✮ Mobilesuit Gundam Iona ✮ [Comments]

---

เพศ :  ชาย

อายุ :  18 ปี


นิสัย :  เขาเป็นคนที่ไม่แยแสอะไรนัก สงบนิ่ง พฤติกรรมดูเหมือนจะเข้าโหมด "ประหยัดพลังงาน" อยู่เสมอ
          ไม่เคยใช้ความพยายามในสิ่งใดๆ นอกจากมันจะจำเป็นจริงๆ ดังนั้นจึงออกมาเป็นคนที่ดูเกียจคร้าน
          มีทัศนคติในแง่ลบเล็กๆ ไม่พูดมาก ไม่ค่อยโกรธแม้ว่าเขาจะดูหงุดหงิดบ่อยครั้ง โดยทั่วไปเขาไม่ค่อย
          แสดงอารมณ์ของเขามากนัก ในทางกลับกันเขาฉลาดและฉลาดอย่างน่าประหลาดใจมีทักษะการแก้ปํญหา
         ที่ยอดเยี่ยมซึ่งทำให้เขาสามารถเอาตัวรอดจากสถาณการต่าง ๆ สามารถหาทางแก้ปัญหาได้เสมอถ้าเขา
         คิดอย่างเพียงพอ ทำให้ในระหว่างที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงการสูญเสียพลังงาน กลับกลายเป็นการสิ้นเปลือง
         มากขึ้นซะอย่างงั้น

บทบาทที่เลือกลง : หน่วยรบที่ 42

---

Character Profile [Emerian]



ชื่อ : Helios  (เฮลิอัส )

เพศ : ชาย

อายุ : 295

รูปร่าง : 180 c.m. / 75 k.g.

นิสัย : เฮลิอัสเป็นคนที่ ชอบพูดจาเยาะเย้ยถากถาง อย่างตรงไปตรงมา กับคนที่อยู่ในฐานะต่ำกว่าตนเอง และชอบพูดจาเหน็บแนมเสียดสี ด่าทอทางอ้อม กับคนที่อยู่ในฐานะเสมอกัน หรือว่าสูงกว่าเล็กน้อย ทำให้คนรอบข้างนั้นมองเขาเป็นคนที่ปากเสียคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่ในอีกมุมหนึ่งเขาก็เป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมาที่สุดเช่นกัน ภายในจิตใจของ เฮลิอัสเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และความชาตินิยมอย่างสูงลิบลิ่ว เขานั้นคิดว่าเผ่าพันธุ์ของตนเองคือเผ่าพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด และเหมาะที่จะอาศัยอยู่บนโลกนี้ที่สุด ดังนั้นเขาจึงได้รังเกียจชาวโลก และแสดงออกมาอย่างทุกวิถีทาง คนที่อยู่ใกล้ตัวของเขาทุกคน ถ้าหากว่ามีความโน้มเอียงไปชื่นชอบชาวโลก เขาจะเกลียดคนๆนั้นมาก ชนิดที่เรียกว่าถ้าสามารถฆ่าให้ตายได้ในตอนนี้หรือว่าในภายหลังเขาก็จะทำเฮลิอัสชื่นชอบในอาวุธสงครามทุกประเภท แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาจะชื่นชอบที่สุดก็คือโมบิวสูท เขาเคยพูดว่ามันทั้งสง่างาม ทรงพลัง เปรียบประดุจเทพเจ้า ดังนั้นเมื่อมีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกันระหว่าง เผ่าพันธุ์ของเขาและชาวโลก เขาคือคนหนึ่งที่รู้สึกไม่พอใจในเหตุการณ์ครั้งนั้นอย่างที่สุด สำหรับชาว Emerian ที่มีฝีมือ เฮลิอัสจะให้คุณค่ากับคนๆนั้นและแสดงความชื่นชม แต่ถ้าหากว่าผู้ที่มีฝีมือคนนั้น มีความคิดโน้มเอี้ยงไปเข้าข้างชาวโลก เขาก็จะรังเกียจอย่างที่สุด และก็ไม่ลังเลที่จะกำจัดเช่นกัน

นิสัยๆ

ประวัติ :เฮลิอัสคือองค์รัชทายาทอันดับที่ 2 ของชาว Emerian เขาเกิดมาพร้อมกับบุคลิกแปลกประหลาด
เนื่องจากว่าเขานั้นมีความรักในชาติกำเนิดของตนมาก และคิดว่า Emerian คือชนเผ่าที่ยอดเยี่ยมที่สุด ประเสริฐที่สุด
ทรงสติปัญญาที่สุด และเหมาะสมที่จะอาศัยอยู่บนโลกนี้ เพียงแค่เผ่าพันธุ์เดียวเท่านั้น
เขาจึงได้เกลียดชัง Earthian มาก เขาคิดว่า Earthianนั้นไม่ใช่พวกเดียวกับเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่เป็นพวกที่วิวัฒนาการย้อนกลับ อันป่าเถื่อนและโง่เขลา เฮลิอัสมองEarthian นั้นต่ำต้อยยิ่งกว่าแมลงซะอีก
เฮลิอัสเป็นองค์ชายที่เกิดมาพร้อมกับความสามารถในด้านการรบที่สูงที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด
เขานั้นสามารถที่จะบังคับโมบิลสูท ได้อย่างยอดเยี่ยมและไม่มีที่ติ ไม่ว่าจะเป็นกันดั้มหรือว่าโมบิลสูทชนิดอื่น
มีครั้งหนึ่งองค์ชายรัชทายาทอันดับที่ 1 Archange ยังต้องยอมรับเขาว่า ถ้าเกิดว่าสู้กันตัวต่อตัว Archange
อาจจะไม่สามารถชนะเอาเฮลิอัสได้ก็เป็นได้
แต่เบื้องหลังแล้วภายในใจของเขานั้นแตกสลาย
เขาต้องมาอยู่ในโลกซึ่งควรจะเป็นของเผ่าพันธุ์ Emerian ของเขาแต่เพียงผู้เดียว แต่บัดนี้โลกใบนี้นั้นไม่ใช่แบบนั้น
มันยังมี Earthian ที่แสนจะต่ำต้อย โง่เขลา และสกปรกโสมม อยู่ร่วมกับเขาด้วยภายในโลกใบนี้ด้วย
เพียงแค่คิดแบบนั้นก็ทำให้เพลิงโทสะของเขานั้น แทบจะระเบิดได้ทุกครั้ง
หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านมากษัตริย์อาเมนเฮราฟได้สิ้นพระชนม์ลงมีข่าวลือมากมาย
ได้บอกเอาไว้ว่าเฮลิอัสคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดของการสวรรคตของกษัตริย์
ซึ่งตัวเขาเองนั้นก็ได้ยินข่าวลือนี้เช่นกันแต่เขานั้นก็ไม่ได้สนใจในสิ่งที่ได้ยินมาเลยแม้แต่น้อย
เพราะในใจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความปิติยินดี
ที่จะได้เริ่มทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ Earthian ให้สูญสิ้นไปในคราวนี้ซะที
 

บทบาทที่เลือกลง : [องค์รัชทายาท ลำดับที่ 2 ]

Personal Gundam : Muramasa Gundam



Theme

---

ชื่อ: Valdus Theophilus Acheros (วัลดัส ธีโอฟีลัส อาเครอส)

เพศ: ชาย

อายุ: 250 ปี

รูปร่าง: 172 c.m. / 59 k.g.

นิสัย: วัลดัสนั้นเป็นคนที่เรียกได้ว่าหาตัวได้ยากมาก... เขาไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไรนักและมักใช้เวลาส่วนมากกับการอ่านและแปลวรรณกรรมอยู่ในห้องตัวคนเดียวและไม่ค่อยโผล่หัวออกมาให้ใครเห็น กระทั่งพี่น้องของพวกเขาเองหรือคนรับใช้ส่วนตัวในวังก็นาน ๆ ทีจะได้เห็นตัววัลดัสเลย โดยสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเขาเป็นคนที่ปิดกั้นตนเองจากผู้อื่น ตัวเขาเป็นคนที่รู้สึกสบายใจกว่ากับการใช้ชีวิตอย่างลับ ๆ เป็นคนที่ไม่ชอบชีวิตในแบบขุนนางเลย ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น ตัวเขาก็ยังคงสามารถออกงานต่าง ๆ ได้อยู่ ทว่าหากถามเขาว่ารู้สึกชอบอะไรกับการออกไปงานเลี้ยงสังสรรของพวกขุนนางแล้ว ตัวเขาก็คงจะพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า "เหล้าฟรี"

เป็นคนที่ไม่ดูแลตัวเองเลย และไม่ใส่ใจในภาพลักษณ์ของตัวเองด้วย วันดีคืนดีเขาอาจโผล่มาในงานด้วยชุดนอนของตนเอง และอาจคลื่นไส้อาเจียนออกมาในงานเพราะดื่มสุรามากไปก็ได้ ทว่าแม้จะส่งผลเสียต่อตัวเขาเพียงใด วัลดัสก็จะหน้าด้านและไม่สนใจคำด่า คำนินทาของผู้อื่นเลย... ถือเป็นคนที่มีความอดทนสูงมาก และค่อนข้างต้านชาในด้านอารมณ์ไม่ว่าจะโดนด่า ตำหนิติเตียนเพียงใดก็ทนฟังได้อย่างสบาย ๆ เป็นคนที่หน้าตานิ่ง ๆ ดูจืดชืดและไร้พลังงานมาก เหมือนกับอดหลับอดนอนอยู่ตลอดเวลา

ไม่ได้ชอบออกไปเที่ยว ทว่าก็ถือเป็นคนที่ชอบและติดสุราและการสูบบุหรี่เป็นอย่างมาก นับตั้งแต่จบสงครามไปก็แทบจะไม่มีวันไหนที่เขาไม่ได้แตะต้องของจำพวกนี้เลย และหากว่าการเจรจากับเขาเป็นไปได้ไม่ด้วยดีแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าถ้าเอาเหล้าดี ๆ สักขวดหนึ่งมาล่อตาก็อาจจะสามารถซื้อใจวัลดัสไปได้ง่าย ๆ เลยก็ได้ นอกจากนี้ก็ถือเป็นคนที่มีวาทะที่รุนแรงมาก และในที่นี้หมายถึงเป็นคนที่เก่งกาจในการด่าผู้อื่นด้วยวาจาสุภาพพร้อมกับรักษาหน้าตายของตัวเองไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบซึ่งในบางครั้งก็อาจเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อความสนุกสนานส่วนตัวก็ได้ หรือบางทีอาจจะตั้งใจด่าจริง ๆ จัง ๆ เลยทว่าด้วยสีหน้าตายด้านของเขาแล้วก็ืทำให้คนมองไม่ออกเลยว่าเป็นแบบไหนกันแน่

ในด้านสติปัญญาแล้ว วัลดัสนั้นจะอยู่ในระดับปานกลาง แม้จะเก่งกาจในการด่า มีคลังศัพท์ค่อนข้างเยอะเนื่องด้วยศึกษามาสำหรับการเขียนวรรณกรรม ทว่าหากเป็นเรื่องความรู้ทั่วไป เรื่องการมองสีหน้าท่าทางเดาผู้อื่นแล้ว เขาค่อนข้างด้อยเลย โดยเฉพาะในเรื่องของงานบ้าน เรื่องการทำอาหารที่เรียกว่าโง่เลยก็ได้ ทว่าหากเป็นเรื่องของการรบ เรื่องทางทหารแล้วตัววัลดัสนั้นอยู่ในระดับต้น ๆ เลย... ทว่าเนื่องด้วยตัวเขาห่างหายจากการทำงานในกองทัพมานานหลายปีแล้วทำให้ก็เริ่มหลง ๆ ลืม ๆ ไปบ้างแล้วเหมือนกันทำให้บางครั้งก็อาจทำพลาดได้ด้วย

แม้จะเป็นคนที่ปิดกั้นตนเองจากผู้อื่นจริง ทว่าสิ่งหนึี่งที่สำคัญคือแม้เขาจะไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่งกับชีวิตเขาเท่าไร แต่ตัวเขานั้นถือเป็นคนที่มีคุณธรรมคนหนึ่งเลย และหากรับรู้ว่าผู้อื่นมีปัญหาอยู่ล่ะก็ ตัวเขาก็จะช่วยเหลืออย่างลับ ๆ เสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทว่าก็จะต้องอยู่ในระดับที่เขาสามารถทำได้จริง ๆ ด้วย หากเป็นเรื่องเกินจริงก็จะปฏิเสธไปอย่างเลือดเย็นเสมอ ตัวเขานั้นเป็นคนที่มองโลกตามหลักความเป็นจริงเสมอ และไม่ถูกกับพวกที่ไร้เดียงสาและมองโลกในแง่ดีเป็นอย่างมาก

จะถือว่าเป็นคนขี้ขลาดก็อาจจะได้เพราะเป็นคนที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตนหวาดกลัวนั่นคือ การต้องออกไปสู้รบนั่นเองเนื่องด้วยเขาหวาดกลัวที่จะต้องทำงานพลาดแล้วพาทหารของเขาไปตายอีก จะบอกว่าเขาสูญเสียความมั่นใจในตนเองไปก็กล่าวได้... ทว่าหากถูกผลักดันดี ๆ และก้ามข้ามความหวาดกลัวนี้ไปได้แล้วล่ะก็ ตัววัลดัสก็จะกลายเป็นชายที่กล้าหาญและกล้าได้กล้าเสียเป็นอย่างมาก ยังคงมีความหัวโบราณอยู่ในแบบหนึ่งและเลือกที่จะเป็นผู้เสียสละอยู่ตลอดหากนั่นเป็นเพื่อปกป้องผู้อื่นที่ไม่อาจต่อสู้ได้ด้วยตนเอง


ประวัติ: ...กล่าวกันว่าในศึกหนึ่งที่กำลังพลของเอเมเรียพลาดท่า ถูกทหารชาวโลกจำนวนมากล้อมรอบขณะกำลังลาดตระเวณนั้น วัลดัสและทหารจำนวนหนึ่งได้สามารถป้องกันกองกำลังศัตรู สังหารและสร้างความเสียหายจำนวนมากแก่ฝ่ายชาวโลกจนกำลังเสริมสามารถมาช่วยเหลือได้ทันและนำกำลังพลถอยกลับไปได้ ถือเป็นวีรกรรมที่น่าจะมีชื่อเสียงที่สุดแล้วเมื่อพูดถึงองค์รัชทายาทลำดับที่ 5-- วัลดัส ธีโอฟีลัส อาเครอส ผู้นี้

ทว่าเบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของวีรกรรมนั้นหาได้ยิ่งใหญ่ดังคำกล่าวว่า-- ย้อนกลับไปในวัยเด็กนั้นวัลดัสก็เหมือนกับเด็กผู้ชายหลาย ๆ คนที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักรบ ได้ออกต่อสู้ในยานรบบนอวกาศ ได้เป็นวีรบุรุษในนิทานวัยเด็ก... เขาใช้เวลามากมายในชีวิตเสียเวลาไปกับการฝึกฝนร่างกายจนบางครั้งก็ถูกพี่ ๆ หัวเราะใส่ด้วยความมุ่งมั่นแบบเด็ก ๆ ทว่าวัลดัสในคราวนั้นก็หาได้สนใจความเห็นผู้อื่นแต่อย่างใด โดดคาบเรียนในทุกวิชาหมดยกเว้นแต่ศิลปะการต่อสู้จนสร้างความวุ่นวายในพระราชวังเป็นอย่างมากในคราวนั้น

มหาจักรพรรดิ์อเมนเฮราฟเองก็มิชอบใจกับเรื่องนี้เท่าไรนักเพราะหวาดกลัวว่าหากปล่อยไปจะเป็นการไม่ดี ทว่าไม่ว่าจะพูดกล่อมเท่าใด คำพูดของพระองค์ก็ไม่สามารถส่งไปถึงตัวของวัลดัสได้ เขาจึงถอดใจและยอมปล่อยไปตามโชคชะตาเองว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปและยอมบุตรชายให้ไปเอาดีในด้านทหารอย่างเต็มที่ ตัววัลดัสได้เรียนวิชาการรบอย่างเต็มหลักสูตรอยู่ช่วงหนึ่งจนสำเร็จการศึกษาได้และถูกส่งบรรจุไปยังหน่วยรบหนึ่งเป็นรองหัวหน้าหน่วย โดยมีหัวหน้าหน่วยเป็นอาจารย์ของเขาเองที่สอนเขามาตั้งแต่ยังเล็กในพระราชวัง

ในคราวที่เกิดสงครามกับโลกนั้น ตัววัลดัสก็ได้ถูกส่งออกไปรบอยู่สองถึงสามคราวในแรกเริ่ม โดยส่วนมากแล้วก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไรนักเพียงแค่ตรวจตราพื้นที่รอบ ๆ เท่านั้น ทว่าในคราวหนึ่งขณะที่ทำภารกิจอยู่นั้น วัลดัสก็ไปพลาดท่าติดกับดักของชาวโลกเข้าก่อนจะทำให้ทั้งหน่วยต้องตกเป็นเป้า พวกเขาถูกศัตรูล้อมรอบไว้ ณ เมืองแห่งหนึ่ง ปราศจากซึ่งชุดหุ่นรบหรือยุทโธปกรณ์ใด ๆ ได้เตรียมการล่วงหน้า มีเพียงแค่ปืนไม่กี่กระบอกเท่านั้นที่พวกเขามี อีกทั้งด้วยจำนวนคนที่ต่างกันถึงหลายสิบเท่าดัง สิบ ต่อสามร้อย พวกเขาได้ส่งข้อความช่วยเหลือออกไปทว่าด้วยอุปกรณ์ที่เสียหายยังไม่ได้ซ่อมแซมจึงต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง

ขณะนั้นพวกเขาก็นึกว่าชะตาขาดหมดแล้ว รวมถึงตัววัลดัสเองที่รู้สึกสิ้นหวังไม่แพ้กัน ทว่าอาจารย์ของเขาก็ได้ปลุกระดมทหารทุก ๆ คนในขณะนั้นแล้วช่วยกันแบ่งกำลังพลกระจายไปทั่วตึกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับมือกับศัตรู ยื้อเวลาให้นานที่สุดจนกว่าข้อความจะส่งถึงชาวเอเมเรียและส่งกำลังเสริมมาโดยเร็ว... วัลดัสในฐานะรองหัวหน้าได้นำทหารจำนวนหนึ่งแยกออกมาจากกลุ่มก่อนจะเริ่มทำการโจมตีโต้กลับ ขณะที่หัวหน้าของเขาและทหารอีกส่วนทำการป้องกันตึกนี้มิให้ศัตรูลอบเข้ามาได้จนกว่าสัญญาณจะส่งถึงกองบัญชาการหลักบนอวกาศ

มันคือ ณ เวลานั้นที่วีรกรรมของวัลดัสกลายเป็นที่เลื่องลือ ต่อหน้าทหารนิรนามคนหนึ่งในหน่วยรบนั้น วัลดัสที่ได้กัดฟันเสี่ยงตายและแบกรับความหวังทุกคนยกปืนของเขาขึ้นมาและยิงต่อสู้กับศัตรูด้วยความแม่นยำ สังหารทหารไปจำนวนมากอย่างไม่หวั่นเกรง ทำลายเส้นทางรถถังศัตรู ระเบิดจุดกำบังของศัตรู ใช้ทุกกลยุทธ์ที่ชายหนุ่มจำได้กดดันศัตรูจนสมรภูมิรบต้องเงียบงันไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ อย่างน่าหวาดกลัว การต่อสู้แบบซุ่มโจมตีนี้ดำเนินไปเรื่อย ๆ อย่างเหน็ดเหนื่อยจนในที่สุดกำลังเสริมก็มาถึงและรีบพาผู้รอดชีวิตที่เหลือหนีออกไป

ทว่าแม้จะสามารถชนะและรอดชีวิตมาได้... อาจารย์ของเขาและทหารทั้งหมดที่ทำหน้าที่คุ้มกันตึกส่งสัญญาณล้วนต้องเสียชีวิตในหน้าที่หมด ตัววัลดัสที่ต้องเผชิญกับความจริงอันทรหดนั้นก็ได้แปรเปลี่ยนไปตลอดกาล ในภาพลักษณ์ของประชาชนนั้น องค์ชายผู้ไม่เอาไหนคนนี้กลายเป็นวีรบุรุษสงครามคนหนึ่ง โดยส่วนหนึ่งมาจากการแต่งเรื่องเกินจริงของนักกวีคนหนึ่งของราชวัง ทว่าต่อให้ไม่มีเรื่องราวเหล่านั้นก็คงจะเป็นที่เคารพในหมู่ทหารอยู่ดีด้วยฝีมือการรบบนบกอันยอดเยี่ยม

แต่สำหรับวัลดัสแล้ว ด้วยความประมาทของเขานั้นทำให้ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตรายและทำให้อาจารย์ของเขาและสหายคนอื่น ๆ ต้องมาตายลงอย่างเปล่าประโยชน์... หลังจากนั้นตัววัลดัสก็ยังคงออกรบอยู่หลายปีเนื่องด้วยยังคงเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องออกต่อสู้ ทว่าตั้งแต่บัดนั้นจวบจนในคราวประกาศสิ้นสุดสงครามด้วยสัญญาสงบศึกนั้นก็ไม่เคยมีคราวไหนที่วัลดัสจะรู้สึกภาคภูมิใจเลย มิหนำซ้ำมันคือ ณ ช่วงเวลานี้นี่แหละที่ตัวเขาเริ่มจะเกลียดสงครามแล้ว

หลังสิ้นสุดสงครามนั้น วัลดัสได้รับเหรียญทองกล้าหาญและมีการเสนอรับยศใหญ่ขึ้นมาในกองทัพ ทว่าตัวเขาก็ขอปฏิเสธไปและใช้เวลาที่เหลือกับการศึกษาในศาสตร์แขนงอื่นใหม่เพื่อหวังจะไปเอาดีในด้านอื่นแทน ซึ่งในการตัดสินใจนี้นั้นแม้จะเป็นที่นินทาอยู่ในบรรดาขุนนางต่าง ๆ ทว่าตัวจักรพรรดิอเมนเฮราฟนั้นก็ไม่ถือสาใด ๆ และสนับสนุนการตัดสินใจนี้ของวัลดัสที่เลือกจะหันหลังและไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการออกไปรบอีก

ปัจจุบันนั้นวัลดัสได้ยื่นเรื่องขอถอดถอนชื่อจากกองทัพแล้ว และกำลังมุ่งมั่นกับการทำงานสายวรรณกรรม แปลวรรณกรรมหรือตำนานของโลกและนำมาเผยแพร่สู่ชาวเอเมเรียอะไรทำนองนั้นโดยจะให้เป็นเส้นทางใหม่ของตนหลังจากนี้... หารู้ไม่ว่าเส้นทางที่ชายหนุ่มสามารถเดินได้นั้นบัดนี้ก็เหลือเพียงเส้นทางเดียวแล้วเท่านั้นนั่นคือ---

บทบาทที่เลือกลง: องค์รัชทายาทลำดับที่ 5

Personal Gundam: SETANTA (เซตันทา)

---

Valdus แปลว่า ผู้แข็งแกร่ง ในภาษาเยอรมัน
Theophilus แปลว่า มิตรของพระเจ้า ในภาษากรีก
Acheros แปลว่า แม่น้ำแห่งความเศร้าโศก ในภาษาละติน

ชื่อของกันดัมเขา-- Setanta นั้นเป็นอีกชื่อหนึ่งของวีรบุรุษในตำนานเคล์ทนาม คูฮูลินน์

(แก้ไขได้)
ตัวเขานั้นค่อนข้างเห็นด้วยกับแนวคิดสันติขององค์หญิง เนื่องด้วยมีอคติกับสงครามการนองเลือดเป็นอย่างมาก ทว่าเขามองว่ามันเป็นเรื่องเพ้อฝันและทำไม่ได้จริง จึงไม่ได้ออกหน้าออกตาเข้าข้างนางนัก แต่หากให้เลือกว่าจะเข้าข้างฝ่ายไหนแบบจริงจังแล้วก็คงจะเลือกข้างองค์หญิงอยู่ดีเพราะแม้จะเป็นเรื้องเพ้อฝันแต่ก็เพราะอย่างนั้นแหละเขาเลยอยากทำให้เป็นจริง

ทว่าหากพูดถึงในด้านความสนิทแล้ว ตัววัลดัสนั้นแทบจะไม่สนิทกับใครเลย ที่สนิทสุดคงจะเป็นองค์ชายลำดับที่ 1 เนื่องด้วยในช่วงสงครามนั้นในบางครั้งเขาก็จะได้พบปะและพูดคุยปรึกษาหารือถึงแผนการณ์ต่าง ๆ บ้าง ทว่าปัจจุบันก็ไม่ได้พูดคุยกันหลายปีแล้ว