Episode 7 : Battle of Trafalgar.....มหายุทธนาวีพลิกผืนน้ำ
อ่าว Toulon , ทะเล Mediteranean , France 15 ตุลาคม ค.ศ. 1805
www.georgeglazer.com/archives/prints/sports/maritime/images/dodd-britishdet.jpgทะเลอันราบเรียบสไตล์ Mediterranean คลื่นลมอ่อนๆพัดไหวๆไปทางเหนือ เป็นใจอย่างยิ่งแก่การเคลื่อนกองเรือเข้าสู่ อ่าว กองเรือ Gibraltar แห่งราชนาวีอังกฤษ จำนวนทั้งสิ้น 27 ลำ กำลังมุ่งตรงสู่อ่าว Toulon ซึ่งเป็นฐานทัพของกองเรือรบฝรั่งเศส!! ผู้บัญชาการกองเรือรบนี้คือ พลเรือโท Horatio Nelson ผู้โด่งดัง ถึงแม้จะยังไม่ได้รับคำสั่งจากทาง รัฐสภา หรือ พระมหากษัตริย์ให้เข้าโจมตีเป้าหมายก็ตาม แต่การเปิดก่อนนั้น ย่อมเป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับฝ่ายอังกฤษอย่างมากมาย …. เรือธงของเขา เรือหลวง Victory เรือรบชั้น 1 ที่มีปืนใหญ่กว่า 122 กระบอก นำเรือรบมากมายเพื่อเตรียมเข้าโจมตีเป้าหมาย ท่านนายพล Nelson ใช้กล้องส่องทางไกลมองไปทางทิศเหนือเพื่อหาท่าเรือของฝรั่งเศส …..
“อ่า……. นั้นไง…. ท่าเรือ Toulon ฉันเห็นแล้วมันแล้ว!!!”
“เอาแมร่งเลยลูกเพ่….. ต้นเรือ สั่งประจำสถานีรบ!!!!”
“เดี๋ยวก่อนนนน!!! Lawrence”
Nelson เอามือชูขึ้นมาเชิงห้าม Lawrence และเขาใช้มือของเขาปรับกล้องส่องทางไกลให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น!! ก่อนจะลงมือส่องที่เป้าหมายอีกครั้ง
“ทำไมฉันไม่เห็นเรือรบ สักลำจอดอยู่……. มันชักจะยังไงแล้ว…พลสังเกตุการณ์เห็นอะไรไหม??”
“เห็นแค่เรือประมง 2 – 3 ลำครับ!!”
พลสังเกตุการณ์ที่อยู่บนยอดเสากระโดงเรือตะโกนลงมาข้างล่างอย่างเสียงดังฟังชัด แต่คำตอบของเขานั้นทำให้ Nelson เป็นกังวลอย่างมาก ปกติที่ Toulon ควรจะเป็นฐานทัพเรือใหญ่ของฝรั่งเศสในย่านนี้แต่กลับไม่มีเรือรบเลยสักลำ นั้นหมายความว่า….
“พวกมันกำลังมุ่งหน้าไป Gadiz!!!”
“หะ ไอ้พวกลูกหมานั้นตัดหน้าเราไปแล้วเหรอครับ!!”
“ใช่แน่ๆ อยู่ดีๆกองเรือทั้งกองมันไม่มีทางหายไปไหนได้หรอก ถ้าออกลาดตระเวณอย่างมากก็แค่ลำ 2 ลำ แต่นี่ไม่!!! พวกนักการเมืองคาดไม่ผิดจริงๆ กองเรือฝรั่งเศส กับ สเปน กำลังผนึกกำลังกันเพื่อต่อกรกับเรา!! เพราะฉะนั้นเราต้องรีบตามล่ามัน ตามมันให้ทันก่อนพวกมันจะรวมพลกันได้!!”
“รับทราบ!! พลคุมพังงาเปลี่ยเข็มไปที่ 090 มุ่งตะวันตก!! พลสัญญาณชักธขึ้นเสา บอกให้เรือลำอื่นเปลี่ยนเส้นทาง ต้นหนพบเตรียมขีดเส้นทางการเดินเรือใหม่!! ทำไงก็ได้ให้เรือกูไปแว้นแซงพวกมัน ไม่งั้นมึงเข้ายามโทษทราบ!”
“ทราบบบบบ…..”
กองเรือ Gibraltar ต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือกะทะหันหักเลี้ยวกลับไปทางตะวันตกเพื่อแล่นสู่ Gadiz!!! พวกเขาต้องรีบเดินทางให้เร็วที่สุดก่อนที่กองเรือรบฝรั่งเศสและสเปนจะรวมตัวกันสำเร็จ
พระราชวัง Luxembourg , Paris , France 18 ตุลาคม ค.ศ.1805
en.parisinfo.com/var/otcp/sites/images/media/1.-photos/02.-sites-culturels-630-x-405/palais-du-luxembourg-jardin-630x405-c-thinkstock/37646-1-fre-FR/Palais-du-luxembourg-jardin-630x405-C-Thinkstock.jpgณ พระราชวัง ลักเซมเบิร์ก พระราชวังอันโออ่าสไตล์ปลายยุคเรเนซองส์ถึงแม้จะยิ่งใหญ่สู้พระราชวัง แวร์ซาย ไม่ได้ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เช่นกันว่าสถานที่ที่นี่ก็วิจิตรตระการตาเกินกว่าคนธรรมดาจะเข้ามาสัมผัสได้ สวนดอกไม้รอบนอกทำให้บรรยกาศร่มรื่นย์ยิ่งนัก จักรพรรดิฝรั่งเศส นโปเลียน โบน์บาร์ต อยู่ในชุดคลุมสีแดงขนาดใหญ่ เขานั่งบนเก้าอี้ริมสวน พร้อมกับ ชายวัยสูงอายุผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเขา ชายผู้นี้สวมวิกอันใหญ่โตและแต่งเครื่องอาภรณ์ชั้นดีบ่งบอกถึงความมีฐานะ เขาคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ตันเลย์ลอง พวกเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกันดูเหมือนกำลังจะปรึกษางานหรือวางแผนทำอะไรสักอย่างอยู่
“เมื่อวันก่อน คุณส่งพลส่งสาส์นไปที่สเปนทำไม ท่านรัฐมนตรี??”
“ข้าพเจ้าคาดไว้แล้วว่าฝ่าบาทจะต้องตรัสเยี่ยงนี้………ก่อนที่ท่านส่งกองเรือ Mediteranean ออกจาก Toulon ไป ข้าได้ส่งมาเร็วไปส่งสาส์น ไปบอกทางสเปนให้ยกเลิกแผนเดิม…. พวกสเปนจะไม่รออยู่ที่ Gadiz แต่จะมุ่งตะวันออกสู่ Trafalgar เพื่อสมทบกับกองเรือของเราได้เร็วขึ้น… ก่อนที่พวกอังกฤษจะไหวตัวทัน”
“คุณนี่มองการณ์ไกลจริงๆ ตันเลย์ลอง ผมคิดไม่ผิดเลยที่เลือกคุณมาเป็น รัฐมนตรีของผม”
“ต้องขอบพระทัยน้ำใจอันกว้างขวางของฝ่าบาทมากกว่า พ่ะย่ะค่ะ”
“อืม…. แต่ผมยังมีเรื่องหนักใจเรื่องหนึ่ง คุณคงทราบดีน่ะว่า ภรรยาของผม โจเซฟิน นางเป็นหมัน.. แต่ราชวงศ์โบนาร์บาร์ตต้องการผู้สืบทอด ต้องการรัชทายาทที่เข้มแข็ง”
“ที่ฝ่าบาทต้องการนั้นคือ จะทรงหาจักรพรรดินีองค์ใหม่จากจักรวรรดิอื่นในยุโรปใช่หรือไม่ พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่ จักรพรรดินี ตันเลย์ลอง แต่เป็น มเหสีองค์ที่ 2 ของผมต่างหาก ผมรัก โจเซฟิน ตราบชั่วฟ้าดินสลายและ”
“แต่ฝ่าบาท พระองค์ก็รู้ดีว่าทางศาสนจักรต้องไม่ยอมรับเรื่องนี้แน่ หากท่านต้องการให้โอรสของท่านมีสิทธิอย่างชอบธรรมในบัลลังก์ โอรสองค์นั้นต้องประสูติจากจักรพรรดินีหาใช่ สนมอื่นไม่!!”
“กฎมันย่อมมีช่องโหว่ ผมทำทุกอย่างบนโลกนี้ได้คุณก็รู้ ผมเป็นจักรพรรดิด้วยตนเองโดยชอบธรรมโดยไม่ต้องพึ่งอำนาจจากพระเจ้า และต่อให้ลูกของผมเกิดจากใครก็ตาม เขาก็ได้เป็นจักรพรรดิเพราะอำนาจของผมไม่ใช่อำนาจของพระเจ้า จะไปแคร์ทำไมกับพวกพระแก่ๆที่วันๆเอาแต่ขูดรีดขูดเนื้อชาวบ้านฮ่ะ ท่านรัฐมนตรี!”
“งั้นข้าพเจ้าก็ไม่ขัดข้องประสงค์ของพระองค์… ว่าแต่ที่ท่านเรียกข้ามาพบก็เพื่อที่ท่านจะได้ส่งข้าพเจ้าไปต่อรองกับจักรพรรดิองค์อื่น เพื่อหามเหสีใหม่ให้พระองค์ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่… คุณนี่เดาใจผมเก่งเหมือนเดิม…. ว่าแต่คุณพอลองแนะนำ ธิดา หรือ พระขนิษฐา ของบรรดาชาติต่างๆในยุโรปหน่อยสิ”
“ฝ่าบาทต้องการผู้หญิงประเภทไหนพ่ะย่ะค่ะ
”
“ก็……… (แหงนหน้ามองฟ้าพร้อมจับคาง)…… เอาให้ผมมีความสุขด้วยเวลาเสพสังวาสแค่นั้นพอ”
“น้องสาวของ ชาร์ลกษตริย์สเปน ก็อ้วนเหมือนพ่อ ของไอ้แก่จอร์จ ก็แก่พอเป็นแม่ท่านได้ …. ของสวีเดนก็ตัวอย่างใหญ่ ของปรัสเซีย มีขนขึ้นใต้รักแร้ ของออตโตมันก็เป็นอิสลาม มี 2 พระองค์ที่พอเข้าตาคือ พระนาง Anna Pavlovna พระขนิษฐาของ ซาร์ Alexander I กับพระนาง Marie Louise พระขนิษฐาของ พระเจ้า Francis II พ่ะย่ะค่ะ”
“แจ๋ว เป็นคู่สงครามของกูทั้งคู่เลย 55+ แบบนี้ต้องบีบให้พวกเขายอมแพ้เร็วๆซะแล้วม้าง เขาถึงจะยอมยกน้องสาวให้ผม”
“ทรงมีอารมณ์ขันดีน่ะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท 555+”
ระหว่างที่ทั้ง 2 กำลังขบขันกันอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งในเครื่องแบบชั้นยศนายพลเดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่ ชายผู้นั้นเดินมาพร้อมกับทหาร Old Guard ขนาบข้างซ้ายและขวา แต่ดูเหมือน Guard เหล่านั้นจะไม่ได้เดินตามนายพลผู้นั้นในฐานะผู้ติดตาม แต่เป็นในฐานะเฝ้าระวังมากกว่า เพราะเขาคือ นายพล ฌอง เมสซานา ผู้ซึ่งไม่ได้รับความไว้ใจอีกต่อไป ทหาร Guard 2 คนนั้นยืนประชิดกับ ฌอง เพื่อไม่ให้เขาสามารถลอบทำร้าย จักรพรรดิได้!! นโปเลียนลุกขึ้นมาจ้องหน้ากับสหายเก่าแววตาที่ไม่เป็นมิตรนัก ทาง ฌอง ก็เช่นกัน
“ฝ่าบาทเรียกข้าพเจ้ามาพบทำไม.. ในเมื่ออีกไม่นานฝ่าบาทก็จะทรงเนรเทศข้าพเจ้าไปอยู่ อเมริกา อยู่แล้วนี…… พ่ะย่ะค่ะ”
“ผมไม่ได้เนรเทศคุณสหาย ผมเห็นว่า อาณานิคม นิวออลีนร์ ของเราในอเมริกากำลังมีภัย ผมต้องการคนที่ความสามารถเช่นคุณไปคุ้มกันและดูแลความปลอดภัยที่นั้น”
“เรียกข้าเพื่อมาการแค่นี่เหรอฝ่าบาท
งั้นข้าพเจ้าจะได้ขอตัว…”
“ยังมีอีกเรื่อง…. เมื่อเดือนก่อนไปทำอะไรที่ Caen??”
คำถามนี่ทำเอา ฌอง ถึงกับสะอึกแน่นอนว่าเขาแอบคุยแผนการณ์ลับในการโค่นบัลลังก์นโปเลียนกับพ่อค้าชาวอังกฤษซึ่งมีนามแฝงว่า Mr. Walter… เขาพยายามเก็บอาการรนรานที่อยู่ในใจของเขา!! แม้เหงื่อจะเริ่มไหลออกมาจากศีรษะก็ตาม
“ข้าพเจ้า….. ก็ไป…. ดื่มสุรากับเพื่อนเก่า…… ก่อนที่…. ข้าจะไป… จากฝรั่งเศส พ่ะย่ะค่ะ”
“ออ ผมเพิ่งรู้น่ะเนี่ยว่าคุณเป็นเพื่อนกับพ่อค้าอังกฤษที่มันชื่อว่า อะไรน่ะ….. Mr. Walter ด้วย… ไปรู้จักกันตอนไหน.. ตอนปฎิวัติฝรั่งเศสหรือไง??”
“ Walter……… ใช่ เขาเป็นคนรู้จักของผม อีกอย่างเขาทำงานให้กับทางเราด้วย.. เขาเป็นคนติดต่อ กับ กัปตันตันลิยง ในเรื่องการจัดหาอาวุธให้กองทัพเรือ …”
“ใช่เขาทำงานให้กับเรา และ อังกฤษด้วย… คุณก็น่าจะรู้สันดานคนพรรค์นี้ดีน่ะ เหลี่ยมจัด เห็นแก่ได้ … และแว้งกัดเราได้ทุกเมื่อ แต่ผมสนใจมากกว่าว่าพวกคุณ 2 คนคุยอะไรกัน คงไม่ได้คุยรำลึกความหลังสมัยยังหนุ่มหรอกน่ะ”
ฌองนิ่งไปชั่วครู่ในใจเขาต่างครุ่นคิดหาคำตอบที่สมเหตุสมผลที่สุดเพื่อตอบ นโปเลียน…. นโปเลียจ้องเข้าไปนัยน์ตาของเขาปานจะกลืนกินชีวิต!! ตันเลย์ลองก็จ้องมาทางเข้าด้วยสีหน้าที่กดดัน!!
“พวกเราคุยเรื่อง แผนการณ์ล้มราชวงศ์ Hannover ของอังกฤษ!!”
นโปเลียนตกใจเล็กน้อยครับเมื่อได้ยินแผนการณ์ของที่จะล้มล้างราชวงศ์ Hannover…. แน่นอนว่าแผนนี้มันช่างตรงใจกับนโปเลียนที่ต้องการจะล้มล้างอังกฤษเสียจริงๆ!! เขาเปลี่ยนจากท่าทีสงสัยมาเป็นสนใจในทันี
“คุณพูดว่าแผนการณ์โค่นบัลลังก์ของไอ้แก่นั้นเหรอ งั้นลองเล่ารายละเอียดมาหน่อยสิท่านนายพล”
“ข้าพเจ้านั้นมีเพื่อนอยู่ในสภาของพวกอังกฤษ…. เพื่อนของข้ารู้จัก ขุนนางผู้หนึ่งเขามีนามว่า Count Henry Graham ตัว Graham และนักการเมืองบางกลุ่มในอังกฤษต้องการจะล้มราชวงศ์ Hannover เสีย…. ส่วนที่ Mr. Walter ได้มาติดต่อข้าพเจ้านั้น ก็เพื่อจะปรึกษากับข้าพเจ้าถึงเรื่องการช่วยเหลือทางการทหารจากฝรั่งเศส… หากพวกเขาจะก่อการกบฎจริง!!”
“แล้วคุณไหนคุณบอกในตอนแรกว่าดื่มเลี้ยงอำลากับเพื่อนไง??”
“ที่ข้าพเจ้าพูดโป้ปดกับพระองค์เพราะเนื่องจาก กลัวว่าพระองค์จะสงสัยในความภักดีของข้าพเจ้า… ที่ข้าพเจ้าไปเจรจากับพ่อค้าชาวอังกฤษ… และถึงแม้พระองค์จะทรงระแวงข้าพเจ้าอย่างไร ถึงแม้พระองค์จะทรงส่งข้าไปแดนไกล แต่ขอให้ฝ่าบาทจำไว้คนที่หวังดีที่สุดต่อพระองค์หาใช่คนที่พูดประจบสอพลอไม่!! แต่เป็นคนที่พูดความจริงออกมาจากใจ!!!”
ด้วยคำพูดดังกล่าวจาก ฌอง ทำให้นโปเลียนคลายความสงสัยที่มีต่อตัว ฌอง ในระดับหนึ่ง จักรพรรดิฝรั่งเศสยิ้มออกมาและเข้าไปโอบไหล่สหายรัก
“ต้องอภัยให้ผมด้วย ท่านนายพล…. ผมมองคุณผิดไป ผมว่างานที่อเมริกาคงไม่เหมาะกับคุณ เพราะฉะนั้นผมจะให้คุมกองทัพที่ 6 ใน Saxony แทน!!! หวังว่าคุณคงจะพิสูจน์ความภักดีของคุณให้ผมเห็นท่านนายพล!!”
“ขอรับ ฝ่าบาท!!!”
ฌอง ถอดหมวกออกพร้อมโค้งคำนับจักรพรรดิฝรั่งเศสเป็นการขอบคุณก็จะเดินออกไปจากสวนในพระราชวัง!! ฌอง เดินออกมาด้วยสีหน้าดีใจสุดๆเหมือนยกภูเขาออกจากอกครับ ในที่สุดเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ขับคันตรงหน้าไปได้.. เขายังคงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป อยู่ต่อไปเพื่อกำจัดนโปเลียน
ปราสาท Westminster , London , England 20 ตุลาคม ค.ศ. 1805
media1.britannica.com/eb-media/03/129303-004-05E4FA79.jpgปราสาทอันใหญ่โตนี้แม้ภายนอกจะแลดูโบราณเหมือนหลุดมาจากยุคกลางไม่มีผิด แต่มันคือสถานที่ที่สำคัญมากเพราะมันคือสถานที่ที่ใช้สำหรับการประชุมรัฐสภาของอังกฤษ อำนาจของกษัตริย์อังกฤษนั้นถูกจำกัดลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1200 เมื่อ พระเจ้าจอร์น ผู้ดุร้าย ยอมลงกฎบัตร Magna Carta* ขึ้น แน่นอนว่า หากคิดจะดำเนินการใดเกี่ยวกับปัญหาระดับชาตินั้นแล้วไซร้ก็ต้องผ่านการประชุมสภาก่อน… โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ เช่นสงคราม ภายในห้องประชุมรัฐสภา ซึ่งอัดแน่นไปด้วย เหล่า ขุนนาง นักการเมือง ข้าราชบริพารมากมายต่างถกเถียงกันจอแจๆ ถึงประเด็นต่างๆ ส่วนพระเจ้าจอร์จที่ 3 นั้นนั่งอยู่บนบังลังก์กลางห้องประชุม และประธานสภา Earl Newton Bradley II แห่ง Essex ยืนถัดลงมาจากพระองค์ในชั้นที่ต่ำกว่า เสียงการถกเถียงกันดังมาก จนท่านประธานสภา Earl Newton Bradley ต้องเอาค้อนไม้ทุบโต๊ะดังปึง!!!
(กฎบัตร Magna Carta กฎบัตรของอังกฤษที่ตราขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1215 โดยถือกันว่ามหากฎบัตรนี้คืออิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ที่มีต่อประวัติศาสตร์ศาสตร์อันยาวนานของ เนื่องมาจากข้อขัดแย้งระหว่างพระสันตปาปา พระเจ้าจอห์นและคณะขุนนางอังกฤษของพระองค์เกี่ยวกับสิทธิ์ของพระมหากษัตริย์ มหากฎบัตรบังคับให้พระมหากษัตริย์ทรงสละสิทธิ์บางอย่าง และยอมรับกระบวนการทางกฎหมายบางอย่าง และยังให้รับว่าพระราชประสงค์ของพระมหากษัตริย์ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย)
“เงียบก่อนๆ ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน หลายๆคนคงทราบดีว่าในวันนี้พวกเรามามาที่นี่เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องใด!!”
“สงครามไง เจ้างั่ง!!!”
นักการเมืองอ้วนผู้หนึ่งลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด ทำเอานักการเมืองอีกหลายคนเริ่มเอะอะโวยวายกันอีกครั้ง ปึง!! Newton ต้องทุบโต๊ะอีกรอบเพื่อให้สภาเงียบลงอีกครั้ง!!
“สุภาพหน่อยสิ ท่าน Lord Evan…. ใช่เรามาที่นี่เพื่อหาทางออกสำหรับปัญหาระหว่างเรากับฝรั่งเศส!!”
“ใช่ๆ!!! เราต้องการสงคราม”
“สงคราม!!!”
“สงคราม!!”
“สงคราม”
“พอๆไม่ให้เสียเวลาเรามาทำการโหวตกันเลยดีกว่าเริ่มจาก ตระกูล Bradley ก่อนเลย!! ท่านต้องการสงคราม หรือ การเจรจา!!”
Issac Bradley น้องชายของ Newton Bradley ลุกขึ้นมาพร้อมตอบออกมาอย่างมั่นใจ
“สงคราม!!!”
เขานั่งลงพร้อมกับได้รับเสียงปรบมืออย่างเกรียวกราวจากคนทั้งสภา!! แค่คนของตระกูล Bradley ก็เกือบ 40% ของสภาอยู่แล้วครับ แน่นอนว่ายังไงมตินี้คงเป็นเอกฉันท์ Issac อมยิ้มเล็กน้อย หลานชายของเขา Will ที่นั่งอยู่ด้านหลังยื่นมือจับ อา แสดงความยินดีด้วย แน่นอนว่านี้คือสิ่งที่พกวเขาต้องการ
“ต่อมา ท่านผู้แทนตระกูล Wellesley”
Duke Archer Wellesley I แห่ง Wellington บิดาของ Arthur Wellesley ลุกจากที่นั่งพรวดพร้อมพลางตอบอย่างทันควัน
“ผมรักลูกชายผม ลูกชายของผมเป็นทหารและผมอยากให้เขาไม่ตกงาน เพราะฉะนั้น ผมเลือก สงคราม!!”
คนในสภาต่างขำกันเล็กๆน้อยถึงมุขตลกของ Archer ทำให้บรรยกาศของสภาบรรเทาความตึงเครียดลงเล็กน้อย
“ท่านล่ะ ผู้แทนแห่ง Scotlands มีความเห็นเช่นไร!!”
“สงคราม!!”
“ผู้แทนแห่ง Wales”
“สงคราม”
“ผู้แทนจากอาณานิคมโพ้นทะเล”
“สงคราม!!”
ผู้คนในจากทั่วทุกมุมจักรวรรดิต่างต้องการให้เกิดสงคราม!!! ดูเหมือนจะไม่มีหยุดสงครามที่จะเกิดขึ้นระหว่าง ฝรั่งเศส และ อังกฤษ ได้ เกือบ 99% ของคนในสภาล้วนโหยหาสงครามเหลือเสียงอีก 1 เดียวที่ยังไม่ได้ออกนั้นคือ เสียงของพระเจ้าจอร์จที่ 3 Newton หันหน้าช้าๆมาทางกษัตริย์ของเขา ชายชราที่นั่งอยู่บนบังลังก์ สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน Newton เอ่ยออกมา
“ฝ่าบาท……… พระองค์มีความเห็นประกาศใดกับญัตตินี้พ่ะย่ะค่ะ”
พระเจ้าจอร์จที่ 3 ทรงประคองพระวรกายอันอ่อนแอของตนให้ลุกขึ้น เพื่อที่คนทั้งสภาจะได้เห็นพระองค์อย่างชัดเจน คนทั้งสภาต่างจับจ้องมายังกษัตริย์แห่งจักรวรรดิอังกฤษ เขารวบรวมพลังทั้งหมดยืนตัวตรงขึ้นมาก่อนที่จะกล่าวปราศรัยด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง
“ทุกๆท่านในที่นี่ย่อมรู้ดี ว่าสิ่งๆนี้คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สงครามคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรือหลวงของข้า ถูกทำลายโดย เรือรบฝรั่งเศส เรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง ศักดิ์ศรีของกษัตริย์โดนย่ำยี อำนาจทางทะเลของเราถูกท้าทาย จักรวรรดิอังกฤษของข้ากำลังสั่นคลอน …… แค่กๆๆ…….. คงมีแต่คนบ้าเท่านั้นที่ปฎิเสธสงคราม”
คนทั้งสภาต่างเห็นด้วยกับคำพูดของกษัตริย์ สงครามเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ!! พวกเขาต่างพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับกษัตริย์ครับ
“แต่หากพวกท่านลองคิดในมุมกลับกัน มุมที่ชายแก่อย่างข้าเห็น ตั้งแต่ข้าอายุได้ 10 ปี จักรวรรดิของเราก็ทำสงครามกับฝรั่งเศส จนกระทั่งข้าขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ ข้าก็ต้องทำสงครามกับฝรั่งเศสอีก!! จนถึงทุกวันนี้ข้าก็ยังต้องทำสงครามกับพวกเขาอีก … ประชาชนทั้ง 2 ชาติต่างล้มตายนับล้านเพียงเพราะความต้องการของพวกเรา!! ยุคสมัยในปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนไป …. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนับวันยิ่งมากขึ้น ฝรั่งเศสมีในสิ่งที่เราไม่มี เราก็มีในสิ่งที่ฝรั่งเศสที่มี ทำไมเราทั้ง 2 ชาติไม่ยอมหันหน้ามาคุยกันล่ะ…. หันหน้ามาเจรจากัน!!! เรา 2 ชาติที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก 2 ชาติที่พรั่งพร้อมไปด้วยความก้าวหน้าและวัฒนธรรม ร่วมมือกันพวกเราจะครองโลกโดยไม่ต้องใช้กำลัง แต่เราจะครองโลกใบนี้ด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสังคมแบบที่โลกนี้ไม่เคยมีมาก่อน…...”
พอคนในสภา ได้ยินคำพูดของพระเจ้าจอร์จ พวกเขาก็เริ่มโต้เถียงกันอย่างเมามัน บางคนเริ่มคล้อยตามพระเจ้าจอร์จ บางคนก็ยังคงมีความเห็นเดิม จนสภากับมากึกก้องด้วยเสียงของคนที่ถกเถียงกันอีกครั้ง!!.......
“การที่ฝ่าบาทไม่อยากทำสงครามกับฝรั่งเศส เพราะพระองค์ทรงหวั่นเกรง นโปเลียน หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ!!”
ทั้งสภาเงียบลงและต่างหันไปจับจ้องเจ้าของเสียงนั้น ชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวออกมาจากที่นั่งในสภา และเดินมากลางโถงของห้อง เขาคือ Court Henry Graham III แห่ง Lemmington !! การแสดงท่าทีของ Henry ในครั้งนี้ทำให้คนในสภานั้นประหลาดใจเป็นอย่างมากเพราะปกติ Henry นั้นจะเป็นคนค่อนข้างพูดน้อยและเก็บตัว แต่วันนี้เขาออกมาปะทะคารมกับคนอื่น และคนอื่นที่ว่านี่ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นกษัตริย์ของเขานั้นเอง!
“ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย ท่านคงจะเห็นแล้วว่า ในตอนนี้ภัยจากฝรั่งเศสกำลังคุกคามเราโดยตรง!! แต่คนที่ควรปกป้องเรา คนที่ควรนำเราสู้รบกับอยู่นิ่งเฉยเสีย….. กับกลัวในการทำสงคราม… แล้วแบบนี้จักรวรรดิของเราจะได้รับชัยชนะได้เยี่ยงไร!!!”
“สามหาวววว!!!”
“ไอ้คนอวดดี!!”
“ฉันว่าเขาพูดถูกน่ะ พระเจ้าจอร์จอ่ะ หมดน้ำยาแล้ว!!”
“ใช่ๆ สละราชบัลลังก์ซะเหอะ!!”
คำพูดของ Henry เปรียบเสมือนการราดน้ำมันเข้าไปในกองไฟ… ทำให้ไฟนั้นลุกโชนร้อนแรงยากที่จะดับลง ทั้งสภาต่างโต้เถียงกันอย่างรุนแรงและแบ่งเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจนนั้นคือ ฝ่ายนิยมกษัตริย์ และ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย จนจะเกิดการจลาจลขนาดย่อมในสภา!! หลายคนเริ่มขว้างปาข้าวของ หลายคนเริ่มชกต่อยกัน ประธานสภาทุบโต๊ะจนค้อนแทบพังแต่ก็ไม่เป็นผลครับ!! ไม่มีอะไรหยุดเหล่านักการเมืองที่บ้าคลั่งนี่ได้ Henry อาศัยจังหวะชุลมุนนี่เดินเข้าไปหาพระเจ้าจอร์จที่ 3 จนแทบจะจ้องหน้ากันติด พระเจ้าจอร์จมองลงมาทาง Henry ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ศักดิ์ศรีจักรวรรดิของเราถูกย่ำยีแท้ๆแต่ท่านก็ยังคงจะอยู่เฉยมิหนำซ้ำยังจะเจรจากับมันอีก แบบนี้มันจะเห็นว่าเราอ่อนแอน่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“อ่อนแอ….. ถ้าเจ้าเรียกการเจรจาว่าเป็นความอ่อนแอ งั้นบรรพบุรุษที่สร้างชาติมานับต่อนับคงเป็นคนอ่อนแอไปเสียหมด”
“งั้นข้าพเจ้าจะแสดงให้เห็นว่า…จักรวรรดิของเราควรจะมีกษัตริย์เยี่ยงไร…..ท่านพ่อ!!”
พ่อ!!!!! พระเจ้าจอร์จงงเป็นไก่ตาแตกใหญ่เลยครับ สิ่งที่ Henry พูดนั้นคืออะไร ชายคนนี้คือลูกเขางั้นหรือ…แล้วถ้าไม่ใช่ทำไมต้องเรียกเขาว่าพ่อ. Henry หันหลังให้พระเจ้าจอร์จ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในฝูงนักการเมืองที่กำลังบ้าคลั่ง
“แอ๊ดดดดดดดดดดด”
เสียงประตูขอห้องประชุมเปิดขึ้น!!!! ทำเอาเหล่านักการเมืองที่กำลังบ้าหันมายังประตูเป็นสายตาเดียวกัน… พลส่งสาส์นของอังกฤษมีเอามือยันประตูไว้ เขาหอบแฮกๆอย่างเหน็ดเหนื่อยเนื่องจากรีบมาประกาศข่าวให้คนทั้งที่ประชุมได้ทราบ
“กองเรือ Gibraltar ของพลเรือโท Horation Nelson เคลื่อนออกจากท่าและมุ่งหน้าไปอ่าว Toulon แล้ววววววว”
การกระทำของเขานั้นผิดกฎหมายก็จริง Nelson ยังไม่ได้รับคำสั่งให้เคลื่อนพลไปไหนแต่เขาชิงลงมือก่อน!!! คนทั้งสภาตอนนี้ไม่สนแล้วครับว่า Nelson ทำถูกหรือไม่แต่พวกเขาพูดออกมาเสียงเดียวกัน!!!
“สงครามมม!!!!!!!”
พระเจ้าจอร์จที่ 3 นั่งลงบนบังลังก์และเอามือกุมหน้าผากด้วยความเครียดท่ามกลางคนในสภาที่โห่ร้องยินดีเมื่อได้รับข่าว!!! สงครามเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆในตอนนี้
แหลม Trafalgar , Spain เวลา 1700 น. 21 ตุลาคม ค.ศ.1805
ภายใต้คลื่นลมอันสงบของเมดิเตอร์เรเนียน ลมพัดไปทางตะวันตกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ด้วยความเร็วประมาณ 3 Knot เป็น ความเร็วที่พอเหมาะพอเจาะสำหรับการเดินเรือออกสู่มหาสมุทรแต่การไล่ลายังคงดำเนินต่อไป ในเวลานี้ กองเรือ Gibraltar ของ Nelson ได้เดินทางมาถึงบริเวณ แหลม Trafalgar!! ซึ่งอยู่ไม่ห่างจาก Gadiz ที่รวมพลของเรือ สเปน เลย!!! ความหวังยังคงมีเหล่าลูกเรือราชนาวีกางใบรับลมเต็มที่หวังไปดักหน้ากองเรือ Mediterranean ขอ พลเรือโท ปิแยร์ วิลเนฟ เพื่อไม่ให้พวกเขารวมตัวกันติด!!!
“ท่านนายนายพลครับ ดูนั้นกองเรือของพวกมัน!!!”
พลสังเกตุการณ์บนยอดเสากระโดงเรือสังเกตุรีบตะโกนโหวกเหวกด้วยความตกใจ ทำเอา Nelson รีบมาดูให้เห็นกับตา ทั้ง Nelson วิ่งมาที่กราบขวาของเรือพร้อมยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่อง
upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/d/d7/British_convoy_of_sixty-three_ships_and_all_but_eight_ships_captured_by_Spanish_and_French_under_Cordova.jpg“พวก สเปน!!!”
Nelson ถึงกับอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่า กองเรือ สเปนที่ Gadiz นั้นได้เคลื่อนมาสมทบกับกองเรือฝรั่งเศสเป็นที่เรียบร้อย ต้องขอบคุณการทำงานอันว่องไวของพลส่งสารฝรั่งเศสทำให้กองเรือ สเปนนั้นที่เทียบท่าอยู่นั้นแล่นมาสมทบแทนที่จะอยู่เฉยๆตามแผนที่วางเอาไว้!! ในตอนนี้กองเรือ Gibraltar ของ Nelson ไม่ได้เผชิญหน้ากับเรือรบฝรั่งเศส 15 ลำ แต่กำลังจะเผชิญกับกองเรือผสม สเปน – ฝรั่งเศส ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 33 ลำ!!!! เล่นเอานายพลผู้ชำนาญการศึกถึงกับปวดกบาลเลยทีเดียว!!
“มันเป็นแบบนี้ได้ไงว่ะ บ้าจริงๆพับผ่าสิ……. กระแสลมพัดไปทางตะวันตกสู่แอตแลนติกซึ่งเป็นใจให้พวกมันอีกตะหาก”
Nelson ถึงกับบ่นออกมาด้วยหงุดหงิด สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ทางกัปตัน Lawrence เดินเข้ามาเทียบข้างเขา
“เอาไงดีลูกพี่…….”
“เอาไงเหรอ
สิ่งที่ฉันรู้แน่ๆตอนนี้คือถ้าปล่อยพวกมันไปอังกฤษถึงกาลอวสานแน่…. ชาตะกรรมของชาติอยู่ในมือของฉัน!!”
“โห ดูนั่นสิเรือพวกมันใหญ่ชะมัด!!ปืนใหญ่ 100 กว่ากระบอกเลยมั้งเนี่ย”
“มากันเยอะเลย เราจะสู้พวกมันไหวไหมเนี่ย!!”
“ถอยก่อนดีไหม??”
แม้แต่เราลูกเรือของเรือหลวง Victory ที่เจนศึกมานานก็ยังดูมีท่าทีกังวลและสับสนครับ พวกเขาต่างยืนมุงที่กราบเพื่อดูกองเรือรบที่แล่นผ่านหน้าพวกเขาไป พวกเขาจะปล่อยพวกมันไปอย่างงั้นเหรอ
นายพลเรือผู้ฉกาจฉกรรจ์ไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้เด็ดขาด…… เขาเดินขึ้นยืนตรงท้ายเรือและจ้องลงมายังเบื้องล่างที่เหล่าลูกเรือหลวง Victory ยืนอยู่!!
“พวกคุณชาวอังกฤษ……. ทำไมพวกคุณถึงทำผมผิดหวังนัก ผมเห็นความกลัวในแววตาของ ขอถามหน่อยพวกท่านยังมีความเป็นลูกทะเลอยู่หรือไม่ โปรดตอบผมมา!!!”
“พวกเราคือ ลูกทะเลลลล!!!!”
“ใช่ๆ ทะเลคือของเรา!!!!”
“ใช่ ทุกท่าน ทะเลคือของพวกเราชาวอังกฤษ!!! ทะเลคือบ้านของเรา และเมื่อพวกมันไอ้พวกลูกหมาหัดว่ายน้ำนั้นกล้าเหยียบย่างเขามาในบ้านของเรา!!! เราก็จะไล่ตะเพิดมันกลับไปหาแม่ของพวกมัน!!”
“ใช่ๆๆ”
“ไล่มันออกไปเล๊ย!!!”
“อังกฤษก็เช่นกัน อังกฤษคือบ้านของเรา!! ถ้าพวกเรามัวนิ่งเฉยปล่อยพวกมันผ่านไป!! บ้านของเรา ประเทศของเรา กษัตริย์ของเรา จักรวรรดิของเราจะถูกพวกมันทำลาย!! พวกคุณอยากเห็นแบบนั้น!!! ศพของทหารเชิ้ตแดงนอนตายกลางทุ่ง ธงอินทรีทองคำของราชวงศ์โบนาร์บาร์ตไปปักอยู่บนยอด พระราชวังบักกิงแฮม พวกคุณอยากเห็นไหม!!!”
“ไม่!!!! ไม่มีวัน!!!”
“อังกฤษ คือบ้านของเรา!!!!”
“เราจะปกป้องบ้านของเรา!!”
“วันๆนี้คือวันชี้ชะตา วันๆนี้คือวันพิพากษา หากเราแพ้!!! เราจะไม่มีบ้านให้กลับ!! เราจะสิ้นชาติ!! แต่เราหากเราชนะ!!! อังกฤษจะผงาดไปตราบชั่วกาลนาน!! แค่วันนี้วันเดียว ชะตาของอังกฤษจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับพวกคุณทุกคน เหล่าทหารเรือแห่งจักรวรรดิ!! เหล่าทหารแห่งองค์กษัตริย์ พวกคุณพร้อมจะสู้!! สู้เพื่อวันๆนี้ไหม!!!”
“พวกเราพร้อมสู้ตาย Nelson!!!”
“พวกเราพร้อมตายเพื่ออังกฤษ!!!”
“จมมันให้ลงไปนอนก้มทะเลเล๊ย!!”
“เรือของพวกเรานั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร พวกคุณทุกคนนั้นล้วนคือทหารชั้นเยี่ยมที่สุดในโลก!!! จงใช้ปืนใหญ่ของเราระดมยิงมันให้จง จงใช้ดาบของเราฟาดฟันมันให้ด้าวดิ้น จงใช้เรือของพวกเราชนมันให้คว่ำ!!! และตะโกนกรอกหูไอ้พวกหมาขี้เรือนนี้ไปเล๊ย ว่า อังกฤษไม่เคยเป็นทาสใคร!!!!!”
“อังกฤษไม่เคยเป็นทาสใคร!!! อังกฤษไม่เคยเป็นทาสใคร!!! อังกฤษไม่เคยเป็นทาสใคร!!”
เหล่าลูกเรือหลวง Victory ในตอนนี้มีกำลังใจฮึกเหิมยิ่งนักพร้อมจะเข้าประหัตประหารกับกองเรือรบผสม สเปน – ฝรั่งเศส ที่อยู่ตรงหน้า ในตอนนี้พวกเขาหามีความหวาดกลัวไม่!!! มีแต่จิตใจที่พร้อมจะสู้และตายไปกับเรือ
“When Britian fir………..st at heaven command….”
อยู่ดีๆ กะลาสีเฒ่าคนหนึ่งในเรือที่นั่งอยู่ตรงถังไม้ก็ร้องเพลงๆนี้ออกมา
“Arose…….from out azure main!!”
“Arose Arose Arose… from out azure main”
เหล่าลูกเรือต่างทะยอยร้องเพลงนี้กันทีละคน 2 คน จนทั้งลำร่วมกันร้องเพลงนี้ด้วยกัน
“The Guardian Angel sang the strain ….. Rule Britannia , Britannia Rule The Waves , Briton never never shall be slave ……….. Rule Britannia , Britannia Rule The Waves , Briton never never shall be slave ……… Rule Britannia , Britannia Rule The Waves , Briton never never shall be slave
“Rule Britannia!!! Rule Britannia!! อังกฤษไม่เคยเป็นทาสใคร!!! อังกฤษไม่เคยเป็นทาส!!!”
เสียงตะโกนอย่างดุดันและฮึกเหิมของลูกประดู่ชาวอังกฤษ นั้นทำให้ Nelson นั้นมีความสุขอย่างยิ่งนัก พวกทหารเรือจะสู้จนตัวตายเพื่อชาติของเขาและแสดงให้เห็นว่าอังกฤษไม่เคยเป็นทาสใคร ……. Lawrence ปรบมือให้ Nelson แถมยิ้มแบบกรวนตีนๆอีกให้
“เก่งมากครับท่านนายพล ตอนนี้พวกเขาบ้าคลั่งพร้อมออกไปฆ่าพวกเด็กหัดว่ายน้ำพวกนั้นแล้ว….ว่าแต่มีแผนอะไรเทพๆที่พอจะทำให้พวกเราได้เปรียบมั้งครับ!!!”
“บ่องตงว่ะ ไอ้ทึ่มฉันก็ไม่มั่นใจว่าจะชนะได้หรือเปล่า…… แต่แผนน่ะมีแน่และบ้ามากๆด้วย เป็นอะไรที่บ้าที่สุดทเท่าที่ฉันทำไมเลยมั้ง เราจะแล่นเข้าไปหามันตรงๆ!!!”
Lawrence พอได้ยินถึงกับอ้าปากค้าง ทำหน้าเหวอในทันทีครับ Lawrence ที่ว่าบ้าขนาดไหนก็ยังไม่บ้าพอที่เขาไปบวกเรือฝ่ายตรงข้ามตรงๆแบบนี้
“ท่านนายพล!!! ท่านบ้าไปแล้วเหรอ!! วิ่งเข้าไปหามันตรงๆก็เจอมันระดมยิงใส่เอาๆดิ!!! ท้องฟ้งโปร่ง ลมเป็นใจให้กับพวกมันอีก นี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ!!!”
“ใช่นี่มันฆ่าตัวตาย…….. พวกมันมีมากกว่า ถ้าเราแล่นไปเทียบข้างแล้วหันกราบปืนยิ่งใส่กันตามแบบปกติ เราจะเสียเปรียบเพราะมีจำนวนน้อยกว่าและอำนาจการยิงที่น้อยกว่า….. แต่ถ้าเราแล่นเข้าหามันตรงๆในรูปขบวนตอนเรียง 2 จะมีแค่เรือ 2 ลำหน้าเท่านั้นที่จะโดนยิง เรืออื่นจะปลอดภัยและมีสมรรถภาพในการรบเต็มพิกัด พอเราเข้าไปใกล้พอ ฉันจะสั่งให้แปรรูปขบวนตัว U ล้อมมันเอาไว้…… คราวนี้แหละเรือจำนวนมากของพวกมันจะกระจุกกันอยู่ในที่แคบและเบียดบังรัศมีการยิงปืนใหญ่กันเองพวกมันจะใช้อำนาจการยิงไม่ได้เต็มที่ ผิดกับเรือของฝั่งเราที่ระดมยิงมันได้ทุกทิศทาง!!!”
แผนที่บ้าบิ่นมากและเสี่ยงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ Nelson ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิธีนี้เท่านั้น เมื่อได้ยินแผนการณ์ดังกล่าว Lawrence พยักหน้าอย่างมั่นใจและออกคำสั่ง
“ต้นเรือ!!!! ออกคำสั่งชักธงสัญญาณขึ้นเสา เรือทุกลำในหมู่เรือ 1 ตามเรือธงมาในรูปขบวนตอนเรียง 1!!!
“รับทราบ!!!!!! ชักธงสัญญาณขึ้นเสา!!!!!!!”
“พลสัญญาณ!!!! ตีธงส่งข้อความไปหาเรือหลวง Glorious ให้ปฎิบัติตามเรือธง!!!”
“รับทราบ!!”
ธงสัญญาณถูกชักขึ้นอย่างเร่งรีบขึ้นสู่ยอดเสา!!! ธงสัญญาณบ่งบอกให้เรือทุกลำในหมู่เรือ 1 แล่นตามเรือธงมาในรูปขบวนตอนเรียง 1!!! ส่วนหมู่เรือ 2 ที่มีเรือหลวง Glorious เป็นเรือธงก็ดำเนินตามแผน กองเรือ Gibraltar ของอังกฤษกำลังแล่นแถวตอนเรียง 2 เข้าหากองเรือผสม สเปน – ฝรั่งเศส ที่แล่นขวางอยู่ตรงหน้า!!!! แผนของ Nelson นั้นคือการใช้เรือธง 2 ลำของตนบังกระสุนให้กับเรือลำอื่นๆที่เหลือ เพื่อที่เหลือลำอื่นจะได้ทำการรบอย่างเต็มที่เนื่องจากเรือไม่เสียหาย!! กองเรือผสมนั้นไม่ได้จัดรูปขบวนเรืออย่างตายตัวเนื่องจากเร่งรีบเดินทาง ทำให้เรือของพวกเขาอยู่กระจัดกระจายและไร้ระเบียบ!! ทางพลเรือโท ปิแยร์ วิลเนฟ ผู้บัญชาการกองเรือ Mediterranean ของฝรั่งเศส ยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดู และสิ่งที่เขาพบเห็นนั้นทำให้เขาประหลาดยิ่งนัก!!
“พวกมันบ้าไปแล้วแน่ๆทำไมถึงปรี่เข้ามาหาเราตรงๆแบบนี้ สั่งเรือทุกลำเตรียมปืนใหญ่กราบซ้ายให้พร้อม!!! พอมันเข้าใกล้ระยะก็ยิงได้ตามใจชอบเลย!!”
“รับทราบครับ!!!”
พลสัญญาณของเรือหลวง Bucentaure เรือธงของฝรั่งเศส ชักธงสีแดงสดขึ้นเสากระโดงเรือนั้นคือ สัญญาณแห่งการโจมตี!! เหล่าลูกประดู่ฝรั่งเศสต่างกุลีกุจอเตรียมการยิงปืนใหญ่ทางกราบซ้าย!! ห่างออกไปทางใต้ประมาณ 2 ไมล์ทะเล กองเรือราชนาวีอังกฤษกำลังมุ่งตรงมาหากองเรือพวกเขาในลักษณะตอนเรียง 2!! ลูกเรืออังกฤษทุกคนในตอนนี้หามีความกลัวในจิตใจไม่ เหล่าลูกประดู่แห่งอังกฤษต่างมีเป้าหมายเดียวในหัวใจนั้นคือการหยุดยั้งกองเรือรบของฝรั่งเศสให้ได้!!! ธง Royal Navy ของเรือหลวง Victory โบกสะบัดไปทางตะวันตก…. แน่นอนเรือหลวง Victory จะเป็นเรือลำแรกที่จะรับารโจมตีจาก เรือฝรั่งเศส – สเปน Lawrence นั้นกวัดแกว่งดาบเล่นไปมาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วน Nelson นั้นใช้กล้องส่องทางไกลดูความเคลื่อนไหวของฝั่งตรงข้ามอย่างใจจดใจจ่อ
“อืม………. พวกมันชะลอความเร็วลง….. เรือธงของพวกมันชักธงสีแดงแปร๊ดเลยแฮะ…. คงคิดจะสู้ล่ะสิท่า”
“ท่านนายพลครับ คิดว่าก่อนตายท่านอยากไปไหน…….”
“ก่อนตาย
? นี่แกยังมีอารมณ์ตลกอีกน่ะ 55 +…….. ฉันว่า ฉันอยากไป บาฮามาส…. ฉันเคยไปที่นั้นยัง อายุ 13 ฉันจำได้ว่าที่นั้นสวยมาก หาดทรายขาวราวกับแก้วยาวหลายสิบไมล์ ลมทะเลเย็นๆพัดเข้าปะทะหน้า… น้ำที่นั้นใสจนเห็น ปลาการ์ตูนแหวกว่ายอยู่ ….. ถ้ามีโอกาสฉันอยากจะเห็นมันอีกสักครั้ง… ว่าแต่นายล่ะ Lawrence นายอยากไปไหน”
“ผมเหรอ… ก่อนตาย ผมอยากไปอยู่บนเรือรบของฝรั่งเศส ที่มันชื่อว่า ชาร์ลมาร์ล ผมอยากจะเดินเข้าไปในห้อง กัปตัน หลังจากนั้นก็ใช้ดาบเล่มนี่ (ชูดาบขึ้นมา) สับมันให้เละ!!! นั้นแหละที่ที่ผมอยากไปก่อนตาย….”
“5555+ ไม่แน่น่ะ แกอาจจะสมหวัง……………..เฮ้ย ระวังงงงงงงงงง!!!!!”
Nelson ตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมหมอบลงด้วยความตกใจ เมื่อเขาเห็นแสงและควันจากราบซ้ายของเรือรบฝรั่งเศส!! ปืนใหญ่จากเรือรบฝรั่งเศส 10 กว่าลำ ระดมยิงใส่เรือหลวง Victory อย่างหนักหน่วง
เฟี้ยววววววววววว ตูมมมมมมม เฟียววววววววว เฟี้ยววววววว เฟี้ยวววววววววๆๆๆ
แต่โชคดีครับที่ปืนใหญ่ส่วนใหญ่นั้นพลาดเป้าเพราะอยู่ในระยะไกลเกิน… มาบางลูกทีกระทบเข้ากับส่วนหน้าของเรือเท่านั้น!! บางลูกเฉี่ยวเอาเสากระโดงเรือไปอย่างหวุดหวิด!! พอการยิงชุดแรกจบลง Nelson ลุกขึ้นมาพลางชักดาบขึ้นอย่างองอาจ!!!!!
“เอาล่ะเหล่าทหารของกษัตริย์……. รุดหน้าเข้าไปอย่าได้ถอย ปืนใหญ่ของพวกมันหาได้ทำอันตรายอะไรกับพวกเราไม่!!!!!!!”
ลูกเรือก็กลับเข้าประจำสถานีอย่างรวดเร็วครับ ต่างคนต่างหะเบส หะเรีย* ให้เร็วขึ้นเพื่อให้ใบกางมากขึ้นหวังจะเพิ่มความเร็วเรือให้สูงที่สุด!!!!!
“ท่านนายพล จากที่ผมคำนวณปืนใหญ่ของพวกมันใช้เวลาบรรจุอีกระลอกประมาณ 40 วินาที… ระยะทางอีก 2 ไมล์ด้วยคลื่นลมแบบนี้เราใช้เวลาอย่างต่ำ 15 นาทีในการฝ่าไปถึงระยะที่เราแปรขบวนได้ นั้นเท่ากับว่าเราต้องโดนปืนใหญ่มันถล่มเกือบ 20 กว่ารอบ!! ก่อนที่เราจะได้มีโอกาสตอบโต้ คิดว่าเรือของเราจะรับไหวเหรอครับ!!!”
“เชื่อใจฉัน Lawrence เหมือนที่ฉันเชื่อในความแข็งแกร่งของเหล่าลูกเรือ และเรือหลวง Victory!!! เรือที่ไม่มีวันพ่ายของอังกฤษ!!!”
Nelson พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในตอนนี้ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนอกจากรุดหน้าไปอย่างเดียว!!! Lawrence ได้ฟังถึงกับปราบปลื้มครับ บ้าดีเดือดสมเป็นลูกพี่ผมมากครับ กระสุนปืนใหญ่ชุด 2 ถูกยิงออกมา!!! เฟี้ยวววววววว ตูมเฟี้ยวววววววววว ตูมมมม!!! เมื่อระยะใกล้ขึ้นอานุภาพของปืนใหญ่ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น!! มันกระทบเขากับส่วนหน้าของเรือหลายจุด แต่กระสุนส่วนใหญ่ยังคงพลาดเป้า!!! Nelson ก้มหัวหลบเล็กน้อยครับ แต่ยังคงยืนขึ้นมาเพื่อแสดงความกล้าหาญของเขาให้ลูกเรือประจักษ์ Lawrence ก็คึกเต็มที่เขาผลักคนคุมพังงาออกแล้วเข้าคุมพังงาซะเอง!!! Lawrence ยิ้มและตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ไอ้พวกฝรั่งเศสเอ๊ย กูจะเข้าไปกระทรวกไส้พวกมึงแล้วระวังให้ดี!!!.................. เฮ้ย ไอ้พวกลูกหมา”
เฟี้ยวววววววววววววว ตูม ตูมมมมม!! ตูมมมมม!! ตูมมมมม!!! ปืนใหญ่จากเรือรบฝรั่งเศสยังยิงออกมาไม่หยุด ในตอนนี้ระยะห่างอยู่ที่ 3,500 หลา!! ความเสียหายจากกระสุนปืนใหญ่เริ่มมากขึ้น!! หัวเรือของเรือหลวง Victory เริ่มยับเยินจากลูกกระสุนปืนใหญ่ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ!! …….. เฟี้ยวววว เฟี้ยวววววว ตูม ตูม!!! ตูม!! การระดมยิงอย่างหนักหน่วงยังดำเนินต่อไป ถึงกระนั้นกองเรืออังกฤษก็ยังคงรุดหน้าเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน
“บรรจุ……… พร้อม………….ยิงงง!!!”
ตูมมมมมมมมมมมมม!!! ปืนใหญ่จากเรือหลวง ชาร์ลมาร์ล 1 ในเรือรบของกองเรือผสมฝรั่งเศส – สเปน พ่นกระสุนลูกเหล็กออกไปหมายจะจมเรือของข้าศึกที่รุดหน้าเข้ามา… ทางด้าน กัปตัน ตันลิยง นั้นยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดูเรือรบของฝั่งตรงข้าม
“วิ่งเข้ามาในดงกระสุนโดยไม่ตอบโต้เลยเนี่ยน่ะ พวกมันคิดบ้าอะไรกันอยู่…… เดี๋ยวๆนั้น เรือหลวง Victory เรือธงของกองเรือ Gibraltar เลยนิหว่า!! ทำไมถึงมาอยู่ด้านหน้าสุดเลยว่ะ…….. เฮ้ย เดี๋ยวก่อน…………แย่แล้วมันจะแปรขบวน!! รีบพังเสากระโดงเรือของมันก่อนมันจะส่งสัญญาณแปรขบวนให้ด่วนที่สุด!! ส่งสัญญาณให้เรืออื่นด้วยเร็วๆๆๆๆๆๆ”
ถึงกับตื่นตูมเลยทีเดียวครับ เมื่อกัปตัน ตันลิยง เริ่มมองเกมส์ของฝ่ายอังกฤษออก!! ทางเรือหลวง ชาร์ลมาร์ล รีบชักธงสีแดงสลับขาวขึ้นหมายธึงสัญญาณฉุกเฉิน!! เล่นเอาเรือที่อยู่ในละแวกเดียวกันหยุดการระดมยิงปืนใหญ่และหันไปมองที่ธงสัญญาณของเรือ ชาร์ลมาร์ล ด้วยอาการงงงัน รวมถึงทางเรือธงของฝรั่งเศส Bucentaure อีกด้วย!!
“มีสัญญาณเตือนภัยแจ้งมากจากเรือหลวง ชาร์ลมาร์ล ครับ!! ท่านนายพล!!”
กัปตัน มิแคล กัปตันเรือหลวง Bucentaure รีบวิ่งตรงมาบอก นายพล ปิแยร์ เป็นการด่วน… ท่านนายพล ปิแยร์ ก็ยกกล้องส่องทางไกลของเขาขึ้นมาดูครับ!! …
“อะไรของมันว่ะ ก็เห็นๆอยู่ฝ่ายเรากำลังได้เปรียบชักธงขึ้นมาทำไม!!...... ไม่ต้องสนสั่งยิงต่อไป”
ทางนายพล ปิแยร์ นั้นไม่สนครับ และดำเนินการสั่งให้เรือรบลำอื่นรุมยิงเรือหลวง Victory และเรือ Glorious ต่อด้วยลูกกระสุนปืนใหญ่แบบธรรมดา แทนที่จะเป็นลูก Chain Shot เพื่อทำลายเสากระโดงเรือ แต่เหตุการณ์นี้เล่นทำเอาการระดมยิงขาดช่วงไป 4 – 5 นาที!!! ทำให้เรือธงของอังกฤษยังมุ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆ!! ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างแค่ 1,500 หลา!! ใกล้ถึงระยะแปรขบวนเต็มที
เฟี้ยวววววววววววววววว ตูมมมมมม!! เฟี้ยวววว ตูมๆๆๆๆ ตูมๆๆๆๆ ตูมๆๆๆๆ อ๊ากกกกกกก ครึกๆๆๆๆ
ปืนใหญ่ฝรั่งเศสเริ่มแผลงฤทธิ์เมื่อเข้าใกล้ระยะ 1,500 หลา เสากระโดงหน้าของเรือหลวง Victory ทำท่าจะหักลงมา ลูกเรือหลายคนกระเด็นตกจากเสากระโดงด้วยแรงกระแทกของปืนใหญ่ แต่ถึงยังไงเรือหลวง Victory ยังไม่ได้รับความเสียหายมากพอที่จะหยุดมันไว้!! เพราะส่วนที่โดนกระสุนปืนใหญ่มีแค่บริเวณหน้าเรือเท่านั้น ส่วนกราบซ้ายและขวารวมถึงท้ายเรือยังไม่ได้รับความเสียหาย!!
Nelson ยังคงยืนตระหง่านอยู่เพื่อรอดูจังหวะเหมาะที่จะสั่งแปรขบวน!!! เฟี้ยวววววววว ฟุบบ……. กระสุนปืนใหญ่ลูก 1 เฉี่ยวหัวของ Nelson ไปชนร่างของลูกเรือเคราะห์ร้ายคนหนึ่งจนแหลกกลายเป็นชิ้นเนื้อ!! แต่เขายังยืนนิ่งแสดงทีท่าหวาดกลัวอย่างไร Lawrence นั้นบังคับเรืออย่างเมามันเหมือนกำลังเล่นของเล่นชิ้นโปรด…. แต่ภาพที่เขาเห็นทำให้เขาชะงัก
“ชิหายแหละมึงเอ๊ย เรือหลวง Glorious !!!!!”
เรือหลวง Glorious เรือธงหมู่เรือ 2 ทำท่าโงนเงนพลิกไปพลิกมาเหมือนจะล้ม เนื่องจากถูกกระสุนปืนใหญ่เจาะเข้าที่ท้องเรือหลายนัด!!..... และที่สำคัญกว่านั้น เสากระโดดเรือของมันก็ทำท่าเหมือจะหักโค่นลงมา…..
“ยิงงงงงงงงงงงงงงงง”
ตูมมม!! ลูก Chain Shot จากเรือหลวง ชาร์ลมาร์ล บินเข้าตัดเสากระโดงเรือหลักของเรือหลวง Glorious จนเสากระโดงเรือล้มลงมา……. เรือหลวง Glorious กลายเป็นเป้านิ่งในบัดดล! เมื่อนั้นเรือรบน้อยใหญ่ของฝรั่งเศสเห็นเหยื่อชิ้นโตตรงหน้าพวกเขาเลิกสนใจเรือหลวง Victory และเปลี่ยนเป้าหมายมาระดมยิงใส่เรือหลวง Glorious อย่างบ้าคลั่ง!!! Lawrence ใช้กล้องส่องทางไกลมองดูอยู่ห่างๆ…. ภาพที่เขาเห็นคือกัปตันของเรือ ยืนอยู่บนแท่นพังงาพร้อมโบกหมวกขึ้นเพื่อทำความเคารพ นายพล Nelson ครั้งสุดท้าย……. ก่อนเรือของเขาจะโดนระดมยิงจากปืนใหญ่นับ 1,000 กระบอก!!............... เฟียววววววววว ตูมมมมมม ตูมมมมมมม เศษไม้กระจุยกระจาย ภาพขอเรือรบอันงามสง่าถูกแทนที่ด้วยไฟจากระเบิด.. และแรงอัดจากปืนใหญ่ลูกเรือกระโดดลงน้ำหนีตาย….. บ้างลอยขึ้นฟ้า…. และ
s.candybanana.com/images/ae57/empire_total_war_7.jpgตูมมมมมมมมมมมมมมมม!!!
เรือแห่งราชนาวีอังกฤษระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เศษซากกระเด็นไปทั่ว…. แต่แทนที่จะกลัวเหล่า ลูกประดูชาวอังกฤษกับแค้นหนักกว่าเดิม!! พวกเขาเล่นเรือตรงเข้าหาการระดมยิงของฝรั่งเศษอย่างไม่ลดละ … ในตอนนี้เรือฝรั่งเศส – สเปน กำลังสนใจมายังเรือลำต่อไปนั้นคือเรือหลวง Victory…. ในตอนนี้ อยู่ในระยะ 800 หลา!! เป็นระยะที่ใกล้มาก และถ้าถูกระดมยิงจากระยะนี้เข้ามีหวังได้จมลงไปนอนอยู่ก้นทะเลเป็นเพื่อนกับเรือหลวง Glourious แน่นอน!! Lawrence ในตอนนี้กำลังบ้าเข้าขั้นสุดขีดครับในใจของเขาตอนนี้คือหาทางเอาเรือให้รอจากสถานการณ์ตรงหน้า
“ท่านนายพล!!! รีบสั่งแปรขบวนเร็ว……. ก่อนที่เราจะไม่มีโอกาส!!!”
“มันไกลไปรอก่อน…...”
Nelson ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบแต่เหงื่อของเขานั้นไหลโชลมแสดงถึงความกดดันอย่างเห็นได้ชัด!! เรือรบฝรั่งเศสที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าต่างหันปากกระบอกปืนมาทางเรือหลวง Victory!! พวกเขากำลังจะบรรจุกระสุนระลอกใหม่….. เรือหลวง Victory อยู่ในระยะห่าง 650 หลา!! … กองเรืออังกฤษที่เหลือก็ตามกันมาติดๆ..
thebritish.sky.com/images/tweeting-history/battle-trafalgar/large/Trafalgar-1200.jpg“ยิง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
คำสั่งยิงออกมาจากนายทหารปืนใหญ่ของเรือรบฝรั่งเศสหลาย 10 ลำ!! ปืนใหญ่เกือบ 500 กระบอกระดมยิงใส่เรือหลวง Victory อย่างหนักหน่วง!! ตูมมมมมม ตูมมมมม บรึ้มมมม โครมมมม ฉึกๆๆๆ อ๊ากกกก ว้ากกกกกกกก แรงกระแทกจากกระสุนปืนใหญ่นับ 100 ลูกปะทะเข้ากับหน้าเรือหลวง Victory จังๆ คราวนี้เล่นเอาซะเนื้อไม้กระเด็นออกมาเป็นสะเก็ด ปลิวว่อนไปทั่ว แทงลูกเรือหลายนายจนล้มลงไป!!! ลูกเรือหลายนายล่วงตกลงมาจากเสากระโดงเรือ ….. แต่ Nelson ยืนนิ่งเพื่อรอจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะที่จะสั่งการณ์!! Lawrence ในตอนนี้เต็นเป็นเจ้าเข้าเลยครับ!!!
“ท่านนายพลครับ สั่งแปรขบวนเดี๋ยวนี้!! โดนยิงอีกชุดเราตายแน่!!!”
“รอก่อน!!!”
“รอห่า อะไรรรรรรร สั่งได้แล้วเว้ยยยยย!!”
“เอาเล๊ยยยยย!!!”
Nelson ตะโกนออกมาสุดเสียง พลสัญญาณรีบไต่ขึ้นไปบนเสากระโดงเรืออย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมชักธงสัญญาณ….. ลูกปืนใหญ่ลูกหนึ่งวิ่ง เฉี่ยวเอาแขนของพลสัญญาณคนนั้นจนขาดกระเด็นออกมา!!! อ๊ากกกกกกกกกก เข้าร้องลั่นดั่งแทบขาดใจ แต่ด้วยเลือดนักสู้ทำให้เขาใช้แขนอีกข้างที่เหลือจับที่เชือกและกระโดดลงจากเสากระโดงเรือทิ้งตัวลงมาเพื่อให้ตัวเขานั้นดึงเชือกจนธงสามารถกางขึ้นได้!! ส่วนตัวของพลสัญญาณผู้นั้นตกลงมากระแทกกับพื้นเรือและเสียชีวิตในที่สุดนับว่าเป็นการเสียสละเพื่อชาติโดยแท้!! ในตอนนี้เรือทุกลำในกองเรือ Gibraltar เห็น ธงสัญญาณการแปรขบวนดังกล่าวและรีบปฎิบัติตามทันที!!
เรือในกองเรืออังกฤษแล่นออกจากแยกออกจากแถวตอนเรียง 1 ไปทางซ้ายและขวากลายมารูปหน้ากระดาน!!! …… นายพลปิแยร์ถึงกับตะลึงเพราะไม่นึกว่าพวกอังกฤษจะมาไม้นี้!! ในตอนนี้เรือรบฝรั่งเศส – สเปนนั้นอยู่กระจุกกันเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 3- 4 ลำและแต่ละลำอยู่ห่างกัน…ที่สำคัญที่สุดเรือลำหน้าๆของกองเรือฝรั่งเศส – สเปน ก็แล่นเลยออกไปไกลเนื่องจากลมที่พัดไปทางทิศตะวันตกนั้นพัดแรง ซึ่งเป็นเสมือนดาบ 2 คม เพราะเรือลำหน้าๆเกือบ 10 กว่าลำต้องแล่นต้านลมเพื่อกับมาช่วยเรือที่อยู่ด้านหลังทำให้เรือเหล่านั้นเสมือนถูกตัดทิ้งไปในการรบโดยปริยาย!!
“เวรแล้วไง!! สั่งเรือรบทุกลำให้กระจายตัวออกเดี๋ยวนี้!! อย่าให้พวกมันล้อมได้”
นายพลปิแยร์รีบสั่งการณ์ออกไปอย่างร้อนรน พลสัญญาณของเรือหลวง Bucentaure ชักธงสัญญาณขึ้นเสาอย่างเร่งรีบ ซึ่งเรือรบฝรั่งเศสบางส่วนก็เห็นบ้างไม่เห็นบ้างเพราะมัวแต่งงงันกับสถานการณ์ทางหน้า บางลำก็ยังบรรจุกระสุนหมายต่อสู้ต่อ บางลำก็เอาเรือเข้าไปเบียดกับเรือลำอื่น แต่ในตอนนี้เรืออังกฤษที่เรือ 25 ลำและยังสดใหม่ได้หันกราบซ้ายและขวามาทางกองเรือฝรั่งเศส – สเปน!!!
“ได้เวลาเอาคืนแล้ววววว ยิงแมร่งเลยยยยยย!!!”
“ยิง!!!!!!!!”
“ยิง!!!!!!!!”
ตูมๆๆๆ ฟ้าวววววววว ตูมมมม เฟี้ยวววววววว บรึ้มมมมมมม
เสียงกัมปนาทจากปืนใหญ่ของเรืออังกฤษยิงเข้าใส่เรือฝรั่งเศสที่แล่นอยู่ในผืนน้ำ!! การยิงนั้นสร้างความเสียหายให้กับเรือฝรั่งเศสหลายลำ ปืนใหญ่ของหลายลำกระเด็นออกนอกตัวเรือ ลูกเรือโดนสะเก็ดไหม้แทงทะลุตามลำตัวจนเหวอะหวะ ทหารเรือฝรั่งเศสหลายนายเริ่มเสียขวัญ
“กูยิงใส่มันไปตั้งนานไหงมันยิงสวนกลับมาได้ว่ะ!!”
“พวกมันต้องเป็นผีแน่ๆเลย!!”
“พวกอังกฤษมันเป็นปีศาจทะเล”
นายทหารฝรั่งเศสจากเรือทั้งหลาบลำต่างพยายามสั่งให้ลูกเรือของพวกเขาบรรจุกระสุนบางลำทำบ้าง บางลำก็ทำแบบงกๆเงิ่นๆทำให้การบรรจุกกระสุนระลอดใหม่เป็นอย่างลำบาก… จนกองเรืออังกฤษยิงปืนใหญ่ออกมาเป็นชุดที่ 2! ตูมมมมมมๆๆๆ เฟรี้ยววววว ฟ้าววววว ตูม ว้ากกกกกกกก ฉึกๆๆๆ เรือฝรั่งเศสเจอปืนใหญ่ยิงเข้าอีกชุด เหล่าลูกเรือฝรั่งเศสทั้งหลายลำต่างล้มตายมากขึ้น ในขณะที่เรืออังกฤษ กำลังแล่นแปรขบวนตีโอบเป็นรูปตัว U หวังจะล้อมกองเรือฝรั่งเศสไว้ทุกทิศทุกทางไม่ให้หนีรอด…….. ส่วนทางเรือหลวงชาร์ลมาร์ล นั้นก็เริ่มได้รับความเสียหาย ลูกเรือหลายนายต่างล้มกองเป็นศพบนพื้น แม้แต่ตัว กัปตัน ตันลิยงเองก็โดน สะเก็ดไม้ปักเข้าที่แขน……
“กัปตันครับเราจะทำยังไงดี!!! ตอนนี้เรือของพวกเรากำลังตกอยู่ในวงล้อม!!”
“บ้าที่สุดเล๊ยยยย นี่ถ้าไอ้นายพลปัญญาอ่อนนั้นฟังฉันคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น…. ไหนๆก็ไหนๆแล้วถ้าต้องตายขอตายอย่างคุ้มค่า ต้นเรือสั่งปรับไปเข้าหาลมตรงไปหาเรือหลวง Victory !! เราจะไปฆ่า Nelson!!!”
“รับทราบ!!! ปรับไปเข้าหาลมแล่นตรงเข้าปะทะเรือหลวง Victory!!”
เรือหลวง ชาร์ลมาร์ล หันขวาและแลนตรงไปยังเรือหลวง Victory ซึ่งกำลังแล่นนำเรือลำอื่นในการตีวงล้อม….. ถึงอย่างไรก็ตามตอนนี้เรือฝรั่งเศส – สเปน หลายลำเริ่มสะเปะสะปะ เพราะถูกบีบให้อยู่ในวงล้อม เรือหลายลำไม่สามารถยิงปืนใหญ่ได้เนื่องจากโดนเรือลำข้างๆของตนเองเบียดบังวิถีการยิง!! ลำที่ยิงได้นั้นก็ยิงออกมาแต่ก็ไร้ซึ่งพลังอำนาจในการยิงแบบตอนเริ่มการยุทธ เนื่องจากเป็นการยิงแบบตัวใครตัวมัน ไม่ได้ยิงเป็นหน้ากระดาน…ซึ่งไม่ได้สร้างความเสียหายให้เรือรบอังกฤษนัก.. ในทางตรงกันข้าม เรือรบของอังกฤษในขณะนี้กำลังแล่นวนไปรอบตัว U รายล้อมเหล่าเรือรบฝรั่งเศส 20 กว่าลำ!! และระดมยิงใส่ไม่ยั้งได้จากทุกทิศทาง!!! เรือฝรั่งเศสหลายลำเริ่มไฟไหม้ และ เสียหายหนัก บางลำพยายามแหกวงล้อมหนีไปออกไปแต่ เจอการยิงซัลโวจากเรืออังกฤษที่ล้อมกรอบอยู่จนแทบจะลงไปนอนก้นทะเล…. แต่เรือหลวง ชาร์ลมาร์ล นั้นสามารถเล็ดลอดวิถีกระสุนปืนใหญ่มาได้และมุ่งตรงไปหาเรือหลวง Victory!!
cn.wahooart.com/Art.nsf/O/9DHM32/$File/Thomas+Luny-The+Battle+Of+Trafalgar+-+(1).JPG“กัปตันคร้าบบบบบบ มีเรือรบฝรั่งเศสกำลังมุ่งตรงมายังกราบขวา ระยะประมาณ 300 หลา มันใกล้จะชนเราแล้ว!!”
“ไหนไอ้สัสสสสส (หยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดู) เฮ้ย นั้นมัน…… ไอ้เรือเหรี้ยยยย ชาร์ลมาร์ล!!!! จมมันเลยยยยย!!! เอาให้เรือของพวกมันระเบิดเป็นเสี่ยงๆกลายเป็น โกโก้ครั้นซ์!!”
ปืนใหญ่กว่า 60 กระบอกจากกราบขวา ยิงเข้าใส่เรือหลวง ชาร์ลมาร์ลในระยะเผาขน ถึงแม้เรือหลางชาร์ลมาร์ลจะหันหน้าเข้าใส่เรือหลวง Victory แต่ด้วยระยะที่เผาขนขนาดนี้…… ทำให้เศษสะเก็ดไม้และระเบิดกระเด็นปลิวว่อนไปตัดแขนตัดขาลูกเรือ… ฟิ้วววววววว ฉึก!!!!!!!!! อ้ากกกกกกกก เศษไม้ชิ้นเท่าดินสอกระเด็นเข้าไปลูกตาข้างขวาของกัปตันตันลิยงเต็มๆ…. ตันลิยง ล้มลงไปครับ แต่ยังฝืนลุกขึ้นมาพร้อมชักดาบขึ้นและชี้ไปทางเรือหลวง Victory!!
“เอาเรือชนแมร่งเลย!!!”
กัปตันตันลิยงใจถึงครับเอาเรือเรือของตนชนเข้ากราบขวาเรือหลวง Victory จังๆเหมือนเรือรบในสมัย กรีก – โรมัน หัวเรือของเรือ ชาร์ลมาร์ลปักเข้าในเรือ Victory เสมือนเป็นสะพานให้เหล่าลูกเรือฝรั่งเศสข้ามไป!! ลูกเรือเรือหลวง Victory หลายคนต่างล้มคมำลงไปด้วยแรงกระแทก!! ……………
“เพื่อจักรพรรดินโปเลียนน ไปพิสูจน์ให้พวกมันเห็นว่าพวกเราไม่ใช่ลูกหมาเพิ่งหัดว่ายน้ำอย่างที่พวกมันคิด!!! บุก!!!!!!!!”
เหล่าลูกเรือและนาวิกฝรั่งเศสทั้งหมดของเรือหลวงตันลิยงต่างวิ่งกรูขึ้นไปบนเรือหลวง Victory!! ซึ่งนาวิกอังกฤษที่เพิ่งล้มคมำลงไปเมื่อกี้ต่างรีบจัดแถวเตรียมยิง….. ลูกเรือฝรั่งเศสต่างวิ่งมาประชิดแถวของนาวิกอังกฤษพวกเขาห่างออกไปแค่ 10 ฟุต!!
“ยิงงงง!!”
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ ด้วยความเร็วในการตัดสินใจของ ร้อยโท Ryan ทำให้เขาสั่งยิงได้ทันถ่วงที!! ลูกเรือฝรั่งเศสเจอกระสุนตับแรกไปถึงกับล้มระเนระนาดลงไปนอนกับพื้น… แต่พวกเขาก็ยังคงบุกขึ้นเรือมาต่ออย่างไม่ขาดสาย……
“ลูกเรือแห่งราชนาวีอย่าไปกลัวพวกมัน พวกมันจนตรอกแล้ว ลุยยยยยยย!!!”
Nelson พูดออกมาและชักดาบขึ้น (ถึงแม้แขนเขาจะด้วนไปข้างก็ตาม) เหล่านาวิกและลูกเรืออังกฤษต่างวิ่งชาร์จเข้าโรมรันกับลูกเรือฝรั่งเศสที่บุกเข้ามาเช่นกัน เกิดเป็นการปะทะกันแบบตัวต่อตัวขึ้น หมัดต่อหมัด ขวานต่อขวาน!! ฉึกๆๆ อ้ากกกกก ว้ากกก เคร้งๆๆๆ เสียงการปะทะกันอย่างนองเลือดของทั้ง 2 ฝ่ายดังไปทั่วดาดฟ้า บ้างโดนดาบปลายปืนทะลุจนเสียบอก… บ้างโดนขวานตัดขาจนลงไปนอนด้าวดิ้น นาวิกอังกฤษคนหนึ่งเอาปืนพกมายิง ลูกเรือฝรั่งเศสจนล้มลงไป… เขาหันกลับมาเจอ ขวานเฉาะเข้ากลางหน้าจนเละ… กัปตันตันลิยงวิ่งขึ้นเรือหลวง Victory แม้เขาจะบาดเจ็บแต่ยังต่อสู้ด้วยจิตวิญญาณทหารเรืออันแรงกล้า!! นาวิกฝรังเศสนายหนึ่งวิ่งเข้ามาใช้ดาบปลายปืนแทงเขา… แต่ กัปตัน ตันลิยง เบี่ยงตัวหลบได้ครับ และใช้สันดาบกระแทกเข้าหน้า นาวิกผู้นั้นจนเสียหลัก ก่อนใช้ดาบฟันเข้ากลางลำตัวจนล้มลงไป…. ตันลิยง ก็เหลือบไปเห็น นายพล Nelson ซึ่งกำลังสั่งการลูกเรืออยู่บริเวณพังงา!! ตันลิยงเดินขึ้นไปหา นายพลเรือ Nelson พร้อมดาบเปื้อนเลือดของเขาในมือ…. และเขาเดินขึ้นมาบริเวณพังงาของเรือ.. Nelson กำลังบัญชาการรบหมู่เรืออยู่นั้นไม่ทันระวังตัว!! ตันลิยงเงื้องดาบหมายฟันคอของ Nelson ให้ขาด……
เคร้งงงงงงง!!!!!
มีดาบปริศนามารับดาบของตันลิยง!!
“กูจะฆ่ามึงงงงงงงงงงงงงง”
แน่นอนครับนั้นคือดาบของกัปตัน Lawrence กัปตันของเรือหลวง Victory….. ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างดันตัวเองให้ออกมายืนห่างกัน…..
“นี่แกยังไม่ตายอีกเหรอว่ะ…..”
“กูมีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้เพื่อฆ่ามรึง!!”
ไม่ต้องโม้มากครับทั้งคู่ต่างวิ่งเข้าประลองดาบกันอย่างดุเดือดไม่ยอมใคร!!! Lawrence ฟันเข้าลงต่ำหมายตัดขาของ ตันลิยง เอาดาบรับไว้ทันครับ และเอาตัวกระแทก Lawrence จนเซถอยหลัง ตันลิยงใช้จังหวะนี้แทงเข้ากลางลำตัวของ Lawrence… Lawrence เบี่ยงตัวหลบทันแล้วใช้หมัดซ้ายฮุคเข้าเต็มหน้า ตันลิยง… ตันลิยงเสียหลักและเบี่ยงหน้าหนี Lawrence เอาดาบฟันลงกลางกบาล แต่ตันลิยงก็เอาดาบรับไว้ได้ทันครับ…. Lawrence กดน้ำหนักลงที่ดาบหวังจะให้คมดาบเข้าเฉือนหนังตันลิยง.. ตันลิยงก็เอาดาบกันไว้สุดฤทธิ์ครับ…ทั้ง 2 จ้องหน้ากันเหมือนแค้นกันมาแต่ปางก่อน แต่ก็ยังไม่มีใครยอมใคร… ทั้ง 2 ผละตัวออกจากกันมาตั้งหลักใหม่… ตันลิยงถุยเลือดที่กลบปากของตนจากการโดนชก… ทั้งคู่เดินวนไปวนมา.. รอจังหวะเข้าปะทะใหม่ Lawrence สังเกตุเห็นว่ามีเศษไม้ปักอยู่ทีแขนและตาของ ตันลิยง…. แต่ตันลิยงวิ่งเข้ามาเอาดาบฟัน Lawrence … Lawrence เอาดาบรับไว้ได้ทันครับ แล้ว แกว่งดาบออกมาหมายฟันแขนอีกข้างของ ตันลิยงที่เจ็บ แต่ตันลิยงนำดาบรับไว้ทันเช่นกัน Lawrence ใช้จังหวะนี้เอาหัวโหม่งเข้าที่เศษไม้ที่ปักตาของ ตันลิยง อยู่!!
“อ้ากกกกกก!!”
ตันลิยงเอามือกุมที่ตาของตัวเอง นั้นเป็นจังหวะให้ Lawrence ฟันเข้าที่แขนข้างขวาที่ถือดาบอยู่
“ฉับบบบบ!!!”
แขนของตันลิยงกระเด็นหลุดออกมาจากไหล่! เลือดสดๆพุ่งทะลักออกมาจากบาดแผล…. Lawrence ไม่เปิดโอกาสให้เขาตั้งตัว เขาใช้ดาบของเขาแทงเขาทะลุหัวใจของ ตันลิยง ทันที……
“ฉึก!!!!!!!”
ตันลิยงคุกเข่าลงไป ตาของเขาเบิกโพลงไปด้วยความตกใจและความเจ็บ…. Lawrence ก้มหน้าลงไปและพูดออกมา
“นี้สำหรับลูกเรือของกู และ เรือกู!!!!”
พูดจบเขาชักดาบออกมา กัปตันตันลิงยงก็ฟุบลงนอนกับพื้น เขาตายในการรบเพื่อจักรพรรดิของเขา และสู้ได้อย่างสมศักศรีดิ์ราชนาวีฝรั่งเศส… Lawrence หันกลับมาหา Nelson….. ซึ่งใช้กล้องส่องทางไกลดูกองเรือส่วหน้าของฝรั่งเศส – สเปน!! ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้มาช่วยเรือส่วนใหญ่แต่กำลังจะถอย! ทางด้านกองเรือส่วนหน้าที่แล่นเลยไปไกลเกือบ 10 ลำ… พลเรือโท Federico Gravina นายพลเรือชาวสเปน ก็กำลังใช้กล้องส่องทางไกลดูมายังการรบระหว่างเรืออังกฤษและฝรั่งเศส
“เอาไงดีครับ ท่านนายพล เราควรไปช่วยพวกเขาไหม….”
“ตอนนี้คงไม่ทันแล้วแหละ กัปตัน มันห่างออกไป 1 ไมล์ แถมถ้าเราไปแล่นไปช่วยเขาเราต้องแล่นต้านลมใช้เวลาเกือบ 40 นาทีซึ่งถ้าเราไปถึงพวกเขาอาจจะแพ้แล้วก็ได้ และเราเองนั้นแหละจะตายตกตามกันไป… เพราะฉะนั้นสั่งเรือรบที่เรือทั้งหมด ถอย…….”
เรือของฝั่งสเปนและฝรั่งเศสที่เหลือรอดเลยแล่นไปทางตะวันตกหนีกลับไป Gadiz ยังไงซะอยู่รอดเพื่อรบในวันหน้าดีกว่าตายอย่างไร้ค่า ทำเอานายพล ปิแยร์ ที่มองอยู่ถึงกับอุทานออกมาด้วยความโกธรและสิ้นหวัง
“ไอ้พวกหัวครวยยยยยยยยยย ทิ้งกูไว้กลางทางอย่างนี้ได้ไง!!!
ท่ามกลางเรือหลวง Bucentaure ซึ่งในตอนนี้สภาพก็ไม่ได้สู้ดีนัก เรือได้รับความเสียหายตลอดลำหนักมาก ปืนใหญ่กว่า 50% ถูกทำลายและลูกเรือ 2 ใน 3 อยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมรบ นี่ไมใชแค่เรือหลวง Bucentaure แต่เป็นสถานการณ์โดยรวมตอนนี้ของกองเรือฝรั่งเศส – สเปนในส่วนที่โดนล้อมอยู่… ลางแห่งความพ่ายใกล้เข้ามาเยือนเต็มที ทางกัปตัน มิแคล กัปตันเรือหลวง Bucentaure ได้เข้ามาปรึกษากับ นายพล ปิแยร์
“ท่านครับ….. คือ “ตูม ว้ากกกกกกกกกกกกกก (เสียงประกอบ) เราควนจะยอมแพ้น่ะครับ ในตอนนี้ลูกปืนใหญ่ก็เรือน้อย กำลังพลส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ… และเรือได้รับความเสียหายตลอดลำ…เราไม่เหลืออะไรจะสู้มันแล้วครับ”
“…………………. เนลสันๆ แกนี้มัน………….ปีศาจทะเลชัดๆ……… ไปเตรียมธงขาว…..”
นายพล ปิแยร์ พูดออกมาอย่างสิ้นหวังเขาเดินคอตกห่อเ่ยวกลับเข้าห้องกัปตันไป…. ธงขาวของเรือธงฝรั่งเศสถูกชักขึ้นเสากระโดงเรือ และเรือในวงล้อมกว่า 20 ลำก็ทยอยชักตาม……. เหล่าลูกเรืออังกฤษที่มองเห็นธงขาวที่โบกสะบัดขึ้นจากเรือฝั่งตรงข้าม ต่างโห่ร้อง ด้วยความยินดี……….. ในขณะเดียวกันการต่อสู้บนเรือหลวง Victory ก็ใกล้จบลง ด้วยจำนวนที่น้อยกว่าทำให้ฝรั่งเศสเพลี่ยงพล้ำและเสียขวัญ ในที่สุด ลูกเรือฝรั่งเศสที่เหลือต่างวิ่งกลับขึ้นเรือของตนและนำเรือหนี ….. ส่วนทาง Nelson และ Lawrence ที่เฝ้ามองเรือฝั่งตรงข้ามยกธงขาว ต่างก็ยิ้มด้วยความปิติดีใจ
“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหม ไอ้ทึ่ม ว่าแผนฉันมันเจ๋ง!!”
“ผมไม่เถียงลูกเพ่…. ผมดีใจมากที่ได้ฆ่าไอ้เนี้ยกับมือ (ชี้ไปที่ศพของ ตันลิยง)”
“อ๋อ ไอ้เนี้ยน่ะที่จมมันจมเรือแก ฉันยอมรับน่ะว่ามันโคตรใจถึงเลย ยอมสละเรือมันเพื่อแลกกับเรือเรา น่านับถือจริงๆ”
“นับถืออะไรของท่านครับ ท่านนายพล…. อย่างมันเนี้ยต้องสับร่างเป็นพันๆชิ้นแล้วโยนให้ฉลามแดก!!!”
“555+ แกนี้ตลกเหมือนเดิมเลยน่ะ….. ฉันว่าหลังจากจบศึกนี้ ฉันไปที่บาฮามาส…………….”
“ปัง!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงปืนปริศนาดังมาจากฝั่งเรือ ชาร์ลมาร์ล!!! Lawrence แหงนหน้าไปดูบนเสากระโดงเรือก็พบ กับ พลแม่นปืนฝรั่งเศสเล็งปืนตรงมาทางเขา แต่ปากกระบอกปืนของพลแม่นปืนผู้นั้นควันโชยออกมาจากปากกระบอกราวกับเพิ่งถูกยิงออกมา… Lawrence หันกลับไปดูที่ท่านนายพล ก็พบว่าที่ร่างของ Nelson นั้น เป็นรูพรุนจากกระสุนปืนไรเฟิลยาว….. กระสุนนั้นทะลุกระดูกสันหลังและแทงออกมาตรงหน้าอกทำให้เกิดแผลเหวอะ…เลือดเริ่มไหลรินออกมาจากบาดแผล ส่วนตัว Nelson นั้นล้มลงไปกองกับพื้น… หน้าของเขานั้นซีดเซียวและไร้ชีวิตชีวาเหมือนคนกำลังจะตาย
“ท่านายพล!! ท่านนายพล!!! ท่านอยากไป บาฮามาส ไม่ใช่เหรอท่าน!!!”
Lawrence ก้มลงประคองศีรษะของเขา Nelson หวังจะให้เขานั้นฟื้นขึ้นมา พอเหล่าลูกเรือหลวง Victory ได้ยินเข้ารีบวิ่งกรูมาดูนายพลของพวกเขาด้วยความเป็นห่วงกลัววีรบุรุษของพวกเขาจะสิ้นใจ…..
“ท่านนายพลครับ!! ท่านนายพล ท่านอย่าทิ้งพวกเรา!”
“หมอ!! ไปตามหมอมาเร้วววววว!!!”
“ทำใจดีๆไว้น่ะครับบบ ท่าน ท่านต้องมีชีวิตอยู่!!”
3.bp.blogspot.com/-T62D2Z5aRi0/T_rjPVmx6qI/AAAAAAAAHXc/0k_Rh2ZJ5W0/s1600/Death-Horatio-Nelson.JPGNelson กรอกตาไปมา มองดูเหล่าลูกเรือของเขาด้วยความปิติ…และฝืนยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก……
“ผม……ดีใจ….. ที่ได้ร่วมรบกับพวกคุณ….. พวกคุณคือทหาร….ชั้นเยี่ยม….ของผม… โดยเฉพาะแก…..Lawrence …… โอ้….. ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า….. ฉันทำหน้าที่ของฉันได้สำเร็จ''
พอสิ้นคำพูด ม่านตาของเขาก็เบิกกว้างและหลับลงไป ตัวของเขาแข็งและแน่นิ่ง!! ท่านนายพลเรือของอังกฤษ วีรบุรุษแห่งยุทธนาวีได้สิ้นชีพลงแล้ว Lawrence แทบกลั้นน้ำตาของเขาเอาไว้ไม่อยู่ครับ ตลอดชีวิตที่ผ่านมา Nelson เปรียบเสมือนพ่อของเขาก็ว่าได้ เขาสอนทุกอย่างเกี่ยวกับเรือให้ Lawrence…… และทำให้ไอ้บ้าประสาทแดกอย่างเขากลายเป็น กัปตันเรือ มือกระกาฬ ของราชนาวีอังกฤษ… ทุกคนในเรือหลวง Victory ต่างถอดหมวกออกและก้มหน้าเป็นการไว้อาลัยให้กับนายพลผู้ยิ่งใหญ่… บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแม้พวกเขาจะได้รับชัยชนะก็ตาม กองเรือรบฝรั่งเศส – สเปน ถูกยึดเรือได้ 21 ลำ จมลงไป 3 ลำ และลูกเรือเสียชีวิตทั้งหมด 3,218 คน ถูกจับเป็นเชลยอีก 4000 รวมถึง พลเรือโท ปิแยร์ วิลเนฟ อีกด้วย!! ส่วนทางฝั่งอังกฤษนั้นเสียเรือรบเพียงลำเดียว และเสียชีวิตทั้งหมด 458 คน นับว่าเป็นชัยชนะยิ่งใหญ่อีกครั้งของอังกฤษ ซึ่งได้ประกาศศักดาให้โลกเห็นแล้วว่า ทะเลคือบ้านของพวกเขา!!