|
Post by GreyTear on Jun 17, 2017 10:30:50 GMT
พรึ่บบบบ..............................................บึ้มมม !! ยานมาร์ซิอุสเบี่ยงหลบลูกตอร์ปิโดที่พุ่งมาด้วยความเร็วแสง 2 ลูก ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกมาจากอุโมงค์ความเร็วแสง อย่างไม่คิดชีวิต !! ถึงจะออกมาจากความเร็วแสงได้แต่ก็พบว่าตอร์ปิโดของข้าศึกยิงเข้าเป้าไปลูกนึง ! เครื่องยนต์ด้านขวาจึงพิการโดยสมบูรณ์ !
"ไฟไหม้ !! ยานไฟไหม้ !! พวกต้นกลรีบไปแก้เร็ว !!"
"เครื่องยนต์ก็ดับไปด้วย !! ต้นกลรีบไปซ่อมเร็ว !!"
... (อีกทางด้านหนึ่ง ที่ฝ่ายต้นกล)
ทอมมี่ (กำลังวิ่งไปที่กาบขวาของยาน) : อะไรนักหนาวะเนี่ย !! อะไรๆก็ต้องเป็นตูคนเดียวเลยหรอ !! ปั๊ดโถ่วว !! งั้นวันนี้ขอพอแค่นี้ก็แล้วกัน !! ฝากด้วยนะ ฟรานซิส !!
ฟรานซิส : ฟรานซิสรายงานตัวแล้วว !! ไว้ใจข้าได้เลยทอมมี่ !!
...
"คุณต้นเรือ ! ดูข้างหน้าด้วย ! พวกเรากำลังจะจูบเข้ากับดวงจันทร์มานอส !" จีโน่ตะโกนออกมาสุดเสียงพร้อมกับมีสีหน้าตื่นตกใจอย่างสุดขีด !
ยานมาร์ซิอุสถึงแม้จะออกมาจาก <Porter Drive> ได้แล้ว... แต่ตัวยานยังคงมีแรงเฉื่อยอยู่ ยานจึงไหลลอยไปข้างหน้าและกำลังจะชนกับดวงจันทร์มานอสที่อยู่ใกล้ๆ !
"ถอยหลัง... ถอยหลังเต็มกำลัง ! จุดระเบิดไอพ่นสำรอง !"
บึ้มมม !!
"ไอพ่นด้านขวาไม่ทำงาน !! โว้ยย !! ไอ้พวกต้นกล !! ซ่อมเสร็จยัง !!" มาจิตะโกนเรียกติดต่อไปที่ฝ่ายต้นกลบริเวณกาบขวาของตัวยาน
ฟรานซิส (เป็นฝ่ายตอบกลับมา) : แกมาลองมาจัดการเองบ้างดูไหมล่ะ !! ที่ข้าทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ง่ายๆนะโว้ยยย !! แล้วไอ้บ้าที่ไหน บังคับเอายานออกจาก <Porter Drive> กะทันหันวะเนี่ย !! รู้ไหมว่าข้าแทบจะอ้วกออกมาเลยน่ะ หะ !!"
มาจิ : กัปตันจีโน่เป็นคนสั่งน่ะ มีปัญหาอะไรไหม !
ฟรานซิส : ให้มันได้อย่างนี้สิวะ !
...
มาจิ : พวกฝ่ายต้นกลน่าจะยังซ่อมไม่ทัน แถมยานของเราก็ไม่มีระบบไอพ่นรีเวิร์สด้านหน้า ! งั้นสงสัยจะต้องเลี้ยวโค้งแล้ว ! ทุกๆคนหาที่ยึดไว้ ยานเรากำลังจะกลับหลังหัน !
จีโน่ : จะบ้าหรือไงมาจิ คลินท์ ! ทำแบบนั้นเดี๋ยวเครื่องยนต์ด้านซ้ายก็ได้พังไปด้วยหรอก เพราะมันจะโอเวอร์โหลด !
มาจิ : ก็ได้ครับ กัปตัน ! งั้นเอางี้ ! ทิ้งระเบิดแรงดัน ! ให้มันระเบิดบนชั้นบรรยากาศ แรงระเบิดจะช่วยผลักยานเราให้ออกไปได้ !
จีโน่ : ดวงจันทร์ที่นี่ไม่มีชั้นบรรยากาศหรอกนะ ! ถ้าจะทิ้งระเบิดก็ต้องทิ้งให้มันกระทบกับพื้น !
มาจิ : งั้นจัดไปตามที่ท่านต้องการเลยครับกัปตัน... งั้นผมจะเปลี่ยนไปเป็นทิ้งระเบิดปรมาณูแทนละกันนะครับ ไม่งั้นแรงระเบิดจะไม่มากพอ !
ริเอะ (ตะโกนออกมาสุดเสียง) : เดี๋ยวๆๆๆ นี่นายจะบ้าหรอ !
จีโน่ : เดี๋ยวคุณจะบ้าหรอ ! มาจิ ! นู๊คที่ติดตั้งไว้กับตัวยานไม่ได้มีเอาไว้ทำอย่างนั้นนะ !
มาจิ : เหอะๆ ก็อย่างที่บอกไงว่าตัวผมคนนี้มันอยู่นอกกรอบ !
..........และแล้ว... ระเบิดปรมาณูก็ถูกทิ้งลงไปตามแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์... ก่อนที่มันจะ.......วีดดดดดด.....บึ้มมมมมม !! ริเอะ : อ้ากกกกก !! ตายแน่ๆ ตายโหง !!
จีโน่ (พึมพำกับตัวเอง) : ขนาดน้องตูยังไม่บ้าเท่านี้เลย...
ยานมาร์ซิอุสลอยห่างออกจากดวงจันทร์ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่อยู่ด้านหน้าอีกต่อไป.......................แต่ว่าต้องไปพะวงกับสิ่งที่อยู่ด้านหลังแทน !
จีโน่ : มาจิ ! ด้านหลังนั่นมันดวงอาทิตย์ !
มาจิ : เคลื่อนไปด้านหน้า ! เคลื่อนไปด้านหน้า ! โว้ยยยยย !! ไอ้พวกต้นกล !! พวกมึ งซ่อมกันเสร็จแล้วหรือยาาาาง !!!!! (ติดต่อไปหาฟรานซิสหัวหน้าต้นกลอีกที)
ฟรานซิส : อีก 2 นาทีโว้ยยย !! ขออีก 2 นาที !!
มาจิ : ไม่ทันแล้วโว้ยยย !! เตรียมตัวยิงระเบิดปรมาณูอีกลูก !!
จีโน่ : อย่านะ !!
ริเอะ : พบยานข้าศึก 2 ลำกำลังออกมาจาก <Porter Drive> !
พรึ่บบบๆ !!
เรือโจรสลัดอวกาศโผล่ออกมาจาก <Porter Drive> 2 ลำ ด้านหลังของยานมาร์ซิอุส !
มาจิ : ใกล้มาก !! ถ้าเป็นอย่างนี้ขืนยิงนู๊คออกไปได้ตายกันหมดแน่ !!
จีโน่ : ก็ใช่น่ะสิ !!
มาจิ : ล็อคเป้าตอร์ปิโด้ !!
จีโน่ : นี่คิดจะสู้กะพวกมันจริงๆหรอ !!
มาจิ : ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่าาา !! ยานพวกเราเหนือกว่าพวกมันครับ !! กัปตัน !! ถ้าหนีไม่ได้ก็เปิดหน้าสู้กับพวกมันเลย !! เติมกำลังเกราะด้านท้าย 25% เตรียมรับแรงปะทะจากตอร์ปิโด
จีโน่ : เอาเต็มที่เลย... แล้วแต่คุณแล้วล่ะคุณต้นเรือ !!
มาจิ : ตอร์ปิโด ยิงได้ !! หึๆๆ เดี๋ยวพ่อจะซัดให้เละเลย !!
ตู้ม ตู้ม !!
ตอร์ปิโดจากยานมาร์ซิอุสพุ่งเข้าเป้าทั้ง 2 ลูก ! เรือโจรสลัดทั้ง 2 ลำรับแรงระเบิดอนุภาคทำลายล้างสูงไปลำละลูก !
มาจิ : ฮ่ะๆๆๆๆ ไอ้พวกกา ก เอ้ยย !! แค่ตอร์ปิโดลูกเดียวยานพวกมึ ง ก็ขาดออกเป็น 2 ท่อนแล้วหรอวะ ! ของแค่นี้ไม่คะนามือฉันหรอก ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่าาา !!
จีโน่ (กระซิบไปที่ริเอะ) : นี่เวลาปกติเค้าจะเป็นอย่างงี้ตลอดเลยใช่ไหมเนี่ย...
ริเอะได้แต่หน้าแดงก่ำไม่ยอมพูดอะไร... ก่อนที่เธอจะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างบนเรดาห์ก่อนจะพูดว่า !
"เรือรบข้าศึกอีกลำปรากฏตัวด้านหน้า ! ต้นเรือ ! เอายังไงต่อ !"
มาจิ : ล็อคเป้าตอร์ปิโด---
จีโน่ : ตอร์ปิโดต้องใช้เวลาคูลดาวน์ !
มาจิ : งั้นเล็งเป้ามิซไซล์ ! ปืนเฟรเซอร์ ! ลำแสงคอสมิค ! มีอาวุธยุทโธปกรณ์เท่าไหร่ ! ซัดให้เกลี้ยง !
ริเอะ : ไม่ทันแล้ว ! พวกนั้นเปิดฉากยิงมาก่อนแล้ว !
ปิ้วๆๆๆๆๆๆๆ ตั้ม !! ปิ้วๆๆๆๆๆๆๆ ตั้ม !!
กระสุนปืนใหญ่ของโจรสลัดพุ่งมาพร้อมๆกับลำแสงเลเซอร์ !
มาจิ : งั้นต้องหลีกหลบ !! ปั๊ดโถ่ววว โว้ยย !! ไอ้พวกต้นกล !! พวกมึ งเล่นไพ่อีแก่กันอยู่หรือไง !! เมื่อไหร่จะซ่อมยานเสร็จ วะไอ้พวกเต่าคลาน !!
ฟรานซิส : ขออีก 5 วิ !! ขอจูนระบบเครื่องปรับอากาศอีกเล็กน้อย !!
มาจิ : เครื่องปรับอากาศบิดามึ ง น่ะสิ !!
ฟรานซิส : เสร็จแล้วโว้ยยยย !!
วืดดดดดดด !!
//ระบบเครื่องยนต์ทำงานได้สมบูรณ์ ! กำลังขับเคลื่อนเพิ่มขึ้นเต็มที่ !// (เสียงแจ้งจากคอมพิวเตอร์)
มาจิ : เกราะหน้าๆ ! เพิ่มพลังไปที่เกราะหน้า !!
ยานมาร์ซิอุสโดนยิงเสียหายหนัก ! พลังของเกราะหน้าลดลงเหลือ 25%
มาจิ : ไม่ไหวแล้ว !! พวกมันยิงมามากเกิน !! ต้องหลบหลีก !!
จีโน่ : พรางตัวสิ มาจิ !!
มาจิ : รับทราบ !! ยิงกระสุนหมอก !!
ฟู่ววว !!
หมอกสีขาวกระจายปกคลุมยานมาร์ซิอุส จนฝั่งข้าศึกไม่สามารถล็อคเป้าได้
จีโน่ : ทักไปหน่อยไหม ? ว่าพวกมันต้องการอะไร
มาจิ : ไม่จำเป็นครับกัปตัน ! พวกโจรสลัดพวกนั้นก็แค่ต้องการจับพวกเราไปเรียกค่าไถ่หรืออะไรเทือกนั้นแหละครับ ! ผมว่าเรายิงสวนกลับไปดีกว่า ! อีกอย่าง ! ตอนนี้เรากำลังอยู่ในเขต Un-Forbidden Zone พวกนั้นจะทำอะไรกับเราก็ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีสัจจะ ไม่มีความเชื่อใจ การเจรจาไม่มีประโยชน์ในสังคมที่อยู่ภายนอกกฎเกณฑ์ครับท่าน !
จีโน่ : เอาที่สบายใจ…
...ปิ้ววว !....
จีโน่ : ต้นเรือ ! นั่นคุณทำอะไรลงไปน่ะ !!
มาจิ : ผมก็แค่ปล่อยระเบิดปรมาณูออกไปอีกลูก......
จีโน่ : ปั๊ดโถ่วววเอ้ยย !! ข้าแต่พระเทพโคฟี่แห่งแสง !! ขอให้ข้าพเจ้าผ่านพ้นวันนี้ไปได้ด้วยเถิด
กัปตันจีโน่ถึงกับต้องพนมมือสวดมนต์เมื่อพบกับความบ้าบิ่นของต้นเรือคนนี้เข้าไป ....บึ้มมม !!มิซไซส์ปรมาณูพุ่งผ่านกลุ่มหมอกออกมาก่อนที่จะพุ่งเข้าไประเบิดที่ผิวของดวงจันทร์ ! รัศมีแรงระเบิดมากพอที่จะทำให้เรือโจรสลัดที่อยู่ด้านหน้าสลายหายไปได้ โดยไม่เกิดอันตรายกับยานสำรวจมาร์ซิอุส... แต่ทว่าระเบิดนั้นได้ฉีกดวงจันทร์จนแยกออกเป็น 2 ซีก !
จีโน่ : คุณมาจิ คลินท์... ขอแสดงความยินดีด้วย... รู้ตัวไหมว่าตอนนี้คุณได้ประกาศสงครามกับกลุ่มโจรสลัดทั่วทั้งอวกาศแล้ว...
มาจิ : ผมพลาดอะไรไปหรอครับคุณกัปตัน...
ริเอะ (สีหน้าบนใบหน้ากำลังซีดเซียว) : น...น...นี่นาย.... นี่นายรู้ตัวหรือป่าวว่าทำอะไรลงไป !
มาจิ (ใบหน้ากำลังสงสัย) : อะไรกันหรอริเอะ ?
ริเอะ : นั่น (ชี้ไปที่ดาวเคราะห์ที่อยู่ตรงหน้า) นั่นมันดาวเคราะห์พีแรท... ดาวเคราะห์บ้านเกิดของพวกกลุ่มโจรสลัดอวกาศ...
มาจิ : อะ...อะไรนะ...
ริเอะ : แล้วนายไประเบิดดวงจันทร์ของพวกเขา... แถมฉีกเรือของพวกเขาพังต่อหน้าต่อตาไป 3 ลำ... เหอะๆ ฉันเข้าใจล่ะ หึๆ ฉันภูมิใจในตัวนายจริงๆ
จีโน่ : ไหงให้ท้ายกันอย่างงั้นล่ะ !! (จีโน่ถึงกับออกอาการเงิบขึ้นมา)พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บๆๆๆๆๆๆ !! เรือโจรสลัดลอยอวกาศนับ 20 ลำปรากฏตัวต่อหน้ายานมาร์ซิอุส ! พร้อมกับล้อมยานสำรวจนั้นไว้จนไม่มีทางที่จะหนีไปได้... เรือรบลำใหญ่ที่สุดอยู่ด้านหน้าของพวกเขา ดูได้ง่ายๆเลยว่ายานของกัปตันโจรสลัดคือลำไหน...
ริเอะ : ยานของเราโดนล็อคเป้าด้วยลูกตอร์ปิโดกว่า 140 ลูก... กัปตัน... เราจะทำยังไงดี
จีโน่ : ส่งสัญญาณทักไป... ทักไป ! ทักไปเดี๋ยวนี้เลย !!
ฟรึ่บบ !!
"ยานสำรวจอาร์เอ็มเอส มาร์ซิอุส ชิพ ! ค็อกแค็กๆๆๆ ! พวกเจ้าได้ประกาศสงครามกับเหล่าบรรดากลุ่มโจรสลัดที่เกรี้ยวกราดที่สุดในอวกาศเสียแล้ว... แก๊งค์ เดธ โอเชี่ยน ไม่มีทางที่จะปล่อยตัวพวกเจ้าไปแน่ๆ ก่อนที่พวกเจ้าจะน้อมรับความตายแต่โดยดี พวกเจ้ามีอะไรที่จะสั่งเสียไหม ค็อกแค็กๆๆๆ !!"
หัวกะโหลกตัวหนึ่ง ปรากฏตัวบนจอภาพสื่อสารบนตัวยานมาร์ซิอุส ดวงตาของเจ้าสิ่งนั้นเต็มไปด้วยความโหดเห ี้ยม กัปตันของเหล่าโจรสลัดผู้นี้ไม่มีแววตาของความปราณีซ่อนเอาไว้อยู่เลยแม้แต่นิดเดียว...
(จีโน่กระซิบกับริเอะโดย mute ไมโครโฟนไว้อยู่...) "นี่ฝ่ายนำร่อง... ให้แพนกล้องมาที่หน้าของผมแค่คนเดียวเท่านั้นนะ ผมจะพล่ามถ่วงเวลาให้ ยานของพวกนั้นค่อนข้างเก่า ไม่น่ามีระบบเครื่องสแกน พวกคุณกับลูกเรือคนอื่นๆ รีบหนีไปด้วยกระสวยชูชีพซะ ! ให้นัดรวมพลที่จุดนัดพบที่ ---Sector 99--- พวกคุณต้องรีบไปซะ !"
(กระซิบ) "แล้วคุณกัปตันล่ะคะ พวกมันจะฆ่าคุณนะ !"
ริเอะพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ เธอมองไปที่แววตาของชายผู้เสียสละที่อยู่ตรงหน้าเธอ... เช่นเดียวกับมาจิที่หันกลับมามองด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจสุดๆเช่นกัน...
(กระซิบ) "ไม่ต้องกลัวหรอกครับคุณริเอะ... ยังไงผมก็จะหาทางรอดออกมาให้ได้ !"
(กระซิบ) "พวกสภาไม่มีทางยอมโหวตเพื่อที่จะช่วยคุณแน่ๆกัปตัน พวกเขาจะไม่ยอมส่งใครมา ! ผมเป็นคนยิงนู๊คทั้ง 2 ลูกด้วยตัวเอง ! เพราะฉนั้นผมขอรับผิดชอบเพียงคนเดียวดีกว่าครับท่าน !"
มาจิที่รู้ตัวดีว่าตนเองเป็นสาเหตุของการเสียสละของกัปตัน เขาจึงออกตัวขอรับผิดชอบแต่โดยดี
(กระซิบ) "ไม่จำเป็นหรอกคุณมาจิ... ตัวคุณเองมีหน้าที่ที่สำคัญยิ่งกว่ามาเสียสละแทนผม... ตัวคุณ คุณริเอะ แล้วก็เพื่อนอีกคนของคุณที่ประจำอยู่ที่ฝ่ายต้นกล... พวกคุณ 3 คนคือยูนิตของ REALMMASTER ที่เก่งที่สุดในยุคนี้... เหล่าพวกพ้อง Unit-X ทั้ง 3 สินะ... หึๆๆ ผมในตอนนี้ที่เลื่อนขั้นเป็น REALMMASTER แล้วก็ถือว่าเป็นพี่น้องของพวกคุณ...
ผมขอสั่งให้พวกคุณ 3 คนเดินทางเข้าสู่ <Porter Drive> ด้วยกระสวยนาโนคอร์ป... กระสวยรูปวงรีที่ทำงานด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ 3 ประสาน... ให้พวกคุณทั้ง 3 คนมุ่งหน้าไปยังดาวเคราะห์โซลูลันและไปปฏิบัติภารกิจให้เสร็จสิ้นซะ... มีแต่พวกคุณบนยานนี้เท่านั้นที่เหมาะสมที่จะรับภารกิจที่ค้างคานี้... คนอื่นๆไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้เนื่องจากกระสวยชูชีพไม่มีระบบ <Porter Drive>
ลูกเรือทุกๆคนหวังพึ่งพวกคุณนะ..."
(กระซิบ) "แล้วคุณล่ะกัปตัน ! ผมไม่ยอมให้คุณมาเสียสละแทนผมหรอกนะ !"
จีโน่ : หึๆๆๆ ไม่ควรมีเรือลำไหน... ที่จะจมลงไปโดยไม่มีกัปตัน...
ริเอะ (น้ำตาคลอ) : กัป.....ตัน......
ฟืบบบบ !! //ระบบล็อคนิรภัยเก้าอี้กัปตันทำงาน !!//
กระจกนิรภัยพุ่งออกมาล็อคตัวของกัปตันจีโน่เอาไว้... เพื่อกั้นไม่ให้ลูกเรือของเขาสามารถห้ามเขาได้ !
"กัปตัน !! ออกมานะ !!"
"ไม่นะกัปตัน !! คุณจะตายนะคะ !!"
//ระบบเทเลพอร์ทมวลสารทำงาน !!//
ร่างของริเอะและมาจิถูกย้ายให้ลงมายังห้องเครื่องของพวกฝ่ายต้นกล !
ทันใดนั้นเองชายในชุดเกราะสีดำก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเขา ชายคนนั้นคือฟรานซิส !
"สีหน้าตื่นตกใจอะไรกันน่ะ ! มีคำสั่งจากสะพานยานว่าให้เทเลพอร์ทตัวพวกนายให้ลงมาด้านล่าง !" ฟรานซิสพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยชัดเนื่องจากมีชุดเกราะปิดหน้าไว้อยู่
"กัปตัน...กัปตันน่ะสิ ! จะให้พวกเราสละยานแล้วทิ้งตัวของเขาเอาไว้คนเดียว !" ริเอะกุมมือของฟรานซิสพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว
"จะทำยังไงกันดีวะ ฟรานซิส... (นายใช่ฟรานซิสใช่มะ)" มาจิเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"(เออช่ายๆตูฟรานซิส ไม่ใช่ทอมมี่) เราไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ ! รีบไปขึ้นยานซะ มีแต่เราเท่านั้นที่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงได้ !"
...
บนสะพานยาน
"ท่านมีชื่อว่าอะไรกัปตันแห่งกลุ่มโจรสลัด เดธ โอเชี่ยน..." จีโน่เอ่ยปากถามฝ่ายตรงข้ามที่อยู่บนจอภาพสื่อสารขนาดยักษ์
"ค็อกแค็กๆๆๆ กล้าดีอย่างไรจึงมาถามชื่อของข้าก่อน... เจ้า... ต่างหากที่ต้องเอ่ยนามของตนเองมาก่อน !!" ทว่าถูกหัวกะโหลกผู้หยิ่งทะนงตอบกลับไปอย่างนั้น
"กระผมคือ กัปตัน จิโนชิ 'จีโน่' โทรสไตร์ป ยศ REALMMASTER แห่งสาธารณรัฐจูเรีย... มีศักดินาเป็นทหารอารักขาขององค์หญิงซากุยะ... ผมต้องการที่จะเจรจาต่อรอง เพื่อขอให้ท่านไว้ชีวิตตัวผมหรืออย่างน้อยที่สุดไว้ชีวิตลูกเรือของผมและเอาตัวของผมไปแทน..." จีโน่กล่าวยอมแพ้ออกมาพร้อมกับเจรจาขอให้ไว้ชีวิตพวกเขา
"ค็อกแค็กๆๆๆ เจ้ามันช่างน่าสมเพ ชที่ยอมจำนนต่อศัตรูอย่างง่ายดายเช่นนี้... ค็อกแค็กๆๆๆ พวกเจ้าได้ทำการระเบิดดวงจันทร์มานอสของดาวเคราะห์บ้านเกิดพวกข้า... โทษสถานเดียวของพวกเจ้าก็คือตาย !" กัปตันโจรสลัดผู้เห ี้ยมโหดตอบกลับมาแบบนั้น
"ถ้าหากท่านทำลายยานลำนี้เท่ากับว่าพวกท่านได้ประกาศสงครามกับสาธารณรัฐ ซึ่งกระผมเชื่อว่านั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยแม้แต่น้อย..." จีโน่เริ่มที่จะออกอาวุธเข้าสู้
"ค็อกแค็กๆๆๆ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่าา เจ้านี่มันช่างอ่อนหัดยิ่งนัก ! สภาสูงแห่งสาธารณรัฐไม่มีทางที่จะส่งกำลังพลออกมาช่วยพวกเจ้า ! เนื่องจากว่าหากไต่ส่วนกันแล้วมันเป็นฝ่ายพวกเจ้าที่กระทำความผิดโดยการระเบิดดาวบริวารของอาณาจักรพวกข้า ! ซึ่งทางสาธารณรัฐที่กำลังประสบปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมือง นอกจากนั้นยังมีเรื่องราวแอบลับลมคมในกันภายในสภาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง 'สนธิสัญญาสงบศึก' ! ไม่มีทางที่จะเรือรบลำไหนมาช่วยพวกเจ้าแน่ ! ค็อกแค็กๆๆๆ"
"ชิ !" เมื่อถูกจี้เข้าตรงกลางใจดำ กัปตันจีโน่จึงถึงกับเดาะปากออกมา
"นอกจากนั้นข้ายังไม่ได้พูดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเจ้ากำลังอยู่ในเขตริมขอบนอกซึ่งหากพูดกันโดยตามกฎหมายแล้ว... ถ้าหากข้ากุดหัวของเจ้าให้แหลกเละคามือ ! พวกเจ้าก็มิสามารถเอาผิดตัวข้าได้ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่าาา ค็อกแค็กๆๆๆ" กัปตันผู้มากประสบการณ์เหนือกว่าจีโน่หลายขุมไล่ต้อนจีโน่ซะจนมุมและหมดคำพูด จีโน่ก้มหน้าน้อมรับผิดก่อนที่จะบอกว่า
"ก็ได้... ท่านกัปปิตัน... ยานของข้าเป็นของท่านแล้ว ก่อนที่ข้าจะยอมสละชีวิตอย่างสมเกียรติ... ข้าขอทราบนามอันสูงส่งของท่านได้หรือไม่ ?"
"จงจำเอาไว้... ข้ามีนามว่า 'ลำปาง มฤตยู'---- " บึ้มมมมม !! ยานมาร์ซิอุสถูกระเบิดเป็นจุลกลางอวกาศด้วยลูกระเบิดจากตอร์ปิโดนับไม่ถ้วน... กัปตันลำปางสั่งให้ลูกเรือระดมยิงด้วยลูกปืนซ้ำด้วยความซะใจ หลังจากที่หัวเราะด้วยความสาแกใจแล้วเขาจึงเอ่ยปากสั่งลูกเรือของเขาต่อว่า...
"ค็อกแค็กๆๆๆ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่าาาาา !! ส่งเรือลาดตะเวนไป 5 ลำ !! พวกมันแอบส่งกระสวยอวกาศออกไปนัดรวมพลและซุกซ่อนกันอยู่ที่ไหนซักแห่ง !! ข้าไม่มีทางหลงกลพวกมันแน่ !! เอาล่ะ !! ไปได้ !!"
ว่าแล้ว... เรือโจรสลัด 5 ลำก็แยกตัวออกไปจากกองเรือพร้อมกับพุ่งเข้าสู่ <Porter Drive> เพื่อค้นหากระสวยชูชีพของยานมาร์ซิอุส...
...
ภายในกระสวยรูปวงรีนาโนคอร์ป
"น...นั่น ! ยานมาร์ซิอุสถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ต่อหน้าต่อตา..." ริเอะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอได้แต่นั่งมองเศษซากของยานอวกาศที่ลอยเค้งอยู่ท่ามกลางความมืดมิด
"เหอะ ! ไม่ต้องกลัวหรอก... ฉันทำงานกับเจ้าหมอนั่นมาบ่อย..." ทว่าฟรานซิสกลับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"หมายความว่ายังไงหรอฟรานซิส..." มาจิเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่กำลังสงสัย
"เจ้าหมอนั่นน่ะเป็นนินจาอวกาศ... ตระกูลโทรสไตร์ปไงไม่เคยรู้จักหรอ... ยังไงซะเจ้าหมอนั่นก็ต้องมีวิธีที่จะเอาตัวรอดไปได้เองนั่นแหละ... กัปตันจีโน่น่ะ... แมว 9 ชีวิตจะตายไป..."
"อย่างงั้นเองหรอ..."
"มาจิ ! นายเหยียบให้มิดเลย ! พวกเราไปกันได้แล้ว... เดี๋ยวเรือลาดตะเวนของพวกมันจะตรวจจับพวกเราเจอ" ฟรานซิสชี้นิ้วสั่งมาจิ คลินท์
ถึงแม้ว่าเวลาอยู่บนยานสำรวจ เขาจะไม่ได้ทำงานอยู่บนสะพานร่วมกับเพื่อนๆทั้ง 2 คนก็ตาม... แต่เมื่อใดที่ได้อยู่รวมเป็น Unit X ด้วยกันแล้ว... เค้าคือลีดเดอร์ของยูนิตๆ นี้
"ปรับระบบความดันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม..." เสียงพูดของริเอะ ย้ำเตือนให้มาจิปรับระบบความดัน
"ปรับแล้ว..."
"แล้วอย่าลืมระบบต้านแรงเฉื่อยฉุกเฉินซะล่ะ..หึๆ" เสียงเตือนจากริเอะอีกครั้ง ทว่าคราวนี้แฝงไปด้วยเสียงหัวเราะเล็กน้อย...
"ปรับแล้ว... โถ่วว ยัยบ้านิ !!" มาจิยิ้มหันมาตวาดใส่ริเอะด้วยใบหน้าที่ติดตลก...
"เอาล่ะ... Unit-X รายงานตัว... เตรียมตัวเข้าสู่ <Porter-Drive> ได้..." ฟรานซิสผู้เป็นลีดเดอร์รีพอร์ทติ้งอิน...
"เตรียมเข้าสู่ห้วงแห่งการผจญภัยที่รออยู่ข้างหน้าได้... !!"
แล้วแล้ว...กระสวยรูปวงรีที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางอวกาศก็ได้เร่งความเร็วขึ้น... จนหายลับไปกับตา !!
วืดดดด พรึ่บบบ !!
|
|
|
Post by GreyTear on Jun 20, 2017 14:12:05 GMT
|
|
|
Post by GreyTear on Jun 20, 2017 14:14:42 GMT
"ฮึ่ยย ! นี่แก ! ปล่อยฉันนะ ! ฮึ่ยยย !" นักเรียนหญิงผมสีทองคนหนึ่งกำลังถูกพวกกลุ่มนักเลงล็อคตัวไว้อยู่ ! เธอพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการได้ ! เธอคนนั้นคือ เทเรเซีย เอลฟรอนด์ หนึ่งในสมาชิก Unit-14
"หยุดนะ ! พวกนายห้ามทำอะไรเพื่อนของฉันนะ !" ที่อยู่ใกล้ๆคือนักเรียนชายรูปร่างไม่เตี้ยไม่สูงผมสีขาวฟูเล็กน้อยจนเหมือนเปลวไฟ เขาคนนั้นก็กำลังถูกนักเลงอีกคนหนึ่งล็อคตัวไว้เหมือนกัน !
"แหะ แหะ แหะ ! อย่าขัดขืนจะดีกว่านะน้องสาว ! แหะ แหะ แหะ ! หลังโรงเรียนเลิกวันนี้ช่วยมากินน้ำแข็งใสกับพี่หน่อยได้มาจ๊ะ ฮิฮิฮิฮิฮิ !" เจ้านักเลงรุ่นพี่ที่มีหน้าตาน่าขยะแขยงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงกวนโอ้ยแบบพวกอันธพาลเข้าที่ข้างหูของเทเรเซีย !
"ฮึ่ยย... ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ เจ้าพวกสว ะเอ้ยย ! แล้วสุดท้ายอย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ !" สาวสวยหน้ามนพยายามกัดฟันพูดเพื่อที่จะขู่ให้พวกเหล่าอันธพาลถอยห่างออกไป !
"ฮิ๊ฮิ๊ฮิ๊ฮิ๊ฮิ๊ฮิ๊ ! เธอคิดว่าตัวของเธอจะทำอะไรพวกฉันได้หรอแม่สาวน้อย ฮิ๊ฮิ๊ฮิ๊ !" นักเลงอีกคนที่หน้าตาดูกร้านโลกอย่างมากพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะด้วยโทนเสียงที่สูงจนแสบแก้วหู ยิ่งทำให้เทเรเซียรู้สึกรำคาญเข้าไปอีก
"กรอดดด !" เทเรเซียได้แต่กัดฟันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ! ถึงเธอจะดูเป็นหญิงแกร่งพอประมาณ แต่ด้วยพละกำลังอันน้อยนิดของสาวน้อยก็มิสามารถเทียบเคียงกับพละกำลังของชายหนุ่มกว่า 4 คนได้ !
พวกแก๊งค์นักเลงกลุ่มนี้... คือกลุ่มเรียล์มฝึกหัดที่ไม่เอาไหน พวกเขาคือกลุ่มนักเรียนที่มีอายุ 20 ขึ้นไป ! แต่ก็ยังไม่สามารถขึ้นชั้นเป็นเรียล์มระดับคลาสที่ 2 ได้เลยซะด้วยซ้ำ ยังคงเป็นเพียงแค่เรียล์มคลาสแรกที่วันๆเอาแต่โดดเรียน เป็นพวกไม่เอาอ่าว ได้แต่ซ้ำชั้นอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ ! ซึ่งผู้อำนวยการคานาเรี่ยนมัวแต่ยุ่งกับเรื่องงานของเขาในสภา จนไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องการคัดกรองเด็กนักเรียนพวกนี้ ที่วันๆเอาแต่สร้างชื่อเสียงแย่ๆให้กับโรงเรียน (สมควรที่จะถูกกำจัดทิ้งให้หมด !)
"เศษขยะอย่างพวกแกน่ะ ! น่าจะถูกไล่ออกหรือไม่ก็จับไปโยนทิ้งถังขยะซะให้หมดนะ ไอ้พวกรกโลกนี่ !"
เทเรเซียที่สู้ไม่ได้ ได้แต่กัดฟันกรอดๆพร้อมกับดุด่าต่อว่ากลุ่มนักเลงพวกนั้น แต่นั่นก็คือทั้งหมดที่เธอทำได้ !
เปรี๊ยะ !
ชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งซึ่งดูไม่น่าจะเป็นคนที่กำลังอยู่ในวัยเรียนได้ตบเข้าไปที่ใบหน้าสวยๆของเทเรเซียฉาดใหญ่ ! สาวผมทองถึงกับร้องโอ้ยออกมาด้วยความเจ็บปวด ! ก่อนที่หัวหน้านักเลงคนนั้นจะใช้มือบีบหน้าของเทเรเซียให้หันกลับมา ! เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกแบบพวกอันธพาลว่า...!!
"ฮึๆๆ ยิ่งเธอทำตัวดื้อดึงมากเท่าไหร่ พวกเราก็ยิ่งชอบเธอมากขึ้นเท่านั้น ฮึๆๆๆ ฮุๆๆๆ ว่ะ ฮ่ะๆๆๆๆ สาวน้อยผมสีทองผู้เปล่งประกายไปด้วยออร่าของความสูงศักดิ์... คุณหนูผู้เรียบร้อยแต่ลึกๆก็แฝงไปด้วยลุคของสาวแกร่งอย่างเธอน่ะ... เป็นที่ชื่นชอบสำหรับฉันมากเลยน่ะรู้ไหม ฮึๆๆๆ" หัวหน้าอันธพาลพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทพลางลูบไปที่ใบหน้าอันนุ่มนวลของเทเรเซีย...
"ฮึ่ยย ไอ้โรคจิต !" เสียงต่อว่าจากเทเรเซียซึ่งไม่สะทกสะท้านนักเลงหนุ่มเลยแม้แต่น้อย... นักเลงหนุ่มไม่สนใจอะไรก่อนที่จะเริ่มย่างก้าวเข้ามาใกล้ร่างกายของเทเรเซียขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เจ้าหมอนั่นจะเริ่มที่จะลงมือลวนลามเทเรเซีย !
"หยุดนะ ! หยุดนะโว้ยย !" ฟราน เบรุส ดิ้นหลุดจากแขนของนักเลงที่กำลังล็อคตัวเขาไว้อยู่ ก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าไปชกเข้าที่ด้านหลังของหัวหน้ากลุ่มนักเลงที่กำลังจะใช้มือลูบคลำสัมผัสร่างกายที่หุ้มไว้ด้วยชุดนักเรียนบางๆของเทเรเซีอยู่...
หนุ่มน้อยผมสีขาวพุ่งเข้ามาพร้อมด้วยจิตวิญญาณอันกล้าหาญที่ต้องการที่จะช่วยเหลือเพื่อนสนิทของเขาให้ได้ ! แต่ทว่า... "หืมม์...?"
เปรี๊ยง !!!!
ร่างของฟราน เบรุสลอยปลิวออกมา ตัวของเขากระเด็นมากระแทกกับกำแพงอย่างจัง ! ร่างของหนุ่มน้อยล้มลงไป ก่อนที่พวกแก๊งค์อันธพาลจะวิ่งตามเข้ามาเตะอัดเข้าไปที่หน้าท้องของฟราน พร้อมกับรุมกระทืบหนุ่มน้อยด้วยฝ่าเท้าอันนับไม่ถ้วน ชายหนุ่มร่างบางกระอักเลือดออกมาพร้อมกับนอนหมอบหมดสภาพด้วยร่างกายที่บอบช้ำ
"อะ...อึก...อึก"
หนุ่มน้อยนอนหมดสภาพจมกับพื้น ตัวของเขาสั่นเทา... แต่ว่าก็ยังพยายามที่จะลุกขึ้นมาเพื่อที่จะช่วยเหลือเพื่อนของเขาให้จงได้ !
ฟรานลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าทันใดนั้นเองเขาก็พูดว่า... "นายรู้จักฟราน เบรุส น้อยไปแล้ว..."
ป้าปปปป !!!! ฟราน เบรุสถูกลำแข้งของเจ้านักเลงฟาดเข้าให้เต็มหน้า ! จนร่างของเขา... นอนลงไปสลบเหมือดอยู่กับพื้นอีกครั้ง...
เทเรเซียที่โดนล็อคตัวอยู่ ได้แต่มองดูเหตุการณ์ด้วยสายตาที่เครียดแค้น เพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอพยายามที่จะปกป้องตัวเธอให้ถึงที่สุด ถึงแม้ว่าจะอยู่เพียงลำพังแต่ชายหนุ่มที่ชื่อฟราน เบรุส ก็ไม่คิดที่จะเกรงกลัวต่อชายฉกรรจ์ 5 คนที่ยืนอยู่ข้างหน้า... สาวผมท้องได้แต่ยืนกัดฟันและมองดูสถานการณ์ด้วยความเครียดแค้น !
ทันใดนั้นเอง...
"ลูกเตะ ! ทองคำ ! ย้ากกกกกกก ! (ไร-เดอร์คิก !!!) " เปรี๊ยงงงงงงง !!! ร่างของนักเลงหนุ่มกระเด็นออกไป จมูกของชายฉกรรจ์คนนั้นหักออกมาพร้อมกับมีเลือดของเขากระจายอยู่เต็มพื้น ! (อะไรมันจะรุนแรงขนาดนั้น !)
"ฮึ่ยย ! นั่นมัน ! ไอ้บ้ากล้ามที่เคยเจอที่ฟิตเนสนิ !"
"เฮ้ยยพวกเรา ! รุมมัน !" เหล่าชายฉกรรจ์ที่เหลือวิ่งกรูกันเข้ามาเพื่อที่จะรุมกินโต๊ะชายหนุ่มผมสั้นกล้ามใหญ่ที่ปรากฏตัวเข้ามาช่วยหญิงผมทองในวันนี้...
"ฮึ..." ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อย ตัวของเขานิ่งอยู่กับที่... ทันใดนั้นเอง...
ชะแว่บบ ! ร่างของเขาก็วาร์ปหายไปกับตา... ระหว่างที่เหล่าเด็กเกเรกำลังยืนอึ้งตาค้างอยู่นั้น... จู่ๆ เสี้ยววินาทีนั้นเอง...!
ปึ้งง ! หนุ่มผมสั้นปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับ... "ลูกเตะ ! สายฝนสลาตัน !"
ซุปเปอร์ฮีโร่ในชุดนักเรียนลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับรัวลูกถีบใส่พวกเด็กเกเรที่อยู่รอบๆ แต่ละคนต่างกระเด็นออกไปอยู่คนละทิศคนละทาง... พวกเหล่านักเลงต่างพากันนอนหมอบหมดสภาพ...
ชายหนุ่มวิ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของหัวหน้านักเลงพร้อมกับยกขึ้นมาตัวลอย เขากำหมัดด้านขวาเอาไว้อย่างแน่น ! พร้อมกับพูดออกมาว่า...
"ฮึ.... มารุมทำร้ายและลวนลามผู้หญิงแบบนี้.... ช่างเป็นพวกที่ไร้ศักดิ์ศรีซะจริงๆนะ... ไม่อายชาติเกิดบ้างหรอ... นายน่ะ..."
"หน็อยแน่ ! แกเป็นใคร !" หัวหน้ากลุ่มนักเลงตะคอกออกมา จนน้ำลายกระเด็นไปเปื้อนหน้าฮีโร่หนุ่มคนนั้น...
"ฮึ.... ฉันคนนี้เป็นชายผู้ที่จะไม่ยอมหันหลังให้กับผู้คนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก... (โคตรพระเอก) จำชื่อของฉันเอาไว้... โอดะ มาซาฮิโกะ !" //ดนตรีบรรเลง ! เปรี๊ยง ! หมัดขวาตรงของโอดะพุ่งทะลุเข้าไปที่ใบหน้าของชายฉกรรจ์คนนั้น... หมัดของเขาพุ่งเข้าไปจนใบหน้าของเด็กเกเรยวบยุบเข้าไป... ก่อนที่ร่างของนักเลงหนุ่มคนนั้นจะลอยกลิ้งเกลือกๆกับพื้น ราวกับเป็นเศษขยะข้างทางที่ดูไร้ซึ่งคุณค่าใดๆ... ร่างของเด็กเกเรคนนั้นกลิ้งมาหยุดอยู่หน้าฝ่าเท้าของชายผู้มีหน้าตาคล้ายกับนักเลงหนุ่มอีกคนหนึ่ง...
ชายผู้มีฟันที่แหลมคม... แววตาที่ดุร้าย... หูที่เรียวยาวแหลมขึ้นมาราวกับว่าเป็นพวกเอลฟ์... แต่ทว่าหากมองดูรวมๆกันแล้ว... ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าของโอดะอยู่นั้น... ช่างดูละม้ายคล้ายคลึง... ราวกับเป็นลูกครึ่งปีศาจยังไงอย่างงั้น... อย่างไรก็ตาม... โอดะจึงเอ่ยปากถามชายที่เขาไม่รู้จักขึ้นมาว่า... (จริงๆแล้วคนๆนั้นก็คือ ซูซาโนะ โอนิมารุ ที่กำลังวิ่งลงมาช่วยเพื่อนนั่นแหละแต่โดนโอดะตัดหน้าไปก่อน)
"นายเองก็คือหัวหน้านักเลงอีกคนสินะ ! ฮึ... !" (น้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับพวกฮีโร่ที่กำลังจะปลิดชีพเหล่าร้าย)
"ฮะ ?! อะไรนะ----"
"ย้ากกก ! ลูกเตะทองคำ !" เปรี๊ยง ! ลูกเตะลอยกลางอากาศพุ่งเข้าทิ่มใส่หน้าของซูซาโนะเต็มๆ
"ย...หยุด...หยุดนะ ! นั่นเป็นเพื่อนของฉันเอง !" เทเรเซียรีบวิ่งเข้ามาเพื่อห้ามฮีโร่หนุ่มที่มาช่วยเขา แต่ทว่านั่นมันก็สายไปแล้ว...
"อ...อ่าวว งั้นหรอ โทษทีน่ะ พอดีฉันนึกว่า----"
เปรี๊ยง ! ร่างของโอดะถึงกับลอยเข้าไปในป่าสนที่อยู่ข้างๆลานจอดรถเลยทีเดียว ! ดูเหมือนว่า...
ผ่าววว ! รังสีอำมหิตของซูซาโนะ โอนิมารุ ได้พุ่งพล่านออกมาราวกับปีศาจจากนิยายสยองขวัญ... การโจมตีโดยที่เกิดจากความเข้าใจผิดเมื่อกี้... ถึงแม้จะเป็นแค่อุบัติเหตุแต่ซูซาโนะถึงกับควบคุมตนเองไม่ได้... และปลดปล่อยจิตอาฆาตพยาบาทให้ตื่นขึ้นมา... ปีศาจที่แท้จริงภายในตัวของเขา... ได้ตื่นขึ้นแล้ว !
"ด...เดี๋ยว ! ซูซาโนะ เค้าคนนั้นแค่ไม่รู้อะ ! แหะๆ อย่าได้ลงไม้ลงมือหรือทำอะไรที่มันคอขาดบาดตายกันเลยนะ... ฮะ...ฮึก !" (หญิงสาวผมทองพยายามห้าม)
ทว่าซูซาโนะผลักร่างของหญิงสาวคนนั้นให้ถอยออกไป... ตัวของเขาในตอนนี้ เรียกได้ว่าราวกับฆาตกรโรคจิตที่กำลังถือมีดเพื่อเดินมาสังหารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไม่มีผิด โอดะลุกขึ้นมาฟื้นตัวได้แล้วพร้อมกับพูดว่า...
"ฮึ่ยย ! ถ้าอย่างนั้น ก็มีแต่ต้องป้องกันตัวเองแล้วล่ะนะ ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องน่ะ !"
ปึ้งงง ! ร่างของชายหนุ่มทั้ง 2 พุ่งเข้าปะทะกัน ! การต่อสู้สวนหมัดกันเกิดขึ้นท่ามกลางสายฝนที่ยังคงโปรยปราย !
ปึก ปัก ปึก ปัก ! ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังแลกหมัดกันอยู่... ทันใดนั้นเอง...
"คุคุคุ ! บริวารของข้าทั้งหลาย... พวกเจ้าทุกคนกำลังทำการละเล่นสังสรรค์อะไรกันอยู่ รึ ! คุคุคุ... อย่าบอกนะว่า พวกเจ้าได้จัดงานรื่นเริงกันโดยมิได้ชวนเทพธิดาแห่งความมืดมิดอย่างข้ามาเข้าร่วมน่ะ... คุคุคุ !"
หญิงสาวในชุดเดรสสีดำอันฟูฟ่อง... เดินมาพร้อมกับร่มคันสีดำที่มีลวดลายงดงามเป็นพิเศษซึ่งช่วยให้ตัวของเธอไม่เปียกปอนไปด้วยหยดน้ำฝน... ท่ามกลางสายฝนที่กำลังโปรยปรายอยู่ในขณะนี้...
ซูซาโนะ : เฮือก !
จู่ๆซูซาโนะก็หยุดชะงักลงไป... ก่อนจะโดนจามด้วยศอกของโอดะที่วาดเข้ามาตามน้ำกระแทกเข้าเต็มๆใบหน้า !
ราวกับว่าคำพูดเพี้ยนๆอันแปลกประหลาดของโรเซ่นได้ทำหน้าที่กลายเป็นบทสวดส่งสามารถหยุดยั้งพลังแห่งปีศาจที่หลั่งไหลอยู่ภายในตัวของซูซาโนะได้อย่างเหลือเชื่อ !
ชายผมสีน้ำเงินที่เหมือนถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงแต่ทว่าในตอนนี้ตัวของเขาก็กลับกลายมาเป็นเหมือนคนที่พึ่งวิญญาณหลุดออกจากร่างยังไงอย่างงั้น... เอหรือว่า... เจ้าแม่มดน้อยคนนี้... จะสามารถขับไล่วิญญาณร้ายไปได้จริงๆหรอ...
"จู่ๆ... ฉันก็เสียสติไปน่ะ..." ซูซาโนะที่กำลังนอนทรุดอยู่มองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้าเป็นภาพที่ค่อนข้างพร่ามัว... ราวกับว่ามีหยดน้ำ... หยดของน้ำฝนที่กำลังเปรอะเปื้อนอยู่บนภาพของสิ่งต่างๆที่กำลังปรากฏอยู่บนใบหน้าของเค้า...
เทเรเซียวิ่งเข้าไปหาซูซาโนะก่อนจะทักถามว่าเมื่อกี้นี่มันเกิดอะไรขึ้น...
โอดะที่เป็นคู่กรณีด้วยก็ได้แต่ยืนงงอยู่อย่างนั้น... ดูเหมือนว่าการออกมาวิ่งจ๊อกกิ้งออกกำลังกายท่ามกลางสายฝนของเขา จะทำให้เค้าได้เจอกับเรื่องราวที่ไม่มีให้พบเห็นได้ทุกวันถึง 2 เรื่องเลยทีเดียว... แก๊งค์นักเรียนหนุ่มลวนลามสาวสวยหน้ามน... การปะทะกับชายผู้มีพลังของปีศาจแอบแฝงท่ามกลางสายฝน...
โอดะได้แต่เกาหัวแกรกๆก่อนที่จะเดินเข้าไปถามฟราน เบรุส ที่พึ่งรู้สึกตัวขึ้นมาหลังจากถูกซัดจนสลบไปเมื่อซักครู่นี้...
"เพื่อนของนายคนนั้นเค้าเป็นอะไรหรอกหรอ ?"
"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน... ขอบคุณนะที่มาช่วยผม... รับลูกแก้วสีแดงนี่ไปแทนคำขอบคุณก็แล้วกัน..."
โรเซ่นก็กำลังยืนงงอยู่เช่นกัน... เพราะเธอไม่คิดว่าคำพูดทักทายตามปกติ (ในแบบของเธอ) จะเป็นบทสวดส่งทำให้ซูซาโนะหลุดจากการควบคุมของปีศาจไปได้... เธอนิ่งสงสัยอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะวิ่งเข้าไปถามซูซาโนะว่า...
"นี่นาย...เป็นอะไรไปหรอ..."
... บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความเงียบงันเคล้าไปด้วยความสงสัยและความมึนงง ชั่วขณะ... ทว่าทันใดนั้นเอง... โสดของซูซาโนะก็ได้ยินอะไรบางอย่างแว่วเข้ามาที่หูว่า...
//เจ้าซูซาโนะ โอนิมารุ... วันนี้ได้ก่อวีรกรรมชกต่อยกับเพื่อนในโรงเรียนซะแล้ว... ต้องรีบรายงานอาจารย์กลาดิโอ้โดยเร็วที่สุด...//
"หะ !! ใช่สิ ! เจ้าสตอล์คเกอร์นั่น ! มันต้องอยู่แถวๆนี้ !" ซูซาโนะตะโกนออกมาเสียงดัง !
//ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะรู้ตัวแล้ว... ประธานนักเรียนซากุระขอตัดสายแต่เพียงเท่านี้... ที่เหลือก็ฝากด้วยละกันนะ... คณะกรรมการเนเน่... เดี๋ยวฉันคนนี้ต้องหลบหนีเสียแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะมีโสดประสาทที่ดีเยี่ยมเกินคาด...//
"นั่น ! เสียงนั้น... พวกเธอได้ยินไหม ! มันเหมือนดังออกมาจากหลังต้นไม้... !" ซูซาโนะยังคงโวยวายออกมาไม่หยุด
"ไม่ได้การล่ะ !" ซูซาโนะลุกขึ้นยืนพร้อมกับวิ่งเข้าไปตามหาตัวคนร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าทันที !
"น...นี่ ! ซูซาโนะ !" โรเซ่นได้แต่ชูมือขึ้นมา พยายามที่จะรั้งตัวของซูซาโนะเอาไว้... แต่ก็ไม่ทัน... ตัวของเธอมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสบายใจนัก...
สายฝนที่โปรยปรายอย่างหนักก่อนหน้านี้... ตอนนี้ได้หยุดลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว... นอกจากนั้น... แสงแดดอันเจิดจ้ายังเฉิดฉายขึ้นมาแทนที่... เมฆครึ้มสีดำได้สลายหายไปแล้ว...
สำหรับดาวเคราะห์จูเรียแล้ว... แสงแดดที่เฉิดฉายเข้ามายามหลังฝนตก จะมีลักษณะพิเศษโดยจะมีสีที่ไม่เหมือนกับสีเหลืองทองแบบแสงแดดยามปกติทั่วๆไป
แต่จะเป็นแสงสีชมพูอ่อน... คล้ายสีของกลีบดอกซากุระที่กำลังผลิบาน... ไม่แปลกที่ว่าคนทั่วไปจึงมักจะมีสำนวนว่า ‘ฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ’
ซูซาโนะหายลับเข้าไปในป่า... ทันใดนั้นเอง... โรเซ่นที่นึกขึ้นได้... ก็ออกตัววิ่งตามปีศาจตนนั้นของเธอไป... ด้วยท่าทีที่ไม่ถนัดนักเนื่องจากกระโปรงสีดำอันยาวเฟื้อยและฟูฟ่องของเธอ...
{END Chapter}
(ความ waifu นี่...)
|
|
|
Post by GreyTear on Jun 26, 2017 6:28:13 GMT
Chapter 07 'กำเนิดเทพีผู้เลอโฉมองค์ใหม่...เทพีแห่งไฟโนโนะ อูมาอิ !!'
20 ปีที่แล้ว... Date / Month / Years of Empire : 876 / 01 / 771
ดาวเคราะห์ร้าง : ทาโนอูน {Thanoun}
... เปรี๊ยง !! ร่างของเทพีโฉมงามคนหนึ่งถูกเหวี่ยงลงกระแทกกับพื้นหินอย่างรุนแรง !! เธอพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมายืนหยัดได้อีกครั้ง ด้วยแขนทั้ง 2 ข้างที่กำลังสั่นเทา !!
ตู้มม !! หินแหลมก้อนยักษ์ถูกทุ่มลงมากระแทกเข้าที่กลางกระหม่อมของโฉมงามคนนั้น !! ถึงก้อนหินจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆเมื่อปะทะเข้ากับร่างของหญิงสาว แต่ร่างของนางก็ล้มลงไปนอนหมอบกับพื้นอีกครั้ง... ดูท่าหญิงสาวผู้เลอโฉมคนนี้จะมิสามารถต่อกรกับสิ่งที่เป็นปรปักษ์ต่อตัวนางอยู่ตอนนี้ได้เลย !!
...
ชายตัวขาวโพลนเผ่าทานอส [Tarnos] ค่อยๆเหาะลงมาจากท้องนภาสีดำทมิฬ... รูปร่างของเขากำยำ ร่างของเขาช่างใหญ่โตเรากับเป็นยักษ์มารหรือปีศาจผู้โหดร้ายแห่งจักรวาล !!
ชายผู้โหดเห ี้ยมผู้นี้มีนามอันน่าสะพรึงว่า 'กาลาเวี่ยน' [Galavian] สิ่งมีชีวิตตนสุดท้ายของเผ่าพันธุ์ เนื่องจากความละโมบของเขาที่อยากตั้งตนเองให้กลายเป็นเทพเจ้าจนตัวสั่น ทำให้เขาลงมือฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของตัวเองจนสิ้นซาก กลายเป็นเทพแห่งความตายผู้โดดเดี่ยว... [God of Death] สิ่งที่เขาปรารถนาอยู่ในตอนนี้คือการสถาปนาจักรวรรดิทานอส [Tarnos Empire] ดั้งเดิมของเขาให้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ รอวันที่โอกาสจะมาถึงและความรุ่งโรจน์เกรียงไกรของ มหาเทพจักรพรรดิกาลาเวี่ยนจะกลับมาอีกครั้ง !! บึ้มม !! มหาเทพแห่งความตายยื่นมือออกมาพร้อมกับแสดงพลังของเขา... เสียงระเบิดกัมปนาทดังขึ้น !! ร่างของหญิงสาวผู้บาดเจ็บลอยกระเด็นปลิวออกไปจากที่ๆนางนอนหมอบอยู่...
ร่างของหญิงสาวผู้นั้นสะบักสะบอม เนื่องจากโดนพลังแห่งความตายของกาลาเวี่ยนที่ซึ่งจะใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวในทุกๆ 4 ปีเท่านั้น...
พลังระเบิดอันรุนแรงที่สามารถระเบิดดาวทั้งดวงได้เพียงแค่กระดิกนิ้วถาโถมเข้ามาทำลายร่างของโฉมงามคนนั้น จนพลังเวทย์ภายในร่างของเธอเหือดหายไปหมดแล้ว... เหลือเพียงแต่กายเนื้อที่กำลังบาดเจ็บและใกล้จะตาย...!!
กาลาเวี่ยนเดินถือมีดคู่ติดโซ่ของเขา พร้อมกับค่อยๆเดินเข้ามาเพื่อที่จะปลิดชีพเทพีที่อยู่ตรงหน้าเขา มีดคู่นั้นมีชื่อว่า 'มีดแห่งแซนเนียร์' ตามตำนานว่ากันว่าเป็นมีดของเทพแห่งความตายองค์ก่อนที่ชื่อว่า 'แซนเนียร์' ซึ่งตัวของเขาได้มอบพลังแห่งเทพส่งต่อให้กับกาลาเวี่ยนเมื่อหลายพันที่แล้วก่อนที่จักรวรรดิทานอสเดิมจะดับสูญ...!!
ยักษ์ตัวขาวหัวโล้นเหยียบร่างอันบอบบางของเทพีแห่งไฟเอาไว้พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันกึกก้องน่าเกรงขามว่า...
"เทพีแห่งไฟ 'กอดเดส เซเรียธีร์' เจ้า !!! กำลังจะถูกประหัตประหารด้วยมีดแห่งการทำลายล้างจากเทพแห่งความตาย กาลาเวี่ยน ผู้นี้ !!! เจ้ามีอะไรที่อยากจะสั่งเสียหรือไม่จงตอบมา !!!"
กาลาเวี่ยนตะโกนด้วยเสียงอันดังกึกก้องไปทั่วดาว !!! เสียงของเขายังคงสามารถส่งออกไปยังนอกอวกาศได้แม้ว่ามันจะเป็นสุญญากาศ !!! เส้นทางการเดินทางข้ามอวกาศที่ ---Sector889--- ก็ยังสามารถได้ยินเสียงอันน่าเกรงขามของกาลาเวี่ยนผู้นี้ได้อย่างชัดเจน !!!
เมื่อตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงกาลาเวี่ยนก็ใช้เท้าของเขาเหยียบขยี้หน้าอกและร่างอันบอบช้ำของเซเรียธีร์ให้ยิ่งแหลกเละเข้าไปอีกอย่างไร้ปราณี !!! เทพีแห่งไฟถึงกับกระอักโลหิตอันเป็นผลพวงมาจากการสร้างกายเนื้อออกมา !!
ใบหน้าอันเลอโฉมของนางในตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยละอองของเลือดที่พ่นออกมา... แววตาของเธอกำลังหย่อนคล้อยพร้อมที่จะบอกลาจักรวาลอันโหดร้ายนี้ไปเสียที แต่ถึงกระนั้น...!!
พรึ่บบ !!
เธอใช้พลังเฮือกสุดท้ายจับเท้าของกาลาเวี่ยนไว้ ! พร้อมกับเอื้อนเอ่ยออกมาว่า !
"พลังแห่งเปลวเพลิง ! จงสลายไปซะเถิดไอ้เทพรกจักรวาล ! FIRE Deletion !"
ฟู่ววว !!
เพลิงนรกโลกันต์สีแดงฉานลุกโฉดช่วงออกมาเผาผลาญทลายร่างของเทพแห่งความตายผู้นี้....!!
.
.
.
"เปล่าประโยชน์ !!" พรึ่บบบ !!
แต่ทว่ากาลาเวี่ยนผู้แข็งแกร่งหาสิ่งใดเทียมกลับสลายพลังแห่งทวยเทพผู้นี้ให้เหือดหายออกไปราวกับมันมิสามารถทำอะไรตัวของเขาได้เลยแม้แต่น้อย !! กาลาเวี่ยนพรุ่งเข้ามาด้วยความเร็วประดุจดวงดาวเข้าบีบคอของเซเรียธีร์และจับร่างของเธอพุ่งกระแทกเข้ากับภูเขาเลากาหลาย 10 สิบลูกที่กระจายอยู่บนดาวอันรกร้างของเขา !!
เมื่อฝุ่นตลบจากการต่อสู้จางลง..!! ร่างของเซเรียธีรืก็นอนหมอบสลบอยู่แทบเท้าของกาลาเวี่ยน... กาลาเวี่ยนยังมิสาแกใจจึงยกเท้าอันมหึมาของเขาพร้อมกับทิ้งลงไปเหยียบหัวของเทพีผู้น่าสงสารจนจมมิดพื้นดิน !! ก่อนที่จะชูมือขึ้นมาพร้อมกับกู่ร้องออกมาอย่างผู้ชนะ !!
หลังจากนั้นเทพแห่งความตายก็หยิบร่างไร้สติของเทพีที่เขาพิชิตได้ขึ้นมาอีกครั้ง... ก่อนที่จะขว้างเล่นลงกับพื้นราวกับเป็นร่างของหญิงสาวธรรมดาอันบอบบาง พร้อมกับเคลื่อนตัวตามเข้าไปกระแทกกระทั้น เข้าไปปะทะ หวังจะให้ร่างเนื้อของเทพีแห่งไฟผู้นี้แหลกสลายคามือของเขาเอง !!
เปรี๊ยงง !! ประกายแสงสีเหลืองระยิบระยับปริศนาสาดส่องเข้ามาโจมตีร่างของมหาเทพ !!
ออร่าสีเขียวเปล่งปรากฏขึ้นต่อหน้าชายเผ่าทานอส... องค์เทพผู้มีกายาเป็นผิวสีอันงดงาม รัศมีอันเปล่งประกาย !! เทพแห่งแสงสว่างผู้เป็นเทพพระเจ้าตามความเชื่อของสาธารณรัฐจูเรียอันเกรียงไกร...
เทพพระเจ้า 'โคฟี่'
พลังของชายผู้เป็นเทพแห่งแสงมีฤทธานุภาพสร้างความเสียหายต่อร่างกายของเทพพระเจ้าแห่งความตายได้ !! กาลาเวี่ยนเห็นดังนั้นจึงวางร่างของเทพีแห่งไฟลง... พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันกึกก้องว่า...
"เทพแห่งแสงอย่างงั้นเหรอะ !! หึๆๆ เจ้าโคฟี่ !! นี่ตัวเจ้าอยากที่จะสิ้นสูญตามนางนี่ไปรึ !!"
เมื่อเทพแห่งแสงได้ยินดังนั้นจึงยืดอกตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันหาญกล้าว่า...
"ข้าไม่เกรงกลัวเจ้าดอก !! ไอ้เจ้าเทพแห่งส วะ !! พลังของข้าเพิ่มพูนขึ้นเป็น 2 เท่าจากคราวก่อนที่พวกเราได้ห่ำหั่นกัน !!"
กาลาเวี่ยน : และเป็นข้าที่เกือบจะฉีกกระฉากกะโหลกของเจ้าให้หลุดออกมาจากบ่า !! ถ้าตอนนั้นไม่ได้เทพีแห่งไฟอย่างอีนางนี่ช่วยเอาไว้ !!
โคฟี่ : คราวนี้จะมิเป็นเช่นนั้นอีกแล้ว... เพราะข้าคนนี้... โคฟี่เทพแห่งแสง... จะปราบเจ้า !!
กาลาเวี่ยน : หึๆๆ ข้าจะเด็ดหัวอันน่ารังเกียจของเจ้า !!
เมื่อเสร็จสิ้นสงครามน้ำลาย... มหาเทพทั้ง 2 ก็ตั้งมั่นอยู่กับที่พร้อมที่จะเข้าปะทะกัน... ระหว่างเทพพระเจ้าแห่งแสงและเจ้าปีศาจแห่งความตาย... ทว่า ทันใดนั้นเอง...!!
บู้มมมม !!เป็นเจ้าแห่งความตายที่พุ่งเข้าไปปะทะร่างของเทพแห่งแสงก่อนอย่างไม่ทันตั้งตัว !! ก่อนที่กาลาเวี่ยนจะใช้จังหวะที่กำลังได้เปรียบเหยียบลงเข้าที่ยอดอกของโคฟี่มิให้เทพแห่งแสงสามารถดิ้นหนีออกไปไหนได้ !!
เมื่อถูกพันธนาการไว้โดยสิ้นเชิงแล้ว !! เทพแห่งความตายก็รัวหมัดอันหนักอึ้ง รุนแรงยิ่งกว่าภูเขาร้อยลูกถล่มลงมาเข้าไปกระแทกเข้าที่ใบหน้าของเทพโคฟี่ !!
ปัก !! ปัก !! ปัก !! ปัก !! ปัก !! ปัก !! ปัก !! ปัก !! ปัก !! ปัก !!
กาลาเวี่ยนรัวหมัดลงไปไม่ยั้ง จนพลังเวทย์ของโคฟี่ค่อยๆที่จะสลายหายไปไม่ต่างจากแสงสว่างที่ถูกกลบมิดด้วยพลังแห่งความมืด...!!
มือที่เป็นกายเนื้อของโคฟี่ค่อยๆแบกางออก... และแนบชิดติดกับพื้น... พละกำลังอันมหาศาลของกาลาเวี่ยนได้สยบเทพพระเจ้าองค์ที่มีผู้คนนับถืออย่างท่วมท้นทั่วจักรวาล ให้พ่ายแพ้ลงอย่างรวดเร็วและนอนแผ่อย่างหมดสภาพอยู่เบื้องล่างของฝ่าเท้าเค้า...
"จงสูญสิ้นไปซะ...หืมม์ ??"
ขณะนั้นเอง...
ร่างของเทพีแห่งไฟค่อยๆตะเกียกตะกายคลืบคลานไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะใช้พลังเฮือกสุดท้ายสร้างปาฏิหาริย์อะไรบางอย่าง... เสียงที่สั่นคอนอันสั่นสะท้อนดังออกมาจากปากของนางว่า...
"พะ....พลังแห่งเปลวเพลิง... Fire... Refection !!"
"ไม่ !!! วิหารแม่มดของข้า !!!"
วีดดด บึ้มมม !! ทอร์นาโดเพลิงสีแดงพุ่งพล่านออกมาเข้าไปเผาทำลายวิหารปราสาทหินอันใหญ่โตของกาลาเวี่ยน !!
ในวิหารแห่งนั้น... เปรียบเสมือนแหล่งเพาะพันธ์ปีศาจของกาลาเวี่ยน... ที่ซึ่งเค้าจะส่งกองกำลังแห่งปีศาจ... พลทหารม้าแห่งความตายที่จะสามารถเดินทางข้ามอวกาศไปยังที่ใดก็ได้ให้ไปล่าตัวของเหล่าแม่มดมา เพื่อที่ตัวเขาจะได้ทำสิ่งที่ชั่วช้า ด้วยการเสกวิญญาณร้ายเข้าไปภายในครรภ์ของพวกเหล่าแม่มดและรอวันที่ปีศาจที่อยู่ข้างในจะเจริญออกมาและถือกำเนิดขึ้นโดยการกัดกินร่างของแม่มดคนนั้น...
แต่ทว่าในตอนนี้... ณ วิหารของกาลาเวี่ยน... ได้แหลกสลายและมอดไหม้กลายเป็นเพียงเถ้าธุลีไปเสียแล้วเนื่องจากพลังเฮือกสุดท้ายจากเทพีแห่งไฟ...
เฉือออก !!! "อ...เอื้อออก !!!" ร่างของเซเรียธีร์ถูกตัดขาดออกเป็น 2 ท่อน... โดยคมมีดคู่ผูกโซ่ของเทพแห่งความตาย... !! ทันใดนั้นเองเทพโคฟี่ก็ตะโกนออกมาว่า...!!
"ไม่นะ !! เซเรียธีร์ !!"
"เจ้า !! จะเป็นรายต่อไป !!"
"อะ...เฮือกก !!"
สีหน้าของเทพโคฟี่ถึงกับหวาดผวาเมื่อร่างอันมหึมาที่อยู่ตรงหน้าเขาย่างก้าวใกล้เข้ามา !! เทพแห่งแสงใช้พลังที่เหลืออยู่ของเขาพยายามสกัดกั้น !! ให้ร่างของกาลาเวี่ยนเคลื่อนที่ได้ช้าลง !! ทันใดนั้นเองเขาจึงคิดที่จะโบยบินหนี !!
พรึ่บบบ !! ตู้มมม !!
ทว่าก็มีอาจหลบหนีไปจากเงื้อมมือมัจจุราชของกาลาเวี่ยนได้ !! ชายผู้มีเลือดสีแดงทาอยู่ที่ใบหน้าเหวี่ยงร่างของโคฟี่ลงมากระแทกเข้ากับพื้น !!
เมื่อพื้นหินแหลกสลาย ยุบลงไปโดยมีเพียงร่างของโคฟี่นอนแผ่อยู่... กาลาเวี่ยนก็วิ่งตามเข้าไปชกต่อยเข้าไปที่ลำตัวของโคฟี่จนเครื่องในจากเทพแห่งแสงแทบที่จะหลุดทะลักออกมา !!
กาลาเวี่ยนเมื่อรัวกำปั้นลงไปจนหนำใจแล้วจึงเอื้อมมือไปคว้ามีดที่ปลิวลอยมาตามบัญชา... และทันใดนั้นเอง !! การปิดฉากมหาเทพแห่งแสงสว่างก็กำลังที่จะเริ่มขึ้น !!
"พลังแห่งเทพแสง !! Light Replacement !!"
โคฟี่ใช้มือของเขาเอื้อมไปสัมผัสเข้าที่มีดแห่งกาลาเวี่ยน !! มีดเล่มนั้นสลายหายไปกับแสงสว่างและกลายสภาพเป็นก้อนหินก้อนใหญ่ปรากฏขึ้นมาแทน !!
นั่นเป็นพลังเฉพาะตัวของเทพแห่งแสงที่จะสามารถสลับสับเปลี่ยนสิ่งของได้ ด้วยบัญชาจากแสงสว่าง !!
ระหว่างที่คาลาเวี่ยนกำลังโกรธกริ้วอยู่นั้นเอง... เทพโคฟี่จึงได้พนมมือท่องคาถาออกมาว่า !!
"ข้าเทพพระเจ้าแห่งแสงสว่าง ผู้เป็นตัวแทนแห่งความดีจากเหล่ามวลมหาสิ่งมีชีวิตที่นับถือและอยู่รายล้อมตัวข้า... ข้าพเจ้าขอใช้พลังหลอมรวมตัวข้าเข้ากับประกายแห่งแสงสว่างเพื่อที่จะได้นำพากายาของข้าพเจ้าให้ไปสู่ดินแดนที่สงบสุขและปราศจากความมืดมิเป็นดั่งเช่นดินแดนอันรกร้างว่างเปล่าแห่งความตายที่ข้ากำลังสัมผัสอยู่ตอนนี้---- เอืออก !!"
"แย่หน่อย !! ที่ดาวเคราะห์แห่งความตายที่นี่ไม่มีแสงสว่างให้เทพกระจอกงอกง่อยอย่างเจ้าหลบหนีไปได้ !!"
คาลาเวี่ยนบีบคอของโคฟี่พร้อมกับเหวี่ยงร่างของเขาให้ลอยกระเด็นไปอยู่กับศพที่จมกองเลือดของเทพีแห่งไฟผู้ที่พึ่งดับสูญด้วยน้ำมือของคาลาเวี่ยน...
โคฟี่ที่มิอาจต้านทานพลังอันมหาศาลจากเทพแห่งความตายเขาจึงใช้พลังเวทย์เฮือกสุดท้ายที่เทพพระเจ้าแห่งแสงอย่างเค้าพอจะมีติดตัว !!
"ข้าเทพพระเจ้าแห่งแสง !! ขออัญเชิญดวงวิญญาณของเทพีเซเรียธีร์ เทพีผู้เลอโฉมตัวแทนแห่งความงดงามของเปลวเพลิง {Beauty of the flame} ข้าขออัญเชิญดวงวิญญาณอันเลอโฉมนี้ให้สลายกลายเป็นแสงสว่างและส่องประกายล่องลอยไปตามอวกาศ... ผู้ใดที่----"
"หน็อยยย !! เจ้าคิดจะหนีเหรอะ !! ไอ้เทพชั้นต่ำ !!"
ทันใดนั้นเองร่างอันไร้ชีวิตของเทพีเซเรียธีร์ก็สลายกลายเป็นประกายแสงสีเพลิงอันงดงาม... ร่างของเทพโคฟี่ก็สลายกลายเป็นแสงสว่างด้วยเช่นกันก่อนที่จะล่องลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและเลือนหายไปตามอวกาศ... เทพแห่งแสงสามารถหลบหนีไปจากเงื้อมมือมัจจุราชของเทพแห่งความตายได้สำเร็จ... พร้อมกับแบกกายเนื้อที่สะบักสะบอมและต้องได้รับการจำศีลเพื่อฟื้นฟูพลังอีกนานนับทศวรรษ...
เทพแห่งความตายกาลาเวี่ยนมิสามารถปลิดชีพเทพแห่งแสงอย่างโคฟี่ลงได้... ถึงอย่างนั้นเค้าก็ได้สังหารเทพีผู้เลอโฉมลงอย่างเลือดเย็น... แต่ก็ต้องแลกด้วยวิหารแห่งแม่มดที่เขาเอาไว้ใช้เพาะพันธ์เหล่าปีศาจเพื่อที่จะสร้างกองทัพแห่งความมืดรุกรานทุกๆมวลชีวิตและทำลายแสงสว่างให้หมดสิ้นไปจากจักรวาล... แต่ในเมื่อเรื่องราวมันออกมาเป็นดังนี้... แผนการและความปรารถนาของเขา... จึงเป็นอันต้องพักลงไป ชั่วขณะนึง...
เทพแห่งความตายกู่ร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่นไปทั่วดวงดาว... เสียงของเขาถึงกับทำให้ดาวเคราะห์ดวงอื่นที่อยู่ใกล้ที่สุดเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมาโดยทันที...
...
...
...
ณ อีกฟากหนึ่งของจักรวาล... บทสวดอันเป็นนิรันดรของเทพพระเจ้าโคฟี่... ก็ยังมิได้สิ้นสุดแต่เพียงเท่านั้น... เสียงของเค้ายังคงดังก้องอยู่ภายในจิตใจระหว่างการหลับใหล... เสียงอันดังก้องของเค้า... บทสวดที่จะส่งวิญญาณของเทพีผู้งดงามให้ไปถือกำเนิดขึ้นมาใหม่... จากกอธเดสเซเรียธีร์... ให้กลายเป็น...
"ข้าเทพพระเจ้าแห่งแสง !! ขออัญเชิญดวงวิญญาณของเทพีเซเรียธีร์ เทพีผู้เลอโฉมตัวแทนแห่งความงดงามของเปลวเพลิง {Beauty of the flame} ข้าขออัญเชิญดวงวิญญาณอันเลอโฉมนี้ให้สลายกลายเป็นแสงสว่างและส่องประกายล่องลอยไปตามอวกาศ... ผู้ใดที่มีจิตวิญญาณที่คู่ควร... หญิงสาวคนใดที่ควรค่าต่อการชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหลังจากความตาย... หญิงสาวผู้มีความงดงามและทรงคุณค่าออกมาทั้งกายและใจ... หญิงสาวผู้นั้นจะได้รับการรับเลือก... ให้กลายเป็นเทพีแห่งไฟองค์ใหม่และมีนามอันเป็นนิรันดรขึ้นมาใหม่อีกครั้ง... นามของเทพีองค์ใหม่จะถูกตั้งชื่อตามนามของสาวงามที่ถูกเลือกคนนั้น... และอายุขัยของนางคนนั้น... จะยั่งยืนและมีชีวิตตราบชั่วนิจนิรันดร..!!!"
และแล้ว... ประกายแสงสีแดงฉานก็ล่องลอยไปตามดาว...
ดวงวิญญาณแห่งไฟดวงนั้นได้ล่องลอยมาตามเสียงขับขานของเหล่านักเวทย์ผู้อาศัยยังตามดวงดาวต่างๆ ดาวดวงใดที่ดวงวิญญาณมองเห็นว่ามีจิตวิญญาณอีกจิตวิญญาณหนึ่งที่กำลังล่องลอยอยู่... แล้วมีความงดงามพอที่จะได้สอดประสานรวมกันให้ถือกำเนิดขึ้นเป็นดวงวิญญาณดวงใหม่ได้... ดวงวิญญาณก็จะล่องลอยไปยังดวงดาวดวงนั้น...
เมื่อนั้นเอง... ณ ดวงดาวอันห่างไกลจากดินแดนอันรกร้างของกาลาเวี่ยน... ณ ดาวเคราะห์มาเรีย ดวงดาวอันเป็นบ้านเกิดของเหล่านักเวทย์...
ดวงวิญญาณแห่งเทพีได้ไปถือกำเนิดขึ้นมาใหม่... โดยมีกายเนื้อเป็นของหญิงสาวที่ชื่อว่า 'โนโนะ อูมาอิ' หญิงสาวผู้เสียชีวิตในมหาสงครามระหว่างสาธารณรัฐจูเรียและจักรวรรดิยูเรน...
หญิงสาวผู้มีโฉมอันงดงาม ผมเผ้าที่ได้รับการจัดระเบียบอย่างเรียบร้อยจนดูสูงส่งราวกับเป็นจักรพรรดินีผู้เฉิดฉาย... ร่างกายอันงดงามผิวพรรณสีขาวอันเปล่งประกาย... แต่ก็แฝงไปด้วยพลังอันร้อนลุ่มแห่งเปลวเพลิง...
เทพีแห่งไฟองค์ใหม่... 'โนโนะ อูมาอิ' ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว !! {END Chapter} . . . ... ... ณ ดาวเคราะห์บัมบาเลี่ยน (ดาวเคราะห์ที่ใกล้ที่สุดถัดจากดาวทาโนอูน)
หลังจากที่วิหารแม่มดของกาลาเวี่ยนได้พังลงไป ดูเหมือนว่าความฝันที่จะสร้างกองทัพปีศาจอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาเพื่อใช้รุกรานและครอบครองจักรวาลของเขาก็เป็นอันต้องสิ้นสุดลงด้วย...
เทพแห่งความตายและการทำลายล้างได้มุ่งหน้าไปยังดาวเคราะห์บัมบาเลี่ยน ดาวเคราะห์เล็กๆของเหล่าภูติแคระและเอลฟ์ที่อยู่อาศัยกันอย่างสงบสุขและทำฟาร์มเกษตรกรรม...
การมาเยือนของกาลาเวี่ยน ก็เพื่อที่จะมาระบายอารมณ์และหาอะไรมาตอบสนองให้กับความกริ้วโกรธาในตอนนี้ของเค้า !!
กาลาเวี่ยนได้ทำการฆ่าล้างเหล่าเอลฟ์และภูติแคระที่ไร้ทางสู้ เค้าไม่ละเว้นแม้แต่ เด็กน้อย สตรี คนแก่ แม้กระทั่งเด็กทารกเค้าก็มิละเว้น !!
กาลาเวี่ยนกวาดล้างทุกสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนดวงดาวๆนี้ ดาวอันสงบสุขที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสันติและความรักได้กลายมาเป็นหลุมฝั่งศพก็มวลชีวิตนับล้าน...
เทพแห่งการทำลายร้างได้พรากชีวิต พรากความรัก พรากความอบอุ่นไปจากดาวเคราะห์ดวงนี้...
หลังจากที่เค้าได้นำเอาศพของทุกชีวิตที่เค้าฆ่ามากองรวมกันให้กลายเป็นปราสาทศพตามที่เค้าชื่นชอบแล้ว ทันใดนั้นเอง !! ระหว่างที่เขากำลังชื่นชมมองดูผลงานของเขานั้น...
ฟิ้ววว !!
ยานบินอวกาศสีดำลำหนึ่งได้ออกมาจาก <Porter Drive> และบินตรงเข้ามายังดาวเคราะห์ดวงนี้...
ชายวัยกลางคนหนึ่งก้าวเท้าของเขาออกมาจากยาน... ตัวของเขากำลังอยู่ในชุดสูทมีเนคไทผูกอย่างเป็นทางการ... ที่หัวของเขามีหมวกทรงฟีโดร่าสีดำสวมใส่อยู่เพื่อปิดบังใบหน้าของเขา... ที่ปากของเขาคาบบุหรี่มวนนึงที่พึ่งจุดได้มาดๆ...
เขาเดินตรงเข้ามายังกาลาเวี่ยนด้วยท่าทีที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวในตัวเทพแห่งความตาย...
เมื่อมนุษย์ผู้นั้นเดินเข้าไปถึงตัวกาลาเวี่ยนแล้ว... เขาก็กล่าวว่า...
"ข้าคือมนุษย์ผู้ต่ำต้อย... ไร้ซึ่งคุณค่าและราคาใดๆหาได้เทียบเคียงละอองฝุ่นจากปลายเท้าของท่านมหาเทพแห่งความตายกาลาเวี่ยนไม่... ข้าพเจ้ามาขอเข้าพบท่านมหาเทพและมาเพื่อเจรจาข้อตกลงบางอย่าง โดยปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่าท่านมหาเทพจะสละเวลาอันทรงคุณค่ามารับฟัง..."
กาลาเวี่ยนที่กำลังใจเย็นลงหลังจากที่ได้ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ครั้งยิ่งใหญ่ไป เมื่อได้ยินดังนั้นจึงกล่าวตอบไปว่า...
"เจ้ามีความประสงค์อันใดมนุษย์ผู้ต่ำต้อย !! นี่เจ้ามิเห็นเลยรึ !! ว่าข้าพึ่งจะได้ทำการฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตนับล้านไปด้วยเวลาเพียงไม่กี่วันน่ะ !! แล้วเจ้าไร้ซึ่งความกลัวใดๆเลยรึที่จะมาเข้าพบข้าน่ะ !! ข้าสามารถเด็ดคอง่อยๆของเจ้าให้ขาดสะบั่นลงมาในทันทีโดยที่เจ้าไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ !! เจ้ามนุษย์ !!"
เมื่อชายผู้ที่ต้องการมาเจรจาได้ยินดังนั้น... เขาจึงจริงยิ้มขึ้นที่มุมปากพร้อมกับลั่นวาจาอันคมคายของเขาตอบไปว่า...
"เนื่องจากจักรวรรดิของข้าต้องการมาเพื่อฉันท์มิตรและสร้างสัมพันธไมตรีกับตัวท่าน... เพราะฉนั้นแล้ว... การที่จักรวรรดิจะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เกรียงไกรและความทัดเทียมคู่ควรต่อการเป็นพันธมิตรเคียงข้างตัวท่าน เขาจึงจำเป็นต้องส่งบุรุษผู้ไร้ซึ่งความกลัวอย่างตัวข้าให้มาเจรจากับท่านยังไงล่ะ... ท่านมหาเทพ...!!"
คำพูดที่ออกมาจากปากนั้นเข้าหูมหาเทพกาลาเวี่ยนไม่มากก็น้อย เมื่อได้ยินดังนั้นเทพแห่งความตายจึงหัวเราะออกมาเล็กน้อยพร้อมกับพูดต่อว่า...
"หึ หึ หึ !! เป็นวาจาที่คมคายไม่เบา... แต่ถึงอย่างนั้น... ก็มิอาจมีสิ่งใดที่สามารถเทียบเคียงตัวข้าได้ !! หึ หึ หึ !! แต่ถึงอย่างอย่างนั้นข้าก็รู้สึกได้ว่าจักรวรรดิของเจ้านั้นควรค่าที่จะสละเวลามาเจรจาต่อรองด้วย... เจ้ามนุษย์ !! นามอันต่ำต้อยของเจ้าคืออะไร !!"
"โปรดเรียกข้าว่า 'มิสเตอร์ เฟียร์' เถอะขอรับ... {MR. FEAR}"
"ไหนเจ้าจงบอกข้อเสนอของจักรวรรดิเจ้ามา !!!!"
"ข้าพเจ้าอยากที่ชักชวนท่าน... ให้มาเข้าร่วมกับจักรวรรดิจักรกลยูเรน {U-RANE Empire} อันเกรียงไกร !! มาผนึกกำลังรวมกันเพื่อบดขยี้พวกสาธารณรัฐและครอบครองจักรวาล... !! นี่เป็นหนทางเดียว... และเป็นหนทางที่ง่ายที่สุด สำหรับท่านที่ต้องการจะบูรณะจักรวรรดิทาร์นอสดั้งเดิมของท่านให้เจริญงอกเงยขึ้นมาอีกครั้ง !! และในอนาคต... 2 จักรวรรดิจะครอบครองกาแล็คซี่ REALM-29 นี่ร่วมกัน ร่างกฎเกณฑ์ขึ้นมาใหม่ !! ทุกๆอย่างเป็นดั่งตามที่พวกเราปรารถนา !! ไร้ซึ่งแสงสว่างที่น่ารำคาญจากพวกสาธารณรัฐ !!"
...
Mr.Fear หยุดพูดไปชั่วขณะหนึ่งปล่อยให้เทพแห่งความตายกาลาเวี่ยน ได้ใช้เวลาครุ่นคิด... ก่อนที่ Mr.Fear จะพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า...
"โดยทางจักรวรรดิยูเรน... ได้เตรียมที่จะมอบของกำนัลให้กับท่าน... ด้วยการสร้างสถานีศูนย์วิจัย วิเคราะห์และเพาะพันธ์กองทัพปีศาจ !! สิ่งที่ท่านปรารถนามานานนับทศวรรษและได้ถูกทำลายลงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา... พวกเราคิดที่จะสร้าง... 'โครงการโคเลสเที่ยล' ศูนย์วิจัย วิเคราะห์และกักเก็บเมล็ดพันธ์จักรกล ณ สนามอุกกาบาตในเส้นทางข้ามจักรวาลที่ Sector889
ทางจักรวรรดิของเหล่าเตรียมที่จะผนึกกำลังรวมเข้ากับเวทมนตร์อันต่ำช้าของท่าน !! กระบวนการสร้างปีศาจทารกจะยังคงเหมือนเดิม !! ล่าแม่มดมาพร้อมกับเสกวิญญาณร้ายเข้าไปในครรภ์ของนาง... แต่สิ่งที่จะทำให้กองทัพของท่านพัฒนาไปไกลมากกว่านั้น... ก็คือการที่เราจะใส่ DNA ของเครื่องจักรกลที่จักรวรรดิของเราได้คิดค้นขึ้น... Cybernetic Gene !! กองกำลังในอนาคตของท่านจะทั้งโหดร้าย ชั่วช้า ไร้ซึ่งความปราณีไม่ต่างจากตัวท่าน !! แต่จะเพิ่มประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งมากกว่าที่เคยเป็นอยู่ชนิดที่ท่านมิอาจจินตนาการได้ !!
มารวมพลังกันเถอะท่าน...!! แล้วพวกเราจะครองจักรวาลร่วมกัน...!!"
|
|
|
Post by GreyTear on Jun 29, 2017 7:26:42 GMT
Chapter 08 'เดินกลับบ้านกับริม' ณ ห้องสันธนาการที่ 14 ชั้น 2 (ห้องของยูนิต-7)
Date / Month / Years of Republic : 16 / 05 / 1023
โอดะ มาซาฮิโกะ
....
ตอนนี้ก็ค่อนข้างเย็นแล้วนักเรียนคนอื่นๆก็พากันแยกย้ายกลับบ้านกันหมด... อันที่จริงผมก็กำลังจะเดินออกจากประตูโรงเรียนอยู่แล้วแต่ดันนึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์มือถือไว้อยู่ที่ห้อง...
ผมเดินขึ้นอาคารคานาเรี่ยนมาที่ชั้น 2 เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู... หน้าประตูเขียนว่า [ห้องสันธนาการที่ 14 : ยูนิต-7] ผมค่อยๆเปิดประตูเข้าไป... แอ๊ดด...
แสงจากดวงอาทิตย์ที่ริบหรี่ใกล้ที่จะลับขอบฟ้าส่องผ่านหน้าตาเข้ามาฉาบโต๊ะตัวยาวที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง... ทุกๆอย่างดูกลายเป็นสีส้ม รวมถึงตัวผมด้วย...
พายุฤดูฝนช่วงนี้ดูเหมือนจะเริ่มเบาบางลง... ช่วงก่อนหน้านี้มีฝนตกชุกติดต่อกันหลายวันจนเกือบจะยาวเป็นอาทิตย์... แต่ว่าวันนี้กลับไม่มีฝนตกลงมาซักแอะ อากาศค่อนข้างแห้งผิดปกติ ซึ่งผมชอบที่มันเป็นแบบนี้มากกว่า... เอ๋...??
มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวริมสุดที่อยู่ขอบโต๊ะ เธอหันหลังให้กับตัวผมที่พึ่งเข้าห้องมาและกำลังยืนอยู่หน้าประตู สายตาของเธอกำลังจ้องมองอะไรบางอย่างที่อยู่นอกหน้าต่าง... หญิงสาวผมออกสีน้ำเงินเล็กน้อย เส้นผมถูกจัดให้อยู่ในทรงทวินเทลผูกโบว์สีชมพูอย่างน่ารัก... หนึ่งในสมาชิกของยูนิต 7... หนึ่งในเพื่อนอันเป็นที่รักของผม 'ริม พอร์ช'
เธอมาทำอะไรที่นี่กันนะ...ทำไมยังไม่กลับบ้าน...
ผมเอ่ยปากถามออกไป...
"อ่าว... ริม... ยังไม่กลับบ้านอีกหรอ..."
"หืมม์ ?"
เมื่อรู้สึกขึ้นได้ว่ามีคนทัก... เธอจึงหันมันหาผม... "อ๋อ...โอดะเองหรอ..."
ยังคงเหมือนเดิม... น้ำเสียงอันแหลมเล็กของสาวน้อยหน้าใสที่มีนัยน์ตาสีแดงน่ารักคนนี้...
ผมเดินไปที่ล็อคเกอร์พลางพูดคุยกับเธอ...
"อืมม... พอดีมาเอาโทรศัพท์ที่ลืมไว้น่ะ... น่าจะอยู่ในล็อคเกอร์นี่แหละ..."
"อันนี้หรือป่าว ??" เธอพูดพร้อมชูโทรศัพท์มือถือหน้าจอแบนราบขนาด 5.5 นิ้วสีดำขึ้นมา ไม่ผิดแน่นั่นมันโทรศัพท์มือถือของผม... รุ่น [A-PROX 10.4]
"อ่า... ใช่... แล้วมันมาอยู่กับเธอได้ยังไงหรอ ?"
"พอดีเห็นตกอยู่น่ะเลยเก็บได้..."
"ที่ไหนหรอ ??"
"ในห้องนี่แหละ..."
"อืม..."
"...."
ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์จากมือของเธอ... ก่อนที่จะเดินตรงไปยังประตูเพื่อที่จะได้กลับบ้านเสียที... แต่...
"เออว่าแต่... ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านหรอ..." ผมเกือบลืมไปว่าเธอยังไม่ได้ตอบคำถามข้อนี้...
"อ๋อ...หึๆๆ พอดีได้แต่นั่งคิดอะไรเพลินๆน่ะ..." (แปลกคนนะผู้หญิงคนนี้)
"จะว่าไป... น่าจะรีบกลับได้แล้วนะ... เธอไม่ได้อยู่หอพักของโรงเรียนไม่ใช่หรอ... ถ้ากลับช้าทางบ้านอาจเป็นห่วงได้นะ... นี่ก็... ใกล้จะทุ่มนึงแล้ว..." ผมเอ่ยปากเตือนเธอไป ช่วงหน้าฝนนี่ก็แปลกซะจริงๆ รู้สึกว่าพระอาทิตย์จะตกช้ากว่าปกติ... นี่ก็ใกล้จะ 1 ทุ่มแล้วแต่ท้องฟ้ายังถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีส้มยามสนธยา...
"นั่นสินะ... (เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้) คงจะเป็นเพราะมัวแต่คุยแชทกับเพื่อนที่สภานักเรียนจนเพลินน่ะ... ระหว่างนั่งกดมือถืออยู่ก็คิดอะไรไปมา... จนเผลอไปหยุดชะงักกับแดนสนธยาที่อยู่นอกหน้าต่างซะได้... ก็ว่าจะกลับแล้วล่ะนะ" เธอตอบกลับมาด้วยสีหน้าอมยิ้มพร้อมกับเดินไปหยิบกระเป๋าเป้สีน้ำเงินของเธอ...
ผมนิ่งอยู่ชั่วขณะก่อนจะตัดสินใจพูดออกไปว่า...
"เอาอย่างงี้ไหมล่ะ..."
"หืมม์ ?"
"วันนี้เดินกลับบ้านด้วยกันดีไหม เดี๋ยวเดินไปส่ง..."
..... หวืดด... เสียงรถยนต์บนถนนขับผ่านพวกเรา 2 คนที่กำลังเดินอยู่ตรงข้างทางไป...
ท้องถนนของวันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวัน... การจราจรไม่คับคั้งมากนัก ถึงอย่างนั้นก็มีรถอยู่พอประมาณ... บรรยากาศริมถนนก็เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ภัตตาคารสำหรับครอบครัว ร้านฟาสฟู้ด ร้านกาแฟ เมดคาเฟ่...
ท้องฟ้าก็ยังคงฉาบไปด้วยแสงสีส้มอันอบอุ่นชวนให้หลงใหลเหมือนเดิม... ดูเหมือนวันนี้ช่วงเวลากลางวันจะกินเขตแดนของช่วงเวลากลางคืนมาหน่อยนะ...
ปิ๊น ปิ๊น ! เสียงบีบแตรไล่เล็กน้อยจากรถยนต์คันข้างหน้า... ผมกับริมค่อยๆพากันเดินข้ามถนน...
ใกล้ๆกับรั้วโรงเรียน REALMMASTER ก็เป็นสวนสาธารณะที่มักจะมีพวกคนแก่หรือคนที่รักสุขภาพเดินมาออกกำลังกายหรือไม่ก็เต้นแอโรบิกอยู่เสมอ... บรรยากาศภายในสวนสาธารณะเต็มไปด้วยความร่มรื่นของช่วงพลบค่ำ บรรยากาศและกลิ่นอายที่ดูอบอุ่น...
พวกเราเดินมาเรื่อยๆโดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอ่ยปากพูดอะไรออกมาซักคำ... ผมรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างเรา 2 คนมันเงียบเกินไปไม่เข้ากับบรรยากาศรอบข้างเอาเสียเลยจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า...
"จะว่าไป---"
"เราแวะร้านสะดวกซื้อข้างหน้ากันหน่อยดีไหม ?" จู่ๆริมก็พูดขัดผมขึ้นมาก่อนซะงั้น... อะไรมันจะได้จังหวะขนาดนี้... เธอหันมาบอกกับผม สีหน้าของเธอดูไม่เหมือนคนที่พยายามจะจงใจขัดแต่ดูเหมือนว่าเธอต้องการที่จะแวะร้านสะดวกซื้อข้างหน้านี่จริงๆ
ดิ๊ง ด๊อง !
"จะซื้ออะไรหรอ ?" ผมถามไป
"ว่าจะซื้อขนมคบเคี้ยวซักหน่อยน่ะ..." ริมตอบกลับมาอย่างเรียบๆ
แกรกๆ เธอหยิบถุงมันฝรั่งทอดกรอบลงตะกร้าอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่รู้สึกว่าเธอจะซื้อขนมพวกนั้นมากไปหน่อยหรือป่าวนะ
ตอนนี้ผมเห็นถุงขนมอยู่บนตะกร้าประมาณ 5 ถุงได้แล้วและเธอก็ยังคงไม่หยุดอยู่แค่นั้น ผมจึงเอ่ยปากถามว่า...
"นี่เธอชอบกินขนมพวกนั้นมากขนาดนี้เลยหรอ ?"
"อ..อ๋ออ ป่าวหรอก !" เธอตอบกลับมาเสียงสูงเล็กน้อย...
"พอดีฉันกะจะซื้อไปให้ยุยน่ะ... ว่าจะไปเยี่ยมยัยนั่นซักหน่อย... ได้ยินข่าวมาว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว..." เธอตอบกลับมาอย่างเรียบๆเช่นเคย
"อ่าว...พรุ่งนี้แล้วหรอ... ดีจังนะ" ผมยิ้มตอบกลับเธอไป
"แต่ว่า....(ผมส่งสายตามองไปที่ขนม) ฉันว่ายูอิคงไม่กินขนมพวกนั้นมากเท่านี้หรอกนะ"
"เอ๊ะ !?" เธอเอ๊ะกลับมาด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
......
ดิ๊ง ! ด๊อง !
พวกเราเดินออกจากร้านสะดวกซื้อมาพร้อมกับแซนด์วิชขนมปังสำเร็จรูปจำนวนนึง...
"โอดะนี่รู้ใจพวกเพื่อนๆในกลุ่มดีจังเลยเนอะ หึๆๆ" ริมหันมาพูดกับผมพร้อมกับยิ้มแก้มปริอย่างอารมณ์ดี
"ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก... แต่เท่าที่สังเกตเวลาอยู่ห้องประจำยูนิตก็จะเห็นยูอิหยิบเอาขนมปังหรือไม่ก็แซนด์วิชขึ้นมากินอยู่เรื่อยน่ะ... แล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยชอบพวกขนมคบเคี้ยวอย่างพวกแผ่นมันฝรั่งทอดกรอบด้วยน่ะสิ..."
"ทำไมหรอ ??" เธอหันกลับมาถามด้วยสีหน้าใสซื่อ...
"เคยเห็นเชนหยิบเอาขนมพวกนั้นมาล่อยูอิหรือไม่ก็ชวนยูอิกินด้วยน่ะสิ แต่เหมือนว่ายูอิจะปฏิเสธไปอะนะ... สงสัยจะไม่ค่อยชอบ"
"อ๋อ... นั่นน่ะสินะ..."
"พวกผู้หญิงเอง... ส่วนมากก็คงไม่ชอบกินของไม่ดีต่อสุขภาพแบบนั้นหรอก นี่ฉันพูดถูกไหม..." (เปิดเรื่องคุย)
"มันก็จริงอยู่นั่นแหละ... แต่ก็ไม่ได้จะเกลียดขนมพวกนั้นซักเท่าไหร่หรอกนะ..." (เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงใสซื่อ)
"แต่ก็ไม่ได้เห็นเธอกินของพวกนั้นบ่อยๆอยู่แล้วไม่ใช่หรอ..."
"ก็จริงแหละนะ พอดีที่ฉันไม่ค่อยกินก็เป็นเพราะกำลังไดเอ็ทอยู่นั่นแหละ..." เธอเอานิ้วชี้ขึ้นมาจิ้มที่ปากตัวเองพร้อมกับพูดออกมาด้วยท่าทีใสซื่อไม่เคยเปลี่ยน
"หา..?? ผอมขนาดนี้แล้วยังจะไดเอ็ทอยู่อีกหรอ ?? ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็หุ่นดีสุดๆแล้วนะ"
"หึๆๆ ก็เพราะห่วงเรื่องสุขภาพตัวเองอยู่ตลอดยังไงล่ะ ถึงได้มีรูปร่างที่ดีอยู่อย่างงี้เสมอน่ะ แฮะ แฮะ แฮะ" ริมพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างน่าเอ็นดู
"โอดะ ก็เป็นห่วงเรื่องสุขภาพมากกว่าใครเพื่อนเลยไม่ใช่หรอ ? ก็เห็นเข้าฟิตเนสอยู่ทุกวันนิ ?" ริมเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามคำถามผมขึ้นมาบ้าง ทำให้การสนทนาครั้งนี้ดูไม่เหมือนการโยนคำถามจากผมให้อยู่ฝ่ายเดียว
"ที่เข้าฟิตเนสทุกๆวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการดูแลสุขภาพอย่างเดียวนี่น่ะสิ๊... ที่ฉันไปเข้าฟิตเนสก็เพราะมีเหตุผลๆอื่นอยู่ด้วย"
"เอ๊ะ ?! " 'เอ๊ะ' อย่างงั้นหรอ ? ทำไมเธอถึงจู่ๆก็หยุดชะงักขึ้นมา
"หืมม์ ?"
"นี่โอดะไปเข้าฟิตเนสเพื่อแอบส่องหุ่นสวยๆของนักเรียนหญิงสินะ ! เป็นอย่างงี้นี่เองน่ะ ! นายนี่ร้ายไม่เบาเลยนะ !" อยู่ๆก็โยนภาพลักษณ์ของชายหนุ่มผู้เป็นเสือผู้หญิงมาให้ผมเสียแล้ว... แต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าและท่าทางในการพูดของเธอก็ยังคงดูไร้เดียงสาไม่ต่างไปจากเดิม...เธอพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ผม
"ปะ ป่าวนะ !!"
"งั้นหรอ...หืมม..." เธอหันกลับไปแต่ยังคงทิ้งสายตาของเด็กขี้สงสัยเอาไว้
"พอดีฉันแค่ต้องการจะฝึกพละกำลังของตัวเองดูน่ะ... แค่ต้องการสร้างความแข็งแกร่ง... ของอย่างงี้แหละที่เค้าเรียกว่า 'ความพยายาม' ยังไงล่ะ" ผมยืดอกพูดด้วยน้ำเสียงอันภาคภูมิ
"หรอ ?? ไม่เห็นจะเข้าใจเลยง่ะ" ริมทำหน้าตางงงวยกับสิ่งที่ผมพูด...
"คือฉันไม่ได้มีพรสวรรค์อะไรมากแบบคนอื่นเค้ายังไงล่ะ ไม่ได้มีของติดตัวอะไรมากอย่างคนอื่นเค้า ก็เลยต้องแสวงหาเอาเอง... จริงๆเราเรียก 'ความพยายาม' อันนี้อีกอย่างว่า 'พรแสวง' ก็ได้นะ" ผมพยายามใช้คำพูดเปรียบเปรย
"อ๋องั้นเองหรอ..." เสียงริมตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา ดูเหมือนเธอยังไม่ค่อยจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูดซักเท่าไหร่...
"...."
จู่ๆ บรรยากาศก็กลับเงียบลงขึ้นมาอีกครั้ง... อะไรกันนี่... อุตส่าห์ชวนพูดคุยกันจนจะติดลมอยู่แล้วแท้ๆ
.....
พวกเราเดินมาหยุดอยู่ตรงหัวมุมของซอยๆหนึ่งซึ่งแยกออกเป็น 2 ทาง...
แยกนึงเป็นทางไปบ้านของผมส่วนอีกแยกเป็นทางไปบ้านของริม... สงสัยจะต้องแยกกันตรงนี้แล้วสินะ...
"นี่โอดะ..." จู่ๆเธอก็เรียกผมขึ้นมาพร้อมกับดึงเสื้อนักเรียนแขนยาวของผม...
"ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว... ทำไมวันนี้เราไม่ไปเยี่ยมยูอิกันเลยล่ะ ไหนๆก็ซื้อของเยี่ยมมาแล้ว ??" (เป็นความคิดที่ดีนะ)
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดเป็นสีดำไปหมดแล้ว... มีแสงจากดวงดาวระยิบระยับมาบ้าง ถึงกระนั้นก็มีเพียงน้อยนิดที่สามารถสู้แสงสีของใจกลางเมืองหลวงของสาธารณรัฐจูเรียนี้ได้...
"เป็นความคิดที่ดีนะ... ว่าแต่เธอไม่รีบกลับบ้านหรอ ? ตอนนี้เวลาทุ่มครึ่งแล้วนะ..." ผมเลื่อนนาฬิกาข้อมือให้เธอดู
"พอดีเมื่อตะกี้แม่พึ่งส่งข้อความมาว่าวันนี้จะออกไปทำธุระนอกเมืองน่ะ คงไม่ได้กลับบ้าน..." ริมหันกลับมามองหน้าผมด้วยแววตาที่ใสซื่อเหมือนเดิม
"งั้นหรอ... ถ้าอย่างนั้น..."
"ไปเยี่ยมยูอิกัน !"
"นั่นแหละ... แต่ก่อนอื่นฉันว่าเราควรแวะร้านดอกไม้ก่อน..."
......
กริ๊ง กริ๊ง !
ผม / ริม : อะ...อ่าวว...
ชายร่างบางผมสีขาวฟู / สาวสวยผมสีทอง : อะ...อ่าว... สวัสดีตอนเย็น...!
เมื่อก้าวเข้ามาในร้านที่มีดอกไม้นาๆชนิดวางตั้งอยู่พร้อมปักราคาขาย เราทั้ง 2 คนก็ต้องหยุดชะงักลงชั่วขณะเมื่ออยู่ดีๆก็พบกับคนรู้จักโดยบังเอิญ... เพื่อนที่อยู่อีกยูนิต 2 คน
"สวัสดีฟราน, เทเรเซีย พวกเธอปกติจะอยู่ที่หอพักคฤหาสน์ของโรงเรียนไม่ใช่หรอ นี่ก็ค่ำแล้วทำไมถึงออกมาซื้อดอกไม้ในร้านที่อยู่ห่างไกลอย่างงี้ล่ะ... ปกติร้านใกล้ๆโรงเรียนก็มีขายไม่ใช่หรอ ?" ผมถามออกไปเนื่องจากสงสัยเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร...
เทเรเซีย : อ๋ออ... พอดีว่าร้านใกล้โรงเรียนมันไม่มีดอกไม้ที่ฉันต้องการน่ะ ก็เลย-----
ฟราน : ไม่ได้นะ ! นั่นมันเป็นข้อมูลลับ ! ห้ามบอกคนนอกยูนิต !!
เทเรเซีย : เอ๊ะ !?
ทว่าจู่ๆฟรานก็มีท่าทีแปลกๆขึ้นมาโดยทันที ดูเหมือนว่ากลุ่มนี้คงกำลังจะคิดการใหญ่ทำอะไรแปลกๆขึ้นมาอีกแล้วสินะ...
"อ๋อ... ถ้าเป็นความลับก็ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้นะ... หึๆๆ ฉันแค่ถามเล่นเฉยๆ"
ฟราน : อะ...อืมม !
ฟรานอืมกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่เหมือนปกปิดความลับบางอย่าง
เทเรเซีย : โถ่วว...เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องไปปกปิดก็ได้นะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรอยู่แล้ว !
เทเรเซียหันไปพูดกับฟราน ทั้ง 2 คนเหมือนจะกำลังเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องอะไรบางอย่างซึ่งผมไม่เข้าใจ
ฟราน : ยังไงก็ไม่ได้ ! ไม่สนหรอกนะว่าเธอเป็นลีดเดอร์ยูนิต แต่เรื่องนี้โรเซ่นบอกว่าเป็นความลับ... ฉะนั้นต้องห้ามบอกใครเด็ดขาด...
ฟรานยังคงยืนยันคำเดิม เทเรเซียก็ได้แต่เผยสีหน้าถอดใจและไม่บอกความลับนั้นกับผม ซึ่งอันที่จริงผมก็ไม่ได้ต้องการอยากจะรู้อะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว...
"หืมม์ ?? ยูนิต-14 นี่ชอบมีเรื่องราวลับลมคมในลึกลับๆได้ตลอดเลยนะ หิๆๆๆ ดูเป็นยูนิตที่สนุกสนานครื้นเครงดีจัง..."
ริมที่กำลังเลือกดอกไม้เพื่อที่จะนำไปเยี่ยมยูอิจู่ๆก็พูดขึ้นมาอย่างติดตลกเล็กน้อย ซึ่งผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน
เทเรเซีย : ครื้นเครงงั้นหรอ..?? อะ...ฮะ...แฮะ แฮะ...
เอ้า ! ทำไมถึงทำสีหน้ายิ้มเจื่อนๆหัวเราะแห้งๆ เบือนหน้าหนีขึ้นมาซะอย่างนั้นล่ะ ?!
ฟราน : เห้ออ... อย่าเรียกว่าครื้นเครงเลย... เรียกว่าเป็นยูนิตที่ประหลาดสุดๆจะดีกว่า...
ซะอย่างนั้น !!!
........
กริ๊ง กริ๊ง !
พวกเรา 4 คนเดินออกจากร้านดอกไม้มาพร้อมๆกัน... ผมกับริมเลือกซื้อดอกลิลลี่สีเหลืองเนื่องจากมันสื่อถึงความห่วงใย อาทรเหมาะสำหรับในการนำไปใช้เยี่ยมผู้ป่วยหรือเพื่อนที่อยู่ในโรงพยาบาล...
ริมดูเหมือนจะเดินยิ้มแย้มฮัมเพลงออกมาตลอดทางหลังจากที่เดินออกร้านดอกไม้มา... ดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์ดีไม่น้อยที่จะได้ไปเยี่ยมเพื่อนสนิทที่สุดของเธอ... ในขณะเดียวกัน....
ผมเหลือบไปเห็นดอกไม้ที่เทเรเซียกับฟรานซื้อมา... ดอกไม้ประหลาดอะไรกันเนี่ย... ตรงกลางมียอดแหลมๆพุ่งขึ้นมา กลีบที่ล้อมรอบอยู่ด้านข้างก็เป็นสีม่วงซึ่งไม่มีความสวยงามเอาซะเลย ขนาดก็ใหญ่มาก ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าจะเอาดอกไม้ประเภทนี้ไปใช้ทำอะไร...
ระหว่างที่ผมกำลังจ้องมองดอกไม้ดอกนั้นด้วยแววตาที่กำลังฉงนอยู่นั้นเอง...
เทเรเซีย : สงสัยล่ะสิว่านี่มันคือดอกอะไร... เค้าเรียกว่า 'ดอกซากศพ' น่ะ โรเซ่นอยากได้มันเอาไปประกอบพิธีกรรมอะไรของเธอซักอย่าง...
ผม : ห่ะ !! ดอกซากศพเนี่ยนะ !!
ริม : หืมม์ ? ดูน่าเกลียดที่สุดเลยน่ะ !!
เทเรเซีย : เรียกอีกชื่อนึงว่า 'ดอกบัวพุดยักษ์' น่ะ ฟังดูแย่ใช่ไหมล่ะ (พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม)
ฟราน : เฮ้ยยย !! ก็บอกแล้วไงว่าอย่าไปบอกคนอื่น !!
เทเรเซีย : เอ๋ ?? ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่นา !!
"ก็เพราะว่าเธอชอบเอาเรื่องประหลาดๆของยูนิตเราไปเที่ยวเล่าให้ชาวบ้านชาวช่องเค้าฟังแบบนี้ยังไงเล่าา !! จนทำให้ชอบมีเสียงติฉินนินทาจากนักเรียนคนอื่นมาว่า ยูนิตของเรามันเป็นยูนิตของพวกคนเพี้ยนๆไง !! แล้วนี่ถ้ามีข่าวแพร่งพายออกไปว่ามีคนจากยูนิตเราไปซื้อดอกไม้ประหลาดๆแบบนี้มาไว้ที่ห้อง คนก็จะยิ่งมองเราแปลกๆมากขึ้นไปอีก !! ฉันไม่ชอบเลยนะที่เวลาเธอชอบพูดอะไรไม่คิดแบบนี้น่ะ !!"
ฟรานจู่ๆก็เกิดของขึ้นขึ้นมาพร้อมกับต่อว่าเทเรเซียด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ เทเรเซียจึงตอบกลับไปว่า
"นายก็ไม่เห็นจะต้องไปแคร์คำพูดของคนพวกนั้นมากเลยก็ได้นี่นา.... เราก็อยู่ส่วนของเราไม่เห็นจะต้องไปคิดมากเลยนะ อีกอย่าง... ก็ไม่ใช่ทุกคนซักหน่อยที่มองยูนิตเราว่าเป็นยูนิตแปลกๆน่ะ มันก็มีคนอีกตั้งเยอะที่ยังคบพวกเราเป็นเพื่อนได้ ดูอย่างยูนิต-7 นี่ยังไงเล่าา !! พวกเค้าก็ไม่เห็นจะมองพวกเราแปลกๆตรงไหนเลย !!"
เทเรเซียเถียงฟรานกลับไปพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ผมกับริมที่ได้แต่ยืนทำหน้าเอ๋อมองดู 2 คนนั้นเทลาะกัน... ผมแอบนึกในใจถึงคำพูดที่เคยออกมาจากปากของจิโดโตะว่า...
>>>>>>>>>>>>>>>>> [คำพูดของจิโดโตะ โทรสไตร์ป]
จิโดโตะ : ไอ้เจ้าพวกยูนิต-14 นั่นน่ะ !! ปัญญา อ่อน ที่สุดเลย !! วันๆเอาแต่ทำบ้าอะไรก็ไม่รู้ มีวันนึงฉันเดินผ่านหน้าห้องของพวกมันแล้วก็มียัยบ้าใส่ชุดประหลาดๆวิ่งออกจากห้องมาพร้อมกับมีผู้ชายหน้าตาประหลาดๆเหมือนกับสัตว์ร้ายมีหางวิ่งตามไปอีกด้วย !! พอแง้มๆมองดูด้านในห้องก็เห็นไฟไหม้เต็มไปหมดเลย !! ต้องรีบวิ่งไปแจ๊นไปบอกอาจารย์กลาดิโอ้แทบไม่ทัน !!
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
อะนะ... ส่วนตัวผมก็ไม่รู้สึกว่าเค้าพวกนั้นเป็นพวกประหลาดแต่อย่างใด... มิหน่ำซ้ำยังรู้สึกอีกว่า ยูนิต-14 นี่ดูสนิทสนมกันยิ่งกว่ายูนิต-7 ของผมอีกซะด้วยซ้ำ...
ฟราน : นี่เธอรู้ไหม !! ว่ายัยคนนั้นน่ะ (ริม พอร์ช) เป็นเพื่อนกับพวกสภานักเรียนด้วยนะ !! ขืนเรื่องนี้ไปถึงหูพวกแก๊งค์สภานักเรียนขึ้นมาเมื่อไหร่ พวกเราได้ถูกจับตามองกันอีกแน่ๆ !! ฉันน่ะ ไม่ค่อยชอบสายตาอันน่ากลัวของผู้หญิงพวกนั้นเลยนะ !! โดยเฉพาะพวกคณะกรรมการคนที่มีเขาน่ะ !! โคตรน่ากลัวชะมัด !! เพราะอย่างงี้เราควรที่จะกำจัดไม่ก็ฆ่าปิดปากเธอคนนั้นซะ !! (ชี้มาที่ริม)
ริม : หาาา ทำไมถึงเป็นฉันล่ะ !!! !!!
เทเรเซีย : นี่นายจะบ้าหรือยังไง ไม่มีการฆ่าปิดปากใครคนใดทั้งนั้นแหละ นี่... พวกนาย 2 คนสัญญาได้ไหมว่าเรื่องนี้จะไม่ไปบอกใคร เรื่องที่ฉันกับพวกเพื่อนๆจะประกอบพิธีกรรมกันน่ะ
ฟราน : แล้วยังจะไปย้ำอีกเพื่อ !!!
ผมรู้สึกว่าคงไม่ได้การซะแล้วจึงเอ่ยปากพูดออกไป
"เอาเถอะๆ ยังไงซะ ฉันก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็แล้วกันนะ... เห้ออ อย่างว่าแหละยูนิตพวกเธอก็ดูแปลกๆไปบ้างในบางครั้งแหละ..."
(กระซิบ) "เห็นไหม โดนพวกนั้นดูถูกเข้าให้อีกแล้ว..." (เสียงฟรานกระซิบกับเทเรเซีย)
"แต่ว่านะ..." (ผมเงยหน้าขึ้นมามองตาพวกเขาแล้วพูด...)
"บางทีฉันก็อิจฉาพวกยูนิตของเธอเหมือนกันนะ... ที่ทุกคนดูเข้ากันได้มากขนาดนี้น่ะ..."
ริม : นั่นน่ะสินะ (ริมเอานิ้วจิ้มไปที่ปากพร้อมกับพูดขึ้นมาบ้าง)
"ไม่รู้สิ... ถึงจะดูรั่วๆ บ้าๆ ไปบ้าง... แต่ก็ดูเป็นยูนิตที่เฮฮาและก็สนิทสนมกันดีนั่นแหละนะ... จนถึงขั้นที่ว่า... บางครั้งฉันก็ถึงกับรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กๆเลยล่ะ หึๆๆ"
ผมสัมผัสได้ว่าจู่ๆริมก็ส่งสายตาหันมามองหน้าผมจากด้านข้าง...
ฟราน : โอดะ... อิจฉายูนิตของพวกเราหรอ...
"ใช่สิ ! แต่ก็ไม่ได้อิจฉาตาร้อนมากขนาดนั้นหรอก... แต่นายลองมองดูยูนิตของพวกฉันสิ... ภารกิจแรกก็ล้มเลวพังไปไม่เป็นท่า... คนบริสุทธิ์ต้องมาตายเพราะความไม่เอาไหนของพวกฉัน..." ผมพูดพร้อมย้อนรำลึกถึงภารกิจแรกที่พึ่งผ่านไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง...
เทเรเซีย : แต่นั่น...เหมือนจะได้ยินมาว่า เป็นเพราะมีพวกน่าสงสัยแอบโจรกรรมข้อมูลไปเองไม่ใช่หรอ... ซึ่งภารกิจระดับนั้นไม่ใช่สิ่งที่คลาสที่ 1 กับคลาสที่ 2 อย่างพวกเราจะจัดการกันได้... ไม่ใช่ความผิดของพวกนายซักหน่อย
"มันก็ไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ... หลังจบภารกิจแรกฉันเกือบเสียขาของฉันไป... โชคดีที่ได้เช็คชั่นหน่วยแพทย์รักษาเอาไว้ได้ทัน... คนจากยูนิตของพวกเธอนั่นแหละ 'สเตปฟานี่..' อะไรซักอย่างนั่นแหละ เธอคนนั้นเก่งมากเลยล่ะนะ ขาของฉันกลับมาวิ่งได้อีกครั้งทั้งๆที่พึ่งหักไปได้ไม่ถึงสัปดาห์... เวทมนตร์นี่มันสุดยอดจริงๆแหละนะ...
แล้วมันก็ไม่ใช่แค่นั้น... ยูอิก็เกือบที่จะเป็นอะไรไป ตอนนี้ก็ยังต้องนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล... (แต่ก็จะออกได้พรุ่งนี้ละ) ส่วนเชนก็พึ่งออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อไม่นาน... ฉันกับจิโดโตะมีปากเสียงกัน... ดูเหมือนพวกเราจะมีความแตกต่างกันทางด้านความคิด... เจ้าหมอนั่น...กับฉัน...
และดูเหมือนตอนนี้เจ้าหมอนั่นจะหายหัวไปไหนอีกก็ไม่รู้ เรียกได้ว่าตอนนี้พวกเราขาดการติดต่อกันไปเลย... ยูนิตของฉันตอนนี้เหมือนเหลือแค่ฉันกับริม... ที่ยังอยู่รวมกันเป็นปึกแผ่นได้... เพราะอย่างงี้ยังไงล่ะยูนิต-14 ของเธอถึงดูน่าอิจฉาขึ้นมาในสายตาของฉัน..."
เมื่อผมพูดความในใจของผมเองจบ... ฟรานก็ทำเป็นเบือนหน้าหนีแล้วก็พูดขึ้นมา...
"งะ...งั้นหรอ... ก็ไม่รู้สินะ..." (ดูเหมือนเค้าเองก็จะแอบภูมิใจในยูนิตของเค้าเล็กๆ)
ริม : โอ....ดะ... (น้ำเสียงอันแผ่วเบาที่ออกมาจากปากของริม ผมได้ยินไม่ค่อยชัดนัก)
"แต่ถ้าเล่นประกอบพิธีกรรมกันจนถึงขั้นไฟไหม้โรงเรียนนี่ก็ไม่ไหวนะ" ผมทิ้งท้ายด้วยคำพูดติดตลกเล็กน้อย...
|
|
|
Post by GreyTear on Jun 29, 2017 7:41:12 GMT
|
|
|
Post by GreyTear on Jul 5, 2017 10:24:27 GMT
Chapter 09 ‘จะเกิดอะไรขึ้น...เมื่อฉันติดอยู่ในดวงดาวอันรกร้าง’
ริเอะ ไอสาวะ
Day#1 -Date / Month / Years of Republic : 13 / 05 / 1023 [...ระหว่างการเดินทางผ่าน <Porter Drive> ด้วยกระสวยนาโนคอร์ป พวกเราถูกเรือโจรสลัดอวกาศพุ่งเข้ามาโจมตีภายในอุโมงค์ความเร็วแสงอีกครั้ง ! พวกฉัน 3 คนตัดสินใจทำสิ่งที่เสี่ยงที่สุดอีกครั้ง นั่นก็คือหักยานออกจาก <Porter Drive> อย่างกะทันหัน ! แต่ทว่าก็ช่วยให้พวกเราสลัดหลุดพวกกัดไม่ปล่อยพวกนั้นได้สำเร็จ... แต่ทว่า...]
ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ด !! (เซนเซอร์เตือนสิ่งกีดขวางที่อยู่ด้านหน้า)
ฉัน : มาจิ !! ยานเรากำลังจะชนกับสถานีอวกาศนั่นแล้ว !! มัวทำอะไรอยู่หักหลบเลยสิ !!
มาจิ : ก็พยายามอยู่ !! แต่การเบี่ยงยานหลบออกจาก <Porter Drive> ทำให้แกนพลังงานตรงกลางยานดับ ! ตอนนี้เราลอยโคล้ง ! ทำอะไรไม่ได้เลย !!
ฟรานซิส : อย่างงี้ก็ตายห ่าสิวะ !!
มาจิ : เกาะไว้แน่นๆ !! เตรียมรับแรงกระแทก !!
ฉัน : อ้ากกก !! ฉันยังไม่อยากตาย !!
เปรี๊ยง !! [ยานของเราพุ่งแคนนอนเข้าใส่สถานีอวกาศปริศนาที่อยู่ด้านหน้าเต็มๆ โชคยังดีที่ยานไม่เสียหายอะไรมากเนื่องจากเป็นการชนแบบเฉียวๆ แรงจากการกระแทกทำให้ยานของเรากระเด็นออกไปจากสถานีอวกาศนั่นก่อนที่จะพุ่งลอยไปยังชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง...]
โคร่มมม !!
[โชคยังดี...ที่ถึงแม้พวกเราจะดิ่งพสุธาลงไปโหม่งโลกเต็มๆ... แต่พวกเราทั้ง 3 คนก็ยังรอด... แต่ทว่ายานไหม้แล้วก็เสียหายหนัก... ที่แย่ไปกว่านั้นคือฟรานซิสได้รับบาดเจ็บจนขาหัก... ส่วนฉันกับมาจิแค่ฟกช้ำสะบักสะบอม... เรา 2 คนช่วยกันค้นหาอุปกรณ์ภายในยานมาช่วยดับไฟก่อนที่จะปฐมพยาบาลฟรานซิส...
ฟรานซิสรอดพ้นจากขีดอันตราย... ต้องถือว่าเค้ารอบคอบมากๆที่พกอุปกรณ์ห้ามเลือดติดตัวมาด้วย ทำให้ร่างกายไม่เสียเลือดจนเกินไป... แต่ขาเขาพังไปตอนที่ยานกระแทกกับพื้น... เพราะฉนั้นตอนนี้เจ้านั่นยังคงเดินไม่ได้ไปซักระยะ... ยังดีที่วีลแชร์ปัญญาประดิษฐ์ที่ฟรานซิสสร้างขึ้นมาไม่ได้พังตามไปด้วย... 'เก้าอี้วีลแชร์ปัญญาประดิษฐ์' เป็นเก้าอี้สมองกลที่มีเอาไว้สำหรับช่วยเหลือคนพิการ... เจ้าฟรานซิสแต่งเติมมันด้วยการติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าไปแล้วโปรแกรมสมองกลใหม่ให้มีข้อมูลด้านการรบอยู่ด้วย... เคยถามเค้าอยู่ว่าจะสร้างของแบบนั้นเอาไว้เพื่ออะไร... โดยฟรานซิสตอบกลับมาว่า "ก็เผื่อเวลาต้องไปปฏิบัติภารกิจต่างแดนแล้วเกิดมีใครขาหักขึ้นมาจะทำยังไง ?? อยู่เฉยๆแล้วคอยใช้ปืนไรเฟิ่ลหรอ ??"
ไม่รู้ว่าเจ้านั่นมองเห็นอนาคตได้หรือป่าวหรอกนะ... แต่ที่รู้ๆคือเรื่องความรอบคอบนี่ไม่เป็นลองใครจริงๆ]Day#2 -Date / Month / Years of Republic : 14 / 05 / 1023 [ทุกๆอย่างเริ่มเข้าที่ลงตัวขึ้น... ยานเราตกอยู่ ณ บริเวณที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นหุบเขาขึ้นสลับกันอย่างซับซ้อน... เรียกได้ว่าตกอยู่ในแอ่งตรงกลางระหว่างหุบเขา... มีลักษณะเป็นหลุมที่มีกำแพงกั้นเป็นหุบเขาทั่วทุกทิศเลยก็ว่าได้... ถ้าคิดตื้นๆหน่อยอาจจะมองว่าเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดใจเนื่องจากว่าจะออกไปหาเสบียงหรือสิ่งของที่อยู่ข้างนอกมาซ่อมยานได้ลำบาก แต่ถ้าคิดไปไกลกว่านั้น...
ถ้าเกิดสมมุติว่าดาวเคราะห์ที่เรากำลังอยู่เป็นรังของพวกศัตรูล่ะก็... การที่ยานของพวกเรามาตกลงตรงกลางหลุมบ่อที่ค่อนข้างลับตาผู้คนแล้ว มันก็ง่ายต่อการซ่อนตัวเลยทีเดียว...
2 วันแรกทุกๆอย่างยังคงปกติดี... สถานการณ์ตอนนี้คือพวกเรา 3 คน ยูนิต X กำลังติดอยู่ในดาวเคราะห์ไม่ทราบชื่อ... ระบบนำร่องพังเสียหายหนัก... คงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่คิดจะซ่อม... แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะยังคงเมตตาพวกเราอยู่... ระบบสื่อสารยังไม่พัง 100% เลยซะทีเดียว... สัญญาณเสียงยังคงดังออกมาเป็นเสียง ซ่าๆ เท่ากับว่าเรายังคงพอมีความหวังที่จะติดต่อกับกองยานของสาธารณรัฐที่อยู่ในดาวใกล้เคียงได้...
ฉันกับมาจิช่วยกันออกไปสำรวจด้านนอกหลุมที่พวกเราอยู่... แต่ทว่า...]Day#3 -Date / Month / Years of Republic : 15 / 05 / 1023 [...พูดได้ประโยคเดียวเลยว่า...'นี่มันต้องไม่ดีแน่ๆ'... เมื่อฉันกับมาจิพากันปีนออกไปนอกหลุมของเทือกเขาได้...(ส่วนฟรานซิสเราให้เฝ้ายานไว้)... ก็พบว่า... ดาวเคราะห์ที่พวกเรากำลังอยู่ๆนี้... มันเป็น 'ดาวรกร้าง' ทั่วทุกสารทิศ... เมื่อแหงนมองไปจนสุดลูกหูลูกตาก็พบแต่เทือกเขา... ภูเขาเหล่ากา... พื้นหิน ดิน ทราย... ภูมิประเทศที่แสนจะทุรกันดารขึ้นอย่างสลับซับซ้อนไม่น่ามอง... ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบแต่ความรกร้าง... ความว่างเปล่า... ไร้ซึ่งชีวิตชีวา... ไร้ซึ่งแสงสว่าง... เรากับว่าเป็น 'ดาวเคราะห์แห่งความตาย'...เมื่อพบว่าพวกเราคงไม่สามารถไปหาอะลงอะไหล่จากที่ไหนมาซ่อมยานได้... แม้แต่ความหวังที่จะขอความช่วยเหลือจากใครซักคนแถวๆนี้ก็ยังคงเป็นไปไม่ได้... เมื่อเป็นดังนั้นพวกเราจึงกลับไปที่ยานและค้นอะไหล่ อุปกรณ์ เครื่องจักรกล... ตำราคัมภีร์เวทย์ งัดทุกๆอย่างที่พอจะเป็นประโยชน์และสามารถใช้ซ่อมแซมระบบสื่อสารได้ออกมา (ขอแค่ระบบสื่อสาร)... พวกเราจะซ่อมมันแล้วค่อยส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังกองยานของสาธารณรัฐที่ใกล้ที่สุด... เสร็จแล้วสิ่งที่เราจะทำหลังจากนั้นก็คือการรอ... รอจนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง... แล้วเราค่อยกลับบ้านกัน...]Day#4 -Date / Month / Years of Republic : 16 / 05 / 1023 [ความหวังลมๆแล้งๆเริ่มค่อยๆเหือดหายหมดไปเรื่อยๆ... ไม่ว่าจะทำยังไงเราก็หาหนทางที่จะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไปไม่ได้เลย... สถานะของพวกเราตอนนี้ไม่ต่างจากคนที่กำลังติดเกาะ... อุณหภูมิรอบตัวยานเริ่มลดหวบลงเรื่อยๆ... อากาศเริ่มที่จะหนาว... ที่น่าแปลกของดาวดวงนี้นั่นก็คือ... ที่นี่ไม่มีกลางวันกลางคืนบ้างเลยหรือไง ? ท้องฟ้าก็ยังคงเป็นสีมืดๆออกสีแดงทะมึนๆนิดหน่อยอยู่ตลอดเวลา... ซึ่งดูแล้วน่าหดหู่แล้วก็น่ามัวหมองเป็นที่สุด... ราวกับเป็นท้องฟ้าที่อยู่ท่ามกลางขุมนรกยังไงอย่างนั้น... พวกเราอยู่เฉยไม่ได้... มาจิจึงทำสิ่งที่เบสิคที่สุดนั่นก็คือร่ายเวทย์ 'Ghost Around' ของเค้า... เวทย์ 'Ghost Around' จะทำให้เท้าของเจ้าหมอนั่นลุกเป็นไฟ เราใช้เศษไม้ที่หาได้ภายในคลังเก็บของมาใช้เป็นฟืน... กองไฟกองเล็กๆนี้ช่วยบรรเทาความหนาวเหน็บให้ลดทอนลงไปได้... แต่...]
หวืด... พรึ่บบบ !!
เรือโจรสลัดอวกาศลำยักษ์ !! ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าต่อตากลางท้องนภาสีแดงชาด !!
โครงเรืออันใหญ่ยักษ์ของพวกมันกำลังประครองตัวเองเพื่อที่จะให้ล่อนลงสู่พื้นพสุธาได้อย่างนุ่มนวลที่สุด !! แต่มันดูเหมือนราวกับว่า... พวกเค้า... กำลังหนีอะไรบางอย่าง !!
ปัง !! ปัง !! ปัง !! ปัง !!
ปืนใหญ่ด้านท้ายเรือกำลังรัวกระสุนปืนยิงตอบโต้กับอะไรบางอย่างที่ตามมาจากด้านหลัง !!
ลำเรือของพวกเขากำลังลุกไหม้เนื่องจากพึ่งเสียดสีกับชั้นบรรยากาศมาหมาดๆ !! ฉันเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าระบบดับเพลิงของพวกโจรสลัดกำลังทำงาน !! ขณะเดียวกัน !! ปืนด้านท้ายของพวกเขาก็กำลังยิงออกไปพร้อมกับเสียงระเบิดกัมปนาทดังขึ้นเรื่อยๆ !! พวกเค้ากำลังยิงโต้ตอบกับอะไรกันอยู่นะ... !!
ทันใดนั้นเอง !! เรือสลัดสีดำทมิฬซึ่งมีรูปหัวกะโหลกไขว้กันอีก 2 ลำก็ปรากฏขึ้น !! พวกเขาบินขนาบข้างเรือโจรสลัดลำที่อยู่ก่อนหน้า !! กระบอกปืนใหญ่ท้ายลำของพวกเค้าก็กำลังกระหน่ำยิงโต้ตอบกับบางสิ่งบางอย่างที่พวกเรามองไม่เห็นอยู่เช่นกัน !!
บึ้ม !!
ทันใดนั้นเอง... คำตอบของพวกเราก็ปรากฏขึ้น !
ฮี้ ฮี้ !! กรับ กรับ !! จู่ๆไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใด ลูกปืนใหญ่ของพวกโจรสลัดก็ยิงโดนสิ่งที่พวกเรามองไม่เห็นเข้าจนได้ !! ปีศาจในชุดทหารตัวสีน้ำตาลเข้มที่กำลังขี่ม้าศึกรบฮัสซาร์ที่อยู่ในชุดเกราะเหล็กลายประหลาด ปรากฏกายขึ้นพร้อมกับมีเปลวไฟกำลังมอดไหม้ตัวของพวกมันอยู่ !!
ทหารม้าที่ลอยอยู่บนอากาศปลีกตัวออกจากทิศทางของมัน... ราวกับว่ามันกำลังแยกตัวเองออกจากขบวน ! ก่อนที่จะ...!!เปรี๊ยง !! ตู้มม !! ร่างของปีศาจม้าและปีศาจทหารม้าแตกสลายหายไป ! ราวกับก้อนหินถูกระเบิด ! ดูๆแล้ว ! ยังไงเจ้าปีศาจม้านั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่มีชีวิตจิตใจแบบพวกเราแน่ๆ ! เจ้าสิ่งนั้นต้องเป็นบริวารของอะไรบางอย่าง ! ซึ่งตัวของมันถูกสร้างขึ้นโดยคำสาปมืดหรือมนต์ดำอะไรทั้งหลายแหล !
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง !!เรือทั้ง 3 ลำก็ยังยิงปืนสวนใส่กับสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่เรื่อยๆ ดูเหมือนว่าเจ้าปีศาจฮัสซาร์พวกนั้นจะมีความสามารถในการล่องหนได้... เว้นแต่ว่าพวกมันจะโดนยิงหรือโดนโจมตีด้วยแรงระเบิดที่รุนแรง... ทันใดนั้นเอง...!!ทหารม้าฮัสซาร์ลอยฟ้าก็ได้ปรากฏตัวขึ้นก่อนที่จะพุ่งเข้าไปใช้คมหอกแทงทะลุเข้าไปตีกระบอกปืน ! จนกระบอกปืนแตกออกมา ! ทหารม้าอีกตัวหนึ่งพุ่งเข้าไปเป็นกำลังเสริม ! พร้อมกับใช้คมหอกแทงเข้าที่หางเสือก่อนที่จะหักมันออกมา ! ทหารม้าปีศาจทั้ง 2 ช่วยกันทิ่มแทงทำลายลำโครงของตัวเรือจนในที่สุดเรือโจรสลัดลำที่อยู่ด้านซ้ายสุดก็ลุกเป็นไฟและระเบิดออกมากลางผืนนภา ! แรงระเบิดอย่างรุนแรงทำให้คาริวานทหารม้าฮัสซาร์สลายหายไปกันจนหมด ! ฉันเองเมื่อเห็นดังนั้นก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องดี... แต่ถึงกระนั้นก็กำลังอ้าปากค้าง ดวงตาลุกวาวกับอภินิหารที่กำลังเกิดขึ้นบนท้องฟ้า ! เรือโจรสลัดที่เหลือรอดทั้งคู่พุ่งตรงและมุ่งลอยไปตกอยู่ยังเทือกเขาที่อยู่ด้านหน้า... ถ้าหากกะระยะด้วยสายตาก็น่าจะอยู่ห่างจากจุดที่พวกเราอยู่ 2.5 ไมล์ได้...ฉันเชื่อว่าเมื่อมาถึงจุดๆนี้ ทั้งมาจิและฟรานซิสต่างก็คงคิดแบบๆเดียวกับฉัน...Day#5 -Date / Month / Years of Republic : 17 / 05 / 1023 [...พวกเราทั้ง 3 คนทิ้งกระสวยอวกาศนาโนคอร์ปลำนั้นไป... พร้อมกับแบกอุปกรณ์สำภาระ เครื่องจักรกลที่จำเป็น...(และไพ่ 2 สำรับ) ติดตัวไป... เพื่อไม่ให้เป็นการสิ้นเปลืองพลังงาน... ฟรานซิสปิดระบบเครื่องจักรสมองกลของเค้า พักเครื่องเอาไว้ ก่อนที่จะปีนขึ้นบ่าของมาจิและให้เจ้าหมอนั่นช่วยแบกกันไป...ฉัน มาจิและฟรานซิสต่างมีมติเป็นเอกฉันท์ตรงกันว่าจะมุ่งหน้าไปยัง ณ จุดที่เรือสลัดอวกาศตก... เรือขนาดยักษ์ 2 ลำ... เรียกได้ว่าใหญ่กว่ายานของพวกเราถึง 5 เท่า... ถ้าฟ้าดินไม่กลั่นแกล้งยังไงฉันก็เชื่อว่า อย่างน้อยที่สุดระบบสื่อสารของพวกมันยังไงใช้การได้... หรือถ้าดีไปกว่านั้นเครื่องยนต์ภายในยานอาจจะยังพอซ่อมได้... ซึ่งสุดท้ายเราจะยึดเรือพวกนั้นมาซักลำ... ก่อนที่จะหนีออกไปจากที่นี่...ถ้าเกิดมีโจรสลัดที่เหลือรอดจากยานตก... ถ้าพวกมันฉลาดและมีมันสมองพอ... เจ้าพวกนั้นต้องให้ความรวมมือกับพวกเรา ช่วยกันซ่อมยาน... และหนีออกไปจากที่นี่ เสร็จจากนั้นค่อยมาว่ากัน !แต่...ก็อย่างที่รู้... เมื่อพวกเรา 3 คนออกจากหลุมที่ยานของเราตกมาได้แล้ว... ก็พบว่าลักษณะภูมิประเทศด้านนอก ในเส้นทางที่จะเดินไปถึงยังจุดที่เรือสลัดตก... พื้นที่โดยรอบต่างเป็นที่โล่งแจ้ง... ง่ายต่อการพบเห็น...ถ้าไอ้พวกคาริวานปีศาจทหารม้าฮัสซาร์ปรากฏกายขึ้นมาอีกเมื่อไหร่แล้วล่ะก็... พวกเรางานเข้าแน่ ! ฉันกับมาจิและฟรานซิสจึงต้องรีบมุ่งหน้าไปให้ถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด... (แต่ฟรานซิสก็ยังปฏิเสธที่จะใช้เครื่องทุ่นแรง... โดยบอกว่าเค้ามีลางสังหรณ์ว่าเมื่อไปถึง ณ จุดที่เรือสลัดตกแล้ว พวกเรา 3 คนจะต้องออกโรงบู้ล้างผลาญกันอีก... เพราะฉนั้นเค้าจึงเก็บพลังงานส่วนสำรองของชุดเกราะเหล็กและวีลแชร์สมองกลของเค้าเอาไว้)เสบียงอาหารที่เตรียมมาภายในยาน... บางส่วนก็แหลกเละไปหมดจนกินไม่ได้เหลือแต่ส่วนเล็กๆซึ่งพวกเราใช้ปะทังชีวิตไปหมดแล้วในช่วงเวลา 4 วันกว่าๆที่ผ่านมา... พวกเรา 3 คนค่อยๆเดินมุ่งหน้าไปอย่างช้าๆ สายตาของฉันจับจ้องไปยังเส้นขอบฟ้าที่อยู่ด้านหน้า... เส้นขอบฟ้าสีแดง... แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็หันกลับไปโฟกัสที่จุดหมายที่อยู่ด้านหน้าแทน... จุดที่เรือสลัดอวกาศลำนั้นตก...ภายในใจของฉันตอนนี้คือ... ฉันเหนื่อยล้า... และอยากกลับบ้าน... ฉันคิดถึงน้องสาวของฉัน...พรึ่บบ !! ............"ริเอะ......!!" .........
Day#6 -Date / Month / Years of Republic : 18 / 05 / 1023 "...""นี่ริเอะ...!! รู้สึกตัวแล้วสินะ !!" "..."จู่ๆฉันก็รู้สึกว่าพึ่งตื่นจากการหลับไหลอันยาวนาน... ทั้งๆที่แท้จริงแล้วก็พบว่าฉันเผลอสลบเมือดไปและหลับไปได้แค่ 1 วันเต็มๆเท่านั้นเอง..."ร่างกายเธอขาดน้ำน่ะ..."ฉันตื่นขึ้นมาพบกับชายหน้าตาหล่อเหลาผมสีแดงคนหนึ่ง... เขาถามฉันด้วยอาการเป็นห่วง... เจ้าหมอนั่นไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนหรอก... ไอ้บ้าแฟนฉันเอง... มาจิ คลินท์..."พวกเรามาถึงซากยานโจรสลัดแล้วนะ... เมื่อกี้พึ่งสำรวจกันเสร็จ ดูเหมือนว่ายานลำนี้ระบบเครื่องยนต์จะใช้การไม่ได้เลย... คงจะต้องไปฝากความหวังไว้ที่ยานอีกลำหนึ่ง... ซึ่งก็ตกไม่ไกลจากตำแหน่งตรงนี้เท่าไหร่แหละนะ..."เขาพูดพลางใช้กล่องส่องทางไกลสอดส่องดูซากเรืออวกาศยักษ์ที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ระยะประมาณ 1.5 กิโลเมตรเดินไปเดี๋ยวก็ถึง... สภาพของมันดูดีและก็ยับเยินน้อยกว่าเรือสลัดลำนี้มาก... ถ้าโชคดีเราอาจจะขึ้นไปยึดเรือลำนั้นและพากันหนีออกจากที่นี่ได้สำเร็จ......"เฮ้ย ! พวกเราหมอบ !" เสียงจากฟรานซิส !"อะไรนะ !"ฮี่ ฮี่ กรับ กรับ !! พวกปีศาจฮัสซาร์บินโฉบผ่าน ณ ตำแหน่งของพวกเราไป... หวังว่าพวกมันจะไม่เห็นพวกเรานะ !"นั่น ! พวกโจรสลัดนิ ! พวกมันยังมีชีวิตรอด !"คำพูดของมาจิทำให้ทั้งฉันและฟรานซิสดวงตาลุกวาว ! ฉันเขยิบตัวมองออกไปด้านนอกเรือสลัด... ก็พบว่ามีโจรสลัดอวกาศประมาณ 2-3 นายกำลังเดินลงมาตรวจท่อไอพ่นของยานโดยไม่ได้ดูตาม้าคาเรือเลยแม้แต่น้อย ! ว่ากำลังมีสิ่งที่น่ากลัวคอยที่จะโฉบลงมาคาบหัวของพวกมันไปกิน !
--------------------------------------------------------
|
|
|
Post by GreyTear on Jul 5, 2017 10:28:23 GMT
"เฮ้ยย ! นั่นมันพวกนั้นอีกแล้ว ! นี่ต้นเรือเรียกกัปตันพิชัย ! พวกทหารม้าฮัสซาร์ผีนั่นมันมาอีกแล้ว ! ขอให้ท่านใช้ปืนใหญ่โดยด่วนมันพุ่งมาทางผมเลย !"
(เสียงจากวิทยุสื่อสาร) "ว่าอะไรนะต้นเรือ ! ผมไม่ได้ยิน !"
"อ้ากกกก !!"
ปีศาจม้าบินโฉบลงมาควบกรับๆ เสียงเท้าของมันกระแทกลงกับพื้นหินอย่างเป็นจังหวะ !
ปิ้ว !!
โจรสลัดก้าวเท้าไม่ออกเนื่องจากกำลังหวาดกลัวกับสิ่งที่อยู่ด้านหน้า ! เขาคว้าปืนบลาสเตอร์ของเขาขึ้นมา ! ก่อนที่จะลั่นไกยิงออกไปพร้อมกับความหวังลมๆแล้งๆว่ามันจะก่อให้เกิดผล !
...
ลำแสงเลเซอร์พุ่งทะลุผ่านเจ้าปีศาจออกไป ! นี่มันอะไรกันรึ ! ภูติผีอย่างงั้นหรอ !
เฉือก !!ทหารปีศาจที่ขี่อยู่บนหลังม้าใช้คมหอกของมันแทงทะลุตัวของโจรสลัดนายนั้น ! ก่อนที่เจ้าปีศาจม้าจะยกเกือกเท้าของมันขึ้นมาฉีกกระฉากร่างของนายต้นเรือผู้โชคร้าย ! จนที่กระเด็นออกมาคือเศษของลำไส้ที่ขาดวิ่นออกจากกัน !
โจรสลัดหนุ่มอีก 2 คนเมื่อเห็นเพื่อนของเขาถูกฆ่าตายอย่างอำมหิตต่อหน้าต่อตา ! คนหนึ่งรีบวิ่งแจ้นขึ้นเรือไปเพื่อขอความช่วยเหลือ ! ส่วนอีกคนหนึ่งเลือกที่จะปาระเบิดความร้อนใส่เจ้าปีศาจนั่น !
บู้มม !!
ทว่าคราวนี้มันได้ผล ! พลังระเบิดมีอนุภาครุนแรงพอที่จะสามารถสลายร่างของเจ้าปีศาจฮัสซาร์ให้แหลกสลายกลายเป็นผุยผงได้ !
พร่างงง !!
ไอ้พ่นใต้ท้องของยานโจรสลัดอวกาศถูกจุดระเบิดขึ้น ! เรือยักษ์เริ่มยกตัวขึ้นและลอยอยู่เหนือกับพื้น ! พวกโจรสลัดที่เหลือรอดต่างพากันซ่อมยานเสร็จและเตรียมที่จะอพยพหนีออกไปจากดาวเคราะห์บ้าๆนี้แล้ว !
บนห้องบังคับการของตัวเรือ...
กัปตันเรือสลัดนามว่าพิชัย : ลูกเรือทุกๆคนประจำตำแหน่งรบ ! เห็นที่ 12 นาฬิกาเหนือน่านฟ้านั่นไหม ! พวกมันแห่มากันเพียบเลย ! ถ้าไม่ยิงสกัดพวกเราได้ไปเยี่ยมยมโลกกันหมดแน่ ! ถ้าการโจมตีมีอนุภาคที่รุนแรงพอ... จะสามารถทำลายพวกมันได้ ! พวกแกก็เห็นมากับตาว่าพวกบ้านั่นมันแพ้ปืนใหญ่ของเรา ! จัดให้มันซัก 2-3 ชุดหน่อยสิวะ !
ลูกเรือทุกคน : รับทราบ !
โจรสลัดกว่า 6 นายรีบบึ่งขึ้นไปประจำตำแหน่งปืนใหญ่ พร้อมกับ...เปรี๊ยง ! ลูกปืนใหญ่พุ่งลอยขึ้นมาด้วยวิถีโค้งโปรเจคไทล์ ! ก่อนจะฮุกลงแล้วค่อยระเบิดกลางอากาศ ! ปีศาจฮัสซาร์ถูกแรงระเบิดจนปลิวล่วงลงไปกระแทกพื้น 2 ตัว ! แต่ทว่าคาริวานของมันทั้งหมดมีกันได้ 20 กว่าตัว !
เปรี๊ยง ! เปรี๊ยง ! เปรี๊ยง ! เปรี๊ยง !
ปืนใหญ่ยังคงกระหน่ำยิงอย่างต่อเนื่อง ! ทว่าคราวนี้พวกทหารม้าอัสซาร์เริ่มที่จะเรียนรู้ ! พวกมันหลบหลีกการจู่โจมครั้งนี้ได้ ! การระดมยิงชุดใหญ่ครั้งนี้ ! จึงไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย !
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว !!
หอกปีศาจนับ 20 เล่มถูกเขวี้ยงลงมาจากฟากฟ้า !
กัปตันพิชัย : ปืนกล ! ปืนกลยิงสกัดอยู่ไหน
ต้นเรือ : คนไม่พอครับท่าน ! ไม่มีใครไปประจำตำแหน่ง !
กัปตันพิชัย : พับผ่าสิวะ !
ฉึบ ฉึบ ฉึบ ฉึบ ฉึบ ฉึบ ฉึบ ฉึบ เฉือกก !! อ้ากกกก !! คมของหอกพุ่งเข้าทิ่มทะลุร่างของโจรสลัดนายหนึ่งได้สำเร็จ ! ในขณะที่คนอื่นๆพากันทิ้งตำแหน่งรบเพื่อหนีเอาตัวรอด ! แต่ละคนต่างพากันวิ่งกรูลงจากด่านฟ้าเข้าไปที่ห้องบังคับการด้านล่าง !
พวกทหารม้าฮัสซาร์เสกด้ามหอกเล่มใหม่ออกมาได้เรื่อยๆราวกับพวกมันมีเวทมนตร์ ! พวกมันคอยบินวนอยู่รอบๆเรือสลัดลำนั้น แต่ไม่ยอมลงไปสังหารพวกโจรสลัดที่อยู่ด้านล่างให้เสร็จสิ้นเสียที !
กัปตันพิชัย : นี่ต้นกล ! พิกัดวาร์ปของเราหายรวนแล้วหรือยัง ! แล้วคอมเพรสเซอร์หายโอเวอร์ฮีทแล้วใช่ไหม ! ฉันจะได้เหยียบคันเร่งให้มิดแล้วพากันหนีออกไปจากที่นี่ซักที !
ต้นกล : ยังไม่เสร็จทั้ง 2 เลยครับท่าน ! ระบบนำร่องเรารวนมาก ! ผมแก้ยังไงก็ทำไม่ได้ !
ฮี่ ฮี่ กรับ กรับ ฮี่ ฮี่ กรับ กรับ !!
เจ้าทหารม้ายังคงบินวนเรือสลัดลำยักษ์อยู่อย่างนั้น พร้อมกับขว้างหอกแหลมลงมาสร้างความเสียหายให้กับเพดานเรือเรื่อยๆ ! แล้วยังส่งเสียงร้องอันแสบแก้วหูออกมา !
กัปตันพิชัย : โอ้ยยย ! ยานข้า ! ต้นกล ! อีกกี่ชาติวะถึงจะเสร็จ !
ต้นกล : ท่านลองมาทำดูเองบ้างไหมล่ะครับท่าน !
กัปตันพิชัย : ฮึ่ยยย ! พระทรงองค์เจ้า !
...
ขณะเดียวกัน... บนเรือสลัดที่ Unit X อยู่...
ริเอะ : พวกเราต้องไปช่วยพวกเค้านะ ถ้าอยากจะรอดกันหมด
มาจิ : ถูกของเธอ... นี่ ! ฟรานซิส... มีแผนอะไรดีๆไหม
ริเอะ : ใช่... เพราะลำพังปืนไรเฟิ่ลของฉันทำอะไรพวกมันไม่ได้แน่...
ฟรานซิส : มีไอเดียเด็ดๆแล้วว่ะ...
...
ปึ่ชชชชชชชช !!
เกราะเหล็กไอพ่นของฟรานซิสกำลังโบยบินอยู่กลางอากาศ ทิศทางของพวกมันกำลังมุ่งหน้าไปในทางเดียวกับมาจิและริเอะ...
มาจิใช้รองเท้าไอพ่นไฟ Boot of Fire ของเขาช่วยให้เขาลอยอยู่กลางอากาศได้ เขาอุ้มตัวของริเอะพร้อมกับเหินเวหามุ่งหน้าไปยังเรือของโจรสลัดที่อยู่ถัดออกไป ! รองเท้าไอพ่นตัวนี้จะไม่สามารถช่วยให้ร่างของมาจิโบยบินได้เลย... ถ้าหากไม่มีเวทมนตร์เอเลเมนท์แห่งไฟของเขา...
ในขณะเดียวกันฟรานซิสก็กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์ที่ทำงานอัตโนมัติด้วยระบบสมองกล... เก้าอี้เหล็กลอยอยู่เหนือพื้นหินด้านล่างเพียงเล็กน้อยพร้อมกับมีอาวุธยุทโธปกรณ์ติดตั้งอยู่รอบตัวของมันอย่างอีรุงตุงนังไปหมด !
ทั้ง 3 กำลังมุ่งหน้าไปยังเรืออวกาศลำนั้นโดยมีหุ่นเหล็กเกราะสีดำของฟรานซิสคอยบินคุ้มกัน...!!
...
บนห้องบังคับการของเรือสลัด !
กัปตันพิชัย : เฮ้ยย !! นั่นมันพวกเรียล์มที่พวกเราตามล่ากันอยู่นี่หว่าา !! เฮ้ยพวกเรา !! เจ้าพวกนั้นมันจะมายึดยาน !! ไปต้อนรับแขกหน่อยดิ๊ !
โจรสลัด : แต่...ท่าน... เราควรประจำสถานทีรบเพื่อที่จะสู้กะไอ้พวกทหารม้าปีศาจไม่ใช่หรอครับ ?!
กัปตันพิชัย : แหกตาดูซะบ้าง ! ไอ้พวกอัปลักษณ์พวกนั้นมันคอยเขวี้ยงหอกอัดใส่เพดานเรือของพวกเราอยู่ ! ขืนออกไปประจำตำแหน่งรบมีหวังได้ตายห่ านกันพอดี ! ระบบปืนคอมพิวเตอร์ที่จะใช้ยิงจากภายในห้องบังคับการก็ใช้ไม่ได้ !
โจรสลัด : แต่พวกนั้นมันอาจจะไม่ได้มายึดเรือเราก็ได้นะครับ ! ทางที่ดีกระผมว่าเราเจรจากะเจ้าพวกนั้นแล้วพากันหนีเอาตัวรอดไปด้วยกันดีกว่า !
กัปตันพิชัย : เฮ้ยย !! ไอ้อ่อนหัด !! ลืมคำสั่งของกัปตันลำปางแล้วหรือยังไง !! ว่าให้จับตายพวกนั้นมาให้ได้ !! ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม !! ไม่งั้นต่อให้หนีรอดกลับไปได้ก็ไปโดนเจ้าหมอนั่นฆ่าอยู่ดีนั่นแหละ !! ฆ่ายอมโดนไอ้ปีศาจพวกนี้ตุ๋ยตูดตายดีกว่ายอมให้ไอ้กัปตันหัวกระโหลกนั่นกุดหัวเอา !!
โจรสลัด... รั---บ ทร---า----บ
กัปตันพิชัย : ใสหัวไปได้แล้ว !!
...
ฮี่ ฮี่ กรับ กรับ !!
ปีศาจฮัสซาร์ตนหนึ่งบินโฉบลงมาพร้อมกับเขวี้ยงหอกใส่มาจิ คลินท์ !
"Power Card !"
มาจิอัดพลังเวทย์เข้าไปในไพ่การ์ดของเขา ! พร้อมกับหันมาปาสวนใส่เจ้าปีศาจนั่น !
ตู้ม !
ไพ่ระเบิดกลางอากาศ ! เจ้าปีศาจนั่นหลบได้ ! การโจมตีของชายหนุ่มพลาดเป้า !
ฟิ้ววว !!
หอกปีศาจพุ่งพุ่งลอยกลางอากาศสวนกลับมาอีกครั้ง !
มาจิเบี่ยงตัวหลบไปได้ในขณะที่กำลังบินอยู่กลางอากาศแล้วยังแบกร่างของแฟนสาวไว้ในอ้อมแขนอยู่ !
ริเอะ : นี่ ! เจ้าบ้า ! ถ้าฉันหลุดมือนายไปจะทำยังไง !
มาจิ : เอ้า !! ยังจะมาว่ากันอีก !! นี่ฉันหลบเพื่อไม่ให้หอกนั่นพุ่งมาแทงทะลุตัวเธอตายนะเนี่ย !!
ริเอะ : ระวังงง !!
ฮี่ ฮี่ กรับ กรับ !!
ม้าปีศาจควบอากาศพุ่งตรงมายังมาจิด้วยความเร็ว !! พร้อมกับ... หวืดดด !!
มันยกเกือกของมันหวังจะกุดหัวของชายหนุ่มผมแดงให้ขาดกระจุย !! แต่จั่วลมเต็มๆ เมื่อริเอะจับไอพ่นที่ขาของมาจิได้แล้วเปลี่ยนทิศทางของมันให้พุ่งเบี่ยงออกไปทางด้านซ้ายอย่างไม่เป็นทรง !!
ทว่าริเอะที่ยังไม่รู้จักเวทมนตร์และ Boot of Fire ของมาจิดีพอ เธอจึงไม่รู้ว่าถ้าหากทำแบบนี้มาจิต้องทำการร่ายเวทย์ใหม่อีกครั้ง ! ไม่งั้นไอพ่นที่เท้าจะพุ่งดิ่งลงพื้นพร้อมที่จะโหม่งพสุธา !!
มาจิ : เฮ้ยยย !! ริเอะ !! นี่เธออะไร !!
ริเอะ : เจ้าปีศาจมันจะพุ่งมากระชากหัวของนาย !! ฉันก็เลยเบี่ยงทิศทางของไอพ่น !! แต่ไหงมันพุ่งดิ่งลงพื้นอย่างงี้เนี่ยยย !!
มาจิ : ฉันไม่เคยบอกเธอใช้ไหมว่าอย่าไปยุ่งกับไอ่พนเวลาทำงาน !! ไม่งั้นมันก็จะเป็นแบบนี้ !!!
ริเอะ : กรี๊ดดดดดดดดด !!!
มาจิ : (ร่ายเวทย์ ร่ายเวทย์ ร่ายเวทย์ อย่างไม่เป็นคาถา) !!
ปึ่ชชชชช !!
มาจิร่ายเวทย์ได้ทันก่อนที่หัวของเขาและแฟนสาวจะพุ่งดิ่งลงกระแทกกับพื้นหิน ! ทั้งคู่รอด---- (ไม่ยังไม่รอด !)
ฮี่ ฮี่ กรับ กรับ !!
ปีศาจม้าพุ่งมาในระยะประชิด ! พร้อมกับ !!!
บึ้มมม !!
มิซไซส์นำวิถีจากวีลแชร์ของฟรานซิสช่วยเอาไว้ได้ทัน !!
มาจิ : ฟรานซิส ! ไอ้หุ่นคุ้มกันของแกมันไม่เห็นช่วยอะไรเลยนี่หว่าา !! ไอ้พวกทหารม้าฮัสซาร์มันแหกมาได้ยังไง !!
ฟรานซิส (ตะโกนมาจากด้านล่าง) : นี่อุตส่าห์ช่วยเอาไว้ยังมาบ่นอีก !! มึ งแหกตาดูซะน่ะ !! หุ่นกรูฉิ บหายหมดแล้ว !!
ริเอะ : หาา ??
เมื่อทั้ง 3 มองไปด้านบนฟ้าก็พบว่าทหารม้าฮัสซาร์ 3 ตัวได้พุ่งเข้ามารุมกินโต๊ะและฉีกกระฉากร่างของหุ่นเกราะเหล็กของฟรานซิสหมดแล้ว พร้อมกับกำลังพุ่งตรงมาที่พวกเขา !!
มาจิ / ฟรานซิส / ริเอะ : หนี !! หนีเร็ว !!
ริเอะกระโดดขึ้นขี่คอของมาจิ ! ชายหนุ่มผมแดงพุ่งไอพ่นของเขาทะยานขึ้นฟ้าพร้อมกับมุ่งตรงไปที่เรือลำยักษ์ลำนั้น ! ฟรานซิสก็ยังคงนั่งวีลแชร์สมองกลของตัวเองไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเพราะอยู่ห่างไกลจากศัตรูที่สุด ! แต่ทว่าเมื่อเขากำลังเข้าใกล้ยานขึ้นเรื่อยๆนั้นเอง !
ปิ้วววๆๆๆ !!
ลำแสงบลาสเตอร์จากโจรสลัดพุ่งมายังเค้า ! ฟรานซิสถึงกับอุทานขึ้นมาว่า ! "เฮ้ยย !! เอาจริงดิ !! ซีเรียสนะเนี่ย !! จะตายกันหมดอยู่แล้วยังจะยิงกันอีก !!"
ฟิ้ววววว !!
มิซไซส์นำวิถีจากฟรานซิสพุ่งไประเบิดร่างของโจรสลัดที่แสดงตัวเป็นปรปักษ์ตายคาที่ในทันที (ง่ายไปมะ)
ทางด้านริเอะที่ขี่คอของฟรานซิสอยู่ เธอหันกลับมาใช้ปืนสั้น .57 ของเธอยิงสวนไปบ้างแต่ก็พบว่ามันทะลุผ่านตัวของเจ้าปีศาจฮัสซาร์ไป ! ต้องเป็นการโจมตีด้วยระเบิดหรืออะไรที่มีอนุภาคการทำลายสูงเท่านั้นถึงจะส่งผลได้ !
เปรี๊ยง !
เธอลั่นไกปืนไรเฟิ่ลด้วยแขนข้างเดียวอัดใส่หน้าเจ้าปีศาจนั่น ! แต่ก็ยังไม่เกิดผลอะไร !
มาจิ : นี่ริเอะ ! อย่าใช้ปืนไรเฟิ่ลสิ ! มันเกิดแรงสั่นนะ !
ริเอะ : รู้แล้วล่ะน่าา !! นายเองก็ปาไพ่ระเบิดๆของนายอัดใส่หน้ามันหน่อยสิ !! มันเตรียมที่จะคว้าหอกมาสอยพวกเราอีกแล้วนะ !!
มาจิ : เมื่อกี้ก็เห็นแล้วไม่ใช่หรอว่าบินไป ปาไพ่ไปมันไม่เวิร์คน่ะ !!
ริเอะ (ตะโกน) : ฟรานซิส ! มิซไซส์หน่อย !
ฟรานซิส (ตะโกน) : มีแขกดักรอรับอยู่ด้านหน้าเต็มเลย !!!
แก๊งค์โจรสลัดพากันกระหน่ำป้อมปืนยิงรัวๆใส่ฟรานซิส ! ชายขาหักฝากชีวิตไว้กับระบบสมองกลที่เขาติดตั้งไว้กับวีลแชร์เอาไว้ ! พร้อมกับยิงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ติดตั้งมากับตัววีลแชร์ส่วนกลับไปเป็นระยะๆ !
ชวิ้งงง !!
ทหารปีศาจคว้าหอกขึ้นมาพร้อมที่จะเชือดดด !! แต่ทว่า !!
ปังงง !!
ริเอะ : มาจิระวัง !! ปืนใหญ่พุ่งมา !!
มาจิ : อะไรนะ !!
ตู้มมม !!
กระสุนปืนใหญ่จากเรือโจรสลัดพุ่งมาระเบิดร่างของเจ้าปีศาจช่วยทั้งมาจิและริเอะได้ไว้ทันท่วงที ! แรงระเบิดทำให้ทั้ง 2 ร่วงลงมากระแทกกับพื้นหินที่แข็งกระด้าง ! พร้อมกับกลิ้งเกลือกๆไปหลายตลบ ! ไม่ต่างจากการกระโดดลงจากรถไฟ ! ทั้ง 2 ต่างหมดสติไปชั่วขณะหนึ่ง !
...
...
...
ฟรานซิส : เฮ้ยยย !! มาจิ !! ริเอะ !!
...
...
...
วีดดดดดดด วีดดดดดดดด..... ประสาทการได้ยินของทั้ง 2 อื้ออึงไปหมดเนื่องจากพึ่งรับแรงระเบิดมาอย่างรุนแรง...
...
...
ฟรานซิสมุ่งไปด้านใต้ท้องของตัวเรือได้แล้ว... เขาจุดระเบิดไอพ่นของวีลแชร์เพื่อยกตัวเองให้ขึ้นไปถึงด่านฟ้าเรือ... แต่เขาก็ถึงกับต้องผงะเมื่อหันหลังไปเห็นเพื่อนทั้ง 2 คนนอนสลบเมือดอยู่ท่ามกลางพื้นโล่ง... ไร้ที่กำบัง... ในระยะห่างจากตัวเรือไปประมาณ 300 เมตร
ฟรานซิสคว้าปืนไรเฟิ่ลพลาสม่า {TRI-KILLER} ของเขาออกมา ! พร้อมกับตั้งป้อมปืนเพื่อคอยยิงคุ้มกันให้กับมาจิและริเอะ ! อนุภาคการทำลายของลำแสงพลาสม่าน่าจะมากพอที่จะทำให้ร่างของปีศาจฮัสซาร์สลายหายไปได้ !
ในขณะเดียวกันวีลแชร์สมองกลของเขาก็จะคอยระวังหลังให้ฟรานซิส !
เปรี๊ยง ! แผละ !
ทหารม้าฮัสซาร์ที่พุ่งเข้ามาหวังจะปลิดชีพมาจิและริเอะถูกลำแสงจากปืนไรเฟิ่ลพลาสม่าสลายไป !
เปรี๊ยง ! แผละ !
อีกตัวที่พุ่งเข้ามาก็โดนสลายร่างไปไม่ต่างกัน !
นี่เป็นอาวุธขั้นสุดยอดที่ิคิดค้นโดยบุคลิกที่แตกต่างทั้ง 3 บุคลิกภายในร่างของเจมส์ วาน เดอรอน... ซึ่งฟรานซิสเป็นหนึ่งในบุคลิกของชายคนนั้น...
กราดดด กราดดด กราดดด !!
ปืนกลที่ติดตั้งอยู่ที่วีลแชร์ของฟรานซิสคอยยิงสกัดกั้นคมหอกของพวกเหล่าปีศาจที่พุ่งมาจากบนฟ้า !
ฟรานซิสกั้นหายใจของเขาไว้... เขาไม่แสดงท่าทีที่แตกตื่นหรือกระโตกกระตาก... ชายผู้มีจิตใจที่เย็นยะเยือก ไร้ซึ่งความกลัวใดๆ เขาคอยไล่ยิงพวกฝูงปีศาจให้ร่างแตกไปทีละตัวๆอย่างใจเย็น... เขาเชื่ออยู่เต็มอกว่ายังไงซะเขาก็สามารถที่จะปกป้องเพื่อนของเขาทั้ง 2 คนได้...
เปรี๊ยง ! แผละ... เปรี๊ยง ! แผละ... เปรี๊ยง ! แผละ... เฉือออกกกก !! (เสียงหอกปีศาจพุ่งลงมาแทงทะลุเนื้อหนังของมนุษย์)------ ... ... -------------------------------------------------------- มาจิ คลินท์ "...."
"อะ...เอือก..."
ทุกๆอย่างเบลอไปหมด...
ภาพที่อยู่ด้านหน้าของผม... ทุกๆอย่างเป็นสีดำ... แล้วเริ่มค่อยๆจางออกกลายเป็นภาพที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหน้าของผมอยู่ในตอนนี้... ผมเกือบลืมไปแล้วว่าผมกำลังอยู่ ณ ที่แห่งไหน...
อ๋อ... ใช่... พวกเราติดอยู่ที่ดาวร่าง... และเมื่อกี้ผมกับริเอะพึ่งหมดสติกลางอากาศเนื่องจากแรงระเบิด...
ติก... ติก...
"หืมม์ ?" หยดเลือดงั้นหรอ...
เลือดสีแดงกำลังหยดลงกับพื้นที่ละหยดๆ ผมใช้มือลูบคลำไปที่หัวของผม... ชัดเจน... นั่นมันคือเลือดของผมเอง... ดูเหมือนว่าจากการกระเด็นลงมาปะทะกับพื้นหินที่แข็งกระด้างของดาวเคราะห์บ้าๆดวงนี้จะทำให้ผมหัวแตก... นอกจากนั้นคงมีบางส่วนที่สึกหรอไม่มากก็น้อย...
พบเหลือบมองไปด้านข้าง... พบหญิงสาวน่ารักผมสีเขียวอมฟ้ากำลังนอนสลบอย่างไม่เป็นท่าอยู่... ด้านข้างของตัวเธอคือปืนไรเฟิ่ลที่ลำกล้องแตกลงเป็นที่เรียบร้อย ! ริเอะ ! ที่ใบหน้าของเธออาบไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาเป็นทางยาวจากบนศีรษะ... ลำตัวและแขนขาของเธอมีรอยถลอก !
ผมลุกขึ้นยืนและมองไปยังรอบตัว... บนเรือสลัดลำยักษ์ลำนั้น... บนด่านฟ้ามีร่างของชายคนหนึ่งกำลังนอนอยู่กับพื้น... หรือว่านั่น... จะเป็นฟรานซิส !
ฝูงปีศาจม้าฮัสซาร์พากันบินวนเป็นเลข 8 อยู่เหนือท้องฟ้าพร้อมกับส่งเสียงร้อง... การทำแบบนี้เหมือนเป็นการส่งสัญญาณกำลังเรียกอะไรบางอย่าง...
ฮี่ ฮี่ กรับ กรับ !
ปีศาจตนหนึ่งพุ่งปรี่เข้ามาหาพบ !
ตู้มมม !!
"Power Card !" พลังเวทย์ของผมที่ยังคงมีหลงเหลืออยู่ร่อยหรอ... ช่วยชีวิตของผมไว้ได้...
ผมวิ่งไปพยุงร่างที่ไร้สติของริเอะให้ลุกขึ้น... ผมพยายามลูบคลำสัมผัสไปที่ใบหน้าของเธอเพื่อปลุกให้เธอรู้สึกตัว !
"มาจิ......" สาวน้อยลืมตาขึ้นมาเรียกชื่อผม... สีหน้าของเธอกำลังเหนื่อยล้าและไร้เรี่ยวแรง... ดวงตาของเธอหย่อนคล้อย... ผมจับแขนของเธอให้มาพาดบ่าของผม... ผมโอบเอวบางของเธอเอาไว้พร้อมกับเดินอย่างกะเพกๆไป 2-3 ก้าว... แล้วค่อย...
"Boot Of Fire !"
ตัวของเราทั้ง 2 ทะยานขึ้นจากพื้น... ขึ้นสู่ยานลำยักษ์นั่นได้สำเร็จ ! เมื่อขึ้นไปก็พบร่างของฟรานซิสนอนจมกองเลือดอยู่ !
ที่ไหล่ขวาของเขา... มีหอกปีศาจพุ่งเสียบทะลุอยู่...
"ฟรานซิส !!! นายยังอยู่ดีไหม !!!"
"ย...ยัง...ยังไม่ตายโว้ย... ยังมีชีวิตอยู่ดี...!!"
(เสียงจากใครก็ไม่รู้ดังออกมาจากด้านล่าง) : ทำไมยังรวนอยู่อีกวะ ! แล้วเมื่อไหร่เราจะวาร์ปหนีพวกมันได้ซักทีล่ะเนี่ย !
(เสียงจากใครก็ไม่รู้ดังออกมาจากด้านล่าง) : ผมทำไม่ได้ครับ ! ระบบนำร่องรวน ถ้าหากฝืนจั๊มเข้าสู่ <Porter Drive> อย่างไม่มีเส้นทางแน่นอน เราอาจจะพุ่งชนดาวเคราะห์แล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆได้นะครับท่าน !
(เสียงจากใครก็ไม่รู้ดังออกมาจากด้านล่าง) : คอมเพรสเซอร์ก็ยังโอเวอร์ฮีทอยู่ครับท่าน ขืนเข้าสู่ความเร็วแสงยานเราอาจจะลุกเป็นไฟกลางอวกาศได้ !
...
"กรรรรรรรรรจ์ !" ทันใดนั้นเอง... ทหารม้าฮัสซาร์ก็บินหนีออกไป... เมื่อมีเสียงคำรามปริศนาดังขึ้น...
"ข้ามีนามว่า 'กาลาเวี่ยน' เป็นเทพแห่งความตาย... ข้าจะมาสังหารพวกเห็บไรที่ขึ้นมาทำให้ดวงดาวของข้าสกปรกด้วยมือของข้าเอง !" เมื่อมองออกไป ณ เส้นขอบฟ้า... ผมเห็นชายร่างยักษ์คนหนึ่งที่มีตัวสีขาวโพลน หัวโล้น รูปร่างกำยำมหึมา... กำลังพุ่งมาทางนี้...{To be continue.....}
|
|
|
Post by GreyTear on Jul 8, 2017 19:42:56 GMT
Prelude to Chapter 10 เมืองโมนักค์ -ดาวเคราะห์มาเรีย จิโดโตะ โทรสไตร์ป
ค่ายเทคกิ้งมีอเวย์ (Taking Me Away)
Date / Month / Years of republic : 19 /05 /1023
ขณะนี้เป็นเวลาตี 5 :30 นาที ตามเวลาท้องถิ่นของดาวเคราะห์...
ระหว่างที่เพื่อนของฉันกำลังนอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่ในที่พัก... ฉันที่เป็นลีดเดอร์ต้องโชว์ความเป็นผู้นำด้วยการออกไปวิ่งยามเช้าซะหน่อยแล้ว... แต่ฉันจะยังไม่ปลุกให้พวกนั้นตื่นขึ้นมาวิ่งตามฉันหรอกนะ... ปล่อยให้พวกนั้นมันตื่นขึ้นมาเองแล้วพบว่าเตียงนอนของฉันมันว่างเปล่า ให้พวกนั้นสำนึกด้วยตัวเองว่าพวกเค้าก็ต้องพยายามให้มากกว่านี้หน่อยแล้ว...
ระหว่างที่กำลังวิ่งออกกำลังอยู่นั้นเอง... ฉันก็เหลือบสายตาชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองๆนี้ ในดาวเคราะห์ที่ห่างไกล... ที่พักของพวกเราอยู่บนที่ราบสูงหรืออาจจะเรียกว่าอยู่บนภูเขาเลยก็ว่าได้เพราะมันช่างสูงเสียเหลือเกิน... ด้านบนนี้มีเนื้อที่กว้างขวางมาก มีฟาร์มปศุสัตว์และไร่องุ่นขึ้นอยู่หลายแปลง นอกจากนั้นยังมีพื้นที่เหลือไว้สำหรับปลูกเป็นทุ่งหญ้า... เมื่อมองจากบนเขาลงมาก็จะพบเห็นทุ่งข้าวสาลีและไร่ข้าวโพดที่อยู่ด้านล่าง โรงนาที่มีลักษณะคล้ายๆบ้านไม้ที่ขึ้นอยู่อย่างเบาบางด้านล่างนี่เล็กราวกับมดแน่ะ...
ดาวดวงนี้นี่มักช่างชนบ๊ท ชนบท... แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อมองไปไกลๆหน่อยก็จะเห็นวิหารปราสาทคริสตัสอันใหญ่โตอลังการที่สุดอยู่... 'ดาวเคราะห์มาเรีย' เรียกได้ว่าเป็นดาวเคราะห์แถบชนบทของสาธารณรัฐ... เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของบรรดานักเวทย์ที่มีชื่อเสียงต่างๆ... เนื่องจากว่าดาวดวงนี้เป็นแหล่งกำเนิดหรือจะเรียกว่าเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของศาสตร์ที่ชื่อว่า 'เวทมนตร์' เลยก็ว่าได้... โดยส่วนมากนักเวทย์ที่อาศัยอยู่ในดาวดวงนี้จะเป็นนักเวทย์เอเลเมนท์แห่งแสงสว่างและเอเลเมนท์แห่งไฟ... อ้ออ... พวกนายที่อ่านอยู่น่ะคงจะยังไม่รู้สินะ...
เวทมนตร์ของพวกเราถูกแบ่งออกเป็น 6 เอเลเมนท์ ได้แก่ แสงสว่าง ไฟ ความมืด ผืนดิน สายน้ำและสายลม... 3 อย่างแรกได้แก่ แสงสว่าง ไฟและความมืดเนี่ยจะเป็นเอเลเมนท์หลักที่เกิดขึ้นเป็นเอเลเมนท์แรกๆ ก่อนที่พวกเอเลเมนท์รองๆอย่าง สายน้ำ สายลม ผืนดิน จะแตกแขนงตามมาทีหลัง... แต่เรื่องเอเลเมนท์ของผู้ที่ใช้เวทมนตร์น่ะไม่ได้มีผลต่อฝีมือหรอกนะ... ก็อย่างที่เห็น... ฉันที่เป็นคนใช้เวทย์เอเลเมนท์แห่งสายลมซึ่งเป็นเอเลเมนท์สายรองแท้ๆ แต่ยังมีฝีมือที่เก่งฉกาจยิ่งกว่าทุกๆคนที่มาเข้าค่ายในครั้งนี้เลย...
เหอะๆ นั่นน่ะ ไม่ได้โม้หรืออวยตัวเองซักเท่าไหร่หรอกนะ...
สำหรับดาวเคราะห์ดวงนี้น่ะ มักไม่ค่อยมีแม่มดอาศัยอยู่หรอก... เพราะพวกแม่มดจะคอยฟื้นฟูพลังเวทย์โดยอาศัยพลังงานด้านลบหรือออร่าจากปีศาจร้ายและคำสาป แต่ทว่าที่ดวงดาวแห่งนี้มันไม่มีของอย่างนั้นเนี่ยน่ะซิ๊... ก่อนหน้านี้แอบไปเห็นยัยแม่มด เอ่ออ... ชื่ออะไรซักอย่างเนี่ยแหละ... 'โรเซ่น ซาลินเบิร์ก' ล่ะมั้ง... ถึงกับผงะแล้วก็ออกสีหน้าไม่ชอบใจขึ้นมาเลยทีเดียวเมื่อได้ยินว่าพวกเราจะไปเข้าค่ายกันที่ดาวมาเรีย... หึๆๆ ก็ยัยนั่นเป็นแม่มดอะนะ ช่วยไม่ได้...
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ... เทพแห่งแสงสว่างประจำจักรวาล... ถ้าองค์ปัจจุบันก็จะมีชื่อว่า 'โคฟี่' เขาจะคอยมาสถิตอยู่ที่นี่เพื่อฟื้นฟูพลังทุกๆ 4 ปี นอกจากนั้นก็จะมักจะมีเทพีแห่งไฟคอยแวะเวียนมาเยี่ยมบ้าง... ซึ่งถ้าหากเทพหรือเทพีองค์ใดมาสิงสถิตหรือประทับร่างที่วิหารคริสตัลใจกลางเมืองโมนักค์ (เมืองหลวงของดาวเคราะห์ดวงนี้) เมื่อไหร่ ประชาชนและเหล่านักเวทย์ก็จะแห่กันมาเพื่อมาขอพร... นับว่าเป็นประเพณีๆนึงที่สำคัญของพวกชาวดาวมาเรียเลยก็ว่าได้... พวกฉันที่เป็นคนที่อาศัยอยู่ในดาวเคราะห์จูรันก็น่าจะหาโอกาสมาขอพรจากเทพหรือเทพีบ้างเหมือนกัน...
แต่ปีนี้เทพโคฟี่คงยังไม่มาสถิตเนี่ยน่ะสิ... ส่วนเทพีแห่งไฟนึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป ไม่ได้มาเป็นช่วงเวลาที่แน่นอนเท่าไหร่... คงจะเป็นเพราะการเปลี่ยนจากเทพีองค์ก่อนมาเป็นเทพีองค์ใหม่เนี่ยแหละมั้ง เมื่อ 20 ปีที่แล้วมีข่าวคราวจากนักเวทย์อาวุโสว่ามีการเปลี่ยนตัวองค์เทพีองค์ใหม่... จากเทพีเซเรียธีร์มาเป็นเทพีโนโนะ พระองค์ที่เป็นเทพีมือใหม่ ยังเป็นเทพีวัยสาวๆเอ๊าะๆอยู่คงจะยังไม่รู้เรื่องระยะเวลาล่ะมั้ง...
...
สำหรับวันนี้อากาศตอนเช้าอุณหภูมิอยู่ที่ 18 องศาธาร์ดา (หน่วยวัดอุณหภูมิ) เรียกได้ว่าหนาวกว่าปกติเล็กน้อย จัดว่าบรรยากาศเย็นสบายกำลังดี...
ก่อนหน้านี้ฉันพึ่งจะเทลาะกับเพื่อนร่วมยูนิตมา... และพึ่งจะกลับมาเจอหน้ากันได้เมื่อวานนี้เอง... ก่อนหน้านี้คงจะเรียกเป็นภาษาชาวบ้านได้ว่า 'มองหน้ากันไม่ติด' โดยเฉพาะกับเจ้าโอดะ มาซาฮิโกะนั่น...
เอาเถอะ... ฉันคุ้นชินอยู่แล้วกับการที่ต้องผิดใจกับเพื่อนร่วมทีมแบบนี้ ปกติฉันก็ไม่ค่อยจะแคร์หรือสนใจเรื่องพวกนี้มากอยู่แล้ว มันไม่ใช่ประเด็นอะนะ ออกจะหนักไปทางเรื่องไร้สาระซะด้วยซ้ำ ถ้าขืนเก็บเอามาคิดมากก็คงจะทำให้สมาธิในการปฏิบัติหน้าที่ลดทอนลงไปเปล่าๆ แต่ดูเหมือนคนส่วนมากที่งี่เง่าเนี่ย มักจะสนใจเรื่องความสัมพันธ์พวกนี้มากเป็นพิเศษเลยล่ะนะ...
ด้วยความที่ฉันเป็นลีดเดอร์จึงต้องหันมามองเรื่องพวกนี้บ้างหน่อย แต่ยังไงซะ...
ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจจริงๆเลย กับไอ้เรื่องความสัมพันธ์ เรื่องการปรับตัวเข้าหาคนอื่นหรือเรื่องการวางตัวเข้าหากัน... ไอ้ของพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งปรุงแต่งภายนอกที่แต่ละคนมีเอาไว้เพื่อบังหน้ากันไม่ใช่หรอ...
ในเมื่อมันไม่ใช่ 'ของจริง' แล้วเราจะไปสนใจมันให้หนักหัวสมองทำไมกัน... ล้วนแล้วแต่เป็น 'ของปลอม'...
สิ่งที่เป็นของปลอมอย่างนั้นอะนะ... ฉันไม่สนใจ... และไม่เคยต้องการหรอก... สิ่งที่ฉันสนใจมีเพียงแค่ภารกิจแล้วก็ผลลัพธ์เท่านั้น...
แต่ถึงอย่างนั้นก่อนหน้านี้ก็แอบทำสิ่งที่เรียกว่าเป็นของปลอมไปแล้วอะนะ...
"เอาล่ะ ! ถ้าอย่างนั้น... เพื่อให้การเข้าค่ายครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดี... ทุกๆคน มาแปะมือรวมพลังกันเถอะนะ... เอ้า เฮ้ !!"
ยูอิ : เฮ้ !
เชน : เฮ้ !
ริม : ริม !
โอดะ : ฮ...เฮ้...
...
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยพลางมองดูดวงดาวที่ยังคงเหลืออยู่ประปราย... ทันใดนั้นเองฉันก็เดินสะดุดกับอะไรบางอย่าง... !
ควับบ !!
หน้าของฉันพุ่งคะมำจูบกับก้อนหินที่อยู่ด้านหน้าเต็มๆ ! โคตรอาย ! ถ้ามีใครเกิดมาเห็นเข้าฉันคงจะไม่มีกะจิตกะใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้วแน่ๆ...!
"น่าขายหน้าจริงๆนะนายน่ะ... ถ้าเกิดมีใครนอกจากฉันแค่คนเดียวมาเห็นเข้า... นายคงจะอับอายจนไม่มีกะจิตใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกแล้วแน่ๆ โชคดีที่มีแค่ฉันคนเดียวที่เห็นอะนะ..."
เฮืออก !! ใครวะ !!
ฉันค่อยๆหันหลังกลับไปอย่างช้าๆ... แล้วก็พบกับ...!!
------------------------------------------------ ลมเย็นๆยามรุ่งสางพัดผ่านเข้ามา... เส้นผมสีดำยาวสลวยของหญิงสาวนัยน์ตาสีแดงปลิวไสวเช่นเดียวกองฟางที่ปลิวผ่านระหว่างหนุ่มสาวทั้ง 2 คนไป ลอยเคลื่อนไปตามทิศทางของสายลม...
เธอมองจิโดโตะด้วยสายตาอันเรียบเฉยในแบบของเธอ... ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงของคนที่ราวกับกำลังสมเพ ชกับอะไรบางอย่างอยู่ยังไงอย่างงั้น...
เมื่อนั้น... ชายหนุ่มผมยาวจึงต้องแอ๊คหล่อเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เสียฟอร์ม... ด้วยการรีบลุกขึ้นมาปัดเนื้อปัดตัวเล็กน้อยพร้อมกับหลับตาและเบือนหน้าหนีไป... และออกวิ่งต่อ
"เดี๋ยว !! นี่นายเมินฉันอย่างนั้นหรอ !!"
น้ำเสียงเย็นยะเยือกจากหญิงสาวคนเดิม !! (. .)
ชายหนุ่มเมื่อได้ยินดังนั้นจึงต้องหยุดชะงักลง... พร้อมกับส่งเสียงอะแห่มๆเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับมา...
"มีอะไรหรอประธานนักเรียน... ฮึ๊ ?" จิโดโตะหันกลับมาพูดฮึ๊ ? ใส่หญิงสาวผู้เป็นประธานนักเรียนของเหล่าเรียล์มทุกๆคลาส
หญิงสาวอายุ 18 ผมสีดำยาวสลวย ผู้มีใบหน้าเรียวคมแววตาแบบหญิงดุราวกับเป็นประธานนักเรียนผู้เย็นชา ถึงรูปร่างหน้าตาจะดูดีเป็นอันดับต้นๆของเหล่านักเรียนหญิงในโรงเรียน REALMMASTER แต่ความสวยงามของเธอนั้นเปรียบเหมือนดั่งดอกกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามอันแหลมคนยากต่อการที่จะเข้าถึงมากที่สุดโดยเฉพาะสำหรับชายหนุ่มทั่วๆไป... (แต่ถึงอย่างนั้นกลับเป็นฝ่ายมาเข้าหาเจ้าหนุ่มนินจาคนนี้เนี่ยนะ ! ต้องไม่ธรรมดาแล้ว !)
เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากถึงมากที่สุด... แต่กลับไร้ซึ่งความน่ารักแบบใสๆแอบแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย... หากเปรียบเทียบกับเสื้อผ้า... ก็คงเปรียบเสมือนชุดเดรสสีแดงทรงวิคตอเรียตัวยาว ที่ดูหรูหราราคาแพง ฝังไปด้วยเม็ดระยิบระยับสีเงิน ถึงจะดูงดงามเพียงใดแต่ก็ยากต่อการเข้าถึงและรู้สึกถึงความไม่ผ่อนคลายอย่างเป็นที่สุด...
"นี่เธอตามฉันมาหรือยังไง... เป็นสตอล์กเกอร์หรือเปล่าเนี่ย !"
ประธานนักเรียน 'ซากุระ คามิกิ' ยังไม่ได้ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ จิโดโตะก็ประเคนคำถามแบบสุดโต่งเข้าให้ซะเต็มหน้า !
"นี่นายถ้าไม่โง่ก็คงหลงตัวเองที่สุดในโลกสินะ...!" ทว่าท่านประธานหาได้สั่นสะท้านไม่ เธอส่วนกลับด้วยประโยคอันสุดแสนจะทิ่มแทงราวกับยอกหนามของดอกกุหลาบไม่มีผิด
"งั้นเธอถ้าไม่ปากร้ายที่สุดในโลกก็คงมีแค่คนเค้าเกลียดขี้หน้าสินะ...!" จิโดโตะยังตั้งหลักได้พร้อมกับจู่โจมด้วยคำพูดที่เฉือดเชือนราวกับเคียวแห่งสายลม !
...
หลังจากที่ได้ออกอาวุธกันไปแล้ว... ทั้ง 2 คนต่างก็เงียบลงกันดื้อๆ...
...
ต็อก แต็ก ต็อก แต็ก...
...
ต็อก แต็ก ต็อก แต้ก...
...
จิโดโตะเดินต่อไปบนทางเดินที่ทอดยาวยาวบนเทือกเขา... รอบข้างมีต้นไม้ขึ้นอยู่ตามทาง...
"แล้วนี่เธอจะเดินตามฉันมาทำไมอีกเนี่ย !"
เมื่อพบว่าตัวเองโดนหญิงสาวนัยน์ตาสีแดงเดินตามอย่างน่าขนลุก ชายหนุ่มจึงหันกลับไปโวยวาย !
"ฉันแค่ต้องการข้อมูลอะไรบางอย่างจากนายน่ะ... นายเป็นลีดเดอร์ของยูนิต 7 ใช่ไหม"
จิโดโตะนิ่งลงอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามของประธานนักเรียนสาว...
จิโดโตะ : ใช่... ฉันเป็นลีดเดอร์ของยูนิต 7 มีอะไรงั้นหรอ คงไม่ได้จะมาลุกล้ำความเป็นส่วนของยูนิตฉันใช่ไหม...
ซากุระ : ใช่แล้วล่ะ... ฉันมาเพื่อที่จะบอกนายว่า... ยูนิตของนายถูกยุบลงแล้ว ! จิโดโตะ : หะ !!! WHAT THE F*CK ?!...
ซากุระ : ฉันล้อเล่นย่ะ !
จิโดโตะ : ปั๊ดโถ่วว ทำไมต้องอำกันด้วยเล่าเธอน่ะ !! แล้วนี่ต้องการอะไรกันแน่เนี่ยรีบๆพูดมาได้แล้ว !! (จิโดโตะเริ่มที่จะหัวเสียกับอารมณ์ขันที่ไม่ฮาของคุณประธานนักเรียน แต่ทว่า...)
ซากุระ : หึ... ที่ฉันพูดอะไรไม่มีเหตุผลอย่างนั้นออกมา อย่าเข้าใจผิดไปซะล่ะ... ไม่ใช่ว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ไร้สาระอย่างที่นายคิดหรอก... (เธอเดินลงไปนั่งบนรั้วไม้ที่ตั้งอยู่ข้างทาง) ฉันก็แค่อยากจะทำให้นายรู้สึกสลดขึ้นมาเฉยๆแค่นั้นเอง... (คิดในใจ : คนอย่างนายถ้าฉันไม่ข่มให้ตัวเองอยู่เหนือกว่า นายก็คงไม่มีทางฟังฉันหรอก... ฉันรู้เรื่องอีโก้แล้วก็เรื่องความหลงตัวเองของนายมามาก)
จิโดโตะ : เหอะๆ แล้วทำอย่างนั้นมันได้อะไรขึ้นมากันล่ะ... นี่ถ้าเธอไม่มีธุระสำคัญอะไรจริงๆ ฉันขอตัวไปก่อนล่ะ... //เสียเวลาวิ่งชะมัด
ซากุระ : ยังก่อน ! ฉันแค่จะขอความร่วมมือ... เค้าลือๆกันว่า ยูนิต 7 กับยูนิต 14 น่ะ สนิทสนมกันเป็นพิเศษสินะ...
"เหอะ... ไอ้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างยูนิตพรรค์นั้นน่ะ ฉันคนนี้ไม่ใส่ใจหรอกนะ... มันค่อนข้างที่จะไร้สาระสำหรับฉันน่ะ" จิโดโตะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแสนเย็นชา ลีดเดอร์ผู้ที่ไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมทีมแสดงทัศนคติตัวเองออกมาอย่างเด่นชัด ซากุระเมื่อได้ยินดังนั้นก็แปลกใจเล็กน้อย...
"งั้น... หรอ... หืม... นายนี่ก็... เป็นลีดเดอร์ที่ใช้ไม่ได้ซะจริงๆนะ... ในฐานะที่ฉันก็เป็นลีดเดอร์ของยูนิตเหมือนกัน... เรื่องที่นายพูดว่าไร้สาระนั่นน่ะ สำหรับฉันสำคัญเป็นอันดับต้นๆเลยล่ะนะ..." ซากุระนั่งพิงต้นไม้พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงผิดหวังในตัวจิโดโตะเล็กน้อย
"ใครถามความเห็นของเธอมิทราบ... ยูนิตสภานักเรียนของเธอน่ะมีแต่คนที่เป็นเพศเดียวกันอยู่ด้วยกันไม่ใช่หรอ... สภานักเรียนสาวทั้ง 5 คน... ความสัมพันธ์ของพวกเธอน่ะมันเป็นสิ่งที่ซับซ้อนน้อยกว่าของฉันหลายสิบเท่านัก... อย่างเธอน่ะไม่มีสิทธิ์จะมาพูดสั่งสอนฉันหรอกนะ..." ถึงซากุระจะพูดแนะนำจิโดโตะไป แต่ก็อีกเช่นเคย... ที่ชายหนุ่มผู้มีอีโก้ที่สูงลิ่วคนนี้จะไม่รับฟังคำแนะนำจากใคร...
"ฉันคนนี้สนใจแต่เรื่องผลลัพธ์ก็เท่านั้นแหละ..." เรียล์มนินจาหนุ่มกล่าวทิ้งท้ายเป็นการเสริมให้เห็นถึงแนวคิดและทัศนคติตัวเองให้เด่นชัดขึ้น...
"ผลลัพธ์งั้นหรอ..."
"ใช่"
"หืมม..."
"...."
"แล้วนายไม่คิดบ้างเลยหรอ... ว่าเรื่องเล็กๆน้อยๆพรรค์นั้นน่ะ... อย่างเรื่องความสัมพันธ์ที่นายพูดมาน่ะ... สิ่งๆนั้นอาจจะทำให้ผลลัพธ์ของนายสำเร็จลุล่วงได้เร็วขึ้นนะ..."
"หะ..."
คำพูดของซากุระทำให้จิโดโตะชะงักลง...
"ช่างเถอะ... ดูเหมือนการแอบวิ่งตามนายมาเนี่ย จะทำให้ฉันเสียเวลาเปล่าๆเหมือนกัน... ไม่คิดเหมือนกันนะ ว่านายจะเป็นลีดเดอร์ที่ไม่เอาใจใส่ได้ถึงขนาดนี้ ฉันไปล่ะ..." ขณะที่ซากุระกำลังจะเดินหันหลังจากไปนั้นเอง... จิโดโตะคว้ามือของสาวผมสีดำเอาไว้... พร้อมกับพูดว่า
"เดี๋ยวก่อน ! บางทีฉันอาจจะช่วยอะไรบางอย่างเธอก็ได้นะ... เพราะก็ได้ยินมาบ้างว่าเพื่อนร่วมยูนิตของฉันก็สนิทกับยูนิต 14 เป็นพิเศษ... เธออยากได้ข้อมูลของใครเป็นพิเศษงั้นหรอ..."
ดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้จะทำให้จิโดโตะรู้สึกสนใจเป็นพิเศษเขาจึงเลือกที่จะรับคำขอของเธอเอาไว้...
ซากุระยิ้มมุมปากราวกับเป็นผู้ชนะ... เธอตอบกลับไปว่า... "ซูซาโนะ โอนิ----"
"ยังก่อน !"
"เอ๋ ??" (โดนจิโดโตะเบรคเอาไว้)
"มีข้อแม้ก็คือ... ให้บอกมาก่อนว่ากิจกรรมการแข่งขัน Unit King ในวันนี้มีกติการายละเอียดว่าอะไรบ้าง... ทางยูนิตประธานนักเรียนไม่แถลงการณ์อะไรออกมาเลยแบบนี้นี่มันมีพิรุทนะ... คิดจะรู้กติกาอยู่กลุ่มเดียวแล้วนัดแนะแผนการกับยูนิตตัวเองเพื่อที่จะได้ฮุบถ้วยรางวัลไปอย่างนั้นน่ะสิ... ไม่แฟร์เลยนะ..."
สำหรับการเข้าค่ายในครั้งนี้... ในวันที่ 2 ของการเข้าค่าย (วันแรกเดินทางและมาพักผ่อน) จะมีการจัดการแข่งขันชิงแชมป์ UNIT KING โดยยูนิตที่เป็นแชมป์จะได้รับแต้มในการจัดอันดับ Ranking ในช่วงสิ้นเดือนนี้อย่างถล่มทลาย... (จัดอันดับ Ranking ทุกๆ 2 เดือน) โดยในทุกๆปีก็จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นั่นก็คือถึงการแข่งขันจะมีกรรมการกลางเป็นฝ่ายจัดการ แต่ยูนิตสภานักเรียนจะสามารถมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับรายละเอียดและกติกาการแข่งขันได้ (รูปแบบและกติกาจะเปลี่ยนไปทุกๆปี)
โดยสภานักเรียนรุ่นก่อนๆก็มีทั้งที่จัดแถลงการณ์บอกกฎกติกาในการแข่งขันให้กับยูนิตอื่นๆรู้เพื่อให้การแข่งขันดำเนินไปอย่างยุติธรรม... แต่ก็มีสภานักเรียนบางรุ่นที่กั๊กกฎกติกาการแข่งขันเอาไว้... เพื่อที่จะได้แอบฮุบถ้วยรางวัลไป... มีนักเรียนหลายๆคนออกมาประท้วงในเรื่องนี้... แต่ผู้อำนวยการคานาเรี่ยนให้เหตุผล (ที่ดูยังไงก็ฟังไม่ขึ้น) ว่า... 'เพื่อเป็นสีสันในการแข่งขันและสีสันของสภานักเรียน... ในโลกภายนอก ก็มักจะต้องพบเจอกับอะไรที่ไม่เป็นธรรมอย่างงี้อยู่เสมอ'
...
"หึ หึ หึ... ก็ได้... ฉันจะบอกให้นายรู้ก่อนก็ได้...
สำหรับการแข่งขัน UNIT King ในครั้งนี้ ยูนิตระดับคลาส 1-2 ที่มีทั้งหมด 40 ยูนิต จะได้ทำการแข่งขันกันภายในโลกเวทมนตร์เสมือนหรือที่เรียกว่า 'Magic Verse'
ความเสียหายที่เกิดขึ้นภายใน Magic Verse จะไม่มีผลต่อร่างกายที่อยู่ภายในโลกจริง... พูดง่ายๆก็คือ ถ้าสมมุตินายโดนฆ่าตายภายใน Magic Verse สติสัมปชัญญะทั้งหมดของนายก็จะถูกส่งกลับมายังร่างจริงที่อยู่ภายในโลก... เหมือนๆกับการเล่นเกมในโลก Virtual ของจริงนั่นแหละ... ในอนิเมะก็เคยมีเรื่องนึงที่ชื่อว่า 'ตำนานดาบศิลป์ออนไลน์' อยู่แหละนะ นายคงจะนึกออก...
ทุกๆยูนิตเมื่อเริ่มเข้ามาในโลก Magic Verse ก็จะพบกับปราสาทซึ่งคือฐานทัพของยูนิตตัวเอง... ภายในปราสาทจะมีคริสตัลที่เป็นเหมือนแกนกลางของปราสาท... หากคริสตัลถูกทำลายลง ปราสาทก็จะถล่มลงมาในทันที...
ตรงกลาง Map ของโลก Magic Verse ที่พวกอาจารย์สร้างขึ้นจะมีวิหารที่รวบรวมคลังอาวุธพิเศษอยู่ ซึ่งคริสตัลจะถูกทำลายได้โดยอาวุธที่อยู่ภายในวิหารนั้นเท่านั้น อาวุธปกติธรรมดาของพวกนายไม่สามารถทำลายคริสตัลลงได้... นอกจากนั้นภายในวิหารยังมีของวิเศษจำนวนมากซ่อนไว้อยู่ อย่างเช่นไข่อัญเชิญสัตว์มาร ซึ่งทุกๆคนสามารถเอาของวิเศษพวกนั้นออกมาใช้ได้โดยไม่ผิดกติกา...
ยูนิตไหนที่ปราสาทของตัวเองถูกทำลายลง ยูนิตๆนั้นจะต้องออกจากการแข่งขันโดยทันที... สามารถให้ต่อสู้กันภายในโลก Magic Verse ได้โดยไม่ต้องออมมือกัน... สามารถเน้นการโจมตีให้ถึงตายได้โดยไม่ต้องกังวลเนื่องจากหากเราตายภายใน Magic Verse ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อร่างจริงของเราอยู่แล้ว... อย่างที่บอก... เหมือนเล่นเกม...
แล้วก็... มักจะมีเรื่องที่เข้าใจผิดอยู่บ้างนั่นก็คือ... ถึงสมาชิกภายในยูนิตจะตายกันหมดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายูนิตนั้นถูกออกจากการแข่งขัน... ยูนิตแต่ละยูนิตจะออกจากการแข่งขันก็ต่อเมื่อปราสาทของตัวเองถูกทำลายลงก็เท่านั้น...
ยูนิตที่สามารถรักษาปราสาทให้เหลือรอดเป็นยูนิตสุดท้ายคือผู้ชนะ..."
ซากุระอธิบายรายละเอียดการแข่งขันออกมาอย่างละเอียดยิบ... จิโดโตะถึงกลับแปลกใจเล็กน้อย... เนื่องจากเขาไม่คิดว่าประธานนักเรียนจอมเจ้าเล่ห์คนนี้จะยอมบอกรายละเอียดการแข่งขันทั้งหมดออกมาอย่างง่ายๆ เขาถามออกไปว่า...
"อธิบายมามากขนาดนี้... ไม่กลัวว่ายูนิตฉันจะเป็นฝ่ายชนะหรอ... ฉันมีเวลาอีก 4 ชั่วโมงก่อนที่การแข่งจะเริ่มขึ้นเพื่อที่จะไปนัดแนะจัดแจงกับสมาชิกยูนิตให้รู้ถึงแผนการล่วงหน้าก่อนได้เลยนะ... ไม่ต้องคอยไปคิดเอาสดๆในสนามรบ..."
"...เหอะๆๆ ฉันจะบอกให้รู้ถึงสาเหตุว่าทำไมฉันถึงยอมบอกนายก็แล้วกันนะ..."
"หืมม์"
"เพราะฉันเชื่อว่าลีดเดอร์ยูนิตห่วยๆอย่างนายคงไม่มีทางที่จะรวมลูกทีมของนายให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้หรอก...!!" หญิงสาวพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ใบหน้าของเธอดูแคลนจิโดโตะอย่างถึงที่สุด !
"เอ๊ะ !!"
"แค่เรื่องเล็กๆน้อยภายในยูนิตลีดเดอร์อย่างนายยังไม่คิดที่จะสนใจเลย ! แล้วนับประสาอะไรกับการแข่งขันในครั้งนี้... สำหรับฉันแล้ว... พวกนายก็แค่หมูรองบ่อนเท่านั้นล่ะ ! คงจะถูกตัดออกจากการแข่งขันตั้งแต่ชั่วโมงแรกๆเลยซะด้วยซ้ำ หึหึหึ !"
หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสุดแสนจะเย็นชา
"ยูนิต 7 ของนายไม่มีค่าพอที่จะให้คนอย่างฉันต้องมาคอยพะวงด้วยหรอก ! สุดท้ายแล้วผู้ที่ชนะในการแข่งขันนี้ก็คือยูนิต-18 ยูนิตของสภานักเรียนที่นำโดยประธานนักเรียนที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างฉัน...เสียใจด้วยนะ จิโดโตะ... แต่พวกนายไม่เคยอยู่ในสายตาของคนอย่างฉันอยู่แล้ว... คิดซะว่าทำทานให้กับสุนัขที่ยากไร้ก็แล้วกันนะ... หึๆๆ ถึงจะให้ไปแต่มันก็คงจะเปล่าประโยชน์...!"
"หน็อยยย !!"
ประธานนักเรียนผู้เย็นชาหันหลังก่อนที่จะเดินจากไป... เธอทิ้งคำพูดที่เสียดแทงจิตใจให้กับชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลีดเดอร์ของยูนิตเอาไว้... ในสายตาของเธอแล้วจิโดโตะเป็นแค่ผู้นำที่ล้มเหลวซึ่งจะนำพาสมาชิกของตัวเองไปพบกับความผิดพลาด พบกับความพ่ายแพ้ เหมือนอย่างที่เขาเคยทำมาก่อนในภารกิจครั้งแรกของยูนิตเขา... จิโดโตะได้แต่กำหมัดแน่น... สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น... ภายในใจของเขาตอนนี้กำลังร้อนระอุและปะทุไปด้วยเปลวไฟแห่งความต้องการที่จะพิสูจน์ตนเอง...
พิสูจน์ว่าแท้จริงแล้วเค้าไม่ใช่ลีดเดอร์ที่แย่... พิสูจน์ว่าแท้จริงแล้วเค้าก็พาเพื่อนร่วมทีมให้มุ่งไปสู่ชัยชนะได้...
ความต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเอง... ความต้องการที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต...
จิตวิญญาณแห่งความมุ่งมั่นของชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน... ได้ลุกโชนขึ้นแล้ว...
Chapter 10 'สภานักเรียนปะทะยูนิต-14 ! ใครจะเพี้ยนกว่ากันล่ะทีนี้ !' Coming >> Date / Month / Years of Earth : 16 / 07 /2016
|
|
|
Post by GreyTear on Jul 12, 2017 15:52:41 GMT
Chapter 9.5 'นี่มันสภานักเรียนจอมป่วนชัดๆ ! อะไรกันเนี่ยเลิฟคอมเมดี้งั้นรึ !?
เมืองโมนักค์ –ดาวเคราะห์มาเรีย
ค่ายเทคกิ้งมี อเวย์ {Taking Me Away}
Date / Month / Years of republic : 19 /05 /1023
[2 ชั่วโมงก่อนที่การแข่งขัน Unit-King Competition จะเริ่มขึ้น]
ณ ที่พักของยูนิต-18 หรือสภานักเรียนเรียล์ม
"อะไรกันเนี่ย ! อีก 2 ชั่วโมงก็จะต้องแข่งอยู่แล้วทำไม 'เพิร์ธ' ถึงยังมาไม่ถึงอีก ! เห็นบอกว่าจะมาถึงประมาณ 6 ชั่วโมงก่อนแข่ง จะได้มีเวลาเตรียมตัวกันประมาณครึ่งวัน ! แต่งนี่จะแข่งอยู่แล้วยังไม่โผล่หัวมาอีก ! ติดต่อไปเท่าไหร่ก็ไม่รับสาย !"
ซากุระนั่งหงุดหงิดอยู่บนเก้าอี้ประธานนักเรียนของเธอ ถึงจะเป็นการมาเข้าค่ายนอกสถานที่ ต้องออกจากห้องพักสภานักเรียนที่โรงเรียนมาไกล... แต่แก๊งค์ 5 สาว(ลบ 1) ก็ยังไม่วายที่จะจัดที่พักชั่วคราวในค่ายให้มีลักษณะเป็นห้องประชุมสภานักเรียน มีโต๊ะตัวยาวตั้งอยู่ตรงกลางห้อง 2 ตัว ตรงสุดขอบโต๊ะมีที่นั่งอีกตัวสำหรับประธานนักเรียนเชื่อมไว้ตรงกลางอยู่ระหว่างโต๊ะทั้ง 2
สาวผมดำกำลังนั่งเหลาดาบคาตานะของเธอให้เงาวิบวับยิ่งกว่าเดิมเพื่อเสริมความคม เธอหน้านิ่วคิ้วขมวดเนื่องจากสมาชิกยูนิตอีกคนที่ชื่อว่า 'เพิร์ธ' (ซึ่งก็เป็นผู้หญิง) ยังคงเดินทางมาไม่ถึงดาวเคราะห์มาเรีย ทั้งๆที่การแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ประจำการเข้าค่ายกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ซึ่งเพิร์ธมีธุระต้องไปงานแต่งงานของญาติซึ่งจัดงานกันอย่างใหญ่โตอลังการอยู่ที่ดาวเคราะห์โจฮันเนียน [Johanuen -ได้ชื่อว่าเป็นดาวเคราะห์แห่งความรักที่ผู้คนมักใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน] โดยมีกำหนดที่จะกลับมาวันนี้และจะเดินทางมายังดาวเคราะห์มาเรียโดยทันที... แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถติดต่อกับเธอได้... ถ้าหากท้ายที่สุดเพิร์ธเดินทางมาไม่ทัน ยูนิต-18 ก็จะต้องลงแข่งทั้งๆที่มีกันอยู่แค่ 4 คน ซึ่งนับว่าเสียหายอย่างใหญ่หลวง !
"ใจเย็นๆก่อน... หึ... ก็อยากจะพูดอย่างนั้นอยู่แหละนะ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน..." (สาวสวยที่นั่งอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์พูดขึ้นมา)
'ไอ' สาวผมสั้นสีดำขลับอายุ 17 ปีผู้มีดวงตากลมโตแต่ในขณะเดียวกันก็ดูจิกๆขวางๆเล็กน้อยทำให้ดูเป็นคนที่เอาเรื่องอยู่บ้างซึ่งเธอก็เป็นสมาชิกคนนึงของสภานักเรียน สาวในชุดสเวทเตอร์สีดำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นักถึงอย่างนั้นเธอก็กำลังนั่งพิมพ์อะไรบางอย่างอยู่ในคอมพิวเตอร์... ดูเหมือนจะเพื่อเป็นการกลบเกลือนความกังวลของเธอ... "ก็ใช่น่ะสิ !" (ประธานนักเรียนซากุระตอบกลับ !)
ขณะนั้นเองนักเรียนสาวหน้าตาน่ารักอีกคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า...
"อ่าา ฉะ...ฉันว่าไม่ต้องคิดมากหรอก... พะ...พวกเราน่ะเก่งกันอยู่แล้วแหละ... พวกเราน่ะเป็น... พวกเราเป็นถึงสภานักเรียนเชียวนะ ! พวกเราน่ะ ! จะไปกลัวพวกสามัญชนคนอื่นๆกันทำไม... แล้วก็นะไอ... เวลาอย่างนี้ยังมีสมาธิในการแต่งนิยายอยู่อีกหรอ... ไม่ต้องทำทีเป็นกลบเกลื่อนอย่างนั้นก็ได้นะ หึหึหึ !" (สาวผมสีม่วงหน้าตาสดใสคนหนึ่งพูดขึ้นมาพร้อมกับแซะทางด้านของไอเล็กน้อย)
"หา ?! นี่ยัยผมม่วง ! อย่าทำเป็นพูดดีหน่อยเลย ! เธอเองก็กำลังกังวลอยู่ใช่ไหมล่ะ ! เห็นพูดซะเสียงสั่นเชียวนะ เหอะ ! ฉันว่านะ...รีบไปบอกอาจารย์ดีกว่าไม่อย่างนั้นเราแพ้แน่ถ้ามีกันแค่ 4 คน !" (ไอตอกกลับไป)
'เจซซิก้า ฟลอเรนซ์' หรือ 'เจซซี่' สาวน้อยอายุ 18 ผู้มีหน้าตาอันน่ารักสดใส สมาชิกอีกคนหนึ่งของสภานักเรียน... เธอพูดเหน็บแนมทางด้านของสาวผมสั้นซึ่งดูเหมือนทั้ง 2 จะไม่ค่อยถูกคอกันซักเท่าไหร่... ซึ่งในขณะเดียวกันไอก็สวนกลับไปพร้อมกับเสนอความคิดเห็นออกมาบ้างเนื่องจากกำลังเป็นกังวล ส่วนหญิงสาวผมสีม่วงในชุดเครื่องแบบนักเรียน (ทั้งๆที่มาเข้าค่าย) ถึงจะมีท่าทีที่ค่อนข้างเป็นกังวลและพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆเหมือนพยายามกลบเกลื่อน แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นคนหยิ่งไม่น้อยที่แบ่งชนชั้นระหว่างสภานักเรียนกับนักเรียนธรรมดาว่าเป็น ขุนนางกับสามัญชน... "อ่อนหัดกันจริงๆนะพวกเธอน่ะ...ฮิฮิฮิ ทำเป็นกังวลเป็นพวกกระต่ายตื่นตูมไปได้... ฉันว่าเดี๋ยวสุดท้ายเพิร์ธก็เดินทางมาถึงทันเวลาเองนั่นแหละ... แล้วถ้าไม่ทันจริงๆ ถึงอย่างนั้นอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด บางครั้งนี่อาจจะเป็นบททดสอบจากเทพก็ได้ ว่าพวกเราจะผ่านมันไปได้ไหม"
'เนเน่ อูมาอิ' สาวผิวซีดผู้มีดวงตาสีแดงดูดุร้ายเล็กน้อย เธออยู่ในชุดเดรสสั้นสายเดียวทรงหรูหรา กระโปรงจีบกว้างสีดำอ่อนๆ นอกจากนั้นยังใส่ถุงน่องที่มีการตกแต่งด้วยลวดลายแถมที่แขนยังมีผ้าคลุมท่อนแขนที่บริเวณข้อมือมีความฟูฟ่องเอามากๆ การแต่งตัวที่ดูอลังการงานสร้างจัดเต็มทุกระเบียบนิ้วแบบนี้ทำให้นึกถึงแม่มดแห่งยูนิต-14 คนนึงที่ชื่อว่า 'โรเซ่น ซาลินเบิร์ก' อยู่เหมือนกันแต่จะต่างกันตรงที่ผู้หญิงคนนี้ดูสมวัยกว่านิดๆเนื่องจากเธอมีอายุ 20 ปีแล้วและยังดูเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าคนอื่นพอสมควร ผิดกับโรเซ่นที่อายุแค่ 17 แถมยังหน้าอ่อนกว่าวัยราวกับเด็กอายุ 14 อีก... ยิ่งไปกว่านั้นเธอคนนี้มีจุดเด่นที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องสะดุดตานั่นก็คือ มีเขาแพะขึ้นอยู่ 2 เขาที่หัว... ซึ่งบางครั้งมันช่างดูราวกับเป็นเขาปีศาจไม่น้อยทำให้เธอมีภาพลักษณ์ที่เป็นผู้หญิงน่ากลัวในสายตาของใครบางคน
เธอพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกเล็กน้อย ด้วยความที่เป็นพี่ใหญ่ของยูนิตจึงพยายามดึงความมั่นใจของเพื่อนร่วมทีมให้กลับมาพร้อมกับพยายามมองในแง่บวก
"เหอะ... ถ้าเนเน่พูดอย่างงั้นฉันก็จะพยายามคิดว่า 'มันคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก' 'พวกเราจะผ่านมันไปได้' ก็แล้วกัน... เห้ออ แต่งนิยายต่อดีกว่า... กำลังถึงฉากไคล์แมกซ์ที่องค์หญิงจะต้องยกทัพไปบุกหุบเขาปีศาจของพวกจอมมารละ" ไอพยายามรวบรวมสติด้วยท่าที่ลนลานเล็กน้อยก่อนที่จะทำเป็นลืมเรื่องที่น่ากังวลใจแล้วหันไปแต่งนิยายของตัวเองต่อ... (ทันใดนั้นเองเจซซี่ก็เดินเข้าไปหาพร้อมกับสอดรู้สอดเห็นเล็กน้อยว่าไอกำลังแต่งอะไร)
"เฮ๋ ?? นี่เธอกำลังแต่งอะไรอยู่น่ะไอ นิยายแฟนตาซีหรอกหรอ น่าสนใจไม่เบานิ... นึกว่าจะกำลังแต่งนิยายเด็กมีปัญหากับการใช้ชีวิตในไฮค์สคูลอะไรแบบนั้นซะอีก หุหุหุ ฉันว่าถ้าเป็นอย่างนั้นมันน่าจะเหมาะกับเธอมากกว่านะ ฮะฮะฮ่าา !!" เจซซี่ยังคงกวนประสาทไอไม่เลิกพร้อมกับพุ่งเข้าเพื่อดูว่าเจซซี่กำลังแต่งอะไร
"ฉันไม่ใช่เด็กสาวที่มีปัญหาซะหน่อย ! แล้วนั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องของหล่อนเลยซักนิด ! ถอยออกไปได้แล้ว ! แอบดูคนอื่นแต่งนิยายนี่มันเสียมารยาทมากๆเลยรู้ไหม !" สาวสวยนัยน์ตาสีม่วงพยายามผลักตัวของเจซซี่ให้ถ่อยออกไปทว่าเจซซี่ก็ยังพยายามที่จะแกล้งไอไม่เลิกจนอะไรนูนๆบางอย่างทะลักเข้ามาชนหน้าของไอ : D
"โห่ววว !! ตัวละครองค์หญิงนี่มีชื่อว่า 'นาร่า' ด้วยล่ะ !! ไหนๆ ดูซิ !! โห้วว มีทหารแขนเหล็กถือปืนด้วย !! หู้วว !! มีคนแคระด้วยถ้าให้เดาก็คงเอามาตายสินะคนแคระแบบนี้ !! หืมม์ ?? น่าสนใจไม่เบาเลยนี่...ไอ หุหุหุ หึหึหึ ฮะฮะฮ่าา !!" เจซซี่ยิ้มอย่างชั่วร้ายเมื่อเธอเอ่ยปากอ่านถึงรายละเอียดภายในนิยายของไอ
"หน็อยย !! ที่บ้านของหล่อนไม่เคยสอนเรื่องมารยาทหรือยังไงฮะ ! ว่าไม่ควรมาอ่านดราฟท์นิยายของคนอื่นออกเสียงแบบนี้ ! แล้วก็ช่วยอย่าเอานมของเธอมาชนหน้าฉันได้ไหมยะ !!" ไอยังพยายามที่จะดันอกนูนๆของเจซซี่ให้ออกไปจากหน้าของตัวเอง
"ที่บ้านของฉันเป็นตระกูลที่สูงศักดิ์และร่ำรวยที่สุดอยู่แล้วเรื่องมารยาทน่ะรู้ดียิ่งกว่าใครเลยล่ะ แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องที่เธอพูดมาซักนิด... ไม่ใข่ว่าเธอกำลังอายอยู่หรอที่มีคนมาแอบอ่านนิยายของตัวเอง หุหุหุ นั่นก็เป็นเรื่องปกติแหละน่าาสำหรับคนโลกส่วนตัวสูงที่ชอบแต่งนิยายแฟนตาซีน่ะ แต่นิยายของเธอถือว่าน่าสนใจไม่เบาเพราะฉนั้นไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ นักเขียนไอ ฮะฮะฮะฮ่าา !!"
"กรอดดด !!"
"เลิกไร้สาระกันได้แล้วน่า-------เอ๋ " ก๊อก ก๊อก ก๊อก ! (ซากุระกำลังจะบอกให้ 2 คนนั้นเลิกหยอกล้อกัน ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น)
เนเน่เดินไปเปิดประตู... แกรก !
"อ้าวว !! รุ่นพี่ 'มาทิลด้า ฮัสไตน์' เองหรอมีอะไรหรอคะ ??" สาวในชุดเดรสสีแดงเอ่ยปากทักทายผู้ที่อยู่ตรงหน้า
หญิงผมสีแดงพริกรูปร่างสูงโปร่งลำตัวบางที่อยู่ตรงหน้าเนเน่คือ 'มาทิลด้า ฮัสไตน์' เรียล์มคลาสที่ 3 อายุ 22 ปีผู้มีประสบการณ์ช่ำชองและมีชื่อเสียงมากที่สุดคนนึงในโรงเรียนและเป็นผู้ครอบครองค้อน 'โยเนียล' เธอเป็นหนึ่งในคณะกรรมการในการตัดสินการแข่งขัน Unit-King ในครั้งนี้... 4 สาวที่อยู่ในห้องออกสีหน้าที่ฉงนงงงวยออกมาไม่น้อยเมื่อพบว่าหนึ่งในคณะกรรมการเดินมาเคาะหน้าประตูถึงที่...
"มีเรื่องใหญ่แล้วล่ะ... ที่ดาวโจฮันเนี่ยนถูกบุกรุกโดยพวกโจรสลัดน่ะสิ !" หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดอย่างมาก
""""เอ๊ะ !"""" หญิงสาวทั้ง 4 คนอุทานออกมาด้วยความช็อค !
"ตอนนี้ทางสาธารณรัฐได้ส่งกองยานไปแล้ว... พวกเค้าสัญญาว่าเพื่อนร่วมยูนิตของเธอจะปลอดภัยดี ทุกๆอย่างจะโอเค... ไม่ต้องกังวลหรอกนะ..."
"ไม่... ไม่ นี่มันไม่โอเคแล้วรุ่นพี่มาทิลด้า ! เพิร์ธกำลังตกอยู่ในอันตรายนะจะให้พวกฉันอยู่เฉยๆโดยที่ไม่กังวลได้ยังไง !" จู่ๆน้ำตาของเนเน่ก็คลอออกมา ! น้ำตาสีแดงอ่อนๆต่างจากมนุษย์ปกติทั่วไปของเธอแสดงให้รู้สึกถึงความไม่สบายใจ ความเครียดที่มากกว่าปกติหลายเท่าเช่นกัน ! เธอพยายามโวยวายออกมาทั้งๆที่เสียงกำลังสั่นระรัว !
""พ...เพิรธ..."" ไอถึงกับตาค้างเมื่อได้ยินดังนั้น เช่นเดียวกับเจซซี่ที่อยู่ใกล้ๆ
ระหว่างที่ทุกคนกำลังหยุดชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่มาทิลด้าพูดแต่ทว่าซากุระที่นั่งสงบนิ่งอยู่ตรงโต๊ะประธานกลับดูไม่รู้สึกรู้ร้อนรู้หนาวแต่อย่างใด... เธอไม่มีอาการสั่นสะท้านหรือท่าทีที่ดูสั่นคลอนเลยซักนิดเดียว เมื่อนั้นเองเธอจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า...
"หึ ! ยังคงอำคนอื่นเล่นได้เนียนเหมือนเคยนะมาทิลด้า... ถึงอย่างนั้นก็เหอะ... หยุดเสียเวลาได้แล้ว... จงบอกมาซะว่าสาเหตุที่แท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่ ! แล้วต่อจากนี้ทำยังไง ! จะให้พวกฉันลงแข่งด้วยจำนวนสมาชิกที่น้อยกว่างั้นหรอ แบบนี้ก็ไม่แฟร์แล้ว... จงให้คำตอบฉันมาเดี๋ยวนี้ !"
น้ำเสียงที่ดุดัน คำพูดที่พังทลายบรรยากาศอันน่าลำบากใจให้สลายออกไปหมดจด พร้อมกับสวนกลับด้วยคำถามที่ต้องการคำตอบโดยทันที... ซากุระสวนกลับการโจมตีของเรียล์มรุ่นพี่ด้วยคำพูดและน้ำเสียงที่ดุดันขณะเดียวกันก็เย็นยะเยือกราวกับเพลงดาบคาตานะที่ฟาดฟันสวนทิศของกระแสลม... เธอจ้องมองมาทิลด้าด้วยแววตาที่สุขุม เยือกเย็นแต่แฝงไปด้วยความเร้าร้อนและดุดัน เป็นการแสดงให้เห็นถึงความต้องการคำตอบของคำถามที่ถามไปโดยทันที
ทันใดนั้นเองเมื่อเรียล์มรุ่นพี่เห็นดังนั้นจึงเบ้ปากพร้อมกับครางด้วยเสียงที่ติดตลกเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยออกมาว่า...
"อ่าาา...ซากุระนี่ก็ยังคงทำตัวสมกับเป็นประธานนักเรียนอยู่เสมอเลยนะ... หึๆ อันที่จริงเพิร์ธแค่ติดต่อมาบอกว่าเส้นทางการเดินทางข้ามอวกาศ @sector971 นี่มีสนามอุกกาบาติและรังสีคอสมิคคอยรบกวนอยู่จึงไม่สามารถกลับมาได้ทันเวลา..."
"แล้ว..."
"อืม... โชคดีมากๆที่ก่อนหน้านี้ 3 วันมีนักวิทยาศาสตร์จากหน่วย 'วิทยะ' มาขอฝากเด็กนักเรียนคนหนึ่งให้เข้าเรียนที่โรงเรียน REALMMASTER แบบกลางคัน... พวกเราเลยพาเค้าให้มาเข้าค่ายที่นี่ด้วยเลยเพื่อจะได้เป็นการทดสอบว่าเด็กคนนี้มีพื้นฐานมากขนาดไหน... แต่ดูเหมือนว่า 'เขา' จะมีความสามารถอยู่บ้างเนื่องจากเป็นตระกูลนักวิทยาศาสตร์แล้วยังอายุ 17 ปีแล้วด้วย (ปกติถ้าจะมาเข้าเรียนที่นี่ควรจะเริ่มตอนอายุ 16) ฉันก็เลยคิดว่า... ให้เอามาแทนตำแหน่งของเพิร์ธชั่วคราวก่อนก็แล้วกัน นี่คงเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดกับทุกฝ่าย..."
มาทิลด้าตอบกลับไปด้วยเสียงเรียบๆ ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลใจหรือตื่นตระหนกอีกต่อไปแล้ว...สำหรับสภานักเรียน แต่ทว่า...
"โธ่เอ้ย... ก็เพราะอย่างงี้เองงั้นหรอ... เหอะ ! ถึงยังไงซะก็เป็นปัญหาต่อยูนิตของฉันอยู่ดีนั่นแหละ... เจ้าคนที่มาแทนชั่วคราวอาจจะเป็นพวกกิ๊กก๊อกไร้ความสามารถ คนแบบนั้นจะเป็นตัวถ่วงซะเปล่าๆ ! คงไม่ได้มีพื้นฐานแบบที่เธอโม้มาหรอก ! ฉันไม่ค่อยอยากจะเชื่อคำพูดของคนที่ขี้อำขี้โกหกคนอื่นอย่างเธอเท่าไหร่หรอก มาทิลด้า..."
ซากุระตัดพ้ออย่างอารมณ์เสีย... เธอกอดอกพร้อมกับบ่นออกมาตามสไตล์ท่านประธานสาวจอมดุที่เอาใจยาก... แต่จากการพูดที่ดูไม่มีหางเสียงหรือการเน้นคำว่า ‘รุ่นพี่’ กับมาทิลด้าเลย อาจจะเป็นไปได้ว่าเธอคนนี้ไม่ค่อยให้ความเคารพเรียล์มรุ่นพี่เท่าไหร่... หรืออาจจะหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีประธานนักเรียนกันแน่นะ...
"เมื่อกี้ใครว่าว่าฉันเป็นพวกกิ๊กก๊อกกันนะ... หึๆๆ"
น้ำเสียงทุ่มต่ำของบุคคลปริศนาผู้หนึ่ง !
"เอ๋ ??" เนเน่ทำหน้าฉงนออกมา... "หืมม์ ?" ซากุระหืมออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินโทนเสียงที่ไม่ค่อยคุ้นเคย...
ทันใดนั้นเอง... ร่างของชายหนุ่มสีน้ำเงินก็ปรากฎตัวออกมากลางห้อง ต่อหน้าโต๊ะประชุมของท่านประธานนักเรียน !
"หา ?! มนุษย์ล่องหน !! อุ๊ยตาย !! พระทรงองค์เจ้า เทพโคฟี่ เทพเซเลียธีร์ (นั่นมันองค์เก่าแล้วป้า !)" เนเน่ถึงกับรัวคำพูดออกมาจนฟังไม่รู้เรื่องเมื่อพบกับ 'ชายหนุ่ม' ที่ปรากฎตัวต่อหน้า !
"ผ...ผะ...'ผู้'...ผู้ชาย ! ผู้ชายล่ะ..." สาวน้อยผมสั้น (ไอ) ถึงกับออกอาการหน้าเหวอออกมาเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาราวกับพวกดารานักร้องไอดอลหนุ่มสุดเท่ห์อะไรอย่างงั้น...
"วะ....เหวอออ !! ผู้ชายย !!" ก่อนที่เธอจะหันหลังหนีกลับไปเมื่อพบว่าตัวเองเผลอสบสายตากับดวงตาสีฟ้าเป็นประกายอันทรงเสน่ห์ของนักเรียนหนุ่มคนนั้น... ราวกับว่าสาวน้อยคนนี้ไม่เคยเห็นผู้ชายมาก่อนซะอย่างนั้น ! ไอหันหลังกลับไปพร้อมกับลงมือพิมพ์นิยายต่อด้วยอาการที่จะกลบเกลื่อนยังไงก็คงไม่มิดแล้วล่ะ...
"ผ...ผู้ชาย... เหวออ ก...กะ...เกรบบ !!" (เกรบเป็นชื่อตัวละครในนิยายของไอ) ทว่าพอลงมือแต่งต่อก็พบว่ากำลังค้างอยู่ตรงฉากที่ตัวละครเจ้าชายผมยาวรูปงามต้องออกโรงพอดี ! "ผู้ชายยยย !! วร้าาาาาายยย !! แฮก แฮก แฮก !! <3 <3 <3 <3 <3" (จากตัวอักษรที่บรรยายคงไม่ต้องอธิบายอารมณ์ความรู้สึกของยัยผมสีม่วง เจซซี่ คนนี้แล้วหรอกนะ)
"หะ !? อะไรกัน !! ผะ...ผู้ชายอย่างงั้นหรอ !! นี่มันอะไรกันน่ะ มาทิลด้า !! เรื่องอย่างงี้ฉันไม่ยอมรับเด็ดขาด !! ยูนิต-18 ยูนิตสภานักเรียนของเราไม่เคยมีนักเรียนเรียล์มที่เป็นผู้ชายมาก่อน !! ฉันในฐานะสภานักเรียนอนุมัติไม่ได้เป็นอันขาด !! ไม่ !! ไม่ !! รับไม่ได้ !! ไม่เอา !!"
ซากุระที่ก่อนหน้านี้หน้านิ่งเคร่งขรึมอย่างสุขุมมาตลอดกลับออกอาการโวยวายปรอทแตกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ! เธอทำหน้ายังกะไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับสิ่งมีชีวิตเพศผู้ขึ้นมายังไงอย่างนั้น ! เรียกได้ว่าหลุดคาแรกเตอร์ของประธานนักเรียนผู้เย็นชาจนไม่เหลือความเคร่งขรึมเลยทีเดียว !
"หรือว่าเธอจะแข่งขันกันทั้งๆที่มีสมาชิกแค่ 4 คนกันล่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ขัดข้องอะไรหรอกนะ" มาทิลด้าตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย !
"พวกเธอเป็นอะไรกันไปหมดล่ะเนี่ย... ช่างเถอะ... ฉัน 'อลัน แกสคอย' นะ ! อายุ 17 ปี วันนี้ก็วันแรก... ก็หวังว่าจะทำอะไรได้เป็นประโยชน์มากที่สุดก็แล้วกัน... งานอดิเรกก็... ฟังเพลง... ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยก็แล้วกันนะ... เธอคือประธานนักเรียนใช่ไหมล่ะ... หึๆๆๆๆๆ"
'อลัน แกสคอย' เด็กหนุ่มผมยาวจนเกือบจะปิดหน้าปิดตา ด้วยท่าทางที่เซอร์ๆแบบนี้จึงดูไม่เหมือนทายาทตระกูลวิทยาศาสตร์จากหน่วยวิทยะเลยซักนิด เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบๆ แถมยังยื่นมือออกมาเพื่อขอจับมือกับสาวสวยขี้บ่นผมดำนัยน์ตาสีแดงที่อยู่ตรงหน้าด้วยอีก ดูไม่สนใจบรรยากาศหรือสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่รอบตัวเลยแม้แต่น้อย... บรรยากาศรอบตัวที่ซากุระกำลังโวยวายอยู่ต่อหน้าเขาว่า...
"ไม่ ! หาาา ?? นี่นาย...เป็นพวกไม่แคร์สื่อไม่สนโลกหรือยังไงกันน่ะ ! ยังจะมีหน้ามาขอจับมืออีกหรอกหรอ...! มะ...ไม่นะ ! นี่ต้องเป็นฝันแน่ๆเลย ! ฉันไม่เคยอยากจะให้มีผู้ชายอยู่ในยูนิตของพวกเราเลยซักนิด ! ฉันไม่เคย ! ไม่มีทาง ! ฉันไม่มีวันจับมือกับนายแน่ ! ไม่... อย่านะ ! อย่าเข้ามาใกล้ฉัน !" ซากุระพยายามหลีกตัวออกห่างชายหนุ่มรูปงามคนนั้น... !
"นี่เธอ... เป็นพวกรังเกียจผู้ชายอย่างนั้นสินะ... หึ... ช่างเหอะ... ฉันขอไปนั่งรอเธอสงบสติอารมณ์อยู่ตรงนู้นก่อนก็แล้วกันนะ..." อลันเมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ออกอาการอะไร เขาก็ยังคงทำท่าทีเฉยเมินราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะอย่างนั้นก่อนที่จะเดินย่องๆไปนั่งลงกับโซฟาตรงมุมห้อง...
"อ้าากกก ! จะบ้าตาย !" ประธานนักเรียนสาวยังคงสงบสติอารมณ์ไม่ได้จนเนเน่ที่เป็นพี่สาวของกลุ่มต้องเดินเข้ามาช่วยระงับสติที่กำลังแตกตื่นไม่อยู่กับล่องกับรอย
"ใจเย็นๆนะ... ซากุระ ! ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนิมีผู้ชายอยู่ในยูนิตก็ไม่เห็นเสียหาย..." สาวผู้มีเขา 2 ข้างค่อยพูดปลอบปะโลมซากุระ"อ้าากกก ! อ้าากกก ! อ้าากกก ! อ้าากกก ! อ้าากกก !"(ซากุระถึงกับโวยวายออกมาด้วยเสียงประหลาด 5 วอด... ใบหน้าในตอนนี้ของเธอเรียกได้ว่าเหวอที่สุดใน 3 โลก)
"อย่างน้อยเค้าก็หล่อมากๆแหละนะ... ฮิฮิฮิ" (รอยยิ้มอย่างมีเลศนัย ; p )
ในขณะเดียวกันนั้น...
"ผ...ผู้ชาย ผู้ชาย ผู้ชาย ผู้ชาย ชายหนุ่ม ! เด็กหนุ่ม ! นักเรียนหนุ่ม ! เด็กนักเรียนผมยาว ! เขาผู้นั้น ! ร่างบาง ! ร่างสูง ! พระเอก ! นายเอก ! ดวงตาสีฟ้า ! สุภาพบุรุษ ! ผม ! ผ...ผู้ชาย !"
ไอยังอยู่ในท่านั่งพิมพ์นิยายที่ดูลนลานอย่างหนักราวกับเจ้าเข้า ! ในหัวของเธอมีแต่คำสรรพนามทั้งบุรุษ 1, 2, 3 ที่จะใช้ในการเรียกตัวละครที่เป็นผู้ชายในนิยาย จนเผลอหลุดออกมาเป็นคำพูด (ซึ่งบางคำนี่เค้าเอาไว้ใช้กันในนิยายแนว Yaoyi ด้วยนะ !)
เมื่อนั้นเอง ! เจซซี่ก็วิ่งเข้าไปพร้อมกับพุ่งเข้าไปนั่งข้างๆ อลัน ! (ไวจังนะ) พร้อมกับเอื้อนเอ่ยออกมาว่า...
"นี่... เราชื่อ 'เจซซิก้า' นะ... 'เจซซิก้า ฟลอเรนซ์' หรือจะเรียกว่า 'เจซซี่' ก็ได้นะ อิอิ ( ^ _ ^ ) มาจากที่ไหนหรอ (บ้านอยู่ไหน) เราบ้านอยู่เมืองเมรินเนียร์นะ แล้วนี่เวลากลับบ้านกลับยังไงอะ..."
รวดเร็วปานสายฟ้าแล็บ ! ไม่ทันไร เจซซี่ ก็รีบพุ่งเข้าไปจู่โจมเป้าหมายอย่างรวดเร็วเสียแล้ว ! เธอพยายามทำความรู้จักกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงและท่าทีกิริยาที่มุ้งมิ้ง... แต่ก็แอบแฝงไปด้วยจุดประสงค์บางอย่าง...
สถานการณ์ก่อนการแข่งขันที่จะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมง...
สำหรับยูนิตที่ 18 ตอนนี้เรียกได้ว่ายุ่งเหยิง ปั่นป่วน เละเทะไม่เป็นท่าไปกันหมด...
มองไปที่โต๊ะคอมพ์ ก็พบกับสาวสวยผมสั้นสีดำกำลังควบคุมตัวเองไม่อยู่ในหัวสมองมีแต่คำว่าผู้ชายจนล้นไปหมดแล้ว นิยายนี่จะได้แต่งไหมเนี่ยชาตินี้ !
มองไปที่ตรงประธาน ผู้นำผู้เข้มแข็งและเยือกเย็นที่สุดเสมอมา... ในตอนนี้เรียกได้ว่าละลายกลายเป็นไอติมและเกิดอาการคลุ้มคลั่งซึนเดเระอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆ !
มองไปที่โซฟา ก็เห็นหญิงผมม่วงหน้าตาน่ารักที่มาพร้อมกับรูปร่างที่คับแน่นในชุดนักเรียนกำลังยั่วยวนชายหนุ่มผมสีน้ำเงินอยู่...ไม่เก็บอาการเอาซะเลยนะเธอคนนี้ สมาธิกับการแข่งขันล่องลอยไปหมดแล้วม้างง !
ที่ดูเป็นผู้เป็นคนที่สุดตอนนี้ก็เหมือนจะเป็นเนเน่ที่กำลังปลอบปะโลมประธานนักเรียนผู้คลุ่มคลั่งอย่างน่าสงสารอยู่ที่ช่องว่างใต้โต๊ะ ! สมกับเป็นพี่สาวประจำกลุ่มจริงๆนะเธอคนนี้... แต่ถึงอย่างนั้นก็... "ผู้ชายคนแรกของยูนิตงั้นหรอ... ? แผลบ แผลบ..."
...
เหตุการณ์ต่อไปนี้จะเป็นยังไงกัน... ยูนิต-18 ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวเต็งที่จะชนะในการแข่งขันครั้งนี้... สุดท้ายแล้วดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นอย่างนั่นซักเท่าไหร่แล้วนะ !
เรียล์มรุ่นพี่ผมสีแดง 'มาทิลด้า ฮัสไตน์' ได้แต่ยืนมองดูสถานการณ์ด้วยใบหน้าที่อดขำไม่ได้... เรื่องราวของยูนิตที่ 18 !
สภานักเรียนนักเรียนจอมป่วน ! ประธานนักเรียนสุดซึนกับหนุ่มเซอร์ขี้เย็นชา... ได้เริ่มขึ้นแล้ว !
...{END Chapter}
.. .. .. .. .. .. .. (หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง) (จะแข่งอยู่แล้วนะ !)
เจซซี่ : ฮ่าาๆๆๆ นั่นแน่... ไม่ต้องทำเป็นเก๊กเท่ห์ขี้เย็นชาแบบนั้นนักก็ได้... อยากจะไปเที่ยวกับฉันก็บอก แหะ แหะ แหะ... <3
อลัน : ขอโทษนะ... พอดีไม่ค่อยชอบเที่ยวกับผู้หญิงที่น่ารำคาญซักเท่าไหร่น่ะ...
เจซซี่ : เอ๋ะ
-------------------------------------------------
|
|