|
Post by wildrose on May 31, 2018 5:58:40 GMT
EP : 5 นักดาบผู้อับโชค หลังจากที่ ฟรองค์ได้ทำการเปลี่ยนอาชีพเป็นนักดาบเรียบร้อยแล้วเวลาในตอนนั้นก็เป็นช่วงเย็นพอดีเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะลับขอบฟ้าไป หลังจากที่ใช้กำลังกายอย่างมากในช่วงตอนกลางวันกับการทดสอบภายในสมาคมนักดาบ ฟรองค์ในตอนนี้จึงรู้สึกหิว ใจกลางของเมือง Izlude นั้นเป็นตลาดซึ่งมีลักษณะเป็นจัตุรัสขนาดใหญ่มีสินค้าที่มาจากเรือทางทะเลมากมายต้องมาพักที่นี่ และบางส่วนก็เปิดจำหน่าย ฟรองค์จึงตัดสินใจที่จะเข้าไปหาซื้อของกินภายในตลาดกลางเมืองแห่งนี้
ตลาดกลางเมือง Izlude 「ไม่ได้ทำภารกิจอะไรมาเกือบ 10 วันแล้ว…..ตอนนี้เหลือเงินอยู่เท่าไหร่นะ...」เขาคิดอย่างนั้นพลางล้วงมือลงไปในกระเป๋าเพื่อตรวจสอบดูจำนวนเงินที่เขาเหลืออยู่และเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า“14zeny…...แย่แล้วสิเหลือแค่นี้เอง !! แอปเปิ้ลสักลูกยังซื้อไม่ได้เลย…..” ฟรองค์อุทานออกมาเบาๆด้วยความตกใจเพราะว่าเงินที่เหลืออยู่ของเขานั้น ไม่เพียงพอที่จะซื้ออาหารภายในวันนี้ซะแล้ว สำหรับนักผจญภัยผู้ที่มีเงินไม่พอจะรับภารกิจจากเอเดนกรุ๊ป พวกเขามีทางเลือกเดียวก็คือออกไปล่ามอนสเตอร์อย่างอิสระและเก็บสิ่งของที่ Drop ลงมาจากนั้นก็นำไปขายยังร้านขายของจิปาถะเพื่อเอาเงินสถานเดียวเท่านั้น「อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จะมืดแล้วเอาไงดีล่ะเนี่ย….」ฟรองค์รู้ดีว่าการออกไปล่ามอนสเตอร์ในเวลากลางคืนนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายมากและเขาเองก็เคยมีประสบการณ์ที่พยายามจะเดินผ่านป่าในเวลากลางคืนและต้องถูกงู Boa โจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้เขาติดพิษและทนทุกข์ทรมานอยู่หลายวันจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่ว่าความหิวในตอนนี้ทำให้ฟรองค์ต้องตัดสินใจกระทำอะไรที่บ้าบิ่น“โว้ยยย !! จะมามัวกลัวนะกลัวอยู่ไม่ได้ !! ชั้นไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้วสู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าอดตายอยู่ตรงนี้ เอาล่ะ !! ชั้นเป็นนักดาบแล้ว ชั้นแข็งแกร่ง !!” ฟรองค์กล่าวขึ้นมาเพื่อให้กำลังใจตัวเองก่อนที่เขาจะเลิกมุ่งหน้าไปที่ตลาดแต่กลับไปยังทางออกซึ่งอยู่ที่ประตูที่เมืองแทนIzlude Gate Guard “นี่คุณ !! อีกไม่นานก็จะค่ำแล้วนะครับ จะออกไปล่า Monster ตอนนี้เหรอมันอันตรายมากนะครับ” เสียงของทหารยามแห่งเมือง Izlude กล่าวเตือนฟรองค์ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นกังวลเนื่องจากว่าเขาเคยเห็นฟรองค์มาแล้วหลายครั้งภายในเมืองและเขาก็ยังรู้อีกว่าชายคนนี้เป็นนักผจญภัยหน้าใหม่ซึ่งอาจจะยังไม่มีประสบการณ์มากพอในการต่อสู้อีกทั้ง ฟรองค์ในตอนนี้ร่างกายยังเต็มไปด้วยบาดแผลและท่าทางอ่อนล้าเต็มที
“ไม่เป็นไรหรอกครับ !! ผมไม่ได้ไปไหนไกลและจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด…...ทันทีได้เงินพอค่าอาหารค่าที่พักอ่ะนะ” ฟรองค์กล่าวกับทหารยามหน้าเมือง Izlude ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งข้ามสะพานออกจากประตูเมืองไปอย่างรวดเร็ว
- ทุ่งราบสลับเชิงเขาใกล้เมือง Izlude -
ฟรองค์เดินทางมาถึงที่ราบแห่งหนึ่งที่แห่งนี้คือทุ่งราบซึ่งมีเชิงเขาสลับซับซ้อนทอดตัวไปมาเหมือนกับเขาวงกตย่อมๆมันอยู่นอกเมือง Prontera และก็ไม่ไกลมากจากเมือง Izlude ที่แห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของ Monster ซึ่งมีระดับไม่มากนัก ฟรองค์เริ่มมองหาเหยื่อตัวแรกของเขาอย่างรวดเร็วเพราะเวลานี้ใกล้จะพระอาทิตย์ตกดินแล้วเขาจะต้องรีบเก็บไอเทมอะไรสักอย่างเพื่อที่พอจะเอาไปขายทำเงินเป็นค่าอาหารและค่าที่พักของเขาภายในวันนี้ให้ได้เป็นอย่างน้อย และแล้วฟรองค์ก็ได้พบกับเป้าหมายแรกของเขา Rocker
ตั๊กแตน Rocker มันเป็น Monster ตั๊กแตนตัวสีเขียวมีความสูงเทียบเท่ากับมนุษย์ปกติคือราวๆ 2 เมตรพวกมันชอบที่จะเล่นดนตรีและเครื่องดนตรีในมือของมันก็คือไวโอลิน ในกลางทุ่งกว้างพวกมันมีจำนวนมากและบางครัั้งพวกมันก็ก่อเสียงดังน่ารำคาญเกินไปให้กับชาวบ้านจนพวกมันมักจะถูกบรรจุอยู่ในภารกิจกำจัดของเอเดนกรุ๊ปบ่อยๆ
“แกตัวแรกเนี่ยแหละ !! จงมาสังเวยให้กับความหิวของฉันซะ !!” ฟรองค์กล่าวขึ้นพร้อมกับชักดาบ Sword ขึ้นมาในมือแล้วพุ่งตรงไปยัง Rocker เป้าหมายทันที เขาพุ่งเข้าไปอย่างสุดกำลังเพื่อหวังว่าจะล้มมันลงภายในดาบเดียว แต่ด้วยร่างกายที่อ่อนล้าความหิวโหยและบาดแผลเต็มตัวทำให้ ฟรองค์ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะทำอย่างนั้นการเคลื่อนไหวของเขาช้าลงจนเจ้า Rocker สามารถจับทางการเคลื่อนไหวของเขาได้ไม่ยากมันหลบการโจมตีที่เรียบง่ายของเขาในพริบตา จากนั้นเจ้า Rocker ก็ใช้ไวโอลินซึ่งทำจากไม้เนื้อแข็งที่อยู่ในมือของมันฟาดเข้าที่กลางศีรษะของฟรองค์อย่างเต็มแรงเขารู้สึกว่าสติสัมปชัญญะของเขานั้นเริ่มเลือนลางและดับไปในที่สุด
- กลางดึกที่ทุ่งราบสลับเชิงเขา -
ฟรองค์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีเขาไม่ได้อยู่ในจุดเดิมที่เขาได้ต่อสู้กับเจ้า Rocker แต่เขาถูกย้ายมาอยู่ที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งข้างกายของเขานั้นมีกองไฟที่ถูกจุดอยู่และมีถุงผ้าสีน้ำตาล 1 ใบวางอยู่ข้างกายเขาบนถุงผ้านั้นมีกระดาษซึ่งมีข้อความถูกเขียนเอาไว้
“ฉันพบคุณนอนสลบอยู่ที่กลางทุ่งราบเมื่อตอนเย็นคุณดูบาดเจ็บและหิวมากอีกทั้งยังมีเงินติดตัวอยู่เพียงน้อยนิดฉันเข้าใจสถานการณ์ของคุณดี ฉันใช้เวทมนตร์รักษาให้กับคุณแล้วแต่มันคงไม่สามารถที่จะชดเชยอาการเหนื่อยล้าได้ดังนั้นหากคุณฟื้นแล้วได้โปรดรับของที่อยู่ในถุงนี้ และรีบเดินทางกลับเข้าเมืองไปด้วยเถอะค่ะ ลงชื่อ Mirianna Giannino” บนกระดาษนั้นมีข้อความของผู้ที่ได้ช่วยชีวิต ฟรองค์เอาไว้มันเป็นลายมือของหญิงสาวที่มีนามว่า Mirianna Giannino ลายมือของเธอนั้นดูสวยงามและเรียบร้อยราวกลับว่าเธอเป็นผู้ที่ได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดี ฟรองค์เก็บกระดาษใบนั้นเอาไว้ในกระเป๋าของเขาจากนั้นเขาก็เริ่มลงมือดูของภายในถุงผ้าสีน้ำตาลซึ่งถูกทิ้งเอาไว้ให้กับเขา Meat
Apple Juice
ภายในนั้นมีเนื้อตากแห้ง(Meat) น้ำแอปเปิ้ล (Apple Juice) และเงินอยู่อีก 500zeny ฟรองค์รีบหยิบเนื้อและน้ำแอปเปิ้ลขึ้นมากินอย่างหิวโหยหลังจากที่กินจนอิ่มแล้วเขาก็เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับเข้าเมือง แต่ทว่าก่อนที่เขาจะก้าวเท้าออกพ้นจากระยะกองไฟเขาก็รู้สึกถึงสิ่งที่ผิดปกติรอบๆตัวเขา มีอะไรบางอย่างกำลังจับจ้องเขาอยู่ภายในความมืดรอบตัว มันมีจำนวนมากดูแล้วท่าทางน่าจะมากกว่า 10 ตัวขึ้นไป
ฟรองค์ชักดาบขึ้นมาถือไว้ในมือด้วยท่าทางที่ดูจริงจังเพราะว่านี้เป็นการต่อสู้เพื่อจะเอาชีวิตรอดหลังจากที่เขาตั้งท่าเตรียมพร้อมอยู่ระยะหนึ่งเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากรอบตัวของเขามันเป็นเสียงหอนโหยหวนใช่แล้วนี่คือเสียงหอนของ Monster Wolf มันเป็น Monster หมาป่าขนาดใหญ่ขนาดของมันเมื่อยืน 2 ขามีความสูงเท่ากับมนุษย์มันมีขนที่แข็งและหนาสีน้ำเงินปกคลุมลำตัวพวกมันดุร้าย อันตรายและชอบจะล่าเหยื่อในเวลากลางคืนเป็นกลุ่มใหญ่ๆ Wolf
“วันนี้วันอะไรของมันกันนะ ? เจอแต่เรื่องแย่ๆไม่หยุดไม่หย่อนเลย หึ….แต่ว่าจะว่าไปทุกวันก็เป็นแบบนี้นะเอาล่ะเข้ามาเลย !!” ฟรองค์ตะโกนออกมาอย่างดุดันก่อนที่จะชิงพุ่งเข้าไปจูโจม Wolf ก่อนที่พวกมันจะลงมือ เขาตวัดดาบเข้าใส่หมาป่าตัวที่อยู่ในระยะใกล้ที่สุดของเขาทันที หมาป่าซึ่งระแวดระวังตัวอยู่แล้วทันทีที่เป็นเขาพุ่งเข้าไปพวกมันก็กระโดดถอยหลังหลบคมดาบของเขาได้อย่างไม่ยากเย็น ในวินาทีฟรองค์เสียหลักเพราะจู่โจมพลาดหมาป่าตัวหนึ่งก็กระโดดเข้ามาที่ด้านหลังของเขามันฝากรอยเล็บที่สร้างแผลเหวอะหวะเป็นรอยลึกไว้กลางหลังให้กับเขาทันที แผลนั้นสร้างความเจ็บปวดให้กับฟรองค์เป็นอย่างมาก
“อั๊ค!!” ฟรองค์ฝืนทนความเจ็บปวดไม่ยอมล้มลงเพราะเขารู้ดีว่าหากเขาล้มลงแล้วก็นั่นคือจุดจบของเขาทันที เขาใช้ดาบในมือแทนไม้ค้ำยันกับพื้นไว้เพื่อให้ทรงกายยืนอยู่ได้ แม้เขาจะได้รับการรักษา นอนพักและทานอาหารไปบ้างแล้ว แต่ความเหนื่อยล้าของเขาก็ยังคงอยู่ร่างกายของเขายังไม่ได้สมบูรณ์ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อยิ่งต้องมาสู้กับศัตรูที่มีทั้งความสามารถและจำนวนมากกว่าแบบนี้เขาจึงแทบหมดหวังที่จะชนะได้ ฟรองค์รู้ถึงความจริงในข้อนี้เป็นอย่างดีแต่ว่าเขาเลือกที่จะไม่ยอมแพ้และตายอย่างไร้ค่าอยู่นอกเมืองแบบนี้
“เหะๆ !! เป็นอะไรไปพวกแกแค่นี้มันยังล้มข้าไม่ได้หรอก !!” ฟรองค์เริ่มจะทนต่อความเจ็บปวดจากแผลซึ่งอยู่กลางหลังได้แล้วแต่นั่นเป็นเพียงแค่ความรู้สึกเท่านั้นเพราะว่าในความจริงเลือดของเขากำลังไหลออกมาจากแผลเหวอะหวะที่อยู่กลางหลังของเขาตลอดเวลา
หมาป่าทั้งหลายเมื่อได้กลิ่นเลือดของเหยื่อพวกมันก็เหมือนจะคุ้มคลั่งพวกมันหลายสิบตัวพากันวิ่งกรูเข้ามายังจุดที ฟรองค์ยืนอยู่ทันทีพวกมันทั้งหลายมีท่าทางราวกับว่ากำลังจะได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะ ฟรองค์ดึงดาบซึ่งทำเป็นไม้ค้ำขึ้นมาจากพื้นดินจากนั้นเขาก็สะบัดเศษดินที่ติดอยู่ที่ตัวดาบแรงๆ 1 ครั้งและกำดาบเอาไว้ในมืออย่างมั่นคง แม้ในตอนนี้สติของเขาจะเริ่มเลือนลางไปก็ตามที เขาเพิ่งเข้าไปจู่โจมสวนกับเหล่าหมาป่าซึ่งพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างบ้าคลั่ง
แต่ความรวดเร็วและกำลังของมนุษย์ซึ่งกำลังบาดเจ็บหรือจะสู้หมาป่าที่กำลังหิวกระหายได้ ฟรองค์ยังไม่ทันจะได้สร้างบาดแผลให้แก่หมาป่าเลยแม้แต่ตัวเดียวเขาก็ต้องถูกฝูงหมาป่ารุมกัดอย่างเจ็บปวด เขี้ยวของพวกมันจมลงไปในเนื้อของเขาแทบจะทุกส่วนของร่างกายไม่ว่าจะเป็นแขนและขาทั้งสองข้างต้นขาและตามลำตัวพวกมันดึงถึงร่างกายเขาจนเหมือนกับว่าฉีกร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆ
“อ๊าคคคคคคค !!” ฟรองค์ร้องเสียงหลงออกมาด้วยความเจ็บปวดสุดขีด เขาได้รับบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกายเลือดของเขาพุ่งออกมาจากปากบาดแผลราวกับน้ำพุ สติสัมปชัญญะของเขาตื่นตัวขึ้นจากความเจ็บปวดและก็ดิ่งพร้อมจะดับวูบในวินาทีต่อมา
「อ่า…..นี่เรากำลังจะตายแล้วสินะ เรายังไม่ทันได้รู้เลยว่าเราเป็นใคร เรามาอยู่ที่โลกนี้ได้อย่างไง เรายังไม่ทันได้ทำอะไรเลย เรายังไม่………」ฟรองค์เกิดความคิดเหม่อลอยขึ้นในช่วงวินาทีก่อนที่เขาจะได้สัมผัสกับความตาย จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าอาลัยอย่างไม่สามารถอธิบายได้ แต่พริบตาก่อนที่มัจจุราชจะกระชากวิญญาณของเขาออกจากร่างไปสู่ปรภพนั้น
“ Arrow Shower !!” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมกับลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนที่ตกลงมาจากฟากฟ้าถาโถมเข้าใส่เราหมาป่าซึ่งอยู่วงนอกรอบๆกายของเขา พวกมันหลายตัวได้บาดแผลจากคมลูกธนูทำให้พวกมันทั้งตกใจและเสียขวัญพากันวิ่งหนีแตกกระเจิงไป
“ Holy Light !!” แสงสว่างสีขาวแกมน้ำเงินพุ่งเข้ามาระแทกใส่หมาป่าซึ่งกำลังรุมกันขย้ำร่างกายของเขาอยู่แสงนั้นมีพลังเหมือนกับประจุพลังไฟฟ้าเมื่อมันกระทบเข้ากับร่างของหมาป่า หมาป่าพวกนั้นมีอาการเจ็บปวดและบางตัวก็มีแผลเหมือนกับถูกไฟฟ้าช็อตจนเป็นรอยไหม้มีควันและไอความร้อนแผ่ออกมาได้อย่างชัดเจน แม้พวกมันจะไม่ถึงกับตายแต่ก็ทำให้พวกมันพากันหนีเตลิดไปหมดอย่างไม่ยากเย็น
ฟรองค์รู้ได้ว่าวันนี้เขาได้ถูกช่วยชีวิตเอาไว้เป็นครั้งที่ 2 แล้วเพียงแต่เขาไม่รู้ว่าในครั้งนี้ใครกันที่เป็นคนมาช่วยเขาร่างกายของเขาค่อยๆเซกำลังจะล้มลงกับพื้น แต่ก่อนที่ร่างกายของเขาจะสัมผัสกับพื้นนั้นเขารู้สึกได้ว่ามีแขนที่เล็ก บอบบางและอ่อนโยน แต่มันเปี่ยมไปด้วยพลังเข้ามาประคองร่างกายของเขาเอาไว้จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงซึ่งฟังดูเหมือนกับว่าเขาจะเคยได้ยินมันมาแล้วครั้งหนึ่งดังขึ้นมาว่า
“คุณฟรองค์ !! ทำใจดีๆเอาไว้นะคะ คุณฟรองค์ !! มาเรียๆ !! มาทางนี้เร็วๆเข้าเขากำลังจะหมดสติไปแล้ว !!” ฟรองค์พยายามลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบากเพื่อจะมองใบหน้าของเจ้าของเสียงทันทีที่เขาเห็นใบหน้าของเจ้าของเสียงและผู้ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ เขาก็มีรอยยิ้มเล็กๆออกมาทันทีและพูดขึ้นมาด้วยกำลังทั้งหมดของเขาแม้มันจะเป็นเสียงที่แผ่วเบาว่า
“เธอมาช่วยชั้นเอาไว้อีกแล้วนะ…..เดซี่ โฟห์เลน…….” หลังจากที่ฟรองค์พูดประโยคนั้นออกมาเสร็จเขาก็หมดสติไปในทันที……..
to be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on Jun 1, 2018 7:49:31 GMT
EP : 6 มนุษย์แมว
- ยามค่ำคืนภายในตลาดกลางเมือง Prontera -
บนถนนที่ทอดตัวยาวตั้งแต่ประตูหน้าเมืองไปจนถึงน้ำพุกลางเมืองและจากน้ำพุกลางเมืองก็ลาดยาวตรงไปยังหน้าพระราชวังเต็มไปด้วยสีสันและโคมไฟประดับประดา สองข้างทางถนนซึ่งถูกปูด้วยหินสีขาวสวยงามมีเหล่าพ่อค้าและนักผจญภัยมากมายมาเรียงรายขายของซึ่งตนเองหามาได้ทั้งจากการผจญภัยหรือจากการรับซื้อมา
ในยามค่ำคืนนี้ ลักค์กำลังเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศครึกครื้นของสองข้างถนน เขากำลังเดินดูร้านค้าแผงลอยต่างๆซึ่งพ่อค้านำมาเปิดเพื่อแสดงและขายสินค้าตอนนี้ลักค์มีเงินในกระเป๋าอยู่จำนวนไม่น้อยและเขารู้สึกว่าควรที่จะต้องซื้ออุปกรณ์มาเพื่อเพิ่มความสามารถของตัวเขาเองแล้ว
「ก่อนที่จะซื้ออะไร ผมต้องคิดก่อนสินะว่าอาชีพต่อจากนี้ผมตั้งใจจะเป็นอะไร…...」ลักค์ครุ่นคิดขึ้นมาในขณะที่เขากำลังเดินมองสิ่งของต่างๆซึ่งวางอยู่สองข้างทางมันมากมายเสียจนเขาเลือกไม่ถูก และในขณะนั้นสายตาของเขาก็ต้องไปสะดุดเข้ากับอาวุธชิ้นหนึ่ง
Mace
มันคือไม้กระบองเหล็กแบบเดียวกับที่บล็อกโคลี่ใช้ Mace นั่นเองมันถูกวางขายอยู่ที่ร้านขายของข้างทางแม้สภาพของมันจะดูเก่าแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกแข็งแกร่งของมันลดลงเลย ลักค์จึงเดินตรงเข้าไปถามราคาของไม้กระบองเหล็กชิ้นนั้นจากพ่อค้าทันที
“นี่ๆพี่ชายไม้กระบองอันนี้ราคาเท่าไหร่หรอครับ….” ลักค์กล่าวถามกับพ่อค้าเจ้าของแผงด้วยวาจาที่สุภาพเพราะบางทีความอ่อนน้อมอาจจะทำให้ราคาของมันอ่อนลงบ้างก็ได้นั่นคือความคิดในใจของเขา พ่อค้าเจ้าของแผงเมื่อได้ยินลักค์กล่าวดังนั้นก็หันกลับมาบอกราคากับเขาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเรียบๆและจริงจังว่า
“1500zeny ขาดตัวห้ามต่อนะ….” เสียงของพ่อค้าฟังดูเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความเข้มงวดดูแล้วท่าทางสินค้าชิ้นนี้คงจะไม่สามารถต่อราคาได้ง่ายๆแน่ ลักค์เองก็มีความสนใจในอาวุธชิ้นนี้อยู่แล้วเพราะหลังจากที่เขาเห็นบล็อกโคลี่ใช้มันตอนสู้กับกบยักษ์ มันดูได้ผลและหนักหน่วงมากกว่าที่ตาเห็น
“ตกลงครับ1500 ก็ 1500 นี่ครับพี่” ลักค์ยื่นถุงเงินที่ใส่เหรียญเงินเอาไว้ในราคาพอดีกับไม้กระบองเหล็กส่งให้แก่พ่อค้าเจ้าของร้าน พ่อค้าเจ้าของร้านรับถุงนั้นไปจากนั้นเขาก็นำมันวางไว้บนมือขวาเพียงข้างเดียวและโยนขึ้นลง 2 3 ครั้งก่อนจะกล่าวว่า
“อืม….ถูกต้องครบตามจำนวนแล้ว ขอบคุณที่อุดหนุนนะ”พ่อค้าเพียงแค่เขย่าถุงน้ำหนักและเสียงของเหรียญที่กระทบกันทำให้เขาสามารถบอกจำนวนเงินซึ่งอยู่ในถุงได้อย่างแม่นยำ ลักค์หยิบไม้กระบองเหล็กของเขาขึ้นมาจากร้านก่อนที่จะก้าวเท้าเดินไปดูของอย่างอื่นต่อ แต่ว่าก่อนที่เขาจะเดินจากไปพ่อค้าเจ้าของร้านซึ่งขายไม้กระบองเหล็กให้กับเขาก็เรียกเขาก่อนจะกล่าวว่า
“เฮ้ !! เดี๋ยวก่อนสิเจ้าหนุ่มข้ามีโล่ Guard สำหรับป้องกันขายด้วยนะเจ้าซื้อไม้กระบองเหล็กไปเมื่อกี้สนใจโล่สักอันไหมเดี๋ยวจะขายให้ถูกๆ !!” ลักค์รู้สึกสนใจในข้อเสนอของพ่อค้าขึ้นมา เขาจึงเดินกลับไปที่แผงอีกครั้งพ่อค้าเห็นท่าทางของลูกค้าหนุ่มคนนี้ก็ยิ้มเล็กๆออกมา ก่อนที่จะเดินไปยังกล่องไม้ซึ่งเขาตั้งเอาไว้ด้านหลังร้านเขาค้นของอยู่ครู่หนึ่งก็หยิบโล่ขนาดเล็กอันหนึ่งขึ้นมาให้กับลักค์ได้ดู
Guard มันเป็นโล่ขนาดเล็กซึ่งทำจากเหล็กกล้า น้ำหนักพอประมาณความกว้างของมันนั้นจัดว่าอยู่ในขนาดที่เล็ก แต่ก็กำลังพอดีที่จะใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว แม้มันจะดูเก่าแต่ว่าด้านหน้าผิวสัมผัสของมันยังคงสะท้อนส่องประกายดูแวววาวเหมือนกับว่าถูกดูแลรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี ลักค์เริ่มมีความรู้สึกสนใจในโล่ชิ้นนี้ขึ้นมาแล้ว พ่อค้าส่งโล่มาให้กับเขาลองหยิบดูใกล้ๆ ลักค์พิจารณามันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามพ่อค้าว่า
“อันนี้ราคาซักเท่าไหร่ครับ ?” พ่อค้ายิ้มออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำถามของลูกค้าหนุ่ม เขาจึงรีบตอบกลับไปทันทีอย่างไม่ลังเลว่า
“300zeny ว่าไงถูกดีใช่ไหมล่ะ ?” ลักค์ไม่ตอบคำถามใดๆเขาหยิบเหรียญเงินจากในกระเป๋าส่งให้กับพ่อค้าแทบจะทันทีที่รู้ราคา พ่อค้ายิ้มออกมาอย่างพอใจหลังจากนั้น ลักค์ก็นำอุปกรณ์ทั้ง 2 ชิ้นที่เขาเพิ่งซื้อมาใส่ลงไปในกระเป๋าสัมภาระด้านหลังและออกเดินไปตามท้องถนนเพื่อดูสินค้าต่างๆต่อไปอย่างสบายอารมณ์
หลังจากที่ ลักค์เริ่มเดินดูสินค้าไปได้สักระยะหนึ่งเขาก็รู้สึกว่าวันนี้เขาควรที่จะต้องกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมเพื่อที่จะฟื้นตัวเอาแรงสำหรับการผจญภัยในวันรุ่งขึ้นได้แล้ว เขาจึงหันหลังและเดินกลับไปยังด้านที่มีโรงแรมเปิดอยู่เรียงรายกันมากมายภายในเมือง Prontera แต่ว่าในระหว่างที่เดินทางกลับนั้นเขาก็ต้องสะดุดตาเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินตรวจตราอยู่ภายในย่านการค้าภายในเมือง เธอคนนั้นคือเจ้าหน้าที่ของเอเดนกรุ๊ป Boya หญิงสาวผู้มีผมสีส้มและสวมชุดเกราะเป็นที่โดดเด่นนั่นเอง
Boya ลักค์เดินเข้าไปทักกับเธอด้วยท่าทางที่ดูประหม่าเล็กๆนั่นเป็นเพราะว่าเขายังไม่ได้รู้จักมักจี่กับเธอดีนักแต่ว่าจะบอกว่าเป็นคนที่แปลกหน้าก็คงจะไม่ใช่ดังนั้นการทักทายกันตามมารยาทจึงเป็นสิ่งที่เขารู้สึกว่าควรจะต้องกระทำ
“คุณ Boya สวัสดีครับ มาเดินตรวจตราที่ย่านการค้าหรือครับ ?” ลักค์กล่าวขึ้นกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นมิตรก่อนที่จะยิ้มหวานให้แทนคำทักทายแต่ว่า Boya นั้นกลับจ้องมองกลับมาที่เขาตาเขม็งละเดินตรงเข้ามาหาเขาทันที เธอใช้มือซึ่งสวมถุงมือเหล็กอันแข็งแกร่งจับไหล่ของเขาทั้งสองข้างอย่างแรงก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่จริงจังว่า
“นี่นายเอ่อ…..ลักอ็องเซียล สินะ ? ใช่ไหม !! นายกำลังว่างอยู่หรือเปล่าช่วยอะไรฉันหน่อยสิ !!” เธอกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดูแตกตื่นทำให้ ลักค์พลางคิดไปว่าอาจจะเป็นเรื่องที่เธอกำลังจะขอร้องมีความสำคัญเร่งด่วนมากๆ เขาจึงรับปากตอบตกลงไปในทันทีโดยที่แทบจะยังไม่ได้คิดอะไรเลย
“ได้สิครับ คุณ Boya มีอะไรจะให้ผมช่วยอย่างนั้นหรอ ?” Boya เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขมันเป็นรอยยิ้มที่ดูผิดกับท่าทางซึ่งเยือกเย็นและแข็งแกร่งของเธอไปสักหน่อยแต่ก็เป็นรอยยิ้มที่งดงามประทับใจผู้ที่ได้เห็นอย่างแน่นอน หลังจากนั้นเธอก็กล่าวว่า
“แมวของฉัน…..เธอหายไปน่ะเราแยกกันที่ย่านการค้านี่แหละนายช่วยตามหาเธอให้ฉันทีสิ !!” ลักค์รู้สึกตกใจทันทีที่ได้ยินคำขอร้องของเธอ
“แมวงั้นหรือครับ ?!?” ลักค์ถามกลับไปเพื่อยืนยันความแน่ใจ Boya พยักหน้าแทนคำตอบก่อนที่เธอจะหยิบรูปใบหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อหนัง มันเป็นภาพที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีราวกับสมบัติล้ำค่าเธอค่อยๆยื่นมันให้กับเขาด้วยท่าทางที่เป็นกังวล
ลักค์รับรูปภาพใบนั้นจากมือของ Boya มาดูอย่างระมัดระวังภายในภาพใบนั้นมีรูปของเธอกำลังถ่ายคู่กับแมวสีส้มตัวใหญ่แมวตัวนั้นใส่เสื้อสีแดงเอาไว้ด้วย Boya ภายในภาพนั้นยิ้มออกมาอย่างร่าเริงและดูมีความสุข ลักค์มองภาพนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า
“นอกจากนี้แล้ว….ยังมีอะไรที่เป็นจุดสังเกตได้หรือเปล่าครับที่มันแตกต่างจากแมวตัวอื่นๆน่ะครับ” ลักค์กล่าวถาม Boya ต่อไปอีกเธอได้ฟังดังนั้นแล้วก็ทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นดวงตาของเธอก็เบิกโพรงราวกับว่าคิดอะไรออกและเธอก็ตอบเขาอย่างรวดเร็วทันทีว่า “ใช่แล้ว !! นึกออกแล้วมันพูดได้น่ะ” คำตอบของเธอทำให้ ลักค์ถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะย้ำคำตอบของเธออีกครั้งด้วยสีหน้าที่แปลกใจและงุนงงแบบสุดๆ
“หะ…..อะ….มันพูดได้อย่างนั้นหรอครับ ?!?” ลักค์ดล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสงสัยราวกลับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เขากำลังได้ยิน แต่ว่า Boya งั้นกลับพยักหน้าตอบเขาอีกครั้งด้วยท่าทางที่จริงจังเพื่อยืนยันว่าแมวของเธอน้ำสามารถที่จะพูดภาษามนุษย์ได้ ลักค์รู้สึกเหลือเชื่อว่าเขาจะต้องมาตามหาแมวซึ่งพูดได้แต่ดันพลัดหลงกับเจ้าของกลางคืนแบบนี้แต่เขาก็ตกปากรับคำกับ Boya ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตามหามันเท่านั้น
- ถนนเส้นหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและโรงแรมภายในเมือง Prontera -
เวลาผ่านไปกว่าชั่วโมงแล้วที่ลักค์ออกเดินเท้าตามหาแมวสีส้มพูดได้แต่เขากลับไม่มีวี่แววที่จะพบเป้าหมายของเขาเลย ไม่ว่าเขาจะดูตามซอกซอยเล็กๆตามถังขยะหรือตามที่ที่มีเศษอาหารซึ่งจะมักจะมีแมวไปชุมนุมกันก็ตามที แต่ในที่สุดเขาก็มาฉุกคิดได้ว่า
「เดี๋ยวก่อนนะ….ในเมื่อแมวตัวนี้พูดได้แสดงว่ามันน่าจะมีสติปัญญาดังนั้นถ้าเราจะมองมันเป็นแมวธรรมดาก็คงจะไม่ได้ บางทีมันอาจจะมีพฤติกรรมที่คล้ายกับมนุษย์ถ้าอย่างนั้นล่ะก็….」ลักค์คิดได้ดังนั้นเขาจึงกำลังจะเริ่มเปลี่ยนวิธีที่จะตามหาเป้าหมายของเขาใหม่ แต่ว่าก่อนที่เขาจะได้ลงมือทำอะไรหูของเขาก็ได้ยินเสียงสนทนาดังขึ้นมาจากอาคารซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆกับสุดที่เขายืนอยู่
“เนี๊ยว ฮ่ะ ฮ่าาา นานๆทีจะได้เจอเพื่อนที่รวมดื่มได้อย่างสะใจแบบเจ้านะเนี่ย !! มา ! มา ! เจ้าล่ำบึก วันนี้ถ้าเกิดว่าไม่มีใครหลับคาโต๊ะงานเลี้ยงก็ไม่เลิก !!” เสียงที่เล็กและแหลมอีกทั้งยังสำเนียงแปลกๆ ดังขึ้นมาดึงดูดความสนใจของลักค์ ลักค์จะรู้สึกอยากที่จะฟังบทสนทนาต่อไปอีกสักนิดเขาจึงยืนอยู่และเงี่ยหูฟัง
“ฮ่ะๆๆๆ ไม่เอาน่ะครับ เล่นนี้ออกมาแบบนี้เดี๋ยวคุณ Boya เธอเป็นห่วงแย่เลยนะครับ” เสียงของชายหนุ่มคู่สนทนากับผู้ที่มีสำเนียงแปลกๆเป็นเสียงที่ฟังแล้วคุ้นหูลักค์อย่างมาก แล้วในที่สุดเขาก็นึกออกมันคือเสียงของบล็อกโคลี่นั่นเอง ลักค์รีบวิ่งเข้าไปในโรงแรมซึ่งเขาได้ยินเสียงทันทีเขารีบวิ่งตรงไปยังห้องที่เขาได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมา
“คุณบล็อคโคลี่ !! อยู่ในนี้ใช่ไหมครับเปิดประตูหน่อยนี่ผมเองลักค์ครับ !!” เขาเคาะประตูอย่างหนักหน่วงพร้อมกับกล่าวเพื่อแสดงตัวตนให้แก่ผู้ที่อยู่ในห้องทราบ ไม่นานนักคนที่เขาคุ้นเคยนั่นก็คือบล็อคโคลี่ก็เดินออกมาเปิดประตูด้วยท่าทางที่ดูแปลกใจ
“ลักค์บังเอิญจังเลยนะนี่นายมาทำอะไรที่นี่นะ ?” บล็อกโคลี่กล่าวกับเขาด้วยท่าทางที่ดูแปลกใจแต่ว่าสีหน้าของลักค์กลับดูแตกต่างออกไปเขากวาดสายตาเข้าไปภายในห้องพักของบร็อคโคลี่จนทั่วและในที่สุดเขาก็พบกับสิ่งที่เขากำลังตามหาอยู่แมวตัวใหญ่สีส้มซึ่งใส่เสื้อกั๊กสีแดงและสามารถพูดภาษาคนได้ มันกำลังอยู่ในสภาพกึ่งดีกึ่งเมา ภายในมือของมันหรือจอกเหล้าซึ่งมีกลิ่นหอมหวานโชยออกมาและบนโต๊ะก็มีปลาตัวเล็กที่ปิ้งไฟกำลังดีวางอยู่ในจาน ข้างๆตัวของมันมีเตาไฟซึ่งกำลังย่างปลาประเภทเดียวกันอยู่อีกหลายตัว
โอโทโร่ “โอโทโร่ !! หายมาอยู่ที่นี่เองสินะ !!!!” ด้านล่างของโรงแรมเสียงของ Boya ดังลั่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าซึ่งดังต่อเนื่องและลากยาวมาจนถึงชั้นบนหน้าห้องพักของบล็อกโคลี่ Boya ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวลปนกับความโกรธเล็กน้อย เธอตรงเข้าไปหาเจ้าแมวสีส้มตัวใหญ่ที่มีชื่อว่าโอโทโร่ และอุ้มมันขึ้นมากอดด้วยท่าทางที่ดูคิดถึงเป็นอย่างมาก
“โอยๆๆ !! พอได้แล้วในยัยหนูมันอึดอัดนะ เฮ้ !! ได้ยินที่ชั้นพูดหรือเปล่า ปล่อยได้แล้ว อย่าเขย่าคนที่กำลังเมาเซ่ อ๊อค !!” เสียงของโอโทโร่ฟังดูทรมานเพราะว่า Boya นั้นกอดเธอแรงเกินไปภาพตรงหน้าสร้างความสับสนและความงุนงงให้กับ บล็อกโคลี่ และ ลักค์ เป็นอย่างมาก หลังจากที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนพออกพอใจแล้ว Boya ก็ได้อธิบายให้กับชายหนุ่มทั้งสองคนซึ่งยืนตะลึงอยู่ว่า
โอโทโร่นั้นเป็นแมวพูดได้ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเผ่ามนุษย์แมวที่เดินทางมาจาก Malangdo Island ซึ่งเป็นเกาะบ้านเกิดของพวกมนุษย์แมว โอโทโร่นั้นเป็นมนุษย์แมวเพศเมียที่มีความสามารถในการต่อสู้สูงและเป็นอดีตคู่หูรวมปาร์ตี้ของพ่อเธอและยังเป็นหนึ่งในสมาชิกที่มีความสามารถของเอเลนกรุ๊ปอีกด้วย หรืออีกนัยความหมายนึงเธอก็คือรุ่นพี่ของชายหนุ่มทั้งสองคนนั่นเอง
บล็อกโคลี่เมื่อได้ทราบความจริงนี้เขาก็ตกใจมากกว่า ลักค์เป็นเท่าตัวเพราะว่าเขาได้พบกับโอโทโร่และมักจะมาดื่มเหล้าด้วยกันเสมอเป็นระยะเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าโอโทโร่นั้นเป็นใครมาจากไหน
“เนี๊ยว โฮะๆ ในเมื่อวันนี้ถูกจับตัวได้แล้วไว้คราวหน้าจะแอบออกมาใหม่ เจ้าล่ำบึกเตรียมตัวให้ดีล่ะการตัดสินว่าใครคอแข็งกว่ากันของเรายังไม่จบนะ วันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อนล่ะ !!” เมื่อพูดจบโอโทโร่ก็กระโดดออกไปจากระเบียงอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ชั้นที่อยู่นี่คือชั้น 3 ของโรงแรม Boya ก็กระโดดตามเธอออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ยังไม่ทันจะได้กล่าวลาชายหนุ่มทั้งสองเลยด้วยซ้ำไป
“โลกเรานี้ก็มีอะไรที่แปลกๆเกินกว่าที่จะจินตนาการเอาไว้เยอะเลยนะบล็อกโคลี่…..” ลักค์กล่าวขึ้นมาลอยๆกับบล็อกโคลี่ซึ่งกำลังยืนมึนงงอยู่ข้างๆเขา หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นบล็อคโคลี่ก็ตอบกลับเขาไปว่า
“สั่งกับแกล้ม ปลาปิ้งและก็เหล้าหวานมาเยอะเลย …...เหลือเลยสิคราวนี้เอาไงดี ? เรามาดื่มกันสักหน่อยไหม ?” บล็อกโคลี่กล่าวชวน ลักค์เพื่อให้ช่วยจัดการสิ่งของที่โอโทโร่สั่งมาและก็ชิ่งหนีไป ลักค์ได้แต่หัวเราะเบาๆและตอบว่า “ผมพึ่งจะ 18 นะครับยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยจะดื่มได้หรือ ?”
“ไม่เป็นไรหรอก….ที่โลกใบนี้มีกฎหมายห้ามเด็กต่ำกว่า 20 ดื่มซะที่ไหนล่ะ….” หลังจากนั้นชายหนุ่มทั้งสองคนก็ต้องได้ร่วมดื่มเหล้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย
- เช้าวันรุ่งขึ้น -
ลักค์ตื่นขึ้นมาและเดินทางไปยังเอเดนกรุ๊ปเพื่อที่จะไปหาภารกิจต่อไปทำ ในตอนเช้านั้นเขาได้พบกับ Boya ซึ่งกำลังนั่งจัดเอกสารอยู่ที่ด้านหลังเคาเตอร์เธอเรียกเขาเข้าไปพูดคุยและขอบคุณในเรื่องที่เขาช่วยตามหา โอโทโร่เมื่อคืนนี้ หลังจากนั้นเธอก็หยิบกระดาษในหนึ่งขึ้นมาจากใต้ลิ้นชักและส่งให้กับเขาก่อนจะกล่าวว่า
“นี่คือตั๋วใช้สำหรับเบิกอุปกรณ์ของสมาชิกของเอเดนกรุ๊ป เมื่อวานนี้นายช่วยฉันนี่นะ ดังนั้นรับนี้ไปเถอะนายสามารถใช้ตั๋วใบนี้ไปเบิกเอา Eden Group Uniform จากคลังแสงของเราไปใช้ได้เลยนะมันเป็นชุดที่ดีมากสำหรับนักผจญภัยเริ่มต้นและก็ในหลายๆคนอยากจะได้มันเลยล่ะ อ๊ะ !! แต่ว่าชุดนี้นายไม่สามารถจะเอาไปขายต่อได้นะถ้าหากนายไม่ใช้มันแล้วให้เอามาคืนที่สมาคมด้วยล่ะ” ลักค์รับตั๋วใบนั้นจ๋า Boya และตรงไปที่คลังแสงเพื่อขอเบิกชุดกับเจ้าหน้าที่ทันทีสิ่งที่เขาได้รับมาก็คือ
Eden Group Uniform I Eden Group Uniform I (พลังป้องกัน 35 MaxHP+100 MaxSp+10) มันเป็นเสื้อคลุมยาวสีขาวประดับด้วยปกเสื้อและปลอกแขนสีดำลงลายสีทองสวยงาม ตัวเสื้อนั้นทำมาจากผ้าลินินเนื้อดีที่มีความทนทานและสามารถสวมใส่ได้สบาย อีกทั้งยังมีความสวยงามดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ตรงเอวของเสื้อมีเข็มขัดสีแดงซึ่งเอาไว้เพิ่มความกระชับให้กับผู้สวมใสทำให้สามารถใส่ได้สบายและมีความคล่องตัวมากขึ้น ลักค์รับชุด Eden Team Uniform มาสวมใส่แทนเสื้อตัวเก่าด้วยความรู้สึกพอใจ หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับไปยังล็อบบี้เพื่อที่จะ หาภารกิจที่จะทำต่อไปในวันนี้
to be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on Jun 1, 2018 8:03:49 GMT
Character Info # 2
นาย Novice ลักคฺ์ใส่ของเพิ่มเติมแล้ว อีกไม่นานได้เปลียนอาชีพแน่นอน !!
|
|
|
Post by wildrose on Jun 2, 2018 6:06:01 GMT
EP : 7 มุ่งหน้าสู่ Morroc - ยามเช้าภายในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมือง Prontera -Prontera Inn ฟรองค์รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เขาสลบไปเป็นเวลา ถึงแม้ว่าเขาจะตื่นแล้วแต่ว่าเขาไม่สามารถขยับร่างกายได้อย่างอิสระร่างกายของเขาถูกนอนทอดอยู่บนเตียงภายในโรงแรมแห่งนี้ด้วยสภาพที่เต็มไปด้วยผ้าเป็นแผล 「นี่ชั้นสลบไปนานขนาดไหน ? แล้วที่นี่ที่ไหนกันละเนี่ย ? เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ? ปวดไปหมดทั้งตัวเลย」ความคิดฟุ้งซ่านของฟรองค์เริ่มที่จะก่อตัวขึ้นเพราะว่าเขาไม่สามารถที่จะขยับร่างกายได้และภายในห้องนั้นก็ไม่มีใครอีกเลยนอกจากเขา ห้องนั้นเป็นห้องของโรงแรมซึ่งทำมาจากไม้ข้างในมีเฟอร์นิเจอร์ซึ่งก็คือตู้ไม้ขนาดเล็กและโต๊ะไม้ประดับอยู่เพียงเพื่อให้ใช้ประโยชน์ในการพักชั่วคราวเท่านั้น ตะเกียงภายในห้องนี้ถูกดับลงไปแล้ว และหน้าต่างซึ่งมีม่านกั้นอยู่มีแสง ส่องเล็ดลอดออกมาเล็กน้อยทำให้เขารู้ว่านี่เป็นเวลากลางวันฟรองค์นอนอยู่ด้วยอาการที่นิ่งสงบแต่ภายในใจนั้นกลับกระวนกระวายมาก หลังจากนั้นระยะเวลาหนึ่งก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้นมาจากด้านหน้าห้อง หัวใจของเขานั้นเต้นโครมครามและจับจ้องไปยังประตูความทรงจำสุดท้ายที่เขาจำได้ก็คือเขาถูกช่วยไว้โดย เดซี่ โฟห์เลน จากการถูกฝูงหมาป่าทำร้ายทันทีที่ประตูนั้นถูกเปิดออกก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องเขาเป็นผู้ชายที่มีอายุราวๆ 20 ปี รูปร่างของเขานั้นดูสมส่วนและมีส่วนสูงมากถึง 180 cm กลางๆ เขามีผิวที่ขาวแบบคนยุโรป เส้นผมของเขามีสีทองเขาไว้ผมทรงสั้นและหวีแสกกลางเส้นผมของเขานั้นหยักศกเล็กน้อย ดวงตาเรียวกลมของเขานั้นจับจ้องมาที่ฟรองค์ อีกทั้งนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลของเขานั้นดูจริงจังและสุขุมเยือกเย็น“อาาา ฟื้นแล้วนี่ !! นายยังขยับตัวทันทีไม่ได้นะบาดแผลของนายสาหัสมาก ถึงแม้ว่าคุณมาเรียจะลงมือรักษาให้นายอย่างเต็มที่แล้ว แต่ว่าบาดแผลลึกบางส่วน ความเหนื่อยล้าและเลือดที่เสียไปของนายคงจะไม่สามารถกับคืนมาได้หรอกนายจะต้องใช้เวลาในการพักฟื้นอีกสักหน่อย” ชายหนุ่มผมสีทองคนนั้นพูดกับ ฟรองค์ถึงเรื่องอาการบาดเจ็บของเขาอย่างละเอียด ฟรองค์ในตอนนี้รู้ว่าเขาสามารถที่จะขยับปากเพื่อที่จะสนทนากับชายผู้นี้ได้ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือการถาม“นายกับพวกของนายเป็นคนช่วยชั้นไว้อย่างนั้นหรอ ?” ฟรองค์กล่าวถามกับชายหนุ่มผมสีทอง ชายหนุ่มผมสีทองเมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ยิ้มออกมาเล็กๆก่อนที่จะตอบฟรองค์กลับไปว่า“ใช่แล้วล่ะครับคุณฟรองค์ คุณมาเรียกับเดซี่เป็นคนช่วยคุณเอาไว้จากฝูง Wolf พวกเราในตอนนั้นกำลังรับภารกิจในการกำจัดฝูงหมาป่าที่บ้าคลั่งและเข้าทำร้ายชาวบ้าน ตอนที่ไปถึงที่นั่นคุณมาเรียพบคุณนอนสลบอยู่ที่กลางทุ่งเธอก็เลยช่วยคุณไว้หนึ่งครั้งแล้วหลังจากนั้นเธอก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเธอก็เลยกลับไปหาคุณที่ตรงกองไฟซึ่งเธอจุดเอาไว้อีกครั้งแล้วก็พบว่าคุณกำลังถูก Wolf รุ่มโจมตีอีกครั้งหนึ่ง พวกเราพยายามจะเข้าไปช่วยแต่ว่าไม่ทันคนถูกทำร้ายจนสลบเราก็เลยพาคุณมาที่นี่ครับ” ชายหนุ่มผมสีทองพูดพลางเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ซึ่งอยู่ข้างเตียงของฟรองค์ด้วยท่าทางที่ดูสบายๆ“แล้วตอนนี้ชั้นอยู่ที่ไหน ? แล้วพรรคพวกของนายล่ะ” ฟรองค์ถามคำถามกับชายหนุ่มผมทองต่อ แต่ชายหนุ่มผมทองกลับยิ้มออกมาและกล่าวว่า“คุณมาเรียและเดซี่ ขอแยกตัวออกไปแล้วล่ะครับหลังจากที่ภารกิจของพวกเราเสร็จสิ้น คุณมาเรียได้จ่ายค่าจ้างให้กับผมเพื่อมาดูแลคุณจนกว่าคุณจะฟื้นขึ้นมา แต่ถ้าหากว่าคุณไม่ฟื้นขึ้นมาภายในระยะเวลา 3 วันผมคงจะต้องหาทางติดต่อกับคุณมาเรียอีกครั้งหนึ่ง….ดีแล้วล่ะครับที่คุณฟื้นขึ้นมาตอนนี้ อ้อ ผมมีชื่อว่าวินเซนต์ ไรลี่ย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณฟรองค์” ชายหนุ่มผู้มีนามว่าวินเซนต์ได้กล่าวแนะนำตัวกลับฟรองค์ด้วยท่าทางที่สุภาพ ฟรองค์หนังสังเกตเครื่องแต่งกายของวินเซนต์ทำให้รู้ว่าเขานั้นยังไม่ได้ทำการเปลี่ยนอาชีพเขายังเป็น Novice อยู่แต่จากประสบการณ์ที่ได้รับในภาระกิจล่าหมาป่าท่าทางว่าวินเซนต์คงจะได้เปลี่ยนอาชีพภายในระยะเวลาอันใกล้นี้แน่ฟรองค์เมื่อถามสิ่งที่ข้องใจจนหมดแล้วเขาก็พยายามจะลุกขึ้นเพื่อที่จะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติการนอนอยู่บนเตียงนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก วินเซนต์เมื่อเห็นฟรองค์พยายามจะทำแบบนั้นเขาก็ไม่ได้กล่าวห้าม เพราะว่าเมื่อดูจากอาการหลังจากที่ฟรองค์ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วบาดแผลภายนอกของเขาทุเลาลงไปมาก จะมีก็เพียงแต่ความเหนื่อยล้าเท่านั้นถ้าหากว่าเขาใช้พลังใจในการชนะความอ่อนล้าได้เขาก็น่าจะสามารถที่จะทราบว่าใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วกว่ากำหนดฟรองค์ลุกขึ้นยืนเขาถอดผ้าพันแผลออกจากร่างกายทำให้รู้ว่าร่างกายของเขานั้นยังมีแผลบางส่วนที่ยังไม่ปิดสนิทและบางส่วนที่ถ้าหากว่าได้รับการรักษาไม่ดีอาจจะหลงเหลือแผลเป็นเอาไว้บนร่างกายของเขาตลอดไป แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจถึงรายละเอียดพวกนี้มากนัก ฟรองค์เดินไปหยิบชุดเครื่องแบบนักดาบซึ่งขาดรุ่งริ่งที่ถูกแขวนเอาไว้ที่ผนังด้านหนึ่งของห้องขึ้นมาเปลี่ยนจากชุดที่เขาใช้อยู่ วินเซนต์ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในขนาดที่ฟรองค์กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ว่าเขากลับพูดบทสนทนาลอยๆขึ้นมาว่า“จะไปแล้วหรือครับไม่รอพบหน้าคุณมาเรียหรือว่าเดซี่ ซักหน่อยหรอครับบางทีพวกเธอน่าจะดีใจถ้าหากว่าเห็นคุณปลอดภัย” ฟรองค์เมื่อได้ยินวินเซนต์พูดดังนั้นเขาก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า“ฉันเป็นหนี้ผู้หญิงคนที่ชื่อว่า เดซี่ มาแล้วครั้งหนึ่งแล้วนี่ต้องมาเป็นหนี้คนที่ชื่อ มาเรีย อีกถ้าหากว่าจะพบหน้ากันคราวหน้าก็ขอเป็นครั้งที่ฉันจะได้ชำระหนี้กับพวกเธอก็แล้วกัน ฝากบอกพวกเธอแบบนี้ด้วยนะแล้วก็นายวินเซนต์ ถึงแม้ว่านายจะถูกจ้างมาก็ตามแต่ก็ขอบคุณนะที่อุตส่าห์มาดูแลฉัน ลาล่ะ….” ฟรองค์เก็บสัมภาระและดาบของเขาก่อนจะเดินออกจากโรงแรมทันที โดยที่ภายในใจของเขานั้นคิดว่าเขาจะต้องหาทางทำอะไรบางอย่างให้อยู่รอดในโลกใบนี้ได้เขาต้องพยายามมากกว่านี้ - ยามเช้าในเวลาเดียวกันกับที่ ฟรองค์ เดินทางออกจากโรงแรม - ลักค์เดินทางเข้ามายังล๊อบบี้ของเอเดนกรุ๊ป เขาเข้าไปที่บอร์ดเพื่อที่จะดูภารกิจที่มีให้ทำในวันนี้ทันที แต่เขาก็ยังไม่สามารถที่จะตัดสินใจได้ว่าจะเลือกภารกิจอะไรที่จะทำ หลังจากที่ยืนอยู่ที่หน้าบอร์ดอยู่นานก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาทักทายเขา“โย่ว !! ลักค์มาหาภารกิจทำหรอ ? เจออะไรที่น่าสนใจบ้างไหม ?” Doom เดินเข้ามาทักทายเขาด้วยท่าทางที่ดูสนิทสนม Doom ในตอนนี้หายดีจากบาดแผลที่ต่อสู้กับเจ้ากบยักษ์ Toad เรียบร้อยแล้วเขาจึงออกมาหาภารกิจทำที่เอเดนกรุ๊ปแห่งนี้“สวัสดีครับ คุณ Doom อาการบาดเจ็บหายดีแล้วหรือครับ ? ผมยังไม่เจอภารกิจอะไรที่น่าสนใจเลยส่วนใหญ่จะมีแต่ที่ท่าทางจะยากเกินไปสำหรับผมทั้งนั้นเลย” ลักค์กล่าวขึ้นด้วยท่าทางที่ดูผิดหวัง Doom เองก็เข้าใจสถานการณ์ของเขาดีเขาเงียบนิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า“ลักค์แกไม่ลองไปเปลี่ยนอาชีพดูหรือ ? บางทีมันอาจจะทำให้แกแข็งแกร่งขึ้นก็ได้นะ” คำพูดของ Doom ทำให้ ลักค์ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเขาควรจะต้องไปเปลี่ยนอาชีพได้แล้วเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ทำภารกิจและเดินทางไปเปลี่ยนอาชีพตามที่เขาต้องการ“นั่นสิครับ !! จริงด้วยขอบคุณมากนะครับคุณ Doom ขอบคุณมากนะครับผมจะไปเปลี่ยนอาชีพก่อนแล้วเราค่อยพบกันใหม่ครับ !!” ลักค์กล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น Doom ไม่คิดว่าลักค์จะเป็นคนที่กระตือรือร้นขนาดนี้เขาได้แต่ทำหน้างงๆ ยืนมองลักค์ที่กำลังจะเดินจากไปแต่แล้วเขาก็ถามขึ้นมาว่า“เดี๋ยวก่อนสิ !! แล้วแกตั้งใจจะเป็นอะไรน่ะ ?” ลักค์เมื่อได้ยินดังนั้นก็หันหลังมาแว่บนึงแล้วตอบกลับไปทันทีว่า “Acolyte ครับ !!” จากนั้นลักค์ก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว Doom ได้แต่บ่นพึมพำขึ้นมาเบาๆกับตนเองว่า “นักบวชงั้นเหรอ ? หึ ทำให้นึกถึงเจ้านักบวชกล้ามล่ำขึ้นมายังไงก็ไม่รู้สิ…...” - ภายในโบสถ์หลักของเมือง Prontera -Prontera Church ลักค์กำลังนั่งรออยู่ที่ด้ายหน้าห้องพิธีเขากำลังรอที่จะเข้าพบกับหลวงพ่อเพื่อที่จะทำการขอเปลี่ยนอาชีพเป็นนักบวชด้วยท่าทางที่ดูตื่นเต้นและประหม่า ภายในโบสถ์ซึ่งทำมาจากหินอ่อนสีขาวที่เงียบสงบที่นี่แม้จะมีผู้คนเข้าออกบ้างแต่ก็ไม่พลุกพล่านแบบย่านการค้า ผู้คนส่วนใหญ่มาเพื่อทำการสารภาพบาปหรือบางคนก็มาเพื่อที่จะเป็นนักบวชเหมือนกับเขานั่นเอง หลังจากที่เราอยู่ระยะเวลาหนึ่งในที่สุดก็ถึงตาของลักค์ เขาเดินเข้าไปภายในห้องพิธีเพื่อที่จะสาบานตนในการเปลี่ยนอาชีพเป็นนักบวชหลวงพ่อผู้ซึ่งมีหน้าที่ทดสอบเขายืนอยู่ที่หลัง Stand รอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว“ยินดีต้อนรับเจ้าลูกแกะน้อยหลงทางเจ้ามาที่นี้ต้องการอะไร ? ไหนลองบอกจุดประสงค์ของเจ้ามาให้ข้าฟังหน่อยซิ….” หลวงพ่อผู้มีหน้าที่ทดสอบกล่าวถามกับลักค์ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนถึงแม้ว่าภายในใจของหลวงพ่อจะรู้อยู่แล้วว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร“ผมต้องการที่จะเปลี่ยนอาชีพเป็น Acolyte ครับ !!” ลักค์กล่าวตอบแทบจะทันทีด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความมุ่งมั่นอย่างเปี่ยมล้น คำตอบของเขาทำให้หลวงพ่อยิ้มออกมาด้วยความยินดี หลวงพ่อได้หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากช่องเก็บของของ Stand ที่เขายืนอยู่และส่งมันให้กับลักค์ ก่อนที่จะกล่าวว้า“ถ้าอย่างนั้นข้าจะขอทดสอบความมุ่งมั่นของเจ้าสักหน่อยนะ ทางด้านทิศเหนือของเมือง Morroc มีผู้แสวงบุญคนนึงเธอมีนามว่าแม่ชี Mathilda เจ้าจงไปพบกับเธอและรับคำแนะนำจากเธอจากนั้นก็กลับมาที่นี่เถอะข้าจะรอคอยการกลับมาของเจ้านะลูกแกะน้อย…..” ลักค์รับกระดาษซึ่งเปรียบเสมือนจดหมายแนะนำตัวมาจากหลวงพ่อภายในนั้นประกอบด้วยจดหมายแนะนำตัว และมีแผนที่ให้ใช้สำหรับเดินทางแนบมาให้ด้วย ลักค์กล่าวลากับหลวงพ่อจากนั้นก็ปลิกตัวเดินออกมาทันที ภายในใจของเขาเกิดความคิดขึ้นมาว่า
- ย่านการค้าภายในเมือง Prontera - 「Morroc งั้นเหรอ ? ไกลเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ยเราจะไปถึงที่นั่นได้ยังไงกันนะ ?.....」ลักค์พลางคิดในใจในขณะที่เดินก้าวเท้าสั้นๆอยู่บนถนนภายในเมือง Prontera แต่แล้วเขาก็ต้องไปสะดุดตาเข้ากับสิ่งหนึ่ง ภายในร้านขนาดใหญ่ที่นั่นมีพนักงานของร้านคนหนึ่งกำลังยืนประกาศให้บริการบางสิ่งบางอย่างอยู่
Pecopeco “Pecopeco สำหรับเช่าเดินทางครับ !! คิดค่าบริการไม่แพงท่านสามารถจะนำ Pecopeco ไปคืนเมื่อครบกำหนดวันเช่าที่เมืองไหนก็ได้พวกเรามีสาขาอยู่ทุกเมืองภายในโลกใบนี้ครับเชิญเลยๆ” พนักงานของร้านชายผู้ซึ่งให้บริการเช่าสัตว์พาหนะที่มีชื่อว่า Pecopeco กล่าวโฆษณาถึงบริการของเขาอยู่ด้วยน้ำเสียงที่สดใสและดูขยันขันแข็ง ภายในร้านของเขานั้นมีลักษณะเหมือนกับคอกม้าแต่ว่าสิ่งที่อยู่ภายในคอกนั้นกลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับนกกระจอกเทศแต่มีปากขนากใหญ่ซึ่งเหมือนไก่ขนที่ลำตัวของมันมีสีเหลืองอมส้มจะงอยปากของมันมีสีน้ำเงินและมีลายสีแดงมันเป็นนกประเภทหนึ่งที่มีขนาดใหญ่วิ่ง 2 ขาแต่ไม่สามารถจะบินได้คนในโลกนี้เรียกมันว่า Pecopeco พวกเขาจะฝึกสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ให้เชื่องหลังจากนั้นก็สามารถที่จะใช้เป็นแรงงานในการขนส่งหรือเป็นสัตว์พาหนะในการเดินทางได้เนื่องจากเพราะพวกมันฝึกง่าย ทั้งยังมีความอดทนสูงและมีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของดังนั้นพวกมันที่ถูกฝึกแล้วจึงเป็นที่ต้องการของนักเดินทางและนักผจญภัยทั้งหลายไม่ว่าจะหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ ลักค์รู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีเขาเดินตรงเข้าไปที่ร้านเพื่อทำพนักงานเกี่ยวกับอัตราค่าเช่าและความสามารถของมัน “ขอโทษนะครับผมอยากจะเช่าสักตัวหนึ่งขอผมถามอะไรหน่อยได้ไหม ? ” ลักค์กล่าวขึ้นทันทีพนักงานบริการของร้านก็รีบกลับมาตอบกลับเขาด้วยท่าทางที่ดูเป็นงานเป็นการ ลักค์จึงถามต่อไปว่า“ผมอยากจะเดินทางไปยังเมือง Morroc ถ้าผมขี่มันไปน่าจะใช้เวลาสักกี่วัน ? แล้วอัตราค่าเช่าอยู่ที่เท่าไหร่ครับ ?” ทันทีที่พนักงานของร้านได้ยินนักผจญภัยหนุ่มถามเช่นนี้เขาก็ตอบกลับไปอย่างชำนาญว่า“ถ้าจะเดินทางไปเมือง Morroc อย่างนั้นหรือครับ ? ถ้าเกิดว่าเธอโชคดีไม่พบอุปสรรคอะไรระหว่างทางเช่นถูกมอนสเตอร์โจมตีหรือว่าพายุทรายเธอน่าจะใช้เวลาประมาณ 4 วันถ้าขี่มันไป เราคิดค่าเช่าราคาอยู่ที่วันละ 100zeny ครับ” ลักค์ได้ฟังคำตอบของพนักงานเขาก็รู้สึกพอใจมาก เขาจึงตกลงที่จะเช่า Pecopeco ทันที พนักงานคนนั้นจึงยื่นบัตรซึ่งลงวันที่เขาเริ่มใช้บริการให้กับลักค์ จากนั้นลักค์ก็จ่ายเงินจำนวน 700zeny ให้กับพนักงาน พนักงานคนนั้นเดินกลับเข้าไปภายในร้านสักครู่นึงก็จุง Pecopeco ตัวหนึ่งออกมาให้กับลักค์ ก่อนที่จะกล่าวว่า“ขอบคุณที่ใช้บริการครับจากนี้ไปเจ้านี่จะกลายเป็นเพื่อนร่วมทางของคุณมันมีชื่อว่า Kuu ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ” หลังจากที่พนักงานบริการกล่าวจบ ลักค์ก็กระโดดขึ้นไปบนหลังของ Pecopeco ซึ่งได้มีอานเตรียมเอาไว้แล้วที่อานนั้นยังติดกระเป๋าไว้ใช้สำหรับใส่สัมภาระได้จำนวนนึงดูสะดวกสบายมาก ลักค์ได้ควบพาหนะของเขาเดินไปอย่างช้าๆตามถนนซึ่งเต็มไปด้วยฝูงชนที่พลุกพล่านอันเป็นสิ่งปกติของเมือง Prontera แต่หลังจากที่ก้าวพ้นประตูเมืองออกไปข้างนอกได้ซักพักหนึ่ง ที่ด้านนอกของเมืองนั้นก็เป็นทุ่งกว้างที่จะสามารถใช้ความเร็วได้อย่างเต็มที่ ลักค์จึงค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นสายลมที่ปะทะผ่านใบหน้าไปทำให้เขารู้สึกสดชื่นมุมมองซึ่งอยู่บนหลังของพาหนะนั้นแตกต่างจากการเดินมันเป็นความรู้สึกที่เป็นอิสรภาพมากกว่า ทรงพลังมากกว่าและรวดเร็วกว่า ลักค์รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นและความกระหายอยากที่จะผจญภัยขึ้นมาในทันทีเขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงและกระตือรือร้นในขณะที่ควบ Pecopeco ว่า“ไปกันเถอะมุ่งหน้าสู่ Morroc !!”......to be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on Jun 3, 2018 6:14:09 GMT
EP : 8 ความทรงจำที่หายไป - เวลาเช้าวันหนึ่งภายในเมือง Prontera - 3 วันผ่านมาแล้วหลังจากที่ ลักค์ออกเดินทางไปสู่เมือง Morroc ภายในวันนี้บล็อกโคลี่เดินทางเข้ามายังเอเดนกรุ๊ปเขาต้องการที่จะรับภารกิจเพื่อจะหาเงินใช้หลังจากเงินรางวัลที่ได้จากการปราบกบยักษ์ Toad เริ่มที่จะหมดลงไปกับค่าใช้จ่ายประจำวันและค่าซื้ออุปกรณ์บางส่วน บล็อกโคลี่นั้นเข้าไปมองดูที่บอร์ดภายในสมาคม แต่เขากลับต้องแปลกใจเพราะว่าภายในวันนี้ไม่มีภารกิจเกี่ยวกับการล่ามอนสเตอร์แปะอยู่เลย ส่วนมากแล้วภารกิจที่แปะอยู่นั้นจะเป็นภารกิจในการขนส่งวัสดุหรือคุ้มกันกองคาราวานเสียเป็นส่วนมาก แต่เขาก็ยังพยายามหาภารกิจล่ามอนสเตอร์ให้ได้ หลังจากที่ค้นหาอยู่นานบล็อคโคลี่ก็เริ่มรู้สึกอ่อนใจ สาเหตุที่เขาไม่อยากทำภารกิจคุ้มกันกองคาราวานหรือว่าภารกิจขนส่งพัสดุเป็นเพราะว่าภารกิจพวกนี้จำเป็นจะต้องอาศัยปาตี้ที่มีคนเป็นจำนวนมาก ด้วยกำลังของคนๆเดียวไม่สามารถที่จะคุ้มกันของคาราวานหรือว่าส่งพัสดุที่มีค่ามากได้อย่างง่ายเป็นแน่“เจอแต่ภารกิจแบบนี้…….ก็ต้องหาปาร์ตี้อีกเป็นอะไรที่ยุ่งยากจริงๆนะ” บร็อคโคลี่บ่นพึมพำออกมาเนื่องจากว่าเขานั้นมีปัญหาในการหาปาร์ตี้ซึ่งแปลกมากสำหรับอาชีพนักบวชแต่นั่นก็เป็นความจริงของเขา ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะรูปร่างภายนอกมีสวนด้วยหรือเปล่า หลังจากที่ตัดสินใจอยู่นานบล็อกโคลี่จึงหมดทางเลือกเขาหยิบใบภารกิจส่งพัสดุขึ้นมาหนึ่งใบมันเป็นการส่งพัสดุไปยังเมือง Geffen และกำหนดของการเริ่มภารกิจคือต้องเริ่มภายในวันนี้เท่านั้น หลังจากที่เขาหยิบใบภารกิจขึ้นมาแล้วเขาก็นำไปลงทะเบียนที่เคาน์เตอร์ของเอเดนกรุ๊ปทันที ภายในใจของเขานั้นคิดว่าเขาจะทำภารกิจส่งพัสดุนี้เพียงคนเดียวถึงแม้ว่ามันจะดูยากมากเลยก็ตาม“คุณบล็อคโคลี่…..มาลงทะเบียนทำภารกิจส่งพัสดุในนาม Party หรือคะ ?” เจ้าหน้าที่สาวของสมาคมเอเดนกรุ๊ปถามบล็อคโคลี่ด้วยท่าทางที่ดูสงสัย บล็อกโคลี่นั้นนิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะตอบเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า“ไม่ใช่หรอกครับ…..ภารกิจนี้ผมน่าจะทำเพียงคนเดียว” ทันทีที่เจ้าหน้าที่สาวของสมาคมเอเดนกรุ๊ปได้ยินดังนั้นเธอก็รีบตอบกลับบล็อกโคลี่ไปทันทีว่า“ภารกิจนี้จะต้องขนส่งโลหะหายากและน้ำผึ้งไปยังเมือง Geffen จากนั้นก็นำเวทมนต์ Blue Gemstone กลับมายังเมือง Prontera ภายใน 4 วัน ถ้าทำคนเดียวโอกาสสำเร็จน้อยมากเลยนะคะ แล้วถ้าหากว่านักผจญภัยคนไหนทำภารกิจล้มเหลวก็อาจจะไม่สามารถที่จะรับภารกิจในระดับที่สูงๆได้เพราะว่าเสียประวัติ คุณบร็อกโคลีจะเสี่ยงอย่างนั้นเหรอคะ ?” เจ้าหน้าที่สาวของ Eden Group บอกถึงความเสี่ยงที่บร็อคโคลี่จะได้รับเพื่อให้เขาพิจารณาถึงความเหมาะสมของตนอีกครั้ง แต่ว่าบร็อคโคลี่นั้นรู้สิ่งนี้ดีอยู่แล้วเขาพยักหน้าเบาๆด้วยความมั่นใจครึ่งหนึ่งก่อนที่จะตอบพนักงานสาวของ Eden Group กลับไปว่า“ไว้หลังจากรับภารกิจแล้ว ผมจะไปหาปาร์ตี้เพื่อทำภารกิจนี้ต่อนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” บล็อกโคลี่ตอบกลับไปเช่นนั้นทำให้เจ้าหน้าที่สาวของเอเดนกรุ๊ปไม่อาจที่จะกล่าว อะไรได้อีกเธอจึงประทับตราลงทะเบียนภารกิจให้กับเขา หลังจากที่รับภารกิจมาสำเร็จแล้วบล็อคโคลี่ก็เดินไปยังที่นั่งรับรองของสมาคมเอเดนกรุ๊ป เพราะตัวเขานั้นรู้ดีว่าการทำภารกิจขนส่งคนเดียวเป็นอะไรที่หนักหนาเกินไป ถ้าหากว่าลองหาปาร์ตี้ดูเขาอาจจะได้สมาชิกที่มาช่วยแบ่งเบาภาระของเขาลงก็ได้ แม้มันจะยากสักหน่อยก็ตามที - 2 ชั่วโมงผ่านไป - นักผจญภัยคนแล้วคนเล่าพากันรับภารกิจและเดินออกจากสมาคมไป บล็อกโคลี่ยังไม่สามารถที่จะหาสมาชิกในปาร์ตี้ได้เลยแม้แต่คนเดียว เวลาในตอนนี้เริ่มที่จะใกล้เที่ยงแล้วถ้าหากว่ายังไม่มีใครมาร่วมปาร์ตี้กับเขา เขาก็จะต้องทำภารกิจคนส่งสิ่งของเพียงคนเดียวแต่นั่นก็ไม่เหนือความคาดหมายของเขาเท่าไหร่นัก “ขอโทษนะครับคุณไม่ทราบว่ากำลังรับสมาชิกเข้าปาร์ตี้ไปทำภารกิจอยู่หรือเปล่าครับ ?” เสียงของชายหนุ่มผู้หนึ่งกล่าวขึ้นทักบล็อกโคลี่ เขาคือชายหนุ่มผมทองผู้มีชื่อว่าวินเซนต์ หลังจากที่เขาแยกปาร์ตี้กับมาเรียและเดซี่แล้ว เขาก็ไปทำการเปลี่ยนอาชีพเป็นพ่อค้าและเดินทางกลับมายัง Prontera เพื่อหาภารกิจที่จะทำต่อไปและได้บังเอิญพบกับบล็อคโคลี่เข้า บล็อกโคลี่รู้สึกตกใจมากที่มีคนมาขอเขาเข้าปาร์ตี้แบบนี้เพราะว่าชายหนุ่มคนนี้อาจจะเป็นคนแรกๆที่มาขอเข้าปาร์ตี้ของเขาเองก็ได้“อะ….ครับใช่แล้วผมกำลังหาคนร่วมเดินทางทำภารกิจขนส่งไปที่ Geffen คุณสนใจที่จะไปกับผมไหมครับ ?” บล็อกโคลี่ถามกลับเช่นนั้น วินเซนต์พยักหน้าตอบกลับทันทีท่าทางของเขาทำให้บล็อกโคลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “ผมชื่อว่า วินเซนต์ ไรลี่ย์ ยินดีที่ได้รู้จักครับแล้วคุณล่ะ…..” หลังจากที่ได้ตกลงเข้าปาตี้วินเซนต์ก็แนะนำตัวกับบล็อคโคลี่ด้วยท่าทางที่ดูจริงจังพอสมควร บร็อคโคลี่เห็นท่าทางของวินเซนต์ก็รู้สึกประหม่าจึงแนะนำตัวกลับด้วยท่าทางที่ดูเขินๆ การกระทำของชายหนุ่มทั้งสองคนอยู่ ถูกสังเกตการโดยสาวน้อยผู้หนึ่งเธอแอบมองบล็อกโคลี่รับสมัครคนเข้าปาตี้มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่เนื่องจากรูปร่างภายนอกของบล็อกโคลี่ซึ่งดูน่ากลัวอีกทั้ง เขายังไม่มีสมาชิกมาขอเข้าร่วมเลยสักคนเดียวเธอจึงรู้สึกไม่มั่นใจมากพอที่จะเข้าไปเป็นสมาชิกคนแรก การปรากฏตัวของวินเซนต์จึงเหมือนกับช่วยกระตุ้นให้เธอตัดสินใจได้สักที“นี่ พวกนายสองคนน่ะกำลังจะไปทำภารกิจส่งของเหรอ ? ขอฉันร่วมทีมด้วยคนได้ไหมคะ ?” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบและฟังดูมั่นใจราวกับว่า เธอนั้นได้เคยพูดคุยกับผู้คนมามากแล้วเธอจึงมีความสามารถในการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนได้เป็นอย่างดี บล็อกโคลี่และวินเซนต์หันกลับไปมองทางต้นเสียงทันที
Senia เบื้องหน้าของพวกเขาคือสาวน้อยคนหนึ่งเธอมีอายุประมาณ 16 ปี เธอมีรูปร่างที่ดูสมส่วนแข็งแรงและท่าทางปราดเปรียวว่องไว ส่วนสูงของเธออยู่ที่ประมาณ 165 cm เห็นจะได้ เธอมีเส้นผมที่เรียบและยาวสยายดูสวยงามราวกับเส้นไหม สีผมของเธอนั้นมีสีม่วงอ่อน ดวงตากลมโตของเธอรับกับใบหน้าซึ่งดูน่ารักทำให้เธอดูมีเสน่ห์น่าดึงดูด นัยตาของเธอนั้นมีสีม่วงเข้มและเปล่งประกายราวกับอัญมณี Amethyst ดูสวยงามน่าหลงใหล ผิวพรรณของเธอนั้นขาวสะอาดและดูนิ่มนวล แต่อาชีพของเธอนั้นคือนักดาบเธอสวมชุดนักผจญภัย (Adventurer's Suit) ซึ่งเป็นชุดที่ทำจากผ้าที่แข็งแรงถูกตัดเย็บเอาไว้สำหรับใช้ในการเดินทางของเหล่านักผจญภัยโดยเฉพาะ ที่ด้านข้างของเสื้อนั้นมีกระเป๋าเอาไว้ใช้สำหรับใส่ของเพื่อที่จะให้หยิบใช้ได้ง่ายขึ้น ที่อกเสื้อของเธอนั้นมีเข็มกลัดซึ่งมีอัญมณีเวทมนตร์ประดับอยู่เป็น Item ที่มีชื่อว่า Brooch ความสามารถของมันคือมันจะเพิ่มความรวดเร็วให้กับผู้ที่สวมใส่มันอยู่ (AGI+2) ที่เอวของเธอนั้นมีดาบเหน็บอยู่เล่มหนึ่งมันเป็นดาบสำหรับถือสองมือที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยศิลปะการตีดาบของประเทศทางตะวันออกคนที่นี่เรียกมันว่า Katana ซึ่งนั่นน่าจะเป็นอาวุธประจำตัวของเธอ“ใช่แล้วครับพวกผมกำลังจะไปทำภารกิจขนส่งสิ่งของไปยังเมือง Geffen คุณสนใจที่จะร่วมปาร์ตี้ไปกับพวกเราไหมครับ” บล็อกโคลี่พูดตอบกับเธอด้วยท่าทางที่ดูสุภาพคำตอบของบล็อกโคลี่นั้นทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาเล็กๆก่อนที่เธอจะตอบเขากลับไปว่า“แน่นอนค่ะ ขอฉันเข้าร่วมทำภารกิจด้วยนะคะ ฉันมีชื่อว่าซีเนีย ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” หญิงสาวกล่าวแนะนำตัวด้วยท่าทางสุภาพอ่อนหวานและดูเป็นกันเอง ชายหนุ่มทั้งสองคนจึงแนะนำตัวกลับหลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ออกเดินทางไปยังโกดังของสมาคมเอเดนกรุ๊ป เพื่อที่จะรับของสิ่งของซึ่งเป็นภารกิจของพวกเขาในครั้งนี้ - โกดังของสมาคมเอเดนกรุ๊ป - ที่นี่เป็นอาคารขนาดใหญ่ทำด้วยไม้และหินมันเป็นที่ใช้เก็บของซึ่งจะใช้ขนส่งต่อไปยังที่อื่นของสมาคมเอเดนกรุ๊ป สิ่งของทั้งหลายนั้นจะมีผู้ว่าจ้างให้ทำการขนส่งการขนส่งนั้นมักจะไม่ใช่การขนส่งแบบปกติ ส่วนมากมักจะเป็นสิ่งของที่มีค่าสูงหรือไม่ก็เป็นสิ่งของปกติแต่จำเป็นต้องขนส่งอย่างเร่งด่วนภายในช่วงเวลาที่มี Monster อาละวาดในเส้นทางการขนส่ง ในกรณีปาร์ตี้ของบล็อกโคลี่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาขนส่งนั้นจะมีองค์ประกอบทั้งสองอย่างครบถ้วน หลังจากที่พวกเขารับกล่องพัสดุแล้วพวกเขาก็รีบออกเดินทางเพื่อไม่ให้เสียเวลา กล่องพัสดุของพวกเขาเป็นลังไม้ขนาดใหญ่ 3 ลังภาย ในลัง 1 บรรจุโลหะที่มีชื่อว่า Emveretarcon มันเป็นโลหะที่แข็งแรงมักจะใช้ในการผลิตอาวุธระดับกลางถึงระดับสูงบางอย่างมันค่อนข้างที่จะหายากพอสมควร ภายในลังที่ 2 นั้นบรรจุน้ำผึ้ง เมือง Geffen นั้นได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมของเหล่านักเวทย์ พวกเขานั้นไม่ได้ทำเกษตรกรรมเพราะปลูกและไม่ได้เป็นศูนย์รวมการค้าขายดังนั้น พวกเขาจึงส่งออกอัญมณีเวทมนตร์ซึ่งจำเป็นในการร่ายคาถาเป็นสินค้าหลักและพวกเขาก็จะซื้ออาหารและของเครื่องใช้จำเป็นต่างๆจากเมืองอื่นๆ น้ำผึ้งจึงเป็นสินค้าที่มีราคาสูงเมื่อไปอยู่ที่เมือง Geffen สวนลังที่ 3 นั้น คือเสบียงอาหารของพวกบล็อกโคลี่ที่จะต้องใช้กินระหว่างทางในการขนส่ง น้ำหนักของสัมภาระนั้นค่อนข้างมากเกินกว่าที่จะให้คนแบกไปทางสมาคมจึงจัด Pecopeco มาให้ 3 ตัวเพื่อใช้ในภารกิจขนส่งครั้งนี้ซึ่ งมันก็พอดีกับจำนวนของสมาชิกภายในปาร์ตี้ของบร็อคโคลี่พอดีพวกเขาทั้งสามคนขึ้นขี่บนหลัง Pecopeco คนละตัวโดยที่มีสัมภาระผูกเอาไว้ด้านหลังพวกเขาก็เริ่มออกเดินทางทันทีหลังจากที่ออกมาจากเมือง Prontera ได้สักระยะหนึ่งพวกเขาก็ใช้เส้นทางซึ่งเป็นทางตรงมุ่งสู่เมือง Geffen แม้มันจะตัดผ่านป่า สาเหตุที่พวกเขาต้องเลือกทางนี้เพราะว่าเวลาอันจำกัดในการขนส่งที่ไล่หลังพวกเขาเข้ามาถ้าหากว่าพวกเขาไปทางอ้อมที่ปลอดภัยกว่าพวกเขาอาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 1 สัปดาห์กว่าจะไปถึง Geffen และหากต้องใช้เวลาในการเดินทางกลับอีก 1 สัปดาห์รวมกันพวกเขาจะต้องใช้เวลาในการทำภารกิจทั้งหมด 14 วันแต่ว่าพวกเขานั้นมีเวลาที่ทางสมาคมกำหนดให้เพียงแค่ 4 วันเท่านั้น มันก็เหมือนการบังคับให้พวกเขาต้องไปเสี่ยงอันตรายกลายๆ แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่แปลกอะไรนะสำหรับธุรกิจการขนส่งพัสดุแบบด่วนที่ได้ค่าแรงค่อนข้างสูงอย่างที่พวกเขากำลังทำอยู่ - ชายป่านอกเมือง Prontera -“พวกเรา ใกล้จะเข้าไปในป่าที่เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกออค (Orc ) แล้วนะคะ…..” ซีเนีย กล่าวขึ้นหลังจากที่พวกเขาออกเดินทางมาจาก Prontera มาได้ราวๆ 6 ชั่วโมงในตอนนี้พวกเขามาถึงป่าบริเวณถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกยักษ์ซึ่งคนทั่วไปเรียกพวกมันว่า เผ่าออค พวกมันเป็นชนเผ่าอมนุษย์ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์พวกมันมีผิวหนังสีเขียวเข้ม พวกมันมีสติปัญญาแบบเดียวกับมนุษย์แต่ว่าจะด้อยกว่าเล็กน้อยและพวกมันก็รู้จักที่จะใช้อาวุธและเครื่องมือแต่สิ่งที่พวกมันเหนือกว่ามนุษย์ก็คือร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อมีลักษณะสูงใหญ่และพละกำลังที่มากกว่าคนปกติประมาณ 2 เท่า Orc Warrior พวกมันมีการแบ่งชนชั้นการปกครองที่ชัดเจน โดยจะมีผู้นำสูงสุดที่มนุษย์ส่วนมากจะเรียกกันว่า Orc Hero และมีแม่ทัพซึ่งจะบัญชาการทหารอันแข็งแกร่งที่มนุษย์มักจะเรียกมันว่า Orc Lord บางครั้งพวกมันก็จะรวมตัวเป็นกองทัพขนาดใหญ่เข้าโจมตีหมู่บ้านหรือแม้แต่กระทั่งเมืองของมนุษย์ ภายในช่วงเวลาที่พวกมันออกอาละวาดในทุกๆปี การล่าพวกมันนั้นมักจะถูกบรรจุอยู่ภายในภารกิจของเอเดนกรุ๊ปอยู่เสมอ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรพวกมันก็จะมาเป็น Monster ที่มีความอันตรายสูงอยู่ดี“ถ้าจะให้ผ่านอาณาเขตของพวกออคในเวลากลางคืน ดูจะอันตรายเกินไปวันนี้เราพักกันที่ชายป่าก่อนก็แล้วกันนะครับ” วินเซนต์กล่าวขึ้นมาเพื่อที่จะบอกกับบล็อกโคลี่ให้ปาร์ตี้ของเขาหยุดพักอยู่ที่ชายป่าก่อน 1 คืนแล้วค่อยเดินทางผ่านป่าที่เป็นอาณาเขตของพวกออคในเช้าวันรุ่งขึ้น บล็อกโคลี่เองก็เห็นด้วยกับความคิดนั้นพวกเขาทั้งสามคนจึงตั้งแคมป์ที่ชายป่าซึ่งเป็นที่โล่งไม่ค่อยมีต้นไม้มาบดบังสักเท่าไหร่ พวกเขาก่อกองไฟและตั้งเต็นท์ เพื่อใช้สำหรับทำอาหารและพักผ่อน บล็อกโคลี่และวินเซ็นท์นอนอยู่ภายในเต็นท์เดียวกันส่วน ซีเนียนั่นมีเต็นท์ต่างหากสำหรับนอน มื้อเย็นภายในวันนั้น ซีเนียลงมือย่างเนื้อซึ่งพวกเขาพกเอามาเป็นเสบียง ด้วยกองไฟที่พวกเขาก่อขึ้นส่วนบล็อกโคลี่นั้น อาสาที่จะเข้ายามเป็นคนแรกเพราะการนอนค้างแรมที่นอกเมืองนั้นอันตรายเกินไป หากว่าไร้ซึ่งการเฝ้ายาม ทั้ง 3 คนทานอาหารกันจนอิ่มหนำในระหว่างการรับประทานอาหารนั้นวินเซนต์กล่าวชวนเพื่อนร่วมปาร์ตี้ของเขาสนทนาขึ้นมาว่า“คุณบล็อคโคลี่ เข้ามาอยู่ที่โลกแห่งนี้ได้นานหรือยังครับ ?” วินเซนต์กล่าวถามบล็อกโคลี่ ด้วยน้ำเสียงที่ดูเรียบเฉยราวกับว่ามันเป็นการพูดคุยสนทนาเพื่อกระชับมิตรทั่วไป บล็อกโคลี่เองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเขาจึงตอบไปว่า“ประมาณสัก 3 อาทิตย์ก่อนน่าจะได้ละมั้งครับ ผมจำได้ว่ามีเสียงของผู้ชายวัยกลางคนบอกพวกเราประมาณว่า ให้พวกเราไปกำจัดขุนพลปีศาจแล้วพวกเราจะได้กลับไปยังโลกใบเดิมและจะคืนความทรงจำกลับมาให้น่ะ” บล็อกโคลี่ย้อนกลับไปนึกถึงวันแรกที่เขาหลุดเข้ามายังโลกใบนี้พร้อมกับความทรงจำที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยนอกจากชื่อของตนเอง ภายในแววตาของเขานั้นไร้ซึ่งอารมณ์สุขและทุกข์ใดๆ เมื่อได้ยินบร็อคโคลี่กล่าวเช่นนั้น วินเซนต์ก็ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นเขาก็เลยเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง“ส่วนของผมก็น่าจะสักประมาณ 10 วันก่อนได้แล้วมั้งครับ มีคนบอกกับผมเหมือนกันว่าให้ไปกำจัดขุนพลปีศาจให้ได้แล้วจะได้กลับโลกเดิมน่ะแต่ว่ากรณีของผม ผมไม่ได้รู้สึกตัวอีกครั้งที่เมืองหลวง Prontera แบบที่หลายๆคนเป็นผมตื่นขึ้นมาอยู่ที่ท่าเรือของเมือง Alberta ที่นั่นเป็นเมืองที่สวยดีนะครับมีท่าเรือที่มีเรือเต็มไปหมดเลยมีสินค้ามากมายมาขายที่นั่นแล้วก็ทะเลสีครามที่สดใสสวยงาม” วินเซนต์กล่าวพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เวลานี้เลยช่วงพลบค่ำมาระยะหนึ่งแล้วพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปจนสนิทแล้วเหล่าดวงดาวก็เริ่มมาปรากฏตัวประดับประดาเต็มท้องฟ้ายามราตรี “ส่วนฉันเองก็มาถึงที่โลกใบนี้ได้ประมาณสัก 15 วันได้มั้ง ? นอกนั้นรายละเอียดต่างๆก็เหมือนกับพวกนายสองคนนั่นแหละค่ะ” ซีเนียเริ่มที่จะพูดคุยขึ้นมาบ้างเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวภายในปาร์ตี้ บล็อกโคลี่กลัวว่าเธอจะรู้สึกกดดันมากเกินไปหรือไม่เมื่อต้องมาอยู่ในปาร์ตี้ที่ไม่มีเพศกันเลย แต่ว่าซีเนียนั้นกลับมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีเกินคาดจึงทำให้ความกังวลของเขามลายหายไป“พวกนักผจญภัยที่มาจากต่างโลกมันน่าจะมีอัตราส่วนประมาณร้อยละ 10 ของจำนวนนักผจญภัยทั้งหมดภายในโลกนี้ล่ะมั้งครับ ก่อนหน้านี้ผมเคยไปพบปะผู้คนในระหว่างการทำภารกิจและได้คุยกับพวกเขาทําให้รู้ว่าบางคนนั้นไม่ได้เสียความทรงจำแบบพวกเรา พวกเขามีความทรงจำอยู่ครบถ้วนมีทั้งพ่อแม่บ้านพี่น้องและความทรงจำในวัยเด็กอยู่ครบถ้วน เขาเป็นคนอยู่ในโลกใบนี้อยู่แล้ว…..” บล็อกโคลี่กล่าวขึ้นจากประสบการณ์ที่เขาได้ไปพบในช่วงนี้เขากำลังผจญภัยทำภารกิจมาเล่าสู่กันฟังให้กับสมาชิกในปาร์ตี้ของเขา วินเซนต์นั้นฟังบล็อกโคลี่เล่าอย่างตั้งอกตั้งใจในขณะที่ ซีเนียเธอกลับไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก“ถ้าอย่างนั้นแล้ว…..พวกนายคิดจะกลับไปยังโลกใบเดิมหรือเปล่าล่ะค่ะ ?” ซีเนียกล่าวขึ้นกับ 2 หนุ่มสมาชิกร่วมปาร์ตี้ของเธอด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูและ้รียบๆ แต่ว่าคำถามของเธอนั้นต้องทำให้ชายหนุ่มทั้งสองคนนิ่งอึ้งและครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่“นั่นสินะครับจะว่าอย่างไรดีล่ะ…...จะว่าไม่อยากเลยก็คงไม่ใช่แต่จะว่าอยากก็พูดได้ไม่เต็มปากนะครับ พวกเราไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับโลกเก่าเลย ไม่รู้ว่าที่ที่พวกเราจากมามันเป็นสถานที่แบบไหนมันจะดีกว่านี้หรือมันจะเลวร้ายกว่านี้ มีใครคอยการกลับไปของเราอยู่หรือไม่ เราไม่รู้อะไรเลยแล้วแบบนี้เราจะอยากกลับไปแบบใจจะขาดก็คงจะดูแปลกไปหน่อยนะครับ ถ้าจะให้บอก...น่าจะเรียกว่าเป็นความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่เราถูกทำให้ลืมไปมากกว่า….” วินเซนต์กล่าวตอบซีเนีย ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูราบเรียบแต่ว่าในแววตาของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนเหลือล้น ซีเนียได้แต่ถอนหายใจลึกๆก่อนที่จะกล่าวออกไปว่า“ที่นายพูดมามันก็ถูกนะ….แต่ยังไงก็ตามมนุษย์เราต้องอยู่กับปัจจุบันค่ะ ตอนนี้เราอยู่ที่โลกใบนี้ความทรงจำของเราก็ยังไม่กลับมา และเราก็อาจจะตายได้ทุกเมื่อถ้าหากว่าเราอ่อนแอ พวกนายอยากจะคุยอะไรกันต่อก็ตามสบายนะส่วนฉันขอตัวพักผ่อนก่อนล่ะ บล็อกโคลี่เวรต่อไปอีก 3 ชั่วโมงฉันจะมาเป็นเปลี่ยนนะ ยังไงผลัดแรกก็ขอฝากด้วยนะคะ” ซีเนียกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางที่ดูเรียบเฉยจากนั้นเธอก็ลุกปลีกตัวออกจากรอบกองไฟที่พวกเขานั่งรวมกันอยู่ไปยังเต็นท์ของเธอ ชายหนุ่มทั้งสองรับรู้และเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดเป็นอย่างดีพวกเขานั้นจึงได้แต่นั่งเงียบไม่พูดสิ่งใดต่อไปอีก ……..to be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on Jun 4, 2018 4:00:54 GMT
EP : 9 ถูกโจมตี - กลางดึกที่ชายป่าด้านนอกเมือง Prontera - บล็อกโคลี่ผู้ซึ่งรับหน้าที่เฝ้ายามเป็นคนแรกก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่ของเขา เขานั่งอยู่ที่ด้านหน้ากองไฟซึ่งถูกจุดอยู่บริเวณแคมป์ สมาชิกในปาร์ตี้ของเขาอีก 2 คนกำลังพักผ่อนอยู่ภายในเต็นท์ดังนั้นความปลอดภัยของทุกคนจึงขึ้นอยู่กับเขา ยามค่ำคืนที่เงียบสงบเช่นนี้เมื่อบร็อคโคลี่นั่งนิ่งทำใจให้เป็นสมาธิประสาทหูของเขาก็จะสามารถจับความเคลื่อนไหวของสิ่งรอบๆได้ดีขึ้น หลังจากที่นั่งเฝ้ายามไปได้ชั่วเวลาหนึ่งบล็อคโคลี่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของสิ่งรอบๆผ่านทางประสาทหู มีเสียงฝีเท้าเหมือนคนกำลังวิ่งดังขึ้นมาภายในโสตประสาทของเขา เสียงฝีเท้านั้นไม่หนักแน่นแสดงได้ถึงน้ำหนักตัวที่น้อยของผู้วิ่งดูเหมือนว่าเสียงที่เขาได้ยินจะไม่ใช่ของพวกออค แต่ทันใดนั้นบล็อคโคลี่ก็ได้ยินเสียงของผู้ที่ไล่ล่าผู้ที่วิ่งมา คราวนี้เป็นเสียงฝีเท้าที่หนักแน่นมีจำนวนประมาณ 4-5 คนนั่นทำให้บล็อกโคลี่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างดี 「มีคน 2 คนกำลังวิ่งหนีการไล่ล่าของพวกออค….แบบนี้ไม่ได้การแล้ว !!」 บล็อกโคลี่คิดในใจจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างรวดเร็วตรงไปที่เต็นท์ซึ่งเพื่อนของเขาทั้งสองคนกำลังนอนพักอยู่ “ วินเซนต์ !! ซีเนีย !! ตื่นเถอะมีคนกำลังถูกพวกออคไล่ล่า เราจะต้องไปช่วยพวกเขา !!” บล็อกโคลี่ปลุกเพื่อนร่วมปาร์ตี้ของเขาทั้งสองคนด้วยท่าทางทีรีบร้อน วินเซนต์และซีเนียรีบลุกขึ้นมาตามเสียงปลุกของบล็อกโคลี่ด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนก แต่พวกเขาทั้งสองคนก็เข้าใจสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี ทั้งสามคนรีบหยิบอาวุธประจำตัวและวิ่งตามบล็อกโคลี่ไปทางเสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้ทันที“เร็วเข้าเถอะ !! ผมได้ยินเสียงไม่ไกลจากแคมป์ของเราเท่าไหร่ บางทีถ้าเรารีบไปอาจจะช่วยเหลือพวกเขาทันก็ได้” ทั้งสามคนวิ่งด้วยความเร็วสุดฝีเท้าโดยที่มีบล๊อคโคลี่เป็นผู้นำ เพียงชั่วอึดใจหนึ่งเท่านั้นพวกเขาทั้งสามคนก็พบกับกลุ่มของออคที่ยืนอยู่กลางป่าทึบ พวกมันกำลังก้มลงมองที่ต้นไม้และพุ่มไม้รอบๆบริเวณนั้นเหมือนกับว่ากำลังหาอะไรบางอย่างอยู่ ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้ตั้งตัวต่อการโจมตีแบบกระทันหันของพวกบล็อกโคลี่“โอร่าาาา !!!” บล็อกโคลี่ฟาดไม้กระบองซึ่งทำมาจากเหล็กส่วนหัวของมันมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับค้อนที่มีหนามแหลมอยู่ ชื่อเรียกของมันคือ Smasher ซึ่งเป็นอาวุธใหม่ของเขาเข้าใส่ศรีษะของออคตัวหนึ่งซึ่งไม่ได้ทันระวังตัว ความหนักของไม้กระบองและพละกำลังของบล็อกโคลี่ทำให้กะโหลกศีรษะของมันบุบสลายถึงแก่ความตายทันที“ย๊ากก !!” วินเซนต์นั้นก็พุ่งเข้าไปโจมตีในจังหวะเดียวกับที่บล็อกโคลี่พุ่งเข้าไปเช่นกันภายในมือของเขานั้น ถือขวานขนาดใหญ่ซึ่งเป็นขวานแบบถือ 2 มือที่มีน้ำหนักกำลังดีและมีความคมมากมันถูกออกแบบมาให้ใช้สำหรับการต่อสู้ซึ่งมีชื่อเรียกว้า Battle Axe วินเซนต์นั้นมีความแม่นยำที่ค่อนข้างสูงเขาเล็งคมขวานเข้าไปที่ลำคอของออคตัวหนึ่ง อย่างแม่นยําศีรษะออคตัวนั้นหลุดออกจากร่างทันที เลือดแดงฉานของมันสาดกระจายราวกับน้ำพุกระเซ็นไปทั่วบริเวณซีเนียนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องคำรามเพื่อเรียกกำลังในการโจมตีแต่อย่างใด เธอเป็นนักดาบที่ใช้รูปแบบการต่อสู้ซึ่งมีความเร็วสูง เธอกระโดดเข้าไปประชิดร่างของออคตัวหนึ่งในจังหวะเดียวกับที่ทั้งสองคนโจมตี จากนั้นเธอก็ชักดาบ Katana ในมือตวัดออกไปอย่างรวดเร็ว คมดาบของเธอนั้นรวดเร็วและเงียบเชียบมันปลิดวิญญาณของออคตัวหนึ่งด้วยการฟันเพียงแค่ครั้งเดียว ภายในการโจมตีครั้งแรกพวกของบล็อกโคลี่ทั้งสามคนสามารถที่จะล้มออค 3 ตัวจากที่มีทั้งหมด 4 ตัวได้ไปในพริบตา ออคที่เหลืออีก 1 ตัวเมื่อเห็นเพื่อนของมันล้มตายไปจนหมดก็รู้สึกตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่งมันรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วแต่ว่า ซีเนียนั้นรู้ดีว่าถ้าหากปล่อยให้มันหนีไปได้ มันจะต้องกลับไปรายงานพรรคพวกของมันและจะทำให้พวกเธอเดือดร้อนในการทำภารกิจขนส่ง เธอจึงพุ่งเข้าไปหามันซึ่งกำลังวิ่งหนีจากทางด้านหลังอย่างว่องไวและใช้ดาบ Katana ภายในมือของเธอแทงมันจากด้านหลังจนทะลุด้านหน้าตัดขั้วหัวใจของมันจนตายภายในหนึ่งดาบ “เราฆ่าพวกมันหมดแล้ว….พวกนายออกมาจากที่ซ่อนเถอะไม่มีอันตรายอะไรแล้ว” บล็อกโคลี่ตะโกนบอกขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้แสดงตนเพราะว่าศัตรูของพวกเขาในตอนนี้ถูกกำจัดไปจนหมดแล้ว หลังจากที่เขากล่าวแบบนั้นไม่นานนักพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณตัวเขาก็เริ่มสั่นไหวและมีคน 2 คนเดินออกมาจากพุ่มไม้อย่างช้าๆ“ขอบคุณมากนะคะ...ถ้าไม่ได้พวกคุณมาช่วยมีหวังพวกเราคง…..อ๊ะ….นี่นาย !!” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งบร็อคโคลี่จำน้ำเสียงนี้ได้เป็นอย่างดี กล่าวขอบคุณขึ้นมาหลังจากนั้นเธอก็ต้องตกใจในความบังเอิญ เมื่อผู้ที่มาช่วยเธอนั้นกลับเป็นคนที่เธอเคยช่วยเหลือเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้“คุณจีต้า !! ไม่ได้พบกันซะนานทำไมถึงไม่อยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ ?” หนึ่งในสองคนที่เดินออกมาก็คือนักดาบสาวที่มีนามว่าจีต้าเธอเป็นคนที่เคยร่วมต่อสู้กับเจ้ากบยักษ์ Toad ด้วยกันกับพวกของบล็อกโคลี่เมื่อไม่นานมานี้ ทันทีที่เห็นเพื่อนเก่าบล็อคโคลี่ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเขารีบเดินเข้าไปใกล้ๆเธอ แต่อาการของจีต้านั้นดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เธอมีความเหนื่อยล้า และมีบาดแผลจากคมของอาวุธซึ่งเธอได้รับมาจากศัตรูประปรายอยู่ตามตัว “ท่าทางจะแย่นะครับนี้เดี๋ยวผมจะรีบรักษาให้เดี๋ยวนี้แหละ !!” บล็อกโคลี่กำลังจะยกมือขึ้นเพื่อที่จะร่ายคาถารักษาให้แก่จีต้า แต่ว่าจีต้างั้นกลับบอกกล่าวห้ามเขาขึ้นมาด้วยท่าทางที่รีบร้อน“เดี๋ยวก่อนฉันนั้นไม่เท่าไหร่หรอกแต่ว่าเธอคนนั้นน่ะสิ !!” จีต้าหันกลับไปมองเพื่อนร่วมปาร์ตี้ของเธออีกคนหนึ่งซึ่งเดินตามหลังเธอออกมาจากพุ่มไม้ติดๆ เธอนั้นเป็นนักดาบสาวเช่นเดียวกันจีต้า เธออายุประมาณ 17 ปี เธอมีรูปร่างสูงผอมแต่มีกล้ามเนื้อพอประมาณดูแข็งแรงส่วนสูงของเธออยู่ที่ 170 cm ผิวของเธอนั้นขาวนวลดุจไข่มุกเ ธอไว้ผมยาวเส้นผมของเธอนั้นยาวสยายจนถึงหัวเข่า เธอมีสีผมสีครามน้ำทะเลดวงตาของเธอนั้นกลมโตรับกับใบหน้าที่ดูดีทำให้เธอจัดเป็นคนที่มีเสน่ห์มากพอตัว นัยตาของเธอนั้นมีสีเขียวมรกตที่ดูเปล่งประกายฉายแววของความเข้มแข็งและเยือกเย็น แต่ตอนนี้เธอกำลังได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส เธอมีอาการอ่อนล้าจนแทบจะยืนไม่อยู่ ที่ลำตัวของเธอนั้นมีบาดแผลอันเกิดจากขวานซึ่งเป็นอาวุธถนัดของชนเผ่าออคเป็นบาดแผลลึกทำให้เธอนั้นเสียเลือดมาก และที่แขนข้างซ้ายของเธอยังมีลูกธนูซึ่งน่าจะเป็นบาดแผลผลจากการต่อสู้เดียวกัน ที่เธอได้รับมาปักคาเอาไว้อยู่ “อ๋าาาา ท่าทางจะเจ็บน่าดูนะเนี่ย….” ซีเนียอุทานออกมาทันทีเมื่อได้เห็นสภาพบาดแผลของนักดาบสาวเพื่อนของจีต้า ทั้ง 5 คนรู้ดีว่าการที่จะอยู่ตรงนี้ในสภาพนี้นานไปก็คงจะไม่ดีพวกเขาควรจะต้องรีบกลับไปที่แคมป์ ซีเนียจึงช่วยพยุงเพื่อนของจีต้าพากลับไปที่แคมป์ของพวกเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั่นเท่าไหร่นะ“ไม่ต้องเป็นห่วงชั้น…...รีบกลับไปช่วย 2 คนนั้น…...ได้โปรดเถอะต้องช่วยพวกเขา…..” เพื่อนของจีต้าฝืนพยายามกล่าวประโยคเหล่านี้ออกมาระหว่างทางที่เดินกลับแคมป์ คำพูดของเธอนั้นสร้างความแปลกใจให้กับพวกบล็อคโคลี่เป็นอย่างมาก จีต้าเองก็มีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีบล็อกโคลี่จึงกล่าวถามกับเธอขึ้นมาว่า “เอ่อ…..ที่เพื่อนของเธอพูดหมายความว่ายังไงหรือครับ ? ต้องรีบกลับไปช่วยสองคนนั้นอะไรนั่นน่ะ” เมื่อได้ยินบร็อคโคลี่กล่าวถามเช่นนั้น จีต้าจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหดหู่ว่า“คือความจริงแล้วพวกเรามาทำภารกิจขนส่งสิ่งของไปที่เมือง Geffen น่ะ แล้วระหว่างทางการขนส่งพวกเราก็ถูกเผาออคเข้าโจมตี สมาชิกในปาร์ตี้ของเราในตอนแรกมีทั้งหมด 4 คนในระหว่างที่เราเลือกที่จะหนีจากการโจมตีเราตัดสินใจแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่มกลุ่มละ 2 คนแล้วแยกทางกันชั่วคราวเพื่อไม่ให้ถูกสกัดจับได้ง่ายๆ แต่ว่ากลุ่มของฉันก็ถูกพบแล้วก็ได้พวกนายมาช่วยไว้ในล่ะ ส่วนอีกสองคนนั้นคาดว่าน่าจะถูกจับไปเพราะว่า ก่อนหน้าที่จะมาเจอพวกนายพวกเรานัดกับสองคนนั้นว่าให้ไปพบกันตรงบริเวณใกล้ชายป่าตรงทางออกแต่เราไปที่นั่นแล้วเราไม่พบใครเลยนอกจากกลุ่มของออคซึ่งมาดักรอพวกเราก่อน การที่พวกมันรู้ว่าเราจะนัดเจอกันที่ไหนหมายความว่าสองคนนั้นน่าจะถูกจับและถูกเค้นข้อมูลไปเรียบร้อยแล้วน่ะ…...” จีต้ากล่าวขึ้นด้วยท่าทางที่ดูโศกเศร้า บล็อกโคลี่เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็รู้สึกสลดใจตามไปด้วยแต่เขาก็ไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้นอกจากนิ่งเงียบๆ“แล้วสมาชิกในปาร์ตี้ของเธอที่ถูกจับไปเป็นใครน่ะครับ ? ผู้หญิงหรือว่าผู้ชายพวกเขาอาชีพอะไร ?” วินเซนต์กล่าวถามจีต้าขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่อยากรู้อยากเห็น จีต้าไม่รู้ว่าวินเซนต์อยากจะรู้ข้อมูลเหล่านี้ไปเพื่ออะไรแต่เธอก็ตอบเขากลับไปว่า“คนนึงเป็นนักดาบที่มีผมสีดำและอีกคนนึงเป็นโจรที่ใช้ธนูแทนมีดเป็นอาวุธพวกเขาเป็นผู้ชายทั้งคู่….” คำตอบของจีต้าทำให้วินเซนต์ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มันเป็นสิ่งที่เขาเคยอ่านเจอในหนังสือตอนที่เขาค้นคว้าหาข้อมูลเมื่อตอนมาถึงโลกใบนี้ใหม่ๆวินเซนต์จึงกล่าวกับจีต้าไปว่า“ถ้าอย่างนั้นพวกเขาสองคนอาจจะยังไม่ตายก็ได้นะครับ ชนเผ่าออคนั้นเป็นชาวเผ่านักรบถ้าหากว่าเขาสามารถจับนักโทษซึ่งเป็นเพศชายได้ แล้วนักรบเหล่านั้นมีความสามารถในการต่อสู้พวกเขาจะไม่ฆ่าในทันทีแต่พวกเขาจะเก็บนักโทษเหล่านั้นไว้เพื่อความบันเทิงครับ….” คำตอบของวินเซนต์นั้นไม่ได้ทำให้จีต้ารู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อยเพราะคำว่าเก็บไว้เพื่อความบันเทิงนั้นมันสามารถตีความหมายได้หลากหลายและดูน่าสยดสยองซะยิ่งกว่าถูกฆ่าให้ตายมากนัก「นักดาบที่มีผมสีดำอย่างนั้นหรอก…..ไม่หรอกมั้งมันคงจะไม่บังเอิญแบบนั้นหรอก」วินเซนต์คิดในใจลักษณะของหนึ่งในเพื่อนร่วมปาร์ตี้ของจีต้า มันคล้ายกับคนที่เขาเคยเจอก่อนหน้านี้แต่เขาก็คิดว่าเรื่องบังเอิญอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อยๆ 「โจรที่ใช้ธนูเป็นอาวุธหลักแทนมีดหรือ ? หวังว่าคงจะไม่ใช่นายหรอกนะ…..」บล็อกโคลี่หลังจากที่ได้ฟังลักษณะเพื่อนร่วมปาร์ตี้ของจีต้าก็ทำให้เขานึกถึง Doom อดีตเพื่อนร่วมปาร์ตี้ของเขาขึ้นมาทันทีเขาได้แต่ภาวนาในใจว่าความคิดของเขานั้นจะไม่ถูกต้อง - แคมป์ของพวกบล็อกโคลี่ที่ตั้งอยู่ชายป่า - ทันทีที่พวกเรา 5 คนเดินทางกลับมาถึงแคมป์พวกเขาก็ต้องตกใจสภาพที่เห็น แคมป์ของพวกเขานั้นถูกรื้อค้น ข้าวของต่างๆกระจัดกระจายและลังพัสดุที่พวกเขาจะต้องส่งนั้นทั้งสามใบหายไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีต้องเป็นฝีมือของพวกออคอย่างแน่นอน บล็อกโคลี่ตรงเข้าไปสำรวจสภาพของแคมป์ที่ถูกรื้อค้นอย่างละเอียด เขาพบว่ากลุ่มของออคที่เข้ามารื้อค้นสิ่งของ ของพวกเขานั้นน่าจะยังไปได้ไม่ไกลเพราะว่ามันเข้ามาแทบจะทันทีหลังจากที่พวกเขาออกไปช่วยปาร์ตี้ของจีต้า“มันเอาของที่พวกเราต้องส่งไปหมดเลยทำยังไงดีล่ะทีนี้ !!” วินเซนต์กล่าวขึ้นด้วยท่าทางที่ดูตื่นตระหนกเพราะว่าถ้าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็เหมือนกับว่าพวกเขานั้นได้ทำภารกิจล้มเหลวไปเรียบร้อยแล้ว บร็อคโคลี่นั้นยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่หลังจากนั้นเขาก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหนักแน่นและจริงจังว่า“เรามาแบ่งทีมกันเถอะ !! ทีมหนึ่งอยู่รักษาคนบาดเจ็บที่นี่ ส่วนอีกทีมหนึ่งรีบตามพวกออคนั่นไปเราอาจจะไปทันและได้ของกลับมาก่อนที่พวกมันจะกลับเข้าไปในหมู่บ้านของพวกมัน” ทันทีที่บล็อกโคลี่พูดเช่นนั้นทุกคนก็หันกลับไปมองเขาเป็นสายตาเดียว ราวกับว่ากำลังจะรอฟังสิ่งที่พวกเขาทุกคนจะต้องปฏิบัติ“จีต้า กับเพื่อนรักษาตัวอยู่ที่นี่ซีเนียช่วยดูแลพวกเธอด้วย ส่วนผมกับวินเซนต์จะไปเอาสัมภาระคืนมา !!” ทันทีที่พูดจบบล็อกโคลี่และวินเซนต์ก็หยิบอาวุธประจำตัวและไอเทมฟื้นฟูพลังจำนวนหนึ่งมุ่งหน้าออกติดตามกลุ่มของออคที่ขโมยของพวกเขาไปทันที to be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on Jun 4, 2018 6:14:26 GMT
Character Info # 3
รายละเอียดของสมาชิกปาตี้บล็อคโคลี่
ดูเติบโตขึ้นเยอะเลยเนอะและตัวละครใหม่ก็เริ่มต้นได้ดี แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะ !!
|
|
|
Post by wildrose on Jun 5, 2018 3:35:46 GMT
EP: 10 หมูบ้านออค บล็อกโคลี่และวินเซนต์รีบเร่งติดตามกลุ่มของออคที่เข้ามารื้อค้นแคมป์ของพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว ในระหว่างที่กำลังวิ่งติดตามนั้นวินเซนต์ได้สังเกตรอยเท้าซึ่งพวกออคได้ทิ้งเอาไว้ตามทาง เนื่องจากว่าพวกออคนั้นตัวของมันมีน้ำหนักมากอยู่แล้ว เมื่อต้องมาแบกลังสัมภาระยิ่งทำให้พวกมันมีรอยเท้าที่ทิ้งเอาไว้บนพื้นดินได้อย่างชัดเจน วินเซนต์เริ่มสังเกตรอยเท้าและเริ่มนับจำนวนของศัตรูที่เขาและบล็อกโคลี่จะต้องเข้าปะทะ“3 4 5 6 …… มากกว่านั้นอีกหรือเนี่ย ? คุณบล็อกโคลี่ดูท่าทางว่าศัตรูของเราจะอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่นะ ถ้าเข้าโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวเหมือนเมื่อกี้ถึง แม้ว่าเราจะล้มมันได้สัก 2 ตัวก็อาจจะไม่เพียงพอที่จะเอาชนะได้ครับ” วินเซนต์หลังจากที่ทราบจำนวนของศัตรูเขาก็ประเมินสถานการณ์และบอกกับบร็อคโคลี่ให้ทราบ บล็อกโคลี่เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็กล่าวกับวินเซนต์ว่า “มากกว่า 6 ตัวงั้นหรือครับแบบนี้แย่แน่ๆ ถ้าอย่างนั้น…...เอาแบบนี้ก็แล้วกันครับ” บล็อกโคลี่หยุดฝีเท้าหลังจากนั้นเขาก็ยืนอธิบายแผนให้กับวินเซนต์ฟังอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่ได้ฟังแผนวินเซนต์ก็พยักหน้าตอบรับตกลงกับแผนการอันนี้ พวกเขาจึงรีบวิ่งมุ่งหน้าตามรอยเท้าของพวกออกที่ขโมยของของเขาต่อไป - กลางหมู่บ้านของเผ่าออค - ภายในป่าลึกห่างจากตัวเมือง Prontera ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้และสัตย์ป่าที่แห่งนั้นมีหมู่บ้านของเผ่าออคตั้งอยู่ เผ่าออคนั้นเป็นชนเผ่านักรบ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ถนัดในงานก่อสร้าง ศิลปะและวิศวกรรมดังนั้นบ้านของพวกเขาจึงมักจะสร้างจากไม้และอิฐแบบง่ายๆรูปร่างของมันจะเป็นทรงกลมแบบดูเรียบง่ายแแต่มีแข็งแรงมากกว่าที่ตาเห็น แม้จะถูกเรียกว่าหมู่บ้านใดจริงๆแล้วจำนวนของออคนั้นมีมากพอสมควรทีเดียว มีบ้านอยู่ที่นี่หลายร้อยหลังบางทีมันน่าจะถูกเรียกว่าเมืองของออคเสียมากกว่าที่ลานกว้างกลางหมู่บ้านของชาวออคนั่น เป็นที่ประกอบพิธีทางความเชื่อของพวกมัน อีกทั้งยังเป็นที่ใช้ประกอบพิธีกรรมสำหรับนักรบของชาวเผ่า และวันนี้เองก็มีกิจกรรมพิเศษเกิดขึ้นแต่นี่ไม่ใช่กิจกรรมทางความเชื่อและก็ไม่ใช่กิจกรรมที่นำความกล้าหาญให้กับนักรบแต่นี่เป็นความบันเทิง เสาไม้ขนาดใหญ่ที่ประดับประดาไปด้วยหัวกะโหลกของมนุษย์ ถูกตั้งขึ้นทั้ง 4 ด้าน เสาแต่ละต้นมีเชือกขนาดใหญ่ขึงเข้าหากันรูปร่างคล้ายสนามชกมวย ที่ด้านข้างของสนามมีเวทีซึ่งทำจากหินขนาดใหญ่ด้านบนเวทีนั้นมีเก้าอี้ซึ่งทำจากหินสลักลวดลายหัวกระโหลกและยังประดับด้วยเขาสัตว์ดูน่ากลัว พวกผู้หญิงภายในเผ่ากำลังย่างเนื้อหมูเพื่อมาเป็นอาหารสำหรับงานบันเทิง ภายในงานนั้นมีทั้งเนื้อและผลไม้วางไว้ในจานซึ่งทำจากดินเผาแบบเรียบง่ายทรงกลม เอาไว้แจกจ่ายให้กับสมาชิกในเผ่าผู้มารับชมความบันเทิงและภายในค่ำคืนนี้บรรดาออคมากมายก็มารวมตัวกันที่ลานกว้างแห่งนี้ อีกด้านหนึ่งของสนามชกมวยตรงข้ามกับเวทีมีเสาไม้ 2 ต้นที่ถูกทำให้คล้ายกับไม้กางเขนสำหรับตรึงนักโทษสมัยโบราณ ที่บนเสานั้นมีมนุษย์ 2 คนถูกตรึงไม้กางเขนอยู่เขาก็คือ ฟรองค์ ฟอนเบิร์ก เบิร์นไวซ์นอร์ท และ Doom พวกเขาทั้งสองคือสมาชิกภายในปาร์ตี้ของจีต้าซึ่งถูกจับมาโดยเผ่าออคก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งสองคนนั้นมีบาดแผลเต็มตัวและมีอาการอ่อนล้าเพียงแต่ว่าบาดแผลของ ฟรองค์นั้นดูจะสาหัสมากกว่าของ Doom มากเพราะว่าตามตัวของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยคมขวาน ซึ่งเกิดจากการต่อสู้กับนักรบออคอีกทั้งศีรษะของเขายังแตกและมีเลือดไหลออกมาแม้กระทั่งในตอนนี้เลือดก็ยังไหลซึมออกมาไม่หยุดจึงทำให้สติสัมปชัญญะของเขาเริ่มจะเลือนลาง“เฮ้…..เจ้านักดาบนายอย่าเพิ่งหลับสิ !! แกเสียเลือดไปเยอะมากเลยนะถ้าแกหลับล่ะก็แกได้ไปยาวเลยนะ !!” เสียงของ Doom พยายามเรียกสติสัมปชัญญะของ ฟรองค์ที่เลือนลางให้กลับมาเป็นระยะๆ แต่ตัวของเขาเองก็รู้ดีว่าทั้งเขาและนักดาบเพื่อนร่วมปาร์ตี้อาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปจากที่นี่แล้วก็ได้“หนวกหูน่า…..เรื่องแบบนี้นะชั้นรู้ดีอยู่แล้ว…..” เสี่ยงของฟรองค์ที่ฟังดูอ่อนล้าโรยแรงกล่าวตอบ Doom ด้วยท่าทางที่ยากลำบากนั่นเป็นเพราะว่าบาดแผลของเขานั้นสาหัสมากจนทำให้เขานั้นแทบจะสิ้นสติลงไปได้ตลอดเวลา
Orc Hero หลังจากที่งานบันเทิงถูกจัดเตรียมจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่นานนักประธานของงานก็เดินทางมาถึงนั่นซึ่งก็คือ 2 ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของชนเผ่าออค Orc Hero และ Orc Lord นั่นเอง Orc Hero นั้นคือสุดยอดผู้นำของชาวเผ่าออตเขาเป็นออคที่มีผิวหนังสีเขียวรูปร่างใหญ่มีบาดแผลเต็มตัวราวกับว่าผ่านศึกสงครามมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ใบหน้าของเขาดูน่ากลัวและเคร่งขรึม ร่างกายของเขานั้นระดับไปด้วยเครื่องประดับมากมายซึ่งทำจากทองคำ ในมือข้างหนึ่งของเขานั้นถือโล่ซึ่งทำมาจากทองคำขนาดใหญ่ดูสวยงามและแข็งแกร่ง ส่วนในมืออีกด้านหนึ่งของเขานั้นถือดาบซึ่งเป็นดาบที่ถูกตีขึ้นโดยช่างชาวออคเป็นดาบที่มีความทนทานและความคมมาก
Orc Lord Orc Lord นั้นคือผู้นำทหารสูงสุดของชาวเผ่าออคหากเปรียบว่า Orc Hero คือราชา Orc Lord นั้นก็เปรียบได้ดั่งแม่ทัพผู้กล้าที่จะนำกองทัพของชาวเผ่าออคไปโจมตีและปล้นสะดมตามที่ต่างๆ Orc Lord นั้นเป็นออคที่มีร่างกายกำยำและมีขนาดลำตัวที่สูงใหญ่กว่าออคปกติ กล้ามเนื้อของเขานั้นดูเป็นมัดกล้ามอย่างชัดเจนเหมือนกับว่าถูกฝึกมาอย่างดี ในมือของเขาทั้งสองข้างนั้นไม่ได้ถืออาวุธแต่ว่าดูจากท่าทางแล้วเขาน่าจะเป็นผู้ที่ชำนาญในการใช้ศิลปะการต่อสู้และมากกว่า บนหัวของเขานั้นมีหมวกซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของชาวออคแต่สำหรับออกธรรมดานั้นจะมีเขาอยู่บนหมวกเพียง 2 อันแต่สำหรับ Orc Lord นั้นมีถึง 3 อัน หลังจากที่ผู้นำทั้งสองมาถึงออคตนหนึ่งก็ได้ทำการเป่าเขาสัตว์เพื่อเป็นสัญญาณบอกถึงการเริ่มของความบันเทิงภายในค่ำคืนนี้ คบไฟทั้งหมดที่อยู่บริเวณลานกว้างของหมู่บ้านถูกจุด เปลวไฟที่เกิดจากน้ำมันสนของต้นไม้ลุกโชนส่งกลิ่นที่รู้สึกชวนให้หดหู่สำหรับตัวประกันที่ถูกจับมาเป็นอย่างมาก พวกเขาทั้งสองรู้สึกราวกับว่ากำลังจะถูกบูชายัญ “เอาแล้วไงว่ะ !! พวกมันคิดจะทำอะไรกับเราก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆมีแต่ตายกับตาย !!” เสียงของโจรหนุ่ม Doom กล่าวขึ้นด้วยท่าทางที่ฟังดูเสียขวัญและตื่นตระหนก ฟรองค์ที่ถูกตรึงไม้กางเขนอยู่ใกล้ๆเขาได้แต่มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นไปอย่างเลื่อนลอยในหัวสมองของเขานั้นรู้สึกได้เพียงอย่างเดียวคือความสิ้นหวัง“เงียบบบบ เงียบบบบ !!” Orc Hero ผู้ซึ่งเป็นประธานในงานกล่าวขึ้นมาเพื่อให้ผู้ร่วมงานทุกคนเงียบ ออึทุกตัวที่อยู่ในลานกว้างของหมู่บ้านหยุดการกระทำทุกอย่างลงตรงนั้นราวกับถูกปิดสวิตช์และหันไปมอง Orc Hero เป็นสายตาเดียว “อย่างที่ทุกคนรู้ดีวันนี้พวกเราจะจัดงานบันเทิงและมนุษย์ 2 คนนี้ก็จะเป็นเครื่องเล่นอันหฤหรรษ์ของพวกเรา !!” ทันทีที่ Orc Hero พูดจบออคทุกคนในงานก็ตะโกนโห่ร้องออกมาด้วยความยินดีเป็นเสียงเดียว ประโยคพวกนั้นทำเอาตัวประกัน 2 หนุ่มที่ถูกจับมาถึงกับหัวใจแทบจะเต้นออกมานอกอกด้วยความหวาดกลัว “เอาเหล่ามนุษย์ผู้ต่ำต้อยเอ๋ย !! จงฟังพวกเจ้าสองคนนี้จะต้องมีคนหนึ่งลงไปสู้ในสังเวียนถ้าหากว่าฝ่ายเจ้าเป็นผู้เเพ้คนนึงจะต้องตายในสังเวียนส่วนอีกคนหนึ่งก็จะต้องตายที่แท่นบูชายันต์ แต่ถ้าเจ้าชนะเราจะปล่อยเจ้าไปจงเลือกมาซะว่าใครจะตายที่ไหน !!” เสียงของ Orc Hero กล่าวถามตัวประกันทั้งสองของเขาด้วยน้ำเสียงที่ดูดุดันแข็งกร้าวและน่าขนลุก Doom และ ฟรองค์ เมื่อถูกถามเช่นนั้นทั้งสองคนก็มองหน้ากันด้วยสายตาที่ดูกดดันขึ้นมาทันที ทั้งสองคนนั้นทราบดีว่า ฟรองค์มีอาการบาดเจ็บที่หนักกว่า Doom มากหากให้ลงไปสู้ในสังเวียนด้วยสภาพที่แค่จะยืนก็เต็มที่แล้วเรื่องชนะไม่ต้องไปฝันเลยแต่ว่าถ้าหากให้ Doom ที่ถึงแม้เขาจะมีอาชีพเป็นโจรแต่ว่าเขาถนัดในการใช้ธนูซึ่งเป็นอาวุธระยะไกลมากกว่าที่จะใช้มีดที่เป็นอาวุธระยะประชิดการสู้กันบนสังเวียนแบบตัวต่อตัวเขานั้นโอกาสชนะต่ำกว่า 0 ซะอีก“ถ้าให้แกลงไปสู้ก็มีแต่ตายกับตาย ชั้นขอไปเองดีกว่า !!” ฟรองค์ กล่าวขึ้นด้วยอาการอ่อนล้าแต่ภายในจิตใจของเขานั้นยังคงมีไฟสู้ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา Doom เข้าใจในสิ่งที่ ฟรองค์พูดออกมาทั้งหมดได้เป็นอย่างดีเขาจึงได้แต่พยักหน้าเบาๆและหลังจากนั้นก็พูดกับฟรองค์ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเพื่อไม่ให้ออคตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ยินว่า“ยังไงชั้นก็จะหาทางหลุดออกไปจากเชือกที่มัดอยู่นี่ให้ได้ ถ่วงเวลาไว้ก่อนนะแล้วชั้นจะรีบไปช่วยนายเอง” Doom กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและสั่นเครือ ฟรองค์เมื่อได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มออกมาและกล่าวตอบกลับไปว่า“หึ !! ทำเป็นพูดเก่งไปถ้ามีทางหนีจริงๆป่านนี้นายคงจะหนีไปตั้งนานแล้ว ไม่ต้องมาปลอบใจชั้นหรอกน่ะ ชั้นแค่เลือกเส้นทางที่ดูจะมีโอกาสรอดมากที่สุดเท่านั้นเอง” ฟรองค์ ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แต่ภายในน้ำเสียงของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยความหวังเขายังไม่คิดที่จะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ Doom เมื่อได้ยินดังนั้นก็อดยิ้มตอบไม่ได้ Doom เลยพูดขึ้นมาว่า“เหอะ !! ทำเป็นเท่ซะจริงนะแกน่ะ ถ้ามีโอกาสที่จะชิ่งหนีไปได้ก็รีบไปซะล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงชั้นหรอก ตายคนเดียวดีกว่าตาย 2 คนนะรู้ไหม !” เมื่อ Doom กล่าวจบ ฟรองค์ก็ตะโกนไปทางที่ Orc Hero นั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจซึ่งเขาเสแสร้งขึ้นมาว่า“ฉันนี่แหละจะเป็นคนลงไปสู้ในสังเวียนเอง !! แกมีใครที่คิดว่าเก่งที่สุดก็เอามาเจอกันได้เลย !!” Orc Hero เมื่อได้ยินฟรองค์ตะโกนออกมาดังนั้นมันก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดีมันสั่งให้ออคตนหนึ่งเข้าไปปลดเครื่องพันธนาการของฟรองค์ออกมาแนะนำตัวของฟรองค์ขึ้นไปสู่สังเวียน ฟรองค์ถูกนำพาไปขึ้นสังเวียนในสภาพที่บาดเจ็บจนแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว เขามองไปที่ด้านนอกรอบๆสังเวียนการต่อสู้เหล่าออคจำนวนมากที่รายล้อมเวทีอยู่ต่างพากันส่งเสียงเชียร์ดังสนั่นและก็ต่างพูดคุยกันจนไม่สามารถที่จะฟังได้ศัพท์ ในไม่กี่อึดใจนั้นคู่ต่อสู้ของเขาก็ก้าวขึ้นมาบนเวที มันเป็นออคที่มีรูปร่างใหญ่โตกว่าออคธรรมดาทั่วไปเล็กน้อย มันถือขวานแบบที่นักรบออคใช้ไว้ในมือและควงไปควงมาด้วยท่าทางที่ชำนาญ เมื่อผู้ท้าชิงปรากฏขึ้นมาบนเวทีแล้วออคตัวหนึ่งก็เดินเข้ามาและนำขวานแบบเดียวกันกับที่ผู้ท้าชิงของเขาใช้มามอบให้กับฟรองค์“การต่อสู้ เริ่มได้ !!” Orc Hero กล่าวประกาศสัญญาณเริ่มการต่อสู้เพื่อให้นักรบทั้งสองเข้าห้ำหั่นกัน ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศนักรบออคคู่ต่อสู้ก็พุ่งตรงเข้าไปหาฟรองค์อย่างรวดเร็ว มันฟาดขวานในมือลงมาด้วยกำลังที่มหาศาลเข้าใส่ส่วนหัวของฟรองค์ ฟรองค์นั่นแม้จะบาดเจ็บแต่ก็พยายามปัดป้องอย่างสุดกำลังเขาใช้สันของขวานซึ่งทำมาจากเหล็กแทนโล่ป้องกันการโจมตี ทันทีที่ขวานซึ่งถูกสับลงมาปะทะเข้ากับขวานของฟรองค์ประกายไฟสีส้มที่เกิดจากแรงเสียดสีของเหล็ก 2 อันก็สว่างวาบขึ้นมาแว่บนึงมันเป็นเครื่องบ่งบอกให้รู้ว่าความรุนแรงของการต่อสู้นี้มีมากมายขนาดไหน 「พลังมากมายอะไรอย่างนี้ แค่ใช้สันขวานรับเอาไว้ก็รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกจนมือชาไปหมด ถ้าจะแย่จริงๆแล้วแบบนี้….」ฟรองค์คิดในใจในขณะที่กำลังปัดป้องกันโจมตีของออคคู่ต่อสู้ของเขาอยู่บนสังเวียน เจ้าออคคู่ต่อสู้ของฟรองค์เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ของมันกำลังเสียเปรียบมันจึงเริ่มเล่นสนุกมันยังไม่โจมตีจุดตายของฟรองค์ในทันทีเพื่อฆ่าเขา แต่ว่ามันกลับโจมตีเพื่อให้ฟรองค์อ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ ฟรองค์นั้นก็ไม่สามารถจะปัดป้องกันโจมตีของมันได้ทุกครั้ง ในบางครั้งขวานของมันก็สร้างบาดแผลเพิ่มเติมให้กับเขาหลายจุด เลือดของฟรองค์ที่ออกมาจากปากบาดแผลทั้งใหม่ทั้งเก่าสาดกระเซ็นลงบนพื้นเวทีเป็นรอยสีแดงเต็มไปหมดที่ใบหน้าและลำตัวของเขาก็อาบชุ่มไปด้วยเลือดและเหงื่อ ท่าทางที่ดูทรมานและลำบากลำบนของเขานั้นสร้างความสนุกสนานบันเทิงให้กับผู้ชมชาวออคที่รายล้อมเวทีอยู่เป็นอย่างมาก“ฮ่า ฮ่า ฮ่าาา ไอ้เจ้าบ้านั่นเอาอีกแล้ว !! มันชอบทรมานเหยื่อของมันบนเวที แบบนี้ไอ้นักดาบนั้นคงคิดนะว่าตายซะตั้งแต่แรกน่าจะดีกว่า ฮ่าาา” เสียงของออคผู้ชมตนหนึ่งกล่าววิพากษ์วิจารณ์การต่อสู้อย่างสนุกสนานเนื่องจากว่าออคที่ต่อสู้อยู่บนเวทีนั้นมีพฤติกรรมที่ชอบทรมานคู่ต่อสู้ของมันเองและนั่นก็เป็นสิ่งที่ชาวเผ่าออคชอบที่จะดูชม การต่อสู้ของฟรองค์และออคยังคงดำเนินต่อไปบนเวทีแต่จะเรียกว่าการต่อสู้ก็คงจะเรียกได้ไม่เต็มปาก มันน่าจะเป็นการแสดงที่ฟรองค์ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า“เจ้ามนุษย์ !! แบบนี้งานก็จืดแย่สิไหนลองกรีดร้องให้ข้าดูหน่อยซิ !!” ทันทีที่ออคกล่าวจบมันก็เปลี่ยนรูปแบบการโจมตีจากการโจมตีที่ดูเรียบง่ายที่ทำให้ฟรองค์สามารถปัดป้องได้ง่ายๆ คราวนี้มันกลับใช้สันขวานของมันฟาดลงไปที่แขนข้างซ้ายของฟรองค์อย่างรุนแรง ทันทีที่ถูกสับลงไปฟรองค์รู้สึกได้ถึงเสียงหักของกระดูกแขนของเขาอย่างชัดเจนความเจ็บปวดมากมายแล่นขึ้นสมองของเขาอย่างฉับพลัน “อ๊าคคคคคคคค !!” ฟรองค์ร้องเสียงหลงออกมากลางสังเวียนทันที ร่างของเขาทรุดลงกับพื้นสังเวียนซึ่งเป็นดินแห้งปนฝุ่น ดวงตาของเขาเบิกโพลงและกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสแขนซ้ายของเขานั้นกระดูกหักจนบิดเบี้ยวผิดรูป อาการบาดเจ็บของเขานั้นสร้างความตลกขบขันให้กับเหล่าออคที่มาชมการต่อสู้จนพวกมันหัวเราะกันออกมาลั่นเวที - ภายในป่าไม่ไกลจากแคมป์ของพวกบล็อกโคลี่ - กลุ่มออคจำนวน 6 ตนที่เข้าไปขโมยลังสัมภาระของปาตี้บล็อกโคลี่กำลังแบกสิ่งของต่างๆที่พวกมันฉกฉวยมาได้และเดินอยู่ภายในป่าเพื่อกลับหมู่บ้านอย่างสบายอารมณ์ โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีมัจจุราช 2 ตนกำลังเฝ้ามองพวกมันอยู่อย่างเงียบเฉียบ บร็อคโคลี่เฝ้ารอจังหวะที่จะเล่นงานพวกมันอยู่“ฮร้าาา สุดยอดจริงๆเลยวันนี้ไม่นึกว่าจะเจอแคมป์เปล่า ให้เข้าไปเอาของมาได้เยอะแยะสบายๆแบบนี้ แทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลยก็ได้ของมามากมาย !!” ออคตนหนึ่งซึ่งกำลังแบกลังน้ำผึ้งกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่ยินดีปรีดาเหล่าออคทั้งหมดทีเหลือก็พากันหัวเราะเห็นด้วยในสิ่งที่มันพูดออกมา“เอาหละ !! อย่ามัวอืดอาจที่หมู่บ้านของเรากำลังมีงานบันเทิง ก็เจ้ามนุษย์ที่จับได้ 2 คนเมื่อตอนกลางวันนั่นแหละ ถ้าเราไม่รีบกลับจะไม่ทันดูตอนมันถูกฆ่านะ ฮ่าๆๆๆๆ” ออคตนหนึ่งกล่าวขึ้นและหัวเราะพวกมันคงจะคิดแล้วว่าไม่มีใครที่จะตามมาเอาสิ่งของที่พวกมันปล้นมากลับไปได้อีกแล้ว ในระหว่างที่ออคทั้งกลุ่มกำลังหัวเราะกันอยู่อย่างสนุกสนานบล็อคโคลี่นั้นก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้อย่างเงียบเชียบและหวดไม้กระบองเหล็กของเขาเข้าที่ศีรษะของออคตนหนึ่งซึ่งไม่ได้แบกลังสัมภาระ มันไม่ทันระวังตัวจึงถูกบล็อคโคลี่ตีจนกะโหลกแตกตายในทันที“เห้ยย มนุ…...ษย์ ….” ก่อนที่ออคตนที่ 2 จะพูดจบบล็อคโคลี่ก็หวดไม้กระบองเหล็กเข้าไปที่กลางหน้าของมันอย่างจัง ความแรงของไม้กระบองทำให้กะโหลกศีรษะของมันแตกและสมองของมันก็กระจายออกไปด้านหลังอย่างน่าสยดสยอง ออคที่เหลือ 4 ตัวรู้สึกตกใจมากที่เพื่อนทั้งสองของมันถูกสังหารในพริบตา ออคตนหนึ่งซึ่งไม่ได้ถือสัมภาระกำลังจะชักขวานขึ้นมาจากเอวส่วนออคที่เหลืออีก 3 ตัวซึ่งแบกสัมภาระนั้น พวกมันจะต้องใช้เวลาวางลังสัมภาระลงก่อนถึงจะหยิบอาวุธขึ้นมาต่อสู้ได้ และนี่ก็คือสิ่งที่บล็อกโคลี่และวินเซนต์วางแผนเอาไว้ ออคตนเดียวที่เหลืออยู่ในสภาพพร้อมต่อสู้ถูก วินเซนต์ซึ่งพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ใช้ขวานของเขาตัดคอตายในทันที ออคที่เหลืออีก 3 ตัวซึ่งแบกลังสัมภาระยังไม่ทันจะได้วางสิ่งของของมันลงพื้นเลยด้วยซ้ำ บล็อกโคลี่และวินเซนต์ก็ใช้อาวุธของเขาสังหาร 2 ใน 3 ซึ่งกำลังยืนแบกลังสัมภาระเป็นเป้านิ่งอยู่ตายในพริบตา ออคที่เหลือตัวสุดท้ายแม้จะสามารถจะวางลังสัมภาระลงพื้นได้แต่มันยังไม่ทันจะได้ชักอาวุธขึ้นมาเลย วินเซนต์และบล็อกโคลี่ก็ถืออาวุธซึ่งเปื้อนเลือดของเพื่อนๆมันเดินเข้าไปหามันด้วยใบหน้าที่เหี้ยมเกรียม “เอ๊ !! ท่านมนุษย์ทั้ง 2 ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย !! ข้ายังไม่อยากตายเก็บข้าไว้เป็นสัตว์เลี้ยงก็ยังดี เจียกกกกก !!” วินเซนต์และบร็อคโคลี่โจมตีเข้าใส่ออกตัวนั้นพร้อมๆกันจนสภาพศพของมันนอกจากกะโหลกแตกแล้วยังมีแผลที่ลำตัวขนาดใหญ่ดูน่าสังเวชยิ่งนัก“ออคบ้าอะไรร้องเสียงอย่างกับลิง….” วินเซนต์กล่าวขึ้นด้วยท่าทางแปลกใจในขณะที่เขากำลังเช็ดเลือดซึ่งติดอยู่ที่คมขวาน บล็อกโคลี่นั้นนิ่งเงียบไม่ออกความคิดเห็นอะไรแต่วินเซนต์สังเกตได้ถึงรอยยิ้มที่ดูตลกขบขันและน่าขนลุกบนใบหน้าของเขา “ฟู่ววว ปิดจ๊อบๆ ลังสัมภาระทั้งหมดปลอดภัยดี ป่ะพวกเรากลับ !!” บล็อกโคลี่กล่าวกับวินเซนต์เมื่อศัตรูทั้งหมดนั้นตายหมดแล้ว บล็อกโคลี่แบกลังสัมภาระ 2 ใบขึ้นบ่าด้วยตัวคนเดียวโดยที่เขาไม่มีสีหน้าว่าจะรู้สึกหนักเลยส่วนวินเซนต์นั้นก็แบกลังสัมภาระ 1 ใบซึ่งเบาที่สุดเดินตามหลังเขาเพื่อกลับสู่แคมป์ “รู้สึกเมื่อกี้จะได้ยินพวกมันคุยกันประมาณว่ามีมนุษย์ 2 คนถูกจับไปและกำลังจะถูกฆ่านะ บางทีสองคนนั้นอาจจะเป็นคนที่อยู่ในปาร์ตี้ของคุณจีต้าก็ได้นะ บล็อกโคลี่นายจะทำยังไงดีล่ะ…...” วินเซนต์กล่าวถามบล็อกโคลี่ขึ้นมาในขณะที่เขากำลังจะเดินทางกลับแคมป์ บล็อกโคลี่เมื่อได้ยินวินเซนต์ข่าว 3 ชิ้นนั้นมันก็ทำให้เขาหยุดชะงักไปชั่วพริบตาก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นมาว่า “วินเซนต์ ผมรู้สึกปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำนายล่วงหน้าไปก่อนได้เลยนะ รู้สึกว่าจะปวดหนักซะด้วยสิไม่ต้องรอไปก่อนได้เลย…...” พูดจบบล็อคโคลี่ก็วางลังสัมภาระทั้ง 2 ใบเอาไว้ที่ข้างทางบริเวณพุ่มไม้ซึ่งสังเกตได้ยาก หลังจากนั้นเขาก็เดินหายเข้าไปตามทางในป่าลึกมุ่งสู่หมู่บ้านออคทันที วินเซนต์เห็นบล็อคโคลี่ทำเช่นนั้นเขาได้แต่หัวเราะในลำคอและส่ายศีรษะเบาๆก่อนจะพูดขึ้นมาลอยๆว่า“เฮ้อ….ถ้าจะพูดกลบเกลือนแบบนี้แล้วก็สู้ไม่พูดซะดีกว่านะครับ” วินเซนต์วางลังสัมภาระของเขาอีก 1 ใบเอาไว้ใกล้ๆกับที่บร็อคโคลี่วางไว้ก่อนหน้านี้และเดินตามหลังเขาไปห่างๆto be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on Jun 6, 2018 5:25:16 GMT
EP : 11 การต่อสู้ของหญิงสาว - ที่แคมป์ของปาร์ตี้บล็อกโคลี่นอกชายป่า - ทันทีที่กลับมาถึงที่พักซีเนียก็เริ่มลงมือปฐมพยาบาลให้กับ จีต้าและเทียร์ ในระหว่างที่กำลังปฐมพยาบาลไปนั้นหญิงสาวทั้งสามคนก็ได้ทำความรู้จักกันเป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะเพิ่งพบเจอกันครั้งแรกแต่ด้วยความเป็นเพื่อนร่วมสายอาชีพนักดาบเหมือนกันทำให้พวกเธอนั้นสามารถพูดคุยกันได้อย่างค่อนข้างที่จะถูกคอ ในระหว่างที่ซีเนียกำลังปฐมพยาบาลให้กับ จีต้าและเทียร์ จีต้านั้นอาการไม่ค่อยบาดเจ็บเท่าไหร่นักหลังจากที่ดื่มยาฟื้นพลัง Red Potion เข้าไปประมาณ 4-5 ขวดบาดแผลของเธอก็เริ่มสมานตัวกันอย่างรวดเร็ว และอาการเหนื่อยล้าของเธอก็ค่อยๆหายไป จนสภาพร่างกายของเธอเกือบจะกลับมาสมบูรณ์ดีแต่เทียร์นั้นอาการของเธอสาหัสกว่าจีต้ามากเนื่องจากว่าเธอได้รับบาดแผลฉกรรจ์ตามร่างกายหลายจุด ซีเนียจึงรีบเอาผ้าพันแผลมาทำแผลให้กับเธอและหลังจากนั้นก็ให้เธอดื่มยาฟื้นพลังเช่นเดียวกับจีต้าแต่ว่าเทียร์นั้นดื่มเข้าไปในปริมาณมากกว่าถึง 2 เท่า และมันก็ได้ผลบาดแผลต่างๆภายนอกของเธอเริ่มที่จะสมานตัวกันอย่างรวดเร็ว “สุดยอดไปเลยพลังฟื้นตัวของเธอคนนี้น่ามหัศจรรย์จริงๆนะคะ….” ซีเนียกล่าวขึ้นในขณะที่เห็นบาดแผลทั้งน้อยใหญ่ของเทียร์กำลังค่อยๆปิดตัวลงทีละนิดๆ ด้วยความเร็วที่มากกว่าคนปกติทั่วไปหลายเท่า“ Increase HP Recovery ทักษะติดตัวของนักดาบสายเน้นพลังป้องกันน่ะค่ะ มันจะช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้นตามธรรมชาติและยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาฟื้นฟูพลังได้มากถึง 2 เท่าเลยทีเดียว” จีต้าอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมบาดแผลของเทียร์ถึงได้ฟื้นตัวเร็วๆนะ สำหรับนักดาบสายความเร็วแบบเธอและซีเนียคงจะไม่สามารถทำแบบนี้ได้ - 30 นาททีผ่านไป - หลังจากที่รักษาบาดแผลและพักฟื้นกันสักระยะนึงแล้ว ซีเนียเริ่มสังเกตได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นบล็อกโคลี่และวินเซนต์ที่ออกไปตามลังสัมภาระยังไม่กลับมา ซีเนียเริ่มรู้สึกเป็นกังวลและมันแสดงออกมาทางสีหน้าของเธออย่างชัดเจน “ผ่านไปตั้งนานแล้ว….ทำไมนายสองคนนั้นยังไม่กลับมาอีก หวังว่าคงจะไม่เกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นหรอกนะคะ” ซีเนียกล่าวออกมาด้วยท่าทางวิตกกังวลก่อนที่เธอจะลุกขึ้นและคว้าดาบ Katana อาวุธคู่กายขึ้นมาโดยตั้งใจว่าเธอจะออกไปตามหาเพื่อนร่วมปาร์ตี้ของเธอที่ยังไม่กลับมาเสียที“ไปคนเดียวแบบนั้นอันตรายนะคะ….ถ้ายังไงพวกฉันไปด้วยเถอะ !!” จีต้ากล่าวขึ้นมาทันที เมื่อเห็นท่าทางของซีเนียที่กำลังจะออกไปตามหาบล็อกโคลี่และวินเซนต์ด้านนอก ซีเนียไม่อยากให้คนที่กำลังบาดเจ็บและกำลังจะฟื้นตัวต้องมาลำบากไปด้วยเธอจึงกล่าวออกมาว่า“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ….ฉันคนเดียวก็สบายมากจะพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ให้ได้มากที่สุดค่ะ” ซีเนียกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนและเป็นห่วงเป็นใย จีต้ารู้สึกอยากที่จะห้ามเธอแต่ว่าด้วยคำพูดประโยคนั้นทำให้เธอไม่สามารถที่จะกล่าวอะไรต่อไปได้อีกแต่แล้วจู่ๆซีเนียก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติซึ่งมาจากบริเวณรอบๆที่พักของพวกเธอ สีหน้าของเธอที่ดูไร้กังวลเมื่อครู่นี้มลายหายไปกลับกลายเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ดูจริงจังและเปี่ยมไปด้วยความกังวลอย่างสุดขีด เธอกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่สั่นเครือว่า“ท่าทางว่าฉันคงจะไปตามหา 2 คนนั้นไม่ได้แล้วล่ะ….ตอนนี้พวกเรามีแขกแล้วล่ะค่ะ คุณจีต้า คุณเทียร์ ตอนนี้พอจะขยับตัวไว้ไหมคะ ?” ซีเนียกล่าวออกมาด้วยท่าทางแบบนั้นทำให้จีต้าและเทียร์รับรู้ได้ทันทีว่าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้นเสียแล้ว พวกเธอจึงรีบหยิบอาวุธประจำตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วและก็ออกมานอกเต็นท์ที่พัก ในช่วงเวลานั้นผู้มาเยือนแคมป์ของพวกเธอก็ปรากฏกายมันคือฝูงออคซึ่งมีจำนวนมากคำนวณด้วยสายตาคร่าวๆน่าจะประมาณ 20 - 30 ตนได้ พวกมันยืนรายล้อมแคมป์ที่พักของพวกเธอทุกทิศทุกทาง พวกมันทุกตนมีอาวุธในมือพร้อมสายตาของพวกมันจับจ้องไปยังหญิงสาวทั้ง 3 คนราวกับว่าพร้อมจะลงมือเข้ามาโจมตีได้ทุกเมื่อ “30 ต่อ 3 อัตราส่วน 1 ต่อ 10 เลยนะคะเนี่ย…..แบบนี้สงสัยว่าคงจะต้องมีเสียเลือดเสียเนื้อกันบ้างล่ะ…” จีต้ากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูตื่นตระหนก ซีเนียกวาดสายตาไปรอบๆสมองของเธอเริ่มที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว“ถ้าพวกมันพากันมาล้อมเราที่นี่อาจจะหมายความว่าบล็อกโคลี่กับวินเซนต์อาจจะเสร็จพวกมันไปแล้วก็ได้ถ้ายังไงฉันขอหยั่งเชิงพวกมันดูหน่อยก็แล้วกันนะคะ” ซีเนียข่าวขึ้นกับหญิงสาวสองคนเพื่อนของเธอด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูฝืนกล้าหาญ“นี่พวกคุณยักษ์ !! มารบกวนคนอื่นกลางดึกแบบนี้ มันจะไม่แย่ไปหน่อยหรือคะ ? ของๆพวกเราคุณก็ขโมยไปหมดแล้ว พวกเราไม่มีอะไรจะให้อีกแล้วค่ะ !!” ซีเนียตะโกนถามออคซึ่งมารวมตัวกันอยู่รอบๆด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว ออคเมื่อได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มออกมาแล้วตอบว่า“อะไรกันเนี่ย ? ถูกพวกกลุ่มอื่นปล้นไปแล้วครั้งหนึ่งหรอกเรอะ ? แต่ก็ช่างเถอะไม่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเหลือนี่นาของที่เหลืออยู่ก็ตัวของพวกแกไง !!” ออคกล่าวขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาดังลั่นและออคตัวอื่นๆซึ่งรายล้อมอยู่ก็พากันหัวเราะเป็นเสียงเดียวกัน แต่คำตอบของมันนั้นทำให้ซีเนียทราบว่าพวกออคนั้นไม่ได้ทำงานโดยที่สื่อสารกันอย่างเป็นระบบ แต่เป็นการแยกกลุ่มออกไปปล้นสะดมตามที่ต่างๆแล้วแต่อำเภอใจ ดังนั้นวินเซนต์และบล็อกโคลี่น่าจะยังไม่เสียท่าให้จับพวกมัน“วันนี้ที่หมู่บ้านมีงานบันเทิงด้วย !! พวกเราไม่อยากจะไปร่วมงานสายดังนั้นให้ความร่วมมือยอมให้พวกเราจับตัวซะดีๆ !!” ออคตนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่คึกคะนอง แต่หารู้ไม่ว่านั่นเป็นข้อมูลให้ซีเนียสามารถที่จะตัดสินใจได้อย่างง่ายขึ้น「ฟังจากที่พวกมันพูดแล้ว….ดูเหมือนว่าคนในปาร์ตี้ของคุณจีต้าน่าจะยังถูกจับอยู่ที่หมู่บ้านของพวกมันที่บล็อกโคลี่และวินเซนต์กลับมาช้า บางทีน่าจะเพราะว่าเขาอาจจะวางแผนไปช่วย 2 คนนั้นออกมาก็ได้ ตอนที่คุณจีต้าบอกถึงลักษณะของคนที่ถูกจับไปดูแล้วทั้งสองคนนั้นน่าจะเคยเป็นคนที่คุณบล็อกโคลี่และคุณวินเซ็นท์รู้จักเสียด้วย ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน….」 ซีเนียคิดแผนหยาบๆออกมาได้ในชั่วพริบตา ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่แผนที่ดีนัก แต่ว่าก็ยังดีกว่าที่จะไม่ได้เตรียมทางหนีทีไล่อะไรเอาไว้เลย เมื่อตัดสินใจแล้วเธอจึงกระซิบบอกสองสาวเพื่อนของเธอว่า“คุณจีต้า คุณเทียร์ เราจะช่วยกันฝ่าวงล้อมพวกมันออกไปในทางเดียว นั่นก็คือทางที่มีจุดกำลังเบาบางที่สุดคือตรงทางเข้าป่าน่ะค่ะ พวกมันคงจะไม่ได้คิดว่าเราจะฝ่าวงล้อมและหนีไปทางดินแดนของพวกมันอย่างแน่นอน ดูสิมีออคแค่ไม่กี่ตัวที่ยืนอยู่ตรงนั้น ” ซีเนียเริ่มอธิบายแผนการคร่าวๆให้กับสองสาวฟังแต่ทันทีที่ เทียร์ได้ยินแบบนั้นเธอก็ถามกลับทันทีว่า“แล้วถ้าฝ่าออกไปได้แล้วเราจะทำยังไงกันต่อล่ะ ? เท่ากับว่าเราอยู่ในดินแดนของศัตรูเลยนะแบบนั้นมันจะไม่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่หรอ” ซีเนียรู้ดีอยู่แล้วว่าจะต้องมีคนคิดแบบนี้เธอจึงอธิบายแผนการของเธอต่อไปว่า“หลังจากที่ออกไปได้แล้วเราจะไปรวมกลุ่มกับคุณบล็อคโคลี่และคุณวินเซ็นท์ค่ะ ถึงแม้ว่าภารกิจขนส่งสินค้าของเราจะล้มเหลว แต่อย่างน้อยคุณบ๊อกโคลี่ก็ยังสามารถจะใช้สกิลวาปพาเรากลับเมือง Prontera ไปได้อย่างปลอดภัยนะคะ” แผนของซีเนียนั้นฟังดูดีมีเหตุผลและสามารถที่จะปฏิบัติได้จริง แต่ว่าภายในแผนนี้กลับสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีขึ้นมาให้กับเทียร์และจีต้า“ฟังจากที่พวกออคมันพูดตะกี้ หมายความว่าเพื่อนร่วมปาร์ตี้ของชั้นน่าจะยังมีชีวิตอยู่และน่าจะอยู่ที่หมู่บ้านของพวกมัน ถ้าจะให้ชั้นทิ้งพวกเขาสองคนไว้พวกเขาสองคนต้องตายแน่ แบบนี้มันจะดีแล้วหรอ ?” เทียร์กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บใจในความอ่อนแอของตนเองและความโศกเศร้า ถ้าหากว่าแผนนี้ได้เริ่มต้นขึ้นเท่ากับว่าเธอได้ทิ้งชีวิตเพื่อนร่วมปาร์ตี้ทั้งสองคนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว“เอาอย่างนี้ไหมล่ะคะ ? ตอนนี้พวกคุณสองคนก็ดูจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ราวๆ 80 - 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว ถ้าหากว่าเราไปรวมกลุ่มกับคุณบล็อคโคลี่ได้เมื่อไหร่ เราลองไปช่วยเพื่อนของคุณดูบางทีเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่และถ้าเราช่วยพวกเขาได้เสร็จพวกเราก็รีบชิ่งหนีกลับเมืองด้วยวาป แม้อาจจะดูเสี่ยงไปหน่อยแต่ถ้าเรามีกำลังมากถึง 5 คนบางทีเราอาจจะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ก็ได้ค่ะ !!” ซีเนียกล่าวแผนสมทบขึ้นมาให้กับเทียร์และจีต้าได้ฟัง คำตอบนี้ดูจะสร้างความพอใจให้กับหญิงสาวทั้งสองมากขึ้นพวกเธอจึงยินยอมที่จะปฏิบัติตามแผนของซีเนีย
“เอาล่ะถ้าอย่างนั้นอย่ามัวรอช้าอยู่เลยค่ะ ลุยกันเลย !!” ทันทีที่ซีเนียกล่าวเช่นนั้นเทียร์ก็ยกโล่ (Shield) ขนาดใหญ่ซึ่งถูกสร้างมาอย่างดีจากเหล็กกล้าที่หนาและแข็งแรง มันเป็นหนึ่งในอุปกรณ์คู่กายของเธอขึ้นมากำบังไว้ด้านหน้าก่อนที่จะวิ่งนำเข้าชาร์ตกลุ่มของออคซึ่งยืนอยู่ทางด้านทิศที่เป็นทางเข้าป่าอย่างรวดเร็ว“ย๊ากกกก !! ถอยไปๆๆๆๆ” การจู่โจมอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของ 3 สาวสร้างความตกใจให้กับฝูงออคได้ไม่น้อย เทียร์ที่ถือโล่ป้องกันการโจมตีพุ่งเข้าไปด้านหน้าในขนาดที่ 2 สาว พยายามโจมตีออคซึ่งกำลังตกใจด้วยอาวุธประจำกายของเธอ จีต้าซึ่งในวันวานที่เขาได้พบกับบล็อกโคลี่เคยใช้ดาบใบมีดหนาที่เรียกว่า Blade แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนกลายเป็ถือดาบใบมีดตรงซึ่งใช้ในเหล่าบรรดาทหารม้าที่เรียกว่า Saber มันมีความคมมากกว่ามีความคล่องตัวมากกว่าและมีพลังทำลายล้างสูงกว่าดาบเล่มเดิมมากพอสมควรจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เธอจะโจมตีเข้าจุดตายและล้อออคได้ภายในการฟันเพียงหนึ่งหรือสองครั้ง
ซีเนียพี่ใช้ดาบ Katana ที่มีความเร็วและความคมเป็นเลิศอยู่แล้วก็สามารถที่จะกำจัดออคซึ่งขวางทางพวกเธอทั้งสามคนได้อย่างไม่ยากเย็น แม้ว่าในบางครั้งพวกเธออาจจะถูกโจมตีกลับโดยที่ไม่ทันระวังตัวหรือไม่อาจปัดป้องได้บ้างแต่ว่า เทียร์ซึ่งถือโล่กำบังขนาดใหญ่ก็จะเข้ามาช่วยขวางเสียทุกครั้งขวานของออคนั้นแม้จะมีความคมและมีน้ำหนักที่มากแต่เมื่อมาเจอโล่ขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือของเทียร์มันก็ยากที่จะสร้างบาดแผลให้กับเธอได้
หญิงสาวทั้งสามคนช่วยกันโจมตีและปัดป้องกันอย่างเข้าขาราวกลับว่าพวกเธอนั้นเคยร่วมต่อสู้มาด้วยกันอย่างยาวนาน นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าพวกเธอนั้นเคยผ่านประสบการณ์การต่อสู้เฉียดตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
“เก่งเอาเรื่องเลยนะคะคุณจีต้ากับคุณเทียร์ ทำให้นึกไม่ออกเลยนะคะว่าสภาพที่ถูกทำร้ายจนบาดแผลเต็มตัวนั้นมันเกิดขึ้นได้ยังไง ?” ซีเนียถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจในระหว่างการต่อสู้ความเก่งกาจของหญิงสาวทั้งสองคนนั้น ดูแล้วไม่น่าที่จะพ่ายแพ้ให้กับพวกออคได้ง่ายๆ แล้วเหตุใดพวกเธอถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกทั้งเพื่อนร่วมปาร์ตี้ของเธอสองคนอย่างถูกจับไปเช่นนี้
“ก็ตอนนั้นมันไม่ได้มีแต่พวกออคปลายแถวแบบนี้น่ะสิคะ….” จีต้ากล่าวขึ้นด้วยท่าทางที่ดูหงุดหงิดเล็กๆ แต่ในระหว่างที่เธอกำลังจะตอบคำถามซีเนียอยู่นั้นก็มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นทำลายบทสนทนาของทั้งสองคน
เคร้ง !! เสียงของโลหะหนักและหนากระทบกันดังลั่น จีต้าและซีเนียรีบหันไปทางต้นเสียงทันทีเธอก็ต้องตกใจเมื่อพบว่ามีออคตนนึง ซึ่งรูปร่างใหญ่กว่าปกติทั่วไปเล็กน้อยแต่ที่แปลกคือผิวของมันนั้นมีสีน้ำเงินแกมเทา กำลังจามขวานลงไปที่โล่ของเทียร์ด้วยพละกำลังอันมหาศาลผิดกับออคทั่วไป ใช่แล้วเจ้าออคตัวนี้นั้นไม่ได้เป็นพวกออคปลายแถวทั่วไปเหมือนดั่งที่ซีเนียเคยเจอแต่มันคือ High Orc ถ้าเปรียบว่าเผ่าออคคือกองทัพของนักรบออตสีเขียวธรรมดานั้นเปรียบได้ดั่งทหารเลวเดินเท้าที่มีจำนวนมาก แต่ High Orc นั้นเปรียบได้ดั่งทหารที่มีฝีมือ ผ่านการฝึกและผ่านสมรภูมิมาแล้วนับไม่ถ้วน พวกมันแข็งแกร่งโหดร้ายและมีความสามารถมากกว่าออคทั่วไปมากทีเดียว
เทียร์รับการโจมตีของ High Orc ด้วยโล่ของเธอได้อย่างหวุดหวิดแต่แรงกระแทกของขวานที่ฟาดลงมานั้น ทำให้แขนข้างที่เธอถือโล่นั้นรู้สึกชาไปหมด สีหน้าของเทียร์นั้นเปี่ยมไปด้วยความกังวลและความกดดันขึ้นมาทันที
“เทียร์ !!” เสียงของจีต้ากล่าวขึ้นมาทันทีที่เห็นสถานการณ์เป็นแบบนั้นทั้งเธอและซีเนียต่างพากันวิ่งเข้าไปเพื่อหวังจะล้ม High Orc ให้ได้ก่อนที่มันจะลงมือไปมากกว่านี้ แต่ทว่าความรีบร้อนนั้นกลับสร้างหายนะครั้งใหญ่หลวงให้กับพวกเธอ
ฟิ้ววววว ฉึก !! ทันทีที่เสียงแหวกอากาศของลูกธนูดังขึ้นซีเนียก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแล่นมาอย่างกระทันหันจากต้นแขนซ้ายของเธอหยุดชะงักในทันทีก่อนที่จะมองไปยังสาเหตุของความเจ็บปวดนั้น ลูกธนูซึ่งปลายหัวลูกศรทำมาจากหินที่ถูกลับจนคมกริบ พุ่งเข้ามาปักที่ต้นแขนซ้ายของเธอจนทะลุไม่ต้องสงสัยเลยนี่เป็นฝีมือของนักธนูชาวออค (Orc Archer) ที่ซุ่มโจมตีอยู่บริเวณนั้น หลังจากลูกธนูลูกแรกถูกปล่อยออกมา นักธนูชาวออคที่เหลือก็พากันออกมาจากพุ่มไม้ที่ซ่อนและระดมยิงธนูใส่สองสาวที่กำลังจะเข้าไปช่วยเทียร์ในทันที เทียร์ทันทีที่เห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นเธอก็รีบพุ่งตรงกลับไปยังจุดที่สองสาวยืนอยู่และก็รีบตั้งโล่ขึ้นเพื่อบังคมลูกธนูที่พุ่งเข้ามาหาหญิงสาวทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
เสียงลูกดอกที่กระทบหน้าโล่ดังสนั่นขึ้นมาไม่ขาดสายระยะหนึ่งจากนั้นก็หยุดลง ที่รอบๆตัวของสองสาวนั้นมีลูกธนูตกอยู่เกลื่อนกลาดเต็มไปหมดที่ด้านหน้าของเธอนั้น เทียร์ซึ่งกำลังปกป้องพวกเธอยืนอยู่ในสภาพที่มีบาดแผลถลอกตามแขนและขาเต็มไปหมด แม้ว่าโล่จะช่วยป้องกันเธอไม่ให้ลูกธนูเข้าจู่โจมจุดสำคัญได้แต่ว่าบาดแผลตามตัวที่เธอได้รับนั้นก็มีมากพอสมควรทีเดียว หลังจากที่ฟื้นตัวได้ไม่นานเทียร์ก็ต้องเสียเลือดอีกครั้งหนึ่ง
High Orc ไม่รอช้ามันรีบพุ่งตรงไปยังซีเนียที่กำลังตกตะลึงในสิ่งที่เห็นตรงหน้าจนไม่ทันแม้แต่จะได้ปกป้องตัวเอง มันฟาดขวานลงไปอย่างรุนแรงและแม่นยำหมายที่จะทำให้ซีเนีย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีครั้งนี้
เคร้ง !! จีต้าใช้ดาบ Saber ของเธอขึ้นมาปัดป้องกันโจมตีของ High Orc ได้ทันเวลาแต่พลังการโจมตีที่รุนแรงของ High Orc ทำให้มือขวาซึ่งถือดาบของเธอนั้นถึงกับชาในทันที High Orc ที่กำลังตกใจจากการพลาดเป้าหมายไม่ได้ทันระวังตัวเลยว่าเทียร์ได้พุ่งเข้าไปหามันในระยะประชิดแล้วเธอชักดาบ Rapier ซึ่งเป็นดาบใบมีดตรงที่ดูสวยงามและมีความแหลมมาก เหมาะที่จะใช้ในการทึ่มแทงเป็นอย่างดี แทงตรงเข้าไปที่หัวใจของ High Orc อย่างแม่นยำมันทะลุเข้าไปตัดขั้วหัวใจของ High Orc อย่างทันทีเลือดจำนวนมากไหลออกมาจากบาดแผลที่ถูกแทงเข้าไปเรากับลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม High Orc ยืนสิ้นชีวิตลงตรงนั้นจากการโจมตีของเทียร์
ถึงแม้ว่า High Orc จะตายลงไปแล้วแต่ว่าในวินาทีนี้เหล่าบรรดา Orc Archer ที่ยิงธนูระลอกแรกออกไปบัดนี้พวกมันทำการขึ้นลูกศรพร้อมที่จะยิงระลอกที่ 2 แล้ว นักดาบสาวทั้งสามคนอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถจะป้องกันตัวเองได้ทัน Orc Archer กำลังจะปล่อยคันศรเพื่อตัดสินผลแพ้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้
“ Pneuma !!” กำแพงลมสีเขียวที่รุนแรงปรากฏขึ้นโอบล้อมร่างกายของนักดาบสาวทั้งสามคนภายในพริบตาลูกธนูของ Orc Archer ที่ถูกปล่อยออกมาทั้งหมดกระเด็นกระดอนและถูกบิดเบือนจนพลาดเป้าหมายไปทุกอัน สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความตกใจและแปลกใจให้กับนักดาบสาวทั้ง 3 คนเป็นอย่างมาก
“ Arrow Shower !!” ลูกธนูจำนวนมากตกลงมาจากฟากฟ้าถาโถมใส่เหล่า Orc Archer สร้างความเจ็บปวดและความตกใจให้กับมันจนแตกตื่นไม่เป็นกระบวน พวกมันบางตัวบาดเจ็บสาหัสและพวกมันบางตัวก็ถึงแก่ชีวิตจากลูกธนูที่ตกลงมา
“ Fire Ball !!” ลูกไฟขนาดใหญ่ลูกหนึ่งส่องสว่างเป็นสีส้ม พุ่งลอยมาในอากาศและตกลงท่ามกลางเหล่า Orc Warrior ที่รายล้อมนักดาบสาวทั้งสามคนอยู่จนพวกมันได้รับบาดแผลไฟไหม้ทั้งบาดเจ็บและบางตัวก็ล้มตายในทันที ออคหลายตนเมื่อเห็นพรรคพวกของตนเองถูกโจมตีแบบสายฟ้าแลบเช่นนั้นบางตัวก็บาดเจ็บบางตัวก็ตายจึงเกิดความหวาดกลัวและวิ่งหนีไปแต่ก็ยังมี ออคบางตัวซึ่งรู้สึกเจ็บแค้นกับความตายของเพื่อนฝูงมันพุ่งตรงเข้ามาโจมตีนักดาบสาวทั้งสามคนอย่างสละชีวิต
“ Frost Diver !!” ผลึกน้ำแข็งสีฟ้าที่เย็นเยียบไหลมาตามพื้นอย่างรวดเร็ว และพุ่งเข้าไปปะทะกับออคที่ตรงเข้ามาโจมตีนักดาบสาว หลังจากที่ผลึกน้ำแข็งเข้าปะทะแล้วผลึกน้ำแข็งนั้นก็แผ่ความเย็นครอบคลุมตัวของเจ้าของออคตนนั้นและพันธนาการมันเอาไว้มันดูเหมือนกับให้ปฏิมากรรมน้ำแข็งก้อนใหญ่
“ LV5 Lightning Bolt !!” สายฟ้าสีน้ำเงินแกมขาวฟาดลงมาอย่างรวดเร็วที่เจ้าออคซึ่งถูกพันธนาการด้วยน้ำแข็งเอาไว้ การโจมตีคู่ประสานนี้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง ออคตนนั้นถูกกระแสไฟฟ้าช็อตจนตายในทันที เมื่อภาพดังนั้นปรากฏขึ้นขวัญกำลังใจของเหล่าออคก็มลายหายไปหมดสิ้นพวกมันพากันวิ่งหนีเตลิดเข้าป่าหายลับไปในชั่วพริบตา
“ดูเหมือนว่าดวงของเราจะยังไม่ถึงฆาตนะคะเนี่ย….” ซีเนียกล่าวขึ้นในขณะที่เงยหน้ามองไปยังทิศทางที่ผู้ช่วยชีวิตของเธอยืนอยู่ ผู้ที่มาเป็นกำลังเสริมให้กับนักดาบสาวนั้นก็คือ นักธนูสาว 1 คนนั กเวทย์สาว 2 คนและนักบวชหญิงอีก 1 คน
“เดซี่ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังลำบากนะ….ถ้ายังไงลองช่วยเหลือพวกเขาดูหน่อยได้ไหม ?” นักบวชสาวกล่าวขึ้นกับนักธนูสาวด้วยท่าทางที่ดูสนิทสนมคำกล่าวของเธอนั้นทำให้นักธนูสาวยิ้มออกมาด้วยท่าทางที่ดูร่าเริงสดใส
“พี่มาเรียนี่น๊าา เห็นคนลำบากเป็นไม่ได้จริงๆ แต่ก็เอาเถอะ !! ยังไงนี่ก็เป็นข้อดีของพี่อยู่แล้วนี่นา” นักธนูสาวกล่าวพูดกระเซ้าเย้าแหย่กับนักบวชสาวเพื่อนร่วมปาร์ตี้ของเธอด้วยท่าทางที่เป็นกันเอง
“แต่ว่า…..พวกเรามีภารกิจที่จะต้องส่งจดหมายด่วนไปที่ geffen นะคะ มาแวะระหว่างทางแบบนี้จะไม่เป็นไรหรอคะ ?” เสียงของนักเวทย์สาวผู้มีเส้นผมสีขาวยาวสลวยและนัยน์ตาสีแดงทับทิมกล่าวขึ้นด้วยท่าทางที่ดูเป็นกังวลเล็กๆ
“ไม่เป็นไรหรอกมั้งค่ะ ? ยังไงก็ลองถามพวกเธอดูก่อนเถอะว่าเดือดร้อนเรื่องอะไร ถ้าเกิดว่าเราพอช่วยได้และไม่ทำให้เราต้องทำภารกิจเสียหายก็ช่วยพวกเธอเถอะ ยังไงพวกเราก็เป็นนักผจญภัยด้วยกันนี่นา” น้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยนและใจดีมีเมตตาของนักเวทย์สาวผู้มีเส้นผมสีดำยาวและนัยน์ตาสีอำพันกล่าวขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
หลังจากที่พวกเธอทั้ง 4 คนคุยกันเล็กๆน้อยๆเสร็จแล้วนักบวชสาวที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าปาร์ตี้ก็เดินเข้าไปหาสามดาบสาวที่เพิ่งผ่านศึกเฉียดเป็นเฉียดตายมาด้วยท่าทางที่ดูอ่อนโยนเรียบร้อย ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยนใจดีอีกทั้งยังแฝงไปด้วยความสุขุมเยือกเย็นว่า
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ ดิฉันมีชื่อว่า Mirianna Giannino พอดีว่าเห็นพวกคุณสามคนดูท่าทางจะกำลังแย่ก็เลยยื่นมือเข้ามาช่วยหวังว่าคงจะไม่ถือโทษโกรธกันนะคะ ดูจากสีหน้าของพวกคุณทุกคนแล้วท่าทางว่าคุณจะมีปัญหาพอสมควรนะ ถ้าไม่รังเกียจแล้วก็ช่วยเล่าให้ดิฉันฟังหน่อยได้ไหมคะ ?” นักบวชสาวผู้มีนามว่ามาเรียแนะนำตัวกลับนักดาบสาวทั้งสามคนอย่างสุภาพ พร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับพวกเธอ ท่าทางของมาเรียนั้นทำให้นักดาบสาวทั้งสามคนรู้สึกได้ถึงความหวังขึ้นมาในใจได้ทันที
to be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on Jun 7, 2018 3:16:09 GMT
EP : 12 ความช่วยเหลือที่มาเกือบจะสายไป หลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือนักดาบสาวทั้งสามคนก็รู้สึกได้ถึงความหวังที่ก่อตัวขึ้นภายในใจของพวกเธออีกครั้ง นักบวชหญิงผู้มีเส้นผมสีทองยาวสลวยและมัดเปียม้วนรวบไว้ด้านหลัง เธอมีอายุประมาณ 20 ปีหรืออาจจะน้อยกว่านั้นนิดหน่อย ส่วนสูงของเธออยู่ที่ประมาณ 160 cm ผิวพรรณของเธอขาวสะอาดราวกับว่าได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดี ดวงตาเรียวงามของเธอนั้นดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล นัยน์ตาสี Sapphire ของเธอนั้นเป็นประกายสวยงามอีกทั้งยังฉายแววถึงความอ่อนโยนและใจดี เธอเป็นหัวหน้าปาร์ตี้ที่เข้ามาช่วยเหลือนักดาบสาวทั้ง 3 คนได้ทันเวลา “เพื่อนร่วมปาร์ตี้ของพวกเราถูกพวก Orc จับตัวไปค่ะ ตอนนี้คาดว่าพวกเขาน่าจะอยู่ที่หมู่บ้านของพวกมัน เราอยากจะไปช่วยเหลือพวกเขากลับมามันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่ว่าพอจะช่วยเหลือพวกเราได้หรือเปล่าคะ” จีต้ากล่าวขึ้นเพื่อตอบคำถามของ มาเรียหลังจากนั้นเธอก็เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้กับมาเรียฟัง ในระหว่างที่กำลังฟังเหตุการณ์นั้นมาเรียรับรู้ได้ทันทีว่าหนึ่งในสองคนที่ถูกจับไปนั้นก็คือ ฟรองค์ ฟอนเบิร์ก เบิร์นไวซ์นอร์ท นักดาบหนุ่มซึ่งเธอได้เคยช่วยเหลือเอาไว้ถึง 2 ครั้งแววตาของมาเรียนั้น แสดงความเป็นกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัดทันที อีกครั้งชายหนุ่มผู้ล่วงหน้าไปช่วยเหลือก็เป็นหนึ่งในคนที่มาเรียเคยรู้จักนั่นก็คือ วินเซนต์ ไรลี่ย์ ในเมื่อมีคนที่เธอรู้จักถึงสองคนตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ มาเรียนั้นย่อมมีความลังเลที่จะช่วยเหลือน้อยลง เธอตอบตกลงช่วยเหลือแทบจะทันทีที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด“Acolyte ชายรูปร่างใหญ่ที่มีผมตั้งสีเขียวอย่างนั้นหรอคะ ? ฉันจำได้ว่าฉันเคยพบเขาครั้งหนึ่งที่เมือง Payon เขาช่วยพาฉันเดินทางกลับ Prontera ด้วยถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะไปช่วยเหลือเขานะ“ นักเวทสาวผู้มีเส้นผมสีดำยาว เธอมีชื่อว่าฮารุนะเมื่อครั้งก่อนเธอเคยพบกับบล็อกโคลี่มาแล้วครั้งหนึ่งดังนั้นเธอจึงเห็นด้วยกับการช่วยเหลือในครั้งนี้“พี่มาเรีย…..ถ้าในเมื่อเป็นอย่างนี้เราก็ต้องรีบลงมือแล้วล่ะเพราะว่าจดหมายด่วนที่เราต้องส่งไป Geffen มีกำหนดระยะเวลาเดินทางให้กับเราเพียงแค่ 4 วันเท่านั้นถ้าเกิดว่าเราได้รับบาดเจ็บหรือว่าจะต้องล่าถอยกลับไปที่เมือง Prontera ภารกิจของเราจะต้องล้มเหลวแน่คะ” นักธนูสาวผู้มีเส้นผมสีทองและไว้ทรงหางม้าเธอมีชื่อว่าเดซี่ ครั้งหนึ่งเธอก็เคยได้พบกับบล็อกโคลี่มาแล้วครั้งนึงก็คิดอยากที่จะช่วยเหลือเช่นเดียวกัน แต่ว่าในตอนนี้พวกเขากำลังทำภารกิจส่งจดหมายด่วนซึ่งเป็นภารกิจที่ค่อนข้างจะสำคัญมาก ดังนั้นเธอจึงคำนวณระยะเวลาและความเสี่ยงที่ต้องได้รับ “ชั้นนั้นไม่รู้จักทั้ง 4 คนนั้นเลยแม้แต่คนเดียวนะคะ แต่ว่าชั้นเห็นด้วยกับการไปช่วยเหลือพวกเค้านะเพราะว่าหมู่บ้านออดงั้นหรือ….อยากจะลองไปที่นั่นดูสักครั้งมาตั้งนานแล้วล่ะต่ะ !!” นักเวทย์สาวผู้ใช้เวทย์ไฟซึ่งมีผมยาวสยายสีขาว กล่าวขึ้นด้วยท่าทางที่ดูตื่นเต้นและแววตาที่เป็นประกายดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สนใจการช่วยเหลืออะไรมากมายนัก เธอน่าจะสนใจการได้ไปผจญภัยที่หมู่บ้านออคเสียมากกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้นะคะ…..พวกเรารีบเดินทางไปที่หมู่บ้านออค และไปช่วยเหลือเพื่อนของพวกเธอออกมากันเถอะค่ะ” หลังจากที่ได้ฟังความเห็นของสมาชิกทุกคนในปาร์ตี้เรียบร้อยแล้วมาเรียก็ตัดสินใจที่จะช่วยเหลือเหล่านักดาบสาวคำตอบของมาเรียนั้นสร้างความดีใจให้กับพวกเธอเป็นอย่างมากก่อนที่จะออกเดินทางมาเรียได้ใช้เวทย์รักษา ( Heal ) ให้กับเทียร์ บาดแผลต่างๆและอาการเหนื่อยล้าของเทียร์ มลายหายไปหมดราวกับว่าการบาดเจ็บของเธอก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหก พลังเวทย์รักษาของมาเรียนั้นให้ผลดีกว่าของบล็อกโคลี่ค่อนข้างมากเนื่องจากว่า เธอนั้นเป็นนักบวชสายรักษาและช่วยเหลือดังนั้นเธออาจจะมีความสามารถในการต่อสู้ที่ค่อนข้างน้อยจนเกือบที่จะไม่สามารถล้มศัตรูได้เลย แต่ว่าพลังในการรักษาและความสามารถในสนับสนุนช่วยเหลือปาร์ตี้นั้นเธอมีอยู่อย่างครบถ้วน“ถ้าอย่างนั้นในเมื่อเตรียมตัวกันพร้อมแล้วเราก็เริ่มออกเดินทางกันนะคะ LV5 Increase Agility !!” มาเรียลงมือร่ายเวทย์สนับสนุนให้กับสมาชิกทุกคนในปาร์ตี้ของเธอและนักดาบสาวทั้งสามคน มันคือเวทที่ใช้เพื่อเพิ่มความเร็วซึ่งเป็นคาถาเฉพาะของนักบวช มันจะทำให้ร่างกายของผู้ที่ได้รับเวทนี้เข้าไปเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากขึ้น การวิ่งของคนธรรมดาที่ได้รับเวทนี้เข้าไปนั้นจะมีความเร็วเทียบเท่ากับ ฝีเท้าปกติของ Pecopeco เลยทีเดียว“สุดยอดไปเลยค่ะ !! ร่างกายเบาหวิวเลย !! ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็พวกเราคงจะวิ่งไปถึงหมู่บ้านออคได้ไม่ยากแน่” ซีเนียกล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นนักดาบผู้มีรูปแบบการต่อสู้ที่อาศัยความรวดเร็วแบบเธอเมื่อได้รับความรู้สึกเช่นนี้เธอย่อมรู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา มาเรียอดที่จะยิ้มออกมาเล็กๆเมื่อเห็นอาการตื่นเต้นของซีเนียไม่ได้ หลังจากนั้นกลุ่มช่วยเหลือของมาเรีย ทั้ง 7 คนก็ออกเดินทางไปที่หมู่บ้านออคด้วยความเร็วเต็มฝีเท้า - กลางลานกว้างภายในหมู่บ้านออค - ฟรองค์ซึ่งถูกออคคู่ต่อสู้ของเขาสับแขนจนหักบนสังเวียนการต่อสู้ กำลังกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส แต่ว่าความเจ็บปวดนั้นกลับไม่ได้สร้างความเวทนาให้กับเหล่าออคผู้ชมเลยแม้แต่น้อย มันกลับกลายเป็นว่าสร้างความบันเทิงตื่นเต้นให้กับเหล่าผู้ชมออคแทน“ฮ๊าาา ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่าาา ดี !! แบบนั้นแหละดีมาก เอาไปอีก !!” เจ้าออคคู่ต่อสู้ของฟรองค์เมื่อเห็นท่าทางของเขาเป็นเช่นนั้นก็รู้สึกสนุกสะใจเป็นอย่างมาก มันคิดจะเพิ่มความตื่นเต้นของการแสดงขึ้นไปอีก มันจึงเดินเข้าไปใกล้ๆฟรองค์ที่กำลังกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นมันก็ใช้เท้าขวาของมันไปเข้าที่ใบหน้าของฟรองค์อย่างจังฟรองค์กระเด็นไปตามแรงเท้าของมันทันที ความเจ็บปวดที่ส่งตรงไปที่ยังสมองทำให้สติสัมปชัญญะของเขาที่เคยเลือนลางนั้นกลับตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันก็กลับมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่มากกว่าเดิมเลือดจำนวนมากไหลออกมาจากปากและจมูกของฟรองค์ หัวสมองของเขานั้นมึนตื้อไปหมดทักษะวิชาต่างๆของอาชีพนักดาบซึ่งใช้ในการล้มศัตรูนั้นฟรองค์แทบจะนึกไม่ออกทั้งสิ้น สิ่งเดียวที่มีอยู่ในหัวสมองของเขาก็คือความเจ็บปวดและอาการมึนงงเจ้าออคเมื่อเห็นฟรองค์นอนฟุบอยู่กับพื้นมันจึงเดินเข้าไปใกล้ๆเขาด้วยท่าทางที่โหดเหี้ยม มันใช้มือขวาของมันจับศีรษะของฟรองค์และยกตัวของเขาขึ้นด้วยมือเพียงข้างเดียว สายตาที่เลือนลางของฟรองค์จับจ้องไปยังออคคู่ต่อสู้อย่างไร้เรี่ยวแรง ออคแสยะยิ้มออกมาอย่างผู้มีชัยชนะก่อนจะกล่าวว่า“กลัวล่ะสินะ !! เจ็บล่ะสินะ !!! ไม่ต้องกังวลไปข้าเบื่อแล้วที่จะเล่นกับแกแล้ว แกสร้างบาดแผลอะไรให้กับข้าไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียวเป็นนักดาบประสาอะไร !! จงไปร้องไห้คร่ำครวญเสียใจในนรกซะ ไอ้หนอนแมลงไร้ค่า !!” เจ้าออคคู่ต่อสู้ของฟรองค์กล่าวเสียดสีเพื่อลดทอนกำลังใจและสร้างความสิ้นหวังให้กับเหยื่อของมันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเอาชีวิตของฟรองค์สิ่งที่มันพูดมานั้นดูไม่ค่อยเป็นความจริงเท่าไหร่ เพราะว่าก่อนที่ฟรองค์จะขึ้นเวทีมาเพื่อต่อสู้กับมันเขาได้รับบาดเจ็บชนิดที่เรียกได้ว่าสาหัสพอสมควรมาก่อนแล้ว อุปกรณ์ทั้งหมดที่ติดตัวของเขาถูกริบไปหมดตั้งแต่ถูกจับโอกาสชนะของเขานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเสียด้วยซ้ำไป“มะ...ไม่ ยุ….ติ…..” ฟรองค์พยายามเปล่งเสียงออกมาด้วยความยากลำบาก ความพยายามพูดของฟรองค์ทำให้เจ้าออคซึ่งกำลังจะสังหารเขาเกิดความสนใจขึ้นมา มันค่อยๆเงี่ยหูเข้าไปใกล้ๆเพื่อที่จะฟังสิ่งที่ฟรองค์จะพูดออกมาเป็นครั้งสุดท้าย“กะ...การต่อสู้นี่ มัน….ไม่ยุติธรรม ไอ้สวะเอ้ย !!” ฟรองค์กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเครียดแค้น แต่คำพูดของฟรองค์นั้นกลับไม่ได้สร้างความละอายอะไรให้กับเจ้าออคเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่มันได้ยินมันก็หัวเราะออกมาดังลั่นพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันที่ดูน่าหมั่นไส้ ก่อนที่มันจะตะคอกตอบกลับฟรองค์ไปว่า“ฮร๊าาาา ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่าาา ไอ้โง่เอ้ย !! ความยุติธรรมบ้าบออะไรของแก !! จงจำให้ขึ้นใจและไปบอกยมบาลในนรกซะว่าในโลกใบนี้ไม่เคยมีของที่เรียกว่าความยุติธรรมอยู่แต่แรกแล้ว คนแข็งแกร่งจะได้ทุกอย่างส่วนคนอ่อนแอก็จะสูญเสียทุกอย่าง แบบที่แกอ่อนแอ ไร้ค่า กลายเป็นของเล่นให้กับข้าอยู่ตอนนี้ไง ตายซะ !!” ทันทีที่เจ้าออคตะคอกจบมันก็เพิ่มแรงบีบในมือข้างที่ถือศีรษะของฟรองค์อยู่ ฟรองค์รู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าหัวกะโหลกของเขานั้นจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนต้องกรีดร้องเสียงหลงออกมาอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นเองสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีเงาของชายร่างใหญ่คนนึงกระโดดขึ้นมาบนสังเวียนการต่อสู้ ส่วนสูงของเขานั้นสูงกว่ามนุษย์ปกติทั่วไปประมาณ 1 เมตรซึ่งนั่นอาจจะมากกว่าออคบางตนซะด้วยซ้ำ เขามีผมที่ตั้งแข็งชี้ขึ้นทุกเส้นสีเขียวดูสะดุดตา ร่างกายของเขานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ดูบึกบึนแข็งแรงและทรงพลัง ภายในมือของเขานั้นถือไม้กระบองเหล็กที่ปลายของกระบอกนั้นมีเลือดชุ่มติดอยู่ดูน่าเกรงขาม แต่สิ่งที่ขัดตาอย่างเดียวก็คือเขาใส่เครื่องแบบของอาชีพนักบวชเอาไว้และที่ตามเสื้อผ้าซึ่งเป็นของอาชีพนักบวชนั่นแหละก็มีหยดเลือดกระเซ็นติดเป็นสีแดงประปราย“ไปลง…..นรกซะ !!” นักบวชเถื่อนผู้มีผมสีเขียว กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวและร้อนแรงดุจเหล็กที่ถูกเผา ไม้กระบองเหล็กภายในมือของเขาตวัดเข้าใส่ศีรษะของเจ้าออคซึ่งกำลังจะปลิดชีวิตของฟรองค์ในชั่วพริบตา ทันทีที่ไม้กระบองเหล็กสัมผัสกับศีรษะของออคกะโหลกศีรษะของมันก็แตกออกในทันที เลือดของมันสาดกระจายเต็มสังเวียนการต่อสู้ ร่างของมันล้มลงในสภาพที่ไร้หัวมีเพียงกองเศษเนื้อและกระดูกที่มองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไรกระจายอยู่รอบๆร่างของมันเท่านั้น
เหตุการณ์ในพริบตานี้สร้างความตกตะลึงและความงุนงงให้กับเหล่าบรรดาผู้ชมชาวออคกันถ้วนหน้า Orc Hero และ Orc Lord ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังข้างเวทีจับจ้องสายตาไปยังบล็อคโคลี่เป็นสายตาเดียว ความเงียบสงัดบังเกิดขึ้นในชั่วอึดใจหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงสนทนาและวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าออคผู้ชมดังระงม เมื่อเจ้าออคคู่ต่อสู้ของฟรองค์สิ้นชีวิตลงแล้ว ร่างของฟรองค์ซึ่งถูกปล่อยก็ตกลงสู่พื้นในสภาพที่แน่นิ่งบล็อคโคลี่รีบตรงเข้าไปตรวจสอบดูสัญญาณชีพของฟรองค์ในทันที เขาพบว่าฟรองค์นั้นยังหายใจอยู่แต่ความเจ็บปวดและอาการบาดเจ็บอีกทั้งยังเสียเลือดไปเป็นจำนวนมากทำให้เขาสลบไป การที่บล็อคโคลี่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างโจ่งแจ้งและดูอลังการเช่นนี้ เป็นหนึ่งในแผนการของเขาที่จะช่วยเหลือผู้ที่ถูกจับไปทั้งสองคน เพราะในระหว่างที่สายตาออคทุกตนจับจ้องไปยังเขาที่อยู่บนเวที วินเซนต์ซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ก็จะแอบเข้าไปช่วยเหลือโจรหนุ่มที่ถูกจับตรึงไม้กางเขนเอาไว้บนเสา ให้ออกมาในช่วงเวลานั้น และดูเหมือนว่าแผนการของบร็อคโคลี่กำลังจะไปได้สวย วินเซนต์ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดรอบๆลานกว้างของหมู่บ้านออคปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ เขาค่อยๆตรงไปยังเสาไม้กางเขนซึ่งโจรหนุ่มถูกตรึงอยู่ด้วยความระมัดระวัง ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่บล็อคโคลี่ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีพอดี ดังนั้นจึงไม่มีออคตัวไหนสังเกตเห็นการกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่วินเซนต์ตรงเข้าไปถึงเสาตรึงไม้กางเขน โจรหนุ่มผู้สังเกตเห็นตัวเขาก็มีสีหน้าที่ดูตกใจและยินดีเป็นอย่างมากโจนหนุ่มนั้นรู้ว่ามีคนมาช่วยเขาแล้วจึงทำท่าที่จะส่งเสียงเพื่อบอกอะไรบางอย่างกับวินเซนต์ แต่ว่า วินเซนต์นั้นยกนิ้วชี้ขึ้นมาตั้งขึ้นที่ปากของตนเป็นสัญลักษณ์ว่าให้เงียบเสียง “เดี๋ยวผมจะรีบตัดเชือกออกพอคุณเป็นอิสระแล้วไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ บวิ่งหนีออกจากหมู่บ้านนี้ไปให้เร็วที่สุดแล้วเจอกันที่หน้าทางเข้าป่าครับ” วินเซนต์กล่าวขึ้นแก่โจรหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่โจรหนุ่มนั้นได้ยินคำพูดของวินเซนต์อย่างชัดเจนเขาพยักหน้าเบาๆเพื่อตอบรับ “เอ๊ะ !! พวกแกจะทำอะไรน่ะ !! มีมนุษย์แอบลักลอบเข้ามาทุกคนจับมันไว้ !!” แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นมี ออคตนหนึ่งสังเกตเห็นการกระทำของวินเซนต์เข้าจนได้ วินเซนต์รับรู้ได้ทันทีว่าแผนการของเขาและบล็อคโคลี่ล้มเหลวลงแล้ว แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องพยายามช่วยเหลือผู้ที่ถูกจับไปและหนีเอาตัวรอดไปให้ได้อย่างสุดกำลังความสามารถ วินเซนต์จึงตัดสินใจรีบตรงเข้าไปตัดเชือกที่พันธนาการโจรหนุ่มเอาไว้บนเสาไม้กางเขนโดยที่ไม่สนใจสายตาของออคตนนั้น“วิ่งงงงงงงง !!” วินเซนต์กล่าวขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้โจรหนุ่มที่เพิ่งหลุดจากพันธนาการโกยหนีให้สุดฝีเท้า …...to be continued !!
|
|