Post by wildrose on Oct 7, 2019 15:28:42 GMT
Turn 15
ขวัญ : เสียงฝีเท้าเมื่อกี้นี้เหมือนกับเสียงฝีเท้าของมนุษย์เลยนะคะ บางทีอาจจะมีใครบางคนหรอกซ่อนตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ก็ได้ค่ะ เขาอาจจะเป็นนักท่องเที่ยวที่ยังเหลืออยู่ ฉันขอไปดูหน่อยก็แล้วกันนะคะ
ขวัญพูดขึ้นมาด้วยท่าทางที่ดูรีบร้อนดูเหมือนว่าเธอนั้นจะร้อนใจมากเมื่อรู้ว่ามีคนอื่นที่ยังเหลืออยู่ในเมืองนี้นอกจากกลุ่มของพวกเธอ
นานะ : ฉันเห็นด้วยค่ะแต่ว่าเรามีคนเจ็บนะ ฉันจะคอยดูคนเจ็บอยู่ที่นี่ก็แล้วกันนะคะ (ภาษาอังกฤษ)
ป้อม : เดี๋ยวก่อนสิครับคุณขวัญ ไปคนเดียวอันตรายนะครับ รอเดี๋ยวก่อน …..
แต่ว่ายังไม่ทันที่ป้อมจะได้ห้ามเธอขวัญก็วิ่งออกไปทางต้นเสียงอย่างสุดฝีเท้าเสียแล้ว การกระทำที่บู่มบามของเธอทำให้ทุกคนในกลุ่มรู้สึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย
พัสสร : ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงตอนเช้า คงจะไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงลองปล่อยให้เธอไปดูเถอะตอนนี้เรามีคนเจ็บอยู่ตรงหน้า 2 คนและพวกเขาก็ต้องการการรักษา
ป้อม : นั่นสินะครับ ถ้าอย่างนั้นผมว่าเราควรจะเข้าไปดูที่ห้องจ่ายยากันก่อนดีกว่า ที่นั่นเป็นที่ๆพวกเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เขาจะรวมเวชภัณฑ์ทุกอย่างเอาไว้แน่นอน
พัสสร : ตกลงค่ะ คุณนานะ ฝากดูแลสองคนนี้ด้วยนะคะ
นานะ : ได้เลยค่ะ
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นทุกคนก็แยกกันออกเป็น 3 กลุ่ม ขวัญวิ่งออกไปทางต้นเสียงที่เธอได้ยินตอนที่เข้ามาในโรงพยาบาล ป้อมและพัสสรตรงไปที่ห้องจ่ายยาเพื่อที่จะไปหาเวชภัณฑ์มาเพื่อรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่นานะกำลังดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสองคน
ภายในห้องจ่ายยา
ป้อม : มีแต่ของเก่าทั้งนั้นเลยครับฝุ่นจับเต็มไปหมดเลย มันจะยังใช้งานได้อยู่ไหมครับเนี่ย
พัสสร : สารเคมีบางตัวก็มีอายุยืนยาวมากเลยนะคะ อย่างเช่นพวกแอลกอฮอล์ล้างแผล ถ้าเกิดว่าพวกมันยังไม่สูญเสียความเข้มข้นไปก็ยังใช้งานได้อยู่นะคะ แต่ว่าถ้าเป็นตัวอย่างอื่นฉันเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน
ป้อมและพัสสรกำลังทำการตรวจค้นภายในห้องจ่ายยาเพื่อที่จะหาเวชภัณฑ์ที่ยังใช้งานได้แต่แล้วพัสสรก็ไปสะดุดตาเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่มีความผิดปกติ
เธอสังเกตเห็นตัวยาบางอย่างซึ่งวันที่ผลิตซึ่งถูกระบุเอาไว้บนขวดมันเพิ่งจะถูกผลิตขึ้นมาเมื่อประมาณ 1-2 ปีที่แล้ว ในขณะที่ Moonlight City ถูกระบุว่ามันกลายเป็นเมืองร้างเนื่องจากว่าประชากรอพยพออกไปจากเมืองนี้จนหมดตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน
พัสสร : นี่มันหมายความว่ายังไงกัน หมายความว่ายังมีคนอยู่ภายในเมืองนี้อย่างนั้นสินะและพวกเขาก็ยังมาใช้โรงพยาบาลแห่งนี้ทำอะไรบางอย่าง
เธอคิดขึ้นในขณะที่มองไปรอบๆห้องจ่ายยาซึ่งบางส่วนนั้นยังอยู่ในสภาพที่ดีไม่มีสิ่งที่ชำรุดทรุดโทรมหักพังลงมาบนพื้นเหมือนกับสถานีตำรวจที่พวกเธอนั้นไปพักมาก่อนเมื่อคืนนี้ อีกทั้งยาบนชั้นยังมียาบางตัวที่ยังไม่หมดอายุเลยด้วยซ้ำ
พัสสร : คุณป้อมคะ ช่วยมาดูตรงนี้หน่อยสิคะ
ป้อม : มีอะไรอย่างนั้นเหรอครับ
เธอเรียกให้ป้อมเข้ามาดูอะไรบางอย่างในขณะที่ป้อมก็เดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางที่ดูสงสัยภายในมือของเขานั้นมีขวดยาฆ่าเชื้ออยู่ 2 ขวดซึ่งมันหมดอายุไปแล้ว
ป้อม : ตู้เก็บเอกสาร ? หรอครับเนี่ย ?
พัสสร : ใช่แล้วค่ะ คุณพอจะเปิดมันออกได้ไหมคะ สภาพของมันเก่ามากแล้วถึงมันจะล็อคอยู่แต่ว่าตัววัสดุด้านนอกคงจะผุหมดแล้วล่ะ
พัสสรพยายามขอร้องให้ป้อมช่วยเปิดตู้เก็บเอกสารของห้องจ่ายยาให้กับเธอมันเป็นตู้โลหะที่อยู่ในสภาพย่ำแย่มีสนิมเกาะเต็มไปหมดและดูผุพังจนแทบจะไม่เหลือความทนทานอะไรอีกแล้ว
ป้อม : เดี๋ยวขอลองดูหน่อยนะครับ ฮึบบบบ
ป้อมใช้กำลังแขนของเขาดึงส่วนที่เป็นสนิมของตู้เหล็กที่ใช้เก็บเอกสารและมันได้ผลสนิมนั้นเขียนลงไปในเนื้อเหล็กจนมันกรอบไปหมดแล้ว มันจึงถูกดึงออกมาได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก
(ได้รับเอกสารจากห้องจ่ายยา 2 ฉบับ)
ป้อม : จะเอาเอกสารพวกนั้นไปทำอะไรเหรอครับ ?
พัสสร : มีเรื่องที่ฉันรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยค่ะ อ้อ แล้วก็ยาฆ่าเชื้อ 2 ขวดที่อยู่ในมือของคุณก่อนหน้านี้มันหมดอายุไปแล้วนะคะ มันคงใช้อะไรไม่ได้อีกแล้วล่ะเอายาพวกนี้ไปจะดีกว่านะคะมันยังพอใช้งานได้อยู่ พัสสรส่งขวดยาที่ยังไม่หมดอายุซึ่งเธอเจอปะปนอยู่ภายในตู้บนชั้นให้กับป้อมซึ่งมันคือสิ่งแรกที่เธอรู้สึกสะดุดตาตั้งแต่เข้ามาในห้องจ่ายยาแห่งนี้
ป้อม : ยาพวกนี้ยังดูใหม่อยู่เลยนะครับ แปลกจังเลยนะ ?
ป้อมเก็บยาพวกนั้นลงในกระเป๋าโดยที่เขานั้นก็รู้สึกสงสัยอยู่บ้างเหมือนกันแต่ว่าเขานั้นก็ไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเท่ากับพัสสร
บริเวณบันไดทางขึ้นชั้น 2 ของโรงพยาบาล
ขวัญ : รอก่อนค่ะ มีใครอยู่ตรงนั้นใช่ไหม ฉันไม่ได้ต้องการทำร้ายคุณนะ คุณเป็นนักท่องเที่ยวที่ถูกทิ้งอยู่ที่นี่เหมือนกันใช่ไหม ตอบฉันทีเถอะค่ะ !
ขวัญกำลังวิ่งขึ้นบันไดในขณะที่เธอนั้นพยายามส่งเสียงเรียกเจ้าของฝีเท้าอย่างเป็นมิตร ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะไม่รู้ว่ามันคือเสียงของฝีเท้าอะไรก็ตาม ในที่สุดเธอก็ทำเสียงขึ้นมาจนถึงชั้น 2 ของโรงพยาบาล ที่ชั้น 2 ของโรงพยาบาลแห่งนี้คือห้องผู้ป่วยรวมซึ่งประกอบด้วยเตียงมากมายที่ไม่ได้มีการใช้งานมานานมากแล้วมันอยู่ในสภาพผุพังขาดรุ่งริ่ง แล้วที่บนชั้น 2 นี้ก็ไม่มีวี่แววของมนุษย์สักคนอยู่เลยแม้แต่น้อย
ขวัญ : อะไรกัน ! ไม่เห็นจะมีใครเลยนี่นา ?
เธอเดินขึ้นไปสำรวจชั้น 2 ยังบริเวณด้านหน้าของบันไดซึ่งเป็นทางเดินที่ทอดยาวออกไปและถูกแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆแต่ส่วนมากแล้วบนชั้น 2 นี้จะเป็นห้องพักของผู้ป่วยชายหญิงและห้องผู้ป่วยอาการวิกฤต
กึก !
แต่แล้วในขณะที่เธอนั้นกำลังเดินสำรวจเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอีกครั้งหนึ่งแต่คราวนี้มันดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอและดังขึ้นมาในระยะประชิด เธอพยายามที่จะหันหลังกลับไปมองว่าอะไรจะแน่ที่อยู่ด้านหลังของเธอ แต่ว่าทันใดนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก
แขนที่เล็กเรียวเหมือนกับแขนของผู้หญิง แต่ว่ามีพละกำลังมากกว่าอย่างไม่น่าเชื่อตรงเข้ามาล๊อกบริเวณลำคอของเธอเอาไว้ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของผู้ที่อยู่ด้านหลังเธอนั้นก็ตรงเข้ามาอุดระหว่างปากและจมูกของเธอ ภายในมือนั้นมีผ้าสีขาวซึ่งชุบสารอะไรบางอย่าง
ขวัญพยายามที่จะดิ้นต่อสู้แต่เธอนั้นไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากกำลังแขนที่มากมายของผู้ที่กำลังล็อคคอเธออยู่ได้และเธอก็สูดดมสารที่อยู่ภายในผ้าสีขาวซึ่งกำลังปิดอยู่ที่ปากของเธอเข้าไปหลายต่อหลายครั้ง เธอพยายามที่จะส่งเสียงออกมาให้ดังที่สุดแต่ว่าผ้าที่ถูกปิดอยู่ที่ปากของเธอเป็นตัวกั้นไม่ให้เธอส่งเสียงออกมา และสารที่อยู่ในผ้านั้นก็ทำให้เธอรู้สึกอ่อนแรงและความง่วงอย่างรุนแรงก็เข้ามาจู่โจมเธอ ในที่สุดเธอก็สลบไป
เสียงปริศนา : เด็กผู้หญิง ? ไม่น่าจะใช่คนขององค์กรนี่นา ?? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้นะ ??
เสียงของผู้หญิงที่ฟังดูแล้วน่าจะมีวัยไล่เลี่ยหรือว่าอ่อนกว่าเธอ ดังขึ้นมาในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไป เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครแต่ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นคนที่ลงมือกับเธออย่างแน่นอน ในขณะที่เธอนั้นกำลังจะทรุดตัวลงผู้หญิงคนนี้ก็ได้ใช้มือของเธอเข้ามาประคองร่างของขวัญเอาไว้ไม่ให้ล้มลงกระแทกพื้นจากนั้นสติของขวัญก็ดับหายไป
2 ชั่วโมงผ่านไป
ในขณะนี้เป็นเวลาตอนเที่ยงแล้วป้อมและพัสสรหลังจากที่พวกเขานั้นได้เวชภัณฑ์จากห้องจ่ายยากลับมา พวกเขาก็ลงมือทำการรักษาบาดแผลและฆ่าเชื้อให้กับแผลของสรทันที บาดแผลที่คอของเขานั้นค่อนข้างจะสาหัสและก็ลึก แต่ว่ายังดีที่มันกำลังจะค่อยๆสมานตัวอย่างช้าๆ สร ยังคงจมอยู่ในห้วงนิทรา ในขณะที่สึกคาสะหลังจากที่ได้รับการปฐมพยาบาลแล้ว เขาก็ดูอาการดีขึ้นมากเลยทีเดียว เมื่อได้เห็นเพื่อนร่วมทางมีอาการดีขึ้นทุกคนนั้นก็ดูที่จะโล่งใจมากขึ้นเช่นกัน
(สร HP +1, ตัวละครทุกตัวยกเว้น สร และ ขวัญ BP+2)
พัสสร : ผ่านไปนานมากแล้วนะคะเนี่ยทำไมขวัญถึงยังไม่กลับมาสักที
นานะ : ไม่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายหรือว่าเสียงการต่อสู้ข้างบนเลยนะคะ หรือว่าบางทีเธออาจจะถูกสัตว์ประหลาดโจมตีทั้งๆที่เป็นตอนกลางวัน ? (ภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่น)
ป้อม : บางทีก็อาจจะเป็นไปได้นะครับ เอายังไงดีครับทุกคน ?
ขวัญ : เสียงฝีเท้าเมื่อกี้นี้เหมือนกับเสียงฝีเท้าของมนุษย์เลยนะคะ บางทีอาจจะมีใครบางคนหรอกซ่อนตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ก็ได้ค่ะ เขาอาจจะเป็นนักท่องเที่ยวที่ยังเหลืออยู่ ฉันขอไปดูหน่อยก็แล้วกันนะคะ
ขวัญพูดขึ้นมาด้วยท่าทางที่ดูรีบร้อนดูเหมือนว่าเธอนั้นจะร้อนใจมากเมื่อรู้ว่ามีคนอื่นที่ยังเหลืออยู่ในเมืองนี้นอกจากกลุ่มของพวกเธอ
นานะ : ฉันเห็นด้วยค่ะแต่ว่าเรามีคนเจ็บนะ ฉันจะคอยดูคนเจ็บอยู่ที่นี่ก็แล้วกันนะคะ (ภาษาอังกฤษ)
ป้อม : เดี๋ยวก่อนสิครับคุณขวัญ ไปคนเดียวอันตรายนะครับ รอเดี๋ยวก่อน …..
แต่ว่ายังไม่ทันที่ป้อมจะได้ห้ามเธอขวัญก็วิ่งออกไปทางต้นเสียงอย่างสุดฝีเท้าเสียแล้ว การกระทำที่บู่มบามของเธอทำให้ทุกคนในกลุ่มรู้สึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย
พัสสร : ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงตอนเช้า คงจะไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงลองปล่อยให้เธอไปดูเถอะตอนนี้เรามีคนเจ็บอยู่ตรงหน้า 2 คนและพวกเขาก็ต้องการการรักษา
ป้อม : นั่นสินะครับ ถ้าอย่างนั้นผมว่าเราควรจะเข้าไปดูที่ห้องจ่ายยากันก่อนดีกว่า ที่นั่นเป็นที่ๆพวกเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เขาจะรวมเวชภัณฑ์ทุกอย่างเอาไว้แน่นอน
พัสสร : ตกลงค่ะ คุณนานะ ฝากดูแลสองคนนี้ด้วยนะคะ
นานะ : ได้เลยค่ะ
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นทุกคนก็แยกกันออกเป็น 3 กลุ่ม ขวัญวิ่งออกไปทางต้นเสียงที่เธอได้ยินตอนที่เข้ามาในโรงพยาบาล ป้อมและพัสสรตรงไปที่ห้องจ่ายยาเพื่อที่จะไปหาเวชภัณฑ์มาเพื่อรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่นานะกำลังดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสองคน
ภายในห้องจ่ายยา
ป้อม : มีแต่ของเก่าทั้งนั้นเลยครับฝุ่นจับเต็มไปหมดเลย มันจะยังใช้งานได้อยู่ไหมครับเนี่ย
พัสสร : สารเคมีบางตัวก็มีอายุยืนยาวมากเลยนะคะ อย่างเช่นพวกแอลกอฮอล์ล้างแผล ถ้าเกิดว่าพวกมันยังไม่สูญเสียความเข้มข้นไปก็ยังใช้งานได้อยู่นะคะ แต่ว่าถ้าเป็นตัวอย่างอื่นฉันเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน
ป้อมและพัสสรกำลังทำการตรวจค้นภายในห้องจ่ายยาเพื่อที่จะหาเวชภัณฑ์ที่ยังใช้งานได้แต่แล้วพัสสรก็ไปสะดุดตาเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่มีความผิดปกติ
เธอสังเกตเห็นตัวยาบางอย่างซึ่งวันที่ผลิตซึ่งถูกระบุเอาไว้บนขวดมันเพิ่งจะถูกผลิตขึ้นมาเมื่อประมาณ 1-2 ปีที่แล้ว ในขณะที่ Moonlight City ถูกระบุว่ามันกลายเป็นเมืองร้างเนื่องจากว่าประชากรอพยพออกไปจากเมืองนี้จนหมดตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน
พัสสร : นี่มันหมายความว่ายังไงกัน หมายความว่ายังมีคนอยู่ภายในเมืองนี้อย่างนั้นสินะและพวกเขาก็ยังมาใช้โรงพยาบาลแห่งนี้ทำอะไรบางอย่าง
เธอคิดขึ้นในขณะที่มองไปรอบๆห้องจ่ายยาซึ่งบางส่วนนั้นยังอยู่ในสภาพที่ดีไม่มีสิ่งที่ชำรุดทรุดโทรมหักพังลงมาบนพื้นเหมือนกับสถานีตำรวจที่พวกเธอนั้นไปพักมาก่อนเมื่อคืนนี้ อีกทั้งยาบนชั้นยังมียาบางตัวที่ยังไม่หมดอายุเลยด้วยซ้ำ
พัสสร : คุณป้อมคะ ช่วยมาดูตรงนี้หน่อยสิคะ
ป้อม : มีอะไรอย่างนั้นเหรอครับ
เธอเรียกให้ป้อมเข้ามาดูอะไรบางอย่างในขณะที่ป้อมก็เดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางที่ดูสงสัยภายในมือของเขานั้นมีขวดยาฆ่าเชื้ออยู่ 2 ขวดซึ่งมันหมดอายุไปแล้ว
ป้อม : ตู้เก็บเอกสาร ? หรอครับเนี่ย ?
พัสสร : ใช่แล้วค่ะ คุณพอจะเปิดมันออกได้ไหมคะ สภาพของมันเก่ามากแล้วถึงมันจะล็อคอยู่แต่ว่าตัววัสดุด้านนอกคงจะผุหมดแล้วล่ะ
พัสสรพยายามขอร้องให้ป้อมช่วยเปิดตู้เก็บเอกสารของห้องจ่ายยาให้กับเธอมันเป็นตู้โลหะที่อยู่ในสภาพย่ำแย่มีสนิมเกาะเต็มไปหมดและดูผุพังจนแทบจะไม่เหลือความทนทานอะไรอีกแล้ว
ป้อม : เดี๋ยวขอลองดูหน่อยนะครับ ฮึบบบบ
ป้อมใช้กำลังแขนของเขาดึงส่วนที่เป็นสนิมของตู้เหล็กที่ใช้เก็บเอกสารและมันได้ผลสนิมนั้นเขียนลงไปในเนื้อเหล็กจนมันกรอบไปหมดแล้ว มันจึงถูกดึงออกมาได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก
(ได้รับเอกสารจากห้องจ่ายยา 2 ฉบับ)
ป้อม : จะเอาเอกสารพวกนั้นไปทำอะไรเหรอครับ ?
พัสสร : มีเรื่องที่ฉันรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยค่ะ อ้อ แล้วก็ยาฆ่าเชื้อ 2 ขวดที่อยู่ในมือของคุณก่อนหน้านี้มันหมดอายุไปแล้วนะคะ มันคงใช้อะไรไม่ได้อีกแล้วล่ะเอายาพวกนี้ไปจะดีกว่านะคะมันยังพอใช้งานได้อยู่ พัสสรส่งขวดยาที่ยังไม่หมดอายุซึ่งเธอเจอปะปนอยู่ภายในตู้บนชั้นให้กับป้อมซึ่งมันคือสิ่งแรกที่เธอรู้สึกสะดุดตาตั้งแต่เข้ามาในห้องจ่ายยาแห่งนี้
ป้อม : ยาพวกนี้ยังดูใหม่อยู่เลยนะครับ แปลกจังเลยนะ ?
ป้อมเก็บยาพวกนั้นลงในกระเป๋าโดยที่เขานั้นก็รู้สึกสงสัยอยู่บ้างเหมือนกันแต่ว่าเขานั้นก็ไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเท่ากับพัสสร
บริเวณบันไดทางขึ้นชั้น 2 ของโรงพยาบาล
ขวัญ : รอก่อนค่ะ มีใครอยู่ตรงนั้นใช่ไหม ฉันไม่ได้ต้องการทำร้ายคุณนะ คุณเป็นนักท่องเที่ยวที่ถูกทิ้งอยู่ที่นี่เหมือนกันใช่ไหม ตอบฉันทีเถอะค่ะ !
ขวัญกำลังวิ่งขึ้นบันไดในขณะที่เธอนั้นพยายามส่งเสียงเรียกเจ้าของฝีเท้าอย่างเป็นมิตร ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะไม่รู้ว่ามันคือเสียงของฝีเท้าอะไรก็ตาม ในที่สุดเธอก็ทำเสียงขึ้นมาจนถึงชั้น 2 ของโรงพยาบาล ที่ชั้น 2 ของโรงพยาบาลแห่งนี้คือห้องผู้ป่วยรวมซึ่งประกอบด้วยเตียงมากมายที่ไม่ได้มีการใช้งานมานานมากแล้วมันอยู่ในสภาพผุพังขาดรุ่งริ่ง แล้วที่บนชั้น 2 นี้ก็ไม่มีวี่แววของมนุษย์สักคนอยู่เลยแม้แต่น้อย
ขวัญ : อะไรกัน ! ไม่เห็นจะมีใครเลยนี่นา ?
เธอเดินขึ้นไปสำรวจชั้น 2 ยังบริเวณด้านหน้าของบันไดซึ่งเป็นทางเดินที่ทอดยาวออกไปและถูกแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆแต่ส่วนมากแล้วบนชั้น 2 นี้จะเป็นห้องพักของผู้ป่วยชายหญิงและห้องผู้ป่วยอาการวิกฤต
กึก !
แต่แล้วในขณะที่เธอนั้นกำลังเดินสำรวจเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอีกครั้งหนึ่งแต่คราวนี้มันดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอและดังขึ้นมาในระยะประชิด เธอพยายามที่จะหันหลังกลับไปมองว่าอะไรจะแน่ที่อยู่ด้านหลังของเธอ แต่ว่าทันใดนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก
แขนที่เล็กเรียวเหมือนกับแขนของผู้หญิง แต่ว่ามีพละกำลังมากกว่าอย่างไม่น่าเชื่อตรงเข้ามาล๊อกบริเวณลำคอของเธอเอาไว้ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของผู้ที่อยู่ด้านหลังเธอนั้นก็ตรงเข้ามาอุดระหว่างปากและจมูกของเธอ ภายในมือนั้นมีผ้าสีขาวซึ่งชุบสารอะไรบางอย่าง
ขวัญพยายามที่จะดิ้นต่อสู้แต่เธอนั้นไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากกำลังแขนที่มากมายของผู้ที่กำลังล็อคคอเธออยู่ได้และเธอก็สูดดมสารที่อยู่ภายในผ้าสีขาวซึ่งกำลังปิดอยู่ที่ปากของเธอเข้าไปหลายต่อหลายครั้ง เธอพยายามที่จะส่งเสียงออกมาให้ดังที่สุดแต่ว่าผ้าที่ถูกปิดอยู่ที่ปากของเธอเป็นตัวกั้นไม่ให้เธอส่งเสียงออกมา และสารที่อยู่ในผ้านั้นก็ทำให้เธอรู้สึกอ่อนแรงและความง่วงอย่างรุนแรงก็เข้ามาจู่โจมเธอ ในที่สุดเธอก็สลบไป
เสียงปริศนา : เด็กผู้หญิง ? ไม่น่าจะใช่คนขององค์กรนี่นา ?? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้นะ ??
เสียงของผู้หญิงที่ฟังดูแล้วน่าจะมีวัยไล่เลี่ยหรือว่าอ่อนกว่าเธอ ดังขึ้นมาในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไป เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครแต่ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นคนที่ลงมือกับเธออย่างแน่นอน ในขณะที่เธอนั้นกำลังจะทรุดตัวลงผู้หญิงคนนี้ก็ได้ใช้มือของเธอเข้ามาประคองร่างของขวัญเอาไว้ไม่ให้ล้มลงกระแทกพื้นจากนั้นสติของขวัญก็ดับหายไป
2 ชั่วโมงผ่านไป
ในขณะนี้เป็นเวลาตอนเที่ยงแล้วป้อมและพัสสรหลังจากที่พวกเขานั้นได้เวชภัณฑ์จากห้องจ่ายยากลับมา พวกเขาก็ลงมือทำการรักษาบาดแผลและฆ่าเชื้อให้กับแผลของสรทันที บาดแผลที่คอของเขานั้นค่อนข้างจะสาหัสและก็ลึก แต่ว่ายังดีที่มันกำลังจะค่อยๆสมานตัวอย่างช้าๆ สร ยังคงจมอยู่ในห้วงนิทรา ในขณะที่สึกคาสะหลังจากที่ได้รับการปฐมพยาบาลแล้ว เขาก็ดูอาการดีขึ้นมากเลยทีเดียว เมื่อได้เห็นเพื่อนร่วมทางมีอาการดีขึ้นทุกคนนั้นก็ดูที่จะโล่งใจมากขึ้นเช่นกัน
(สร HP +1, ตัวละครทุกตัวยกเว้น สร และ ขวัญ BP+2)
พัสสร : ผ่านไปนานมากแล้วนะคะเนี่ยทำไมขวัญถึงยังไม่กลับมาสักที
นานะ : ไม่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายหรือว่าเสียงการต่อสู้ข้างบนเลยนะคะ หรือว่าบางทีเธออาจจะถูกสัตว์ประหลาดโจมตีทั้งๆที่เป็นตอนกลางวัน ? (ภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่น)
ป้อม : บางทีก็อาจจะเป็นไปได้นะครับ เอายังไงดีครับทุกคน ?
To Be Continued