพวกเสือสิงกระทิงแรดแล้วก็ชะนีทั้งหลายแหล่ที่จะเข้ามาพรากน้องชายผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ไปจากชั้นน่ะสิ๊" เธอพูดพร้อมกับเช็ดทำความสะอาดแก้วกาแฟไปพลางๆ
"--อะ..อ๋อ-- --อย่างงี้นี่เอง-- --พอดีชั้นเป็นเพื่อนของเมฆคุงน่ะค่ะ-- --ชื่อว่าซาโกะ--" ซาโกะได้โอกาสพูดแนะนำตัวเองออกไป เมื่อได้ยินดังนั้นธาราจึงแนะนำตัวเองกลับพร้อมกับพูดต่อ
"ชั้นเห็นว่าแววตาของเธอดูใสซื่อดีน่ะนะ คงจะไว้ใจได้ ที่สำคัญคือเป็นลูกครึ่งด้วยดูทรงแล้วน่าจะยังไม่ค่อยคุ้นเคย คงไม่มีพิษมีภัยอะไร มาอยู่ที่ประเทศไทยกี่ปีแล้วล่ะ?" ธาราถาม
"--น้อยกว่าหนึ่งปีค่ะ--" ซาโกะตอบกลับไปตามตรง
"โห้วว... อย่างงี้นี่เอง! อยู่เมืองไทยก็ทำตัวตามสบายได้มากกว่าที่ญี่ปุ่นอะนะ สังคมที่นี่ชอบอะไรที่สโลว์ไลฟ์ ชิลล์ๆ อะไรๆก็ยืดหยุ่นได้ ไม่เหมือนประเทศญี่ปุ่นที่อะไรๆก็ต้องเร่งรีบและต้องตรงตามกำหนดตลอดเวลา ...พูดถึงบรรยากาศความสโลว์ไลฟ์ ชิลล์ๆแล้วเนี่ย ที่สกายคาเฟ่นี่ก็บรรยากาศดีมากเลยล่ะ แวะมาได้เรื่อยๆเลยนะ อะแห่มๆขอฮาร์ดเซลนิดหน่อย..."
ดูเหมือนบาริสต้าสาวคนนี้จะเป็นพวกช่างจ้อมากกว่าที่คิดซึ่งซาโกะก็ไม่ได้รู้สึกขัดใจหรือรำคาญแต่อย่างใด เพียงแต่สิ่งเดียวที่เธอต้องการรู้ก็คือ'เมฆอยู่ที่ไหน' เธอได้แต่นั่งรอแล้วก็คุยตามน้ำไปเรื่อยๆเพื่อรอหาจังหวะถามธารากลับไป
...
"พวกผู้หญิงสมัยนี้น่ะบ้าผู้ชายกันมาก ไว้ใจไม่ได้เลยซักคน... ล่าสุดเห็นว่าเมฆเนี่ยไปเป็นจ็อบซังหรือผู้จัดการอะไรซักอย่างพรรค์นั้นให้กับชมรมไอด้อลที่โรงเรียนด้วยแหละ มีผู้หญิงรายล้อมเยอะๆแบบนั้นก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่อยู่เหมือนกัน" ธาราเปิดประเด็นขึ้นมาโดยที่เธอไม่ได้นึกถึงตัวเองเลยว่าเธอก็เป็น'ผู้หญิงสมัยนี้'เหมือนกันและเธอก็ไม่รู้ตัวเช่นกันว่าเธอกำลังพูดอยู่กับหนึ่งในสมาชิกชมรมไอด้อลที่เธอกล่าวถึง
"--อะ...แฮะๆๆ-- --แย่จังเลยนะ--" ซาโกะก็ได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆและก็ตามน้ำไป
"ชั้นไปไล่ดูหน้าตาของสมาชิกแต่ละคน... พวกที่น่ารักใสๆก็พอมีอยู่บ้างนะ แต่พวกที่เหลือเนี่ยเช่นยัยคนนี้น่ะ..." ธารายื่นหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้ซาโกะดู ซึ่งภายในนั้นมีรูปภาพของสมาชิกชมรมแต่ละคน ทั้งกุ๊งกิ๊ง รัน เซี๊ยะและตัวซาโกะเอง ทว่ารูปของซาโกะเป็นรูปที่เธอแต่งตัวผิดระเบียบในชุดนักเรียน ใส่เครื่องประดับเยอะแยะซะจนจำไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่นั่งอยู่ตอนนี้
ธาราชี้ไปที่รูปสาวผมแดงหรือก็คือเซี๊ยะพร้อมกับพูดความเห็นของตัวเองออกมาว่า "อย่างคนนี้น่ะเป็นรุ่นน้องที่ชั้นรู้จักแต่ไม่ค่อยสนิทกันมากเท่าไหร่ เลยไม่รู้นิสัยใจคอที่แท้จริง แต่ดูจากสีผม แววตา โครงหน้าที่ดูโฉบเฉียวแบบนี้แล้วต้องเป็นพวกเป็นนางมารร้ายที่ชอบปั่นหัวผู้ชายเป็นชีวิตจิตใจแน่ๆ ชั้นน่ะไม่ยอมให้เมฆไปคบกับผู้หญิงแบบนั้นโดยเด็ดขาด" ซาโกะถึงกับแอบขำออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่ธาราคิดกับเซี๊ยะแบบนั้น
ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนมาชี้ไปที่รูปของซาโกะ เมื่อนั้นเองรอยยิ้มบนใบหน้าของซาโกะก็หายไป "ส่วนคนนี้ก็แต่งตัวผิดระเบียบมาก ไม่รู้เป็นใครมาจากไหนนะแต่ถ้ามาอยู่โรงเรียนๆนี้ก็ควรให้เกียรติสถานที่ซักหน่อย" มันควรจะเป็นการนินทาผู้หญิงคนหนึ่งของผู้หญิงอีกสองคนทว่ากลับกลายเป็นการนินทาผู้หญิงที่นั่งอยู่ซึ่งๆหน้าเสียอย่างนั้น ซาโกะแสดงสีหน้าเจื่อนๆอีกครั้งและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไป
ธารายังคงชวนซาโกะคุยต่อไปเรื่อยๆ ...ก็ไม่รู้ว่าบาริสต้าสาวคนนี้ไปคึกมาจากไหน ถึงได้ชวนลูกค้าคุยไม่หยุด
จนซาโกะขี้เกียจหาจังหวะที่จะเปลี่ยนประเด็นอย่างนุ่มนวล เธอจึงตัดสินใจขัดจังหวะและเปลี่ยนประเด็นกลางคันดื้อๆเลย
"---ขอโทษนะคะ---"
"เอ๋ ? !" ธารากำลังร่ายยาวพูดถึงเพื่อนสมัยม.ต้นของเธออยู่ ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นการพูดถึงแต่เรื่องของตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็โดนขัดจังหวะโดยซาโกะเสียแล้ว
"--ว่าแต่...เมฆคุงทำไมถึงไม่อยู่วันนี้ล่ะคะ?--" เธอถามด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ แต่ใบหน้าค่อนข้างจริงจัง
"เมฆน่ะหรอ... พอดีว่าตอนนี้กำลังป่วยอยู่น่ะ นอนจับไข้หัวโกร๋นอยู่ในห้อง เห็นบอกว่าวันก่อนโดนผีหลอกมาน่ะ... สมัยนี้ยังมีพวกภูตผีอยู่อีกหรอเนี่ย...แปลกจังเนอะ"
"--นารูโฮลโด--" ซาโกะเมื่อได้ยินดังนั้นจึงถึงบางอ้อทันที... เธอพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวันก่อน เธอทิ้งให้เมฆนอนสลบอยู่ภายในซอยวิปลาสนั่นอยู่คนเดียว ถ้าจะโดนผีพวกนั้นรุมหลอกก็ไม่แปลก
กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง...
...เมื่อนั้นเอง...
เสียงกระดิ่งที่ประตูหน้าร้านก็ดังขึ้น พลันให้พวกเธอหันไปตามที่มาของเสียงซึ่งก็คือหญิงสาวผมสีดำนัยน์ตาสีม่วงเม็ดมะปรางคนหนึ่ง...
เธออยู่ในเสื้อคอปกแขนกุดลายทางสีขาวซึ่งเข้ากับผิวพรรณที่ขาวเนียนประดุจไข่มุกของเธอได้ดี นอกจากนั้นยังสวมมินิสเกิร์ตสีน้ำตาลอ่อน อาจจะเป็นการแต่งตัวที่ดูง่ายๆไม่มีอะไรมากแต่ก็ดูสวยแฝงไปด้วยความเซ็กซี่ซึ่งเข้ากับตัวเธอสุดๆ
เมื่อซาโกะชายตามองไปที่หญิงสาวซึ่งพึ่งเดินเข้าร้านมา เธอก็รู้ทันทีว่าหญิงสาวคนนั้นก็คือไข่มุกหรือนักเรียนหญิงม.ปลายที่เธอกับเมฆกำลังหมายตาให้มาอยู่ชมรมโรงเรียนไอด้อลกับพวกเธออยู่
ถึงอย่างงั้นก็ตาม... แต่ธาราก็ยังคงจ้ออยู่แต่กับเรื่องตัวเองไม่เลิก ซาโกะจึงต้องขัดจังหวะขึ้นมาดื้อๆว่า
"--ขอโทษนะคะ!-- --คือว่าชั้นก็เป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมไอด้อล-- --ชมรมนั้นเหมือนกันน่ะค่ะ--"
"เอ๊ะ ! อย่างงั้นเองหรอ !" ธาราเมื่อได้ยินดังนั้นจึงหน้าเสียเล็กน้อย ซาโกะพูดต่อว่า
"--ตอนนี้ชมรมของเรา-- --กำลังหาสมาชิกใหม่อยู่-- --และผู้หญิงคนนั้นก็เป็นที่หมายตามากๆเลยล่ะค่ะ!--"
ซาโกะชี้ไปที่ไข่มุกที่กำลังนั่งหันหลังอยู่ในขณะเดียวกันก็ให้ธาราชะเง้อมามองดูเป้าหมายที่เธอกำลังพูดถึง
"--เพราะฉะนั้นตอนนี้-- --ชั้นต้องการตัวเมฆมากๆ-- --ช่วยเป็นธุระให้หน่อยจะได้มั้ยคะ!--" ซาโกะก้มหัวขอให้ธาราไปเรียกตัวเมฆมา เมื่อเห็นดังนั้นธาราจึงทำหน้างงขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับถามกลับไปว่า
"เอ๊ะ ? เธอจะต้องการตัวเมฆไปทำไม ถ้าเธออยากได้สมาชิกใหม่เธอก็เป็นคนไปสเกาท์เอาเองซิ๊"
"--ตามแผนที่วางไว้-- --ชั้นจะให้เมฆไปจีบผู้หญิงคนนั้น-- --แล้วหลอกใช้ให้มาเข้าชมรมค่ะ!--" ซาโกะอธิบายแผนของเธอไปหน้าซื่อๆ ซึ่งแน่นอนว่าธาราไม่มีทางยอมแน่ๆ เส้นเลือดปูดขึ้นมาบนขมับของธาราเล็กน้อยก่อนที่สาวผมดำนัยน์ตาสีม่วงอเมทิสจะตะคอกกลับไปด้วยน้ำเสียงอันแหบห้าวว่า
"จะบ้าหรอ ! ชั้นไม่ยอมให้น้องชายของชั้นไปทำอะไรหน้าไม่อายแบบนั้นหรอก ! แผนการของเธอนี่มันบ้าบอที่สุด นี่เธอเป็นคนคิดเองหรอเนี่ย ! ?"
"--เปล่าค่ะ-- --ผู้หญิงผมแดงๆคนนั้นเป็นคนคิด(ชี้ไปที่รูปสมาชิกชมรมที่ธารายกขึ้นมาให้ดู)--" ซาโกะบอกปัดพร้อมกับโยนความผิดทั้งหมดให้ไปลงที่เซี๊ยะ
"ที่แท้...ก็เป็นความคิดของยัยตัวแสบคนนี้นี่เอง..." ธาราจ้องมองไปที่รูปของเซี๊ยะที่กำลังยืนยิ้มด้วยแววตาที่โฉบเฉียวเปื้อนมลทินตามปกติของเธอพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอาฆาต
...หญิงสาวหลับตาและกอดอกทำท่าทีเชิดๆหยิ่งๆเล็กน้อยพร้อมกับพูดกับซาโกะว่า "เหอะ ! ก็เอาเถอะ... จริงๆแล้วชั้นเนี่ยก็เป็นอดีตสมาชิกของชมรมไอด้อลอะไรนั่นมาก่อนอะนะ ถ้าจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยไม่ให้ความช่วยเหลือรุ่นน้องเลยก็คงใจร้ายแย่ เอาอย่างงี้... ชั้นน่ะไม่มีทางปล่อยให้เมฆไปทำเรื่องบัดสีๆแบบนั้นอยู่แล้วอีกทั้งวันนี้น่ะเมฆไข้ขึ้นหนักมาก เธออย่าพึ่งรบกวนเค้าเลยจะดีกว่า คิดซะว่าเห็นแก่เมฆก็แล้วกัน..."
"--ค..ค่ะ...--" ซาโกะชายตาลงพร้อมกับตอบรับด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าสร้อยเหมือนลูกแมวน้อย ...ก่อนที่ธาราจะพูดต่อว่า
"แต่เผอิญชั้นรู้จักอยู่คนหนึ่ง ที่อาจจะช่วยสานแผนการบ้าบออันนี้ของเธอต่อได้ เพียงแต่ว่าเธอต้องชวนผู้หญิงที่เธอหมายตาคนนั้นให้ไปในสถานที่ที่ชั้นบอกให้ได้"
"--ที่ไหนหรอคะ! ?--" สีหน้าแววตาของซาโกะกลับมาสดใสอีกครั้ง เธอตาแป๋วขึ้นมาพร้อมกับถามธาราด้วยความสนใจ
"ถัดจากร้านกาแฟร้านนี้ไปจะมีโรงล้างรถอยู่ ข้างๆกับโรงล้างรถ เดินไปอีกนิดหน่อยจะเจอร้านปลาดิบ-ซูชิ เป็นร้านเล็กๆแต่เชฟที่ทำหน้าที่แล่ปลาน่ะเก่งมากๆ ถ้าเป็นช่วงสายๆอย่างงี้ร้านอาจจะยังคนไม่เยอะ แต่ถ้าเป็นช่วงบ่ายน่ะคนจะแน่นร้านมากๆเพราะฉะนั้นต้องรีบหน่อย เธอแค่ชวนผู้หญิงคนนั้นให้ไปที่ร้านซูชิร้านนั้นให้ได้ แล้วต่อจากนี้ชั้นจะช่วยประสานงานให้เอง..." ธาราขยิบตาข้างนึงพร้อมกับยิ้มอย่างมั่นใจราวกับจะบอกซาโกะกลายๆว่าให้เชื่อใจเธอได้
เมื่อซาโกะได้ยินดังนั้นเธอจึงค่อยๆดอลลี่ตัวเองไปอยู่ข้างๆไข่มุกโดยพลันก่อนที่จะพูดเข้าที่ข้างหูของหญิงสาวว่า
"--ไข่!!-- --มุก!!--"
"เอ๊อะะ ! อะไรของเธอเนี่ย ! ใครกันน่ะ !"
"อ๊ะ..."
ไข่มุกถึงกับสะดุ้งโหยงขึ้นมาเนื่องจากเธอกำลังเพ่งสมาธิไปที่สมุดเลคเชอร์วิชาชีววิทยาที่เธอเอามานั่งอ่านที่ร้านกาแฟอยู่ หญิงสาวสบถออกมาเล็กน้อยเนื่องจากไม่ชอบเวลามีคนแปลกหน้ามาทักเสียงดังแบบนี้ ทว่าหลังจากที่เธอหันไปเห็นหน้าของซาโกะเธอก็นิ่งเงียบลงและกลับมาอยู่ในท่าสำรวม
"อ...อ๋อ เธอนี่เอง...เธอก็ชอบมาที่คาเฟ่ร้านนี้เหมือนกันหรอ" สาวผิวขาวถามด้วยน้ำเสียงที่ดูนุ่มนวลและเป็นมิตรผิดจากเมื่อกี้นี้โดยสิ้นเชิง
"--อื้ม!!-- --คือว่าเคยมีเพื่อนแนะนำให้มาน่ะ--" ซาโกะตอบกลับไปเสียงอ่อยๆเนื่องจากว่าเธอกำลังมองไปยังหน้าหน้ากระดาษในสมุดเลคเชอร์ที่ไข่มุกพกติดตัวมาด้วยอยู่
บนหน้ากระดาษนั้นเต็มไปด้วยตัวอักษรภาษาไทยปนกับภาษาอังกฤษซึ่งล้วนแต่เป็นตัวอักษรที่ซาโกะไม่คุ้นเคยนอกจากนั้นยังมีรูปภาพแปลกๆประกอบอยู่ด้วยซึ่งซาโกะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่อยู่บนแผ่นกระดาษนั้นกำลังพูดถึงอะไรเนื่องจากว่ามันเป็นเนื้อหาของนักเรียนสายวิทย์ในขณะที่ซาโกะมาเข้าเรียนสายศิลป์ที่ไทย แต่ถึงอย่างงั้นซาโกะก็พอที่จะรู้ว่ามันเป็นวิชาที่เน้นการท่องจำซึ่งต้องใช้สมาธิมากๆ ถ้าเป็นบรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การมาทำงาน มาติวสอบหรืออ่านหนังสืออย่างภายในร้านกาแฟแบบนี้ก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าหากเป็นบรรยากาศภายในร้านอาหารที่ผู้คนพลุกพล่านอย่างในร้านซูชิ-ปลาดิบที่ธาราพูดถึงนี่คงจะไม่เหมาะแน่ๆ เธอนิ่งครุ่นคิดอยู่ซักพักก่อนที่ไข่มุกจะเรียกชื่อของเธอให้หลุดจากภวังค์
"ซาโกะ ?"
"--หืม?-- --อ้ออ!--" ซาโกะเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก เธอได้แต่ยืนอย่างเก้ๆกังๆอยู่ต่อหน้าไข่มุก ธาราที่มองดูจากหลังเคาน์เตอร์เมื่อเห็นดังนั้นก็เอามือก่ายหน้าผาก
"มัวแต่ยืนคิดอะไรอยู่หรอ ? นั่งก่อนสิ" ไข่มุกบอกให้ซาโกะนั่ง สาวครึ่งญี่ปุ่นจึงรีบๆนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาตัวตรงกันข้ามกับไข่มุก โดยเธอก็ได้แต่นั่งนิ่งๆทำอะไรไม่ถูกต่อไป
'--ดูท่าทาง-- --วันนี้ไข่มุกซัง-- --จะเตรียมตัวมาเพื่อติวหนังสือ-- --อย่างเดียวเลย-- --แล้วทีนี้จะชวนยังไงดีล่ะเนี่ย--'
...ผ่านไป 5 นาที...
บรรยากาศระหว่างหญิงสาวทั้งสองยังคงถูกความเงียบเข้าปกคลุม ฝ่ายไข่มุกก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ช่างจ้อแต่อย่างใดและที่สำคัญคือเธอกำลังเพ่งสมาธิอยู่กับการอ่านหนังสือสอบเพียงอย่างเดียวในขณะที่ซาโกะก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดคุยยังไงเนื่องจากว่าแผนการที่จะชวนให้ไข่มุกไปร้านซูชิน่าจะกร่อยไปแล้ว อีกทั้งช่องว่างเรื่องความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้นก็มีไม่ใช่น้อยๆ ปกติซาโกะก็เป็นคนที่พูดภาษาไทยได้ไม่ค่อยคล่องอยู่แล้วครั้นจะให้ไปชวนคนอื่นคุยหรือเป็นฝ่ายเปิดประเด็นซะเองก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากอีกทั้งเธอยังเรียนสายศิลป์ซึ่งการเตรียมตัวสอบก็ไม่เหมือนกับสายวิทย์ที่ไข่มุกกำลังเรียนอยู่จึงยิ่งทำให้หาประเด็นคุยยากขึ้นไปอีก
ธาราที่เห็นดังนั้นจึงต้องพยายามหาทางช่วยด้วยการเดินเข้ามาแล้วบอกว่า...
"กาแฟมาเสิร์ฟแล้วค่ะ... แฟรบปูชิโน่วิปครีม กับ วนิลลาปั่น ค่ะ"
ก่อนที่จะเดินจากไป...
'—แหม่ธาราเซนไป(รุ่นพี่)-- --ช่วยได้แค่จริงๆหรอคะ (-__-) --'
...ผ่านไป 15 นาที...
จากที่มันเงียบอยู่แล้ว ผ่านไปอีกสิบนาที บรรยากาศระหว่างทั้งสองก็ยังคงเงียบอยู่อย่างเดิมแถมยังไม่มีลูกค้าคนอื่นๆเข้ามาในร้านอีกด้วย ทุกๆอย่างจึงมีแต่คำว่า เงียบกับเงียบแล้วก็เงียบ... จากความเงียบเริ่มกลายเป็นความอึดอัดและสภาพอากาศบนท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะส่งเสริมความอึดอัดนั้นด้วยการมีเมฆสีเทาตั้งเค้ามาเหมือนกับว่ากำลังจะมีฝนตก
ธาราที่ยืนอยู่หลังสเตชั่นก็ได้แต่มองดูด้วยความสังกะตาย เธอใช้แขนทั้งสองข้างเท้าไปที่เคาน์เตอร์ ...ก่อนที่ไอเดียบางอย่างจะปิ๊งขึ้นที่หัวของเธอ...
...
"--ไข่มุกซัง-- --ไม่เบื่อหรอ-- --ที่มานั่งอ่านหนังสือคนเดียวแบบนี้--" ระหว่างนั้นเองซาโกะก็รวบรวมความกล้าทั้งหมดลองเปิดประเด็นถามไข่มุกขึ้นมา
แกรก... เสียงแผ่นกระดาษถูกเปลี่ยนไปยังหน้าถัดไป
"ก็ไม่ใช่ว่าไม่เบื่อหรอกนะ... แต่ปกติชั้นก็มาอ่านหนังสือเตรียมสอบคนเดียวแบบนี้อยู่แล้ว" ไข่มุกตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกลางๆสายตาของเธอยังคงจดจ้องไปที่ตัวหนังสือ
"--ถ้าอย่างงั้น-- --ทำไมถึงไม่ชวนเพื่อนมา-- --อ่านด้วยกันล่ะ-- --เตรียมสอบหลายๆคน-- --น่าสนุกออก--" ซาโกะพยายามชวนคุยต่อไปให้ได้มากที่สุด
"เหอะๆ เผอิญว่าชั้นไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทแบบนั้นซักเท่าไหร่เนี่ยสิ"
"--อ๊ะ--"
"ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อนคบหรือถูกแบนหรอกนะ แค่รู้สึกว่าบางทีการไม่มีเพื่อนที่สนิทเยอะๆก็ทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่ต้องคอยไปแบกรับความรู้สึกของคนอื่นให้หนักใจเปล่าๆน่ะ เพราะอย่างนั้นเลยไม่ค่อยมีเพื่อนที่สนิทสนมจนถึงขั้นมาจับกลุ่มติวหนังสือด้วยกันขนาดนั้น"
'--อย่างงี้นี่เอง-- --โลกส่วนตัวสูงสินะ--' ซาโกะมองไปที่หญิงสาวผมดำที่อยู่ตรงหน้าเธอพร้อมกับตระหนักขึ้นได้ว่าวันนี้เธอได้รู้จักเค้ามากขึ้น
"--เอ่อ...ชั้นคงจะ-- --พูดอะไรที่เสียมารยาทออกไปสินะ-- --โกเมนนาไซ(ขอโทษ)--"
"เอ๊อะ! เปล่าหรอกนะ! ชั้นเองก็คงพูดอะไรที่เวิ่นเว้อเกินไปด้วยแหละ" ไข่มุกรีบพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าซาโกะเหมือนจะกำลังขอโทษ
...
"แค่บางที...ชั้นก็รู้สึกว่าทำอะไรด้วยตัวคนเดียวมันก็อิสระดีก็เท่านั้นเองแหละ แค่ความรู้สึกของตัวเองก็จัดการลำบากอยู่แล้วและยิ่งถ้ามีเพื่อนหลายๆคนอีกก็จะต้องจัดการกับความรู้สึกของทุกๆคนด้วย...มันคงจะเกินกำลังชั้นไปล่ะมั้ง ชั้นคิดอย่างนั้นอะนะ" สาวผมดำพูดพลางม้วนผมตัวเองเล่นไปด้วย
ซาโกะนิ่งเงียบไปซักพัก ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาพลางยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบไปด้วยว่า...
"--ไม่รู้สินะ-- --แต่สำหรับชั้น-- --ไม่ต้องมีเพื่อนหลายๆคนก็ได้--" เธอวางแก้วกาแฟลงพร้อมกับพูดต่อ
"--มีเพื่อนแค่ไม่กี่คน-- --แต่พร้อมที่จะแบ่งปันความรู้สึกร่วมกันได้-- --แค่นี้ก็พอแล้ว--"
ไข่มุกทิ้งสายตาออกจากสมุดเลคเชอร์ไปชั่วขณะ เธอจรดมองซาโกะเล็กน้อยเพียงเสี้ยววิก่อนที่จะกลับมาอ่านสิ่งที่อยู่ในสมุดดังเดิมพลางพูดตอบกลับไปว่า
"เฮ๋ ? พูดอะไรของเธอกันล่ะเนี่ย..." น้ำเสียงของเธอดูสูงกว่าปกติทั้งๆที่เธอเป็นคนมีเนื้อเสียงทุ้ม
...
หลังจากที่ได้พูดคุยกันเพียงเล็กน้อย ทั้งสองก็กลับมาเข้าสู่โหมดเงียบกันอีกครั้ง ซาโกะหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาธาราแต่ก็พบว่าธาราไม่ได้อยู่ที่หลังเคาน์เตอร์ เธอน่าจะเข้าไปหลังร้าน ส่วนไข่มุกก็กลับมาใจจดใจจ่ออยู่ที่สมุดเลคเชอร์ของเธออีกครั้ง คราวนี้พอเธออ่านที่เลคเชอร์เสร็จเธอก็ปิดสมุดและเขียนสิ่งที่จำได้ลงไปยังแผ่นกระดาษอีกใบด้วยเพื่อเป็นการสังเคราะห์สิ่งที่อยู่ภายในหัว นับเป็นการเตรียมตัวสอบที่มีประสิทธิภาพที่สุด
ซาโกะนั่งจิบกาแฟไปพลางๆก่อนที่จะเธอได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากที่หลังร้าน
สาวลูกครึ่งญี่ปุ่นทำหน้าฉงนเล็กน้อย ก่อนที่จะชะเง้อไปมองดูประตูหลังเคาน์เตอร์ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า
...และทันใดนั้นเอง
ผลักกก!!
จู่ๆธาราก็วิ่งพรวดผลักประตูออกมาเสียงดังพร้อมกับตะโกนลั่นร้านว่า
"ไฟไหม้ !! ไฟไหม้ !! รีบหนีเร็ว !!"
"--ฟ...ไฟไหม้! ?-- --หนาหนิ!!--"
"เฮ๊ะ ? ! ใครพูดว่าไฟไหม้ ?"
"--หนีเร็วไข่มุก !!--"
"เอ๊อะะ !!"
ซาโกะไม่รอช้าเธอรีบดึงมือของไข่มุกและพาวิ่งหนีออกจากร้านไปด้วยความรวดเร็ว
"--สงสัยคงจะเกิดเพลิงไหม้-- --ที่หลังร้านล่ะมั้ง--" ซาโกะพูดข้อสันนิษฐานขึ้นมาหลังจากที่พาไข่มุกวิ่งออกมานอกร้าน
"อันตรายน่าดูเลยแฮะ" ไข่มุกพูดบ้าง
อันที่จริงทั้งหมดนี้เป็นแผนการของธาราเพื่อที่จะสร้างสถานการณ์ให้ทั้งคู่ออกไปจากร้านซึ่งซาโกะเองก็รู้ทันเธอจึงรีบตามน้ำและพาไข่มุกออกจากร้านได้สำเร็จ ...ที่เหลือก็แค่ต้องชวนให้ไข่มุกไปที่ร้านปลาดิบ-ซูชิตามที่ธาราได้บอกไว้
"ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันที่วุ่นวายพอสมควรเลยสินะ คงจะไม่เหมาะแก่การอ่านหนังสือเท่าไหร่ ที่บ้านวันนี้ก็มีช่างมาเจาะกำแพงทำให้เสียงดังไปหมด พอมาทีร้านกาแฟก็ดันไฟไหม้ในครัวอีก..." ไข่มุกพูดขึ้นมาพลางมองดูสมุดเลคเชอร์ที่อยู่ในมือตัวเองก่อนที่เธอจะปิดมันลงและเก็บใส่กระเป๋า ซาโกะเมื่อเห็นดังนั้นจึงได้โอกาสพูดเสริมเพื่อโน้มน้าวไข่มุกว่า
"--นั่นสินะ-- --ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วชั้นว่า-- --เราไปหาอะไรกินกันเถอะ-- --สมองจะได้มีพละกำลังไง-- --กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะ-- --สมองก็ด้วย--" เธอพูดพร้อมกับขยิบตาและใช้นิ้วจิ้มไปที่หัว
"ซาโกะมีร้านที่ไหนแนะนำงั้นหรอ...?" ไข่มุกถามขึ้นมาด้วยสีหน้าซื่อๆ เธอเองก็ไม่ค่อยจะออกมาข้างนอกจึงไม่รู้ว่าแถวนี้มีร้านอาหารร้านไหนน่าสนใจบ้าง
"--ตามชั้นมา!--"
...
พร่างง!
ซาโกะพาไข่มุกมายืนอยู่ตรงหน้าร้านซูชิ-ปลาดิบที่มีชื่อว่า 'TaiyouSushi' {ซูชิตะวัน} มันเป็นร้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ริมทางติดกับถนนใหญ่แต่ถึงอย่างนั้นก็มีการตกแต่งที่ยกระดับตัวร้านให้ดูดีมีราคากว่าร้านอาหารข้างทางทั่วๆไป โดยตัวร้านมีลักษณะคล้ายๆกับบาร์เล็กๆมีโต๊ะเก้าอี้ตั้งอยู่ภายในร้านแค่ไม่กี่ตัว ปูพื้นด้วยพรมสีเขียวคล้ายๆผืนหญ้า มีต้นไผ่ปลอมประดับตกแต่งรอบๆร้าน มีผ้าแขวนรูปพัดสีแดงและมีตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นตัวใหญ่ๆแบบที่เห็นได้ตามร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วๆไป นอกจากนั้นก็ยังมีแสงจากหลอดไฟที่ช่วยให้กลิ่นอายแบบดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่น มีโคมไฟญี่ปุ่นสีแดงและผ้าหลากสีลายพระอาทิตย์แขวนไว้อยู่หน้าร้าน สัญลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นของร้านก็คือรูปปั้นที่หน้าตาคล้ายๆหมีสีแดงๆและต้นซากุระปลอมสีชมพูข้างๆร้าน
"แถวชานเมืองแบบนี้ก็มีร้านซูชิ-ปลาดิบกับเค้าด้วยหรอเนี่ย" ไข่มุกพูดด้วยความตกตะลึงเล็กน้อยเนื่องจากเธอไม่เคยออกมาเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้าน จึงไม่รู้ว่าแถวนี้ก็มีร้านอาหารญี่ปุ่นที่คุณภาพไม่แพ้ร้านใหญ่ๆที่อยู่ในเมือง
"--สุดยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะ!--" ซาโกะยิ้มแป้น
เมื่อหญิงสาวทั้งสองเดินเข้าร้านไป พวกเธอก็พบว่ามีลูกค้านั่งอยู่อย่างประปราย คนยังไม่เยอะเท่าไหร่นักเนื่องจากว่ามันพึ่งจะเป็นช่วงเที่ยงวัน
"คนไม่เยอะอย่างที่คิดไว้แฮะ" ไข่มุกพูดขึ้นมาระหว่างที่กำลังมองดูบรรยากาศภายในร้าน
"--เค้าบอกว่าช่วงเที่ยงถึงบ่ายน่ะ-- --คนจะยังไม่เยอะเท่าไหร่-- --แต่ถ้าเป็นหลัง-- --ห้าโมงเย็นคนจะเยอะมาก--" ซาโกะบอกกลับไป
"อย่างงี้นี่เอง..."
ทั้งสองนั่งลงตรงที่นั่งหน้าร้านซึ่งมีลักษณะเป็นบาร์แถว ซาโกะหยิบแผ่นกระดาษพร้อมกับดินสอที่วางอยู่ด้านหน้าขึ้นมาจดเมนูที่แปะไว้ด้านบนอย่างรวดเร็ว พวกเมนูเหล่านี้ส่วนมากซาโกะก็คุ้นเคยกับมันดีอยู่แล้ว แต่ทางด้านของไข่มุกดูเหมือนจะลังเลๆอยู่เล็กน้อย
[ซาชิมิแซลมอน (100บ.) ข้าวหน้าฟัวกราส์-ปลาไหล (480บ.) ซูชิทูน่า 3 ชิ้น (30บ.) ซูชิไข่ม้วน 3 ชิ้น (30บ.) ซูชิแซลมอนชีส 2 ชิ้น (60บ.) ชาเขียวเย็น (25บ.)] นี่คือรายการอาหารทั้งหมดที่ซาโกะเขียนลงบนกระดาษ ไข่มุกพยายามหรี่ตามองเมนูเหล่านั้นเพื่อที่จะได้ลอกตาม ทันใดนั้นเองซาโกะก็หันมาถามว่า
"--ไข่มุก? มีอะไรหรอ--" เธอสงสัยว่าทำไมไข่มุกถึงได้ดูชักช้าเก้ๆกังๆแปลกๆเวลาสั่งอาหาร ไข่มุกตอบกลับไปว่า
"อ๋ออ...แฮะๆๆ ชั้นแค่ไม่ได้มาร้านแบบนี้บ่อยๆน่ะสิ ก็เลยไม่ค่อยชินน่ะ" ไข่มุกตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเขินๆ
"--ถ้าอย่างงั้น-- --เดี๋ยวชั้นสั่งให้เองมั้ยล่ะ?--" ซาโกะยิ้มแป้นขึ้นมาพร้อมกับอาสาจะสั่งให้ไข่มุก
"อ...อ๋อ จริงๆชั้นก็---"
ระหว่างที่กำลังทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้นเอง... จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งเอื้อมมือมาจากภายในครัวเล็กๆด้านในพร้อมกับคว้าแผ่นกระดาษของไข่มุกไปเอง เขาคนนั้นสวมเสื้อยืดสีดำธรรมดา มีผ้าโพกหัวมัดอยู่เหนือหน้าผาก มีเส้นผมสีดำหยักศกปรกลงมาที่หน้าเล็กน้อย นัยน์ตาสีเขียวมะนาว รูปร่างค่อนข้างผอมแล้วก็เตี้ยซึ่งดูเหมือนเค้าคนนี้จะรับหน้าที่เป็นเชฟภายในร้าน
เขาจรดสายตามองลงบนแผ่นกระดาษที่ว่างเปล่าของไข่มุกก่อนที่จะพูดออกมาว่า
"พึ่งมาร้านนี้ครั้งแรกสินะครับ..." เนื้อเสียงของชายหนุ่มคนนี้ค่อนข้างบาง ไม่ทุ้มและดูหนักแน่นแบบผู้ชายทั่วไป ซึ่งก็เข้ากันดีกับรูปร่างของเค้า
...อันที่จริงแล้วเขาก็คือ'ตะวัน' หรือประธานนักเรียนของโรงเรียนรัมภานาราสมุทร แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นักเรียนคนอื่นๆมักจะจำเค้าตอนอยู่นอกโรงเรียนไม่ได้ว่าเค้าคือประธานนักเรียนของโรงเรียนนี้ แต่ถ้าซาโกะกับไข่มุกจะนึกไม่ออกว่าเขาคือประธานนักเรียนก็คงไม่แปลกอะไร เพราะทั้งสองคนนี้ล้วนแต่มาโรงเรียนสายแล้วก็ไม่เคยมาฟังประธานนักเรียนพูดเรื่องนโยบายตอนเข้าแถวเลยแม้แต่วันเดียว
"ค...ค่ะ จริงๆก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเข้าร้านแบบนี้มาก่อนหรอกนะ ต...แต่แค่ไม่ค่อยทานอาหารแบบนี้บ่อยๆก็เท่านั้นเอง" ไข่มุกพูดออกมาพลางม้วนผมไปด้วย
"ถ้าอย่างงั้น... เดี๋ยวผมจะจัดการให้เองครับ" ตะวันพูดห้วนๆด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นการเป็นงาน
"หมายความว่ายังไงหรอที่ว่าจะจัดการให้เนี่ย?" ไข่มุกถามขึ้นมาด้วยสีหน้าฉงน ซาโกะที่นั่งอยู่ข้างๆก็แหงนหน้ามามองด้วยความสงสัยเช่นกัน
...เมื่อนั้นเองชายหนุ่มก็ควงมีดที่อยู่ในมือพร้อมกับบอกว่า...
"เดี๋ยวผมจะเลี้ยงอาหารมื้อนี้ให้เอง... คุณไม่จำเป็นต้องสั่งอะไรเลย ผมจะรันเมนูตามที่ผมคิดว่าเหมาะสมกับคุณที่สุด..."
'--อย่างงี้นี่เอง-- --ผู้ชายคนนี้ก็คือคนที่ธารา-- --บอกว่าจะประสานงานให้สินะ-- --ว่าแต่มันจะเวิร์คหรอแบบนี้--' ซาโกะเริ่มที่จะประติดประต่อเรื่องราวได้
"อ...อะ เอ๋ ?? แบบนี้ก็มีด้วยหรอ ?" ไข่มุกเมื่อเจอแบบนี้เข้าไปก็ทำอะไรไม่ถูก ซาโกะที่เห็นแบบนั้นก็นิ่งๆและก็ตามน้ำไป...
...ผ่านไป 15 นาที...
อาหารจานแรกก็เข้ามาเสิร์ฟ... สิ่งที่อยู่ในจานสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆก็คือข้าวปั้นญี่ปุ่นหุงกำลังดีห่อด้วยสาหร่ายสีเขียวเข้มจนเกือบดำ ไส้ด้านในเป็นปูอัด ไข่ม้วน ปลาหมึกและก็มีอโวคาโด้สีเขียวอ่อนชิ้นเล็กๆหั่นเต๋าอยู่ตรงกลาง ออนท้อปด้วยเนื้อปลาแซลมอลสดๆซึ่งมีมายองเนสสีครีมสดใสและไข่ปลาสีส้มตกแต่งอยู่ด้านบน หรือเมนูที่มีชื่อเรียกว่า 'แซลมอน มากิ มาโย'
ไข่มุกมองโรลที่อยู่ในจานซึ่งมีทั้งหมดห้าชิ้นก่อนที่เธอจะใช้ตะเกียบคีบมันขึ้นมาก่อนที่จะนำไปจุ่มกับซอสทาเระและวาซาบิเล็กน้อยแล้วนำเข้าปากโดยก่อนหน้านั้นเธอก็พูดไปพลางๆว่า "ของแบบนี้ชั้นก็เคยกินอยู่บ้างแหละ..."
...ทว่า...หลังจากที่แซลมอน มากิ มาโยเข้าปากไข่มุกไปเธอก็พบว่ารสชาติของข้าวปั้นนั้นไม่เหมือนกับข้าวปั้นธรรมดาๆที่เธอเคยกิน คุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาใช้น่าจะอยู่ในเกรดพรีเมี่ยมนอกจากนั้นมันยังได้รับการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันและละเมียดละไม เนื้อปลาแซลมอลก็ไร้ซึ่งความคาว หญิงสาวค่อยๆกลืนมันลงคอด้วยความพึงพอใจก่อนที่ใบหน้าอันเปี่ยมสุขจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
ไข่มุกค่อยๆทานแซลมอล มากิ มาโยที่เหลืออยู่อีกสี่ชิ้นก่อนที่จะหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดปาก ซาโกะที่นั่งข้างๆก็เห็นๆอยู่ว่าสีหน้าของเธอพึงพอใจกับอาหารที่เชฟตะวันทำให้พอสมควร
"--เป็นยังไงบ้าง?--" ซาโกะเอ่ยปากถามขึ้นมา
"ก...ก็ ไม่ได้ดีเลิศเลอเพอร์เฟ็คอะไรขนาดนั้นหรอกนะ แค่ค่อนข้างอร่อย...ก็เท่านั้นเองแหละ ไม่ได้รู้สึกพิเศษมากกว่าที่อื่นหรอกนะ" ไข่มุกพูดออกมาพลางม้วนผมไปด้วย โดยสายตาของเธอยังคงจดจ้องไปยังจานสี่เหลี่ยมที่ว่างเปล่า
ซาโกะที่ได้ยินดังนั้นก็ได้แต่เบะปากและแอบยิ้มเจื่อนๆพร้อมกับคิดในใจว่า '--เหอะๆทำมาเป็นปากแข็ง-- --เมื่อกี้น่ะเห็นว่าเคลิ้มไปเลย-- --ไม่ใช่หรอ--'
"เอาเถอะ ! แล้วจานต่อไปของชั้นล่ะ ! ?" ไข่มุกไม่รอช้า เธอตัดบทพร้อมกับกอดอกหลับตาและพูดกับชายหนุ่มร่างเล็กที่อยู่ในครัวทันที
ตะวันเมื่อได้ยินดังนั้นจึงแอบยิ้มมุมปากพลางคิดในว่าผู้หญิงคนนี้หลงในฝีมือของเค้าเสียแล้ว...
...ผ่านไปอีก 5 นาที...
คราวนี้เป็นข้าวปั้นสีส้มหรือก็คือข้าวปั้นที่ทาด้วยไข่ปลาม้วนเป็นโรลห่อข้าวปั้นห่อสาหร่ายที่อยู่ด้านในอีกชั้น ไส้ตรงกลางเป็นเนื้อปลาทูน่าสีแดงเข้มชิ้นเล็กๆเข้ามาแทนที่ปูอัด อาโวคาโด้หั่นเต๋า แตงกวาปอกเปลือกหั่นเป็นเส้นยาวๆและไข่ม้วนสีเหลืออร่ามแบบเดิม ออนท้อปโดยเนื้อปลาแซลมอนย่างไฟสีชมพูอ่อนราดด้วยซอสไข่กุ้งและโรยด้วยเกล็ดขนมปังสีเหลืองทอง ที่พิเศษกว่าก็คือราดซอสรสเผ็ดไว้ด้านบนเล็กน้อยแถมยังตกแต่งด้วยสาหร่ายสีแดงเพื่อเพิ่มความร้อนแรงอีกด้วย เมนูนี้มีชื่อว่า 'สไปซี่ แซลมอลเบิร์น แคลิฟอเนียร์ มากิ'
ซึ่งก็เสิร์ฟห้าชิ้นภายในถาดสี่เหลี่ยมแบบเมนูก่อน
ไข่มุกใช้ตะเกียบคีบมันขึ้นมาก่อนที่จะจิ้มซอสทาเระกับวาซาบิและนำเข้าปากดังเดิม ซาโกะที่นั่งอยู่ข้างๆก็หันมามองสีหน้าของไข่มุกตามสเต็ป ...คราวนี้สีหน้าของไข่มุกนั้นเต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้ม เธอหลับตาปี๋เนื่องจากความเผ็ดและเปรี้ยวของซอสสไปซี่ ก่อนที่จะกลับมามีใบหน้าอันเคลิบเคลิ้มเปี่ยมสุขดังเดิม ถ้าหากให้เปรียบเทียบแล้วละก็...คงจะคล้ายๆกับการที่ถูกก้อนข้าวปั้นม้วนเข้ามารัดตัวเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนจนกว่าที่จะริมลองรสชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวนี้จนหมด
ไข่มุกกลืนมันลงคอด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขพร้อมกับบอกว่า
"อ...อะไรกันน่ะ... นายทำเป็นแต่มากิหรือยังไง ชั้นเชื่อว่าฝีมือนายไม่ได้มีแค่นี้หรอกนะ" เธอทำเป็นพูดเบี่ยงประเด็นไม่ยอมพูดถึงรสชาติ พร้อมกับม้วนผมไปด้วย
"หึ!" ตะวันยิ้มมุมปากเบาๆ...
...ผ่านไปอีก 5 นาที...
เมนูที่สาม : ซูชิเนื้อวากิวย่างไฟจัมโบ้-ซอสไข่กุ้ง
ไข่มุก "ธรรมดามากเลยล่ะนะ ชั้นนึกว่าจะมีอะไรพิเศษกว่านี้ซะอีก... ช...ช้าอยู่ทำไมเล่าา ไหนล่ะเมนูต่อไป ?"
...ผ่านไปอีก 5 นาที...
เมนูที่สี่ : เรนโบว(ปลาทูน่า-ปลาแซลมอล-กุ้ง-ปลาหมึก-เห็ดเป่าฮื้อ) มากิ มาโย
ไข่มุก "ก...ก็ธรรมดาอีกนั่นแหละนะ... ของแบบนี้ก็เคยกินมาแล้วล่ะ ก็ไม่ใช่ว่าจะชอบอะไรมากขนาดนั้นหรอกนะ แฮะๆๆ"
...ผ่านไปอีก 5 นาที... (อาหารของซาโกะมาเสิร์ฟครบแล้ว)
เมนูที่ห้า : ซูชิทาโกะจัง-หอยเชลส์-แมงกะพรุนพริก
ไข่มุก "คิดว่าของแปลกๆแบบนี้จะทำให้ชั้นหวั่นไหวได้หรอ...ฝันไปเถอะ...แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยนะ แต่จริงๆก็ไม่ได้จะบอกมันอร่อยอะไรขนาดนั้น เอ๊ะ นี่ชั้นพูดอะไรอยู่เนี่ย"
...ผ่านไปอีก 5 นาที...
เมนูที่หก : ซูชิชีสแซลมอนเมตร
ไข่มุก "อ...อ๊ะ...! อะแหม่... ก็แค่แซลมอนธรรมดาเองไม่ใช่หรอ ชั้นไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรหรอกนะ ไม่เลยซักนิด... น...ไหนล่ะเมนูต่อไป"
เมนูที่เจ็ด : ซูชิปลาไหล
...ระหว่างที่กำลังทานอย่างเอร็ดอร่อยทว่าซ่อนรอยยิ้มอยู่นั้นเอง ซาโกะก็เลยชวนไข่มุกคุยขึ้นมาว่า
"--ไข่มุกจัง-- --อร่อยใช่มั้ยล่ะนั่น-- --อย่าทำเป็นปากแข็งอยู่เลยอิอิ--"
เมื่อได้ยินดังนั้นไข่มุกจึงหน้าแดงขึ้นมาพร้อมกับรีบปฏิเสธกลับไปอีกครั้งว่า
"ป...เปล่าซะหน่อย ! ก็บอกแล้วไงว่ามันก็ไม่ได้เพอร์เฟคอะไรขนาดนั้น...---"
"ว่าแต่เธอไม่อิ่มบ้างเลยหรอเนี่ย... นี่ก็ปาเข้าไปเมนูที่เจ็ดแล้วนะ ถ้าตีเป็นราคาเนี่ย...เธอน่าจะกินเกินห้าร้อยไปแล้วด้วยซ้ำมั้ง ท้องมารหรือไงเนี่ย" ทันใดนั้นเองประธานนักเรียนผู้รับบทเป็นเชฟในวันนี้ก็พูดแทรกขึ้นมา
"ต...ตาบ้า ! อยู่ดีๆก็มาพูดอย่างงี้กับชั้นเฉยเลย ! ชั้นไม่ได้ท้องมารซะหน่อย ทั้งหมดเนี่ยไม่ได้อร่อยอะไรมากมายขนาดนั้นหรอกนะ...ก็แค่เห็นแก่น้ำใจของนายเท่านั้นเอง" มากิยังคงดิ้นไม่เลิก ซึ่งตอนนี้หน้าของเธอแดงระเรื่อไปหมดแล้ว
"--นี่ๆไข่มุก--" ซาโกะเรียกไข่มุกขึ้นมา
"อะไรอีกละ ?" เธอตอบ
"--อ้ามมม ! ฉึกฉักฉึกฉักปู้นปู้น-- --รถไฟแห่งความสุขกำลังเข้าอุโมงค์แล้ว * O * --" เมื่อไข่มุกหันกลับไปเธอก็พบกับซาโกะที่กำลังใช้ตะเกียบคีบฟัวกราส์ที่อยู่ในจานของเธอเข้ามาหาใกล้ๆใบหน้า ดูเหมือนซาโกะจะอยากเล่นสนุกกับไข่มุกบ้างแบบเดียวกับที่เคยเล่นกับเซี๊ยะตอนอยู่ที่ร้านกาแฟ
"ช...ช้าก่อน... พอดีชั้นไม่ค่อยชอบเครื่องในสัตว์อะนะ...อันนี้ซีเรียส" ทว่าก็โดนไข่มุกบอกปัดไป เธอทำสีหน้าแหยงๆเล็กน้อยเมื่อเห็นฟัวกราส์หรือตับห่านซึ่งเป็นของขึ้นชื่อราคาแพงแต่สำหรับบางคนแล้วกลับรู้สึกว่าค่อนข้างเลี่ยนเวลาได้กลิ่นหรือลองชิมมันซึ่งไข่มุกก็เป็นหนึ่งในนั้น
"--อะ...อ่าว-- --อย่างงั้นเองหรอ-- --โทษที--" เมื่อได้ยินดังนั้นซาโกะจึงค่อยๆลดตะเกียบลง
"ม...ไม่เป็นไร ว่าแต่ซาโกะนี่ไม่ชอบกินวาซาบิงั้นหรอ เห็นจิ้มแต่ซอสทาเระกับโชยุแต่ไม่ใส่วาซาบิบ้างเลย" ไข่มุกเปิดประเด็นขึ้นมาบ้าง หลังจากที่เธอเหลือบไปเห็นถาดใส่ซอสที่ไม่มีก้อนซาซาบิสีเขียวๆอยู่ในนั้น
"--อ๋ออ...ใช่ๆ-- --พอดีรู้สึกว่ามันเผ็ดเกินไปน่ะ-- --จี๊ดขึ้นสมองเลย-- --คนญี่ปุ่นก็ไม่ได้ชอบวาซาบิทุกคนหรอกนะ--" ซาโกะอธิบาย
"อย่างงี้นี่เอง..."
ทั้งสองเงียบลงไปอีกครั้งก่อนที่จะทานอาหารที่ตัวเองสั่งมาต่อไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่น
…
'ที่กินอยู่เนี่ยมันอร่อยมากกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!คนบ้าอะไรทำของอร่อยๆแบบนี้ออกมาได้' ความคิดภายในจิตใจของไข่มุกที่เธอไม่ยอมพูดออกมา
…
'แค่ชั้นเห็นท่าที่เธอกิน ชั้นก็อ่านใจเธอออกทั้งหมดแล้ว...เก็บความรู้สึกได้ไม่เนียนเลยจริงๆนะ เธอเนี่ย' ตะวันก็แอบคิดในใจไป พลางมองดูไข่มุกที่กินของที่เค้าทำอย่างเอร็ดอร่อย วันนี้เป็นวันที่ลูกค้าน้อย ทำให้เค้ามีเวลามาทำอาหารชิลล์ๆไม่ต้องเร่งรีบปาดเหงื่ออะไรมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานธาราก็ได้ส่งไลน์มาหาตัวเค้าผ่านทางโทรศัพท์
[ธารา : จะมีเด็กผู้หญิงสองคนเดินไปที่ร้านนาย จะมีคนนึงผิวซีดๆหน้าตาคล้ายๆกะลูกครึ่งญี่ปุ่น ผมสีดำแกมน้ำเงิน ย้อมหน้าม้าฉูดฉาด ส่วนอีกคนใส่เสื้อแขนกุด ชั้นอยากให้นายช่วยจีบผู้ที่ใส่เสื้อแขนกุดคนนั้นให้ไปอยู่ชมรมของรุ่นน้องพวกเราให้จงได้]
ในสมัยที่ธารา มิวและโรสยังคงเป็นตัวตั้งตัวตีและแกนหลักของชมรมโรงเรียนไอด้อลอยู่... ตัวของเค้านี่แหละที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการวง คอยจัดเตรียมสถานที่ จัดเตรียมงานและคอยประสานเรื่องดนตรีให้กับโชว์ของชมรมมาโดยตลอด และที่สำคัญก็คือ คอยหาสมาชิกคนใหม่ๆมาเข้าชมรม เรียกว่าเป็นแมวมองหรือสเกาท์ของชมรมเลยก็ว่าได้... สาเหตุที่คอยอยู่ช่วยงานชมรมอยู่เสมอก็เพราะว่าเค้านั้นชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องไอด้อล ทว่าหลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้ชมรมแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาก็จำเป็นต้องออกมาจากชมรมด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะไปสมัครเลือกตั้งเป็นประธานนักเรียนเพื่อย้อมใจ ...และก็คว้าตำแหน่งมาได้อย่างฟลุ๊คๆ
'เอ๊ะ ! นายอ่านใจชั้นออกหรือยังไง...แล้วทำไมชั้นถึงได้ยินเสียงภายในจิตใจของนายได้'
'เป็นไปไม่ได้... ชั้นว่าปกติชั้นก็คิดเบาที่สุดแล้วนะ ทำไมเธอถึงได้ยินที่ชั้นคิดได้ เธอมีพลังวิเศษหรอ'
'ตาบ้า ! พูดอะไรไร้สาระไม่เข้าเรื่อง'
'คงจะเป็นเพราะอาหารที่อร่อยนี่แหละ... ถึงทำให้จิตใจของเราสื่อถึงกันได้ เป็นยังไงล่ะ คำพูดเท่ห์ๆ'
'หยุดพูดเลยนะตาบ้า !'
...
หลังจากที่สื่อสารผ่านโทรจิตไปได้ซักพัก ดูเหมือนไข่มุกก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอิ่มขึ้นมาจริงๆ เธอพูดออกเสียงขึ้นมาว่า...
"นี่... นาย" เธอหันหน้าไปหาเชฟตะวัน
"หืม ? ชั้นหรอ ? ทำไมล่ะ ?" ตะวันชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพร้อมกับถามขึ้นมาด้วยสีหน้างงๆ
"ใช่...นายนั่นแหละ ที่เลี้ยงมื้อเที่ยงชั้นขนาดนี้เนี่ย ต้องการอะไรอย่างงั้นหรอ... นายเองก็คงจะมีจุดประสงค์แอบแฝงอะไรอยู่แน่ๆเลยสินะ !" เธอพูดพร้อมกับชี้หน้าไปที่ประธานนักเรียนหนุ่ม
ตะวันเมื่อเห็นดังนั้นก็ได้แต่ทำสีหน้าเบื่อๆเซ็งๆแล้วก็พูดอย่างเยือกเย็นว่า
"อ๋อ... เปล่าหรอก เธอสบายใจได้... ชั้นไม่ได้มีจุดประสงค์แอบแฝงที่หน้าอายอะไรหรอกนะ เช่นแอบชอบเธอก็เลยทำอาหารให้เธอ หรืออยากที่จะจีบเธอ หรืออยากที่จะม่อเธอ"
"นี่นาย ! หยุดเลยนะ ! ทำไมถึงชอบพูดอะไรที่น่าอายอย่างงั้นออกมาด้วย ทีแรกชั้นก็ไม่ได้คิดถึงแต่เรื่องแย่ๆแบบนั้นซักหน่อย ทำไมต้องทำเป็นร้อนตัวด้วย !" ไข่มุกพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สูงขึ้นมา
ก่อนที่เธอจะถามต่อว่า "แล้วตกลงนายมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ล่ะ"
เมื่อได้ยินดังนั้น... ตะวันเตรียมที่จะตอบกลับไปตามความจริงโดยที่ไม่ได้เสแสร้ง แต่ก่อนที่เค้าจะพูดมันออกมานั้น ตะวันก็ถามไข่มุกเพื่อนำร่องไปก่อนว่า
"ที่เธอได้กินอาหารของชั้นในวันนี้เนี่ย... เธอมีความสุขมั้ย ?"
ไข่มุกที่ได้ยินคำถามแปลกๆจึงตอบกลับไปก่อนว่า "ก็มี...ถ้าจะให้ตอบตามความจริงอะนะ" เธอพูดพลางม้วนผมไปด้วย
"นั่นก็เพราะว่าชั้นสามารถส่งความสุขไปหาเธอได้... ที่ชั้นส่งความสุขไปหาเธอได้ก็เพราะชั้นทำมันด้วยความสุข" ตะวันพูดพลางแล่เนื้อปลาไปด้วย
"ชั้นฝึกทำอาหารมาตั้งแต่เด็กๆเพราะชั้นชอบการทำอาหาร อาจจะไม่ได้เก่งอะไรมากหรอกแต่ก็ฝึกอยู่เรื่อยๆ ซึ่งอย่างน้อยมันก็เพียงพอที่จะเปิดประตูภายในจิตใจให้ชั้นสามารถพูดคุยกับเธอแบบที่เป็นในตอนนี้อยู่ได้"
"อ...เอ๊ะ ที่นายพูดมาทั้งหมดนี่ต้องการจะสื่อถึงอะไรงั้นหรอ ?" ไข่มุกเริ่มที่จะไม่เข้าใจในสิ่งที่ตะวันพูด เธอจึงเริ่มหรี่ตาลงและถามชายตัวเล็กกลับไป
"จุดประสงค์แอบแฝงที่ชั้นทำอาหารให้กับเธอในวันนี้ก็คือ... อยากจะถามเธอว่า เธออยากจะลองส่งมอบความสุขและเปิดประตูภายในจิตใจของคน อย่างที่ชั้นทำในวันนี้บ้างมั้ยล่ะ ด้วยการมาเข้าร่วมชมรมโรงเรียนไอด้อลของโรงเรียนรัมภานาราสมุทร..."
ท้ายที่สุดแล้วตะวันก็พูดคำนั้นออกไปตรงๆ ถึงคำพูดของเค้าอาจจะดูคล้ายคลึงกับโฆษณาชวนเชื่อแต่น้ำเสียงและสีหน้าของเค้านั้นไร้ซึ่งความเสแสร้งและเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ แต่ถึงอย่างงั้นก็ตาม...ไข่มุกก็ปฏิเสธพร้อมกับพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอันเรียบเฉยว่า
"...อะไรกันน่ะ... ที่แท้นายก็เป็นพวกแมวมองน่ารำคาญพวกนั้นนี่เอง ...น่าผิดหวังจริงๆนะ" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาที่ดูผิดหวัง เธอชายตามองลงไปยังจานสี่เหลี่ยมที่ว่างเปล่า คราวนี้เธอไม่ได้แสดงท่าทีหรืออาการคนปากไม่ตรงกับใจแบบก่อนหน้านี้ เธอพูดออกมาตามความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ
ตะวันไม่พูดอะไร... เค้าปล่อยทั้งหมดที่เหลือให้เป็นไปตามการตัดสินใจของไข่มุก เพียงแต่...พยายามเหล่ตาไปหาซาโกะเพื่อเป็นสัญญาบอกว่าให้ทำอะไรซักอย่าง
"--อะ...เอ่อ-- --ไข่มุก-- --ค...คือว่า--" ซาโกะดูเหมือนพยายามจะพูดอะไรซักอย่าง เพื่อเป็นการฉุดรั้งไข่มุกเอาไว้แต่ทว่า
"ชมรมไอด้อลงั้นหรอ... ไม่เอาด้วยหรอก... อะไรกันน่ะ... ชั้นรู้จักนายซะที่ไหน"
"ขอตัวก่อนล่ะ...ขอบคุณสำหรับอาหาร"
ไข่มุกพูดประโยคสั้นๆขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเรียบเชียบแบบคนที่กำลังเบื่อหน่ายพร้อมกับวางธนบัตรห้าร้อยบาทไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไป
"--ไข่มุก!!--" ซาโกะเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบจ่ายตังค์แล้ววิ่งตามหลังไข่มุกออกมา
...
ท้องฟ้าด้านนอกค่อนข้างครึ้ม เหมือนมีเมฆฝนกำลังก่อตัวอยู่ย่อมๆ
ทั้งสองกำลังยืนอยู่บนทางเท้าที่ติดอยู่กับถนนใหญ่โดยมีรถวิ่งสวนกันไปมา ซาโกะรีบวิ่งตามไข่มุกออกมาก่อนที่สาวผมดำจะหยุดพร้อมกับยืนนิ่งและหันกลับไปพูดกับไข่มุกว่า
"เธอเองก็คงเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมที่พยายามจะมาตีสนิทชั้นเพื่อดึงเข้าชมรมสินะ ชั้นพอจะอ่านเกมออกอยู่หรอก..."
เมื่อซาโกะได้ยินดังนั้นเธอก็ยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่เพราะว่าทุกๆอย่างที่ไข่มุกพูดขึ้นมามันก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด เธอจึงได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ
"ขอบคุณที่มากินข้าวเป็นเพื่อนกับชั้นในวันนี้นะ...ไม่เคยมีเพื่อนชวนชั้นออกมาทานอาหารในร้านแปลกๆแบบนี้มานานมากแล้ว อันที่จริงแทบจะไม่เคยมีเลยต่างหาก... ถึงอาจจะไม่ใช่ของจริงก็ตาม แต่ก็ขอบคุณนะ"
เมื่อพูดเสร็จไข่มุกก็เดินจากไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา ทิ้งให้ซาโกะยืนอยู่ตัวคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว ท่ามกลางบรรยากาศบนท้องถนนที่รถกำลังวิ่งไปมา
เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เป็นสีเทาไร้ซึ่งแสงอาทิตย์ส่องผ่านแบบในตอนเช้า พลางหลับตาและคิดอยู่ในใจว่า
"—ไข่มุกจัง-- --มองว่าความรู้สึกและมิตรภาพ-- --แบบเพื่อนสนิทที่เรายื่นให้นั้น-- --เป็นของปลอมงั้นหรอ...--" เธอคิดอยู่ในใจพร้อมกับกำมือที่อยู่ข้างลำตัวไว้แน่น...
...เย็นของวันนั้น...
‘ท้องฟ้ายามเย็นนี่สีเหมือนส้มเขียวหวานจริงนะ...’
กุ๊งกิ๊งกำลังเดินอยู่บนทางเดินของสวนสาธารณะท่ามกลางทุ่งหญ้าที่มีเด็กๆวิ่งเล่นกันไปมา วันนี้เธอออกจากหอมาช่วยเซี๊ยะคิดเนื้อเพลงและท่าเต้นที่บ้านของเซี๊ยะซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน สาวผมบลอนด์มองไปยังเด็กผู้ชายตัวน้อยผมสีดำที่กำลังวิ่งไล่จับกับเด็กน้อยผมสั้นอีกคนอยู่
เด็กตัวเล็กๆผู้ไร้เดียงสาเร่งฝีเท้าของตัวเองจนในที่สุดก็วิ่งเข้าไปใกล้ตัวของเด็กผู้หญิงอีกคนได้ อีกไม่กี่คืบมือของเค้าก็จะสัมผัสถึงแผ่นหลังของเพื่อนที่กำลังวิ่งนำหน้าเค้าอยู่ แต่ทว่าเด็กน้อยคนนั้นกลับพลาดท่า ระหว่างที่กำลังวิ่งอยู่เขาไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีโขดหินเล็กๆอยู่ที่พื้นจึงทำให้เขาสะดุดล้มหน้าขมำและพุ่งไปกระแทกกับเพื่อนสาวจากด้านหลัง จนทำให้ร่างของทั้งสองร่วงลงสู่พื้นและกลิ้งลงเนินหญ้าตามๆกันมา
กุ๊งกิ๊งที่กำลังเดินมองดูเหตุการณ์อยู่ก็ได้แต่ยิ้มและแอบหัวเราะขึ้นมาด้วยความเอ็นดู... และระหว่างนั้นเองก็มีเสียงใสๆตะโกนเรียกมาจากปลายสุดของทางเดินที่ขนานกับเส้นขอบฟ้าที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน
"เฮ้...! กุ๊งกิ๊ง...! วันนี้จะมาติวหนังสือกันใช่มั้ย ?" นั่นคือเสียงเรียกของจีจี้ที่กำลังยืนโบกมือมาหากุ๊งกิ๊งอยู่ ดูเหมือนว่าเพื่อนสาวของเธอจะชอบออกมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะแห่งนี้ด้วยเหมือนกัน
"อ๊ะ ! ลืมสนิทไปเลย" สาวผมบลอนด์อุทานขึ้นมาพร้อมกับเอามือเกาไปที่หัว
"หน็อยแน่กุ๊งกิ๊ง ! ทำไมถึงลืมชั้นได้ล่ะฮะ !" สาวผมดำตะโกนกลับขึ้นมาอีกรอบด้วยน้ำเสียงที่ฉุนเฉียวเล็กน้อย
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นน่าจีจี้... ได้สิ คืนนี้เรามาติวหนังสือกัน..."
สาวผมบลอนด์ยิ้มขึ้นมาพร้อมกับตอบกลับไป เธอค่อยๆเดินลงจากทางเดินที่เป็นบันไดมายืนข้างๆกับจีจี้
...และแล้วหญิงสาวทั้งสองก็เดินเคียงคู่กัน ไปบนทางเดินที่ดวงตะวันกำลังลับขอบฟ้าไป...
|
|
|
Post by GreyTear on Aug 13, 2018 6:50:57 GMT
[17.00 น.]
...เมื่อผ่านช่วงเวลาหลังโรงเรียนเลิกมาแล้ว บรรยากาศภายในโรงเรียนก็จะถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบเนื่องจากนักเรียนแทบทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านกันไปหมด และเมื่อยิ่งเป็นช่วงใกล้สอบกลางภาคที่ทุกคนต้องอ่านหนังสือกันเป็นบ้าเป็นหลังจึงทำให้บรรยากาศช่วงเวลาห้าโมงเย็นแทบจะกลายเป็นโรงเรียนร้าง...
ทว่าไม่ใช่กับห้องชมรมห้องหนึ่งที่ตั้งอยู่บนอาคารเรียนกลาง ชั้นบนสุด ห้องหัวมุมสุดของทางเดิน
'ห้องสันธนาการ 959' ...ด้านหลังบานประตูเก่าๆสีน้ำตาลยังคงมีแสงไฟสีเหลืองนวลเล็ดลอดออกมาจากช่องใต้ประตูเล็กๆ
หญิงสาวผมสั้นสีน้ำตาลโอ๊คคนหนึ่งกำลังเดินสะพายกระเป๋าเป้ของโรงเรียนเข้ามายืนอยู่ด้านหน้าประตูเก่าบานนั้นด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบายใจ เธอยืนนิ่งพร้อมกับแหงนหน้ามองป้ายที่เขียนเอาไว้ว่า 'ชมรมโรงเรียนไอด้อล' ด้วยสายตาที่ดูเหมือนคนที่อยากจะร้องไห้ ...ทว่าถึงอย่างนั้น หญิงสาวก็จำใจบิดลูกบิดเปิดประตูสีน้ำตาลบานที่อยู่ด้านหน้าก่อนที่จะเดินผ่านธรณีประตูเตี้ยๆเข้าไป
...เมื่อเดินเข้าไปภายในห้องชมรมแล้วรันก็วางกระเป๋าเป้ที่สะพายเอาไว้บนบ่าของตัวเองลงกับพื้น เธอจ้องมองเข้าไปภายในห้องซ้อมเต้นที่ถูกปูไว้ด้วยพื้นไม้ปาร์เกต์ด้วยความรู้สึกที่กำลังหวั่นใจอยู่เต็มอก ด้านหลังกระจกลามิเนตโปรงแสงบานนั้นมีสาวสวยผมแดงกับสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นผิวซีดกำลังนั่งคุยกันอยู่หรือก็คือเซี๊ยะและซาโกะตามลำดับ
ทั้งสองคนที่อยู่ในชุดซ้อมกำลังเหงื่อไหลไคลย้อยและมีสีหน้าที่อิดโรยจากการซ้อมเต้นพลางใช้ผ้าขนหนูสีขาวเช็ดไปบริเวณซอกคอของตัวเอง โดยทางด้านของเซี๊ยะนั้นนอนราบลงไปกับพื้นในท่าเหยียดแขนกางออก ส่วนซาโกะก็กำลังนั่งตัวงอๆเหยียดเท้าอยู่ตรงกลางห้อง เมื่อรันเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าดังนั้นเธอก็พลางคิดขึ้นในใจโดยพลัน...
'รันนี่งี่เง่าจริงๆเลยนะ มาเข้าชมรมไอด้อลก็ต้องมาเต้น มาร้องเพลงสิ ใครเค้าจะให้มาเข้าชมรมเฉยๆแล้วไม่ทำอะไรกันเล่า...'
แกรก...
สาวผมสั้นดันประตูกระจกลามิเนตเข้าไป แน่นอนว่าที่เธอมาในวันนี้ก็เพื่อมาซ้อมเต้นตามเวลาที่นัดกันไว้ของชมรมโดยก่อนหน้านี้เธอได้เปลี่ยนจากชุดนักเรียนมาเป็นชุดซ้อมของเธอเรียบร้อยแล้ว ...ชุดซ้อมของรันนั้นเป็นเสื้อปาดไหลเอวเฉียงสีเหลือง มีเสื้อกล้ามสีน้ำเงินเข้มทับด้านในและสวมกางเกงขาสามส่วนตัวหลวมๆสีฟ้า ที่ศีรษะของเธอมียางรัดผมมัดแกละเอาไว้อยู่เส้นหนึ่ง ส่วนชุดซ้อมของเซี๊ยะจะเป็นสเวทเตอร์แขนสั้นบางๆสีขาว มีเสื้อยืดลายขวางสีชมพูทับด้านใน กางเกงรัดขาห้าส่วน ในขณะที่ของซาโกะจะเป็นเสื้อคอกว้างสีชมพูและกระโปรงซ้อมเต้นสั้นๆสีชมพูอ่อน
"สวัสดีทุกๆคน..." รันกล่าวทักทายเพื่อนๆของเธอด้วยเสียงที่ค่อย เหมือนกับว่าเธอไม่ค่อยมีกะจิตกะใจจะมาซ้อมซักเท่าไหร่เพราะความไม่มั่นใจในตัวเองของเธอ
"แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก... ส..สวัสดี!" เซี๊ยะที่ยังนอนหอบอยู่ที่พื้นทักตอบ ก่อนที่รันจะเข้ามาเธอพึ่งจะซ้อมร้องไปด้วยเต้นไปด้วยชุดใหญ่ซึ่งค่อนข้างใช้พลังงานไปพอสมควร ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่สาวผมแดงถึงกับต้องลงไปนอนหอบอย่างหมดสภาพราวกับคนไร้เรี่ยวแรงแบบนี้
"--โกะกิเกงโย่ว(สวัสดี)--" ซาโกะทักทายออกมาบ้างเป็นภาษาญี่ปุ่น
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรยากาศภายในห้องซ้อมค่อนข้างเต็มไปด้วยความตึงเครียดและสีหน้าที่เหนื่อยล้าจากทุกๆคน ถ้าหากให้เทียบกับบรรยากาศช่วงที่รันเข้าชมรมมาใหม่ๆ ในตอนนั้นบรรยากาศจะคึกคักมากกว่านี้ สาเหตุก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกเสียจากสัปดาห์สอบกลางภาคที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากช่วงสัปดาห์สอบกลางภาคจะจัดขึ้นในสัปดาห์วันคริสต์มาสพอดีและหลังจากสอบเสร็จหนึ่งวันทางโรงเรียนก็จะมีจัดงานวันคริสต์มาสอีฟซึ่งในวันนั้นแต่ละชมรมก็จะโชว์กิจกรรมเด่นๆและโปรโมทชมรมของตัวเองให้น่าสนใจขึ้นมาเพื่อที่จะดึงสมาชิกใหม่ๆจากชมรมอื่นให้ย้ายมาเข้าชมรมตัวเอง อย่างที่รู้กันดีว่าภายในเดือนธันวาคมนี้มีงานกิจกรรมใหญ่ๆจัดขึ้นถึงสองงานได้แก่งานวันชาติกับงานวันคริสต์มาสอีฟ ทางสภานักเรียนจึงให้นักเรียนทุกๆคนสามารถเลือกที่จะย้ายชมรมของตัวเองได้เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทำกิจกรรมที่หลากหลายและตรงตามความชอบของตัวเองมากที่สุด ...โดยจะเปิดให้มีการทำเรื่องย้ายชมรมได้ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจัดงาน ซึ่งสำหรับรันเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนที่เลือกที่จะย้ายจากชมรมวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาอยู่ชมรมโรงเรียนไอด้อลเช่นกัน...
...ซึ่งทางชมรมไอด้อลจะพลาดโอกาสในการแสดงไลฟ์ของตัวเองในงานวันคริสต์มาสอีฟที่จะถึงในเร็วๆนี้ไม่ได้ถ้าอยากที่จะสร้างความนิยมและเป็นที่รู้จักในโรงเรียนต่อไป แต่การที่เข้าใกล้ช่วงสอบมากขึ้นเรื่อยๆก็ทำให้ตารางการซ้อมของพวกเธอวุ่นวายปั่นป่วนกันไปหมดเพราะการที่จะอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบและแต่งเพลง คิดท่าเต้น ตัดชุด คอมโพสดนตรีไปด้วยกันนี่ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆสำหรับเด็กสาวม.ปลายตัวเล็กๆแค่สี่คน(กับผู้จัดการชมรมอีกหนึ่ง) ไหนจะต้องหาสมาชิกใหม่มาเข้าวงอีกหนึ่งคนด้วยอีก (ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้าย ถ้าหาสมาชิกเพิ่มไม่ได้พวกเธอต้องปรับท่าเต้นให้สอดคล้องกันในแบบสี่คน) ...โดยคนที่มีเวลาว่างมากที่สุดและดูเหมือนจะกำลังแบกชมรมอยู่ในตอนนี้ก็คือซาโกะที่เรียนสายศิลป์อยู่คนเดียวจึงทำให้พอมีเวลาว่างมากกว่าคนอื่นๆที่เรียนอยู่สายวิทย์
เมื่อซาโกะเห็นรันที่เดินเข้ามาได้ซักพักนึงแล้วเธอจึงเรียกรันให้มาวอร์มร่างกายก่อนเพื่อที่จะให้ร่างกายยืดหยุ่นและไม่ปวดกล้ามเนื้อเวลาเต้น
หลังจากวอร์มร่างกายเสร็จ ซาโกะก็เป็นคนนำเต้น...
...
…
…
"แอ่กก !" หลังจากที่เต้นกันไปได้ซักสองสามชุดรันก็เกิดพลาดท่า สาวน้อยข้อเท้าพลิกและร่วงลงไปกระแทกกับพื้นอย่างหนักหน่วงจนทำให้ซาโกะต้องรีบเข้าไปดูอาการ
"--รันจัง!-- --เป็นอะไรหรือเปล่า?--" สาวลูกครึ่งญี่ปุ่นพูดด้วยความเป็นห่วง เช่นเดียวกันกับเซี๊ยะ สาวผมแดงรีบลุกขึ้นมาจากท่านอนเพื่อมาดูอาการของเพื่อนสาว
"ไม่รู้ว่าห้องพยาบาลปิดไปแล้วหรือยัง" เซี๊ยะพูดด้วยเสียงที่ไม่สบายใจ
"ม...ไม่เป็นไรหรอก ฮ่าๆ ...รันไม่เป็นไร ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก" ทว่าสาวผมน้ำตาลพยายามบอกกับทั้งสองให้สบายใจได้ สาวน้อยพยายามลุกขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะแบบฝืนๆเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเธอยังคงสบายดี
รันพยุงตัวเองขึ้นและพอเดินแบบกระเผลกๆได้
"จังหวะตอนที่ล้มน้ำหนักน่าจะไม่ได้ลงที่ข้อเท้ามากน่ะ แปปเดียวเดี๋ยวก็หายแล้ว" เธอพูดเสริมขึ้นมาอีกครั้งเพื่อให้ทั้งสองคนหายห่วงมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างงั้นเซี๊ยะก็ยังกระชับเสียงแข็งขึ้นมาก่อนว่า
"เอาเถอะ ยังไงวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน ถ้าฝืนซ้อมไปอาจจะบาดเจ็บเพิ่มจนกลายเป็นเจ็บหนักได้" เมื่อพูดจบสาวผมแดงก็ช่วยประครองตัวรันให้มานั่งอยู่ที่ริมห้อง
แต่รันที่พึ่งจะเข้าห้องซ้อมมาได้ไม่นาน เมื่อได้ยินดังนั้นจึงยิ่งรู้สึกไม่สบายใจไปใหญ่ เธอพยายามฮึดดันตัวเองขึ้นมาอีกครั้งเพื่อที่จะโชว์ให้เห็นว่าเธอยังไหว สาวน้อยพูดด้วยเสียงที่สั่นระรัวของคนที่กำลังฝืนทนกับความเจ็บปวดว่า
"ไม่เป็นไรนะ ! รันไหว ! เชื่อรันสิ... อ...โอ้ยๆๆ !" แต่ดูเหมือนในที่สุดการฝืนเกินกำลังของรันก็เริ่มส่งผลให้อาการเจ็บของเธอกำเริบขึ้นเรื่อยๆ จนเธอร้องโอดโอยออกมา ท้ายที่สุดแล้วรันก็ต้องนั่งนิ่งๆอยู่ที่พื้นพิงกับมุมห้อง ซึ่งเป็นทางด้านของเซี๊ยะที่มาปฐมพยาบาลให้
สาวผมแดงในชุดสเวทเตอร์เหงื่อโชกค่อยๆก้มลงบรรจงพันผ้าพันข้อเท้าให้กับสาวน้อยผมน้ำตาล ดวงตาสีแดงทับทิมของรันจ้องมองไปยังแววตาสีเหลืองหม่นอันโฉบเฉียวของเซี๊ยะที่กำลังเพ่งสมาธิไปที่ข้อเท้าอันบอบบางของเธอ เหงื่อที่ท้วมตัวของเซี๊ยะไหลลงพื้นปาร์เก้เป็นหยดๆ ในขณะที่ซาโกะก็กำลังซ้อมเต้นท่าใหม่ที่เซี๊ยะพึ่งจะคิดให้อยู่
"แบบนี้รันก็ช้ากว่าใครเพื่อนแล้วล่ะสิเนี่ย..." สาวผมน้ำตาลงอหัวลงไปที่ระดับหัวเข่า ตำแหน่งบนสายตาของเธอเปลี่ยนจากดวงตาอันงดงามของเซี๊ยะไปจรดมองที่พื้นสีน้ำตาลแทน สาวน้อยพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆราวกับว่ารู้สึกละอายเล็กๆ เซี๊ยะที่ได้ยินดังนั้นจึงรีบพูดขึ้นมาปลอมด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
"ไม่เป็นไรหรอก... ยัยกุ๊งกิ๊งนั่นแทบจะยังไม่ได้เริ่มซ้อมแบบจริงๆจังๆเลยด้วยซ้ำ พอดีว่าห้องเรียนของยัยนั่นเป็นห้องกิ๊ฟเต็ทอะนะเลยค่อนข้างเรียนหนัก แต่ยังไงเธอก็ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ยังมีคนที่ช้ากว่าเธออยู่ แถมเรายังมีเวลาอีกตั้งสองสัปดาห์แน่ะ" คำพูดของเซี๊ยะพยายามที่จะบอกให้รันรู้สึกสบายใจขึ้น แต่สาวผมน้ำตาลกลับตอบกลับด้วยน้ำเสียงแบบเดิมว่า
"แต่กิ๊งน่ะ เรียนรู้เร็วจะตาย ขนาดไม่มีเบสิคพื้นฐานมาก่อนแต่แค่ให้ฝึกซ้อมแปปๆเดียวก็เต้นได้สวย ...ได้ดีมากๆแล้ว..." เสียงของเธอเริ่มอ่อนระโหยกว่าเดิม สาวผมแดงเมื่อเห็นอาการที่แสดงออกมาผ่านสีหน้า แววตาและน้ำเสียงของสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเรื่อยๆ
...ก็รู้โดยทันทีว่า นี่เป็นอาการของคนที่กำลังขาดความมั่นใจ
และสาวน้อยก็ยังคงพูดต่อไปอีกว่า...
"...ไม่รู้สิ ตั้งแต่รันเข้ามาในชมรมนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวถ่วงให้กับทุกๆคนยังไงก็ไม่รู้ ...ทุกๆคนดูตั้งใจ เต็มที่ให้กับการซ้อมทุกๆอย่าง ทั้งๆที่ทุกคนก็มีภาระหน้าที่อื่นๆไม่ต่างกัน ในขณะที่ตัวรันเองพึ่งจะมารู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องมาซ้อมอะไรอย่างงี้ด้วย..."
เซี๊ยะนิ่งเงียบ เธอก้มหน้าลงและยังคงจรดมองไปที่ข้อเท้าของรัน ...สาวน้อยพูดต่อไปอีกว่า
"...ค...เคยเป็นภาระ ต้องให้กุ๊งกิ๊งไปตามง้อจนให้กลับมาซ้อมอยู่พักนึงด้วย" น้ำเสียงของรันนั้นอ่อนระโหยโรยแรง ไร้ซึ่งพลัง ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ รวมทั้งยังมีใบหน้าที่ไร้ซึ่งความร่าเริง ...รอยยิ้มของเธอเลือนรางหายไปจนหมด... จนทำให้เซี๊ยะฉุดคิดขึ้นได้ว่าถ้าขืนปล่อยแบบนี้ไปจะต้องไม่ดีแน่ๆ ...เธอเริ่มกลัวที่จะเสียรันไป...
ความมั่นใจของรันจะหดหายจางลงเรื่อยๆ เธอจะต้องทำอะไรซักอย่าง... และทันใดนั้นเอง
...เซี๊ยะแสร้งแสดงสีหน้าแบบคนที่ทนไม่ไหว เธอพูดขึ้นมาเสียงแข็งพลันตัดบทของรันว่า
"นี่รัน ! เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน ? เธอไม่สู้แล้วหรอ ? เธอยอมแพ้แล้วงั้นหรอ ?" ไม่ทันตั้งตัว...แต่เซี๊ยะก็ไม่ทันสังเกตว่ามือทั้งสองข้างของเธอเผลอเข้าไปจับที่หัวไหล่ของรันอย่างแน่น เล็บอันเรียวยาวของเธอเข้าไปจิกที่แขนของรันเล็กน้อย อีกทั้งเธอยังรู้สึกด้วยว่าเธออาจจะพลั้งมือออกแรงไปสั่นตัวของสาวน้อยเพื่อที่จะเป็นการเรียกสติ ซึ่งหญิงสาวมิได้ต้องการจะทำถึงขนาดนั้นเพราะมันอาจจะยิ่งทำให้รันกลัวและใจฝ่อไปมากกว่าเดิมก็ได้ ในทีแรกเซี๊ยะเพียงแค่ต้องการที่จะใช้เพียงแค่คำพูดที่เปรียบดั่งไม้ขีดไฟก้านเล็กๆเพื่อช่วยจุดไฟตะเกียงภายในจิตใจของรันให้สว่างไสวขึ้นอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเธออาจะพลาดใส่น้ำมันเข้าไปด้วย ซึ่งอาจจะทำให้ตะเกียงไหม้ได้...
แต่ทว่า...
"ม...ไม่ รันไม่ใช่ว่าไม่สู้นะ ! ต...แต่เพียงแค่..." โชคยังดีที่ว่าสาวน้อยไม่ได้รู้ห่อเหี่ยวไปกับคำพูดและการกระทำของเซี๊ยะ ดวงใจของเธอยังคงไม่มอดไหม้ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นคำพูดที่ดูสั่นคลอนและตะกุกตะกักพอสมควร
เซี๊ยะที่กำลังมีสีหน้าตกอกตกใจกับการกระทำของตัวเองอยู่เมื่อเห็นว่ารันยังคงพูดโต้ตอบกับเธอได้ก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง ในขณะเดียวกันเธอก็พลันนึกขึ้นได้ว่าบางทีเธออาจจะประเมินสาวน้อยที่อยู่ข้างหน้าคนนี้ต่ำไป ...หรือเปล่ากันนะ
"ต...แต่เพียงแค่ว่า... รันรู้สึกเป็นตัวถ่วงของคนอื่นยังไงก็ไม่รู้" ...ทว่าดวงไฟที่อยู่ภายในตะเกียงแห่งจิตใจดวงนั้นก็ดูเหมือนจะมอดดับไปโดยพลันอีกครั้ง ช่างเป็นเปลวไฟที่ไม่เที่ยงและเลือนหายไปได้อย่างรวดเร็ว ราวกับแสงอาทิตย์ในวันที่ฟ้าสดใสแต่จู่ๆก็มีเมฆครึ้มสีเทามาบดบัง ...เราจะไม่สามารถเดาได้เลยว่าในที่สุดแล้วท้องฟ้าจะสว่างขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่ อาจจะถูกเมฆสีเทากลืนกินและพ่ายแพ้ให้กับสายฝนที่โปรยปรายลงมา หรืออาจจะเอาชนะและกลับมาฉายแสงเรืองรองทั่วท้องนภาอีกครั้งก็มิอาจรู้ได้
เมื่อนั้นเองเซี๊ยะจึงนึกอะไรได้บางอย่าง ...เธอเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับรันอีกครั้ง คราวนี้เธอนิ่งเงียบ...มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอเล็กน้อยเพียงแต่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้สังเกตอะไร ตัวของทั้งสองนั้นใกล้ชิดกันมากจนแทบจะตัวติดกันอยู่แล้ว
พรึ่บบ
เซี๊ยะค่อยๆเอื้อมฝ่ามือไปดันกำแพงที่อยู่ข้างๆใบหน้าของรันพร้อมกับพยุงตัวลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะหันหลังกลับไปซ้อมเต้นกับซาโกะโดยเธอพูดแบบไม่มองหน้าว่า
"...ถ้าอย่างงั้นชั้นขอกลับไปซ้อมก่อนก็แล้วกันนะ เดี๋ยวคราวนี้ว่าจะซ้อมเต้นไปด้วยร้องไปด้วยน่ะ เธอเองก็พักไปก่อนนะอย่าฝืนล่ะอันนี้พูดจริงจัง" โดยน้ำเสียงของเธอก็ยังคงปะปนไปด้วยความเป็นห่วงอยู่เช่นเคย
"อ..อืม..." รันที่กำลังนั่งกุมเข่าอยู่ก็ได้แต่ชายตามองขึ้นไปที่แผ่นหลังของเซี๊ยะ โดยระหว่างนั้นเองเซี๊ยะก็เดินเข้าไปใกล้ๆกับซาโกะซึ่งเธอเหมือนจะกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างๆหู แต่รันที่เห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เธอยังคงนั่งงอคอกุมเข่าอยู่แบบลูกแมวที่กำลังหนาวสั่น
...ก่อนที่เซี๊ยะและซาโกะจะเริ่มซ้อมไปด้วยกัน...
""ดวง...ตะวันจะคงทอแสงหรือไม่... โอ่จันทราเอ่ยโปรดจงลาลับไป...----""
...
ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที...
"อะ...อะ..เฮือออกก !!"
หลังจากทั้งร้องทั้งเต้นไปได้ประมาณหนึ่งเซี๊ยะก็เหมือนจะเกิดลมจับขึ้นมาดื้อๆทั้งๆที่กำลังอยู่ในห้องแอร์ ระหว่างที่กำลังเปล่งเสียงร้องประสานไปกับซาโกะอยู่นั้นเอง อยู่ดีๆเสียงของเธอก็ขาดๆหายๆและทันใดนั้นร่างของเซี๊ยะก็ค่อยๆทรุดลงไปที่พื้น เสียงหอบอย่างรุนแรงดังตามขึ้นมาเช่นเดียวกับเสียงร้องที่ออกมาจากภายในลำคอของเซี๊ยะก็เริ่มที่จะแหบแห้งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนในที่สุดร่างอันบอบบางของเซี๊ยะก็ร่วงโรยและนอนหมอบกระแตแน่นิ่งอยู่ที่พื้นอย่างสิ้นสภาพ
ซาโกะรีบนั่งลงไปเพื่อดูอาการของเพื่อนสาวด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก เธอพลิกตัวของเซี๊ยะพร้อมกับค่อยๆแกะกระดุมสเวทเตอร์สีชมพูอ่อนออกทีละเม็ดทีละเม็ดก่อนที่จะค่อยๆถอดมันออก ซึ่งด้านในเป็นเสื้อยืดสีชมพูที่เปียกปอนไปด้วยหยาดเหงื่อราวกับคนที่พึ่งจะถูกสาดน้ำใส่
เสื้อผ้าที่เปียกโชกเผยให้เห็นเนินหน้าอกขนาดปานกลางของสาวสวยผมแดง ไม่มีขนาดใหญ่โตอะไรมากแต่ก็ไม่แบนราบจนน่าเบื่อ เรียกได้ว่ามีขนาดพอประมาณน่าทะนุถนอมแต่ก็น่าฟัดน่าเหวี่ยงให้แหลกสลายไปในเวลาเดียวกัน นอกจากนั้นเมื่อไล่ลงมาก็จะเห็นทรวดทรงองเอวอันบอบบางสไตล์คนเอวบางร่างน้อยแบบสาวเอเชียขนานแท้ แต่ทว่าสาระสำคัญทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น...
ซาโกะค่อยๆเลื่อนเอามือที่ยกขึ้นมาก่ายหน้าผากตัวเองของเซี๊ยะลงพร้อมกับเกลี่ยผมสีแดงๆที่ขึ้นมาปิดใบหน้าที่กำลังซีดเซียวไม่ให้เกะกะ เธอร้องขึ้นมาว่า
"--แย่แล้ว!-- --ดูเหมือนเซี๊ยะจะเป็นลมน่ะ--"
รันที่เห็นสถานการณ์ดังนั้นจึงรีบพยายามฝืนลุกขึ้นมาโดยพลัน เพื่อเข้ามาดูอาการ
หารู้ไม่ว่าทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นการแสดงของเซี๊ยะและซาโกะที่นัดกันผ่านการกระซิบเมื่อครู่นี้ล้วนๆ ทว่าดูเหมือนรันจะไม่รู้ตัว
เธอเดินกระเผลกๆเข้ามาพร้อมกับ...
พรึ่บบบ!
เดินสะดุดขาตัวเองแล้วหกล้มหน้าคะมำลงไปไม่เป็นท่าอีกครั้ง ทว่าคราวนี้หัวเธอไปฟาดกับ...
โป้กกกก!
...หน้าผากโหนกๆของเซี๊ยะเต็มๆ! สาวผมแดงถึงกับร้องจ้ากออกมาและหลุดจากการแสดงของตัวเองโดยบัดดล ซาโกะที่เห็นแบบนั้นก็เข้าไปพยุงตัวที่ล้มลงมาของรันไม่ทัน เธอก็เลยต้องปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปอย่างเลยตามเลย กลายเป็นว่าแผนที่วางเอาไว้ล่มในทางปฏิบัติ ...แต่ดูเหมือนว่าท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้เสียแผนแต่อย่างใด...
"เย้ ! รันทำให้เซี๊ยะหายเป็นลมได้แล้ว"
...
หลังจากฟื้นคืนสติกลับมาได้สมบูรณ์ (จังหวะที่ศีรษะปะทะศีรษะก็ทำให้มึนไม่ใช่น้อยๆ) เซี๊ยะเองที่นั่งชันเขาอยู่ตรงกลางห้องก็ให้ซาโกะช่วยลูบหัวที่กำลังระบมอยู่ ในขณะที่รันก็ได้นั่งทำหน้าเจื่อนๆอยู่ข้างๆพร้อมกับเกาผมแก้เขินไปด้วย
สาวผมแดงไม่รอช้า เธอเริ่มพูดประเด็นที่เธอวางแผนว่าจะพูดขึ้นมาทันทีว่า...
"เห้ออ ! ชั้นนี่อ่อนหัดจริงๆเลยนะ... มีปัญหาเรื่องร้องเสียงหลงตลอดเลย..." น้ำเสียงของเธอดูคล้ายๆกับคนที่กำลังน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อยซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเพียงแค่การแสดง (แต่จริงๆแล้วเซี๊ยะก็ถือว่าร้องเพลงได้เพี้ยนกว่าชาวบ้านจริงๆ)
"ง...งั้นหรอ แฮะๆๆ" รันที่ไม่รู้จะพูดอะไรก็ได้แต่ยอมตามน้ำไปเรื่อยๆก่อน
"--จริงสิ!-- --ตอนที่ขึ้นไลฟ์คราวก่อน-- --เซี๊ยะร้องเสียงเพี้ยนอยู่คนเดียวเลยนี่นา--" ซาโกะพูดเสริม
"เธออย่าทำให้ชั้นรู้สึกแย่ไปกว่าเดิมสิ!" สาวผมแดงพูดไปตามบท
"--รันเองที่ดูการแสดงอยู่ด้านล่างเวที-- --ก็เห็นใช่มั้ยล่ะ-- --ว่าเซี๊ยะน่ะร้องเพลงเพี้ยน--" สาวลูกครึ่งญี่ปุ่นเล่นไปตามบทบาท
"อ...อ๋อ..รันน่ะหรอ...แหม่..." สาวผมสั้นพูดจาตะกุกตะกักขึ้นมาเล็กน้อย
"ก...ก็ใช่แหละ แฮะๆๆ" เธอพูดออกไปพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆและเบือนหน้าหนีเซี๊ยะ
'หาาาาา !' หน้าของเซี๊ยะเหวอออกมาและแทบจะซีดจนกลายเป็นสีหิมะ โดยถ้าหากเป็นใบหน้าภายในจิตใจของเธอในตอนนี้แล้วก็คงไม่ต่างอะไรจากภาพวาดบนกระดาษที่ถูกเขียนด้วยดินสอไส้จางๆและพึ่งจะถูกฉีกทิ้งจนแหลกเละไม่เหลือชิ้นดี จริงอยู่ที่เซี๊ยะแค่แสร้งทำเป็นพูดว่าตัวเองร้องเสียงเพี้ยน แต่เธอเองก็ไม่คิดจริงๆว่าตัวเองร้องเพลงห่วย ...การถูกเปิดเผยในคราวนี้จึงทำให้ความมั่นหน้ามั่นอกของเซี๊ยะหดไปไม่เบา... (ในขณะที่ซาโกะก็ได้แต่แอบขำในใจ)
"อ...อะแห่มๆ ค่อกแค่กๆ (ไอออกมาเล็กน้อย) ก็นั่นแหละนะ คงจะเป็นเพราะว่าชั้นเอาแต่ฝึกเต้นอยู่อย่างเดียวมาโดยตลอด จ...จนลืมความสำคัญของการร้องเพลงไปน่ะสิ..." สาวผมแดงไม่มีทางเลือก เธอก็ต้องจำใจเล่นไปตามบทบาทที่แท้จริงแล้วมันก็เป็นความจริงด้วยความรู้สึกของคนที่กำลังเสียฟอร์ม
"--นั่นน่ะสินะ--" ซาโกะพูดเสริมพร้อมกับแอบอมยิ้มอย่างชั่วร้าย
"เต้นเฉยๆเนี่ยมันง่ายมากเลยล่ะนะ (พยายามจะอวดตัวเองว่าตัวเองช่ำชองเรื่องการเต้นขนาดไหน) แต่เวลาที่ต้องมาเต้นไปด้วยแล้วก็ร้องเพลงไปด้วยเนี่ย... การกะจังหวะลมหายใจ การหายใจให้ทันระหว่างที่กำลังเต้นไปด้วยเนี่ย เป็นเรื่องที่ยากมากเลยล่ะ" เธอต้องกล้ำกลืนฝืนทนพูดในสิ่งที่เธอเคยคิดว่าตัวเองทำได้ดีมาโดยตลอด ซึ่งอันที่จริงแล้วเธอก็เป็นคนสอนพื้นฐานๆนี้ให้กับกุ๊งกิ๊งเองเสียด้วยซ้ำ
"...อ๊ะ !" ทันใดนั้นเองก็ถึงจังหวะที่จะต้องเข้าสู่ช่วงบทพูดสำคัญที่เธอวางแผนเอาไว้
"จะว่าไปรันเนี่ย... ร้องเพลงเก่งมากเลยนะ"
"--ใช่ๆ-- --เพราะตอนก่อนเราขึ้นไลฟ์ครั้งก่อนเนี่ย-- --พวกเราได้เห็นการแสดง-- --ของพวกชมรมวัฒนธรรมญี่ปุ่น-- --แล้ว--"
"แล้วพวกชั้นว่ารันเนี่ยร้องเพลงได้ไพเราะสุดๆไปเลยล่ะ ('โทษทีนะซาโกะแต่เผอิญเธอพูดช้าไม่ทันใจ'...เซี๊ยะคิดในใจ)
"...ถ้าเป็นไปได้... รันน่ะ..."
"ช่วยมาสอนชั้นร้องเพลงให้ชั้นจะได้มั้ย"
"ชั้นอยากจะร้องเพลงให้เพราะได้แบบรันนะ..."
...
เซี๊ยะพูดคำพูดนั้นออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงใจพร้อมด้วยรอยยิ้มอันแสนนุ่มนวล... แววตาของเธอเปลี่ยนมาอ่อนโยน...และนัยน์ตาสีบุษราคัมของเธอก็กำลังจรดมองเข้าไปภายในดวงตาของสาวน้อยด้วยความรู้สึกที่กำลังขอร้องอ้อนวอน ...อีกทั้งยังมีฝ่ามืออันนุ่มนวลและบอบบางเข้ามาสอดประสานและให้ความรู้สึกอันแสนหวานแผ่ซ่านมายังฝ่ามืออันเรียวเล็กของรันอีกด้วย... เซี๊ยะสัมผัสมือทั้งสองข้างของรันพร้อมกับยกมันขึ้นมาสัมผัสบนแก้มแดงๆของเธอ
สาวน้อยที่เจอความอ่อนโยนที่ปราศจากซึ่งรอยยิ้มอันเปื้อนมลทินของสาวหมวยตาคมผมแดงเข้าไป จึงเกิดความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นมาอยู่เต็มอก...
เธอคิดอยู่ภายในใจว่า...
'นี่รัน...เก่งขนาดนั้นเลยหรอ...'
'รันสามารถที่จะเป็นต้นแบบของใครบางคนได้...'
'ใช่... น้ำเสียงของรันน่ะ ทำให้ชั้นรู้สึกอยากที่จะร้องเพลงให้ได้แบบนั้นเลยนะ...' ความรู้สึกจากเซี๊ยะที่แปรเปลี่ยนมาเป็นคำพูดที่ดังกึกก้องอยู่ภายในจิตใจ
'งั้นเองหรอ... ความรู้สึกของการที่มีใครบางคนชื่นชมเรา... ยกย่องตัวเรา...'
'การที่ได้เป็นแบบอย่างให้กับใครบางคน ...นี่เองสินะที่เป็นหนึ่งในนิยามของคำว่าไอด้อล... นี่ชั้นตามหามันพบได้เร็วขนาดนี้เลยงั้นหรอ...'
ท่ามกลางเสียงที่ดังกึกก้องอยู่ภายในหัวมากมาย... เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว จู่ๆมันก็ดับเงียบลง...
หลอมรวมกันเหลือเพียงแค่ความรู้สึกที่เป็นหนึ่งเดียว
เธอพูดอยู่กับตัวเองที่กำลังเหงาหงอยเศร้าหมองและนั่งอยู่คนเดียว
...โดดเดี่ยว อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวท่ามกลางวังวนแห่งความคิดอันมืดมิดสีดำ...
เธอหลับตาพูดกับมันด้วยตัวคนเดียว...
'ความรู้สึกนี้มัน... ...คือ...'
...
...
…
…
…
รันลืมตาขึ้นมา พร้อมกับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า... เสียงหัวเราะแบบพยายามกั้นขำค่อยๆเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนที่ในท้ายที่สุดเธอก็หัวเราะรัวๆออกมา เช่นเดียวกับเซี๊ยะและซาโกะ... รันยกมือขึ้นมาประสานกับฝ่ามือของเซี๊ยะอีกครั้งก่อนที่จะพูดออกมาว่า
"ได้สิ! เดี๋ยวชั้นจะสอนให้เธอเอง แต่เธอก็อย่าลืมติวเข้มเรื่องท่าเต้นให้กับชั้นด้วยนะ"
|
|
|
Post by GreyTear on Aug 14, 2018 21:18:35 GMT
ตอนที่ 7 : สายฝนสู่ราตรีที่อบอุ่น ...
"--หิ หิ หิ--" ซาโกะหัวเราะพลางเอามือป้องปากด้วยความดีใจที่ในที่สุดรันก็กลับมามีไฟอีกครั้ง
"ถ้าอย่างงั้นรันว่าพวกเรามาเริ่มฝึกวอร์มเสียงกันก่อนเลยดีมั้ย"
"ได้สิรันเริ่มก่อนเลย" เซี๊ยะตอบกลับ
"เนื้อเสียงของเซี๊ยะน่ะถึงจะมีความทุ้มอยู่แต่ก็สามารถทำให้แหลมได้อย่างดูธรรมชาติเลยนะ ...เอาล่ะ... ~ ♪ อา ~ ♪ อ่า ~ ♪ อ้า ~ อ๊า ~ ♪ อ๋า ~ ♪"
"~ ♪ อา ~ ♪ อ่า ~ ♪ อ้า ~ อ๊า ~ ♪ อ๋า ~ ♪"
...สาวน้อยทั้งสองค่อยๆเปล่งเสียงไล่ระดับตามๆกันมา ซาโกะที่ยืนมองดูอยู่ข้างๆก็ยิ้มแก้มปริ...
แต่ระหว่างที่ทั้งสองกำลังร้องประสานเสียงอยู่นั้นเอง ซาโกะก็พลันเหลือบมองออกไปที่นอกหน้าต่าง เธอพบกับท้องฟ้าที่มืดครึ้มและแสงไฟลุกวาบสีไพฑูรย์... เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง เสียงดังอึกกระทึกคึกโครมก็ตามมา...
เปรี๊ยง เปรี๊ยง เปรี๊ยง!!
สายฟ้าฟาดลงมายังสายล่อฟ้าที่อยู่ใกล้ๆกับตัวโรงเรียน ทันใดนั้นเองแสงสว่างภายในห้องซ้อมเต้นก็ดับลง ทำให้นักเรียนสาวทั้งสามคนตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ...ก่อนที่เสียงซ่าของสายฝนจะโหมกระหนำลงมาปนด้วยเสียงฟ้าร้องที่แทรกเป็นระลอกๆ
ซ่าา... โคร่มๆ
"--ดูเหมือนว่า-- --วันนี้พายุฝนจะเข้าอีกแล้วสินะ--" ซาโกะลำพึงขึ้นมาพร้อมกับมองไปรอบๆบานหน้าต่างที่เต็มไปด้วยหยดน้ำ
"ฟ...ฟ้าผ่า..." เซี๊ยะพูดขึ้นมาพร้อมกับแสดงอาการหวั่นๆเกรงๆกับสายฟ้าเมื่อซักครู่นี้เล็กน้อย สายตาซ่อนความกลัวเอาไว้อยู่ภายใน ในขณะที่รันเหมือนจะหวาดกลัวสายฟ้ามากกว่าใครเพื่อน
"ฟ...ฟ...ฟ้าผ่าด้วยแหละ !!" เธอร้องขึ้นมาพร้อมกับรีบไปหลบอยู่ด้านหลังของเซี๊ยะ
ติก ติก ติก ติก
ซาโกะที่ดูเหมือนจะไม่กลัวเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องเท่าไหร่จึงเดินไปเปิดปิดสวิตช์ไฟที่ทางเข้าห้องซ้อมเต้นดูเผื่อว่าจะทำให้ไฟกลับมาสว่างได้ แต่สุดท้ายไฟก็ยังไม่ติด
"—ถึงไฟจะดับ-- --แต่ฝนก็ตกไม่หนักมาก-- --น่าจะพอกางร่ม-- --แล้วก็เดินกลับบ้านได้อยู่ล่ะมั้ง--" ซาโกะพูดขึ้น
"ปัญหาคือชั้นไม่ได้พกร่มติดตัวมาด้วยนี่สิ" ทว่าเซี๊ยะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบายใจ
"อืมช่าย... รันก็ด้วย นี่มันหน้าหนาวไม่ใช่หน้าฝนหนิ ใครเค้าจะพกร่มออกจากบ้านกัน" รันพูดเสริมขึ้นมา
...ทว่าเมื่อสิ้นเสียงของหญิงสาว จู่ๆซาโกะก็ได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆดังออกมาจากนอกห้องซ้อมเต้น...
"ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ"
ภายใต้ความมืดมิด...หญิงสาวทั้งสามมิสามารถเห็นได้เลยว่ามีอะไรอยู่ด้านนอกห้อง ซึ่งปกติห้องรับรองที่อยู่นอกห้องซ้อมเต้นก็เป็นห้องทึบไม่มีหน้าต่างให้แสงส่องเข้ามาอยู่แล้ว เมื่อไฟดับอย่างงี้จึงยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ว่าเสียงร่ำไห้ที่ว่านั่นเป็นของใคร ...หรืออะไร
"ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ"
เสียงสะอึกสะอื้นที่ทั้งสามได้ยินนั้นเป็นน้ำเสียงของหญิงสาว ซาโกะเอ่ยปากพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงหัวเราะและรอยยิ้มถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศความตึงเครียด
"--อะโน...พวกเธอ-- --ได้ยินใช่มั้ย--" เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เมื่อได้ยินดังนั้นเซี๊ยะและรันที่ยืนกอดกันอยู่ด้านหลังก็ตอบรับขึ้นมาพร้อมกันว่า
""ช...ใช่...""
สาวผมยาวหันไปด้านหลัง ใบหน้าของเซี๊ยะและรันกำลังซีดเผือดด้วยความหวาดหวั่น เธอเข้าใจดีเนื่องจากว่าสิ่งที่กำลังทำให้ทั้งสามเกิดอาการช็อคกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่แค่เสียงร้องไห้ของหญิงสาวเพียงอย่างเดียว แต่มันคือ...
ประตูไม้ด้านนอกที่เปิดค้างเอาไว้โดยปริศนา ซาโกะมองไปยังทางเดินบนอาคารเรียนด้านนอกที่ทอดยาวเข้าไปสู่เงาสีดำ มีแสงไฟที่เกิดจากฟ้าผ่าส่องผ่านเข้ามาเป็นระยะๆ ซึ่งทุกๆครั้งที่มีแสงไฟส่องผ่านบนทางเดิน สิ่งที่ซาโกะเห็นก็จะมีเพียงแค่ความว่างเปล่า แต่ถึงอย่างงั้นก็ตาม... มันก็น่าหวาดหวั่นว่าถ้าหากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้มีเพียงแค่ความว่างเปล่าอีกต่อไป... เมื่อนั้น...พวกเธอจะทำอย่างไร...
ซาโกะกลืนน้ำลายลงอึกนึง เธองอเข่าย่อตัวลงก่อนที่จะค่อยๆย่องเดินเข้าไปใกล้ๆประตูกระจกด้วยเสียงของฝีเท้าที่เงียบที่สุด พยายามไม่ให้สิ่งที่รออยู่ด้านนอกได้ยินสิ่งที่เธอกำลังทำ
เธอค่อยๆยื่นมือออกไป นำหน้าตัวของเธอที่กำลังย่องฝีเท้าด้วยความระมัดระวังอยู่ ก่อนที่จะ...
แอ๊ด...
ดันฝ่ามือไปยังประตูกระจกบานนั้นก่อนที่จะค่อยๆเดินออกไปผจญกับดินแดนแห่งอันธการ เซี๊ยะพูดตามหลังซาโกะออกไปว่า "ระวังดีๆนะซาโกะ!"
"--ชู่วว!--" ทว่าสาวลูกครึ่งก็หันหลังกลับมาพร้อมกับเอานิ้วชี้แตะไปที่ปาก เป็นสัญญาณที่บอกให้เงียบ
ทันใดนั้นเอง เธอก็พบว่าเสียงร้องไห้ของหญิงสาวดับลงไป แขนของซาโกะเริ่มเกิดอาการสั่นเกร็ง หญิงสาวในตอนนี้กำลังเผชิญหน้าต่อสู้กับความกลัวของตัวเอง ...เธอเอื้อมมือไปคว้ากระบองไฟฉายที่แขวนไว้อยู่ข้างๆประตูห้องซ้อม
กริก...
ลำแสงสีขาวสว่างขึ้น ซาโกะใช้ไฟฉายส่องไปที่มุมห้อง ก่อนที่เธอจะพบกับเงาทมิฬของหญิงสาวผมยาวคนหนึ่ง...กำลังนั่งอยู่ในท่าคุกเข่าก้มคอตัวเองชิดอยู่ที่กำแพงห้อง ราวกับเป็นท่าของคนที่กำลังร้องไห้แต่กลับไม่มีเสียงร้อง...
...ซาโกะใจดีสู้เสือ เธอก้าวเท้าเดินเข้าไปอย่างช้าๆ พร้อมกับส่งเสียงพูดออกไปอย่างแผ่วเบาว่า
"--ฮ...ฮัลโหล...-- --ด...ดาเระ...?-- --ธ...เธอเป็นใคร...--"
...ทว่า...ทันใดนั้นเอง...
เงาสีทมิฬก็หันหน้ามา ปรากฏให้เห็นนัยน์สีม่วงเข้มอันน่ากลัวของมัน
ซาโกะตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้... แต่ทว่าเงาดำตัวนั้นขยับอย่างรวดเร็วมาก มันรีบวิ่งกระโดดหนีออกจากห้องโดยพลัน ซาโกะที่เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ทว่าหญิงสาวไม่ทันระวัง เธอสะดุดล้มที่ธรณีประตูเล็กน้อยแต่โชคยังดีที่หน้าไม่คะมำพื้น หญิงสาวทรงตัวอยู่ได้และรีบจ้ำเท้าวิ่งออกจากห้องไป...
เมื่อพบกับแสงสว่างที่อยู่ด้านนอก ซาโกะก็รู้ทันทีว่าเงาสีดำตัวนั้นไม่ใช่เงาของภูตผี เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอคือแผ่นหลังของหญิงสาว... หญิงสาวในชุดนักเรียนที่เธอรู้จักดี ...ผู้หญิงตรงหน้าของเธอนั้นก็คือไข่มุกที่จู่ๆก็แอบเข้าห้องชมรมโรงเรียนไอด้อลนี้มาอย่างน่าสงสัย...
อย่างไรก็ตาม...เป้าหมายของเธอคือจะต้องวิ่งตามนักเรียนสาวคนนั้นไปให้ได้ ...ไม่ว่าจะต้องฝ่าสายฝนก็ตาม... ยังไงวันนี้เธอก็จะต้องชวนไข่มุกให้มาเข้าชมรมโรงเรียนไอด้อลให้ได้... เพราะว่าสายฝนของวันนี้คือสายฝนแห่งปาฏิหาริย์...
...
...
...
ทั้งสองวิ่งไล่กันตั้งแต่อยู่บนอาคารเรียนลงมาจนถึงลานกว้างด้านล่างและยังไล่ตามกันอยู่ไม่เลิกจนออกนอกโรงเรียนไป
ที่สวนสาธารณะ
แช่ะ แช่ะ แช่ะ
...บนทุ่งหญ้าที่เปียกแฉะไปด้วยน้ำฝนซึ่งเอ่อนองขึ้นมาจนอีกนิดก็จะท่วมรองเท้านักเรียนของหญิงสาว... ทั้งสองคนต่างวิ่งตามกันมา บนสายตาของซาโกะมีเพียงแผ่นหลังที่เปียกปอนไปด้วยสายฝนของไข่มุก ...เธอยังคงจ้ำเท้าที่สัมผัสกับน้ำฝนที่อยู่เบื้องล่างจนสายน้ำกระเพื่อมไปมาและไหลไปเปื้อนกับบริเวณทางเท้าที่อยู่ข้างๆ
หญิงสาวผมยาวตะโกนด้วยเสียงอันดังท่ามกลางสายฝนที่กำลังโปรยปรายลงมากลบเสียงของเธออยู่เรื่อยๆ
"--แฮ่กแฮ่กแฮ่ก...นี่ไข่มุก!-- --เธอน่ะ-- --อยากที่จะพิสูจน์สินะ-- --ว่ามิตรภาพและเรื่องราวของพวกเราน่ะ-- --มันเป็นของจริง!--"
สาวผมดำที่อยู่ด้านหน้าเมื่อได้ยินดังนั้นจึงตะโกนออกไปโดยที่ไม่หันไปมองข้างหลังว่า
"แฮ่กแฮ่กแฮ่ก...พูดบ้าอะไรของเธอ ! ชั้นก็แค่สะดุดล้มธรณีประตูนั่นเข้ามาเฉยๆ ! แล้วนี่เธอจะวิ่งไล่ตามชั้นอยู่ทำไม พอได้แล้ว !"
น้ำเสียงของทั้งสอง ถูกกลืนไปด้วยเสียงซ่าของสายฝนที่กำลังกระทบกับพื้นดิน ทว่าความรู้สึกที่แผ่ซ่านออกมานั้นยังคงส่งไปถึงได้...
"--แฮ่กแฮ่กแฮ่ก...ยังไงชั้นก็ไม่หยุด!-- --เธอเองไม่ใช่หรอ-- --ที่เป็นฝ่ายวิ่งหนีไปก่อนน่ะ!-- --ถ้าไม่มีอะไรแล้วเธอจะวิ่งหนีชั้นทำไม!--"
"แฮ่กแฮ่กแฮ่ก...ก็เพราะเธอจะเข้ามาตามตื้อชั้นน่ะสิ ยังไงชั้นก็ไม่ไปเข้าร่วมชมรมไอด้อลอะไรนั่นของเธอหรอก !"
"--แฮ่กแฮ่กแฮ่ก...--ไม่อยากจะเข้า-- --แล้วแอบเข้ามาด้อมๆมองๆ-- --ที่ห้องชมรมทำไม! ?-- --เธอเองก็คงมีบางสิ่งที่ยังอยากจะพิสูจน์-- --อยู่สินะ!-- --ให้โอกาสให้ชั้นได้พิสูจน์กับเธอเถอะ!--"
"--คนที่ตามหาเพื่อนที่แท้จริง-- --โลกของตัวเองที่แท้จริง-- --โดยที่ไม่ต้องแบกรับความรู้ของคนอื่น-- --คนที่ตามหาสิ่งๆนั้นอย่างเธอน่ะ-- --ชั้นเข้าใจมันมาตลอด!--"
"--ชั้นจะพิสูจน์ให้เธอได้รู้ให้ได้-- --ว่ามิตรภาพที่ชั้นให้กับเธอไปน่ะ-- --มันไม่ใช่ของปลอม!--"
ซาโกะพูดออกมาเสียงหลง ความรู้สึกที่ส่งผ่านน้ำเสียงของเธอออกมานั้น...เต็มไปด้วยการขอร้องอ้อนวอน
"ไม่ ! ...หยุดตามชั้นได้แล้ว ! เจ้าบ้า ! ...อ๊ะะ !!!"
"--อันตราย!!!--"
ไข่มุกมัวแต่กู่ร้องและตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงโดยที่ไม่ทันมองทางลาดชันที่อยู่เบื้องหน้า เธอก้าวพลาดพร้อมกับสะดุดหกล้มล่วงลงไปกลิ้งกลวกๆกับเนินหญ้าที่สูงเสียจนราวกับเนินเขาลูกเล็กๆ ซาโกะที่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้าดังนั้นจึงพยายามตะโกนเตือนขึ้นมาทว่าไม่ทัน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม...
"--หว...เหวอๆๆๆ-- --อ้าากกก!!--"
ด้วยความที่ทางเดินมันเปียกปอนไปด้วยหยาดน้ำฝน ถึงแม้ว่าจะมีใบหญ้าที่คอยเพิ่มแรงเสียดทานให้ก็ตาม แต่ด้วยความลื่นซาโกะก็มิสามารถควบคุมตัวเองอยู่ได้ เท้าของเธอลื่นไถลไปตามทางก่อนที่จะเสียการทรงตัวและหกล้มล่วงลงเนินไปพร้อมๆกับไข่มุก
แต่ดูเหมือนว่าร่างของซาโกะจะกลิ้งหลุนๆลงมาเร็วกว่าไข่มุก ตัวของเธอจึงพุ่งไปกระแทกและทับกับร่างของคนที่กลิ้งลงมาก่อน ก่อนที่หญิงสาวทั้งสองจะตัวติดกันและหมุนกลิ้งลงมาหยุดตรงทุ่งราบด้านล่างด้วยกัน...
"แค่กแค่ก!!"
ไข่มุกเป็นฝ่ายที่แบกร่างของตัวเองและลุกขึ้นยืนมาได้ก่อน เธอพ่นเศษดินและเศษหญ้าที่หลุดเข้าไปในปากของตัวเองออกมาพร้อมกับไอค่อกแค่กออกมาเล็กน้อย หญิงสาวมองไปที่ชุดเครื่องแบบนักเรียนที่เปื้อนมอมแมมไปด้วยดินโคลนสีน้ำตาลของเธอเช่นเดียวกับซาโกะที่เนื้อตัวเลอะเทอะไม่ต่างอะไรจากเธอ
แต่ว่าไม่นานนัก สายฝนที่โปรยปรายลงมาก็ช่วยชำระล้างดินโคลนที่เปรอะเปื้อนอยู่นั้นให้สลายไป หลังจากที่ปัดเนื้อปัดตัวและสะบัดกระโปรงสีน้ำเงินของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไข่มุกก็ก้าวเท้าเดินต่อพร้อมกับเอ่ยน้ำเสียงอันเย็นชาออกมาว่า...
"เธอน่ะ หยุดตามชั้นได้แล้ว ขอร้อง...ชั้นจะกลับบ้าน... ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า" แต่ทว่าทันใดนั้นเอง...
พรึ่บบ!
...จู่ๆ หญิงสาวก็สัมผัสได้ว่ามีฝ่ามือทั้งสองข้างสอดเข้ามาสัมผัสที่บริเวณหน้าท้องอันแบนราบของเธอ ถัดขึ้นไปก็มีแขนยาวๆอันเรียวบางแต่อ่อนโยนโผเข้ามาโอบรัดที่บริเวณเอวเล็กๆ หน้าอกอันนุ่มนิ่มไม่โค้งนูนเท่าไหร่นักกำลังแนบชิดสัมผัสติดกับแผ่นหลังของเธออยู่ ด้านหลังท้ายทอยสัมผัสถึงเส้นผมอันเปียกปอนของหญิงสาวซึ่งทำให้รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย... เลยศีรษะขึ้นไปนั้นก็มี จมูก...หรือใบหน้าของใครซักคนกำลังสัมผัสจากด้านหลัง
ซาโกะโผตัวเข้ามาโอบกอดไข่มุกจากด้านหลัง เธอหลับตากอดรัดหญิงสาวเอาไว้อย่างแน่นด้วยความคิดที่ว่าจะไม่ยอมให้เหยื่อคนนี้วิ่งหนีไปไหนอีกได้ ...สาวลูกครึ่งญี่ปุ่นใช้แก้มเรียวๆอันอ่อนนุ่มของเธอแนบอิงเข้าไปสัมผัสที่กระหม่อมของไข่มุก หวังว่าจะให้ความอ่อนโยนของเธอนี้ผูกรั้งตัวของหญิงสาวเอาไว้ให้จงได้
"--จ...จับ-- --จับได้แล้ว--" ซาโกะกระซิบข้างหูของไข่มุกด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้ายังคงนิ่งเงียบและไม่พูดอะไรออกมา ทว่าสิ่งหนึ่งที่ตอบซาโกะกลับมานั่นก็คือลำตัวและแขนขาที่กำลังสั่นเครือ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหนาวเหน็บจากสายฝน หรือเพราะว่าเธอกำลังกลัวอยู่กันแน่
"--ชั้นได้ยินเสียงเธอร้องไห้-- --เกิดอะไรขึ้นหรอ-- --ที่ห้องชมรมนั่นน่ะ--" หญิงสาวกระซิบถามออกไปอีกครั้ง
ทว่าไม่ว่าจะถามอะไร ไข่มุกที่อยู่ด้านหน้าก็ไม่ยอมตอบ เธอนิ่งเงียบ ตัวสั่นเครือ จนในที่สุดเธอก็พูดออกมาว่า
"ชั้นก็แค่กลัว... ฟ้าผ่าน่ะ... ตอนเด็กๆชั้นมีปมกับมัน... เยอะเลยล่ะ..." คำพูดของไข่มุกค่อยๆถูกปล่อยออกมา ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งเข้าไปเปิดประตูภายในจิตใจของไข่มุกได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังคงเป็นบานประตูที่เปิดไม่สุด
"ยังไงชั้น... ก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก ตอนนั้นชั้นก็แค่----"
เปรี๊ยง!!
...แต่ทว่าเพียงชั่วพริบตาเดียว...
...อสุนีบาตก็ฉีกผ่านน่านนภาไป ณ ปลายสุดของสายตา...
ซาโกะเห็นแสงลุกวาบนั่นอีกครั้งก่อนที่เสียงคำรามจากฟากฟ้าจะดังกึกก้องขึ้น ระหว่างเสี้ยววินาทีนั้นเอง ไข่มุกก็พลันสลบหมดสติลงไปอีกครั้ง... เมื่อสาวลูกครึ่งเห็นดังนั้นเธอจึงรีบแบกร่างของซาโกะขึ้นมาและตะโกนร้องขอให้คนช่วย แต่ทว่าไม่มีใครอยู่แถวๆนั้น... เธอจึงต้องกะเสือกกะสนเดินขึ้นเนินไปเพื่อที่จะหาที่ร่มอยู่ และให้ไข่มุกหลบฝน
...
...
...
ปึก!!
...เหลือเชื่อ... แต่ทว่าซาโกะเลือกที่จะถ่อสังขารแบกไข่มุกไว้บนอ้อมแขนและเดินกลับไปที่ห้องชมรม เนื่องจากว่ามันเป็นสถานที่ที่ใกล้ที่สุดแล้วสำหรับเธอในตอนนี้
ซาโกะค่อยๆประคองร่างของหญิงสาวให้สัมผัสลงกับพื้น... ณ ตอนนี้ไฟฟ้าภายในห้องชมรมกลับมาใช้งานได้เป็นปกติ และกุ๊งกิ๊งก็พึ่งจะเลิกเรียนเสร็จ โดยเธอพึ่งจะเข้าห้องชมรมมาได้ไม่นานซึ่งสาวผมบลอนด์ก็ยังคงอยู่ในชุดนักเรียนอยู่
"เอ๋ ?? เพื่อนของซาโกะหรอ ??" กุ๊งกิ๊งก้มมองลงไปที่ใบหน้าของสาวหน้าตาสะสวยผมสีดำที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น ...โดยซาโกะได้ให้สมาชิกชมรมคนอื่นๆช่วยกันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับไข่มุกเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากภายในห้องรับรองของชมรมมีตู้เสื้อผ้าที่ใส่ชุดซ้อมเต้นของทุกๆคนเอาไว้อยู่
"อย่างซาโกะเนี่ยนะ จะหาเพื่อนได้..." เซี๊ยะที่ยืนกอดอกอยู่ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เชื่อ แต่ทว่า...
"คนที่โดนคนอื่นแบนอย่างเธอยังจะมีหน้ามาพูดแบบนี้อยู่อีกหรอเซี๊ยะ" กุ๊งกิ๊งที่ได้ยินดังนั้นจึงทำหน้าบวมๆยื่นเข้าไปหาสาวผมแดงพร้อมกับแซะขึ้นมาซึ่งๆหน้า
...
"ค่อกแค่ก! แอ่ก!" และทันใดนั้นเอง ไข่มุกก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา เธอไอออกมาอย่างรุนแรงราวกับคนที่กำลังสำลักน้ำ
"นั่น...ฟื้นแล้ว!" รันพูดขึ้นมา ระหว่างที่กำลังจับหัวเข่าก้มมองอยู่เหนือใบหน้าของไข่มุกอยู่
"พ...พวกเธอ... เป็นใครกันน่ะ..." ไข่มุกที่กำลังงัวเงียๆอยู่ เมื่อได้สติขึ้นมาจึงเอามือขึ้นมาก่ายหน้าผากและกุมไปที่ศีรษะของตัวเอง
"...พวกเราก็คือ...'ชมรมโรงเรียนไอด้อล'ยังไงล่ะ! ต้องขอบคุณเพื่อนของเธอนะที่ช่วยแบกร่างตอนที่กำลังสลบอยู่มาด้วยน่ะ ไม่งั้นป่านนี้เธอน่าจะเป็นปอดบวมตายไปแล้ว" ลีดเดอร์วงอย่างกุ๊งกิ๊งแนะนำตัวเองขึ้นมาด้วยเสียงอันเริงร่าตามปกติ ซึ่งก็ช่วยปลุกไข่มุกให้ลุกขึ้นมามีชีวิตชีวาได้ในระดับหนึ่ง
"พ...เพื่อนงั้นหรอ อะไรกันน่ะ...ไม่ใช่เพื่อนซักหน่อย... แล้วนี่ชมรมไอด้อลอย่างงั้นหรอ... เอ๋..."
"ยังคงมึนงงอยู่ล่ะสิท่า!" กุ๊งกิ๊งพูดขึ้นมาพร้อมกับใช้นิ้วชี้ไปที่ไข่มุก
"เดี๋ยวก่อนนะ... ชั้นตากฝนนี่นา... แล้วทำไมอยู่ดีๆตัวถึงตัวแห้งกันได้ล่ะ! เอ๋! นี่ไม่ใช่เสื้อผ้าของชั้นนี่นา! แล้วเสื้อนักเรียนของชั้นอยู่ที่ไหน! ?" เมื่อเริ่มได้สติจนครบถ้วนดีแล้ว ไข่มุกก็ค่อยๆคลำเนื้อคลำตัวตรวจสอบตนเอง เธอพบว่าเธอไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบนักเรียนที่เปียกไปด้วยน้ำฝนก่อนหน้านี้ หญิงสาวออกอาการลนลานออกมาไม่เบาพร้อมกับหันขวับไปมา
กุ๊งกิ๊ง เซี๊ยะและรันชี้ไปที่กองเสื้อผ้าของเธอที่วางกอยู่กับพื้น ซึ่งสภาพของมันเรียกได้ว่าเปียกโชกเสียจนไม่สามารถเอามาใส่ได้อีกแล้วในตอนนี้
"ซาโกะเป็นคนเปลี่ยนเสื้อให้เธอเองน่ะ ตอนที่ชั้นมาถึงก็เห็นว่าเธอนอนอยู่แล้ว" กุ๊งกิ๊งอธิบายเรื่องราวตามที่เธอได้เห็นออกไปตรงๆด้วยน้ำเสียงอันใสซื่อ
"เฮ๋ !!! ย...อย่างงี้ ! เจ้าบ้านั่นก็เห็นของๆชั้นหมดแล้วน่ะสิ !" ไข่มุกหน้าแดงก่ำขึ้นมาเนื่องจากว่าเธอรู้สึกเขินอายที่ซาโกะเห็นเรือนร่างทุกๆอย่างของเธอจนหมดแล้ว
"ก็ไม่เชิงซะทีเดียวหรอก... ว่าแต่ทำไมต้องอายด้วย! เราเป็นผู้หญิงเหมือนกันไม่ใช่หรือไง! ?" กุ๊งกิ๊งยังคงพูดโต้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแบบเด็กๆ แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกเขินอายจนตัวกลายเป็นลูกตำลึงของไข่มุกหายไป
"ล...แล้ว เจ้านั่นอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ยตอนเนี่ย !" สาวผมดำเอ่ยปากถามขึ้นมา ก่อนที่กุ๊งกิ๊งจะชี้ไปที่ระเบียง
...
สาวผมยาวสีดำแกมน้ำเงินกำลังยืนมองดูท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกดินอยู่ ณ ตอนนี้สายฝนได้หยุดโปรยปรายลงมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงฟ้าหลังฝนที่งดงามเหนือคำบรรยาย... นกตัวน้อยกำลังบินกลับเข้ารังของมัน กลีบดอกไม้ปลิวไสวท่ามกลางสายลมซึ่งก่อนหน้านี้กระโชกแรงเนื่องจากเป็นลมพิโรธวายุ ไข่มุกนำมือทั้งสองข้างของเธอวางเท้าที่รั้วระเบียง สายลมพัดเข้ามาทำให้เส้นผมของทั้งสองปลิวไสวไปในทิศทางเดียวกัน
"ฮ..ฮัดชิ่วว ! โอ้ยย !" ก่อนที่เสียงจามของตัวไข่มุกเองจะพุ่งขึ้นมาทำลายบรรยากาศ ซาโกะที่เห็นดังนั้นจึงหันไปหัวเราะคิกๆ
ระหว่างที่หญิงสาวกำลังควานหากระดาษทิชชูในกระเป๋ากางเกงอย่างลนลานอยู่นั้นเอง ซาโกะก็ยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ก่อนที่จะให้ไข่มุกใช้มันเช็ดน้ำมูกของตัวเองอย่างไม่รังเกียจ
"ข...ขอบคุณ" หญิงสาวกล่าวขอบคุณ ในขณะเดียวกันซาโกะก็เอ่ยคำพูดออกมา
"--...ที่นี้-- --บอกชั้นได้หรือยังล่ะ-- --ว่าเธอจะมาเข้าร่วมชมรมไอด้อล-- --กับพวกชั้นหรือเปล่า--"
ไข่มุกนิ่งเงียบลงไปซักพักหนึ่ง เกิดความลังเลขึ้นมากมายภายในจิตใจของเธอ ก่อนที่หญิงสาวจะตัดสินใจถามขึ้นมาว่า...
"ถ้ามาอยู่ที่นี้แล้ว... ชั้นจะได้อยู่ในโลกที่เป็นของชั้นเหมือนเดิมจริงๆหรอ... แล้วความรู้สึกที่จะต้องแบกรับล่ะ... มันมีอีกหลายๆอย่างที่ชั้นยังไม่เข้าใจนะ เธอรู้มั้ย...?"
เมื่อนั้นเอง...ซาโกะจึงค่อยๆพูดความรู้สึกของตัวเองขึ้นมา
"--รู้สิ-- --ชั้นน่ะ-- --เข้าใจมาตลอดว่า-- --ความรู้สึกที่ต้องการอยากจะมีเพื่อน-- --ของเธอนั้นมันเป็นยังไง-- --ต้องการอยากจะมีเพื่อน-- --แต่กลัวว่าจะทำให้โลกที่มีอยู่ใบเดิมของตัวเองพังลง-- --ไม่สามารถแบ่งปันโลกใบเดิมให้กับคนอื่นๆ-- --ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถอยู่ภายในสถานที่แบบที่ตัวเองต้องการได้-- --ก่อนหน้านี้ตัวชั้นน่ะเป็นมาโดยตลอด-- --เพราะยังปรับตัวเข้ากับคนอื่นไม่ได้ยังไงล่ะ--"
"--แต่ว่านะ-- --ตั้งแต่ที่ชั้นได้มาอยู่ชมรม...กับเพื่อนๆทุกๆคน- --ทั้งกุ๊งกิ๊ง เซี๊ยะแล้วรัน-- --ชั้นรู้สึกเหมือนได้ก้าวข้ามไปสู่โลกใบใหม่-- --แต่ก็เป็นทั้งโลกใบเดิมของตัวเองและเป็นที่อยู่ที่ใหม่ของทุกๆคน-- --จากที่เคยเป็นดินแดนที่รกร้างว่างเปล่า-- --ตอนนี้กลับมีทุกๆคนอยู่กันพร้อมหน้า-- --เธอน่ะ...-- --จะได้พบกับมันแน่-- --สิ่งที่เธอตามหาอยู่...ที่ดินแดนแห่งนี้..--"
ไข่มุกเมื่อได้ยินสิ่งที่ซาโกะเล่าเกี่ยวกับตนเองและพูดขึ้นมากับเธอนั้น... จึงพูดกลับไปว่า
"เธอแน่ใจหรอ...? ไม่ใช่ว่ามันเป็นแค่ภาพมายาหรอกหรอ ?"
น้ำเสียงของไข่มุกนั้นเต็มไปด้วยความลังเลและไม่มั่นใจ ทว่าทันใดนั้นเอง ซาโกะก็นำมือข้างซ้ายมาคว้ามือของเธอเอาไว้และใช้มือข้างขวาชี้ให้เธอได้เห็นบางสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่บนท้องฟ้า...
...และทันใดนั้นเองไข่มุกก็ได้เห็น...
"--แน่สิ-- --เธอเห็นสายรุ้งนั่นมั้ยล่ะ-- --ที่นี่น่ะ-- --พวกเราจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นได้แน่-- --และมิตรภาพของพวกเรา-- --ก็คือหนึ่งในปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นด้วย...-- --ปาฏิหาริย์น่ะ...ไม่เคยหลอกลวงหรอกนะ--"
"--ชั้นจะถามเธออีกครั้งนึง-- --เธออยากจะมาเป็น-- --สมาชิกชมรมโรงเรียนไอด้อลของพวกชั้นมั้ย--"
'...ก่อนหน้านี้ชั้นเดินตามหาแสงสว่างที่แท้จริงภายในโลกใบนี้มาโดยตลอด... ...สถานที่ซึ่งไม่มืดมน... ...หรือก็คือมองตามหาว่าที่ไหนกันนะถึงจะเหมาะสมกับเราที่สุด... ...เป็นตัวของเราที่สุด... ...สถานที่ที่เราจะเชื่อมั่นได้ว่า ตัวชั้นสามารถเดินไปถึงมันได้และอยู่ร่วมกับมันได้จนสุดทาง... ...เป็นสถานที่ที่เชื่อว่าใช่กับตัวชั้นมากที่สุด โดยที่ไม่ต้องเจ็บปวด... ...ถึงแม้ว่าวันนี้ชั้นจะยังไม่สามารถยืนยันและเชื่อปักใจได้ว่า สถานที่ที่แห่งนี้จะใช่กับตัวชั้นจริงๆ... ...แต่ว่าแสงไฟที่เล็ดลอดผ่านประตูบานเก่าๆ... ...บนอาคารเรียนชั้นบนสุดที่น่าฉงนนั้น... ...ก็อาจจะลึกลับพอที่จะเป็นแสงไฟที่ชั้นตามหามาอยู่ตั้งนานก็เป็นได้... ...ชั้นเพียงแค่เดินเข้าไปหามันตามสัญชาตญาณ... ...ไม่ได้รู้และไม่ได้แน่ใจว่าแสงไฟที่ส่องสว่างนั้นใช่หรือไม่ใช่... ...ภาพมายาที่หลอกลวงอย่างที่เคยเป็น...'
'...แต่ก็นึกอยู่เต็มอกว่า... ...แสงไฟดวงนี้... ...อาจจะเป็นแสงไฟแห่งปาฏิหาริย์ที่ชั้นตามหาอยู่ก็เป็นได้...'
'เมื่อนั้นเองชั้นจึงพูดตอบไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า...'
"เข้าก็ได้..."
…
…
…
...ผ่านไปอีก 1 สัปดาห์...
กริกๆ กริกๆ กริกๆ ปัก!
...เสียงนิ้วมือของหญิงสาวกำลังสัมผัสกระทบเข้ากับแป้นพิมพ์บางๆที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว... บนหน้าจอของเธอนั้นปรากฏให้เห็นหน้าหลักของบล็อกอย่างเป็นทางการ (ออฟฟิเชี่ยล) ของชมรมโรงเรียนไอด้อล... เมื่อพิมพ์ตัวอักษรและโค้ดมากมายทั้งหลายจนเสร็จ... กุ๊งกิ๊งก็ใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ปุ่มเอนเทอร์ด้วยความรุงแรงเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ... เมื่อนั้นเองชื่อวงอย่างเป็นทางการของชมรมโรงเรียนไอด้อลของพวกเธอก็คือ... ‘_____’
“ในที่สุดชมรมไอด้อลของพวกเราก็ได้ชื่อวงแล้วล่ะ !” สาวผมบลอนด์ฉีกยิ้มขึ้นมาด้วยความดีใจ
“ชื่ออะไรงั้นหรอ ?” เซี๊ยะที่นั่งอยู่ข้างเมื่อเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปากขึ้นถาม...
“’ซันนี่ ไนท์’ ยังไงล่ะ !” {SUNNY NIGHT!}
…
วันที่ 24 ธันวาคม...
...หลังจากผ่านช่วงสัปดาห์สอบกลางภาคอันแสนหฤโหดไป ในวันต่อมาทางโรงเรียนก็ได้จัดงานวันคริสต์มาสอีฟและไม่มีการเรียนการสอน โดยจะมีซุ้มกิจกรรมของแต่ละชมรม ซึ่งงานจะเริ่มตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงตกกลางคืน ธีมของงานมีลักษณะเป็นบิ๊กปาร์ตี้ มีเต๊นท์สีแดง สีขาว สีเขียวตั้งอยู่เต็มลานกว้างกลางโรงเรียนและมีของประดับเป็นริบบิ้น ต้นคริสต์มาสพร้อมกับกล่องของขวัญและระฆังสีทองของแต่ละชมรมเพื่อให้ได้บรรยากาศของวันคริสต์มาส มีอาจารย์ชาวต่างชาติแต่งตัวเป็นซานต้าคลอสเดินแจกของขวัญให้กับเด็ก นอกจากนั้นวงโยธวาทิตของโรงเรียนก็จะแต่งตัวเป็นเอลฟ์เสื้อสีเขียวมาคอยเล่นดนตรีอีกด้วย เช่นเดียวกัน ภายในโบสถ์คริสต์ของโรงเรียนก็จะมีเด็กๆมาแต่งตัวเป็นนางฟ้าและร้องประสานเสียง
ที่โดดเด่นที่สุดของวันนี้ก็คือนักเรียนทุกๆคนสามารถแต่งชุดไปรเวทมาโรงเรียนได้เพราะฉะนั้นจึงมีนักเรียนบางกลุ่มที่คอสเพลย์มาโรงเรียน ซึ่งรันเองก็หาเวลาไปคอสเพลย์เป็นตัวละครที่ชื่อว่าโฮชิโซระ รินจากอนิเมะเรื่องเลิฟไลฟ์ตอนช่วงพักซ้อมของชมรม โดยมีนักเรียนคนอื่นๆมาขอถ่ายรูปกับเธอเป็นจำนวนมาก
สำหรับวันนี้วงซันนี่ไนท์ก็มีคิวที่จะต้องขึ้นแสดงในหอประชุมของโรงเรียน ซึ่งพวกเธอทั้งห้าคนก็ได้มาซักซ้อมกันอย่างหนัก โดยมาเข้าห้องซ้อมเต้นกันตั้งแต่เช้าตอนตีห้า ซึ่งเมื่อคืนสมาชิกชมรมทุกคนได้มาค้างคืนที่บ้านของเซี๊ยะซึ่งใกล้กับโรงเรียนมากที่สุดก่อนที่จะเรียกเมฆให้ขับรถมารับเนื่องจากเมฆมีหน้าที่เป็นผู้จัดการของชมรมและเขาก็ขับรถเป็นแล้วถึงแม้จะยังไม่มีใบขับขี่ก็ตาม เนื้อเพลงและท่าเต้นที่กุ๊งกิ๊งกับเซี๊ยะช่วยกันคิดมานั้นเรียกได้ว่าสมบูรณ์แล้ว ส่วนในเรื่องของดนตรีที่ซาโกะรับหน้าที่ในการคอมโพสก็ถูกส่งเข้าห้องอัดและดำเนินการแปลงเป็นไฟล์เสียงที่สมบูรณ์แล้วเช่นกันโดยเมฆจะมีหน้าที่รับเรื่องไปประสานงานกับคนควบคุมระบบเสียงหลังเวทีอีกที ในขณะที่ชุดคอสตูมที่รันตัดมาก็ดูสวยน่ารัก ประกอบด้วยผ้าสแปนแดกซ์สีขาวครีมคลุมบริเวณหัวไหล่ตัดแบบโค้งๆไล่ลงมาปิดที่ต้นแขน ด้านหลังยาวถึงกลางหลังที่ชายมีระบายและตรงกลางอกมีริบบิ้นสีดำผูก ส่วนชุดด้านในเป็นเดรสลายตารางหมากรุกสีแดง แดงเข้มและมีสีขาวตัด ที่กระโปรงมีระบายเป็นชั้นๆสลับกันระหว่างสีแดงลายสก็อตกับสีขาว ชายกระโปรงบานออกคล้ายๆทรงวงกลมและสั้นเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อให้เต้นได้สะดวก มีถุงเท้าสีเขายาวขึ้นมาจนเกือบถึงต้นขา
...เรียกได้ว่าไลฟ์ครั้งนี้ ทุกๆอย่างถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือของชมรมโรงเรียนไอด้อลล้วนๆ ไม่เหมือนคราวที่แล้วที่มีเนื้อเพลงปริศนาโผล่มาให้แถมยังมีคนจากหลังฉากคอยช่วยจัดการเรื่องดนตรีให้อีก...
สำหรับไฮไลท์สำคัญส่วนมากของงานจะจัดอยู่ในช่วงเย็น โดยจะมีวงดนตรีของทางโรงเรียนขึ้นมาจัดคอนเสิร์ตบนเวทีใหญ่หน้าลานกว้าง ในขณะที่หอประชุมก็จะมีการแสดงโชว์ของชมรมอื่นๆและหนึ่งในนั้นก็คือไลฟ์ของชมรมโรงเรียนไอด้อลนั่นเอง ซึ่งมีผู้ชมที่เป็นนักเรียนและคนนอกเข้ามาดูอยู่เต็มฮอล
...บนเวทีที่ฉากหลังปูด้วยผ้าม่านสีเลือดหมู ประดับประดาด้วยริบบิ้นสีแดง ระฆังวันคริสต์มาสและพุ่มมิสเซิลโท... ...เมื่อมองลงมาก็จะเห็นต้นคริสต์มาสสีเขียวตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังคนดู ตามกิ่งไม้สีเขียวต้นสนมีดาวดวงเล็กๆระยิบระยับกระพริบไปมาและมีกล่องของขวัญสีสดใสน่ารักๆห้อยไว้อยู่ ด้านล่างมีถุงเท้าและแคนดี้เคนสีแดง-ขาววางเอาไว้ บนยอดของต้นคริสต์มาสมีดวงดาวสีทองสี่แฉกซึ่งมีแสงไฟสีขาวจากบนเพดานส่องลงมากระทบทำให้ดวงดาวดวงนั้นเปล่งประกาย ราวกับเป็นเป้าหมายที่สาวๆทั้งห้าจะต้องไขว่คว้ามันมาให้ได้ในค่ำคืนวันคริสต์มาสนี้...
และในที่สุดปาร์ตี้คืนวันคริสมาสต์ก็ได้เริ่มขึ้น...
...
สาวน้อยวัยแรกแย้มหน้าตาน่ารักสดใสต่างคนต่างสไตล์ทั้งสีผมและหน้าตาทั้งห้าคนออกมายืนพร้อมกันบนเวทีก่อนที่กุ๊งกิ๊งที่ได้เป็นเซนเตอร์จะพูดว่า
"ทุกๆคนคะ !! เมอรี่...คริสมาสต์ !! มาสนุกสนานด้วยกันไปทั้งคืนเลยนะคะ !!"
เมื่อนั้นเองซาวน์ดนตรีจากด้านหลังเวทีก็ดังขึ้นผ่านระบบเครื่องเสียงและลำโพงพร้อมๆกับน้ำเสียงอันร่าเริงสดใสของกุ๊งกิ๊งที่สามารถเติมพลังให้กับคนดูทุกๆคนที่เหนื่อยล้าหลังจากที่ทำกิจกรรมมาทั้งวันให้กลับมากระปี้กระเป่าและพร้อมที่จะสนุกโลดเต้นไปกับพวกเธอทั้งห้าคนได้
ดนตรีของพวกเธอเน้นจังหวะที่สนุกสนานเข้ากับธีมงานปาร์ตี้วันคริสมาสต์ได้อย่างไม่มีที่ติและสามารถชวนให้คนดูทุกคนลุกขึ้นมาโบกแท่งไฟและร้องเพลงไปกับพวกเธอได้ทันทีที่เริ่มเพลง
หลังจากที่อินโทรของเพลงเปิดตัวมาอย่างอลังการและเติมพลังความสนุกสนานให้กับคนดูได้สำเร็จแล้ว จังหวะในท่อนเอก็กลับมาช้าลงเล็กน้อยแต่ก็สามารถทำให้คนดูเต้นและโบกแท่งไฟตามไปได้อย่างเพลินๆ ท่าเต้นอยู่ในระดับความเร็วกลางๆ ไม่ได้เต้นกันมันส์สุดเหวี่ยงอะไรมากแต่ก็ดูสนุกสนานและเน้นแสดงความน่ารัก สดใสของเมมเบอร์ทุกๆคนออกมา สำหรับในท่อนเอนี้เมมเบอร์ทุกๆคนจะยังคงร้องเพลงไปพร้อมๆกันอยู่ ยังไม่มีการแบ่งท่อนร้อง
...ทว่าในจังหวะที่เชื่อมไปยังท่อนฮุก ดนตรีก็มีการเปลี่ยนจังหวะเล็กน้อยเพื่อกระชากอารมณ์คนดูให้ตื่นตัวขึ้น โดยท่าเต้นในจังหวะนี้ก็จะโชว์ความน่ารักน่าหยิกของพวกสาวๆด้วยการประสานมือเข้าคู่กันของ เซี๊ยะ-รัน กับ ซาโกะ-ไข่มุก ซึ่งกุ๊งกิ๊งก็จะทำท่ากระวนกระวายแบบคนไม่มีคู่
ก่อนที่ทั้งสี่คนจะหันมาประสานมือกันและล้อมตัวกุ๊งกิ๊งไว้ตรงกลางพร้อมกับสยายมือออกจากวงเมื่อดนตรีเข้าสู่ท่อนฮุก !
"""""HEY ! SUNNY CHRISTMAS !"""""
"""""ดวง..ตะวันยังคงทอแสงหรือมั้ย...? โอ่..จันทราเอ่ยโปรดจงลาลับไป...!"""""
"""""ใช้เวลาที่มีกับเธอ... (ชูมือสั่นเป็นท่าโทรศัพท์ที่ข้างหู) ในค่ำคืนที่มีเพียงสองเรา... (แบมือขึ้นมาโบกในระดับหัวไหล่) อย่างสนุกสุดเหวี่ยง ร่าเริงที่สุด ใต้แสงตะวันเธอชอบหรือไม่...?"""""
"""""WELCOME TO SUNNY DAY OF CHRISTMAS NIGHT"""""
"""""ปาร์ตี้ที่ไม่มีวันหลับใหล... ปาร์ตี้นี้จะจบเช่นไร...?"""""
"""""SUNNY NIGHT MERRY CHRISTMAS !"""""
เนื้อหาของเพลงๆนี้พูดถึงงานปาร์ตี้ยามค่ำคืนของวันคริสต์มาสที่หญิงสาวทั้งห้าคนไม่อยากให้มันเป็นแค่ค่ำคืนที่มีเพียงดวงดาราบนท้องฟ้าประปรายหรือค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหิมะและพอตกดึกก็จะเหลือเพียงแต่ความมืดมิด ...ถ้าหากจะขออัญเชิญดวงสุริยะชั่วคราวให้มาสถิตอยู่ ณ ค่ำคืนวันคริสต์มาสซักคืนจะได้มั้ย... คำอธิฐานขอให้งานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นในคืนนี้ไม่มีวันหลับใหล อยากให้ทุกๆคนมาสนุกสนานท่ามกลางแสงตะวันสีส้มทองนี้ด้วยกัน
หลังจากหมดท่อนฮุกดนตรีก็กลับมาช้าลงเช่นเดิมเมื่อเข้าสู่ท่อนบี
...ท่าเต้นในท่อนนี้ก็จะมีจังหวะคล้ายๆกับท่อนเอ โดยมีการตั้งไลน์แบบสลับฟันปลากันแต่จะมีกุ๊งกิ๊งยืนอยู่ตรงกลางเป็นเซนเตอร์ตลอด ซึ่งเพลงๆนี้จะไม่ค่อยมีการยืนสลับตำแหน่งหรือเปลี่ยนไลน์กันเท่าไหร่นักและจะเป็นการเต้นแบบรวมๆกันไป ไม่ค่อยมีจังหวะที่ต้องเต้นโซโล่ เพราะจังหวะเพลงค่อนข้างเรื่อยๆจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้เมมเบอร์เดินขึ้นเดินลงเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับคนดู
ในส่วนของเนื้อเพลงนั้นพอมาเป็นท่อนนี้ก็จะมีการแบ่งท่อนกันร้องเป็นคนๆไป โดยทางด้านของกุ๊งกิ๊งและรันเสียงของพวกเธอทั้งสองก็ยังคงเข้าเนื้อเพลงและประสานกลืนกันไปได้ดีเนื่องจากมีเนื้อเสียงที่สดใสเหมาะกับเพลงน่ารักๆแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนซาโกะเองก็มีร้องผิดๆบ้างซึ่งก็เป็นธรรมดาของเธอ แต่คราวนี้เธอก็พยายามร้องให้ชัดขึ้น ...แต่สำหรับคนที่ร้องเพี้ยนจริงๆยังคงเป็นเซี๊ยะ...กับไข่มุกที่เนื้อเสียงค่อนข้างมีความทุ้มปนอยู่มากจึงทำให้ต้องดัดเสียงแล้วก็ร้องเพี้ยนออกมาอย่างที่เห็น
เมื่อเข้าสู่ท่อนที่จะเชื่อมไปยังท่อนฮุกที่สองของเพลง คราวนี้จากที่ประสานมือกันในครั้งแรกก็เปลี่ยนมาเป็นกระโดดกอดกันแทน โดยกลายเป็นทางด้านของซาโกะที่กระโดดเข้าไปกอดทางด้านของเซี๊ยะบ้าง ส่วนรันก็กระโดดไปกอดทางด้านของไข่มุก ซึ่งกุ๊งกิ๊งก็ยังคงแสดงท่าทีงอแงออกมาอย่างน่ารักน่าตบเช่นเคยก่อนที่ทั้งสีคนจะพุ่งเข้ามากอดกันจนทำให้กุ๊งกิ๊งหน้าแดงและก็เขินออกมา
เมื่อเข้าสู่ท่อนฮุกทั้งสี่คนก็แยกตัวออกพร้อมกับชูมือขึ้นและเต้นต่อไป... พอจบท่อนฮุกทั้งห้าคนแยกกันออกมาและเดินเต้นเป็นวงกลมหมุนไปรอบๆเวที ระหว่างที่กำลังเต้นอยู่ก็มีหันกลับไปแปะไม้แปะมือกับเพื่อนที่อยู่ด้านหลังอีกด้วย
เมื่อเต้นไปเรื่อยๆจนถึงท่อนที่ดนตรีเบาลงและต้องโชว์เสียงร้อง...จู่ๆก็มีแสงสว่างสีเหลืองทองจากบนชั้นลอยของหอประชุมส่องลงมายังต้นคริสต์มาส ...ทันใดนั้นเอง รัน ไข่มุกและซาโกะจะแยกตัวออกมาพร้อมกับชูมือไปที่แสงไฟเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการไขว่คว้าประกายแสงและดวงดาวที่อยู่บนต้นคริสต์มาสมาให้จงได้
...โดยเหลือแต่เพียงเซี๊ยะกับกุ๊งกิ๊งที่ยืนหันหลังพิงกันและร้องเพลงร่วมกันอยู่ตรงกลางเวที ซึ่งเป็นไฮไลท์ที่สปอตไลท์สีขาวส่องลงมาหาทั้งสองคนด้วย...
...ในขณะเดียวกันนั้นเองก็มีพุ่มมิสเซิลโทเลื่อนลงมาจากด้านบนเวทีที่ทั้งสองกำลังเต้นอยู่ โดยเป็นตำแหน่งที่อยู่ตรงกลางเวทีพอดี... เซี๊ยะกับกุ๊งกิ๊งค่อยๆหันหน้าเข้าหากันพร้อมกับร้องเพลงประสานเสียงร่วมกันไปเรื่อยๆ...
...สาวผมบลอนด์หน้าตาน่ารักและสาวผมแดงหน้าตาสะสวยค่อยๆเดินเข้าหาจนหน้าอกแตะเข้าด้วยกัน เมื่อหัวใจทั้งสองดวงเชื่อมถึงกันแล้วพวกเธอก็ประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน กุ๊งกิ๊งช้อนตาลงมองเซี๊ยะที่ตัวเตี้ยกว่าหนึ่งเซนด้วยสายตาที่นุ่มนวลและอ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้มที่แผ่ซ่านความอบอุ่นออกมาจากริมฝีปากของเธอ ในขณะที่เซี๊ยะก็ชายตาขึ้นมาสอดประสานเข้าที่ดวงตาของกุ๊งกิ๊งด้วยแววตาที่ดูโฉบเฉียวและแปดเปื้อนไปด้วยมลทินสเน่หา ที่ริมฝีปากของเธอไม่ได้แสดงรอยยิ้มออกมาแบบกุ๊งกิ๊ง แต่ว่ามันเป็นริมฝีปากรูปวงรีที่มีสัญญะแห่งการเชื้อเชิญให้หญิงสาวผมบลอนด์เป็นฝ่ายรุกเข้ามาหา...
...ชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง กุ๊งกิ๊งก็ขยับเข้าไปให้จมูกของทั้งสองชนกันและประสานกันเป็นรูปหัวใจ... ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากคนดูได้เป็นอย่างมาก...
พอถึงตอนจบของเพลง ทุกๆคนก็มายืนรวมกันอยู่ที่กลางเวที โดยพยายามพูดคุยส่งเสียงกัน ต่างคนต่างหันซ้ายหันขวาเลิ่กลั่กกันไปมาเพื่อสร้างบรรยากาศแบบปาร์ตี้ที่วุ่นวาย ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาลงตัวพร้อมกับโพสท่าปิดอย่างสวยงาม เช่นเดียวกันเสียงดนตรีที่พึ่งดับลงไป...
...
|
|
|
Post by GreyTear on Oct 10, 2018 13:16:26 GMT
...
"เธอเองก็มาดูด้วยอย่างงั้นหรอ..." สภานักเรียนสาวตัวเล็กผมสีขาวแกมม่วงเอ่ยปากถามหญิงสาวขึ้นโดยพลัน ก่อนที่เธอจะผลักประตูที่อยู่ด้านหน้าออกจากหอประชุมไป
หญิงสาวผมสีเหลืองทองในชุดเดรสผู้ดูสูงศักดิ์ค่อยๆหันหน้ากลับมาหาเธอที่ตัวเล็กกว่าพร้อมกับชายตามองด้วยสายตาที่เย่อหยิ่งและเยือกเย็น นางไม่ได้กล่าวอะไรตอบเพียงแต่หยุดนิ่งเป็นปฏิกิริยาที่บ่งบอกให้อีกฝ่ายพูดมาว่าต้องการอะไร เมื่อเห็นดังนั้นนักเรียนสาวตัวเล็กจึงพูดออกมาว่า
"ไหนบอกว่าไม่สนใจโรงเรียนนี้กับไอด้อลแล้วไง ...แต่ทำไมถึงได้กลับมากันล่ะ" ประโยคคำถามถูกเปล่งออกมาผ่านวาจาของมิว เมื่อนั้นเองโรสจึงหันกลับมายืนตัวตรงพร้อมกับจ้องลงมาที่ใบหน้าของสภานักเรียนสาว ถึงแม้ว่าบรรยากาศรอบข้างภายในหอประชุมนี้จะเต็มไปด้วยเสียงจากผู้คนมากมายแต่ทว่าสำหรับหญิงสาวทั้งสองคนแล้ว ราวกับว่าโลกของทั้งสองถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบงันประดุจดั่งสภาวะไร้เสียง
...มิวพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า "แล้วเธอรู้สึกยังไงล่ะ... กับการแสดงของรุ่นน้องของพวกเรา"
"...เธอน่ะ...มีความสุขมั้ย?"
หลังจากเสียงพูดของมิวได้ดับเงียบลงไป แดนสนธยาก็กลับมาล้อมรอบท่ามกลางหญิงสาวทั้งสองอีกครั้ง
...เสี้ยววินาทีนั้นเอง โรสก็ได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาท่ามกลางความเงียบงันระหว่างทั้งสองว่า...
"อ่อนหัด ถ้ายังทำได้แค่นั้นน่ะ ยุบชมรมไปเลยดีกว่า ไม่ได้ถึงเสี้ยวจากที่ควรจะทำได้เลยด้วยซ้ำ..."
...เมื่อสิ้นน้ำเสียงของเธอ หญิงสาวผมทองก็ผลักประตูออก พร้อมกับเดินจากไป ...ทิ้งอดีตเพื่อนสาวตัวเล็กไว้ด้านหลัง...
...
...
...
...
'หลังจากคืนงานวันคริสต์มาส ชั้นก็ได้รับข้อความจากใครบางคนให้ไปพบกับเขาที่ร้านกาแฟสไตล์ลอฟท์ซึ่งค่อนข้างอยู่ไกลจากโรงเรียนพอสมควร แต่คนละทางกับทางไปร้านสกายคาเฟ่'
'ชั้นตัดสินใจเลือกชุดเดรสทรงเอไลน์แขนยาว ทำจากผ้าไหมพรมสีน้ำตาลแดงโทนเข้ม มีระบายย้วยสีขาว และสวมหมวกเบเล่ต์เพื่อออกไปพบกับเขาคนนั้น'
กิ๊งๆ
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น ทันทีที่ก้าวเท้าผ่านประตูเข้ามาเซี๊ยะก็สัมผัสได้กับบรรยากาศร้านกาแฟอย่างที่ร้านกาแฟควรจะเป็นจริงๆ ...ผนังสีเทาดูเก่าๆแต่ก็ให้บรรยากาศของความคลาสสิคและความร่วมสมัย ตู้ไม้เก็บถ้วยกาแฟและภาชนะลวดลายสวยงามที่ตั้งไว้อยู่เหนือบริเวณเคาน์เตอร์ บรรยากาศภายในร้านถูกตกแต่งด้วยโทนเข้มจากสีดำและไม้เนื้อแดงแลดูมีสเน่ห์และให้ความรู้สึกเงียบขรึม มีระดับและความสงบอย่างนุ่มลึก โดยมีแสงสีเหลืองนวลอ่อนจากไฟดาวน์ไลท์ช่วยสร้างความผ่อนคลาย คลอไปด้วยเสียงดนตรีวัยรุ่นเบาๆ
ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งดูจากหน้าตาแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอกำลังนั่งพิงโซฟาจิบกาแฟดำรอการมาของเธออยู่ เซี๊ยะรู้ทันทีว่าชายคนนั้นก็คือคนเดียวกับที่นัดเธอมาในวันนี้ สาวผมแดงเข้มนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงกันข้าม มีโต๊ะไม้สีดำระหว่างกั้น เมื่อนั้นเองชายหนุ่มคนนั้นจึงหันมาพร้อมกับส่งยิ้มทักทายให้เช่นเดียวกับเซี๊ยะที่ยิ้มตอบตามมารยาท การพบกันของทั้งสอง ถ้าหากมองด้วยสายตาของคนนอกก็ไม่ต่างจากการนัดเจอกันของคู่วัยรุ่นหนุ่มสาว ระหว่างผู้ชายหน้าหล่อกับผู้หญิงหน้าสวย
"สวัสดีครับ... เอ่อ...เซี๊ยะใช่มั้ยครับ" ชายหนุ่มผมตรงสีน้ำตาลเข้มหน้าตาเกลี้ยงเกลาดูสะอาดสะอ้านเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าคบหา เขามีสายตาที่เฉียบแหลมเนื่องด้วยดวงตาที่เรียวเล็กกำลังมองมายังคู่สนทนา ซึ่งให้ความรู้สึกจริงจังและเป็นการเป็นงาน
"อ๋อ ใช่ค่ะ... คุณก็คือ--"
"--แหม่ๆ อยากเรียกว่าคุณเลยครับมันดูห่างเหินน่ะ... อันที่จริงแล้วเราก็อายุรุ่นเดียวกันน่ะครับ เรามาแทนตัวกันแบบคนอายุเท่ากันดีกว่าเนอะ" หนุ่มหน้าตาดีพูดแทรกขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆพอเป็นพิธี น้ำเสียงของเขาพยายามทำให้ดูเป็นกันเองที่สุด
"ขอแนะนำตัวอีกรอบก็แล้วกันนะ... เราชื่อคีย์จริงๆแล้วก็อยู่โรงเรียนเดียวกันกับเซี๊ยะนี่แหละ พอดียังไม่ได้บอกเฉยๆ"
"อ-อ้ออ! อ่าวหรอ! ซะอย่างงั้น... ล-แล้ว เธออยู่ชั้นไหนห้องไหนงั้นหรอ แหม่...เรื่องอย่างงี้ทำไมไม่บอกกันตั้งแต่อยู่ในไลน์ล่ะ"
"แอะ-แฮะๆๆ พอดีเราเป็นคนขี้ลืมน่ะ" คีย์ยิ้มขึ้นมาพลางเกาหัวและหัวเราะแบบติดตลก คำแก้ตัวของเขาดูขอไปทีเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดต่อว่า “...อยู่ชั้นม.4 ห้องหนึ่งน่ะจะว่าไปเซี๊ยะอยู่ห้องไหนหรอ"
"บังเอิญอีกแล้วนะ... อะ-อ่อ... ลืมไปนี่หว่าว่าเราอายุเท่ากัน ชั้นอยู่ห้องสองน่ะ กรรมเวร! นี่เราอยู่ห้องใกล้ๆกันมาตลอดเลยหรือเนี่ย โลกกลมนะ"
ทั้งสองเริ่มที่จะแนะนำตัวและแลกเปลี่ยนเข้าหากัน
"จะว่าอยู่ห้องใกล้ๆกันก็คงไม่เชิงหรอกมั้ง เพราะห้องหนึ่งมันอยู่ถัดขึ้นไปอีกชั้นนึงไม่ใช่หรอ ถ้าเป็นห้องที่อยู่ใกล้ห้องสองจริงๆน่าจะเป็นห้องสามมากกว่านะ" คีย์ย้อนแสดงความคิดเห็นออกไป
"เออแฮะ... จริงด้วย"
...ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้าเรื่อง ด้วยการเริ่มพูดด้วยเสียงสูง
"ก็... เพื่อไม่ให้เสียเวลา เข้าเรื่องเลยละกันเนาะ"
"อื้ม"
"ก็อย่างที่บอกไปในไลน์อะนะ ว่าเราเป็นโปรดิวเซอร์และแมวมองจากค่ายเพลงดิมรูมเรคคอร์ด (Dim Room Record)" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยื่นนามบัตร หญิงสาวรับมันมาพร้อมกับจรดมองด้วยสายตาจดจ่อ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้รับข้อความส่วนตัวจากทางไลน์ ถามว่ามีคนได้ไลน์ส่วนตัวเธอไปได้ยังไง นั่นก็เพราะยัยบ๊องอย่างกุ๊งกิ๊งไม่รู้ประสาเผลอไปแจกไอดีไลน์ส่วนตัวของเมมเบอร์ทุกคนในเพจและบล็อคของชมรม ซึ่งกว่าจะลบทิ้งก็ปาเข้าไปหนึ่งวันเต็มๆแล้ว
ค่ายเพลงดิมรูมเรคคอร์ดจัดว่าเป็นค่ายเพลงใหญ่ค่ายเพลงหนึ่งซึ่งขายแนวเพลงที่ฟังง่าย เข้าได้กับวัยรุ่นทุกเพศทุกสไตล์ ไม่ได้มีแนวทางเพลงที่สุดโต่งและไม่เน้นขายความอินดี้ เรียกได้ว่าผลิตแต่เพลงและศิลปินที่ตลาดต้องการ ซึ่งแน่นอนว่าสาววัยรุ่นอย่างเซี๊ยะก็รู้จัก
"ค-ค่ายดิมรูม... เดี๋ยวนะนี่มันค่ายดังเลยนะ เธอเป็นแมวมองจากค่ายนั้นหรอเนี่ย เจ๋งชะมัด!" ในเวลานี้หญิงสาวกำลังตื่นเต้นจนตัวสั่น
"พอดีพ่อเราเป็นเจ้าของค่ายน่ะ ถ้าเธอสังเกตดูจากนามสกุลอะนะ พ่อเราก็เลยผลักดันเราให้มาทางสายนี้" เซี๊ยะมองไปที่นามบัตรโปรดิวเซอร์ ก็พบว่าที่นามสกุลเป็นคำว่า'ทัศนกุล' ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับศิลปินชื่อดังผู้ก่อตั้งค่ายเพลงดิมรูมเรคคอร์ด
"แต่ว่า... เธอน่าจะมาสเกาท์ผิดคนแล้วล่ะ ชั้นไม่ใช่ศิลปินสายแต่งเพลงอะไรอย่างงั้นซะหน่อย อันที่จริงเล่นดนตรีอะไรไม่เป็นเลยด้วยซ้ำน่ะ เธอ...จำผิดคนหรือเปล่า" หญิงสาวก้มศีรษะต่ำลงพร้อมกับพูดขึ้นมา ...ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันควัน
"อ๋อไม่ๆๆๆ ช้าก่อน ออกมาจากตรงนั้นก่อนนะเซี๊ยะ... จุดประสงค์ของชั้นที่นัดเธอมาร้านนี้ไม่ได้จะให้ไปเป็นศิลปินแต่งเพลงอะไรอย่างงั้นเลยแม้แต่น้อย"
"เอ๊ะ ? แล้วเรียกชั้นออกมาทำไมหรอ..." 'เอ๋ ! หรือว่านี่จะเป็นจีบแบบหนุ่มสาว ! นัดมาคุยกันที่ร้านกาแฟ ! บรรยากาศก็แสนจะโรแมนติก ! แล้วต่อจากนั้นก็พาไปดูหนัง ! กินข้าว ! เเเเเอ๋ ! จะว่าไปนายคนนี้ก็หน้าตาไม่แย่นะ อ-ออกจะหล่อเอาการเลยด้วยซ้ำ !'
"ที่เราจะมาสเกาท์เซี๊ยะเนี่ย คือสเกาท์ไปอยู่ในฐานะของไอด้อล"
สาวผมแดงสะดุดทันทีพร้อมกับเงี่ยหูฟังเมื่อได้ยินกับคำว่าไอด้อล
"โลกเราเดินไปเรื่อยๆทุกๆวันเซี๊ยะและนับวันๆมันยิ่งจะเดินเร็วขึ้น... ซึ่งวงการบันเทิงก็ต้องเดินและเปลี่ยนแปลงทิศทางตามมันด้วย ...ทุกวันนี้คนเราประสบความเครียดจากการทำงานมากขึ้น อันที่จริงไม่ใช่แค่ในวัยของการทำงาน แต่มันประสบไปทั่วทุกๆวัยไล่ลงมาตั้งแต่วัยเรียนจนไปถึงวัยผู้สูงอายุ ...อันเนื่องมาจากการแข่งขันภายในสังคมที่มากขึ้น ความเข้มข้นของการดำรงชีวิตที่ผู้คนส่วนใหญ่เอาแต่ทำหน้าตาบึ้งตึง เคร่งเครียดใส่กัน จนรอยยิ้มของทุกๆคนเริ่มที่จะเลือนหายไป ...แค่ดนตรีและเสียงเพลงเพียงอย่างเดียวมันอาจจะไม่เพียงพอแล้ว คนเราต้องการสิ่งที่จะมาสร้างความหวัง ช่วยจุดประกายรอยยิ้มในแต่ละวันและไฟแห่งกำลังใจให้กลับคืนมาอีกครั้ง..."
คีย์หยุดพูดก่อนที่จะยกถ้วยกาแฟที่พึ่งถูกนำมาเสิร์ฟข้างๆขึ้นจิบ ก่อนที่จะพูดต่อ ในขณะเดียวกันเซี๊ยะก็กำลังฟังอย่างตั้งใจ
"ทางค่ายดิมรูมเรคคอร์ดจึงได้มีโครงการสร้างวงไอด้อลเกิร์ลกรุ๊ปขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ให้กับความต้องการของทุกๆคน เพื่อเยียวยาทุกๆคน--"
"--หรือก็คือ SSR29 'ซันไชน์รูมทเวนตี้นาย' ค่ายไอด้อลย่อยจากดิมรูมเรคคอร์ดสินะ อืมชั้นกำลังฟังอยู่"
รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคีย์... เนื่องจากเค้าไม่คิดว่าเป้าหมายของเค้าคนนี้จะรู้จักวงไอด้อลเกิร์ลกรุ๊ปวงนี้อยู่แล้ว ซึ่งเมื่อมันเป็นแบบนั้น ทุกๆอย่างก็จะยิ่งง่ายขึ้นไปใหญ่ เขารีบหุบยิ้มของเขาลงก่อนที่จะลดน้ำเสียงลงและพูดต่ออย่างรวดเร็ว
"...ตอนนี้กำลังเปิดรับสมัครออดิชั่นรุ่นที่สิบ...เจนเนเรชั่นเทน ...เราเห็นความสามารถที่เฉิดฉายของเซี๊ยะบนเวทีโรงเรียนแล้วอยากบอกว่า... จะเสียดายมากๆถ้าไม่ได้คนมีความสามารถอย่างเซี๊ยะมาเข้าวงของเรา แค่ได้เห็นรัศมีที่แปล่งประกายบนเวทีของเธอ เท่านี้เธอก็แทบจะผ่านมาตรฐานการออดิชั่นของพวกเราอยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุดก็คือเธอได้ใจชั้น"
"...มากับชั้นเถอะ แล้วชั้นจะผลักดันให้เธอขึ้นไปติดเซมบัตสึตั้งแต่เพลงแรกของรุ่นใหม่ได้เลยนะ"
"..."
...จู่ๆความเงียบก็ถาโถมเข้าปกคลุมทั้งสองคน ข้อมูลพร้อมกับความรู้สึกของอะไรหลายๆอย่าง โหมกระหน่ำซัดเข้าใส่ตัวของหญิงสาวอย่างรวดเดียวโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ความสับสนอลหม่านที่มาพร้อมกับความหวัง แสงสว่าง ประกายแสงและอะไรต่อมิอะไรที่เธอไม่เคยรู้สึกกับมันมาก่อน ซึ่ง ณ ตอนนี้มันราวกับเหลือแค่เอื้อมที่เธอจะได้สัมผัสมัน ทั้งๆที่เธอไม่เคยคาดหวังมัน ...การได้เป็นคนสำคัญและเป็นที่รักของทุกๆคน คือสิ่งที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับมันและลึกๆในใจสับสนมาโดยตลอดว่าไม่ต้องการมันหรือขวนขวายหามันมาโดยตลอดหรือไม่ หากแต่ความรู้สึกที่เอ่อล้นเหล่านั้นมันก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นก้อนเนื้อที่หนักอึ้งอยู่ภายในอก ความรู้สึกที่หนักอึ้งแปรเปลี่ยนกลายเป็นความกลัว...
ท้ายที่สุดแล้ว ณ เวลานี้ในหนแรก เธอจึงเลือกที่จะปฏิเสธข้อเสนอนั้นกลับไป
"ข-ขอโทษทีนะ แต่ดูเหมือนว่าชั้นอาจจะยังไม่ไหวกับอะไรอย่างนั้นหรอกน่ะ" น้ำเสียงของเธอนั้นแผ่วเบา สั่นเครือและเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ
คีย์เลิกคิ้วขึ้น ลักษณะท่าทางและอาการของเค้าดูตะหงิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้นเค้าก็ยังคงเก็บอาการลงและพูดขึ้นมาว่า "คงจะเป็นเพราะความกลัวสินะ หึๆ ไม่เป็นไรหรอก ส่วนมากก็เป็นแบบนี้กันทุกคนนั่นแหละนะ..."
ก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุมทั้งสองคนอีกครั้ง สีหน้าของคีย์บ่งบอกถึงความผิดหวังอย่างไม่ปิดบัง
"...เอาเถอะ... ยังไงซะ ถ้าเธอคิดจะเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ ก็ติดต่อชั้นกลับมาได้เรื่อยๆล่ะนะ"
"ต้องขอโทษด้วยนะที่วันนี้ทำให้คีย์ต้องเสียเวลาเปล่าๆน่ะ--" เซี๊ยะกำลังจะก้มหัวขอโทษทว่าก็โดนห้ามเอาไว้เสียก่อน
"เฮ้ยๆๆ ไม่เป็นไรๆๆ การโดนปฏิเสธของแมวมองน่ะแทบจะเป็นงานและเรื่องปกติไปแล้วล่ะนะ แฮะๆๆ" ชายหนุ่มรั้งหญิงสาวเอาไว้พร้อมกับหัวเราะแห้งๆออกมาพอเป็นพิธี
"จริงๆวันนี้ก็ไม่ได้เสียเปล่าเลยซะหน่อย อย่าลืมสิว่าเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน การได้มาเจอกันก็เหมือนได้พบเพื่อนใหม่อีกคนนะ" เขายิ้มอย่างอบอุ่นและส่งสายตาที่แหลมคม จิกลงมาราวกับเหยี่ยว
"เนอะ-นั่นสินะ... คีย์นี่เป็นคนมองโลกในแง่ดีจริงๆเลยนะ" หญิงสาวฉีกยิ้มให้กับความเป็นกันเองของแมวมองตรงหน้ามันเป็นรอยยิ้มที่ดูสดใสแบบสาวน้อยใสซื่อบริสุทธิ์ไร้เสี้ยนหนามซึ่งหาดูได้ยากจากคนที่มีสายตาเปื้อนมลทินอย่างเซี๊ยะ ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะโดนเสน่ห์ของคีย์เล่นงานจนโดนปลดอาวุธไปเสียแล้ว
"แต่ก่อนที่เธอจะไป ชั้นขอเลี้ยงกาแฟซักแก้วให้เธอก่อนเถอะนะ" ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับโบกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟ
"เอ๊ะ-ไม่เป็นไรหรอกน่าาา! ก็เมื่อกี้พึ่งพูดไปเองไม่ใช่หรอว่าเราเป็นคนรุ่นเดียวกันน่ะ เลี้ยงกาแฟแพงๆแบบนี้ชั้นเองก็เกรงใจนะ!" หญิงสาวรีบปฏิเสธเสียงสูงขึ้นมา แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว
"ขอแฟรบปูชิโน่ร้อนแก้วนึงครับ"
...
ผ่านไปจากนั้นประมาณห้านาที กาแฟร้อนสีครีมเนื้อเนียนก็ถูกยกมาเสิร์ฟ แต่อุบัติเหตุเล็กน้อยที่ไม่ควรจะเกิดก็เกิดขึ้น
ผลับบ!
"โอ๊ะ!"
แชะ!
โชคไม่ดีจริงๆที่บริกรสาวเผลอสะดุดกับอะไรซักอย่างที่อยู่ดีๆก็ยื่นออกมา ทำให้เธอเสียหลักและทำกาแฟร้อนหกใส่กระโปรงสีน้ำตาลเข้มที่มีประเป๋าใส่โทรศัพท์มือถือของเซี๊ยะอยู่ใกล้ๆ
"อ๊ะะะะ ! โอ้ยยย ! แสบ ! ร้อน !" สาวน้อยร้องโอดโอยออกมา น้ำเสียงอันเย้ายวนยามส่งเสียงร้องของเธอสะดุดใบหูของชายหนุ่มไม่เบา
"ขอโทษนะคะคุณลูกค้า !" บริกรหญิงรีบร้องออกมาก่อนที่จะลนลานไปชั่วขณะหนึ่ง ทันใดนั้นเองคีย์ก็แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการรีบลุกมาพร้อมกับผ้าผืนหนึ่งเพื่อเข้ามาเช็ดกระโปรงให้
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้เอง" ชายหนุ่มค่อยๆบรรจงเช็ดชายกระโปรงให้กับเซี๊ยะ
"อ-โอ้ย... ข-ขอบคุณนะ เห้ออ...เสื้อตัวโปรดชั้นด้วยสิ" หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อมีชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งตัวดีเข้ามาเช็ดชายกระโปรงให้
เมื่อเช็ดเสร็จเซี๊ยะจึงขอตัวกลับก่อนเพื่อไปซักล้างกระโปรงที่เปื้อนกาแฟครีมให้กลับมาสะอาดอีกครั้ง
"แล้วเจอกันใหม่นะเซี๊ยะ!"
"จ้าาา! ไว้ว่างๆจะแวะไปหานะ"
และแล้วทั้งสองคนก็จากกันด้วยดี ...ช่างเป็นการพบปะกันที่ราบรื่นจนน่าแปลก ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้ว อาจจะมีเรื่องราวบางอย่างเป็นภาพฉายในอดีตที่ซ่อนทับเหตุการณ์ๆนี้อยู่ก็เป็นได้ ...ซึ่งภาพฉายเหล่านั้นกำลังปรากฏอยู่ภายในดวงตาสีเขียวอ่อน ของสาวลูกครึ่งผมสีทองคนหนึ่ง ที่มองเห็นทุกๆอย่างจากหน้าร้าน...
...
|
|
|
Post by GreyTear on Oct 11, 2018 13:51:30 GMT
กริก...
นิ้วชี้ของหญิงสาวสัมผัสลงบนหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะกวาดเป็นเส้นตรงในแนวนอน ภาพพื้นหลังในกรอบสี่เหลี่ยมเปลี่ยนรูป จากรูปปีกผีเสื้อสีรุ้งกลายมาเป็นรูปภาพของหญิงสาวคนหนึ่งใบหน้ามิได้หันไปทางกล้อง แต่กำลังช้อนตามองดูผีเสื้อที่กำลังเกาะตรงนิ้วชี้ของเจ้าของภาพอยู่ ปีกของมันเป็นสีเหลืองลอมทองเจิดจรัสสะท้อนกับแสงของพระอาทิตย์ ซึ่งองค์ประกอบเข้ากับเส้นผมสีเดียวกันของหญิงสาวราวกับผีเสื้อตัวนั้นเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ นัยแทนตัวเองของเธอ
ทันทีที่เธอปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา สัญญาณแจ้งเตือนข้อความย้อนหลังก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงสั่นจากโทรศัพท์ของเธอหลายครั้ง หญิงสาวแตะไปที่หน้าต่างข้อความสีเขียวเพื่อดูว่าใครกันที่ส่งข้อความมา
อ. 1 ก.ย. 2026 18.05น.
XiaBeetRoot "พี่โรสจะได้เป็นไอด้อลจริงๆแล้วสินะ ดีใจด้วย เย้!! <3<3<3"
XiaBeetRoot "ส่งสติ๊กเกอร์ Congratulations!"
ข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน
วันนี้ 21.00น.
XiaBeetRoot "______________________"
XiaBeetRoot "______________________"
XiaBeetRoot "______________________"
XiaBeetRoot "______________________"
XiaBeetRoot "______________________"
...เมื่ออ่านจบ เธอก็ปิดหน้าจอลงพร้อมกับกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น ...ฝ่ามือของเธอบีบรัดมันจนกระจกกันกระแทกบนหน้าจอแทบจะแตกออกมา...
สายตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความเครียดแค้น...
ตอนที่ 8 : "ภาพที่ซ้อนทับกันกับความทรงจำในอดีต"
...ปีใหม่...
...หลังจากงานปาร์ตี้วันคริสต์มาสอีฟ ทางโรงเรียนก็ไม่มีการเรียนการสอนไปประมาณเกือบสองสัปดาห์หรือก็คือวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ของโรงเรียนคาทอลิกทุกๆโรงเรียน ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ทุกๆปีอยู่แล้ว ช่วงเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นราวกับเป็นสรวงสวรรค์ของนักเรียนหนุ่มสาวทุกๆคนที่จะได้ใช้เวลาในวันหยุดช่วงฤดูหนาวไปพร้อมๆกับครอบครัวและคนที่ตัวเองรัก ได้เฉลิมฉลองและนับถอยเข้าหลังสู่ศักราชใหม่ไปพร้อมๆกัน นับว่าเป็นปาร์ตี้ที่ทุกๆคนจะได้ปลดปล่อยความบ้าคลั่งและความสนุกสนานออกมาหลังจากที่พึ่งเคร่งเครียดกับการสอบกลางภาคไปเลยก็ว่าได้ ...แต่ทว่า...
ดิ๊ง ด๊อง เด๊ง ด๊อง...
สัญญาณออดเริ่มเรียนคาบแรกของวันเปิดเรียนหลังจากที่ช่วงเวลาของวันหยุดยาวได้สิ้นสุดลงก็เสมือนดั่งสัญญาณของความน่าเบื่อ
บนทางเดินเข้ารั้วประตูโรงเรียน ...ยามเช้าที่กลีบดอกไม้กำลังร่วงโรยลงมานั้น... นักเรียนสาวผมแดงได้ลำพึงขึ้นมากับตัวเองว่า "...เปิดเรียนอีกแล้วสินะ... ปีใหม่...อะไรหลายๆอย่างก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่สินะ"
และนอกจากนั้นแล้ว...มันยังเป็นสัญญาณของความวอดวาย ความน่ากลัวและความบรรลัยของอะไรบางอย่างอีกด้วย
…เมื่อเริ่มต้นเข้าสู่คาบเรียน
เสียงของอาจารย์สาวท่านหนึ่งกล่าวขึ้นตรงหน้าชั้นว่า
"เอาล่ะนักเรียน... เดี๋ยววันนี้ครูจะประกาศผลสอบกลางภาควิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติมให้ได้รู้กันนะคะ คะแนนเต็มทั้งหมดยี่สิบคะแนนถ้าใครได้ต่ำกว่าสิบจะถือว่าตกแล้วจะต้องไปสอบซ่อมนะคะ"
นักเรียนสาวคนเดิมนั่งตัวตรงอยู่บนที่นั่งของเธอที่อยู่กลางห้องเรียน แผ่นหลังของเธอกำลังสั่นเกร็งด้วยความลุ้นระทึกพร้อมด้วยสีหน้าและแววตาที่กำลังแสดงให้เห็นถึงความหวาดหวั่น ลูกตาสีดำที่ซ่อนอยู่ภายใต้นัยน์ตาสีอำพันของเธอค่อยๆหุบเล็กลง แขนขาสั่น เหงื่อหยดออกมาแชะที่บริเวณลำคอด้วยความตื่นเต้น และทันใดนั้นเองระหว่างที่อาจารย์กำลังประกาศคะแนนเรียงตามรายชื่ออยู่...นักเรียนสาวก็พบว่าอีกไม่กี่คนก็จะถึงชื่อของเธอแล้ว...
"ปิยฉัตรได้ 15 คะแนน"
"นวินดาได้ 19 คะแนน (เสียงฮือฮาจากนักเรียนคนอื่นๆเนื่องจากว่าได้คะแนนเยอะ)"
"มยุรฉัตร...(ชื่อจริงของเซี๊ยะ)..."
อาจารย์สาวเงียบลงชั่วขณะหลังจากที่ได้กล่าวชื่อของนักเรียนสาวคนนั้นออกไป สาวผมแดงเมื่อได้ยินดังนั้นจึงขานรับขึ้นมาว่า...
"คะ ? ! มยุรฉัตรเองค่ะ ! ทำไมหรอคะ ? !"
อาจารย์ผู้สอนที่กำลังยืนอยู่หน้าชั้นเรียนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองเซี๊ยะอย่างช้าๆ ...ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกชวนขนหัวลุกว่า...
"มยุรฉัตร...ได้ 9 คะแนน..." ...จากน้ำเสียงที่สุดแสนจะเย็นยะเยือกและน่ากลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คำพูดที่อยู่ภายในน้ำเสียงนั้นกลับโหดร้ายและน่าหวาดหวั่นกว่าหลายเท่า คำพูดประกาศคะแนนของอาจารย์คนนั้นเปรียบเสมือนดั่งคมดาบซามุไรที่แหวกอากาศฟันทะลุเข้าไปผ่านขั้วหัวใจของสาวน้อยจนขาดครึ่ง... เมื่อสิ้นเสียงของอาจารย์ประจำวิชา ก็มีเสียงโห่ร้องฮือฮาจากนักเรียนคนอื่นๆตามมาอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นเสียงของความโล่งอกดีใจที่ได้รู้ว่าคนสอบตกไม่ใช่ตัวเอง
"ว๊าายย ! ยัยเซี๊ยะสอบตก ! ฮะ ฮะ ฮ่าา ! ได้ยินมาว่าผู้หญิงที่สอบตกมีแค่คนเดียวเอง รอดแล้วพวกเรา !" นักเรียนสาวสองคนที่นั่งข้างๆกันต่างยกมือขึ้นมาประกบเข้าหากันหรือที่เรียกว่าท่าไฮไฟว์
"โฮะ โฮะ โฮะ ! อีเซี๊ยะสอบตกหรือเนี่ย แบบนี้ก็ได้ล้อมันคืนอย่างสาสมแล้วสินะ วึฮะ ฮะ ฮะ ฮ่าา !" ในขณะเดียวกันก็มีนักเรียนสาวบางกลุ่มที่รวมตัวกันหัวเราะเยาะสาวน้อยเนื่องจากว่าไม่ค่อยชอบขี้หน้า อีกทั้งในอดีตเคยโดนเซี๊ยะมาก่อวีรกรรมไว้ด้วยหลายเรื่อง
"ยัยหัวโหนกสอบโตก ! ยัยหัวโหนกสอบโตก !"
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายทั้งโล่งอก ทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ ...หรือไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่กำลังเย้ยหยัน หัวเราะเยาะ... อย่างไรก็ตามสาวน้อยผมสีแดงทึบประกายม่วงคนนี้ ก็ได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงที่นั่งของตัวเอง ราวกับว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวที่ตกอยู่ภายใต้เงาสีดำอันมืดมิด ...ราวกับว่าโลกทั้งใบนั้นไม่ต้อนรับเธอ ส่วนโลกอันมืดมัวของเธอก็กำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ถึงอย่างงั้นก็มีเสียงสวรรค์จากอาจารย์เข้ามาช่วยเธอเอาไว้
แอ๊ด !
อาจารย์สาวผู้ที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องใช้นิ้วกดไปที่ปุ่มสัญญาณไฟสีเหลืองที่อยู่บนโต๊ะอะลูมิเนียมที่อยู่เบื้องหน้า เมื่อกดปุ่มสัญญาณนั้นแล้วจะมีเสียง'แอ๊ด'ดังขึ้นมา ซึ่งเป็นสัญญาณบอกให้นักเรียนทุกๆคนเงียบและกลับมาอยู่ในความสงบ
"โปรดอยู่ในความสงบ... เอาล่ะ อาจารย์จะประกาศคะแนนคนต่อไป..."
"สาธิดา ได้ 11 คะแนน... เกือบตกนะเรา !"
คะแนนสอบของนักเรียนที่เหลือไม่มีความหมายใดๆกับสาวน้อยผมสีแดง... เธอนั่งตัวตรงแต่คอตก ไม่มีใครเห็นแววตาที่เหม่อลอยซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้เงามืดบนใบหน้าของเธอ เซี๊ยะคิดในใจว่าอยากให้เวลาทั้งหมดที่เหลืออยู่ของวันนี้หมดไปให้เร็วที่สุด แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่เธอทำได้ก็มีเพียงแต่แบกรับความรู้สึกผิดหวังและคำพูดตอกย้ำซ้ำเติมทำให้เสียใจจากเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆไปตลอดทั้งวัน...
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า !! แย่จังน่าา... จะเป็นสคูลไอด้อลแต่กลับสอบตกซะได้ ฮุ ฮุ ฮุ ! ดูไม่จืดเล๊ย..."
...
เย็นของวันนั้น
ณ ห้องชมรมโรงเรียนไอด้อล...
"แแแแง ! ฮือๆๆ ! ใครก็ได้ช่วยชั้นด้วย ชั้นสอบตก !"
เซี๊ยะวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องรับรองของชมรมพร้อมกับใบหน้าที่มีรอยน้ำตาอาบแก้ม ตอนนี้สาวน้อยผมแดงกำลังอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง กระเซอะกระเซิงเสียทรง ถุงเท้าทั้งสองข้างยาวไม่เท่ากัน เสื้อนักเรียนยับยู่ยี่ดูหลุดลุ่ย แถมยังมีรอยฝุ่นเลอะบริเวณชายเสื้ออีกด้วย ซึ่งสมาชิกอีกสี่คนที่วันนี้ต่างมาเข้าชมรมกันพร้อมหน้าพร้อมตาก็ได้แต่มองนักเรียนสาวที่กำลังหมดสภาพและร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน ซึ่งสำหรับสมาชิกใหม่อย่างไข่มุกที่ยังไม่ค่อยได้พูดคุยหรือทำความรู้จักกับเซี๊ยะมากนักจึงได้แต่แสดงสีหน้าตื่นๆออกมาพลันหันไปกระซิบถามกับซาโกะที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างๆว่า "เฮ้...? ซาโกะ... เกิดอะไรร้ายๆขึ้นงั้นหรอ ทำไมเซี๊ยะถึงได้ร้องไห้แบบนั้นล่ะ"
สาวลูกครึ่งญี่ปุ่นเมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่ เธอมองไปที่สาวผมแดงด้วยแววตาที่นิ่งเฉยราวกับว่านั่นเป็นเรื่องปกติที่เธอไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรอยู่แล้วพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆปนความรู้สึกเอือมๆเล็กน้อย พลันตอบสาวผมดำที่นั่งตัวตรงอยู่บนโซฟาตรงกลางห้องว่า "--คึกคึกคึก-- --นั่นน่ะ...ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก-- --ปกตินั่นแหละไข่มุกจัง--"
ถึงแม้ว่าซาโกะจะไม่ได้แสดงทีท่าหรือปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษกับเซี๊ยะที่กำลังฟูมฟายอยู่เบื้องหน้า ทว่าทางด้านของรันนั้นกลับแสดงอาการตอบกลับที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
"เซี๊ยะะ ! เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ ! โอ๋ๆๆ หยุดร้องนะ ! ค่อยๆพูดกับชั้นสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น...อาการมันเป็นยังไง"
"แแแแง ! ฮือๆๆ ชั้นสอบตกน่ะสิ ! ชั้นสอบตก ! สอบตกทั้งวิชาเลข วิชาฟิสิกส์แล้วก็วิชาสังคมเลยน่ะ ! ฮือๆๆ"
(กุ๊งกิ๊งพูดแทรกขึ้นมาว่า "แหม่... อาการหนักเลยนะนั่น")
สาวตัวเล็กผมสีน้ำตาลรีบวิ่งเข้าไปโผกอดเซี๊ยะและช่วยปลอบประโลมสาวน้อยใจเสาะที่กำลังร้องไห้เป็นเด็กๆอยู่ เธอค่อยๆพาเซี๊ยะมานั่งลงบนโต๊ะไม้ที่วางเรียงชิดกันอยู่ตรงริมห้อง ซึ่งหลังจากผ่านงานวันคริสต์มาสอีฟมา กุ๊งกิ๊งก็พึ่งจะจัดห้องเพิ่มด้วยการย้ายโต๊ะนักเรียนทั้งหมดไปชิดกับริมห้องติดกับเครื่องเสียง เพื่อเว้นที่ว่างตรงกลางห้องไว้สำหรับโซฟาหนังตัวยาวที่พึ่งใช้เส้นสายเบิกมาจากสภานักเรียน นอกจากนั้นยังเอาโต๊ะคอมพิวเตอร์ โต๊ะทำงาน โต๊ะวางของเปล่าๆมาจัดไว้บริเวณริมหน้าต่างอีกด้วย เรียกได้ว่ากลายเป็นห้องชมรมที่ครบครันไปเสียแล้ว ณ ตอนนี้
ระหว่างที่รันกำลังใช้ฝ่ามืออันเรียวเล็กของตัวเองลูบเปียผมด้านหลังของเซี๊ยะอยู่นั้น กุ๊งกิ๊งที่มองดูเหตุการณ์อยู่ไม่ห่างจากทั้งสองเท่าไหร่ได้ค่อยๆดอลลี่ตัวเอง กระดึ๊บๆเข้าไปใกล้ๆ เธอใช้นิ้วชี้สะกิดจากด้านหลังของสาวผมแดงก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเลศนัยและดวงตาที่หรี่เล็กลงว่า "คิกคิกคิก ! เธอนี่ไม่ไหวจริงๆเลยน่าา ยัยผมแดงหัวเถิกเอ้ยย คิกคิกคิก!"
เมื่อยัยผมแดงหัวเถิกได้ยินดังนั้นจึงดวงตาเบิกโพลนขึ้นมาก่อนที่จะหันหลังกลับไปทุบเนื้อทุบตัวสาวผมบลอนด์พร้อมกับร้องว่า
"นี่ ! ถ้าไม่คิดจะช่วยก็อย่ามาพูดจาเยาะเย้ยกันจะได้มั้ย ! เธอน่ะพูดเหมือนกับเพื่อนร่วมห้องของชั้นเลยนะ !" คนที่ถูกเยาะเย้ยโวยวายออกมา ก่อนที่สาวผมบลอนด์จะใช้นิ้วจิ้มไปที่ปากของตัวเองพร้อมกับเริ่มพูดอย่างครุ่นคิดว่า "สอบตกหลายวิชาแบบนี้ สงสัยจะต้องหาตัวช่วยซักหน่อยแล้วล่ะมั้ง..."
"ตัวช่วยอะไรของเธอ !"
"อันที่จริงชั้นหมายถึงคนที่ปรึกษาได้น่ะ" ดวงตาสีฟ้าเทาของสาวน้อยมองขึ้นบนพลางนึกถึงใครบางบางคนที่น่าพอจะช่วยในเรื่องนี้ได้
...
วันต่อมา
ที่ห้องสภานักเรียน
สาวสวยสองคนกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะประธานนักเรียนสีไม้ตัวใหญ่ ซึ่งอันที่จริงแล้วคนที่ทั้งสองต้องการจะมาพบมิใช่ประธานนักเรียนตะวัน คีรีปารีชาติ หากแต่เป็นรุ่นพี่สภานักเรียนรูปร่างไม่สมกับเป็นรุ่นพี่ที่กำลังนั่งเอนหลังอย่างเอกเขนกยึดที่ประธานนักเรียนตัวจริงในขณะที่เขาไม่อยู่ ดวงตาสีขมิ้นทั้งสองของมิวจับจ้องมาที่นักเรียนสาวรุ่นน้องทั้งสองคน คนนึงกำลังยืนตัวตรงมือทั้งสองข้างกุมเอาไว้ที่หน้าตัก ศีรษะก้มลงเล็กน้อยไม่ยอมสบหน้ากับรุ่นพี่เนื่องจากกำลังรู้สึกละอาย ในขณะที่อีกคนยืนเท้าสะเอวอย่างผ่อนคลาย ดูไม่เกร็งแบบคนข้างๆ พร้อมกับใบหน้ามองสลับไปมาระหว่างสภานักเรียนร่างเล็กกับเพื่อนร่วมชมรมของตัวเอง
เสียงถอนหายใจของสภานักเรียนนำออกมา ก่อนที่มิวจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างผิดหวังในตัวของเซี๊ยะ เธอร่ายยาวออกมาว่า "เห้อออ...โถๆๆ น้องเซี๊ยะ พี่นี่ผิดหวังในตัวของน้องจริงๆเลยนะ ทีแรกน่ะอุตส่าห์ออกปากชื่นชมกับคนอื่นด้วยนะว่าประธานชมรมอย่างน้องน่ะเก่งมากๆที่ทำให้ชมรมโรงเรียนไอด้อลกลับมาทำกิจกรรมได้อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง อีกทั้งการแสดงของน้องก็ยังโดดเด่นกว่าใครเพื่อนอีกด้วยนะ"
กุ๊งกิ๊งที่ยืนฟังสิ่งที่มิวกำลังเอ่ยอยู่ก็ค่อนข้างที่จะเห็นด้วย เพราะที่ผ่านๆมาถึงแม้ว่าเซี๊ยะจะเป็นประธานชมรมที่ไม่ค่อยเอาอ่าว ขาดความเป็นผู้นำ ไม่ค่อยเป็นการเป็นงานในหลายๆครั้งแต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำในสิ่งสำคัญๆเช่นการแต่งเพลง การคิดท่าเต้นตลอดจนการแสดงบนเวที ส่วนมากก็มักจะเป็นเซี๊ยะที่ช่วยในเรื่องพวกนี้ได้มากกว่าใครเพื่อน นอกจากนั้นถ้าในเรื่องคุณภาพของการเพอร์ฟอร์ม ถึงแม้ว่าเซี๊ยะจะมีจุดบกพร่องใหญ่ๆในเรื่องของการร้องเพลงแต่ถ้าหากมองโดยรวมแล้ว เธอยังค่อนข้างเฉิดฉายมากกว่าคนอื่นอยู่ดี
"...แต่ทุกๆอย่างที่ว่ามานี้กลับทำให้น้องเสียการเรียนซะได้... ไหนดูซิ" สภานักเรียนสาวพูดไปพลาง หยิบใบประกาศผลสอบของเซี๊ยะขึ้นมาดูพลาง
"น้องสอบตกตั้งสามวิชาแน่ะ จากที่มีทั้งหมดหกวิชา นี่มันครึ่งนึงเชียวนะ ในขณะที่วิชาอื่นๆที่ผ่านก็มีผ่านแบบคาบเส้นเท่านั้น... มองมาที่หน้าชั้นสิคะน้อง" มิวเพิ่มน้ำเสียงของตัวเองให้ดูหนักแน่นยิ่งขึ้น เสียงที่ถูกเพิ่มน้ำหนักนั้นทำให้สาวผมแดงที่กำลังยืนก้มคอหงออยู่ถึงกับสะดุ้งโผลงและรีบสบสายตากับสภานักเรียนโดยพลัน
"ในฐานะสภานักเรียนชั้นไม่มีทางปล่อยให้เด็กนักเรียนทำกิจกรรมแต่เพียงอย่างเดียวจนเสียการเรียนหรอกนะ ตามกฎแล้วชั้นจะต้องพักกิจกรรมของน้องทุกๆอย่างจนกว่าน้องจะตามสอบซ่อมทุกวิชาเสร็จ เข้าใจมั้ย" เมื่อสาวผมขาวแกมม่วงพูดจบ แน่นอนว่าเซี๊ยะคงจะไม่อยากให้มันดำเนินไปแบบนั้นแน่ๆทว่าสาวผมบลอนด์ที่อยู่ข้างๆก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า
"อย่างงั้นก็ดีนะ ! เพราะต่อจากช่วงนี้ชมรมก็ไม่ค่อยมีอีเว้นท์อะไรสำคัญอยู่แล้ว งานวันปีใหม่ทางโรงเรียนก็ไม่ได้จัดเพราะปล่อยให้เป็นวันหยุดครอบครัวของแต่ละคนแทน กว่าจะถึงอีเว้นท์ใหญ่ๆครั้งหน้าก็คงต้องรอจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่ทางโรงเรียนจะจัดงานสัปดาห์แห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ ...งั้นช่วงนี้ก็ปล่อยให้เซี๊ยะเคลียร์เรื่องสอบซ่อมให้เสร็จก่อนละกัน"
ทันทีที่กุ๊งกิ๊งพูดจบด้วยน้ำเสียงแจ่มใสและยิ้มแป้น เซี๊ยะที่กำลังจ้องมองเพื่อนสาวอย่างฉุนเฉียวหน้าแดงระเรื่อ ดวงตาสีอำพันทั้งสองกำลังสั่นไหว ก็พูดเสียงแข็งๆขึ้นมาว่า "เธอมีหน้าที่เป็นคนตัดสินใจตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ นางสมาชิกชมรมธรรมดา" หญิงสาวพยายามจะย้ำให้สาวผมบลอนด์เห็นว่าตำแหน่งประธานชมรมไม่ได้อยู่ที่ตัวเธอแต่อย่างใดหากแต่เป็นคนที่กำลังพูดอยู่ ณ ตอนนี้
ทว่ากุ๊งกิ๊งก็สวนกลับทันควันจนเซี๊ยะต้องหน้าแหกว่า "ก็ตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจเรื่องชุดเสื้อผ้าในสองอีเว้นท์ที่ผ่านมา ตัดสินใจเรื่องรับสมาชิกคนใหม่เข้าชมรม หรือว่าจะเป็นตอนตัดสินใจเรื่องกลับมาทำกิจกรรมชมรมอีกครั้งดีนะ ...เอ๊ จะว่าไปที่ผ่านมาชั้นก็เป็นคนตัดสินใจทุกเรื่องๆเลยไม่ใช่หรอ คุณประธานชมรม..." สาวผมแดงสิ้นคำที่จะเถียงกลับ เธอได้แต่ยืนกัดฟันด้วยใบหน้าเลือดเดือดแบบเดียวกับสีผมของเธอ โดยที่เบื้องหน้า กุ๊งกิ๊งกำลังคลี่ยิ้มใส่อยู่อย่างกวนโอ้ย
"เอาล่ะ... คราวหลังอย่ามาเถียงกันในห้องสภานักเรียนอีกนะชั้นจะขอเตือนเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย... สรุปก็คือเซี๊ยะจะต้องพักกิจกรรมชมรมไปชั่วคราว ถ้าสอบซ่อมเสร็จเมื่อไหร่ค่อยกลับมาทำกิจกรรมชมรมได้ ถือว่าเป็นอันตกลงนะ?" มิวทวนข้อสรุปทุกๆอย่างขึ้นมา
"ได้เลยค่ะ ! ต่อจากนี้จะห้ามไม่ให้เซี๊ยะเข้าห้องชมรมโดยเด็ดขาดเลย แล้วก็จะแอบไปกินขนมหวานกันโดยไม่ชวนอีกด้วย แบร่ !" กุ๊งกิ๊งตอบรับด้วยน้ำเสียงฉะฉานพร้อมกับกวนประสาทใส่สาวผมแดงที่ยืนอยู่ข้างๆอีกชุด
"ค...ค่ะ" ทางด้านของเซี๊ยะก็ได้แต่ตอบรับด้วยน้ำเสียงค่อยๆแบบผู้แพ้ หลังจากนั้นสภานักเรียนสาวก็บอกว่าไม่ได้จริงจังถึงขั้นต้องห้ามเซี๊ยะเข้าห้องชมรมเลยขนาดนั้นแต่ขอให้พักอะไรที่เป็นกิจกรรมเอาไว้ชั่วคราว ก่อนที่จะบอกให้ทั้งสองออกไปจากห้องสภานักเรียนได้
ปักก
เสียงบานประตูถูกเลื่อนปิดลง นักเรียนสาวทั้งสองเดินคุยกันไปตามระเบียงทางเดินซึ่งมีไอร้อนและแสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันส่องเข้ามาสร้างความรำคาญให้กับผิวหนัง กุ๊งกิ๊งเดินประสานมือไว้บนท้ายทอยพลางพูดว่า
"พี่มิวนี่เห็นเป็นคนใจดีแล้วก็บอบบางอย่างงี้ ก็มีมุมดุๆกับเค้าด้วยเหมือนกันนะเนี่ย"
"อื้ม... จริงๆแล้วพี่คนนี้น่ะเป็นคนที่จริงจังมากๆเลยล่ะนะ ถึงจะดูน่ารักบ๊องแบ๊วก็เถอะ แต่พอถึงคราวที่จะต้องจริงจังแล้วพี่เค้าเป็นคนเป็นการเป็นงานมากๆเลยล่ะนะ ผิดกับชั้น..." เซี๊ยะยังคงเดินคอตกพร้อมกับพูดออกมาด้วยความละอาย เมื่อกุ๊งกิ๊งได้ยินดังนั้นจึงถามกลับไปด้วยความสงสัยว่า
"เอ๋ ? พูดเหมือนเคยร่วมงานกันมาก่อนยังไงอย่างงั้นเลย"
"ก็ใช่น่ะสิ เธอไม่รู้หรอว่าพี่คนนี้น่ะ ก็เคยอยู่ชมรมโรงเรียนไอด้อลของพวกเรามาก่อนด้วยนะ เป็นสมาชิกรุ่นแรกที่ก่อตั้งชมรมขึ้นมาเลยล่ะ ชั้นก็เคยรู้จักพี่เค้าในฐานะรุ่นน้องในชมรมนี้แหละ" เรื่องที่หญิงสาวพูดออกไปนั้นทำให้นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ไม่ค่อยจะน่าจดจำขึ้นมาเหมือนกัน
"อ๊ะ ! เรื่องจริงหรอเนี่ย ! ทำไมถึงไม่มีใครบอกชั้นซักคนเลยล่ะ !" กุ๊งกิ๊งที่ได้รู้ความจริงก็ถึงกับออกอาการเหวอ ปากของเธออ้าเป็นสี่เหลี่ยม ซึ่งเซี๊ยะที่เห็นโอกาสเหมาะเจาะจึงได้ทีเอาคืนหลังจากที่โดนทำไว้ในห้องสภานักเรียนว่า "ก็เพราะเธอโง่ยังไงล่ะ ! ยัยหัวทองสมองหนา"
"หุหุหุ ! มีหน้ามาว่าชั้นว่าโง่ได้หรอเนี่ย ชั้นน่ะไม่สอบตกซักวิชาแถมยังทำคะแนนได้ท็อปในวิชาคณิตศาสตร์อีกด้วยนะ ฮะ ฮ่า วิชาที่เธอตกนั่นแหละ แค่ก แค่ก !" ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็เป็นฝ่ายของกุ๊งกิ๊งที่กุมชัยชนะเอาไว้อยู่ฝ่ายเดียวอยู่ดี
"แอ้กก ! หน็อยแน่เธอ !"
ทั้งสองเดินคุยกันและหยอกล้อกันไปมาตามประสาคนที่เริ่มจะสนิทกันได้ระดับนึง โดยเรื่องที่พวกเธอใช้หยอกล้อและพูดคุยจิกกัดกันส่วนมากก็จะวนๆอยู่ที่เรื่องคะแนนสอบอันต่ำเตี้ยเรี่ยดินของเซี๊ยะ อีกทั้งยังแอบนินทาสมาชิกแต่ละคนที่อยู่ในชมรม จนลากยาวไปถึงเรื่องสมาชิกรุ่นเก่าที่เซี๊ยะพอจะเคยรู้จักบ้างโดยที่ทั้งสองไม่ทันรู้เลยว่ามีอินทนิลคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่ตัวของพวกเธออยู่
"เอาล่ะ... ชั้นว่าชั้นรีบไปขึ้นเรียนก่อนดีกว่า ไว้ค่อยเจอกันนะ" เมื่อคุยกันไปซักระยะนึงเซี๊ยะก็เป็นฝ่ายพูดตัดบทขึ้นมา กุ๊งกิ๊งพยักหน้าตอบเนื่องจากเธอเหลือบไปเห็นหอนาฬิกาที่อยู่บนอาคารเรียนหลักที่อยู่ตรงข้ามว่าอีกห้านาทีจะถึงเวลาขึ้นเรียนภาคบ่าย
"งั้นโชคดีละกัน ลาล่ะ ! เดี๋ยวไว้ตอนเย็นค่อยมาเจอกันที่ห้องชมรมอีก ...ถ้าไม่มีอะไรจะทำอะนะ"
"อื้ม... โชคดี"
เซี๊ยะบอกลาตอบ ก่อนที่นักเรียนสาวทั้งสองจะแยกกันไปคนละทาง เมื่อนั้นเอง...ดวงตาคู่นั้นที่แอบหลบซ่อนอยู่ในมุมมืดและได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจึงค่อยๆเผยตัวออกมาหลังจากที่คนที่เธอแอบมองได้เดินออกไปจากบริเวณนั้นแล้ว หญิงสาวคนนั้นก็คือธารา...
"ชิ..."
เธอเดาะปากขึ้นมากับตัวเองอย่างเงียบๆ
...หลังจากที่เซี๊ยะได้เดินกลับไปยังห้องเรียนของตัวเอง เธอก็ได้พบกับอะไรบางอย่างที่เธอไม่คาดคิด สิ่งๆนั้นมันทำให้เธอต้องถึงกับตาเบิกโพลนออกมาด้วยความตกใจ ซึ่งปะปนไปด้วยความกริ้วโกรธ ความโมโหโกรธา ที่เธอมิสามารถทำอะไรกับมันได้ มือไม้ของเธอสั่นระริกไปมา จะบอกว่ามันเป็นปฏิกิริยาของคนที่กำลังหวาดผวาก็ไม่เชิงนักเพราะเธอไม่ได้ยืนมองดูสิ่งที่ปรากฏอยู่นั้นด้วยความกลัวหากแต่เป็นอย่างอื่นเสียมากกว่า เช่นความช็อค ความไม่เข้าใจ และความเครียดแค้น ...อีกทั้งยังมีความละอายแบบแปลกๆที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุด ...ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะจากคนอื่นๆอีกด้วย... จากสถานการณ์นี้แล้ว ถ้าหากจะนึกถึงจินตภาพที่หญิงสาวผมแดงกำลังมีไอร้อนสีเดียวกับเส้นผมของเธอปรากฏอยู่บนศีรษะก็ไม่ผิดนัก ...เธอค่อยๆพลิกตัวของเธอและหันกลับไปมองอย่างช้าๆ...อย่างตะกุกตะกัก ใบหน้าแห่งความเครียดแค้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏจนเด่นชัดที่ไหนมาก่อนทำให้คนที่กำลังยืนหัวเราะเยาะอยู่เบื้องหลังต้องถึงกับผงะ แววตาสีอำพันที่แข็งกระด้าง คิ้วที่ขมวดนิ่ว ริ้วรอยบนใบหน้าที่ปรากฏขึ้นมาเนื่องจากกล้ามเนื้อที่ยึดตึงเข้าหากัน ฟันด้านล่างกับด้านบนที่ถูกันไปมา ใบหน้าสีแดงก่ำ เธอวาดมือขึ้นมาบนอากาศ พร้อมกับตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่คาดคิดและรุนแรงออกไป...
...แน่นอนว่าวันนั้นเธอไม่ได้ไปที่ห้องชมรม...
…
...วันต่อมา...ที่ห้องชมรมโรงเรียนไอด้อล
"เซี๊ยะโดนพักการเรียนอย่างงั้นหรอ ! ?" สาวน้อยผมบลอนด์ที่วันนี้มัดผมหางม้าเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฉงน คู่สนทนาอย่างไข่มุกจึงพูดเสริมขึ้นมาว่า "ใช่ ! มีข่าวแว่วๆมาจากห้องสองน่ะ ว่าเซี๊ยะตบกับเพื่อนในห้องด้วย !" เธอเน้นน้ำเสียงเพื่อสร้างความตื่นเต้น
"เอ๊ะะ ! เซี๊ยะไม่ใช่คน---เอ่อ...จะว่าไปก็ค่อนข้างที่จะเป็นคนอย่างนั้นอยู่แล้วอะนะ... ดูจากการกระทำหลายๆอย่างที่ผ่านมา" ในทีแรกกุ๊งกิ๊งเหมือนจะพยายามแก้ต่างให้กับเซี๊ยะโดยอัตโนมัติ แต่เผอิญฉุกคิดได้อีกทีว่าคนที่เคยจับเธอไปทรมานด้วยการมัดแขนไว้กับเชือกผูกเพดาน เคยว่ายวานให้คนมาลักพาตัวเธอ เคยแกล้งชาวบ้านชาวช่องไปทั่ว ก็ไม่น่าแปลกที่จะไปมีเรื่องตบตีอะไรกับใคร เผลอๆก่อนหน้านี้จะสร้างศัตรูไว้เยอะพอสมควรอีกด้วยเพราะชื่อเสียงเรียงนามของเธอก็ไม่ใช่เล่นๆ ..แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้สาวผมบลอนด์อดไม่สบายใจไม่ได้ เนื่องจากว่าถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของชมรมโดยตรง ...และยิ่งเป็นชมรมที่มีคำว่า'ไอด้อล'อยู่ด้วย
"จะทำยังไงดีล่ะกุ๊งกิ๊ง ! ขืนปล่อยไว้แบบนี้อาจจะทำให้ชมรมเรามีคนเกลียดเพิ่มขึ้นได้นะ..." สาวผมดำเสนอความคิดเห็นขึ้นมา กุ๊งกิ๊งที่ดูจะมีบทบาทมากที่สุดในฐานะผู้นำตอนนี้ก็ได้แต่เอามือกุมปาก
"--ถ..ถ้าปกติแล้ว-- --พอมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมา-- --คนเค้าจะตั้งแถลงการณ์...--" ซาโกะพยายามจะเสนอความคิดเห็นออกมา ทว่าน้ำเสียงของเธอดูกล้าๆกลัวๆไม่ค่อยมั่นใจแปลกๆ จึงถูกเสียงของรันที่แทรกขึ้นมาตัดไป
"จะให้ทำยังไงน่ะหรอ ! หมายความว่ายังไงกัน ! ? เซี๊ยะก็เป็นเพื่อนพวกเราเหมือนกันนะ พูดเหมือนกับว่าจะเขี่ยเซี๊ยะทิ้งให้ออกไปพ้นๆทางซะอย่างนั้น ..ถ้าจะหาวิธีที่จะทำให้ชมรมไม่ได้รับผลกระทบหรือความเสื่อมเสีย ด้วยการตัดเพื่อนของเราทิ้งไปคนนึงแบบนั้น รันไม่เอาด้วยหรอกนะ..." สาวร่างเล็กผมน้ำตาลรีบออกตัวปกป้องเซี๊ยะขึ้นมา
"ชั้นก็ไม่ได้หมายความถึงขนาดนั้นน... แต่ถ้าพวกเรานิ่งนอนใจอยู่เฉยๆ ไม่พูดไม่จากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็เท่ากับว่าไม่ได้รู้สึกรู้สากับสิ่งที่เซี๊ยะทำลงไปเลยนะ ถ้าอย่างงั้นคนอื่นๆเค้าจะมองเรายังไง ?" ไข่มุกหันหลังกอดอกพร้อมกับพูดลากเสียงเล็กน้อย ก่อนที่จะร่ายยาวเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาอย่างมีเหตุผล
"ต...แต่... เรื่องของเซี๊ยะเราก็ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเลยนะ ...ว่าเพราะอะไรถึงทำให้เซี๊ยะเดือดขึ้นได้ขนาดนั้น..."
"ชั้นก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกับเธอนั่นแหละ เพียงแต่ว่าเรื่องนั้นมันก็อีกเรื่องนึง ความถูกต้องหรือความจริงน่ะไม่ใช่สาระสำคัญอย่างแรกที่เราต้องจัดการในตอนนี้หรอกนะ สิ่งที่ต้องทำก็คือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนไม่ใช่หรอ ส่วนที่มาที่ไปของเรื่องมันเป็นยังไงน่ะค่อยไปว่ากันทีหลัง และอีกอย่าง...คนที่โดนพักการเรียนก็มีแค่เซี๊ยะคนเดียวไม่ใช่หรอ ทำไมไม่มีนักเรียนคนอื่นด้วยล่ะ..."
"เอ๊ะ ! ท...ทำไมเธอถึงพูดอย่างนี้ล่ะ ? เซี๊ยะก็เป็นคนสำคัญของพวกเราไม่ใช่หรอ"
...เพียงแค่เข้าชมรมมาได้ไม่นาน แต่ดูเหมือนว่าไข่มุกจะมีความเห็นที่ไม่ตรงกันกับสมาชิกคนก่อนหน้าอย่างรันเสียแล้ว... ทว่าต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลซึ่งมาจากมุมมองและแนวคิดในแบบของตัวเอง ...ซึ่งค่อนข้างที่จะต่างกันใช้ได้... ไข่มุกเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงก็จริงแต่ถึงอย่างนั้นจุดยืนในสังคมของเธอจะอยู่ในลักษณะของผู้ที่เฝ้ามองกลุ่มคนอื่นอยู่ห่างๆเสมอมา เพราะฉะนั้นเธอจึงมองทุกๆอย่างตามกลไกของสังคมที่ได้ดำเนินไปโดยไม่มีตัวแปรหรือฟันเฟืองที่แปลกแยกอย่างเธอ สำหรับหญิงสาว...สังคมที่เธอรู้จักมิได้มองว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดถูกเพราะว่าเนื้อแท้ของสิ่งนั้นผิดหรือถูกต้องจริงๆ ผู้คนมิได้มีเวลามากขนาดนั้นสำหรับความจริงของเรื่องเล็กๆน้อยๆ หากแต่มองตามภาพที่พวกเค้าเห็นและรับรู้จึงสรุปออกมาว่าสิ่งนั้นผิดหรือว่าถูก เพราะฉะนั้นการสร้างภาพที่คล้อยตามต่อสังคมไปก่อนจึงเป็นอะไรที่ถูกต้องที่สุด ...ในขณะที่รันซึ่งมีมุมมองแตกต่าง เธอรู้และเชื่อมั่นว่าเธอหรือแม้กระทั่งเพื่อนของเธอก็อาจจะรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรคือความจริง และเนื้อแท้ของเซี๊ยะเป็นคนยังไง เพราะฉะนั้นสังคมควรจะได้รับรู้สิ่งที่เป็นความจริงแทนที่จะออกมาบอกว่าเพื่อนของเธอผิดเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ... อีกทั้งเธออาจจะยังแอบคิดอยู่ลึกๆว่าไข่มุกซึ่งเป็นคนนอกที่พึ่งจะเข้าชมรมมาได้ไม่นานก็อาจจะยังไม่รู้จักเซี๊ยะดีพอจริงๆ ถึงอย่างไรก็ตามทั้งสองก็คงไม่คิดที่จะอยู่เฉยๆแน่
ไข่มุกเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจปนกับความไม่ค่อยเข้าใจในความคิดของรัน แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา
กุ๊งกิ๊งเมื่อได้ยินจึงรีบเดินไปเปิดแล้วก็พบว่า ...ธาราได้ยืนรออยู่หน้าห้องชมรมมาหลายนาทีแล้ว...
"อ๊ะ ! รุ่นพี่คนนั้นนี่นา... ส-สวัสดีค่ะ ! พี่........" สาวผมบลอนด์ยืนนึกชื่อของหญิงสาวที่อยู่หน้าประตูซักพัก แต่ก่อนที่เธอจะนึกออกและพูดชื่อออกไปนั้นเอง รุ่นพี่สาวผมดำผู้มีแววตาเยือกเย็นไร้ความรู้สึกประดุจดั่งสายน้ำก็เอ่ยชื่อของตัวเองขึ้นมาก่อน "--ธารา... เธอเองคงจำชั้นไม่ค่อยได้หรอกสินะ เพราะเราสองคนไม่เคยคุยกันมาก่อน แถมยังไม่เคยได้เจอกันสองต่อสองอีกด้วย..." นับว่าเป็นการทักทายที่จัดได้ว่าแปลกซึ่งมาพร้อมกับน้ำเสียงเรียบๆแต่ปนไปด้วยความเย็นยะเยือกเล็กน้อย เฉกเช่นกับดวงตาสีอินทนิล
"อ๊ะ... จริงๆแล้วหนูเคยได้ยินเรื่องของรุ่นพี่มาบ้างแล้วล่ะค่ะ เพราะว่าเซี๊ยะเคยเล่าให้ฟัง อิอิ" กุ๊งกิ๊งพยายามคลี่ยิ้มรับการทักทายที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรและใบหน้าที่ดูเรียบเฉยของธาราเอาไว้ ช่างเป็นการพบเจอกันระหว่างสองสิ่งที่แตกต่างกันจนเหมือนอยู่คนละขั้ว หากธรณีกั้นประตูที่อยู่เบื้องล่างเปรียบเสมือนเส้นแบ่งเขตแล้ว มันก็กำลังขีดเส้นแดนระหว่างสาวน้อยที่สดใสและร่าเริงที่สุดในโลกคนหนึ่งกับหญิงสาวที่มีรัศมีแห่งความเย็นยะเยือกที่สุดคนหนึ่งเช่นกัน
หญิงสาวพูดต่อ "งั้นหรอ... ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้ว เพราะชั้นก็รู้เรื่องก็เธอเยอะเหมือนกันคุณน้องรุ้งรวี ไพลิน" เธอพูดชื่อจริงของกุ๊งกิ๊งเพื่อแสดงให้เห็นถึงข้อมูลที่รู้ลึกรู้จริงภายในหัวของเธอ "ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวนะ... สมาชิกทุกๆคนเลยด้วย พวกเธอทุกๆคนไล่ตั้งแต่รัน ซาโกะ ไข่มุกแล้วก็เซี๊ยะที่ไม่อยู่ในตอนนี้เลยด้วย เอาล่ะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทต่อตัวชั้นเอง เธอควรที่จะเชิญรุ่นพี่อย่างชั้นเข้าห้องไปได้แล้วนะ"
ธาราเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพรางปรากฏร้อยยิ้มอันมีเลศนัยปนเปื้อนบนใบหน้า เธอเอียงศีรษะพร้อมกับหรี่ตามองเข้าไปภายในดวงตาสีฟ้าเทาของกุ๊งกิ๊ง เมื่อนั้นเองสาวผมบลอนด์จึงรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวและไม่ธรรมดาของผู้หญิงคนนี้ เธอเลื่อนตัวหลบเพื่อหลีกทางให้กับรุ่นพี่สาวผมยาว ...เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในห้อง บรรยากาศจากที่กำลังจอกแจกจอแจก็เงียบลงโดยพลัน ไข่มุกที่เคยเห็นหน้าคร่าตากับผู้หญิงคนนี้ที่ร้านกาแฟเมื่อนึกขึ้นได้จึงเอ่ยปากทักขึ้นมาว่า "อ่าว... รุ่นพี่ธารานี่เอง"
"ไง... สวัสดี ร้านที่แนะนำให้วันนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ" ระหว่างที่กำลังเดินนวยนาดชื่นชมบรรยากาศภายในห้องชมรมที่ถูกรีโนเวตขึ้นมาใหม่อย่างกรายๆ ธาราก็เอ่ยปากทักทายคนที่เคยพบกันที่สกายคาเฟ่อย่างไข่มุก ถึงคำพูดจะฟังดูเป็นกันเองแต่ไข่มุกก็สัมผัสได้จากทั้งท่าทาง กริยาและน้ำเสียงว่า...วันนี้เค้ามิได้มาอย่างเป็นมิตรเหมือนกับวันนั้น
รุ่นพี่สาวเดินไปที่ริมสุดของห้องรับรองก่อนที่จะหยิบกรอบรูปแตกๆอันหนึ่งซึ่งวางไว้อยู่บนชั้นวางของขึ้นมาตั้งพิงไว้กับผนัง เธอมองดูมันอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนที่จะผละไปชื่นชมบานหน้าต่างของห้องต่อ ระหว่างนั้นเอง...รันที่ไม่เคยพบหรือเห็นหน้าของหญิงสาวคนนี้มาก่อนจึงกระซิบถามกับไข่มุกไปว่า "นี่ๆ ผู้หญิงคนนี้คือใครงั้นหรอ" ก่อนที่จะสาวตาหวานจะตอบกลับไป
อยู่ดีๆบรรยากาศก็อึดอัด ตึงๆหน่วงๆอย่างไม่ทราบสาเหตุ ท่าทางกริยาของธารานั้น ราวกับว่าเธอไม่ใช่คนนอก ทุกย่างก้าว ทุกอริยาบถ ทุกสายตาที่ชายมองไปยังจุดต่างๆของห้องมันบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเธอคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ราวกับว่ามันเป็นบ้านหลังที่สองของเธอยังไงอย่างงั้น กุ๊งกิ๊งที่เห็นอย่างนั้นจึงนึกสิ่งที่เซี๊ยะเคยเล่าให้ฟังขึ้นได้ ว่า..."พี่ธาราเคยเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งชมรมโรงเรียนไอด้อลใช่มั้ยคะ" น้ำเสียงของเธอราบเรียบ มิได้สดใสแบบปกติ ซึ่งคงจะเป็นเพราะความรู้สึกอึดอัดอันน่าแปลกที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวผู้เย็นยะเยือกคนนี้
"อะ-อ๋อ ! ใช่แล้วๆ ชั้นเองๆ ผู้ก่อตั้งชมรมนี้ อื้มเธอหัวไวดีนิ" หญิงสาวผละขึ้นมาตอบรับระหว่างที่กำลังก้มมองดูอุปกรณ์เครื่องเสียงที่สภาพไม่ค่อยต่างจากตอนที่เธอยังอยู่ในชมรมมากนัก เพียงแต่ว่ามีฝุ่นเขรอะขึ้นมาก
"แล้ว ที่มาวันนี้มีธุระอะไรหรอคะ..." สาวผมบลอนด์ถามไปอย่างตรงๆเนื่องจากเธอก็ไม่ค่อยสบอารมณ์นักที่เหมือนมีใครบางคนเข้ามาทำเหมือนกับว่าของทุกๆอย่างภายในห้องเป็นของตัวเองยังไงอย่างงั้น ...จริงอยู่ที่ในอดีตมันอาจจะเคยเป็นของๆธาราก็จริง แต่ ณ เวลานี้มันไม่ใช่ของๆเธออีกต่อไปแล้ว คนที่กลับมาเริ่มต้นกิจกรรมชมรมนี้ขึ้นอีกครั้งก็คือตัวเธอและเพื่อนๆของเธอ มิได้เป็นของๆธาราเพียงคนเดียวอีกต่อไป
"...มาสมัคร...เป็นสมาชิกชมรมยังไงล่ะ" หญิงสาวตอบกลับไป
"งั้นหรอคะ งั้นก็ช่วยกรอกใบสมัครและนำไปให้สภานักเรียนเซ็นรับรองด้วยค่ะ"
"ทำเรียบร้อยแล้ว นี่ไง..." ระหว่างที่สนทนากัน ธารามิได้มองหน้าคู่สนทนาอยู่เลยแม้แต่น้อย เธอเอาแต่ตรวจสอบสิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆที่เคยอยู่ภายในห้องๆนี้มาก่อนและทันใดนั้นเองเธอก็เหลือบไปเห็นลิ้นชักเก็บของที่คุ้นตาตัวหนึ่งตรงมุมห้อง เธอเปิดลิ้นชักออกพร้อมกับหยิบแผ่นกระดาษเอสี่แผ่นหนึ่งออกมา ซึ่งนั่นก็คือเอกสารสมัครเข้าชมรมของเธอเมื่อประมาณสองปีที่แล้วนั่นเอง...
"เอกสารนี้เป็นเอกสารเก่าแล้วนะคะ--"
"--แต่ก็ไม่มีเอกสารแผ่นไหนบอกว่าชั้นลาออกจากชมรมแล้วเหมือนกันหนิ..."
ทันทีที่กุ๊งกิ๊งพูดขึ้น หญิงสาวก็สวนกลับทันควันทันที เมื่อได้ยินดังนั้นสาวน้อยที่ร่าเริงตลอดเวลาก็ยังมิสามารถโต้ตอบกลับไปได้ เธอยืนนิ่ง ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง ไร้รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มมากด้วยเลศนัย
"เอาล่ะ... แค่นี้พวกเธอก็น่าจะพอเข้าใจแล้วล่ะนะว่าที่มาที่ไปมันเป็นยังไง ชั้นได้ดูการแสดงของพวกเธอทั้งหมดแล้ว รู้สึกว่ายังต้องมีการปรับจูนแก้ไขกันอีกเยอะ ทั้งในเรื่องการฝึกซ้อม การแสดง ตลอดจนไปถึงเรื่องของการวางคาแร็คเตอร์ ...ไม่ใช่ว่าพวกเธอเต้นแย่หรือร้องเพลงห่วยกันหรอกนะ แค่ยังรู้สึกว่ามันยังเชยๆ แล้วก็ไม่ค่อยโดดเด่นก็เท่านั้นเองน่ะ หึ หึ..." เธอพูดไปพลาง หัวเราะไปพลาง และเช่นเดิม ไม่ได้สบตามองคู่สนทนาระหว่างพูด
"ในฐานะรุ่นพี่ชมรม ชั้นจะคอยเป็นที่พึ่งและช่วยเหลือพวกเธอเอง... ชั้นจะพาชมรมๆนี้กลับมาสู่แสงสว่างอีกครั้ง เข้าใจมั้ย... เอาล่ะ ที่อยากจะมาพูดก็มีเท่านี้อะนะ... บ๊ายบาย แล้วเจอกันใหม่... อย่าลืมล่ะ...ว่าพวกเธอยังต้องฝึกอีกเยอะ"
...
สิ้นเสียงของธารา หญิงสาวได้สยายผมไปทางขวาเพื่อเป็นการทิ้งท้าย พร้อมกับก้าวเท้าเดินออกจากประตูบานนั้นไป...
...
"ต้องมั่นหน้าเบอร์ไหนกันนะ... ผู้หญิงคนนั้นน่ะ..." ไข่มุกพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ หลังจากที่ธาราได้เดินจากไปไกลแล้ว
...
เย็นวันนั้น...ที่ห้องเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 2
ประธานนักเรียนหนุ่มหรือตะวันกำลังอยู่กับมือขวาสภานักเรียนหรือมิว ณ จุดเกิดเหตุ การตบตีกันระหว่างเซี๊ยะกับนักเรียนหญิงร่วมห้องประมาณสามคน สาวตัวเตี้ยเพียงแค่ไหล่ของชายหนุ่มซึ่งก็ไม่ได้มีส่วนสูงมากนักพูดขึ้นมาว่า "ภาพจากกล้องวงจรปิดบอกไว้ชัดเจนค่ะ ว่ามยุรฉัตรหรือว่าเซี๊ยะ... เป็นคนเริ่มทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมชั้นก่อน ...จากรายงานเพิ่มเติม พบว่าคนที่โดนตบไปคนแรกถึงกับมีอาการมึนงงไปขณะหนึ่งเพราะน้ำในหูไม่เท่ากันแล้วก็ยังมีรอยฟกช้ำปรากฏบนใบหน้าชัดเจนอีกด้วยค่ะ" หญิงสาวอธิบายรายละเอียดของสถานการณ์อย่างคร่าวๆโดยที่กำลังยืนอ่านอีเมลรายงานที่ส่งมาจากโรงพยาบาล ตะวันที่กำลังรับฟังอยู่เดินวนรอบที่เกิดเหตุไปมา เบลเซอร์สีน้ำเงินเข้มประจำตำแหน่งประธานนักเรียนของเค้าสัมผัสไปโดนโต๊ะนักเรียนแต่ละตัวที่เค้าเดินผ่านไปมา
"ส่วนนักเรียนหญิงอีกสองคนที่เหลือ มีคนนึงบาดเจ็บที่ลูกตาเนื่องจากโดนเล็บของตัวการข่วนเข้าใส่ คนสุดท้ายดูเหมือนจะอาการหนักสุด เพราะโดนชกเข้าที่แก้มข้างขวา... ทางโรงพยาบาลบอกว่ากรามหัก โชคดีที่ว่าครอบครัวของผู้เสียหายเป็นรัฐวิสาหกิจสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ทั้งหมดจึงไม่เอาเรื่องค่าใช้จ่าย ...แต่ท้ายที่สุดแล้ว ยังไงทางโรงเรียนก็ต้องรับผิดชอบให้ ไม่ทางใดก็ทางนึงอยู่ดี" น้ำเสียงของสาวน้อยค่อนข้างเรียบ แต่ที่ดวงตาปรากฏความไม่สบายใจปนโกรธอยู่ ในขณะที่ประธานนักเรียนตะวันก็ยังคงพินิจพิเคราะห์ไปที่โต๊ะเรียนของเซี๊ยะอยู่ไม่เลิก
สายตาของเค้ายังคงจดจ้อง ขณะเดียวกันปากก็พลันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงบางๆแต่เต็มไปด้วยความจริงจัง "ถ้าหากติดต่อกับทางผู้ใหญ่... แน่นอนว่าสภาครูใหญ่ไม่มีทางเจียดเงินในกระเป๋าของตัวเองมายุ่งกับเรื่องพรรค์นี้แน่ๆ ถ้าเป็นสภานักเรียนรุ่นอื่นก็คงปล่อยให้เป็นไปตามกรรมของคนก่อเหตุ... ทีแรกชั้นเองก็คิดอยู่เนื่องๆแล้วว่านี่มันเป็นปัญหาของเธอคนนั้นเองล้วนๆ แต่เผอิญได้มาเห็นอะไรแบบนี้เนี่ยสิ..." ตะวันชายตามองลงไปที่โต๊ะเรียนของเซี๊ยะ มิวที่ตัวไม่สูงไปกว่าโต๊ะมากนักอาจจะยังไม่ได้สังเกตว่าบนโต๊ะมีรอยขูด รอยกรีด เขียนเป็นตัวอักษรและคำพูดที่ค่อนข้างกระทบจิตใจและหยาบคายอยู่
เธอชะเง้อมองไปบนโต๊ะที่กำลังถูกแสงตะวันยามโพล้เพล้อาบ
'ลูกอีตัว!' 'สมน้ำหน้าอีนางกะหรี่!' 'อีดอกทอง!' 'ไอด้อลจอมปลอม!' 'ไอด้อลสอบตก!' 'ขี้แพ้!' 'อ่อนแอ!' 'สมน้ำหน้า!' 'ไปตายซะ!' 'เธอไม่มีทางเป็นไอด้อลที่ดีได้หรอก!' 'เสียงร้องยังกะควายออกลูก!' 'เต้นแรงๆแบบนั้นน่ะกะจะหาผัวบนเวทีให้ได้หรือยังงัย!' 'แพศยา!' 'บ้าผู้ชาย!' 'นัวผู้ชายมาแล้วหลายคน!' 'ขายตัว!' 'เรียกร้องความสนใจว่ะ!' 'พ่อมึงตาย!' 'ผ่านผู้มากี่คนแล้วล่ะนังผมแดงขายตัว!' 'ไอ้ลูกหมา!' 'ไอ้แมวข้างถนน' 'ขยะ!' 'ชมรมห่วยๆ!' 'แหล่งรวมคนขี้แพ้!' 'ยัยขี้แพ้!' 'เศษสวะ!'
...
ข้อความที่ปรากฏอยู่บนโต๊ะล้วนมีลักษณะบิดๆเบี้ยวๆเพื่อสร้างความรุนแรงเกรี้ยวกราดและกระทบกระเทือนจิตใจคนอ่านมากกว่า
"ทั้งหมดนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอทนไม่ไหวก็ได้นะ ถึงเรื่องทำร้ายร่างกายจะไม่ใช่เรื่องที่สภานักเรียนต้องมารับผิดชอบโดยตรง แต่การกลั่นแกล้งและข่มเหงกันภายในโรงเรียนเนี่ย... ทางเราจะปล่อยผ่านไม่ได้จริงมั้ย" ตะวันพูดขึ้นพลาง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปพลาง แต่ทางด้านของมิวนั้นเหมือนจะยังไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
"ท-ทั้งหมดนี่...! คือสิ่งที่น้องคนนั้นต้องโดนหรอเนี่ย...น่ากลัวจัง" สาวน้อยเอามือขึ้นมากุมปากตัวเองด้วยความสั่นเทา เห็นได้จากชายเบลเซอร์สีครีมที่กำลังไหวไปมาของเธอ
"ตามประวัติเคยมีลงบันทึกไว้หนิว่าน้องคนนั้นชอบทำพฤติกรรมที่เป็นการรบกวนชาวบ้านเค้าอยู่บ่อยๆน่ะ ...ถึงนั่นจะไม่ใช่ความผิดร้ายแรงจนถึงขั้นผิดกฎโรงเรียนอะไร แต่ทำแบบนั้นก็อาจจะทำให้คนไม่ชอบขี้หน้าได้ไม่น้อยเลยนะ ...เป็นไปได้ว่า--"
"--เป็นคนขี้แกล้งแล้วก็ชอบกวนประสาทคนอื่น จะต้องโดนถึงขนาดนี้เลยงั้นหรอคะ"
"ตามประวัติก็ไม่ได้ลงบันทึกว่าพฤติกรรมของเธอร้ายแรงถึงขนาดไหนด้วยนี่สิ..."
เมื่อพูดจบประธานตะวันก็หันหลังไปที่ทางเข้าห้อง ก่อนที่จะเดินเอามือไขว้หลังออกจากห้องเรียนไป "เอาเป็นว่าผมจะตามสืบเรื่องนี้ดูให้ก็แล้วกัน พอดีมีพวกพ้องและคนรู้จักอยู่ชมรมสืบสวนประจำโรงเรียนอยู่ด้วย ...ส่วนค่าใช้จ่ายน่ะ เงินกองกลางของสภานักเรียนเหลืออยู่อีกเป็นกระตั๊ก ...ตอนนี้สถานการณ์ภายในชมรมโรงเรียนไอด้อลคงกำลังมีความสั่นคลอน ผมว่าคุณควรไปดูแลพวกเค้านะ เรื่องของงานสภานักเรียนน่ะ ผมว่าผมจัดการคนเดียวไหว มันเป็นที่ที่คุณสร้างขึ้นมากับมือเองไม่ใช่หรอ...ชมรมนั้นน่ะ"
หญิงสาวมิได้กล่าวคำอะไรต่อ เธอเพียงแต่ยืนชายตามองแผ่นหลังของชายหนุ่มคนนั้นที่กำลังเดินออกจากห้องไป ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามันเป็นเส้นตรง มองในแนวราบเมื่อเทียบกับขอบระเบียง ตะวันกำลังเดินไกลออกไปไกลออกไป
...
...
...
ที่หอพักของกุ๊งกิ๊ง
มุมขวาบนบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของสาวน้อยผมบลอนด์โชว์เวลา 1.15 น. ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่ดึกมากแล้วสำหรับเด็กนักเรียนม.ปลายที่จะต้องตื่นไปโรงเรียนให้ทันแปดโมงเช้าของวันพรุ่งนี้ ...ทว่าห้องของเธอยังคงสว่างจ้าและน่าจะเป็นห้องๆเดียวบนหอพักๆนี้ที่ยังคงมีแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากระเบียง
กุ๊งกิ๊งในชุดนอนแขนยาวสีชมพูอ่อนยังคงเกลือกกลิ้งพลิกตัวไปมาอยู่บนที่นอน มือทั้งสองข้างชูโทรศัพท์อยู่เหนือใบหน้า สายตาของเธอไล่อ่านข้อความย้อนหลังในไลน์กลุ่มชมรมโรงเรียนไอด้อลของเธอ ...แน่นอนว่าทุกคนต่างไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเซี๊ยะ ไม่ว่าจะเป็นซาโกะ ไข่มุกหรือรันต่างก็อยู่สภาพที่ร้อนรนไม่ต่างจากเธอ
หญิงสาวใช้นิ้วมือปัดหน้าจอเพื่อเลื่อนข้อความขึ้นไปด้านบน เมื่อช่วงค่ำของวันนี้ตัวเธอพยายามที่จะเปิดประเด็นคุยด้วยข้อความที่ชวนหัวเสียกับเซี๊ยะเหมือนทุกที จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะคลายบรรยากาศความตึงเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
18.50
"เฮ้ เฮ้ เฮ้... ใครกันนะที่ไปดวลตบกับนักเรียนหญิงห้องสองน่ะ แน่ะแน่ะ! อย่าให้รู้นะ! ไอด้อลน่ะห้ามมีเรื่องตบตีรู้มั้ย ข่าวฉาวหน้าหนึ่งเลยนะ อิอิ!"
"@xiabeetroot(เซี๊ยะ)"
"สติ๊กเกอร์รูปวอลลัสทำหน้าตาทะเล้น"
RunKarinRun(รัน) "เซี๊ยะ... ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็คุยกับพวกเราได้นะ นี่เธอไปเจออะไรมากันแน่หรอ..."
RunKarinRun(รัน) "@xiabeetroot"
KaimookTsunTsun(ไข่มุก) "-_____- เห้ออะไรกันเนี่ย..."
さこちゃん(ซาโกะ-จัง) "Fighto Dayo!"
'อ่านแล้ว 5 คน'
...ทว่าก็ไม่มีข้อความตอบรับจากเซี๊ยะ หญิงสาวได้แต่กางมือขึ้นมากุมศีรษะพร้อมกับเกาแกรกๆด้วยความกังวล ...ระหว่างนั้นเองที่โต๊ะเครื่องแป้งตัวข้างๆ จีจี้ก็กำลังนั่งอ่านคอลัมน์ดูดวงประจำราศีในอินเตอร์เน็ตอยู่ ซึ่งสาเหตุที่เธอยอมนอนดึกเป็นเพื่อนกุ๊งกิ๊งช่วงนี้ก็เพราะตั้งแต่ขึ้นปีใหม่มาเธอก็หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องนี้สุดๆ จนแทบไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว
"ราศีพิจิกในปี 2026 นี้ โชคชะตาจะนำพาคนรักในอดีตให้กลับมาพบกัน... บ-บ้าแล้ว! คนรักอะไรกันที่ไหน ชั้นไม่เคยมีแฟนซะหน่อย คอลัมน์ของเว็ปนี้จะเชื่อถือได้มั้ยเนี่ย ! ? เอ๊ะ..."
"ฮะ-ฮาววว-ง่าวว-- แจ็บแจ็บแจ็บ..."
สาวสวยผมดำที่ตอนนี้ปล่อยผมยาวลงมาจนถึงระดับเอวหันไปมองเพื่อนสาวรูมเมทของเธอที่ตอนนี้กำลังง่วงเงาหาวนอน แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงฝืนเล่นโทรศัพท์อยู่ไม่เลิก จีจี้เมื่อเห็นดังนั้นจึงพลันทักกุ๊งกิ๊งไปว่า "นี่กุ๊งกิ๊ง ? ถ้าง่วงน่ะก็นอนก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวชั้นปิดไฟให้ จริงๆเธอไม่ต้องทนอยู่ดึกเป็นเพื่อนชั้นก็ได้เพราะช่วงปีใหม่แบบนี้ชั้นจะนอนค่อนข้างดึกน่ะ" หญิงสาวพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง ทันใดนั้นเองสาวผมบลอนด์ก็ตอบกลับมาว่า
"อ๋อๆ ไม่เป็นไรหรอก จริงๆชั้นก็ไม่ได้กะฝืนอยู่ดึกอะไรหรอกนะ ...ว่าแต่จีจี้ช่วงนี้ทำไมถึงอยู่ดึกเป็นพิเศษหรอ ?"
สาวผมดำนิ่งฉงนไปชั่วขณะ ก่อนที่จะบอกตามที่ตัวเองคิดกลับไปตรงๆว่า
"อ๋อ... ก็เพราะว่าช่วงเข้าสู่ศักราชใหม่แบบนี้ ดวงดาวในราศีต่างๆจะเกิดการปรับสมดุลใหม่ยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นชั้นจะต้องเช็คเรื่องดวงชะตาให้มากๆ ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นกับตัวเองได้ การดำเนินชีวิตในแต่ละวันจะต้องผันผวนอยู่ตลอดเวลา ไม่มีรูปแบบที่แน่นอน ไม่ตายตัว ไม่เหมือนสายน้ำ... ช่วงเดือนมกราถึงกุมภาเนี่ยเรียกได้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเลยนะ ถ้าสมมุติปฏิบัติตัวได้ไม่ถูกหลักก็อาจจะทำให้ดวงตกแล้วก็โชคร้ายไปทั้งปีเลยก็ได้ ...ช่วงเวลาแบบนี้น่ะ เค้าเรียกว่าดวงชะตาแบบไดนามิค ทุกๆอย่างมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง... ประมาทไม่ได้"
"เฮ๋ ?? มีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วยหรอเนี่ย ไม่เห็นเคยได้ยินเลย...ห-หาววว"
...
"ว่าแต่กุ๊งกิ๊งเถอะ... มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรอ เดี๋ยวชั้นช่วยดูดวงให้ได้นะ"
เมื่อได้ยินดังนั้นสาวในชุดนอนสีชมพูจึงรีบปฏิเสธขึ้นทันควัน เธอส่ายหน้าพร้อมกับแบมือออกมา คงจะเป็นเพราะว่าเธอไม่ใช่คนที่ถูกโรคอะไรกับไสยศาสตร์แบบนี้ ยังไงเสีย กุ๊งกิ๊งก็ไม่อยากจะพูดเรื่องส่วนตัวในชมรมให้รูมเมทของเธอต้องมาแบกรับอีกเปล่าๆ เธอตัดสินใจตอบกลับไปว่า
"ม--ไม่เป็นไรหรอกน่าา พอดีว่าชมรมมีแผนจะจัดอีเว้นท์ขึ้นมาอีกน่ะ ช่วงนี้ก็เลยป่วนๆยุ่งๆหน่อย"
"เอ๋... จัดอีเว้นท์ถี่จังเลยนะชมรมไอด้อลเนี่ย น่าสนใจเหมือนกันนะ" ทว่าคำโกหกของกุ๊งกิ๊งกลับเป็นตัวจุดชนวนความสนใจของจีจี้ให้มากขึ้น
"ถ้ามีอะไรอยากให้ชมรมวอลเล่ย์บอลช่วยล่ะก็... บอกชั้นได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ เพราะหลังจากที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นในงานโรงเรียนที่ผ่านๆมาก็ทำให้ชั้นมีปากมีเสียงในชมรมมากขึ้นระดับนึงแล้วล่ะ แหะๆๆ อวดๆ"
กุ๊งกิ๊งยิ้มรับให้กับความมีน้ำใจของเพื่อนสาว หากแต่ ณ ตอนนี้ยังมิใช่เวลาที่เธอควรยื่นมือไปขอความช่วยเหลือจากใครหญิงสาวตัดสินใจปฏิเสธกลับไปแบบถนอมน้ำใจอีกครั้ง พร้อมกับพูดตัดบทพลางทำเป็นง่วงนอน
"ห--หาวว... ชั้นว่า คืนนี้เรานอนกันดีกว่านะ ชักจะเริ่มง่วงแล้วสิ ...จีจี้ก็ควรจะนอนได้แล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นไปโรงเรียนสายหรอก"
"อื้อออ... คือว่าจะขออ่านคอลัมน์ดวงชะตาของราศีอื่นก่อนละกัน แต่เดี๋ยวชั้นปิดไฟให้"
แกรก...
สวิตช์ไฟถูกปัดลง แสงสว่างภายในห้องเหลือเพียงจากหลอดไฟสีเหลืองนวลบนโต๊ะเครื่องแป้งของจีจี้ กุ๊งกิ๊งวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนที่จะคว้าผ้าห่มสีขาวมาคลุมโป่งและสลบหลับใหลไปอย่างรวดเร็ว สาวผมดำที่นั่งมองอยู่ห่างๆจึงได้แต่แอบหัวเราะคิกคิกขึ้นมา พลันนึกในใจขึ้นมาว่า 'เธอนี่ขี้เสาเหมือนคนที่ชั้นเคยรู้จักเลยนะ'
และราตรีแห่งศักราชใหม่ก็ผ่านพ้นไป...
ทว่าก่อนหน้านั้นมันยังคงทิ้งเสียงๆหนึ่งที่สั่นอยู่ข้างๆหัวเตียงของกุ๊งกิ๊งเอาไว้
...
...
...
...
ตื้ด ตื้ด ตื้ด... (หน้าจอโทรศัพท์ของกุ๊งกิ๊งสว่างขึ้นพร้อมกับมีข้อความในหน้าต่างสีเขียวๆปรากฏขึ้นมา)
3.09น.
TARA(ธารา) "พรุ่งนี้นัดเจอกันที่ห้องชมรมตอน 6 โมงเย็นนะ แล้วก็กรุณาชวนชั้นเข้าไลน์กลุ่มด้วย... รู้นะว่ามีน่ะ แล้วอย่าแอบนินทากันลับหลังด้วย..."
...
...
...
...
18.00 น. ของวันต่อมา
ท่ามกลางบรรยากาศมัวหมองแทนที่จะเป็นวันที่อากาศสดใส มีแสงสว่างและประกายแสงต้อนรับศักราชใหม่ ทว่าก็ตามที่กรมอุตุวิทยาได้ออกมาแถลงไว้ก่อนหน้านี้ ว่าอุณหภูมิจะลดต่ำลงมากขึ้นไปอีกและจะมีฝนตกปอยๆทั้งสัปดาห์ ลมหนาวประจำฤดูประสานกำลังกับลมเย็นๆที่มาพร้อมกับสายฝนซึ่งกำลังพัดผ่านเข้ามาตรงระเบียงทางเดินบนอาคารเรียนกลาง ทำเอาหญิงสาวร่างบางอย่างธารารู้สึกหนาวสั่นเข้าไปจนถึงกระดูกสันหลัง ถึงอย่างไรเสีย เธอก็กำลังยืนรอสมาชิกชมรมโรงเรียนไอด้อลที่เหลืออยู่อีกห้าคนเนื่องจากว่าเธอพึ่งจะส่งข้อความไปนัดกับคนที่ดูเหมือนจะเป็นประธานชมรมอย่างกุ๊งกิ๊ง(แต่จริงๆแล้วไม่ใช่) เมื่อราวๆประมาณตีสามของเมื่อคืนวาน
แน่นอนว่าการส่งข้อความไปทำการนัดหมายในเวลาดึกๆดื่นๆแบบนั้นเป็นอะไรที่เสียมารยาทอย่างมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่รุ่นพี่อย่างเธอไม่ควรจะทำเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะกับรุ่นน้องที่เธอควรจะปฏิบัติตัวให้น่าเคารพ ...แต่โชคยังดีที่กุ๊งกิ๊งเป็นรุ่นน้องที่ให้ความเคารพต่อรุ่นพี่ และมีมารยาท...แม้แต่กับคนที่ไม่น่ามีมารยาทด้วยก็ตาม สาวน้อยได้ตอบรับข้อความของธาราและยังเชิญเข้าไลน์กลุ่มของชมรมตามคำขอ(แกมคำสั่ง)
สาวผมดำหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนดูข้อความในห้องแชทของกลุ่มชมรม
12.20น.
TARA เข้าร่วมกลุ่มแล้ว
"สวัสดี... ชั้นชื่อว่าธารา หรือจะเรียกชั้นว่าพี่น้ำก็ได้... ถึงจะไม่ค่อยมีคนเรียกชั้นอย่างนั้นก็เถอะ"
"ชั้นจะเข้ามาอยู่ในฐานะที่ปรึกษาของชมรมๆนี้ พวกเธอคนไหนต้องการคำแนะนำหรือมีข้อสงสัยตรงไหนก็ถามชั้นได้"
"เย็นนี้เราจะมีนัดพบปะกันในเวลาหกโมงเย็นเข้าใจมั้ย ชั้นมีอะไรจะนัดแนะเพิ่มเติมกับพวกเธอซักหน่อยน่ะ
อ่านแล้ว 4 คน
12.30น.
"เห็นมีอ่านกันแล้วสี่คน แต่ไม่มีใครซักคนคิดจะขานรับหน่อยเลยหรอ"
KaimookTsunTsun "=_____= คร่าๆ อ่านแล้ว... แต่นี่มันเวลาเรียนอยู่มั้ย ทำแลปอยู่ เครียดอยู่นะ"
คาโอริ(กุ๊งกิ๊ง) "ส่ง GIF รูปวอลลัสทำหน้าตาเหวอๆ"
หญิงสาวพับเคสโทรศัพท์ก่อนที่จะเก็บลงกระเป๋า สีหน้าของเธอปรากฏแววตาที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่ทันใดนั้นเอง ผมสีทองอร่ามผูกแบบหางม้ายาวที่เธอคุ้นเคยก็พลันปรากฏอยู่ต่อหน้าเธอ ธารามองหญิงร่างสูงหน้าตาลูกครึ่งหรือโรสกำลังยืนหันหน้าไปยังห้องชมรมโรงเรียนไอด้อล ใบหน้าของโรสมิใช่ใบหน้าเรียบเฉยธรรมดาหรือใบหน้าที่ดูเย่อหยิ่งแผ่รัศมีสูงศักดิ์ตามปกติ...หากแต่เป็นใบหน้าของคนที่กำลังโมโหโกรธา อารมณ์ร้อนลุ่มกว่าเธอหลายสิบเท่า
...เสี้ยววินั้นเอง โรสได้ใช้ฝ่าเท้าที่อยู่ในรองเท้าราคาแพงกระแทกบานประตูจนทะลุเข้าไปอีกด้านของมัน เธอค่อยๆดึงฝ่าเท้าของเธอออกมาพร้อมกับเศษซากที่เกิดจากรูบนประตูไม้เก่าๆที่เธอพึ่งสร้างมันขึ้น บานของประตูแกว่งโยก ธารามองสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าด้วยอาการช็อคตาค้าง เธอจินตนาการถึงตัวเองว่า ถ้าเป็นตัวเธอที่โดนฝ่าเท้าเรียวยาวแต่แข็งแกร่งในขณะเดียวกันพุ่งกระแทกเข้าใส่จะเป็นยังไง ...กระดูก เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อของเธอคงจะแกว่งโยกและฉีกขาดอย่างง่ายดายไม่ต่างอะไรไปจากประตูบานนั้น
เท่านั้นยังไม่พอ สาวผมทองยังใช้มือข้างหนึ่งกระชากประตูบานนั้นออก จนจากที่มันแค่แกว่งโยก ตอนนี้ได้ปลิวออกไปนอกระเบียงเรียบร้อยแล้ว
ร่างของเธอหายลับจากสายตาของธาราไป สาวผมดำเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามเข้าไปในความมืดภายในห้อง ...ก่อนที่เธอจะพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด
ปักกก!
"นี่เธออยากจะหาเรื่องกับชั้นนักใช่มั้ย ! ? ต้องการอะไรกับชั้นกันแน่ ! อยากที่จะเยาะเย้ยชั้นงั้นหรอ ! หน็อยย !"
"แอ้กกก แอ้กกก แอ้กกก !"
ภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าของธาราคือร่างที่สูงใหญ่กว่าของสาวผมทองกำลังใช้มือบีบคอเซี๊ยะ ร่างของสาวน้อยผมแดงถูกดันติดกำแพงและกำลังลอยอยู่เหนือพื้น
รองเท้านักเรียนหญิงสีดำหลุดออกจากฝ่าเท้า ขาอันเรียวเล็กสีขาวอมชมพูอ่อนทั้งสองกวัดแกว่งดิ้นรนอย่างไร้ทางสู้
นักเรียนสาวอายุน้อยกว่าพยายามใช้มือแกะข้อมือที่กำลังบีบคอของเธออยู่ แต่ไม่ว่าทำอย่างไรก็แกะไม่ออก เสียงร้องแบบคนลิ้นจุกปากกำลังขอให้ช่วย
ดวงตาสีอำพันของเธอหันเหล่มาหาธาราที่กำลังยืนตัวสั่นเทาอยู่หน้าห้องซึ่งอาการบ่งบอกชัดเจนว่า รุ่นพี่อีกคนที่เป็นเหมือนความช่วยเหลือสุดท้ายและหนึ่งเดียวของเธอในตอนนี้ก็กำลังทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
ระหว่างที่ภาพตรงหน้ากำลังเลือนลางกลายเป็นสีขาวโพลนแบบเดียวกับหิมะที่ล่องลอยไปตามอากาศเช่นเดียวกับสติสัมปชัญญะของเธอ ...เสียงแว่วก้องอันสั่นเครือจากใครบางคนก็เล็ดลอดเข้ามาในโสดของสาวน้อย ณ เสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่ความหวังทั้งมวลจะมอดดับลง
"ย--หยุดเดี๋ยวนี้นะ !"
...
|
|