Post by kiwada on Apr 28, 2021 9:20:38 GMT
ในเดือนมิถุนายน 1963 สวนสัตว์นิวยอร์กได้เปิดแสดงสัตว์ที่อันตรายที่สุดในโลก
ที่ตู้แสดงกลับไม่มีสัตว์ด้านใน มีเพียงกระจกเงาแผ่นนึง และข้อความที่ระบุว่า “คุณกำลังมองหาสัตว์ที่อันตรายที่สุดในโลก ซึ่งจากทุกสายพันธุ์แล้ว มีเพียงสายพันธุ์เดียวที่อันตรายมากพอจะทำลายทุกสิ่งบนโลกได้อย่างง่ายดาย”
หลังจากมนุษย์ละทิ้งโลก และเดินทางออกสู่อวกาศ และมาปักหลังสู่ดาวดวงใหม่ Gliese 667Cc พวกเขาแยกยานมาปักหลักและเริ่มทำในสิ่งเดิมที่มนุษย์ทำ
ทำลายทุกอย่างที่ไม่ใช่ตนเอง และทำให้ตนเองอยู่รอด
และเพียงไม่นาน สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นก็เริ่มจู่โจมพวกเขา ‘Arachna’ สิ่งมีชีวิตคล้ายแมลงขนาดยักษ์ที่จับกินทุกอย่าง และยังมีความสามารถคล้ายปรสิตที่เข้าเปลี่ยนร่างกายของเหยื่อให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวมันเอง
มนุษยชาติสามารถกวาดล้างให้พวกมันล่าถอยไปได้ครั้งหนึ่ง แต่เพียง 10 ปีผ่านไป พวกมันก็กลับมาอีกครั้ง และคราวนี้ มีคนหรือกลุ่มบางกลุ่มฉวยโอกาสนี้ได้ทำการก่อกบฏด้วยอุดมการณ์เพื่อแปรเปลี่ยนมนุษย์ ไซเฟอร์ และในช่วงเวลาที่ชะตาของมนุษย์กำลังอยู่บนเส้นด้าย Radamanthys และ Minos ถูกทำลายและถูกยึด จำนวนทหารก็เหลือน้อยเต็มที
จึงมีคำสั่งจากเอริคเรียกเหล่าทหารที่ปลดประจำการและลาออกทุกนายที่ยังสามารถรบได้กลับเข้าประจำการทันที
ฐานบัญชาการ Aiacos
ห้องบัญชาการ
หน้าห้อง
ในช่วงเวลาอันแสนวุ่นวาย เหล่าทหารหลายนายกำลังวุ่นกับการเตรียมตัว ทั้งปฏิบัติการบินเพื่อลาดตระเวนหาข่าวรวมถึงการเตรียมการป้องกันเมือง ผู้บังคับการ เอริก แซนเบิรก์ในชุดทหารสีเทาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับทหารสาวอีกคนที่เดินตามมาติดๆ ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร โซเนีย บุลเล็ทฮาร์ท ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในห้องบัญชาการก็พบกับชายผมขาวร่างสูง ใบหน้าของเขาดูราวอายุ 50 ที่เริ่มมีริ้วรอยแสดงออกมา และรอยแผลเป็นที่แก้มซ้ายที่เห็นได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเขาจะมีอายุที่มาก แต่หากสังเกตุที่แขนในส่วนที่ชุดทหารสีน้ำทะเลที่ไม่ทับนั้นกลับมีเพียงกล่ามเนื้อที่ไร้ความปวกเปียก บ่งบอกถึงสภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ที่สำคัญคือ
เขานั้นนั่งอยู่ตรงเก้าอี้บัญชาการที่เป็นของเอริคต่างหาก
“กลับมาไม่ถึง 15 นายทีท่านผู้พันเล่นแย่งที่ผมเลยหรือครับ” เอริคพูดแซวก่อนยกมือทำวันทยาหัตถ์เคารพ “นายพันเจคอป แอนเดอสัน”
“เรียกชั้นพร้อมทหารแก่ๆมา คงไม่ได้อยากบอกว่าเอาลูกชายชั้นไปเข้าหน่วยพลีชีพอย่างเดียวใช่ไหมล่ะ” นายพันเจคอป แอนเดอสันตอบกลับ
“คุณน่าจะรู้ดีถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมา และคุณก็เป็นถึงครูฝึกพิเศษให้ไซเฟอร์เมื่อ 10 ปีก่อน” อีริคพูดทำเอาโซเนียหันควับไปมอง เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครในชั้นเรียนของเธอเคยทราบมาก่อน “คุณน่าจะรู้ว่า เขาคิดอย่างไร และมีแผนการอะไรในหัว”
“แล้วแกล่ะ อีริค แกเป็นคนเดียวในชั้นที่เอาชนะไซเฟอร์ได้ในสนามจริง ในตอนสู้กันกลางอากาศ หากเดาความคิดอีกฝ่ายไม่ออกคงไม่มีทางชนะได้หรอก” เจคอปถามย้อน เพื่อลองให้อีริคคิดเอาเอง นั่นคือวิธีสอนของเจคอปที่สอนนักบินมาโดยตลอด
“การต่อสู้ของไซเฟอร์ ดุดัน คาดเดายาก บางจังหวะที่คิดจะโจมตีกลับไม่โจมตีจังหวะป้องกันกลับโจมตี เมื่อเข้าจังหวะโจมตีกลับโจมตีต่อเนื่องไม่หยุด” อีริคเริ่มวิเคราะห์และประมวลการต่อสู้เมื่อ 10 ปีก่อนของเขาและไซเฟอร์ “หากวันนั้นคุณไม่โดดเข้ามาไล่ยิงผมและไซเฟอร์กลางสนาม วันนั้นผลอาจไม่เป็นแบบนั้น… ไซเฟอร์ไม่คิดจะโจมตีในอีกวันสองวันนี้ เขาจงใจให้เราลดความระแวงจากนั้นจะเปิดฉากโจมตีแบบสายฟ้าแลบ ส่ง Arachna จำพวกเจาะอุโมงค์เข้ามาก่อน จากนั้นก็ส่งกองบินภาคอากาศเข้ามาและปิดท้ายด้วยนางพญาและองค์รักษ์ของนาง”
พูดเสร็จอีริคก็เงียบไป
“หากเป็นแบบนั้นจะเกิดอะไรขึ้น” เจคอปถาม
“ด้วยกำลังพลที่เหลือ ภายใน 3 ชั่วโมง ไม่สิ 5 นาที กองกำลังหน้าด่านเราจะแตกหมด ภายใน 30-45 นาที พลเรือนเกินกว่าครึ่งจะตาย” อีริคพูดออกมาพร้อมมือที่เริ่มสั่น เขาเองก็ตกตะลึงกับการวิเคราะห์ด้วยตัวเขาเองเช่นกัน
“ผิด” เจคอปพูดขึ้นมาก่อนส่งกระดาษแผ่นนึงให้อีริค “ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ”
อีริครับกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูสิ่งที่เขาเห็นคือภาพถ่ายดาวเทียมที่ถ่ายภาพมหาสมุทรขนาดใหญ่ที่มีเรือรบลอยลำอยู่4ลำ
“นี่มันอะไรกัน คุณไปได้มาจากไหน ทำไมผมถึงไม่เห็นภาพนี้”
“Anderson Air Industries ไม่ใช่บริษัทเอกชนที่ทำแต่อาวุธยุทโธปกรณ์มาขายให้พวกนายอย่างเดียวหรอก เมื่อ 5 ปีก่อน เรายังคงสงสัยว่าพวก Arachna น่าจะยังไม่ตาย และการพึ่งพาสถานีอวกาศอย่างเดียวคงไม่พอ ชั้นจึงออกคำสั่งลับให้ส่งดาวเทียมขนาดเล็กกระจายทั่วทั้งดาวเพื่อทำการค้นหาแบบเรียลไทม์ พวกมันหาไม่เจอ แต่เมื่อ 11 ชั่วโมงก่อนมันส่งภาพนี้มาให้” เจคอปอะธิบาย
“มันคืออะไรคะ” โซเนียถาม
“RMT Kodiak เรือบรรทุกเครื่องบินรุ่นเก่าพร้อมกับกองเรือ Invincible Fleet ของ Radamanthys… เป็นไปไม่ได้ Radamanthys ล่มสลายไปแล้วกองเรือนี้โผล่มาได้ยังไงกัน” อีริคพูดออกมา
“ลองนึกย้อนดูสิอีริค 10 ปีก่อนมีแค่ไซเฟอร์คนเดียวเหรอที่เอาชนะ Arachna ได้ Radamanthys เองก็ขับไล่ไปได้เหมือนกัน แต่ทำไมล่ะ ทำไมการโจมตีของ Arachna นางพญาและลูกน้องเพียงหยิบมือเดียวกับสังหาร Ace Pilot และยังจัดการทั้งหมดในเสี้ยวเดียว” เจคอปถาม “ทั้งหมดนี้มันดูไม่สมเหตุสมผลนอกจากว่า”
“มีคนในที่ร่วมมือกับไซเฟอร์” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
“และคนที่ว่ากำลังเอากองเรือนี้ไปสมทบกับไซเฟอร์ และเมื่อไซเฟอร์ส่งสัญญาณให้กองเรือนี้เปิดฉากโจมตีเช่นกัน”
“แล้วคนคนนั้นมันเป็นใครกัน ใครที่ร่วมมือกับคนอย่างไซเฟอร์ คนแบบนั้นได้” เอริคพูดพลางเริ่มวิเคราะห์บุคคลน่าสงสัยพวกนั้นก่อนที่เจคอปจะส่งห่อกระดาษสีน้ำตาลให้ เอริคไม่พูดพร่ำเขารีบเปิดห่อกระดษทันทีก่อนพบภาพของไซเฟอร์กำลังแอบคุยกับคนในมุมมืดของฐานทัพ แม้ว่าจะเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน แต่เขาจำแขนอัลลอยได้อย่างชัดเจน “คามิโจ ฟุบูกิ”
“อะไรกัน” โซเนียร้องออกมา “นอกจากเราต้องปะทะกับเอซอย่างไซเฟอร์แล้วยังต้องมาเจอฟุบูกิอีกงั้นเหรอ”
“เรายังไม่ทราบจำนวนคนที่ร่วมมือแน่นอนไม่ได้ แต่ที่แน่ๆที่พวกนี้ร่วมมือกับไซเฟอร์คงเพราะแนวคิดทางอุดมการณ์” เจคอปพูด “อุดมการณ์หัวรุนแรงที่จะเอาคนที่เหมาะสมส่งสายเลือดของมนุษย์ที่เหมาะสมต่อไปยังรุ่นถัดไป”
“แล้วเราจะเอายังไงครับท่านผู้พัน” เอริคถามตรงๆ
“วิธีง่ายๆแต่ได้ผล เปิดก่อนได้เปรียบ” เจคอปตอบทันควัน “คนอย่างไซเฟอร์คงรู้อยู่แล้วว่าเราจะบุกไปยังไมนอส แต่คงไม่คิดว่าเรารู้เรื่องของกองเรือ ชั้นจะจัดตั้งกองบินเฉพาะกิจขึ้นมา…”
“ตอนนี้ผมมีแต่เครื่อง VF-1 ให้คุณใช้หวังว่า…”
“ให้ตายก็ไม่ขับเครื่องห่วยแบบนั้นหรอก ยิ่งภารกิจนี้ยิ่งไม่ได้ เราจำเป็นต้องใช้เครื่องบินรบรุ่นเก่าต่างหาก” เจคอปพูดออกมา ก่อนส่งรายชื่อเครื่องบินรบที่เขาต้องใช้
เครื่องบินทิ้งระเบิด B-21 2 ลำ
เครื่องบินรบ F-15 EX 6 ลำ
เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศKC-135R
เครื่องบินรบทางอิเล็กทรอนิกส์ EA-18G
เครื่องบินรบ Su-35 2 ลำ
เครื่องบินเตือนภัย AWACS EC-121
“ผมจัดหาเครื่องบินรบให้ได้นะ แต่มันจะไม่เสี่ยงงั้นเหรอ เอาเครื่องบินรุ่นเก่าไปปะทะกับ Valkyria unit แบบนั้น” เอริคถามกลับ
“เชื่อชั้น นักบินรุ่นเก่าๆเขาชอบแบบนี้ทั้งนั้น ให้เวลา 2วันเตรียมให้ครบ เมื่อพร้อมเราจะเริ่มประชุมแผนการรบทันที” เจคอปพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไปพร้อมตบบ่าเอริคเบาๆ
“เราเชื่อใจเขาได้เหรอคะ เขาเป็นครูของไซเบอร์ แถมยังอายุมากแล้วอีก” โซเนี่ยถาม
“เธอเคยสอบห้องซีมูเลเตอร์ระดับยากสุดได้นานแค่ไหน” เอริคหันมาถามเธอ
“ยิงไม่โดนเป้า หลบได้นานสุด 15 นาทีค่ะ” โซเนียตอบกลับ
“ผมยิงโดนแค่ครั้งเดียวก่อนจะโดนเครื่องบินในนั้นยิงผมร่วง” เอริคตอบก่อนหันหน้ามามองโซเนีย “เครื่องบินรบลำที่ไล่กวดเราในซีมูเรเตอร์นั้น เป็นตัวจำลองความสามารถของเจคอป แอนเดอสัน ซึ่งตอนผมปะทะกับเขาเมื่อสิบปีก่อนนั้น…”
“มันไม่ถึงครึ่งของความเป็นจริงเลย”
...
10 ปีก่อน
ห้องบัญชาการ ฐานทัพอากาศ Aiacos
ในห้องดูไม่แตกต่างจากในอีก 10 ปีผ่านไปนัก เหล่าทหารนับสิบกำลังนั่งมองดูจอมอนิเตอร์ห้าตัวขนาดใหญ่ที่กำลังฉายหน้าจอแสดงผลของเครื่องบิน 4 ลำที่บินอยู่บนท้องฟ้า และจอตรงกลางแสดงเรดาห์แสดงตำแหน่งของนักบินทั้งสี่ที่อยู่แยกกันสองจุด
ฝั่งซ้ายของเรดาห์เป็นเครื่อง Valkyria Unit สีขาวสองลำ โดยลำนึงนั้นมีลักษณะที่มีขนาดใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็คือ VF-25 Messiah กับ VF-1
ส่วนฝั่งขวาของเรดาร์ เป็นเครื่อง Valkyria สีน้ำเงินเข้ม ซึ่งก็คือ VF-171 Nightmare กับ VF-1 อีกลำ
“ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่ระยะตรวจจับของกันและกันแล้วครับท่านวลาดิเมียร์” นายทหารประจำโต๊ะพูด
“เริ่มการซ้อมรบได้ มาดูกันว่าระหว่างชั้นกับแกใครฝึกนักบินเก่งกว่ากัน” วลาดิเมียร์ ชายผมขาวที่ไว้ยาว รูปร่างผอมสูงดวงตาสีฟ้า ที่นั่งบนเก้าอี้กลางโต๊ะพูดออกมา “แล้วเจ้าเจคอปมันไปไหนของมัน”
ในเรดาร์ เครื่องบินทั้งสี่เริ่มเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีลำไหนเปิดฉากเข้าโจมตีกันก่อน ทั้งสี่เข้าใกล้มากขึ้นก่อนที่จรวดลูดหนึ่งยิงออกมาจากฝั่งซ้าย จรวดนั้นตรงเข้าไปหา VF-1 ของฝั่งขวาก่อนจะกระทบเป้าเต็มๆ
“ไฮดี้ เหมอลอยอะไรของเธอ เธอถูกยิงตกแล้ว ออกจากสนามด้วย” ทหารที่นั่งในห้องออกคำสั่งก่อนที่เครื่อง VF-1 ฝั่งซ้ายจะแยกตัวออก ฝั่งขวาก็ดันแยกออกเช่นกัน “มิคาซึกิ แกออกไปทำไม”
“พอดีผมเผลอกดยิงโดยไม่ฟังคำสั่งไซเฟอร์ น่ะครับ ผมปล่อยให้ทั้งสองคนสู้กันเองดีกว่าแฟร์ๆดี ฮ่าๆๆ” เสียงตอบกวนๆของมิคาซึกิกลับมา ปล่อยให้เครื่องบินทั้งสองลำเข้าใกล้กันมากขึ้น
ก่อนทั้งสองลำจะบินสวนกัน ในทันทีทันใดเครื่อง VF-25 วกกลับหลังอย่างรวดเร็วและไล่จี้ VF-171 แต่ยังไม่ยิง แต่ในจังหวะนั้นเอง VF-171 กลับลดความเร็วลงและเชิดหัวอย่างรวดเร็วเป็นการทำ โคบร้าและทำให้ VF-25 แซงนำหน้าไป ก่อนจะหักหัวลงมาไล่กวด VF-25 อีกรอบ VF-171 ยิงกระสุนจำลองเข้าใส่ VF-25 แต่ก็พลาดเป้า ในจังหวะนั้นเองที่จรวดสองลูกยิงออกมาจาก VF-25 ก่อนจะเลี้ยงโค้งข้ามหัวเครื่องย้อนกลับไปหา VF-171 เครื่อง 171 ก็เร่งความเร็วเครื่องบีบให้จรวดทั้งสองลูกพลาดเป้าหมาย แต่ยังสามารถไล่กวด 25 ได้ง่ายดายขึ้น
เครื่องVF-25 หักเลี้ยวขวาหลบก่อนจะหักเครื่องดิ่งพสุธาลงไปที่พื้น เครื่อง VF-171 ตามลงไปติดๆ และยิงจรวดตามไป VF-25 หักเครื่องขึ้นก่อนชนพื้นทำให้จรวดพวกนั้นชนพื้นไปแทน แต่ก็ยังสลัด VF-171 ไม่ได้ ก่อนที่เครื่อง VF-25 จะทำการ Shape-shift เป็นร่างหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์และหันปืนเข้าใส่ VF-171 และกราดยิงเข้าใส่ แต่ VF-171 เองก็สามารถหักหลบได้อย่างทันท่วงทีและ Shape-shift พร้อมกับยืนมือออกไปจับปืนนั้นและหักขึ้นชี้ฟ้า ก่อนที่ตนเองจะเล็งปืนเข้าไปหาแต่ก็ถูก VF-25 เอามือซ้ายจับปืนไว้ไม่ให้ถูกเล็งใส่ตัว แต่ก็ถูก VF-171 เอาเท้าถีบเข้ากลางหัวอย่างจังจนกระเด็นถอยออกไป ทั้งสองลำล้วนต่างยืนจ้องหน้ากันเพื่อหาจังหวะเข้าโจมตี
“รุกฆาต ไซเฟอร์ไม่มีทางเอาชนะเอริคที่เชี่ยวชาญการสู้แบบนี้ได้หรอก” วลาดิเมียร์พูดก่อนหยิบว็อคก้าขึ้นมาหมายจะดื่ม
ปัง!
เสียงกัมปนาทดังขึ้นมาทำเอาคนทั้งห้องสะดุ้ง แม้แต่นักบินบนเครื่องบินทั้งสองก็เช่นกัน เพราะพวกเขาเองก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรพุ่งผ่านกลางลำเครื่องไป
“อะไรวะนะ” วลาดิเมียร์พูดพร้อมกับเผลอทำเหล้าหก ขณะที่เหล่าทหารพยายามค้นหาเส้นทางการยิง
“ตรวจไม่พบบนเรดาร์ กำลังค้นหาวิถีกระสุน ทาง 090 เมื่อซักครู่กระสุนเรลกันครับ!” ทหารคนนั้นตะโกนออกมา
“X-02! เจคอป” วลาดิเมียร์กัดฟันอย่างโมโหเมื่อรู้ว่าอาวุธอะไรที่ถูกนำมาใช้
“พลาด ก็เดาไว้แล้ว แต่ถ้ายิงโดนก็ไม่สนุกน่ะสิ” เสียงของเจคอปดังขึ้นในวิทยุของทุกคน
“อาจารย์” ไซเฟอร์พูดออกมา…
…
2 วันต่อมา หลังการคุยกันระหว่างเจคอปและเอริค
ห้องประชุม เอริคที่คราวนี้เหลือคนเดียวเดินเข้ามาในห้องประชุมซึ่งมีกระดานดำแบบเก่าตั้งไว้ด้านหลังพร้อมแผนที่ทางทะเลขนาดใหญ่ ในห้องเต็มเป็นด้วยทหารอากาศกว่า 50 นายโดยที่การวางแผนเริ่มไปแล้วกว่าครึ่งทาง
“หลังจากการยิงจรวดออกไปแล้ว ให้กองจู่โจมลดระดับความสูงจนเหลือระดับน้ำทะเลเพื่อหลบการตรวจจับ เมื่อจรวดร่อนถึงเป้า ก็ทำการจัดการพวกที่เหลือ ไม่ต้องสนใจคนที่ยอมแพ้ จมให้หมด” เจคอปในชุดนักบินอธิบายส่วนทั้งหมดของแผนโดยคร่าวๆ “หลังเสร็จภารกิจ รีบกลับเข้าฐานปฏิบัติการแนวหน้า เติมเชื้อเพลิงและอาวุธ จากนั้นรีบนำเครื่องขึ้นเพื่อไปสมทบที่ Minos ขอให้โชคดีทุกคน เลิกประชุม”
สิ้นเสียงเจคอปทุกคนต่างลุกออกจากห้องเพื่อแยกย้ายไปเตรียมตัวก่อนเริ่มภารกิจในอีกไม่กี่ชั่วโมง เจคอปที่เห็นเอริคเข้ามาเลยเดินออกไปหา
“กลุ่ม Last Duty ออกเดินทางไปจนเกือบถึงฐานปล่อยแล้วครับ” เอริครายงาน “ทุกคนยังไม่มีใครตาย
“เรื่องนั้นชั้นรู้ แต่การเดินทางแบบช้าๆแบบนั้นมันเสี่ยงมากรู้ใช่ไหม” เจคอปตอบกลับ “เอริค นายยังสงสัยอะไรเกี่ยวกับปฏิบัติการ Downfall ในครั้งนี้ไหม”
“ปฏิบัติการนี้แบ่งเป็นสามกอง กลุ่มแรก Last Duty จะไปควบคุมสถานีอวกาศเป็นกลุ่มแรก กลุ่มที่สองกองบินเฉพาะกิจของคุณจะออกบินในอีก3ชั่วโมงต่อมาและทำการเคลียร์รันเวย์ให้กับกลุ่มจู่โจมหลัก ที่จะขึ้นบินในอีก3ชั่วโมงให้หลัง”
“การโจมตีที่กองเรือ Radamanthys จะเกิดขึ้นพร้อมๆกับการโจมตีหลัก ซึ่งพอจะมีเวลามากพอที่ให้กองกำลังนี้วกกลับมาที่ Foward Base ที่อยู่ห่างจากแนวปะทะ 200 ไมล์ ซึ่งไกลพอจะไม่ถูกตรวจจับและเข้าไปช่วยกองบินของพวกผมได้ทัน” เอริคทบทวนแผนการ
“เมื่อเริ่มการโจมตี เราต้องรอให้ Last Duty ทำการติดตั้งระบบควบคุมการยิงเพื่อทำการยิงลงมาใส่ Minos เพื่อสังหารราชินีของพวกมัน ถึงจะสังหารไซเฟอร์ได้ หากเร็วไปราชินีก็จะสั่งการให้องครักษ์จัดการทุกอย่าง หากช้าไป อาจไม่เหลือใครรอด การโจมตีทั้งสามกลุ่มต้องเป็นไปตามแผน ห้ามพลาดเด็ดขาด ซึ่งกองบินผสมระหว่างเพกาซัสกับยูนิคอร์นหากเปิดฉากโจมตีเร็วเกินไป ฝูงบิน Radamanthys อาจส่งกองบินออกมาสนับสนุนไซเฟอร์ แต่หากช้าไป ไซเฟอร์จะส่งพวก Arachna มาจัดการชั้นเอง” เจคอปอธิบาย “คำนวณจำนวนผู้เสียชีวิตไว้แล้วหรือยัง”
“Last Duty โอกาสรอดอยู่ที่ 75%
กองบินเฉพาะกิจหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนการโอกาสรอดชีวิตทั้งฝูงมีสูงกว่า 90%
ส่วนกองบินผสมนั้น ผมว่าพวกผมเองอาจเป็นกองบินฆ่าตัวตายแน่นอน” เอริกตอบ
“ไม่ต้องห่วงเอริค สู้ในแบบของนาย และเอาตัวรอดกลับมา” เจคอปพูดเสร็จก็เดินลงไปยังโกดังเก็บเครื่องบินของเขา ในนั้น เครื่องบินรบสองลำถูกจอดอยู่ในนั้น ลำหนึ่งคือเครื่องบินสัญชาติรัสเซีย ไอพ่นคู่ ตัวเครื่องทาสีดำทั้งลำ สัญลักษณ์ปีกสีทองประดับอยู่ที่หางเสือ พร้อมรูปกระโหลกมนุษย์ตรงกลาง
ส่วนอีกลำที่จอดข้างๆนั้นเป็นเพียงซากเครื่องที่ถูกชำแหละจนเหลือแค่โครงและดูไม่ออกว่าเป็นเครื่องอะไร
“คุณเอาระบบคอมพิวเตอร์ของนาโต้ไปดัดแปลงใส่ในเครื่องบินรัสเซียเนี่ยนะ” เอริคถาม
“ช่วยไม่ได้ ชั้นอ่านภาษารัสเซียไม่ออก แถม AI สนับสนุนก็ไม่ช่วยอะไรด้วย ดีที่เรดาห์มันดี เท่านั้น” เจคอปพูดเสร็จก็ปีนขึ้นเครื่อง ก่อนที่ประตูโกดังจะเปิดเหล่าวิศวกรต่างวิ่งเข้ามาเพื่อติดตั้งอาวุธและถังเชื้อเพลิงสำรองเข้าไปในเครื่องบิน ก่อนที่เขาจะนำเครื่องไปจอดรอที่ลานบินพร้อมกับลำอื่นๆที่จอดรออยู่ นั่นคือ เครื่องบินขับไล่ F-15 EX 3 ลำ Su-35 2 ลำ และเครื่องบินโจมตีทางอิเล็กทรอนิกส์ EA-18G 1 ลำ
“เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงพร้อมเครื่องคุ้มกัน F-15 EX สองลำนำเครื่องขึ้นไปแล้วครับท่าน ส่วนเครื่องบินทิ้งระเบิดนำเครื่องขึ้นไปแล้วเมื่อ 15 นาทีก่อน ส่วนเครื่องบินระวังภัยทางอากาศพร้อมเครื่องบินคุ้มกัน 1 ลำนำเครื่องขึ้นไปแล้วครับ” นักบินเครื่อง F-15 รายงานให้เขาทราบ
“ดี ทวนแผนอีกครั้ง ทันที่ที่ออกบิน เราจะบินตรงไปทาง 090 จนถึงจุด Waypoints alpha เพื่อหลอกศัตรูหากมีพวกสอดแนมว่าเป็นกองบินลาดตระเวน จากนั้นเปลี่ยนทิศทางไปทาง 000 จนถึง Waypoint beta แล้วไต่ระดับความสูงขึ้นไปที่ระดับความสูง 60,000 ฟุตจนถึง waypoints gamma ซึ่งเป็นจุดเติมเชื้อเพลิง หลังเติมจนครบทุกลำ และเดินทางไปจนถึง waypoint delta จะเป็นจังหวะที่เครื่องบินทิ้งระเบิด B2 จะทำการยิงจรวดต่อต้านเรือรบพิสัยไกล LRASM ออกไป ในตอนนี้เราก็จะรอจนกว่าเครื่องบินระวังภัยทางอากาศตรวจจับการปล่อย Valkyria units ออกมา เราจะทำการยิง AMRAAM จาก F-15 EX ออกก่อนที่ทุกลำจะลดระดับความสูงจนอยู่ที่ระดับน้ำทะเล เมื่อจรวดร่อน LRASM เข้าถึงเป้าหมายก็ทำลายทุกอย่างที่เหลือทั้งหมด” เจคอปทวนแผนอีกรอบก่อนมองดูนาฬิกาที่อยู่บนแผงควบคุม “ทุกลำเตรียมตัว เปิด After burners ปลดเบรคใน 3 2 1 ไป”
สิ้นเสียงของเจคอป เครื่องบินทั้ง 6 ลำก็บินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะหักเลี้ยวขวาบินออกไป
“เอาล่ะ ถึงเวลาของพวกเราแล้ว” เอริคพูดขณะมองดูลานบินที่กำลังเตรียมเครื่อง Valkyria Unit เพื่อเตรียมตัวสำหรับการรบในอีกไม่กี่ชั่วโมงที่จะมาถึง “ผมยังมีบางคำถามนะคุณเจคอป ไว้เมื่อเรื่องนี้จบคุณต้องมาตอบเรื่องนี้ให้ได้”
...
ย้อนกลับไป 10 ปีก่อน
สิ้นการยิง ระบบเตือนภัยของทั้งสองลำก็ดังลั่นจากการถูกล็อกเป้าระยะไกล
“ชั้นทดสอบเครื่องบินลำนี้ คราวนี้ขอทดสอบพวกแกทั้งสองคนด้วยเลยแล้วกัน” เสียงของเจคอปดังในวิทยุ เพียงไม่นานสัญญาณระบุตำแหน่งของไฮดี้และมิคาซึกิหายไปพร้อมๆกัน
“เจคอปยิงเครื่อง VF-01 ร่วงไปสองลำ ย้ำร่วงไปสองลำ ชั้นอนุญาตให้ทั้งสองจัดการเขาให้ได้ ด้วยอาวุธจริง ย้ำกำจัดทันทีที่พบ รีบตรงไปทาง 090 ทันที จัดการเขาลงซะ” วลาดิเมียร์ออกคำสั่งในขณะที่ไซเฟอร์ยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เอริค แซนเบิรก์ ทำการเปลี่ยนเครื่องกลับเป็นFighter และบินตรงไปยังทางนั้นทันที
“มันเป็นเครื่องบิน Stealth รุ่นใหม่ เรดาห์ของนายจะหามันไม่เจอ ค้นหาจากPassive Radar ถึงแม้จะระบุพิกัดไม่ได้อย่างน้อยก็รู้ว่ามันเข้าใกล้หรือยัง”
“รับทราบ” เอริคตอบก่อนเปลี่ยนระบบค้นหาเป็นแบบ Passive ซึ่งจะคอยตรวจจับเครื่องบินศัตรูที่ใช้เรดาห์ค้นหาตัวเขาอยู่ นั่นย่อมหมายความว่า หากศัตรูปิดเรดาห์ย่อมไม่มีใครมองเห็นซึ่งกันและกัน “พบระยะแล้ว 100 ไมล์ ยิงมาไกลแถมเกือบโดน นี่ตั้งใจยิงพลาดชัดๆ”
แต่ทันใดนั้นเองระบบค้นหาแบบ Passive ก็ไม่สามารถจับระยะได้
“สัญญาณหลุด หรือว่ามันหาตำแหน่งผมเจอแล้วทำการบินคงตำแหน่งเดิมและค้นหาทางสายตา” เอริคพูดก่อนกวาดสายตา แม้ว่าระยะสายตามนุษย์จะมองได้ไกลถึง 16 กิโลเมตร แต่ระยะ 100 ไมล์นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
“อยู่ที่ไหนกันๆ เรดาห์ไม่ตอบสนอง น่าจะบินระดับเรี่ยพื้น” เอริคพยายามกวดสายตาเพื่อมองหาเป้าหมาย แต่เขายังหาไม่เจอ โดยเขานั้นก็รู้ดีว่ายิ่งหาตัวเจคอปช้ามากเท่าไหร่ ระยะของทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งใกล้กันมากขึ้นเท่านั้น
“เขาน่าจะอยู่ในระยะสายตาผมแล้ว ผมยังหาไม่เจอเลย” เอริคพยายามติดต่อไปทางศูนย์ แต่ทางนั้นเองก็ไม่สามารถค้นหาได้เช่นกัน “เดี๋ยวนะ…”
ในจังหวะนั้นเองที่เอริคกำลังมองหา ที่หางตาของเขาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวที่ปีกซ้ายของเขา ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นแค่ปีกที่สั่นจากความเร็วแต่เมื่อมองหันไปอีกที
คือเครื่องบินรบลำหนึ่งบินขนานมากับเขาแทน
“มันอยู่หลังผม!” เอริคตะโกนก่อนรีบหักขวาออก เครื่องบินรบปริศนาลำนั้นรีบหักขวาบินตามมาโดยไว เครื่อง VF-171 ปล่อยพลุไฟออกมาเป็นระยะๆ แต่เครื่องบินลำนั้นยังตามมาติดๆโดยไม่มีท่าว่าจะสลัดหลุด แต่ที่น่าแปลกใจคือ มันมีโอกาสที่จะยิงหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ยิงใส่
“ติดหลังราวกับทากาวเลย มันยังไม่ยิงใส่ผม ย้ำ ยังไม่ยิงใส่ผม” เอริคตะโกน เขาหักซ้ายหักขวา งั้นทุกท่าที่จะคิดได้เพื่อสลัดอีกฝ่ายให้หลุด แต่เมื่อเขานึกว่าจะหลุดก็ยังเห็นเครื่องบินลำเดิมที่ยังบินจ่อในระยะเผาขน “สลัดไม่หลุด ย้ำสลัดไม่หลุด! มันยังไม่ยิงอยู่ดี”
“เขาคิดจะทำอะไรครับ” ทหารประจำศูนย์ควบคุมหันมาถามวลาดิเมียร์ในขณะที่เขานั้นกำมือทั้งสองจนสั่น
“มันกำลังเล่นกับเหยื่อ” เขาตอบกลับโดยที่เหงื่อไหลท่วมทั้งตัว เพราะรู้ทันทีว่าเอริคไม่รอดแน่
“เอริค เลิกสู้ เร่งความเร็วให้สุดแล้วหนีออกมา ไม่มีประโยชน์ นายไม่รอดแน่” วลาดิเมียร์ตะโกน
“ปฏิเสธครับ ผมมีวิธีแล้ว!” เขาเร่งเครื่องแล้วกดหัวเครื่องดิ่งลงหลอกล่อให้เครื่องบินลำนั้นตามลงมา จากนั้นเขาก็เชิดหัวขึ้นทันทีพร้อมกับดับเครื่องลงบังคับให้อีกฝ่ายนำหน้าไปก่อนจะกดหัวเครื่องลงอีกรอบ ซึ่งตัวเขาเองก็เกือบหมดสติจากการหักเครื่องแบบนี้เช่นกัน “เสร็จชั้นล่ะ”
แต่ทว่าโดยไม่ทันตั้งตัว ทันทีที่เครื่องของเขาหันกลับลงมาก็พบว่าเครื่องบินลำนั้นตีลังกาหันหัวกลับมาหาเขาพร้อมกับเปิดท้องเครื่องเผยให้เห็นลำกล้องปืนใหญ่เรลกันที่ใต้ท้อง
“เวร….” สิ้นเสียงเอริคสัญญาณติดต่อของเขาก็ขาดหายไปขณะที่ไซเฟอร์พึ่งขับ VF-25 เข้ามาในระยะ 50 ไมล์
“เอริค” ไซเฟอร์เรียกแต่ตอนนี้เหลือเพียงเขาและเครื่องบินลำนั้นแล้ว
…
กลับมาปัจจุบัน
Waypoints Delta
เครื่องบินทั้ง 6 ลำล้วนต่างบินที่ระดับความสูง 60,000 ฟุตจัดฟอร์เมชั่นเป็นรูปตัว V ซึ่งด้วยระดับความสูงนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถบินขึ้นมาอยู่บนระดับความสูงที่มีอากาศเบาบางแบบนี้ได้ ในขณะที่เครื่องของพวกเขาเองก็เป็นขีดจำกัดสูงสุดของเครื่อง
“จรวดร่อนจะเข้าสู่เป้าหมายในอีก 10 นาที ทุกคน สแตนบาย” เจคอปพูดผ่านวิทยุความถี่ต่ำชนิดพิเศษของเขาซึ่งป้องกันการตรวจจับ ในขณะที่สายตาของเขากำลังมองดูเป้าหมายที่ถูกล็อกผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ของเครื่องบินระวังภัยที่ทำหน้าที่เป็นตาที่สามให้กับพวกเขา ทันใดนั้นเองที่พวกเขาเห็นว่าเครื่อง Valkyria เริ่มถูกนำขึ้นมาจอดบนลานบินของเรือบรรทุกเครื่องบินเจคอปหยิบนาฬิกาขึ้นมานับถอยหลัง “30 วินาทีให้ F-15 EX ปล่อย AMRAAM ได้”
ทันทีที่นาฬิกาของเขาชนเลข 0 เป็นจังหวะเดียวกันที่ เครื่อง Valkyria สองลำถูกปล่อยตัวออกมา
“Skull 1 Fox 3 Skull 2 Fox 3” นักบินประจำเครื่องบินF-15 EX ทั้งสองลำปล่อยจรวดออกไปจากเครื่องทั้งหมดกว่า 40 ลูก ก่อนที่ทั้งหมดเว้นแต่เครื่องโจมตีทางอิเล็กทรอนิกส์จะปลดถังเชื้อเพลิงสำรองและรีบดิ่งลงสู่ท้องทะเลเบื้องหน้า จรวดทั้งหมดจุดสันดาปท้ายก่อนจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และเริ่มทำวิถีโค้งตรงไปหาเป้าหมายระยะไกลเกือบ 100 ไมล์
ณ กองเรือของ Radamanthys
บนเรือบรรทุกเครื่องบิน Kodiak ซึ่งกำลังปล่อยเครื่องบินอยู่นั้นเหล่านักบินกว่าสิบชีวิตต่างวิ่งขึ้นเครื่องอย่างรวดเร็วเนื่องจากสัญญาณเตือนว่าระบบเรดาห์ตรวจจับเครื่องบินไม่ระบุสัญชาติ 5 ลำกำลังมาที่พวกเขา
“เร็ว ปล่อยเครื่องของ กาลาฮัทได้แล้ว!” นายทหารวิศวกรเร่งมือเหล่าทหารช่างคนอื่นๆแต่ละคน
“นี่เรือรบ Kodiak ถึงไซเฟอร์ เราถูกโจมตี ย้ำเราถูกโจมตี ส่งความช่วยเหลือมาด่วน” นายพลที่ประจำเรือวิทยุไปทาง Minos
“ไซเฟอร์ถึง Kodiak เราไม่สามารถส่งกำลังสนับสนุนไปได้ ย้ำ ทาง Minos เองก็ถูกโจมตีในเวลาเดียวกันเช่นกัน” ไซเฟอร์ส่งสัญญาณกลับเข้ามา ด้วยเสียงที่ดูเหมือนว่าเขานั้นจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว “ระวังด้วยนั่นน่าจะเป็นเจคอป ส่งมือดีไปจัดการเขาซะ”
“ไม่ต้องห่วง เราส่งคนขี่วายุไปหาเขาแล้ว ขอให้โชค…” ยังไม่ทันที่นายพลคนนั้นพูดเสร็จเสียงระเบิดก็ดังขึ้นจนทำให้ระบบการสื่อสารล่ม จรวดต่อต้านเรือรบของ B-21 พุ่งเข้าชนกลางลำเรือ ส่งผลให้หอบังคับการถูกทำลายในลูกเดียว ก่อนที่ลูกอื่นๆอีก สามลูกจะเข้าชนเรือรบอีกสามลำอย่างแม่นยำและไร้การตรวจจับ เรือคุ้มกันทั้งสามลำเสียหายหนัก แต่เรือบรรทุกเครื่องบิน Kodiak ยังคงลอยลำและยังเตรียมส่ง Valkyriaที่เหลืออยู่
“ระวัง จรวดกำลังเข้ามา!” ท่ามกลางความโกลาหล ระบบเตือนของ Valkyria ของแต่ละลำดังขึ้นเมื่อตรวจจับจรวดที่กำลังตรงเข้ามาหาเขาโดยระยะเหลือเพียงแค่ไม่กี่ไมล์เท่านั้น
“หักหลบเร็ว!” เสียงคำสั่งออกมา แต่ทว่าก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัวจรวดหลายลูกพุ่งเข้าปะทะ Valkyria หลายลำจนระเบิดกลางอากาศจนเหลือแค่VF-25 เพียง 5 ลำที่ยังอยู่รอด
“พวกมันใช้เครื่องบินโจมตีทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อหลอกว่าจรวดยังอยู่ไกลเกิน ฉลาดดีนี่เจคอป” เสียงของนักบินประจำเครื่องที่รอดอยู่พูดขึ้นมา ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร คามิโจ ฟุบูกินั่นเอง
“น่าจะคาดการณ์ได้ตั้งแต่แรกนี่นาฟุบูกิ” เสียงเจคอปดังขึ้นในวิทยุของเขาก่อนที่เรดาห์ของเขาจะตรวจจับเครื่องบิน 5 ลำตรงเข้ามาหาที่ระดับน้ำทะเล Valkyria unitทั้ง 5 ลำที่เหลือก็หันไปทางขวาเพื่อสกัดกั้นแต่ตอนนั้นเองที่จรวดต่อต้านเรือรบอีก สองลูกจะพุ่งตรงเข้าชนกลางลำเรือKodiakอย่างแรงจนเรือเริ่มเอียงขวา ก่อนที่พวกเขาจะพบเครื่องบินรบ 5 ลำบินที่ระดับเดียวกับทะเลตรงเข้ามาด้วยความเร็วเหนือเสียง พวกเขาทั้ง 5 ตั้งตั้งปืนกลยิงเข้าใส่ก่อนที่ทั้ง 5 ลำของฝั่งเจคอปจะแยกตัวฝูงออกเป็นรัศมีดวงอาทิตย์และเริ่มเข้าโจมตี
ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าปะทะแบบ Dogfight เพียงไม่นานเครื่องบินรบของฝ่ายเจคอปก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดนไล่กวดทั้งหมด แต่พวกเขายังไม่สามารถหาจังหวะเข้ายิงได้เสียที แถมจรวดที่จะใช้ยิงกลับไม่สามารถล็อคเป้าหมายตรงหน้าได้
“นี่น่ะเหรอนักบินรุ่นเก่าที่เก๋าเกม ไม่เห็นจะเก่งตรงไหน” นักบิน Valkyria พูดออกมา แต่ก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า “ยิงให้โดนก่อนค่อยพูด” สวนกลับให้โมโหเล่น
“ก็เดาไว้แล้วว่ากองบินกาลาฮัทจะเก่งมากกว่าที่เดาไว้ แต่นี่กระจอกกว่าที่เจคอปบอกไว้เยอะเลย” นักบิน Su-35 นายหนึ่งพูดก่อนที่ทั้ง 5 ลำจะอาศัยจังหวะควงสว่านเครื่องพร้อมกับลดความเร็วบีบให้เครื่อง Valkyria ทั้งหมดบินแซงไปและจัดการยิงตกไปพร้อมกัน 4 ลำ
“บัดซบ พวกแกคิดว่าจัดการชั้นแล้วเรื่องราวจะจบอย่างงั้นเหรอ เจคอปนายก็รู้ดี ต่อให้ไซเฟอร์ตาย เดี๋ยวก็มีคนอื่นก่อเรื่องแบบนี้อีก นายคิดว่านายเป็นใคร ผู้พิทักษ์งั้นเหรอ ไม่ นายก็แค่นกแร้งที่กินคนตายเท่านั้น!” ฟุบูกิพูดยั่ว โดยที่เขาพยายามหนีไม่ให้เจคอปยิงและพยายามลดความเร็วไปพร้อมๆกับเพื่อทำการShape-shiftแต่เจคอปเองก็ดันไม่ยิงออกมาซักที
“ดีดตัวยอมแพ้ซะยังดีกว่ามาพูดแบบนี้นะฟุบูกิ” เจคอปสวน
“กล้าดียังไง!” ฟุบูกิตอบก่อนหักเลี้ยวเครื่องจนเฉียดพื้นทะเลและพยายามหลบการโจมตีของเจคอปขณะที่นักบินคนอื่นบินกลับขึ้นไปทำความสูงเพื่อคอยดูการต่อสู้ครั้งนี้ “เจคอป แกมันไอ้ชาติชั่ว คิดว่าชั้นไม่รู้งั้นหรือที่แกทำ อะไรกับกองบินของชั้น คิดว่าชั้นโง่หรือไง ชั้นจะแฉแก และกองบินของแก ไม่ให้แกมีที่ยืนเลย!”
“พูดอะไรของแก ไม่เห็นรู้เรื่อง” เจคอปตอบทำเอาฟุบูกิโมโห
“5ปีที่แล้ว แกแทรกแซงการทำงานของชั้น แกทำลายระบบของ Radamanthys แกทำให้ซึบาสะต้องตาย” ฟุบูกิตะคอก “ชั้นกับไซเฟอร์สืบหาความจริงมาหมดแล้ว แกคือคนร้ายทั้งหมด Arachna สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม ทั้งหมดคือแผนการของแก!”
“แกสร้างทฤษฎีสมคบคิดมาได้สนุกดี แต่เรื่องราวของแกจะจบในการยิงนัดนี้แหละ” เจคอปพูดผ่านวิทยุโดยไม่ยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาของฟุบูกิ “ลาขาด”
พูดเสร็จกระสุนปืนใหญ่ขนาด 30 มม. ก็ยิงสาดออกมาจากปากกระบอกปืนที่ติดบนเครื่อง ตัวกระสุนพุ่งเข้าหาห้องพลขับตรงๆทะลุแขนซ้ายและขวาของฟุบูกิจนขาดกระเด็น ก่อนที่นัดอื่นๆจะเข้าใส่กลางลำตัวของเครื่องและตัดปีกขวาของเครื่องจนขาดกระเด็น
“หึหึหึหึ เจคอป ต่อให้ชั้นตาย แกไม่มีทางรอดจากเรื่องนี้” ฟุบูกิตะโกนก่อนที่เครื่องของเขาจะระเบิดกลางอากาศ เครื่องบิน Su-35 ของเจคอปเชิดหัวบินขึ้นไปรวมฝูงกับคนอื่นๆ
“นี่เรือบรรทุกเครื่องบิน Kodiak แห่งกองทัพเรือ Radamanthys พวกเรายอมแพ้ ได้โปรดหยุดยิง” ทหารช่างที่อยู่บนเรือวิทยุขึ้นมา “ขอให้ทำตามอนุสัญญาเจนีวาที่บังคับให้หยุดโจมตีแก่ผู้ยอมแพ้ด้วย พวกเราได้ปลดอาวุธหมดแล้ว”
“Geneva convention? More like Geneva suggestion.” เจคอปพูดออกมาทำเอาทหารช่างคนนั้นตกตะลึง ไม่ถึงเสียววินาที ระเบิดลูกหนึ่งก็พุ่งฝ่าบรรยากาศลงมาจากเครื่อง B-21 อีกลำที่ยังไม่ได้โจมตีตรงมายังเรือ Kodiak พอดิบพอดีทำให้เรือทั้งลำระเบิดแยกออกเป็นสองส่วนและจมหายลงทะเลไปในพริบตา
“เล่นระเบิดMOABแบบนี้ไม่มีใครสนใจเหรอครับ บอส” นักบินที่มองดูหันมาถามเจคอป
“ไม่มี เอาล่ะ กลับฐาน เลิกภารกิจการสนับสนุนที่ Minos” เจคอปออกคำสั่งทำให้ทุกคนเกิดสงสัยขึ้นมา “เราไม่มีเชื้อเพลิงพอที่จะบินไปถึง แถมการต่อสู้ที่ไมนอสน่าจะจบในอีก สาม สอง หนึ่ง”
ทันใดนั้นเองพวกเขาก็เห็นลำแสงสีฟ้ายิงลงมาจากอวกาศลงสู่พื้นดินทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นทางเดียวกับไมนอส และจากขนาดของมันน่าจะยิงทำลายเมืองทั้งเมืองไปเลย ทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่าไม่น่ามีใครรอดจากการยิงครั้งนั้นได้
“RTB” เจคอปออกคำสั่งก่อนที่ทุกคนจะบินกลับไปยัง Aiacos
-สรุปปฏิบัติการ-
ปฏิบัติการ Downfall ประสบความสําเร็จ
สถานีอวกาศถูกทำลาย
นักบิน Valkyria Unit 47 นายเสียชีวิตในการรบ
พลเรือน Minos เสียชีวิต 12,000,000 คน
กองกบฏทั้งหมด 323 คนเสียชีวิตทั้งหมด
นักบินกองกำลัง Last Duty และวิศวกรสนามทั้งหมดเสียชีวิต
Arachna ทั้งหมดถูกกำจัดพร้อมนางพญา
-ภารกิจสำเร็จ สงครามเป็นฝ่ายชนะ-
นักบินฝึกหัด โซเนีย บูลเล็ทฮาร์ท รับการเลื่อนขั้นเป็นร้อยเอก ดำรงตำแหน่งครูฝึกประจำกองบิน Valkyria
นักบินกองบิน Skulls กลับเข้าประจำการ นำไปสู่การแยกหมวดหมู่กองทัพเป็นกองทัพ บก เรือ อากาศและอวกาศใหม่ยกแผง
เจคอป แอนเดอสัน ทำการปลดเกษียณตนเอง ก่อนได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีโดยการโจมตีความหละหลวมของกองทัพสมัยประธานาธิบดีไฮเซ็นไทน์ และทำการปฏิรูปกองทัพขึ้นมาใหม่
…
ปีต่อมา
สถานที่ไม่ระบุ
“ครับผมเอง”
“ใช่ครับ ไซเฟอร์ทำภารกิจสำเร็จ ไม่ต้องห่วงครับ แม้ว่าทางด้านนอกจะคิดว่า Arachna จะตายหมดแบบไม่เหลืออะไรอีก ไซเฟอร์ส่งแบบรหัส DNA นางพญาตัวสมบูรณ์ที่สามารถดัดแปลงพันธุกรรมมนุษย์ได้มาให้แล้ว กำลังทดลองในขั้นตอนถัดไปครับ น่าจะมีประโยชน์ให้ใช้รอบหน้า”
“ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเขาทุกคนคิดว่าผมตายไปแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครรู้ว่าผมนี่แหละที่เป็นตัวการในแผนการครั้งนี้ ผมเป็นคนลอบสังหารไฮเซนไทน์และกล่อมให้อีวานเข้าร่วมกับไซเฟอร์เพื่อมันจะได้โดนฆ่าทิ้งแถมผลงานทั้งหมดไซเฟอร์ยังได้เครดิตไปอีกตามคาดครับ ต้องขอบคุณเอริคที่ไม่สงสัยผม และคุณ ไม่เป็นไรครับ ตอนภารกิจจบผมที่แกล้งตายแอบกลับมาสลับบันทึกของเอริคและทำลายบันทึกจริงไปแล้วครับ”
“ผมเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าตอนที่วลาดิเมียร์สงสัยไซเฟอร์เพราะเขานั้นสงสัยคุณอีกคนด้วย ขออภัยครับ แต่ดูเหมือนว่าก่อนเขาตายเขาดันส่งความขี้ระแวงมาให้เอริคด้วย”
“ไม่ต้องห่วงครับเรื่องของเธอ ผมจับตาดูอยู่และเธอเองก็นึกไม่ถึงเรื่องนี้เช่นกัน ครับ เธอยังมีประโยชน์อยู่ ไว้หมดงานเมื่อไหร่ค่อยจัดการครับ”
“เรื่องที่ Radamanthys เป็นฝีมือของผมเองครับ งานง่ายๆแค่ฆ่าคนในหน่วยของพวกเขาแล้วให้ไซเฟอร์ไปเป่าหูให้ทั้งกาลาฮัทและแลนสล็อตเชื่อตาม ตัดปัญหาในอนาคตได้เลย ดีแล้วที่พวกเขาโดนกองบิน Skull จัดการ”
“ใช่ครับ ผมจะแฝงตัวทำภารกิจต่อไป แต่ว่าชื่อเดิมคงใช้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว ผมจะหาชื่อใหม่เพื่อแฝงตัวรับคำสั่งถัดไปครับ ท่านประธาน”
จบการเชื่อมต่อ
…..
ที่ตู้แสดงกลับไม่มีสัตว์ด้านใน มีเพียงกระจกเงาแผ่นนึง และข้อความที่ระบุว่า “คุณกำลังมองหาสัตว์ที่อันตรายที่สุดในโลก ซึ่งจากทุกสายพันธุ์แล้ว มีเพียงสายพันธุ์เดียวที่อันตรายมากพอจะทำลายทุกสิ่งบนโลกได้อย่างง่ายดาย”
หลังจากมนุษย์ละทิ้งโลก และเดินทางออกสู่อวกาศ และมาปักหลังสู่ดาวดวงใหม่ Gliese 667Cc พวกเขาแยกยานมาปักหลักและเริ่มทำในสิ่งเดิมที่มนุษย์ทำ
ทำลายทุกอย่างที่ไม่ใช่ตนเอง และทำให้ตนเองอยู่รอด
และเพียงไม่นาน สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นก็เริ่มจู่โจมพวกเขา ‘Arachna’ สิ่งมีชีวิตคล้ายแมลงขนาดยักษ์ที่จับกินทุกอย่าง และยังมีความสามารถคล้ายปรสิตที่เข้าเปลี่ยนร่างกายของเหยื่อให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวมันเอง
มนุษยชาติสามารถกวาดล้างให้พวกมันล่าถอยไปได้ครั้งหนึ่ง แต่เพียง 10 ปีผ่านไป พวกมันก็กลับมาอีกครั้ง และคราวนี้ มีคนหรือกลุ่มบางกลุ่มฉวยโอกาสนี้ได้ทำการก่อกบฏด้วยอุดมการณ์เพื่อแปรเปลี่ยนมนุษย์ ไซเฟอร์ และในช่วงเวลาที่ชะตาของมนุษย์กำลังอยู่บนเส้นด้าย Radamanthys และ Minos ถูกทำลายและถูกยึด จำนวนทหารก็เหลือน้อยเต็มที
จึงมีคำสั่งจากเอริคเรียกเหล่าทหารที่ปลดประจำการและลาออกทุกนายที่ยังสามารถรบได้กลับเข้าประจำการทันที
ฐานบัญชาการ Aiacos
ห้องบัญชาการ
หน้าห้อง
ในช่วงเวลาอันแสนวุ่นวาย เหล่าทหารหลายนายกำลังวุ่นกับการเตรียมตัว ทั้งปฏิบัติการบินเพื่อลาดตระเวนหาข่าวรวมถึงการเตรียมการป้องกันเมือง ผู้บังคับการ เอริก แซนเบิรก์ในชุดทหารสีเทาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับทหารสาวอีกคนที่เดินตามมาติดๆ ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร โซเนีย บุลเล็ทฮาร์ท ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในห้องบัญชาการก็พบกับชายผมขาวร่างสูง ใบหน้าของเขาดูราวอายุ 50 ที่เริ่มมีริ้วรอยแสดงออกมา และรอยแผลเป็นที่แก้มซ้ายที่เห็นได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเขาจะมีอายุที่มาก แต่หากสังเกตุที่แขนในส่วนที่ชุดทหารสีน้ำทะเลที่ไม่ทับนั้นกลับมีเพียงกล่ามเนื้อที่ไร้ความปวกเปียก บ่งบอกถึงสภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ที่สำคัญคือ
เขานั้นนั่งอยู่ตรงเก้าอี้บัญชาการที่เป็นของเอริคต่างหาก
“กลับมาไม่ถึง 15 นายทีท่านผู้พันเล่นแย่งที่ผมเลยหรือครับ” เอริคพูดแซวก่อนยกมือทำวันทยาหัตถ์เคารพ “นายพันเจคอป แอนเดอสัน”
“เรียกชั้นพร้อมทหารแก่ๆมา คงไม่ได้อยากบอกว่าเอาลูกชายชั้นไปเข้าหน่วยพลีชีพอย่างเดียวใช่ไหมล่ะ” นายพันเจคอป แอนเดอสันตอบกลับ
“คุณน่าจะรู้ดีถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมา และคุณก็เป็นถึงครูฝึกพิเศษให้ไซเฟอร์เมื่อ 10 ปีก่อน” อีริคพูดทำเอาโซเนียหันควับไปมอง เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครในชั้นเรียนของเธอเคยทราบมาก่อน “คุณน่าจะรู้ว่า เขาคิดอย่างไร และมีแผนการอะไรในหัว”
“แล้วแกล่ะ อีริค แกเป็นคนเดียวในชั้นที่เอาชนะไซเฟอร์ได้ในสนามจริง ในตอนสู้กันกลางอากาศ หากเดาความคิดอีกฝ่ายไม่ออกคงไม่มีทางชนะได้หรอก” เจคอปถามย้อน เพื่อลองให้อีริคคิดเอาเอง นั่นคือวิธีสอนของเจคอปที่สอนนักบินมาโดยตลอด
“การต่อสู้ของไซเฟอร์ ดุดัน คาดเดายาก บางจังหวะที่คิดจะโจมตีกลับไม่โจมตีจังหวะป้องกันกลับโจมตี เมื่อเข้าจังหวะโจมตีกลับโจมตีต่อเนื่องไม่หยุด” อีริคเริ่มวิเคราะห์และประมวลการต่อสู้เมื่อ 10 ปีก่อนของเขาและไซเฟอร์ “หากวันนั้นคุณไม่โดดเข้ามาไล่ยิงผมและไซเฟอร์กลางสนาม วันนั้นผลอาจไม่เป็นแบบนั้น… ไซเฟอร์ไม่คิดจะโจมตีในอีกวันสองวันนี้ เขาจงใจให้เราลดความระแวงจากนั้นจะเปิดฉากโจมตีแบบสายฟ้าแลบ ส่ง Arachna จำพวกเจาะอุโมงค์เข้ามาก่อน จากนั้นก็ส่งกองบินภาคอากาศเข้ามาและปิดท้ายด้วยนางพญาและองค์รักษ์ของนาง”
พูดเสร็จอีริคก็เงียบไป
“หากเป็นแบบนั้นจะเกิดอะไรขึ้น” เจคอปถาม
“ด้วยกำลังพลที่เหลือ ภายใน 3 ชั่วโมง ไม่สิ 5 นาที กองกำลังหน้าด่านเราจะแตกหมด ภายใน 30-45 นาที พลเรือนเกินกว่าครึ่งจะตาย” อีริคพูดออกมาพร้อมมือที่เริ่มสั่น เขาเองก็ตกตะลึงกับการวิเคราะห์ด้วยตัวเขาเองเช่นกัน
“ผิด” เจคอปพูดขึ้นมาก่อนส่งกระดาษแผ่นนึงให้อีริค “ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ”
อีริครับกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูสิ่งที่เขาเห็นคือภาพถ่ายดาวเทียมที่ถ่ายภาพมหาสมุทรขนาดใหญ่ที่มีเรือรบลอยลำอยู่4ลำ
“นี่มันอะไรกัน คุณไปได้มาจากไหน ทำไมผมถึงไม่เห็นภาพนี้”
“Anderson Air Industries ไม่ใช่บริษัทเอกชนที่ทำแต่อาวุธยุทโธปกรณ์มาขายให้พวกนายอย่างเดียวหรอก เมื่อ 5 ปีก่อน เรายังคงสงสัยว่าพวก Arachna น่าจะยังไม่ตาย และการพึ่งพาสถานีอวกาศอย่างเดียวคงไม่พอ ชั้นจึงออกคำสั่งลับให้ส่งดาวเทียมขนาดเล็กกระจายทั่วทั้งดาวเพื่อทำการค้นหาแบบเรียลไทม์ พวกมันหาไม่เจอ แต่เมื่อ 11 ชั่วโมงก่อนมันส่งภาพนี้มาให้” เจคอปอะธิบาย
“มันคืออะไรคะ” โซเนียถาม
“RMT Kodiak เรือบรรทุกเครื่องบินรุ่นเก่าพร้อมกับกองเรือ Invincible Fleet ของ Radamanthys… เป็นไปไม่ได้ Radamanthys ล่มสลายไปแล้วกองเรือนี้โผล่มาได้ยังไงกัน” อีริคพูดออกมา
“ลองนึกย้อนดูสิอีริค 10 ปีก่อนมีแค่ไซเฟอร์คนเดียวเหรอที่เอาชนะ Arachna ได้ Radamanthys เองก็ขับไล่ไปได้เหมือนกัน แต่ทำไมล่ะ ทำไมการโจมตีของ Arachna นางพญาและลูกน้องเพียงหยิบมือเดียวกับสังหาร Ace Pilot และยังจัดการทั้งหมดในเสี้ยวเดียว” เจคอปถาม “ทั้งหมดนี้มันดูไม่สมเหตุสมผลนอกจากว่า”
“มีคนในที่ร่วมมือกับไซเฟอร์” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
“และคนที่ว่ากำลังเอากองเรือนี้ไปสมทบกับไซเฟอร์ และเมื่อไซเฟอร์ส่งสัญญาณให้กองเรือนี้เปิดฉากโจมตีเช่นกัน”
“แล้วคนคนนั้นมันเป็นใครกัน ใครที่ร่วมมือกับคนอย่างไซเฟอร์ คนแบบนั้นได้” เอริคพูดพลางเริ่มวิเคราะห์บุคคลน่าสงสัยพวกนั้นก่อนที่เจคอปจะส่งห่อกระดาษสีน้ำตาลให้ เอริคไม่พูดพร่ำเขารีบเปิดห่อกระดษทันทีก่อนพบภาพของไซเฟอร์กำลังแอบคุยกับคนในมุมมืดของฐานทัพ แม้ว่าจะเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน แต่เขาจำแขนอัลลอยได้อย่างชัดเจน “คามิโจ ฟุบูกิ”
“อะไรกัน” โซเนียร้องออกมา “นอกจากเราต้องปะทะกับเอซอย่างไซเฟอร์แล้วยังต้องมาเจอฟุบูกิอีกงั้นเหรอ”
“เรายังไม่ทราบจำนวนคนที่ร่วมมือแน่นอนไม่ได้ แต่ที่แน่ๆที่พวกนี้ร่วมมือกับไซเฟอร์คงเพราะแนวคิดทางอุดมการณ์” เจคอปพูด “อุดมการณ์หัวรุนแรงที่จะเอาคนที่เหมาะสมส่งสายเลือดของมนุษย์ที่เหมาะสมต่อไปยังรุ่นถัดไป”
“แล้วเราจะเอายังไงครับท่านผู้พัน” เอริคถามตรงๆ
“วิธีง่ายๆแต่ได้ผล เปิดก่อนได้เปรียบ” เจคอปตอบทันควัน “คนอย่างไซเฟอร์คงรู้อยู่แล้วว่าเราจะบุกไปยังไมนอส แต่คงไม่คิดว่าเรารู้เรื่องของกองเรือ ชั้นจะจัดตั้งกองบินเฉพาะกิจขึ้นมา…”
“ตอนนี้ผมมีแต่เครื่อง VF-1 ให้คุณใช้หวังว่า…”
“ให้ตายก็ไม่ขับเครื่องห่วยแบบนั้นหรอก ยิ่งภารกิจนี้ยิ่งไม่ได้ เราจำเป็นต้องใช้เครื่องบินรบรุ่นเก่าต่างหาก” เจคอปพูดออกมา ก่อนส่งรายชื่อเครื่องบินรบที่เขาต้องใช้
เครื่องบินทิ้งระเบิด B-21 2 ลำ
เครื่องบินรบ F-15 EX 6 ลำ
เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศKC-135R
เครื่องบินรบทางอิเล็กทรอนิกส์ EA-18G
เครื่องบินรบ Su-35 2 ลำ
เครื่องบินเตือนภัย AWACS EC-121
“ผมจัดหาเครื่องบินรบให้ได้นะ แต่มันจะไม่เสี่ยงงั้นเหรอ เอาเครื่องบินรุ่นเก่าไปปะทะกับ Valkyria unit แบบนั้น” เอริคถามกลับ
“เชื่อชั้น นักบินรุ่นเก่าๆเขาชอบแบบนี้ทั้งนั้น ให้เวลา 2วันเตรียมให้ครบ เมื่อพร้อมเราจะเริ่มประชุมแผนการรบทันที” เจคอปพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไปพร้อมตบบ่าเอริคเบาๆ
“เราเชื่อใจเขาได้เหรอคะ เขาเป็นครูของไซเบอร์ แถมยังอายุมากแล้วอีก” โซเนี่ยถาม
“เธอเคยสอบห้องซีมูเลเตอร์ระดับยากสุดได้นานแค่ไหน” เอริคหันมาถามเธอ
“ยิงไม่โดนเป้า หลบได้นานสุด 15 นาทีค่ะ” โซเนียตอบกลับ
“ผมยิงโดนแค่ครั้งเดียวก่อนจะโดนเครื่องบินในนั้นยิงผมร่วง” เอริคตอบก่อนหันหน้ามามองโซเนีย “เครื่องบินรบลำที่ไล่กวดเราในซีมูเรเตอร์นั้น เป็นตัวจำลองความสามารถของเจคอป แอนเดอสัน ซึ่งตอนผมปะทะกับเขาเมื่อสิบปีก่อนนั้น…”
“มันไม่ถึงครึ่งของความเป็นจริงเลย”
...
10 ปีก่อน
ห้องบัญชาการ ฐานทัพอากาศ Aiacos
ในห้องดูไม่แตกต่างจากในอีก 10 ปีผ่านไปนัก เหล่าทหารนับสิบกำลังนั่งมองดูจอมอนิเตอร์ห้าตัวขนาดใหญ่ที่กำลังฉายหน้าจอแสดงผลของเครื่องบิน 4 ลำที่บินอยู่บนท้องฟ้า และจอตรงกลางแสดงเรดาห์แสดงตำแหน่งของนักบินทั้งสี่ที่อยู่แยกกันสองจุด
ฝั่งซ้ายของเรดาห์เป็นเครื่อง Valkyria Unit สีขาวสองลำ โดยลำนึงนั้นมีลักษณะที่มีขนาดใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็คือ VF-25 Messiah กับ VF-1
ส่วนฝั่งขวาของเรดาร์ เป็นเครื่อง Valkyria สีน้ำเงินเข้ม ซึ่งก็คือ VF-171 Nightmare กับ VF-1 อีกลำ
“ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่ระยะตรวจจับของกันและกันแล้วครับท่านวลาดิเมียร์” นายทหารประจำโต๊ะพูด
“เริ่มการซ้อมรบได้ มาดูกันว่าระหว่างชั้นกับแกใครฝึกนักบินเก่งกว่ากัน” วลาดิเมียร์ ชายผมขาวที่ไว้ยาว รูปร่างผอมสูงดวงตาสีฟ้า ที่นั่งบนเก้าอี้กลางโต๊ะพูดออกมา “แล้วเจ้าเจคอปมันไปไหนของมัน”
ในเรดาร์ เครื่องบินทั้งสี่เริ่มเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีลำไหนเปิดฉากเข้าโจมตีกันก่อน ทั้งสี่เข้าใกล้มากขึ้นก่อนที่จรวดลูดหนึ่งยิงออกมาจากฝั่งซ้าย จรวดนั้นตรงเข้าไปหา VF-1 ของฝั่งขวาก่อนจะกระทบเป้าเต็มๆ
“ไฮดี้ เหมอลอยอะไรของเธอ เธอถูกยิงตกแล้ว ออกจากสนามด้วย” ทหารที่นั่งในห้องออกคำสั่งก่อนที่เครื่อง VF-1 ฝั่งซ้ายจะแยกตัวออก ฝั่งขวาก็ดันแยกออกเช่นกัน “มิคาซึกิ แกออกไปทำไม”
“พอดีผมเผลอกดยิงโดยไม่ฟังคำสั่งไซเฟอร์ น่ะครับ ผมปล่อยให้ทั้งสองคนสู้กันเองดีกว่าแฟร์ๆดี ฮ่าๆๆ” เสียงตอบกวนๆของมิคาซึกิกลับมา ปล่อยให้เครื่องบินทั้งสองลำเข้าใกล้กันมากขึ้น
ก่อนทั้งสองลำจะบินสวนกัน ในทันทีทันใดเครื่อง VF-25 วกกลับหลังอย่างรวดเร็วและไล่จี้ VF-171 แต่ยังไม่ยิง แต่ในจังหวะนั้นเอง VF-171 กลับลดความเร็วลงและเชิดหัวอย่างรวดเร็วเป็นการทำ โคบร้าและทำให้ VF-25 แซงนำหน้าไป ก่อนจะหักหัวลงมาไล่กวด VF-25 อีกรอบ VF-171 ยิงกระสุนจำลองเข้าใส่ VF-25 แต่ก็พลาดเป้า ในจังหวะนั้นเองที่จรวดสองลูกยิงออกมาจาก VF-25 ก่อนจะเลี้ยงโค้งข้ามหัวเครื่องย้อนกลับไปหา VF-171 เครื่อง 171 ก็เร่งความเร็วเครื่องบีบให้จรวดทั้งสองลูกพลาดเป้าหมาย แต่ยังสามารถไล่กวด 25 ได้ง่ายดายขึ้น
เครื่องVF-25 หักเลี้ยวขวาหลบก่อนจะหักเครื่องดิ่งพสุธาลงไปที่พื้น เครื่อง VF-171 ตามลงไปติดๆ และยิงจรวดตามไป VF-25 หักเครื่องขึ้นก่อนชนพื้นทำให้จรวดพวกนั้นชนพื้นไปแทน แต่ก็ยังสลัด VF-171 ไม่ได้ ก่อนที่เครื่อง VF-25 จะทำการ Shape-shift เป็นร่างหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์และหันปืนเข้าใส่ VF-171 และกราดยิงเข้าใส่ แต่ VF-171 เองก็สามารถหักหลบได้อย่างทันท่วงทีและ Shape-shift พร้อมกับยืนมือออกไปจับปืนนั้นและหักขึ้นชี้ฟ้า ก่อนที่ตนเองจะเล็งปืนเข้าไปหาแต่ก็ถูก VF-25 เอามือซ้ายจับปืนไว้ไม่ให้ถูกเล็งใส่ตัว แต่ก็ถูก VF-171 เอาเท้าถีบเข้ากลางหัวอย่างจังจนกระเด็นถอยออกไป ทั้งสองลำล้วนต่างยืนจ้องหน้ากันเพื่อหาจังหวะเข้าโจมตี
“รุกฆาต ไซเฟอร์ไม่มีทางเอาชนะเอริคที่เชี่ยวชาญการสู้แบบนี้ได้หรอก” วลาดิเมียร์พูดก่อนหยิบว็อคก้าขึ้นมาหมายจะดื่ม
ปัง!
เสียงกัมปนาทดังขึ้นมาทำเอาคนทั้งห้องสะดุ้ง แม้แต่นักบินบนเครื่องบินทั้งสองก็เช่นกัน เพราะพวกเขาเองก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรพุ่งผ่านกลางลำเครื่องไป
“อะไรวะนะ” วลาดิเมียร์พูดพร้อมกับเผลอทำเหล้าหก ขณะที่เหล่าทหารพยายามค้นหาเส้นทางการยิง
“ตรวจไม่พบบนเรดาร์ กำลังค้นหาวิถีกระสุน ทาง 090 เมื่อซักครู่กระสุนเรลกันครับ!” ทหารคนนั้นตะโกนออกมา
“X-02! เจคอป” วลาดิเมียร์กัดฟันอย่างโมโหเมื่อรู้ว่าอาวุธอะไรที่ถูกนำมาใช้
“พลาด ก็เดาไว้แล้ว แต่ถ้ายิงโดนก็ไม่สนุกน่ะสิ” เสียงของเจคอปดังขึ้นในวิทยุของทุกคน
“อาจารย์” ไซเฟอร์พูดออกมา…
…
2 วันต่อมา หลังการคุยกันระหว่างเจคอปและเอริค
ห้องประชุม เอริคที่คราวนี้เหลือคนเดียวเดินเข้ามาในห้องประชุมซึ่งมีกระดานดำแบบเก่าตั้งไว้ด้านหลังพร้อมแผนที่ทางทะเลขนาดใหญ่ ในห้องเต็มเป็นด้วยทหารอากาศกว่า 50 นายโดยที่การวางแผนเริ่มไปแล้วกว่าครึ่งทาง
“หลังจากการยิงจรวดออกไปแล้ว ให้กองจู่โจมลดระดับความสูงจนเหลือระดับน้ำทะเลเพื่อหลบการตรวจจับ เมื่อจรวดร่อนถึงเป้า ก็ทำการจัดการพวกที่เหลือ ไม่ต้องสนใจคนที่ยอมแพ้ จมให้หมด” เจคอปในชุดนักบินอธิบายส่วนทั้งหมดของแผนโดยคร่าวๆ “หลังเสร็จภารกิจ รีบกลับเข้าฐานปฏิบัติการแนวหน้า เติมเชื้อเพลิงและอาวุธ จากนั้นรีบนำเครื่องขึ้นเพื่อไปสมทบที่ Minos ขอให้โชคดีทุกคน เลิกประชุม”
สิ้นเสียงเจคอปทุกคนต่างลุกออกจากห้องเพื่อแยกย้ายไปเตรียมตัวก่อนเริ่มภารกิจในอีกไม่กี่ชั่วโมง เจคอปที่เห็นเอริคเข้ามาเลยเดินออกไปหา
“กลุ่ม Last Duty ออกเดินทางไปจนเกือบถึงฐานปล่อยแล้วครับ” เอริครายงาน “ทุกคนยังไม่มีใครตาย
“เรื่องนั้นชั้นรู้ แต่การเดินทางแบบช้าๆแบบนั้นมันเสี่ยงมากรู้ใช่ไหม” เจคอปตอบกลับ “เอริค นายยังสงสัยอะไรเกี่ยวกับปฏิบัติการ Downfall ในครั้งนี้ไหม”
“ปฏิบัติการนี้แบ่งเป็นสามกอง กลุ่มแรก Last Duty จะไปควบคุมสถานีอวกาศเป็นกลุ่มแรก กลุ่มที่สองกองบินเฉพาะกิจของคุณจะออกบินในอีก3ชั่วโมงต่อมาและทำการเคลียร์รันเวย์ให้กับกลุ่มจู่โจมหลัก ที่จะขึ้นบินในอีก3ชั่วโมงให้หลัง”
“การโจมตีที่กองเรือ Radamanthys จะเกิดขึ้นพร้อมๆกับการโจมตีหลัก ซึ่งพอจะมีเวลามากพอที่ให้กองกำลังนี้วกกลับมาที่ Foward Base ที่อยู่ห่างจากแนวปะทะ 200 ไมล์ ซึ่งไกลพอจะไม่ถูกตรวจจับและเข้าไปช่วยกองบินของพวกผมได้ทัน” เอริคทบทวนแผนการ
“เมื่อเริ่มการโจมตี เราต้องรอให้ Last Duty ทำการติดตั้งระบบควบคุมการยิงเพื่อทำการยิงลงมาใส่ Minos เพื่อสังหารราชินีของพวกมัน ถึงจะสังหารไซเฟอร์ได้ หากเร็วไปราชินีก็จะสั่งการให้องครักษ์จัดการทุกอย่าง หากช้าไป อาจไม่เหลือใครรอด การโจมตีทั้งสามกลุ่มต้องเป็นไปตามแผน ห้ามพลาดเด็ดขาด ซึ่งกองบินผสมระหว่างเพกาซัสกับยูนิคอร์นหากเปิดฉากโจมตีเร็วเกินไป ฝูงบิน Radamanthys อาจส่งกองบินออกมาสนับสนุนไซเฟอร์ แต่หากช้าไป ไซเฟอร์จะส่งพวก Arachna มาจัดการชั้นเอง” เจคอปอธิบาย “คำนวณจำนวนผู้เสียชีวิตไว้แล้วหรือยัง”
“Last Duty โอกาสรอดอยู่ที่ 75%
กองบินเฉพาะกิจหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนการโอกาสรอดชีวิตทั้งฝูงมีสูงกว่า 90%
ส่วนกองบินผสมนั้น ผมว่าพวกผมเองอาจเป็นกองบินฆ่าตัวตายแน่นอน” เอริกตอบ
“ไม่ต้องห่วงเอริค สู้ในแบบของนาย และเอาตัวรอดกลับมา” เจคอปพูดเสร็จก็เดินลงไปยังโกดังเก็บเครื่องบินของเขา ในนั้น เครื่องบินรบสองลำถูกจอดอยู่ในนั้น ลำหนึ่งคือเครื่องบินสัญชาติรัสเซีย ไอพ่นคู่ ตัวเครื่องทาสีดำทั้งลำ สัญลักษณ์ปีกสีทองประดับอยู่ที่หางเสือ พร้อมรูปกระโหลกมนุษย์ตรงกลาง
ส่วนอีกลำที่จอดข้างๆนั้นเป็นเพียงซากเครื่องที่ถูกชำแหละจนเหลือแค่โครงและดูไม่ออกว่าเป็นเครื่องอะไร
“คุณเอาระบบคอมพิวเตอร์ของนาโต้ไปดัดแปลงใส่ในเครื่องบินรัสเซียเนี่ยนะ” เอริคถาม
“ช่วยไม่ได้ ชั้นอ่านภาษารัสเซียไม่ออก แถม AI สนับสนุนก็ไม่ช่วยอะไรด้วย ดีที่เรดาห์มันดี เท่านั้น” เจคอปพูดเสร็จก็ปีนขึ้นเครื่อง ก่อนที่ประตูโกดังจะเปิดเหล่าวิศวกรต่างวิ่งเข้ามาเพื่อติดตั้งอาวุธและถังเชื้อเพลิงสำรองเข้าไปในเครื่องบิน ก่อนที่เขาจะนำเครื่องไปจอดรอที่ลานบินพร้อมกับลำอื่นๆที่จอดรออยู่ นั่นคือ เครื่องบินขับไล่ F-15 EX 3 ลำ Su-35 2 ลำ และเครื่องบินโจมตีทางอิเล็กทรอนิกส์ EA-18G 1 ลำ
“เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงพร้อมเครื่องคุ้มกัน F-15 EX สองลำนำเครื่องขึ้นไปแล้วครับท่าน ส่วนเครื่องบินทิ้งระเบิดนำเครื่องขึ้นไปแล้วเมื่อ 15 นาทีก่อน ส่วนเครื่องบินระวังภัยทางอากาศพร้อมเครื่องบินคุ้มกัน 1 ลำนำเครื่องขึ้นไปแล้วครับ” นักบินเครื่อง F-15 รายงานให้เขาทราบ
“ดี ทวนแผนอีกครั้ง ทันที่ที่ออกบิน เราจะบินตรงไปทาง 090 จนถึงจุด Waypoints alpha เพื่อหลอกศัตรูหากมีพวกสอดแนมว่าเป็นกองบินลาดตระเวน จากนั้นเปลี่ยนทิศทางไปทาง 000 จนถึง Waypoint beta แล้วไต่ระดับความสูงขึ้นไปที่ระดับความสูง 60,000 ฟุตจนถึง waypoints gamma ซึ่งเป็นจุดเติมเชื้อเพลิง หลังเติมจนครบทุกลำ และเดินทางไปจนถึง waypoint delta จะเป็นจังหวะที่เครื่องบินทิ้งระเบิด B2 จะทำการยิงจรวดต่อต้านเรือรบพิสัยไกล LRASM ออกไป ในตอนนี้เราก็จะรอจนกว่าเครื่องบินระวังภัยทางอากาศตรวจจับการปล่อย Valkyria units ออกมา เราจะทำการยิง AMRAAM จาก F-15 EX ออกก่อนที่ทุกลำจะลดระดับความสูงจนอยู่ที่ระดับน้ำทะเล เมื่อจรวดร่อน LRASM เข้าถึงเป้าหมายก็ทำลายทุกอย่างที่เหลือทั้งหมด” เจคอปทวนแผนอีกรอบก่อนมองดูนาฬิกาที่อยู่บนแผงควบคุม “ทุกลำเตรียมตัว เปิด After burners ปลดเบรคใน 3 2 1 ไป”
สิ้นเสียงของเจคอป เครื่องบินทั้ง 6 ลำก็บินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะหักเลี้ยวขวาบินออกไป
“เอาล่ะ ถึงเวลาของพวกเราแล้ว” เอริคพูดขณะมองดูลานบินที่กำลังเตรียมเครื่อง Valkyria Unit เพื่อเตรียมตัวสำหรับการรบในอีกไม่กี่ชั่วโมงที่จะมาถึง “ผมยังมีบางคำถามนะคุณเจคอป ไว้เมื่อเรื่องนี้จบคุณต้องมาตอบเรื่องนี้ให้ได้”
...
ย้อนกลับไป 10 ปีก่อน
สิ้นการยิง ระบบเตือนภัยของทั้งสองลำก็ดังลั่นจากการถูกล็อกเป้าระยะไกล
“ชั้นทดสอบเครื่องบินลำนี้ คราวนี้ขอทดสอบพวกแกทั้งสองคนด้วยเลยแล้วกัน” เสียงของเจคอปดังในวิทยุ เพียงไม่นานสัญญาณระบุตำแหน่งของไฮดี้และมิคาซึกิหายไปพร้อมๆกัน
“เจคอปยิงเครื่อง VF-01 ร่วงไปสองลำ ย้ำร่วงไปสองลำ ชั้นอนุญาตให้ทั้งสองจัดการเขาให้ได้ ด้วยอาวุธจริง ย้ำกำจัดทันทีที่พบ รีบตรงไปทาง 090 ทันที จัดการเขาลงซะ” วลาดิเมียร์ออกคำสั่งในขณะที่ไซเฟอร์ยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เอริค แซนเบิรก์ ทำการเปลี่ยนเครื่องกลับเป็นFighter และบินตรงไปยังทางนั้นทันที
“มันเป็นเครื่องบิน Stealth รุ่นใหม่ เรดาห์ของนายจะหามันไม่เจอ ค้นหาจากPassive Radar ถึงแม้จะระบุพิกัดไม่ได้อย่างน้อยก็รู้ว่ามันเข้าใกล้หรือยัง”
“รับทราบ” เอริคตอบก่อนเปลี่ยนระบบค้นหาเป็นแบบ Passive ซึ่งจะคอยตรวจจับเครื่องบินศัตรูที่ใช้เรดาห์ค้นหาตัวเขาอยู่ นั่นย่อมหมายความว่า หากศัตรูปิดเรดาห์ย่อมไม่มีใครมองเห็นซึ่งกันและกัน “พบระยะแล้ว 100 ไมล์ ยิงมาไกลแถมเกือบโดน นี่ตั้งใจยิงพลาดชัดๆ”
แต่ทันใดนั้นเองระบบค้นหาแบบ Passive ก็ไม่สามารถจับระยะได้
“สัญญาณหลุด หรือว่ามันหาตำแหน่งผมเจอแล้วทำการบินคงตำแหน่งเดิมและค้นหาทางสายตา” เอริคพูดก่อนกวาดสายตา แม้ว่าระยะสายตามนุษย์จะมองได้ไกลถึง 16 กิโลเมตร แต่ระยะ 100 ไมล์นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
“อยู่ที่ไหนกันๆ เรดาห์ไม่ตอบสนอง น่าจะบินระดับเรี่ยพื้น” เอริคพยายามกวดสายตาเพื่อมองหาเป้าหมาย แต่เขายังหาไม่เจอ โดยเขานั้นก็รู้ดีว่ายิ่งหาตัวเจคอปช้ามากเท่าไหร่ ระยะของทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งใกล้กันมากขึ้นเท่านั้น
“เขาน่าจะอยู่ในระยะสายตาผมแล้ว ผมยังหาไม่เจอเลย” เอริคพยายามติดต่อไปทางศูนย์ แต่ทางนั้นเองก็ไม่สามารถค้นหาได้เช่นกัน “เดี๋ยวนะ…”
ในจังหวะนั้นเองที่เอริคกำลังมองหา ที่หางตาของเขาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวที่ปีกซ้ายของเขา ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นแค่ปีกที่สั่นจากความเร็วแต่เมื่อมองหันไปอีกที
คือเครื่องบินรบลำหนึ่งบินขนานมากับเขาแทน
“มันอยู่หลังผม!” เอริคตะโกนก่อนรีบหักขวาออก เครื่องบินรบปริศนาลำนั้นรีบหักขวาบินตามมาโดยไว เครื่อง VF-171 ปล่อยพลุไฟออกมาเป็นระยะๆ แต่เครื่องบินลำนั้นยังตามมาติดๆโดยไม่มีท่าว่าจะสลัดหลุด แต่ที่น่าแปลกใจคือ มันมีโอกาสที่จะยิงหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ยิงใส่
“ติดหลังราวกับทากาวเลย มันยังไม่ยิงใส่ผม ย้ำ ยังไม่ยิงใส่ผม” เอริคตะโกน เขาหักซ้ายหักขวา งั้นทุกท่าที่จะคิดได้เพื่อสลัดอีกฝ่ายให้หลุด แต่เมื่อเขานึกว่าจะหลุดก็ยังเห็นเครื่องบินลำเดิมที่ยังบินจ่อในระยะเผาขน “สลัดไม่หลุด ย้ำสลัดไม่หลุด! มันยังไม่ยิงอยู่ดี”
“เขาคิดจะทำอะไรครับ” ทหารประจำศูนย์ควบคุมหันมาถามวลาดิเมียร์ในขณะที่เขานั้นกำมือทั้งสองจนสั่น
“มันกำลังเล่นกับเหยื่อ” เขาตอบกลับโดยที่เหงื่อไหลท่วมทั้งตัว เพราะรู้ทันทีว่าเอริคไม่รอดแน่
“เอริค เลิกสู้ เร่งความเร็วให้สุดแล้วหนีออกมา ไม่มีประโยชน์ นายไม่รอดแน่” วลาดิเมียร์ตะโกน
“ปฏิเสธครับ ผมมีวิธีแล้ว!” เขาเร่งเครื่องแล้วกดหัวเครื่องดิ่งลงหลอกล่อให้เครื่องบินลำนั้นตามลงมา จากนั้นเขาก็เชิดหัวขึ้นทันทีพร้อมกับดับเครื่องลงบังคับให้อีกฝ่ายนำหน้าไปก่อนจะกดหัวเครื่องลงอีกรอบ ซึ่งตัวเขาเองก็เกือบหมดสติจากการหักเครื่องแบบนี้เช่นกัน “เสร็จชั้นล่ะ”
แต่ทว่าโดยไม่ทันตั้งตัว ทันทีที่เครื่องของเขาหันกลับลงมาก็พบว่าเครื่องบินลำนั้นตีลังกาหันหัวกลับมาหาเขาพร้อมกับเปิดท้องเครื่องเผยให้เห็นลำกล้องปืนใหญ่เรลกันที่ใต้ท้อง
“เวร….” สิ้นเสียงเอริคสัญญาณติดต่อของเขาก็ขาดหายไปขณะที่ไซเฟอร์พึ่งขับ VF-25 เข้ามาในระยะ 50 ไมล์
“เอริค” ไซเฟอร์เรียกแต่ตอนนี้เหลือเพียงเขาและเครื่องบินลำนั้นแล้ว
…
กลับมาปัจจุบัน
Waypoints Delta
เครื่องบินทั้ง 6 ลำล้วนต่างบินที่ระดับความสูง 60,000 ฟุตจัดฟอร์เมชั่นเป็นรูปตัว V ซึ่งด้วยระดับความสูงนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถบินขึ้นมาอยู่บนระดับความสูงที่มีอากาศเบาบางแบบนี้ได้ ในขณะที่เครื่องของพวกเขาเองก็เป็นขีดจำกัดสูงสุดของเครื่อง
“จรวดร่อนจะเข้าสู่เป้าหมายในอีก 10 นาที ทุกคน สแตนบาย” เจคอปพูดผ่านวิทยุความถี่ต่ำชนิดพิเศษของเขาซึ่งป้องกันการตรวจจับ ในขณะที่สายตาของเขากำลังมองดูเป้าหมายที่ถูกล็อกผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ของเครื่องบินระวังภัยที่ทำหน้าที่เป็นตาที่สามให้กับพวกเขา ทันใดนั้นเองที่พวกเขาเห็นว่าเครื่อง Valkyria เริ่มถูกนำขึ้นมาจอดบนลานบินของเรือบรรทุกเครื่องบินเจคอปหยิบนาฬิกาขึ้นมานับถอยหลัง “30 วินาทีให้ F-15 EX ปล่อย AMRAAM ได้”
ทันทีที่นาฬิกาของเขาชนเลข 0 เป็นจังหวะเดียวกันที่ เครื่อง Valkyria สองลำถูกปล่อยตัวออกมา
“Skull 1 Fox 3 Skull 2 Fox 3” นักบินประจำเครื่องบินF-15 EX ทั้งสองลำปล่อยจรวดออกไปจากเครื่องทั้งหมดกว่า 40 ลูก ก่อนที่ทั้งหมดเว้นแต่เครื่องโจมตีทางอิเล็กทรอนิกส์จะปลดถังเชื้อเพลิงสำรองและรีบดิ่งลงสู่ท้องทะเลเบื้องหน้า จรวดทั้งหมดจุดสันดาปท้ายก่อนจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และเริ่มทำวิถีโค้งตรงไปหาเป้าหมายระยะไกลเกือบ 100 ไมล์
ณ กองเรือของ Radamanthys
บนเรือบรรทุกเครื่องบิน Kodiak ซึ่งกำลังปล่อยเครื่องบินอยู่นั้นเหล่านักบินกว่าสิบชีวิตต่างวิ่งขึ้นเครื่องอย่างรวดเร็วเนื่องจากสัญญาณเตือนว่าระบบเรดาห์ตรวจจับเครื่องบินไม่ระบุสัญชาติ 5 ลำกำลังมาที่พวกเขา
“เร็ว ปล่อยเครื่องของ กาลาฮัทได้แล้ว!” นายทหารวิศวกรเร่งมือเหล่าทหารช่างคนอื่นๆแต่ละคน
“นี่เรือรบ Kodiak ถึงไซเฟอร์ เราถูกโจมตี ย้ำเราถูกโจมตี ส่งความช่วยเหลือมาด่วน” นายพลที่ประจำเรือวิทยุไปทาง Minos
“ไซเฟอร์ถึง Kodiak เราไม่สามารถส่งกำลังสนับสนุนไปได้ ย้ำ ทาง Minos เองก็ถูกโจมตีในเวลาเดียวกันเช่นกัน” ไซเฟอร์ส่งสัญญาณกลับเข้ามา ด้วยเสียงที่ดูเหมือนว่าเขานั้นจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว “ระวังด้วยนั่นน่าจะเป็นเจคอป ส่งมือดีไปจัดการเขาซะ”
“ไม่ต้องห่วง เราส่งคนขี่วายุไปหาเขาแล้ว ขอให้โชค…” ยังไม่ทันที่นายพลคนนั้นพูดเสร็จเสียงระเบิดก็ดังขึ้นจนทำให้ระบบการสื่อสารล่ม จรวดต่อต้านเรือรบของ B-21 พุ่งเข้าชนกลางลำเรือ ส่งผลให้หอบังคับการถูกทำลายในลูกเดียว ก่อนที่ลูกอื่นๆอีก สามลูกจะเข้าชนเรือรบอีกสามลำอย่างแม่นยำและไร้การตรวจจับ เรือคุ้มกันทั้งสามลำเสียหายหนัก แต่เรือบรรทุกเครื่องบิน Kodiak ยังคงลอยลำและยังเตรียมส่ง Valkyriaที่เหลืออยู่
“ระวัง จรวดกำลังเข้ามา!” ท่ามกลางความโกลาหล ระบบเตือนของ Valkyria ของแต่ละลำดังขึ้นเมื่อตรวจจับจรวดที่กำลังตรงเข้ามาหาเขาโดยระยะเหลือเพียงแค่ไม่กี่ไมล์เท่านั้น
“หักหลบเร็ว!” เสียงคำสั่งออกมา แต่ทว่าก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัวจรวดหลายลูกพุ่งเข้าปะทะ Valkyria หลายลำจนระเบิดกลางอากาศจนเหลือแค่VF-25 เพียง 5 ลำที่ยังอยู่รอด
“พวกมันใช้เครื่องบินโจมตีทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อหลอกว่าจรวดยังอยู่ไกลเกิน ฉลาดดีนี่เจคอป” เสียงของนักบินประจำเครื่องที่รอดอยู่พูดขึ้นมา ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร คามิโจ ฟุบูกินั่นเอง
“น่าจะคาดการณ์ได้ตั้งแต่แรกนี่นาฟุบูกิ” เสียงเจคอปดังขึ้นในวิทยุของเขาก่อนที่เรดาห์ของเขาจะตรวจจับเครื่องบิน 5 ลำตรงเข้ามาหาที่ระดับน้ำทะเล Valkyria unitทั้ง 5 ลำที่เหลือก็หันไปทางขวาเพื่อสกัดกั้นแต่ตอนนั้นเองที่จรวดต่อต้านเรือรบอีก สองลูกจะพุ่งตรงเข้าชนกลางลำเรือKodiakอย่างแรงจนเรือเริ่มเอียงขวา ก่อนที่พวกเขาจะพบเครื่องบินรบ 5 ลำบินที่ระดับเดียวกับทะเลตรงเข้ามาด้วยความเร็วเหนือเสียง พวกเขาทั้ง 5 ตั้งตั้งปืนกลยิงเข้าใส่ก่อนที่ทั้ง 5 ลำของฝั่งเจคอปจะแยกตัวฝูงออกเป็นรัศมีดวงอาทิตย์และเริ่มเข้าโจมตี
ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าปะทะแบบ Dogfight เพียงไม่นานเครื่องบินรบของฝ่ายเจคอปก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดนไล่กวดทั้งหมด แต่พวกเขายังไม่สามารถหาจังหวะเข้ายิงได้เสียที แถมจรวดที่จะใช้ยิงกลับไม่สามารถล็อคเป้าหมายตรงหน้าได้
“นี่น่ะเหรอนักบินรุ่นเก่าที่เก๋าเกม ไม่เห็นจะเก่งตรงไหน” นักบิน Valkyria พูดออกมา แต่ก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า “ยิงให้โดนก่อนค่อยพูด” สวนกลับให้โมโหเล่น
“ก็เดาไว้แล้วว่ากองบินกาลาฮัทจะเก่งมากกว่าที่เดาไว้ แต่นี่กระจอกกว่าที่เจคอปบอกไว้เยอะเลย” นักบิน Su-35 นายหนึ่งพูดก่อนที่ทั้ง 5 ลำจะอาศัยจังหวะควงสว่านเครื่องพร้อมกับลดความเร็วบีบให้เครื่อง Valkyria ทั้งหมดบินแซงไปและจัดการยิงตกไปพร้อมกัน 4 ลำ
“บัดซบ พวกแกคิดว่าจัดการชั้นแล้วเรื่องราวจะจบอย่างงั้นเหรอ เจคอปนายก็รู้ดี ต่อให้ไซเฟอร์ตาย เดี๋ยวก็มีคนอื่นก่อเรื่องแบบนี้อีก นายคิดว่านายเป็นใคร ผู้พิทักษ์งั้นเหรอ ไม่ นายก็แค่นกแร้งที่กินคนตายเท่านั้น!” ฟุบูกิพูดยั่ว โดยที่เขาพยายามหนีไม่ให้เจคอปยิงและพยายามลดความเร็วไปพร้อมๆกับเพื่อทำการShape-shiftแต่เจคอปเองก็ดันไม่ยิงออกมาซักที
“ดีดตัวยอมแพ้ซะยังดีกว่ามาพูดแบบนี้นะฟุบูกิ” เจคอปสวน
“กล้าดียังไง!” ฟุบูกิตอบก่อนหักเลี้ยวเครื่องจนเฉียดพื้นทะเลและพยายามหลบการโจมตีของเจคอปขณะที่นักบินคนอื่นบินกลับขึ้นไปทำความสูงเพื่อคอยดูการต่อสู้ครั้งนี้ “เจคอป แกมันไอ้ชาติชั่ว คิดว่าชั้นไม่รู้งั้นหรือที่แกทำ อะไรกับกองบินของชั้น คิดว่าชั้นโง่หรือไง ชั้นจะแฉแก และกองบินของแก ไม่ให้แกมีที่ยืนเลย!”
“พูดอะไรของแก ไม่เห็นรู้เรื่อง” เจคอปตอบทำเอาฟุบูกิโมโห
“5ปีที่แล้ว แกแทรกแซงการทำงานของชั้น แกทำลายระบบของ Radamanthys แกทำให้ซึบาสะต้องตาย” ฟุบูกิตะคอก “ชั้นกับไซเฟอร์สืบหาความจริงมาหมดแล้ว แกคือคนร้ายทั้งหมด Arachna สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม ทั้งหมดคือแผนการของแก!”
“แกสร้างทฤษฎีสมคบคิดมาได้สนุกดี แต่เรื่องราวของแกจะจบในการยิงนัดนี้แหละ” เจคอปพูดผ่านวิทยุโดยไม่ยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาของฟุบูกิ “ลาขาด”
พูดเสร็จกระสุนปืนใหญ่ขนาด 30 มม. ก็ยิงสาดออกมาจากปากกระบอกปืนที่ติดบนเครื่อง ตัวกระสุนพุ่งเข้าหาห้องพลขับตรงๆทะลุแขนซ้ายและขวาของฟุบูกิจนขาดกระเด็น ก่อนที่นัดอื่นๆจะเข้าใส่กลางลำตัวของเครื่องและตัดปีกขวาของเครื่องจนขาดกระเด็น
“หึหึหึหึ เจคอป ต่อให้ชั้นตาย แกไม่มีทางรอดจากเรื่องนี้” ฟุบูกิตะโกนก่อนที่เครื่องของเขาจะระเบิดกลางอากาศ เครื่องบิน Su-35 ของเจคอปเชิดหัวบินขึ้นไปรวมฝูงกับคนอื่นๆ
“นี่เรือบรรทุกเครื่องบิน Kodiak แห่งกองทัพเรือ Radamanthys พวกเรายอมแพ้ ได้โปรดหยุดยิง” ทหารช่างที่อยู่บนเรือวิทยุขึ้นมา “ขอให้ทำตามอนุสัญญาเจนีวาที่บังคับให้หยุดโจมตีแก่ผู้ยอมแพ้ด้วย พวกเราได้ปลดอาวุธหมดแล้ว”
“Geneva convention? More like Geneva suggestion.” เจคอปพูดออกมาทำเอาทหารช่างคนนั้นตกตะลึง ไม่ถึงเสียววินาที ระเบิดลูกหนึ่งก็พุ่งฝ่าบรรยากาศลงมาจากเครื่อง B-21 อีกลำที่ยังไม่ได้โจมตีตรงมายังเรือ Kodiak พอดิบพอดีทำให้เรือทั้งลำระเบิดแยกออกเป็นสองส่วนและจมหายลงทะเลไปในพริบตา
“เล่นระเบิดMOABแบบนี้ไม่มีใครสนใจเหรอครับ บอส” นักบินที่มองดูหันมาถามเจคอป
“ไม่มี เอาล่ะ กลับฐาน เลิกภารกิจการสนับสนุนที่ Minos” เจคอปออกคำสั่งทำให้ทุกคนเกิดสงสัยขึ้นมา “เราไม่มีเชื้อเพลิงพอที่จะบินไปถึง แถมการต่อสู้ที่ไมนอสน่าจะจบในอีก สาม สอง หนึ่ง”
ทันใดนั้นเองพวกเขาก็เห็นลำแสงสีฟ้ายิงลงมาจากอวกาศลงสู่พื้นดินทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นทางเดียวกับไมนอส และจากขนาดของมันน่าจะยิงทำลายเมืองทั้งเมืองไปเลย ทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่าไม่น่ามีใครรอดจากการยิงครั้งนั้นได้
“RTB” เจคอปออกคำสั่งก่อนที่ทุกคนจะบินกลับไปยัง Aiacos
-สรุปปฏิบัติการ-
ปฏิบัติการ Downfall ประสบความสําเร็จ
สถานีอวกาศถูกทำลาย
นักบิน Valkyria Unit 47 นายเสียชีวิตในการรบ
พลเรือน Minos เสียชีวิต 12,000,000 คน
กองกบฏทั้งหมด 323 คนเสียชีวิตทั้งหมด
นักบินกองกำลัง Last Duty และวิศวกรสนามทั้งหมดเสียชีวิต
Arachna ทั้งหมดถูกกำจัดพร้อมนางพญา
-ภารกิจสำเร็จ สงครามเป็นฝ่ายชนะ-
นักบินฝึกหัด โซเนีย บูลเล็ทฮาร์ท รับการเลื่อนขั้นเป็นร้อยเอก ดำรงตำแหน่งครูฝึกประจำกองบิน Valkyria
นักบินกองบิน Skulls กลับเข้าประจำการ นำไปสู่การแยกหมวดหมู่กองทัพเป็นกองทัพ บก เรือ อากาศและอวกาศใหม่ยกแผง
เจคอป แอนเดอสัน ทำการปลดเกษียณตนเอง ก่อนได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีโดยการโจมตีความหละหลวมของกองทัพสมัยประธานาธิบดีไฮเซ็นไทน์ และทำการปฏิรูปกองทัพขึ้นมาใหม่
…
ปีต่อมา
สถานที่ไม่ระบุ
“ครับผมเอง”
“ใช่ครับ ไซเฟอร์ทำภารกิจสำเร็จ ไม่ต้องห่วงครับ แม้ว่าทางด้านนอกจะคิดว่า Arachna จะตายหมดแบบไม่เหลืออะไรอีก ไซเฟอร์ส่งแบบรหัส DNA นางพญาตัวสมบูรณ์ที่สามารถดัดแปลงพันธุกรรมมนุษย์ได้มาให้แล้ว กำลังทดลองในขั้นตอนถัดไปครับ น่าจะมีประโยชน์ให้ใช้รอบหน้า”
“ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเขาทุกคนคิดว่าผมตายไปแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครรู้ว่าผมนี่แหละที่เป็นตัวการในแผนการครั้งนี้ ผมเป็นคนลอบสังหารไฮเซนไทน์และกล่อมให้อีวานเข้าร่วมกับไซเฟอร์เพื่อมันจะได้โดนฆ่าทิ้งแถมผลงานทั้งหมดไซเฟอร์ยังได้เครดิตไปอีกตามคาดครับ ต้องขอบคุณเอริคที่ไม่สงสัยผม และคุณ ไม่เป็นไรครับ ตอนภารกิจจบผมที่แกล้งตายแอบกลับมาสลับบันทึกของเอริคและทำลายบันทึกจริงไปแล้วครับ”
“ผมเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าตอนที่วลาดิเมียร์สงสัยไซเฟอร์เพราะเขานั้นสงสัยคุณอีกคนด้วย ขออภัยครับ แต่ดูเหมือนว่าก่อนเขาตายเขาดันส่งความขี้ระแวงมาให้เอริคด้วย”
“ไม่ต้องห่วงครับเรื่องของเธอ ผมจับตาดูอยู่และเธอเองก็นึกไม่ถึงเรื่องนี้เช่นกัน ครับ เธอยังมีประโยชน์อยู่ ไว้หมดงานเมื่อไหร่ค่อยจัดการครับ”
“เรื่องที่ Radamanthys เป็นฝีมือของผมเองครับ งานง่ายๆแค่ฆ่าคนในหน่วยของพวกเขาแล้วให้ไซเฟอร์ไปเป่าหูให้ทั้งกาลาฮัทและแลนสล็อตเชื่อตาม ตัดปัญหาในอนาคตได้เลย ดีแล้วที่พวกเขาโดนกองบิน Skull จัดการ”
“ใช่ครับ ผมจะแฝงตัวทำภารกิจต่อไป แต่ว่าชื่อเดิมคงใช้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว ผมจะหาชื่อใหม่เพื่อแฝงตัวรับคำสั่งถัดไปครับ ท่านประธาน”
จบการเชื่อมต่อ
…..