|
Post by wildrose on May 22, 2018 6:55:57 GMT
Intro : Game Start !! “อูยยย…..” ชายหนุ่มคนหนึ่งบนอุบอิบในขนาดที่เขากำลังประคองกายให้ลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก ภายในหัวของเขารู้สึกมึนงงและมีอาการปวดเล็กๆ เขาพยายามกวาดสายตามองไปรอบๆตัวของเขาอย่างสับสน แต่ในห้องนี้มีเพียงความมืดมิดรวมทั้งไม่มีอากาศไหลเวียน เขาคงจะถูกจับมาอยู่ในห้องๆหนึ่งโดยฝีมือของใครบางคน“ที่นี่ที่ไหนมีใครอยู่บ้างครับ ?” ชายหนุ่มพยายามออกเสียงเพื่อถามคำถามและมันก็ได้ผล “ชั้นก็ไม่รู้สิ รู้สึกตัวก็มาอยู่ที่นี่แล้ว...” เสียงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ในห้องตอบกลับมา หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงสนทนา ที่พรั่งพรูออกมาอย่างมากมายจนไม่อาจฟังได้ศัพท์แต่ก็พอจับใจความได้ว่า ภายในห้องมืดห้องนี้มีคนอื่นนอกจากเขาอีกราวๆ 20 - 30 คนทุกคนล้วนมาอยู่ที่นี่อย่างไม่ได้ตั้งใจพวกเขาถูกอะไรสักอย่างพามาที่นี่ และความทรงจำของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็หายไปเช่นเดียวกับชายหนุ่มเขาเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน “เหล่าสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี !! โปรดฟังทางนี้…..” เสียงของชายวัยกลางคนซึ่งดังก้องไปทั่วทั้งห้องกังวาลขึ้น แน้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความมีพลังอำนาจและความลึกลับอยู่เต็มเปี่ยม ดังขึ้นมาราวกับจะกลบเสียงของทุกคนในห้อง ดังนั้นความสนใจของทุกๆคนจึงเพ่งเล็งไปที่เจ้าของเสียงแต่เพียงผู้เดียว“สวัสดีทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่ Midgard เหล่าวีรบุรุษและวีรสตรีทั้งหลาย จากนี้ไปเราจะขออธิบายหน้าที่อันสำคัญยิ่งของพวกท่านให้ได้รับรู้ ” เสียงของชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นสร้างความสับสนให้กับเหล่าบรรดาผู้คนในห้องมืดนั้นเป็นอย่างมาก“ในขณะนี้โลกของพวกเรากำลังตกอยู่ในยุคแห่งความวุ่นวาย สับสน และการเข่นฆ่า เพราะว่าพวกปีศาจเริ่มเข้ามารุกรานมนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่นๆอย่างรุนแรง พวกเรากำลังตกอยู่ในอันตราย เหล่าผู้กล้าทั้งหลายเราต้องการ ความช่วยเหลือจากพวกท่าน” เสียงของชายวัยกลางคนบอกเล่าเรื่องราวของเขาต่อไป แต่ในขณะนั้นก็มีเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมาแทรกทันที “แล้วแกจะให้พวกเราทำยังไงล่ะ จู่ๆก็จับพวกเรามาแบบนี้และเล่าเรื่องบ้อบออะไรก็ไม่รู้ให้ฟัง จะเอาไงก็รีบๆบอกมา !!” เสียงของชายหนุ่มกล่าวด้วยอาการไม่พอใจ แต่ชายวัยกลางคนกลับหัวเราพในลำคออย่างพออกพอใจ “ดีมาก !! แบบนี้เราจะได้เข้าประเดนกันเลย พวกท่านทุกคนจะต้องลงไปสู่ Midgard จงต่อสู้กับกองทัพปีศาจและกำจัดขุนพลปีศาจทั้งหมด ในขุนพลป๊ศาจแต่ล่ะตัวจะมีชิ้นส่วนของประตูมิติอยู่ หากรวมมันได้ครบ ทุกท่านจะได้กลับไปยังโลกที่พวกท่านจาก และเราจะคืนความทรงจำที่หายไปของพวกท่านให้….” เสียงของชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่ข้อความที่สื่อความหมายออกมานั้นกลับทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องต้องนิ่งอึ้งไปตามๆกัน “จะให้พวกเรานี่นะไปสู้กับปีศาจบ้าไปแล้ว” “ไม่เอาแล้วฉันอยากกลับบ้านใครก็ได้ปล่อยฉันออกไปที” “เดี๋ยวนะถ้าฆ่าบอสไม่ครบก็กลับไม่ได้งั้นเหรอ แล้วแบบนี้จะไปทำสำเร็จได้ยังไงล่ะนี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ” เสียงของทุกคนในห้องต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานาแต่ว่าชายหนุ่มผู้ฟังอยู่ตั้งแต่ต้นนั้นกลับคิดออกไปอีกแบบหนึ่ง 「เดียวนะ ! คืนความทรงจำให้อย่างนั้นหรือ ? งั้นก็หมายความว่าตอนนี้พวกเรา…..」ทันทีที่ชายหนุ่มรู้สึกแบบนั้นเขาพยายามเริ่มนึกเรื่องราวในอดีตของเขาทันที เขาเป็นใครมาจากไหน ? ครอบครัวของเขาเป็นอย่างไร ? เขาทำอะไรอยู่ก่อนจะมาอยู่ที่นี่ ? แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามนึกเท่าไหร่เขาก็ไม่สามารถนึกสิ่งเหล่านั้นออกมาได้เลย สิ่งที่เขาจำได้มีเพียง ชื่อ อายุ และ วิธีการใช้ชีวิตเบื้องต้นของเขาซึ่งเป็นสามัญสำนักเท่านั้น
“เอาล่ะ จากนี้ไปเราจะส่งทุกท่านลงไปยัง Midgard แล้ว พวกท่านไม่ต้องกังวลเรื่องการสื่อสารเพราะว่าทุกท่านจะสามารถเข้าใจภาษาของผู้คนที่นั่นได้เป็นอย่างดีโดยอัตโนมัติ พวกท่านแต่ล่ะคนคนจะถูกสุ่มให้กระจายไปยังเมืองแห่งต่างๆใน Midgard ขอให้ทุกท่านโชคดี…..” เสียงของชายวัยกลางคนกล่าวอวยพรด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่าขนลุก และก่อนที่ทุกคนจะได้กล่าวโต้แย้งอะไรออกไป ภาพเบื่องหน้าของทุกคนก็กลายเป็นแสงสว่างจ้าชายหนุ่มเองก็เช่นเดียวกัน - Prontera - หลังจากที่สายตาของชายหนุ่มเริ่มปรับสภาพกับแสงสว่างที่พบเจอได้ ภาพเบื้องหน้าของเราก็เริ่มปรากฎขึ้นอย่างช้าๆ ชายหนุ่มกำลังยืนอยู่ที่รืมถนนสายหลักของเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง ที่มีผู้คนสัญจรอย่างคับคั่ง ผู้คนเดินไปมามากมาย รถม้าที่ถูกเทียมด้วยสิ่งมีชีวิตคล้ายๆนกกระจกเทศผสมเป็ดหน้าตาแปลกๆกำลังแล่นไปมาอยู่บนถนนตลอดสาย ชายหนุ่มแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาหลุดเข้ามาอยู่ในโลกแฟนตาซีอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่เข้าเสียแล้วหลังจากที่ยืนตะลึงอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง ชายหนุ่มก็เริ่มเรียบเรียงความคิดของเขาใหม่ 「ตอนนี้ชั้นจำอะไรไม่ได้เลย และมีใครสักคนส่งฉันมาอยู่ที่โลกต่างมิติฉันจะต้องปราบเหล่าขุนพลของจอมมารฉันถึงจะได้กลับบ้านเอาล่ะ !! ก่อนอื่นฉันจะต้องทำยังไงดี」ชายหนุ่มคิดไปพลางสำรวจตัวเอง เขาพบว่าเขาใส่ชุดเสื้อผ้าที่แตกต่างออกไปมันเป็นเสื้อที่ทำมาจากผ้าฝ้ายดูสวมใส่สบายและทะมัดทะแมง กางเกงผ้าฝ้ายและรองเท้าบูทหนัง ทำให้เคลื่อนไหวได้สะดวกที่เอวของเขามีเข็มขัดหนังซึ่งทำเป็นสายรัดและมีมีดเล่มเล็กๆอยู่เล่มหนึ่ง ตรงส่วนหน้าอกมีเกราะซึ่งทำมาจากแผ่นเหล็กที่ดูเบาและทนทานแม้มันจะไม่สามารถที่จะเอาไว้ใช้ป้องกันการโจมตีหนักๆได้แต่อย่างน้อยก็อาจจะทำให้เขาไม่เจ็บตัวเมื่อถูกกระแทกด้วยของแข็ง ที่ด้านหลังของเขามีกระเป๋าผ้าใบขนาดกลางๆใบหนึ่งสพายอยู่ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบตรวจสอบของในกระเป๋าทันที “มีด Knife เสื้อ Cotton Shirt และเงินอีก 500z…..” นี่คือสิ่งของทั้งหมดที่ชายหนุ่มมีในตอนนี้ เขาถอนหายใจเบาๆ อละคิดว่าตอนนี้เขาจำเป็นที่จะต้องรวบรวมข้อมูลให้ได้ก่อน ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบๆ เขามองไปที่หน้าประตูเมืองก็พบกลุ่มของชายที่แต่งตัวด้วยเครื่องแบบคล้ายจะเป็นทหารรักษาการณ์หรืออาจจะเป็นยามเฝ้าประตูของเมืองๆนี้ ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบเดินตรงไปหาพวกเขาและถามขึ้นมาทันทีว่า “เอ่อ….ขอโทษนะครับผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม ? ไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ไหนหรือครับ….” ชายหนุ่มถามทหารยามคนแรกที่เขาเจอด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ ทหารยามมองชายหนุ่มและยิ้มกลับด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรก่อนที่จะตอบคำถามว่า
“ยินดีที่ได้รู้จักนะนักผจญภัยหน้าใหม่ ที่นี่คือมหานครศูนย์กลางของ Midgard เมือง Prontera มีอะไรสงสัยต้องการให้ผมตอบคำถาม ถ้าผมสามารถตอบได้ก็ยินดีครับถามมาได้เลย” ทหารยามกล่าวกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้น ท่าทางการตอบรับของทหารยามทำให้ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจ อย่างได้น้อยเขาก็สามารถที่จะถามเรื่องราวต่างๆจากทหารยามคนนี้ได้บ้างชายหนุ่มจึงคิดว่าเขาควรจะเริ่มต้นจากอะไรดี“เอ่อ….ผมมีอะไรอยากถามคุณตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ผมไม่รู้ว่าผมจะเริ่มต้นจากอะไรดีคือว่า….ผมอยากจะออกไปต่อสู้กับเหล่าปีศาจน่ะครับ” ชายหนุ่มมีท่าทีลนลานและกล่าวออกไปโดยที่ไม่ได้ทันคิดคำถามของเขาทำให้ทหารยามหัวเราะออกมาด้วยท่าทางที่ดูขบขัน“ฮ่ะๆๆๆ ช่างเป็นนักผจญภัยที่กล้าหาญเสียจริงๆ ในอนาคตผมอาจจะได้เห็นคุณใครเป็นผู้กล้าที่สง่างามก็เป็นได้ แต่ตอนนี้การไปต่อสู้กับปีศาจผมว่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับคุณทางที่ดีคุณควรจะต้องไปที่ Eden Group นะครับ ที่นั่นเป็นที่ซึ่งจะคอยช่วยเหลือเหล่านักผจญภัยหน้าใหม่ๆ เดี๋ยวผมจะเขียนแผนที่ให้นะครับ” หลังจากที่พูดจบทหารยามก็ได้นำกระดาษใบเล็กๆใบหนึ่งมาให้กับชายหนุ่มในนั้นเป็นแผนที่ซึ่งเขียนด้วยมือมันบอกทางเข้าค่ายไปยังสถานที่ ที่ชายหนุ่มจะต้องไป ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณทหารยามก่อนที่จะลาและเดินออกมาเขาเดินไปตามเส้นทางที่แผนที่เขียนไว้ทางมองไปยังวิวทิวทัศน์รอบรอบระหว่างที่เขาก้าวเท้าเดินไป เมือง Prontera แห่งนี้เป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างมีระเบียบและสวยงามตัวอาคารต่างๆภายในเมืองนี้ทำมาจากหินสีขาว บนพื้นถนนก็ปูด้วยหินสีขาวเนื้อแข็งแลดูสง่างามและแข็งแกร่ง อาตารต่างๆภายในเมืองนี้ส่วนมากจะมีความสูงไม่เกิน 4 ชั้น โดยมากแล้วมักจะสูงเพียงแค่ 2 ชั้นเท่านั้นเอง ตามร้านข้างทางต่างๆมีการเปิดขายของมากมายทั้งอาวุธชุดเกราะ Item ต่างๆและมีเหล่าพ่อค้ามาวางแผงแบกะดินขายสินค้าที่มีหน้าตาประหลาดอาจจะเป็นของหายากหรืออาจจะเป็นสิ่งที่พวกเขารับซื้อมาจากนักผจญภัย ชายหนุ่มเองก็มีความสนใจในสินค้าเหล่านี้ไม่น้อยแต่ว่าในใจของเขานั้นรู้ว่าอะไรที่เขาควรจะต้องทำก่อน เขารีบเดินทางไปตามแผนที่ในที่สุดเขาก็พบกับตัวอาคารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นอาคาร 3 ชั้นตัวอาคารทำด้วยหินอ่อนสีขาวและมุงกระเบื้องหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผาสีน้ำตาลตรง ทางเข้ามีป้ายเขียนบอกชัดเจนเอาไว้ว่าอาคารทำการ Eden Group ชายหนุ่มไม่รอช้าเขารีบเดินเข้าไปในอาคารตรงหน้าทันที ที่ด้านในอาคารเขาพบกับนักผจญภัยมากมาย บางคนกำลังนั่งอยู่อะไรบางอย่างที่โซฟา บางคนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะและดื่มเครื่องดื่ม บางคนกำลังยืนอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของสมาคมกำลังคอยให้บริการแก่พวกเขาอยู่ ที่บอร์ดของอาคารแห่งนี้เต็มไปด้วยภารกิจซึ่งถูกเขียนใส่กระดาษเอาไว้ให้นักผจญภัยเลือกที่จะทำเพื่อรับงานแลกกับค่าจ้าง ชายหนุ่มมีท่าทางสับสนเขามองซ้ายมองขวาและไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดีแต่ทว่าก่อนที่เขาจะลงมือทำอะไรก็กลับมีหญิงสาวอายุราวๆ 20 ปลายๆ เดินเข้ามาประชิดเขาจากด้านหลังโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว “เฮ้ๆ นี่นายหน้ากำลังขวางทางฉันอยู่นะ !” เสียงของหญิงสาวที่ฟังดูเข้มแข็งแต่ไม่ดุดันกล่าวขึ้นกับชายหนุ่ม น้ำเสียงนั้นทำให้ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งตกใจ เพราะว่าในน้ำเสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ และกล้าหาญจนดูน่าเกรงขามชายหนุ่มหันกลับไปมองทางต้นเสียงทันทีเขาก็พบกับหญิงสาวผู้แต่งกายด้วยชุดเกราะและสวมเสื้อคลุมหนังสีน้ำตาลเข้มทับด้านนอก ที่เอวของเธอพกดาบเซเบอร์เล่มใหญ่เส้นผมสีแดงอมส้มของเธอนั้นดูเปล่งประกายและเร่าร้อนราวกับเปลวเพลิง ดวงตาสีส้มของเธอจับจ้องมาที่เขาด้วยท่าทางที่ดูจริงจังและสุขุม “อ่ะ...ขอโทษนะครับคือว่าพอดีมีคนแนะนำให้ผมมาที่ Eden Group นี่ผมอยากจะเริ่มต้นการเป็นนักผจญภัยครับ…..” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ค่อยมีความมั่นใจนัก ภายในมือของเขาที่กำลังถือแผนที่ซึ่งทหารยามให้มานั้นสั่นระรัวด้วย ความรู้สึกยำเกรงหญิงสาวเมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่มเป็นเช่นนั้นเธอก็หัวเราะในลำคอเบาก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรและกล่าวกับชายหนุ่มว่า“อ้าว...นายจะมาสมัครเป็นสมาชิกใหม่งั้นหรอ ? ขอโทษทีนะขอโทษที...ชั้นคงจะเผลอทำให้นายกลัว” หญิงสาวกล่าวขอโทษชายหนุ่มด้วยท่าทางที่ดูเป็นกันเองและเธอก็ยิ้มออกมารอยยิ้มอันเป็นมิตรของเธอนั้นแลดูอ่อนโยนและงดงามใช้หนุ่มได้แต่หัวเราะแก้เก้อให้กับตนเอง “เอาล่ะ !! ในเมื่อนายอยากจะเป็นสมาชิกของ Eden Group ของพวกเรางั้นก่อนอื่นนายต้องไปลงทะเบียนก่อน ตามชั้นมาสิ !!” หญิงสาวเดินนำหน้าชายหนุ่มเข้าไปในตัวอาคาร เมื่อบรรดาเหล่านักผจญภัยมองเห็นเธอทุกคนต่างพากันหลีกทางให้เธอเป็นแถวๆ ท่าทางของหญิงสาวนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าเธอนั้นจะต้องเป็นคนที่มีความสำคัญอย่างมากภายใน Eden Group หญิงสาวเดินตรงไปที่หน้าเคาน์เตอร์หลังจากนั้นก็หยิบกระดาษลงทะเบียนขึ้นมาจากเจ้าหน้าที่คนนึงซึ่งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ด้วยท่าทางที่สบายสบาย ชายหนุ่มผู้เดินตามหลังหญิงสาวไปนั้นตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์อย่างติดๆก่อนที่หญิงสาวจะให้ชายหนุ่มมองไปยังเอกสารใบสมัครซึ่งเธอนำมาให้ “อื้ม !! อันดับแรกเลยนายจะต้องกรอกชื่อลงไปซะก่อนตรงนี้นะ….” หญิงสาวใช้นิ้วมือซึ่งมือของเธอสวมถุงมือที่เป็นเกราะเหล็กชี้ไปยังเอกสารบนเคาน์เตอร์ในบรรทัดแรกนั้นมีช่องให้กรอกชื่อของผู้จ้องการสมัครเข้า Eden Group ลงไป“ตรงนี้สินะครับ !! เอาล่ะชื่อของผมคือ…………………………...” to be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on May 23, 2018 3:52:57 GMT
EP : 0.5 Novice ผู้แข็งแกร่งและอ่อนโยน
- ชายป่าอันเงียบสงบแห่งหนึ่งนอกเมือง Prontera -
ที่ป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยเหล่า Monster ซึ่งไม่ดุร้ายและไม่อันตรายมากนัก มันเป็นที่ๆเหมาะสำหรับเหล่านักผจญภัยมือใหม่ที่จะเก็บสะสมค่าประสบการณ์สำหรับการเริ่มต้นชีวิตนักผจญภัยของพวกเขา
“โอวววร่าาาา !!!!” เสียงคำรามดังกึกก้องของ Novice ชายคนหนึ่งดังกึกก้องไปทั่วป่า ก่อนที่กำปั้นของ Novice หนุ่มคนนั้นจะพุ่งกระแทกเข้าใส่ Poring Monster ระดับต่ำสุดของโลก RW ใบนี้ เข้าอย่างจังจนร่างที่เหมือนกับเยลลี่สีชมพูของมันแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายในหมัดเดียว
“ฟู่ววว 99 …...” เสียงของ Novice หนุ่ม ที่ฟังดูแข็งแกร่ง ทุ้มหนักและแฝงไปด้วยความเยือกเย็น นับจำนวนของ Poring ที่เขาสังหารไปอีก 1 ตัวก็จะครบ 100 ทันใดนั้นสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่เหยื่อตัวต่อไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตา Novice หนุ่มก็พุ่งเข้าโจมตีเหยื่อรายสุดท้ายของเขา Poring ที่น่าสงสารก็แตกกระจายกลายเป็นสิ่งเสี่ยง Novice หนุ่มได้เก็บไอเทมซึ่งตกลงมาจาก Monster ที่เข้าสังหารได้รวบรวมเอาไว้ในกระเป๋าพร้อมกับแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“อืม….ได้เวลาแล้วสินะที่ผมจะต้องเปลี่ยนอาชีพ” เขาบ่นพึมพำกับตนเองก่อนที่จะเดินออกจากป่าและกลับเข้าสู่เมือง Prontera
- ร้านขายไอเทมจิปาถะแห่งหนึ่งในเมือง Prontera - “อืม….. Jellopy 62ea Sticky Mucus 20ea ทั้งหมด 886zeny…. วันนี้ก็ทำได้ไม่เลวเหมือนกันนี่นา บล็อคโคลี่….” เสียงของหญิงสาวเจ้าของร้านขายของจิปาถะกล่าวขึ้นกับ Novice หนุ่ม ด้วยท่าทางที่เป็นกันเอง นั่นเป็นเพราะว่า Novice หนุ่ม ได้นำสิ่งของที่ตกลงมาจากเรา Monster มาขายให้กับเธอเป็นประจำตลอดช่วง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาตั้งแต่เขาหลุดเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ “เอ่อ….คุณเจ้าของร้าน ผมควรถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนอาชีพแล้วล่ะแต่ว่าผมยังไม่รู้เลยว่าผมอยากจะเป็นอะไรดี ?” Novice หนุ่ม กล่าวถามกับเจ้าของร้านขายของจิปาถะราวกับว่าต้องการจะให้เธอช่วยออกความเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจในอนาคตของเขา หญิงสาวเจ้าของร้านนิ่งไปสักพักนึง เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ก่อนที่จะตอบ Novice หนุ่ม ว่า
“บล็อคโคลี่….ดูร่างกายของเธอก็กำยำล่ำสันดีนะบางทีเธอน่าจะไปเป็นพวกนักรบ Swordman เป็นไงดีไหม” เธอกล่าวขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังรูปร่างของ Novice หนุ่ม ที่ชื่อว่าบล็อกโคลี่ เขาเป็น Novice ที่มีร่างกายกำยำล่ำสันทั้งกล้ามแขน กล้ามอก ซิกแพคที่หน้าท้องเป็นมัดๆ กล้ามเนื้อของเขานั้นดูใหญ่โตผิดมนุษย์มนาและแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า อีกทั้งส่วนสูงของเขาสูงถึง 2 เมตรกว่าซึ่งมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปเกือบ 1 เท่า เส้นผมของเขาแข็งและตั้งชี้มีสีฟ้าน้ำทะเล ดวงตาของเขาก็ดูถูกดันราวกับนักรบที่ผ่านสมรภูมิมาแล้วนับไม่ถ้วน ซึ่งผิดกับอุปนิสัยที่เขาแสดงออกมาอย่างสิ้นเชิงเพราะเขานั้นเป็นคนที่สุภาพไม่ค่อยพูดชอบพูดกับคนแปลกหน้าและเป็นคนอ่อนโยน
“โหววว …. Swordman ดูป่าเถือนมากเลยครับแบบนั้นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เลยสิคุณเจ้าของร้านเชื่อไหม ? วันก่อนนะผมเดินเข้าไปในโรงแรมเพื่อที่จะไปจองห้องนอนพัก จู่ๆ เจ้าของโรงแรมก็เรียกทหารยามมาล้อมผมใหญ่เลยสงสัยเขานึกว่าผมจะเป็นโจรที่จะไปปล้นโรงแรมเขาล่ะมั้ง แค่ผมพูดว่า ห้องหนึ่ง...ข้าจะไปรอข้างบนแล้วยกอะไรก็ตามที่กินได้มาให้หมด !! น่ะครับ” Novice หนุ่ม เล่าเหตุการณ์ซึ่งเขาไปพักยังโรงแรมและที่เกิดการเข้าใจผิดกันเมื่อครั้งที่ผ่านมา เพราะวันนั้นเขาเหน็ดเหนื่อยจากการไล่ล่ามอนสเตอร์ เขาต้องการที่จะกินให้เต็มที่และนอนหลับไปในทันทีเท่านั้นเอง เจ้าของร้านขายของจิปาถะสาวได้ฟังเหตุการณ์แบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มเจือนๆและตอบกลับ Novice หนุ่มว่า
“เห….ฉันว่าจริงๆที่เขาเข้าใจผิดน่าจะเป็นเพราะวิธีพูดและบุคลิกของเธอมากกว่านะเอาเถอะๆ ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ค่อยๆคิดดูนะบางทีอาจจะมีสักอาชีพที่เธออาจจะชอบและจะทำให้เธอเข้ากับคนอื่นง่ายขึ้น” ในระหว่างที่เจ้าของร้านขายของจิปาถะและบล็อกโคลี่กำลังสนทนากันนั้น ก็มีปาร์ตี้ของนักผจญภัยอีกกลุ่มนึงเข้ามาทำการซื้อสิ่งของ เจ้าของร้านขายของจิปาถะจึงขอแยกตัวออกไปเพื่อทำการขายสินค้าก่อน ในปาร์ตี้ของพวกเขานั้นมีคน 3 คนประกอบด้วย Swordman Archer และ Thief
“พี่สาวขอ Red Potion 300 ขวด !!” หัวหน้าปาร์ตี้ซึ่งเป็น Swordman กล่าวกับเจ้าของร้านขายของจิปาถะสาวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเรียบๆ แต่การสั่งสินค้าของเขานั้นกับสร้างความแปลกใจให้กับเจ้าของร้านไม่น้อยเธอจึงเอ่ยปากถามว่า
“ใช้ Red Potion เยอะจังเลยนะจะออกไปไกลตัวเมืองเข้าไปในป่าลึกหรือ ?” Swordman ส่ายศีรษะเบาๆเป็นคำตอบก่อนที่เขาจะอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูผิดหวังเล็กๆว่า
“พวกผมไม่สามารถที่จะหา Acolyte เข้าปาร์ตี้ได้นะครับเพราะว่าอาชีพสาย Healer เป็นที่ต้องการแต่ว่ากลับไม่ค่อยมีใครอยากจะเป็น เพราะว่าพวกเขาจะอ่อนแอเมื่อต่อสู้กับมอนสเตอร์ด้วยตัวเองดังนั้นพวกเราก็เลยไม่มีคนที่มีความสามารถในการรักษาอยู่ในทีมนะครับ” คำอธิบายของ Swordman หนุ่ม แก้ไขข้อข้องใจของเจ้าของร้านจิปาถะสาวและยังสามารถที่จะช่วยชี้การตัดสินใจของบล็อกโคลี่ได้โดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว หลังจากที่อธิบายจบปาร์ตี้ของนักผจญภัยเหล่านั้น ก็เดินทางออกจากร้านขายของจิปาถะไปอย่างรวดเร็วเจ้าของร้านขายของจิปาถะจึงกลับมาคุยกับบร็อคโคลี่ถึงเรื่องเกี่ยวกับ Class ในอนาคตของเขา แต่ว่าบร็อคโคลี่นั้นกลับมีรอยยิ้มราวกับเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแล้ว
“คุณเจ้าของร้านผมตัดสินใจได้แล้วผมจะเป็น Acolyte ล่ะ !!” คำตอบที่ชัดเจนและฟังดูน้ำเสียงสดใสของบล็อกโคลี่ทำให้เจ้าของร้านขายของจิปาถะสาวถึงกับตกใจจนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
“เป็นที่ต้องการของคนในปาร์ตี้ ผมสามารถช่วยรักษาเหล่าเพื่อนๆได้ และผมก็จะเข้ากับคนได้ง่ายขึ้นนี่แหละอาชีพที่ผมต้องการล่ะ !! ทำไมผมถึงมองไม่เห็นมันนะ…..เอาละในเมื่อตัดสินใจได้แล้วผมจะไปที่โบสถ์แล้วนะขอบคุณมากนะ คุณเจ้าของร้านไว้เราค่อยพบกันใหม่นะครับ” บล็อกโคลี่กล่าวจบก็รีบออกจากร้านขายของจิปาถะไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลมทิ้งให้เจ้าของร้านจิปาถะสาวได้แต่มองตามแผ่นหลังอันใหญ่โตบึกบึนของเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนงุนงง
- ภายในโบสถ์หลักของเมือง Prontera -
“หลวงพ่อผมอยากจะเป็น Acolyte ครับ !!” เสียงของบล็อกโคลี่ที่มุ่งมั่นกล่าวกับบาทหลวงซึ่งมีหน้าที่ทดสอบเหล่าผู้ที่จะเข้ามาเป็นนักบวชหน้าใหม่แต่ท่าทางสีหน้าและรูปร่างของเขากลับทำให้หลวงพ่อนั้น ถึงกับหน้าซีดเหงื่อแตกออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ “อะ….เอ่อ….เจ้าลูกแกะน้อยหลงทาง…..มะ...ไม่สิ…..อย่างเจ้าคงจะไม่น่าใช่ลูกแกะแล้วล่ะ !! แต่จะยังไงก็ช่างเถอะเจ้าแน่ใจแล้วหรือที่จะเดินทางไปในเส้นทางของนักบวชมันเป็นเส้นทางที่ยากลำบากมันเป็นเส้นทางที่อันตรายและมันเป็นเส้นทางที่เจ้าจะต้องเสียสละมากมายเลยนะ เจ้ายินดีจะสาบานต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าไหมว่าเจ้าจะเดินไปในเส้นทางนี้ยังซื่อตรงเจ้าจะไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคที่จะว่าจะเจอในวันข้างหน้า” น้ำเสียงของบาทหลวงกล่าวออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือราวกับว่าเขากำลังเกรงกลัวอะไรในตัวของบร็อคโคลี่อยู่แต่ว่าบร็อคโคลี่นั้นไม่ได้สนใจท่าทางของบาทหลวงแม้แต่น้อย ในใจของเขามีแต่ความตื่นเต้นที่จะได้เปลี่ยนอาชีพสักที
“สาบานครับ !! ผมสาบานผมจะไม่หลงทางผมจะมุ่งตรงไปข้างหน้าผมจะเดินไปในเส้นทางของนักบวชครับไม่ว่าอะไรก็จะไม่สามารถที่จะขวางเส้นทางของผมได้ทั้งนั้น !!” บร็อคโคลี่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวและมุ่งมั่นแต่เสียงที่ดังและดุดันนี้ทำให้บาทหลวงที่กำลังทดสอบของเขาถึงกับน้ำตาแทบเล็ต
“ดะ...ได้ นับตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าจงเดินทางในเส้นทางของนักบวชเจ้าได้กลายเป็น Acolyte แล้ว !!” สิ้นสุดคำประกาศของหลวงพ่อบล็อคโคลี่รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้เกิดใหม่เขารับเอาชุดเครื่องแบบของอาชีพนักบวชและอาวุธพื้นฐานนั้นก็คือกระบอง Club ซึ่งทำจากไม้เพราะว่านักบวชนั้นไม่สามารถจะใช้อาวุธที่มีคมในการต่อสู้ได้ หลังจากที่บร็อคโคลี่ได้ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุด Novice เดิมของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็เดินทางออกจากโบสถ์ไปด้วยสีหน้าที่เบิกบาน หลังจากที่บร็อคโคลี่คล้อยหลังออกจากโบสถ์ไประยะนึงแล้วแม่ชีคนนึงก็เดินเข้ามาถามบาทหลวงที่ทำการเปลี่ยนอาชีพให้กับเขาด้วยสีหน้าที่สงสัยว่า “หลวงพ่อคะ ตามปกติแล้วเราจะต้องทดสอบเด็กใหม่ด้วยการให้เขาไปแสวงบุญณที่ใดที่หนึ่งที่เรากำหนดไว้ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนอาชีพไม่ใช่เหรอคะ ? ทำไมท่านถึงเปลี่ยนให้เขาเลยทันทีล่ะแบบนี้จิตใจของเขาจะแข็งแกร่งพอที่จะเดินไปในเส้นทางของนักบวชอย่างนั้นหรือ” แม่ชีได้ถามบาทหลวงซึ่งนั่งนิ่งหน้าซีดอยู่ที่เก้าอี้ด้านหลังสแตนซึ่งใช้ในการกล่าวคำสาบานด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ไม่เป็นไรหรอกเรื่องความแข็งแกร่งของจิตใจเจ้านั้นแข็งแกร่งมากๆเลยล่ะ….แข็งแกร่งจริงๆไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงแล้ว อ้อว่าแต่….ขอรบกวนอะไรเธอหน่อยสิช่วยไปหยิบกระดาษชำระกับกางเกงในให้หน่อยได้ไหมพอดีเจ้านั้นแข็งแกร่งเกินไปหน่อยก็เลย…...เยี่ยวแตกซะแล้ว” บาทหลวงมองหน้าแม่ชีด้วยแววตาที่ดูน่าสมเพชจนไม่สามารถอธิบายได้แม่ชีผู้นั้นได้แต่หน้าซีดและกล่าวรับปากก่อนจะเดินจากไป.....
to be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on May 24, 2018 8:53:23 GMT
EP : 0.6 Little Novie - กลางป่าลึกเงียบอันสงบด้านนอกเมือง Payon - ดวงตะวันเริ่มจะคล้อยไปทางทิศตะวันตก เวลานี้เป็นช่วงบ่ายแก่ๆแล้วเหล่าบรรดาสิ่งมีชีวิตซึ่งหากินในเวลากลางวันภายในป่ากำลังเริ่มที่จะสะสมอาหารและกลับรัง แต่ภายในป่าแห่งนี้กลับมี Novice สาวน้อยคนหนึ่งกำลังพยายามไล่ล่ามอนสเตอร์ Willow อย่างเอาเป็นเอาตาย
“ยําาาาา !!” เสียงของสาวน้อยซึ่งเล็กและฟังดูนุ่มนวลแผดเสียงออกมา เพื่อรีดเร้นกำลังจากภายใน เธอแทงมีด Knife ในมือเข้าไปยังลำตัวของ Monster Willow อย่างเต็มแรงแต่กำลังของเธอนั้นยังไม่มากพอที่จะล้มมันไปในการโจมตีครั้งนี้ซึ่งเธอเองก็รู้ดี Novice สาวน้อยรีบดึงมีดออกและเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของ Willow แต่ความเร็วของเธอนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะหลบมันได้ผล Willow ฟาดฝ่ามือของมันซึ่งแข็งดุจท่อนไม้เข้าที่ลำตัวของเธออย่างจังการโจมตีของมันได้ผล Novice สาวน้อย รู้สึกเจ็บจุกจนเซถอยหลัง 2-3ก้าว แต่ความเจ็บปวดนั้นก็ไม่ได้ทำให้กำลังใจของเธอลดถอยลงเลยแม้แต่น้อย เธอพุ่งเข้าใส่มันอีกครั้งเธอกำมีดในมือเอาไว้แน่นและเธอรู้ว่าครั้งนี้มันจะต้องได้ผล “ล้มไปซร้าาา !!” เธอตะโกนสุดเสียงก่อนที่จะจ้วงมีดเข้าไปที่ลำตัวของมันอีกครั้ง ครั้งนี้ Novice สาวน้อย ทำสำเร็จเจ้า Willow เป้าหมายของเธอนั้นล้มลงไปกองอยู่กับพื้นในสภาพแน่นิ่งมันตายแล้ว Novice สาวน้อยไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปยังร่างของ Willow เพื่อตรวจหาไอเทมที่มันจะดรอปลงมาให้กับเธอ“Fine-grained Trunk กับ Tree Root งั้นเรอะ… ถ้ารวมชิ้นนี้ด้วยแล้วก็คะแนนของเราก็คงจะเป็น…..” Novice สาวน้อย เปิดกระเป๋าของเธอดูเพื่อนับจำนวนท่อนไม้ซึ่งเปรียบได้ดังคะแนนในการทดสอบการเปลี่ยนอาชีพเป็นนักธนูของเธอและเธอก็ทราบว่า“26 แต้ม แบบนี้ผ่านได้เฉียดฉิวเลย รีบกลับเข้าเมืองก่อนจะมืดดีกว่า !!” Novice สาวน้อย กล่าวจบก็หยิบ Red Potion ขวดนึงขึ้นมาจากกระเป๋าจากนั้นก็เปิดฝาขวดและกระดกมันลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่กี่วินาทีต่อมาบาดแผลเล็กน้อยที่เกิดจากการต่อสู้และอาการเหนื่อยล้าของเธอก็ทุเลาลงไปอย่างน่าอัศจรรย์“อูยยยย แขนขากับลำตัวยังปวดอยู่เลย Red Potion นี่ คงจะใช้รักษาบาดแผลพวกนี้ไม่ไหวจริงๆสินะถ้าเปลี่ยนอาชีพเสร็จแล้วจะกลับไปนอนที่โรงแรมสักคืนให้สบายไปเลย….” Novice สาวน้อย บ่นพึมพำกับตนเองก่อนที่จะค่อยๆก้าวเดินมุ่งหน้ากลับสู่เมือง Payon อย่างระมัดระวังNovice สาวน้อย ถึงแม้ว่าตัวเธอจะเป็นหญิงสาวที่รูปร่างบอบบางอายุของเธอน่าจะอยู่ที่ราวๆ 13-14 ปีเท่านั้น เธอมีเส้นผมสีทองซึ่งไว้ทรงหางม้ารวบไว้ด้านหลังแลดูกระชับกระเฉงดวงตาสีแดงทับทิมของเธอนั้นฉายแววของความมุ่งมั่นและดื้อรั้นไปในตัว ผิวของเธอขาวสะอาดกับรูปร่างอันผอมบางซึ่งทำให้เธอดูเปราะบางเกินไปกว่าที่จะมาต่อสู้กับมอนสเตอร์ในป่าอย่างดุเดือดเช่นนี้ได้ แต่ทว่าเธอนั้นกลับดูชำนาญและช่ำชองในการที่จะเดินทางและต่อสู้ในป่ามากเกินกว่าเด็กผู้หญิงทั่วไปในวัยเดียวกัน Novice สาวน้อย เดินก้าวย่างอย่างระมัดระวังเพียงแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเธอก็สามารถที่จะออกมาจากป่าซึ่งลึกลับซับซ้อนราวกับเขาวงกตได้อย่างไม่ยากเย็น“อีกแค่ไม่นานก็คงจะได้เห็นตัวเมืองแล้วสินะฉันกลับมาแล้ว Payon !!” หญิงสาวกล่าวออกมาด้วยความดีใจ เอาตามสัญชาตญาณของเธอ เธอรู้ว่าอีกไม่นานเธอก็จะได้กลับไปถึงเมืองแล้ว แต่ทว่ากลับมีบางสิ่งบางอย่างมาหยุดความคิดถึงของเธอไปจนหมดสิ้น“ชะ….ช่วย…..ด้วย…..” เสียงอันแผ่วเบาและโรยแรงดังขึ้นมาจากพุ่มไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนอยู่สัญชาตญาณในการระแวดระวังตัวของเธอทำงานทันที เธอไม่ตอบกลับเจ้าของเสียงแต่เธอกลับจับจ้องไปยังพุ่มไม้ซึ่งเสียงนั้นถูกส่งออกมา Novice สาวน้อย ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆความหมายนั้นอย่างระมัดระวังสายตาเตียวของเธอจับจ้องไปยังเป้าหมายแบบไม่กระพริบหลังจากที่สำรวจดูรอบๆในที่สุดเธอก็พบกับต้นเสียง เจ้าของเสียงนั้นคือ Novice ชายหนุ่ม วัยราวๆ 25 แต่ไม่น่าจะถึง 30 ปี เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ส่วนสูงของเขาน่าจะอยู่ที่ราวๆ 180 - 190 Cm เลยทีเดียว ชายหนุ่มคนนี้ไว้ผมสั้นสีดำ ผมของเขานั้นเรียบและเหยียดตรง ผิวของเขาเป็นสีขาวร่างกายของเขากำยำมีกล้ามเนื้อนิดหน่อย ในมือของเขาถือดาบ Sword เอาไว้ไม่ห่างกาย แต่ว่าร่างของเขาในตอนนี้กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พุ่มไม้ด้วยท่าทางที่โรยแรง“นี่นายมานอนทำอะไรตรงนี้น่ะ ?” สาวน้อยถามชายหนุ่มซึ่งกำลังใกล้จะตายด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสงสัย แต่ว่าเธอนั้นกลับยืนทิ้งระยะห่างจากเขาพอสมควร มากพอที่ถ้าหาเขาแค่จะแกล้งทำแบบนั้นเพื่อที่จะหวังอะไรสักอย่างจากเธอ ด้วยฝีเท้าของเธอจะสามารถวิ่งหนีการไล่ตามของได้อย่างแน่นอน แต่ดูท่าความหวาดระแวงของสาวน้อยครั้งนี้จะคิดผิดชายหนุ่มตรงหน้าของเธอนั้น กำลังอ่อนแรงและใกล้จะตายจริงๆ“มี…...อะไรที่พอกินได้บ้างไหม…...ได้โปรดแบ่งให้ผมหน่อย…..” ชายหนุ่มก้าวออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งจนแทบจะไม่ได้ยิน Novice สาวน้อย จึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสัมภาระด้านหลังและกล่าวต่อไปว่า“ไอ้มีน่ะ….มีอยู่หรอก ช่วยบอกหน่อยหนูได้ไหมว่าทำไมถึงมาอยู่ในสภาพแบบนี้” เธอพยายามซักชายหนุ่มซึ่งกำลังนอนใกล้จะหมดเรี่ยวแรงซึ่งอยู่ตรงหน้าเธอ ชายหนุ่มรู้ดีว่าผู้ช่วยชีวิตของเขาปรากฏตัวขึ้นแล้วเขาจึงตอบเธอกลับไปว่า“เอ่อ….คือว่า…..ผมกำลังทำภารกิจของ Eden Group เขาบอกให้ผมนำกล่องพัสดุมาส่งที่เมือง Payon ผมเดินทางมาจาก Prontera แล้วผมก็ส่งพัสดุเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินทางกลับแต่ว่าในระหว่างการเดินทางกลับผมกลับถูกงู Boa โจมตีเข้าผมก็เลยติดพิษ มันปวดไปทั้งตัวเลยผมก้าวต่อไปไหนไม่ได้ ตอนนี้อาการพิษของผมทุเลาลงแล้ว แต่กว่าจะทุเลาอาหารที่เอามาเป็นเสบียงก็หมดซะก่อนที่จะกลับถึง Prontera ดังนั้นก็เลยเป็นอย่างที่เธอเห็นนี่แหละ” ชายหนุ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับสาวน้อยฟังซึ่งเธอเองก็ฟังแล้วก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ว่าเธอตัดสินใจแล้วที่จะช่วยชายหนุ่มผู้นี้ดังนั้นเธอจึงหยิบ Potato ออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ 5 ชั้น เธอวางลงตรงที่ใกล้ๆกับเธอยืนอยู่และกล่าวออกไปว่า
“หนูวางมันฝรั่งเอาไว้ตรงนี้นะ แค่นี้คุณพอจะมีแรงมาเอามันไปเองได้ใช่ไหมล่ะ ? หนูคงพอทำได้เท่านี้แหละจากนี้ไปก็รักษาตัวด้วยนะ ลาก่อนค่ะ” Novice สาวน้อย กล่าวกับชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นมิตรชายหนุ่มผู้นั้นพยักหน้าเป็นคำตอบให้กับเธอก่อนที่เธอจะหันหลังและกำลังจะเดินจากไป“เดี๋ยวก่อน…...ก่อนที่เธอจะไปช่วยบอกชื่อของเธอหน่อยได้ไหม สักวันนึงถ้าเราได้เจอกันอีกชั้นจะต้องใช้หนี้ครั้งนี้คืนให้กับเธออย่างแน่นอน ชั้นชื่อว่า ฟรองค์ ….. ฟรองค์ ฟอนเบิร์ก เบิร์นไวซ์นอร์ท !!” เสียงของชายหนุ่มตะโกนตามหลังสาวน้อยด้วยสุดเสียงที่เขาจะสามารถเปล่งออกมาได้ สาวน้อยนั้นหยุดก้าวเดินแต่มิได้หันกลับมามองก่อนที่จะตอบชายหนุ่มกับไปว่า “ เดซี่ …. เดซี่ โฟห์เลน แต่นั้นหนูไม่ได้คิดว่าเป็นหนี้อะไรมากมายอย่างนั้นหรอกค่ะ ไม่จำเป็นต้องติดใจขนาดนั้นก็ได้ค่ะรักษาตัวด้วยนะคะ คุณ ฟรองค์” หลังจากที่กล่าวจบสาวน้อยก็เดินทางมุ่งหน้ากลับสู่เมือง Payon ภายในจิตใจของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ได้เข้ามาผจญภัยในโลกแห่งใหม่ซึ่งเธอนั้นมิเคยได้สัมผัสมาก่อน to be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on May 25, 2018 4:26:29 GMT
EP : 0.7 Mysterious Lady - ภายในเมือง Payon - หลังจากที่เดซี่ ได้ออกไปเดินทางเพื่อเก็บขอนไม้สำหรับการทดสอบในการเปลี่ยนอาชีพเป็นนักธนูของเธอสำเร็จแล้วและระหว่างทางกลับเธอก็ได้ช่วยเหลือ Novice หนุ่มแปลกหน้า ในที่สุดเธอก็เดินทางกลับมาถึงเมือง Payon ในช่วงเวลาเย็นของวันนั้นเมือง Payon ถ้าหากว่านับเมือง Prontera เป็นศูนย์กลางของ Midgard แล้วล่ะก็ Payon เป็นเมืองซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ห่างจากเมือง Prontera มากพอสมควรดังนั้นผู้คนที่อยู่ที่เมือง Payon แห่งนี้ จึงมีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่แตกต่างจากเมือง Prontera อย่างสิ้นเชิง ที่เมือง Payon แห่งนี้ บ้านเรือนต่างๆถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมคล้ายคลึงกับประเทศทางตะวันออกในแถบเอเชีย ภายในตัวเมืองเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ถูกปลูกสลับกับบ้านทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ตัวบ้านส่วนมากทำใช่ไม้สีน้ำตาลแก่สลับกับทาด้วยสีขาวหลังคาบ้านนั้นถูกมุงด้วยกระเบื้องดินเผาสีเทาตัวบ้านทั้งหลายมักจะมีความสูงเพียงแค่ชั้นเดียวหายากมากที่จะมีบ้าน 2 ชั้นอยู่ในแถบนี้ และผู้คนที่นี่ส่วนมากมักจะแต่งกายด้วยชุดประจำเมืองซึ่งทำจากผ้าไหมมองดูลักษณะคล้ายกับชุดของชนชาติเกาหลี ถ้าเทียบกับ Prontera แล้วล่ะก็ Payon แลดูร่มรื่นและเป็นกันเองมากกว่าอีกทั้งยังมีมนต์ขลังและกลิ่นอายของตะวันออกคุกรุ่น เดซี่ ค่อยๆเดินอย่างสบายๆเมื่อกลับเข้ามาในตัวเมืองและลดการระวังตัวลงเมื่อเทียบกับตอนที่อยู่ในป่า สายตาของเธอมองไปรอบๆเพื่อดูชีวิตประจำวันยามเย็นของชาวเมือง Payon ซึ่งเป็นภาพที่เธอเริ่มจะคุ้นชินกับมัน เธอเดินตรงไปที่โรงแรมขาประจำซึ่งเธอใช้พักผ่อนมาเป็นระยะเวลาหลายคืนแล้ว
“ยินดีต้อนรับค่ะ….อะ...อ้าว เดซี่จัง กลับมาแล้วเหรอวันนี้เป็นยังไงบ้าง ?” หญิงสาวพนักงานต้อนรับของโรงแรมอีกทั้งเธอยังเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าของโรงแรมแห่งนี้กล่าวทักทาย เดซี่ ด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นกันเอง เดซี่ ยิ้มให้เธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยผุ่นซึ่งได้มาจากการต่อสู้ภายในป่า “อ๊ะ….มอมแมมมากเลยนะเนี่ยวันนี้ยังไงก็ไปอาบน้ำก่อนเถอะ” ก่อนที่ เดซี่ จะพูดอะไรหญิงสาวพนักงานต้อนรับของโรงแรมก็แนะนำให้เธอไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเนื่องจากฝุ่นและบาดแผลที่ได้รับมาจากการต่อสู้มันทำให้เธอดูมอมแมมและเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก “ฮ่ะๆๆ นั้นสินะ...ถ้าอย่างงั้นหนูแล้วก็ขอฝากสัมภาระด้วยก็แล้วกันนะ แล้วก็ช่วยขายพวกไอเทมอื่นๆที่ไม่ได้ใช้งานให้ด้วยนะคะ” เดซี่ ยื่นกระเป๋าสัมภาระของเธอซึ่งเต็มไปด้วยขอนไม้และไอเทมต่างๆที่เธอได้รับมาจากการต่อสู้ภายในวันนี้ส่งให้กับสาวพนักงานของโรงแรม หญิงสาวนั้นรับไปด้วยท่าทางที่ดูสนิทสนมก่อนที่เธอจะรู้สึกตกใจกับน้ำหนักของสัมภาระ ที่ เดซี่ แบกกลับมามันค่อนข้างหนักทีเดียว หลังจากที่ปลดสัมภาระแล้ว เดซี่ ก็ตรงเข้าไปที่ห้องอาบน้ำของโรงแรมซึ่งเป็นห้องอาบน้ำที่แยกชายและหญิง ที่โรงแรมแห่งนี้ให้บริการน้ำอุ่นสำหรับผู้ที่เข้าพักใช้ในการแช่ผ่อนคลายร่างกายอีกด้วย - 30 นาที ต่อมา - “ฮร้าาา ….. สบายตัวจังน้ำอุ่นนี้ดีจังเลย” เดซี่ เดินออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยท่าทางที่ดูผ่อนคลายและสีหน้าที่ดูเปี่ยมสุข เวลานั้นพนักงานบริการของโรงแรมก็ยืนรอเธออยู่ที่เคาน์เตอร์ในห้องโถงของโรงแรม “จำนวนเงินคงเหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว 433zeny ค่ะ” พนักงานบริการของโรงแรมเดินเข้าไปหา เดซี่ พร้อมกับยื่นถุงเงินที่ข้างในบรรจุเหรียญเงินเซนนี่เอาไว้ตามจำนวนที่เธอได้แจ้งไปก่อนหน้านี้ “ขอบคุณมากค่ะ...พี่สาวต้องให้รบกวนอยู่เรื่อยเลย” เดซี่ กล่าวขอบคุณพนักงานบริการของโรงแรม ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนที่เธอจะรับถุงเงินของเธอไปและนำเงินจำนวนหนึ่งไปซื้อนมเพื่อดื่มหลังอาบน้ำด้วยท่าทางที่สบายอกสบายใจ หลังจากที่ทำกิจกรรมส่วนตัวเสร็จแล้ว เดซี่ ก็มานั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งทางโรงแรมจัดไว้ที่ห้องโถงเพื่อพักผ่อนเธอนั้นค่อนข้างชื่นชอบบรรยากาศยามค่ำคืนของเมือง Payon ที่เธอสามารถจะมองเห็นได้จากนอกหน้าต่างของโรงแรมแต่วันนี้กลับมีบางอย่างซึ่งเข้ามาเบี่ยงเบนความสนใจของเธอออกไป“ขอร้องล่ะคะเถ้าแก่ ดิฉันมีเงินอยู่เพียงแค่ 50z ยังไงก็ขอห้องที่พอจะซุกหัวนอนได้สักคืนก็ยังดี” หญิงสาววัยราวๆ 20 กลางๆ เธอมีเส้นผมที่ยาวละเอียดตรงสีดำสนิทความยาวของผมนั้นยาวจนถึงเอวของเธอ ส่วนสูงของเธอนั้นไม่มากอยู่ที่ราวๆ 150 เซนติเมตรกลางๆรูปร่างของเธอเล็กและบอบบางผิวของเธอมีสีขาวนวลดุจหิมะ ดวงตาของเธอกลมเรียวนัยตาของเธอมีสีเทา แววตานั้นเปล่งประกายอย่างอ่อนโยนแต่ก็ฉายแววของความเข้มแข็งอยู่ภายใน เธอ แต่งกายด้วยชุด Novice และกำลังพูดเพื่อต่อรองและขอร้องกับเถ้าแก่ของโรงแรมเพื่อที่จะขอพักยังโรงแรมแห่งนี้ “ขอโทษด้วยนะครับคุณลูกค้า แต่ว่าห้องพักที่ราคาถูกที่สุดของโรงแรมนี้ราคาอยู่ที่คืนละ 100z...” เถ้าแก่พยายามอธิบายจากเธอให้เข้าใจ แต่ก็ใช่ว่าเขาเองจะไม่รู้สึกสงสารเธอเลย เถ้าแก่นั้นทราบดีว่านักผจญภัยหน้าใหม่มักจะมีปัญหาเรื่องเงิน ทั้งค่าที่พักค่าอาหารค่ายาและค่าอาวุธ บางทีมันก็เป็นภาระที่หนักเกินไปแต่ทว่าในเรื่องของการค้าเขาไม่อาจที่จะถอยหลังได้เช่นกัน เดซี่ มองทั้งสองคนเจรจาต่อรองกันอยู่นานดูแล้วเถ้าแก่เองก็เริ่มที่จะใจอ่อนให้กับหญิงสาวเหมือนกันแต่ว่า เดซี่ นั้นกลับเริ่มที่จะลงมือทำอะไรก่อน “นี่ๆ คุณน้าคะ ถ้าไม่ว่าอะไรให้หนูช่วยออกสักครึ่งนึงก่อนไหม ? ห้องพักราคาถูกที่สุดของที่นี่ทั้งแคบแล้วก็เสียงดังมากเลย คุณน้าน่าจะนอนไมหลับยากแน่ แล้วถ้ายิ่งไปต่อราคาเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียวแบบนี้ก็จินตนาการไม่ออกเลยค่ะว่าจะเป็นยังไง” เดซี่ กล่าวขึ้นในขณะที่เดินเข้าไปหาหญิงสาวพร้อมกับหยิบถุงเงินที่เหน็บอยู่ที่เอวของเธอออกมา หญิงสาวเมื่อเห็นเดซี่ กำลังจะทำเช่นนั้นเธอก็รีบตรงเข้าไปห้ามทันทีก่อนจะกล่าวว่า “เดี๋ยว !! ไม่ได้หรอกจ๊ะ จะให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนี้มาให้ยืมเงินได้อย่างไร ? แบบนี้ชั้นก็เกรงใจเธอแย่สิ” หญิงสาวพยายามกล่าวห้าม เดซี่ ด้วยท่าทางที่ดูร้อนรนภายในใจของเธอคิดว่าถ้าหากจะให้มายืมเงินเด็กผู้หญิงคนนี้เธอคงจะเลือกที่จะนอนในห้องแคบหรือไม่ก็ไปนอนใต้ต้นไม้ด้านนอกจะดีกว่า การกระทำและแนวคิดของเธอนั้นค่อนข้างที่จะทำให้เดซี่ไม่สบอารมณ์ เดซี่มีสีหน้าที่หงุดหงิดขึ้นเล็กน้อยและตอบเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจว่า “หนูคิดว่าการปฏิเสธน้ำใจของคนอื่นเพราะเห็นแก่อายุเพศหรือฐานะทางสังคมของคนๆนั้น และตนเองเป็นสิ่งที่แย่มากเลยนะคะ ศักดิ์ศรีน่ะบางทีก็ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องนำมาใช้กับทุกเรื่องเสมอไปหรอกค่ะ รับไปเถอะนะคะ…..ไม่ใช่ในฐานะของเด็กหรือผู้ใหญ่แต่ในฐานะของนักผจญภัยซึ่งอาศัยอยู่บนโลกใบเดียวกัน !!” เดซี่ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเข้มแข็งคำพูดของเธอนั้นทำให้หญิงสาวถึงกับยิ้มออกมาด้วยท่าทางที่มีความสุขก่อนที่จะกล่าวว่า “นั่นสินะ…..ช่างเป็นสาวน้อยที่กล้าหาญจริงๆ แต่จะให้ฉันรับเงินเธอมาเปล่าๆแบบนี้คงจะไม่ดีหรอก เอาแบบนี้ดีกว่าไหม ?” หญิงสาวกล่าวจบก็หยิบของในกระเป๋าสัมภาระของเธอขึ้นมาชิ้นหนึ่งสิ่งนั้นคือ Drops Card เป็นการ์ดของ Monster ญาติๆของ Poring แต่พวกมันจะมีตัวสีส้มซึ่งแตกต่างจาก Poring ซึ่งมีตัวสีชมพูพวกมันอาศัยอยู่ทั่วทะเลทราย Sograt Desert ซึ่งอยู่แถบเมือง Morroc ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ Prontera คุณสมบัติของมันคือเมื่อใส่เข้ากับอาวุธจะเพิ่ม DEX+1 และ HIT+3 ซึ่งมันเป็นการ์ดที่เหมาะกับนักธนูอย่างเดซี่ในระดับหนึ่ง“นะ...นี่มัน !!” เดซี่ มีท่าทางที่ดูตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวนำ item หายากออกมา หญิงสาวถือการ์ดใบนั้นเดินเข้าไปหาเธอก่อนที่จะส่งมันไว้ในมือของเธอและบอกกับเธอว่า “ขอใช้การ์ดใบนี้เป็นของมัดจำก็แล้วกันนะ วันพรุ่งนี้ถ้าเกิดว่าฉันเสร็จธุระแล้วจะหาเงินมาคืนให้กับเธอ เธอก็ค่อยคืนมันให้กับชั้นก็แล้วกัน” หญิงสาวกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนที่จะรับเงินจำนวน 300zeny จาก เดซี่ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเถ้าแก่ของโรงแรมและลงชื่อเข้าพัก เดซี่ได้แต่มองตามหลังหญิงสาวไปด้วยใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความสับสนงุงงง ก่อนที่จะพูดเปรยๆออกมาเบาๆว่า“พี่สาวคนนี้เป็นคนที่แปลกดีจริงๆเลยนะ…...” พูดจบ เดซี่ก็นำการ์ดใส่ลงในกระเป๋าหวังว่าพรุ่งนี้หญิงสาวคนนี้ จะกลับมาหาเธออีกครั้งพร้อมกับนำเงินมาไถ่การ์ดของเธอกลับไป แต่นอกเหนือจากเรื่องเงินแล้ว เดซี่ยังแอบหวังในใจลึกๆว่าเธออาจจะได้เป็นเพื่อนกับหญิงสาวคนนี้บ้างก็ได้“โอ้ววว…..โชคดีน่าดูนะนี่แม่หนู การ์ดนั้นถ้าเอไปวางขายได้ราคาดีๆ อาจจะถึง 5000 ไม่ก็ 10000 Zeny เลยก็ได้นะ โฮ่วๆๆๆ” เจ้าของโรงแรมกล่าวกัน เดซี่ด้วยท่าทางที่กระเซ้าเย้าแหย่ แต่เธอกลับตอบกลับเจ้าของโรงแรมไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูร่าเริงว่า“ฮ่ะๆๆๆ ถ้าใบนี้ตอนนี้ล่ะก็ สิบล้านก็ไม่ขายค่ะ !!” เธอตอบกลับเถ้าแก่โรงแรมอย่างอารมร์ดีก่อนที่จะเดินกลับเข้าห้องพักของเธอไปด้วยท่าทางที่ดูสบายๆto be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on May 25, 2018 13:45:13 GMT
EP : 0.8 เส้นทางของแต่ล่ะคน
- เช้าวันรุ่งขึ้น -
เดซี่ นอนหลับสนิทตลอดคืนจากความเหน็ดเหนื่อยที่ต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ในวันวาน บาดแผลและความเจ็บปวดของเธอนั้นทุเลาจนหายไปหมดสิ้น นั่นอาจจะเป็นเพราะว่ามันไม่ใช่บาดแผลที่สาหัส ดังนั้นในเช้านี้เธอจะรู้สึกกระปรี้กระเป๋า เธอจึงลงมาที่ห้องโถงของโรงแรมตั้งแต่เช้าตรู่
“เดซี่ วันนี้ก็ตื่นเช้าเหมือนเดิมเลยนะคะ” พนักงานบริการของโรงแรมกล่าวทักทาย เดซี่ ดังเช่นทุกๆวันเพียงแต่วันนี้ เดซี่ดูจากกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษ นั่นเพราะว่าวันนี้คือวันที่เธอจะต้องไปที่สมาคมนักธนูเพื่อที่จะเปลี่ยนอาชีพของเธอเสียที
“นี่ๆ เห็นพี่สาวที่ฝากการ์ดเอาไว้กับหนูเมื่อคืนนี้หรือเปล่าคะ ?” เดซี่กล่าวถามกับพนักงานบริการของโรงแรมถึงหญิงสาวที่เธอได้พบเมื่อคืนนี้ พนักงานบริการของโรงแรมยิ้มกับเธออย่างเป็นมิตรและตอบว่า
“อ้อ…..ผู้หญิงคนนั้นออกไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ ดูเหมือนว่าเธอจะไปที่บ่อน้ำซึ่งอยู่นอกเมือง เห็นว่าเธอมาที่นี่เพื่อจะมานำน้ำจากเมือง Payon ไปเพื่อใช้ผสมยาสำหรับเปลี่ยนอาชีพเป็นนักเวทย์น่ะ” พนักงานบริการของโรงแรมกล่าวตอบกับเดซี่ทำให้ช่วยคลายข้อสงสัยต่างๆของเธอได้จนหมดสิ้น
“Mage อย่างนั้นเหรอ…..คงจะดูเท่ห์น่าดูเหมือนกันนะพี่สาวคนนั้นน่ะ…….” เดซี่ลองจินตนาการถึงหญิงสาวที่เธอได้พบเมื่อคืนนี้ในชุดนักเวทและกำลังร่ายเวทมนต์คาถาเพื่อโจมตีเรา Monster อยู่กับปาร์ตี้ มันเป็นภาพที่ดูเข้มแข็งไม่แพ้อาชีพนักธนูที่เธอเองก็อยากจะเป็นเช่นกัน
“เอาล่ะ !! งั้นหนูจะมัวช้าอยู่ไม่ได้แล้วไปก่อนนะคะ” เดซี่กล่าวลาพนักงานบริการของโรงแรมก่อนที่จะหยิบกระเป๋าสัมภาระซึ่งเต็มไปด้วยขอนไม้ ซึ่งใช้สำหรับทดสอบของเธอและก้าวเดินออกไปจากโรงแรมมุ่งหน้าตรงสู่สมาคมนักธนู
- สมาคม Archer -
เดซี่ตรงไปถึงที่นั่นเป็นคนแรกของวันนี้ เจ้าหน้าที่สมาคมนักธนูเองก็เพิ่งจะมาประจำอย่างที่ของเขาเช่นกัน เธอวางใบลงทะเบียนซึ่งเธอได้ลงไว้เมื่อ 3 วันก่อนที่โต๊ะพร้อมกับนำขอนไม้ทั้งหมดซึ่งเจ้าหน้าที่จะใช้ในการทดสอบนับคะแนนของเธอวางลงบนโต๊ะข้างๆใบสมัครเช่นกัน
“เดซี่ หายหน้าไปตั้ง 3 วันวันนี้โผล่มาแต่เช้าเชียวนะ สีหน้าแบบนี้แสดงว่าได้ไม้มาครบแล้วล่ะสิไหนดูซิ !!” เจ้าหน้าที่สมาคมนักธนูเริ่มลงมือนับขอนไม้ซึ่งเธอนำมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“26 คะแนน …..ทำได้ไม่เลวเลยนี่นาเดซี่ ดีละถ้าอย่างนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอได้กลายเป็น Archer อย่างเต็มตัวแล้วยินดีด้วยนะ !!” สิ้นเสียงประกาศยอมรับของเจ้าหน้าที่สมาคมนักธนู เดซี่รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากความพยายามตลอด 3 วันของเธอสัมฤทธิ์ผล เธอรับเครื่องแบบของนักธนูซึ่งเขามอบให้ไปสวมใส่มันช่างดูเหมาะกับเธอเสียจริงๆ ชุดเครื่องแบบนักธนูหญิงสีฟ้าทำจากผ้าลินินประดับด้วยเข็มขัดหนังซึ่งใช้ในการสะพายกระเป๋าและกระบอกลูกธนู มือทั้งสองข้างของเธอสวมถุงมือหนังเพื่อใช้ในการเหนี่ยวสายคันธนูได้อย่างแม่นยำ รองเท้าบูทหนังสีน้ำตาลเข้มทำให้เธอดูกระฉับกระเฉงในการเคลื่อนไหว เดซี่รู้สึกตื่นเต้นดีใจกับเครื่องแบบใหม่นี้มาก
“เอ้านี่…..ของขวัญสำหรับการเปลี่ยนอาชีพของเธอ” เจ้าหน้าที่สมาคมนักธนูเดินกลับมาพร้อมกับคันธนู Bow 1 อัน และลูกธนู Arrow จำนวน 100 ดอก เดซี่รับมันไว้ด้วยสีหน้าที่ยินดีปรีดา หลังจากนั้นเธอก็กล่าวลาเจ้าหน้าที่สมาคม Archer และออกเดินทางกลับไปสู่โรงแรม
- โรงแรมภายในเมือง Payon -
เมื่อ เดซี่ กลับมาถึงโรงแรมแล้วเธอก็พบกับหญิงสาวที่เธอรับฝากการ์ดเอาไว้เมื่อคืนนี้กำลังรอเธออยู่ที่ห้องโถงของโรงแรมทันทีที่เห็น เดซี่เดินกลับเข้ามาหญิงสาวคนนั้นก็รีบเดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“อ๊ะ….นั้น...กลับมาแล้วสินะ….ยินดีด้วยที่เปลี่ยนอาชีพได้สำเร็จนะคุณหนู….” เสียงของหญิงสาวกล่าวกับเธออย่างอ่อนโยน เดซี่ได้แต่ยิ้มอย่างอายๆ หลังจากนั้นหญิงสาวก็หยิบถุงเงินขึ้นมาใบหนึ่งข้างในนั้นมีเงินอยู่ 300zeny เท่ากับจำนวนที่ยืมเธอไปเมื่อคืนนี้หญิงสาวส่งถุงเงินนั้นยื่นให้กับ เธอในขณะที่เดซี่เองก็หยิบการ์ดซึ่งเธอรับฝากไว้ออกมาจากกระเป๋าทั้งสองคนแลกเงินและการ์ดกันพร้อมกับรอยยิ้ม
“หนูเดซี่ โฟห์เลน คุณพี่สาวล่ะคะชื่อว่าอะไร ? ช่วยบอกหนูหน่อยได้ไหมเผื่อว่าสักวันหนึ่งเราอาจจะได้พบกันอีก” เดซี่กล่าวกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูนิ่มนวลและอ่อนโยนคำพูดของเธอนั้นทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรก่อนที่จะตอบเธอว่า
“มานามิ ฮารุนะ หรือจะเรียกแบบง่ายๆว่า ฮารุ ก็ได้นะ ชั้นเองก็หวังว่าจะได้พบเธออีกนะเดซี่” หญิงสาวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูนุ่มนวลและเป็นมิตรทั้งสองคนยิ้มให้กัน หลังจากนั้น เดซี่ ก็ถามฮารุต่อไปว่า
“หลังจากนี้ไปคุณฮารุจะกลับไปที่ Geffen อย่างนั้นเหรอคะ ?” ฮารุเมื่อได้ยินเธอถามเช่นนั้นก็พยักหน้าแทนคำตอบเดซี่รู้ว่า Geffen นั้นห่างไกลจาก Payon ชนิดที่เรียกว่าอยู่กันคนละทิศได้เลยเดียวถ้าหากเดินทางด้วยเท้าน่าจะกินเวลาราวๆ 7-10 วัน
แต่ทว่าหญิงสาวทั้งสองคนไม่รู้เลยว่าบทสนทนาของเธอนั้นกำลังมีบุคคลอีกคนนึงนั่งฟังอยู่ เขาคนนั้นคือ Acolyte ซึ่งมีทรงผมที่ชี้ตั้งสีฟ้าน้ำทะเลและร่างกายที่สูงใหญ่กำยำล่ำสันบล็อกโคลี่นั้นเอง หลังจากที่บล๊อกโคลี่เปลี่ยนอาชีพเป็นนักบวชได้ไม่นานเขาก็เดินทางมาที่ Payon Cave ซึ่งเป็นถ้ำที่ตั้งอยู่นอกเมืองไม่ไกลนักที่นั่นได้ขึ้นชื่อว่าเต็มไปด้วยผีดิบชนิดต่างๆไม่ว่าจะเป็น Zombie , Skeleton หรืออื่นๆที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น บร็อคโคลี่ได้มาเดินทางเพื่อทำภารกิจของเอเดนกรุ๊ปและช่วยเหลือผู้คนแถวนี้มาเป็นเวลานับสัปดาห์แล้ว ภารกิจของเขาได้เสร็จสิ้นแล้วในตอนนี้เขาคิดว่าควรจะต้องเดินทางไปยังเมือง Prontera เสียที
“เอ่อ….คุณผู้หญิงทั้งสองคนขอโทษนะครับ” บล็อกโคลี่กล่าวขึ้นกับหญิงสาวทั้งสองตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสุภาพและนิ่มนวลที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ แต่ว่าเสียงของเขาก็ยังฟังดูไม่ค่อยเป็นมิตรอยู่ดีจึงทำให้หญิงสาวทั้งสองคนหันกลับไปมองเขาด้วยสายตาที่หวาดระแวง
“เอ่อ…..ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือคะ ?” ฮารุกล่าวกลับบล็อกโคลี่ด้วยท่าทางที่ระมัดระวังบล็อกโคลี่ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ส่วนเดซี่นั้นดูท่าทางจะกลัวบล็อกโคลี่เป็นอย่างมากคือหลบอยู่ข้างหลังฮารุและจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
“คือว่าผมกำลังจะกลับไปที่ Prontera น่ะครับ ผมตั้งใจว่าจะใช้สกิล Warp Portal เพื่อเดินทางกลับผมเห็นว่าคุณกำลังจะไปที่ Geffen ถ้าคุณเริ่มเดินทางจากเมือง Payon นี้ล่ะก็น่าจะกินเวลาหลายวันอยู่ดังนั้นถ้าเกิดว่าคุณไป Prontera กับผมน่าจะช่วยลดระยะเวลาเดินทางได้ 3-4 วันที่เดียวนะครับ ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็วาปไปกับผมไหมครับ ?” บร็อคโคลี่พยายามพูดอย่างอ่อนโยนและยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรท่าทางของเขานั้น ทำให้ฮารุและเดซี่ กลับยิ่งรู้สึกสงสัยในตัวเขามากขึ้นไปอีก
“น่ากลัว….น่ากลัวมากเลยล่ะค่ะพี่ฮารุ ผู้ชายคนนี้ท่าทางน่าสงสัยค่ะ” เดซี่ ที่หลบอยู่ด้านหลังฮารุกระซิบบอกเธอเบาๆฮารุได้แต่นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป แต่พนักงานบริการของโรงแรมซึ่งมองเหตุการณ์อยู่ทั้งหมดได้เดินเข้ามาหาทั้ง 3 คนและกล่าวว่า
“อ้าวบร็อคโคลี่….นายกำลังจะกลับแล้วงั้นเหรอ ? ทุกคนที่นี่ออกจะชอบนายอยู่นะน่าเสียดายจริงๆ” พนักงานบริการของโรงแรมสาวเดินเข้ามากล่าวทักทายกับบร็อคโคลี่ด้วยท่าทางที่เป็นมิตร เธอไม่ได้แสดงอาการกลัวบล็อกโคลี่อย่างที่ทั้งสองสาวเป็นเลย
“ครับ….ผมทำภารกิจเสร็จแล้วกะว่าจะไปรับภารกิจใหม่ ถ้ามีโอกาสได้มาที่เมือง Payon นี้อีกก็คงจะดีผมชอบเมืองนี้นะมันสงบสุขดีแตกต่างจาก Prontera ที่นั่นดูหรูหราฟุ่มเฟือยและก็วุ่นวายกว่านี้หน่อย” บล็อกโคลี่พูดคุยโต้ตอบกับพนักงานสาวของโรงแรมอย่างเป็นกันเอง ทำให้ทั้งสองสาวที่ระแวงเขาอยู่ก่อนหน้านี้ดูคลายความกังวลลงไป
“คุณพนักงานรู้จักกับเขาด้วยหรือคะ ?” ฮารุกล่าวถามพนักงานสาวของโรงแรมด้วยท่าทางที่ดูสงสัย พนักงานสาวร้านพยักหน้าแทนคำตอบให้กับฮารุก่อนที่จะอธิบายว่า
“บล็อคโคลี่คุง เขาเป็น Acolyte ฝึกหัดที่มาทำภารกิจของเอเดนกรุ๊ปที่พาย่อนนี้น่ะ รู้สึกว่าทั้งเอเดนจะให้เขาช่วยเหลือชาวบ้านในการปราบซอมบี้เป็นจำนวน 30 ตัวละมั้งเขาทำสำเร็จตั้งแต่วันแรกเลยนะ แต่ว่าเขาพักอยู่ที่นี่นานสักหน่อยระหว่างที่พักอยู่เขาช่วยใช้สกิลรักษาให้กับนักผจญภัยซึ่งมีอาการสาหัสที่มาพักที่โรงแรมทุกๆคนค่อนข้างจะชอบเค้ามากเลยค่ะ” พนักงานบริการของโรงแรมสาวอธิบายถึงกิจกรรมซึ่งบล็อคโคลี่ได้ทำตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คำตอบของเธอนั้นช่วยคลายความกังวลใจของสองสาวออกไปได้จนหมดสิ้น เธอเปลี่ยนสายตาที่มองบล็อกโคลี่ไปในทางที่ดีขึ้นถึงแม้ว่าจะมีความหวาดระแวงเจือปนอยู่เล็กน้อยเพราะรูปร่างภายนอกของเขาแต่มันก็ดีกว่าตอนแรกอย่างเทียบไม่ติด
“งะ...งั้น คุณ บล็อกโคลี่ จะเดินทางกลับ Prontera สินะคะ ถ้าอย่างนั้นขอดิฉันเดินทางไปกับคุณด้วยก็แล้วกันค่ะรบกวนด้วยนะคะ” ฮารุกล่าวกับบล็อคโคลี่เพื่อจะขอเดินทางไปยัง Prontera ด้วยสกิลวาปของเขาด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่ฟังดูเกรงๆเล็กน้อย บล็อกโคลี่ยิ้มและพยักหน้าให้กับเธอแทนคำตอบหลังจากนั้นเขาก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋าสัมภาระของเขาและหยิบของขึ้นมาชิ้นนึง มันคืออัญมณีสีฟ้าที่เปล่งประกายสวยงามและมีออร่าของเวทมนตร์จางๆแผ่กระจายออกมา มันมีรูปทรงแปดเหลี่ยมด้านเท่า ขนาดของมันราวๆเท่ากับผลส้ม บล็อกโคลี่โยนมันลงที่พื้นใกล้ๆกับตัวเขาหลังจากนั้นก็ได้คาถา มีวงเวทย์ดาวหกแฉกเกิดขึ้นที่รอบๆอัญมณีครู่หนึ่ง
“ Warp Portal !!” สิ้นสุดการร่ายสกิลของบล็อกโคลี่อัญมณีสีฟ้าก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ และมลายหายไปในอากาศแต่ทว่าบรรยากาศรอบๆที่เกิดวงเวทย์ขึ้นนั้นกลับกลายเป็นประตูมิติ ซึ่งสามารถมองทะลุไปเห็นอีกฝั่งนึงได้ อีกฝั่งนึงด้านนอกประตูมิตินั้นคือเมือง Prontera สกิล Warp Portal นี่เป็นสกิลเฉพาะของอาชีพนักบวชเท่านั้นเขาสามารถที่จะเปิดวาปจากสถานที่ที่หนึ่ง ไปยังสถานที่อีกที่หนึ่งได้เพื่อช่วยลดระยะเวลาการเดินทางให้เหลือเพียงแค่พริบตา
“เชิญคุณผู้หญิงก่อนเลยครับ” บล็อกโคลี่กล่าวให้ฮารุเดินเข้าวาปด้วยถ้อยคำที่สุภาพที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ฮารุยิ้มและหันกลับมาโบกมือเพือกล่าวลาเดซี่เป็นระยะเวลาสั้นๆ
“ไว้พบกันใหม่นะเดซี่” เธอกล่าวจบก็เดินเข้าไปยังประตูมิติเพื่อทะลุไปยังเมือง Prontera หลังจากนั้นบล็อกโคลี่ก็หันไปมองพนักงานสาวของโรงแรมซึ่งยืนอยู่ข้างๆเดซี่และกล่าวว่า
“แล้วค่อยพบกันใหม่นะครับผมจะต้องกลับมาที่นี่อีกอย่างแน่นอน” พนักงานสาวของโรงแรมยิ้มให้กับบล็อคโคลี่หลังจากนั้นก็กล่าวว่า
“โรงแรมแห่งนี้ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ แล้วพบกันใหม่นะคะ” หลังจากนั้นบล็อคโคลี่ก็เดินเข้าประตูมิติไป Warp Portal จะถูกปิดลงเมื่อเจ้าของที่เป็นคนร่ายสกิลของมันเข้าประตู ทันใดนั้นประตูมิติก็มลายหายไปในอากาศ
“ผู้คนแต่ละคนก็มีเส้นทางเป็นของตัวเองและบางครั้งเส้นทางของเรานั้นก็มักจะบังเอิญมาบรรจบกันหรือมาทับกันเป็นบางเวลาน่าสนุกจริงๆนะคะการผจญภัยน่ะ” เดซี่กล่าวขึ้นมาลอยๆ แต่พนักงานบริการสาวของโรงแรมนั้นกับยิ้มให้กับเธออย่างอบอุ่น ราวกับว่าพนักงานสาวคนนี้ได้เห็นนักผจญภัยมากหน้าหลายตามาพักที่โรงแรมของ เธอและต่างคนต่างก็เดินทางต่อไปเพื่อจุดหมายของตัวเอง เดซี่เองก็เป็นอีกคนหนึ่งเช่นกัน
“วันนี้หนูเองก็ต้องออกเดินทางแล้วล่ะค่ะ ไว้ถ้ามีโอกาสหนูจะต้องกลับมาที่โรงแรมนี้อีกแน่ไว้พบกันใหม่นะคะ” เดซี่กล่าวกับพนักงานบริการของโรงแรมด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูร่าเริงและกระปี้กระเป่า ก่อนที่เธอจะตรงไปที่กระเป๋าสัมภาระเธอเก็บข้าวของสัมภาระทั้งหมดและจ่ายค่าบริการของโรงแรมก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางไปในเส้นทางที่เธอเองก็ได้เลือกแล้วเช่นกัน
to be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on May 26, 2018 15:21:44 GMT
EP : 1 Let’s Party - ภายในสำนักงาน Eden Group - “ตรงนี้สินะครับ !! เอาล่ะชื่อของผมคือ ลักอ็องเซียล” Novice หนุ่มได้ลงชื่อของเขา ลงไปในเอกสารที่ใช้ในการสมัครสมาชิกของเอเดนกรุ๊ปด้วยสีหน้าที่ดูยิ้มแย้ม หญิงสาวผมสีส้มซึ่งแนะนำให้เขาไปสมัครสมาชิกในตอนแรกเดินเข้าไปด้านหลังเคาน์เตอร์ด้วยท่าทางที่ดูคุ้นเคย“เอาล่ะ !! เซ็นชื่อเรียบร้อยแล้วสินะดีมากๆไหนมาดูหน่อยซิ…...ลักอ็องเซียล ชื่อไม่เลวเหมือนกันนี่นานายน่ะ” เธอมองใบหน้าของชายหนุ่มซึ่งมีนามว่า ลักอ็องเซียล เขาเป็นชายหนุ่มอายุราวๆ 18 - 20 ปี รูปร่างของเขาสมส่วนด้วยส่วนสูงซึ่งอยู่ประมาณ 170 cm ปลายๆ ผิวของเขามีสีขาวซีด เขามีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มซึ่งเหยียดตรงและไว้ผมทรงสั้น ผมหน้าม้าของเขายาวปรกหน้าเล็กน้อย รับกับใบหน้าซึ่งเรียวงามได้รูปทำให้เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาคนนึง ดวงตารูปเมล็ดอัลม่อนของเขาแลดูรับกับรูปหน้าอย่างลงตัว อีกทั้งนัยตาสีม่วงอ่อนของเขาดูแฝงด้วยความใจเย็นและความลึกลับ หญิงสาวผมสีส้มมองหน้าเขาอยู่พักนึงพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นและเป็นมิตร หลังจากนั้นเธอก็ส่งเอกสารของเขาไปให้ยังเจ้าหน้าที่อีกคนนึงเก็บเข้าแฟ้มเพื่อรักษาเอาไว้จากนั้นเธอก็เอื้อมมือลงไปในลิ้นชักซึ่งอยู่ใต้เคาน์เตอร์ก่อนที่จะหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา Mark Of Paradise Team มันคือเข็มกลัดเงินทรงกลมที่ตรงกลางประดับด้วยอัญมณีสีม่วงเข้มซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสมาชิก Eden Group สมาชิกทุกคนจะต้องมีเข็มกลัดเพื่อเป็นเครื่องยืนยันการเป็นสมาชิกและใช้สำหรับการรับทำภารกิจต่างๆของเอเดนกรุ๊ปด้วย“ลักอ็องเซียล เจ้านี้เป็นของนายนะรับไปสิและรักษามันเอาไว้ให้ดี” หญิงสาวผมสีส้มยื่นเข็มกลัดให้กับ Novice หนุ่ม เขารับเข็มกลัดนั้นเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยก่อนที่จะเก็บมันลงในกระเป๋าหลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าหญิงสาวผมสีส้มซึ่งอยู่อีกฝั่งนึงของเคาน์เตอร์ก่อนจะกล่าวว่า “เรียกผมว่าลักค์ ก็พอแล้วล่ะครับจากนี้ไปขอฝากตัวด้วยนะครับคุณ…...” Novice หนุ่มกล่าวแนะนำตัวกับหญิงสาวผมสีส้มด้วยท่าทางที่เป็นกันเองก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรให้กับเธอ ท่าทางของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวผมสีส้มยิ้มปนหัวเราะในลำคอก่อนจะตอบเขาว่า“อืม….เข้าใจแล้ว ชั้นชื่อ Boya จากนี้ไปเราคือสมาคมเดียวกันแล้วนะ นายสามารถไปเลือกรับภารกิจได้ที่กระดานข่าวตรงโน้นฉันขอให้นายโชคดีไว้เราค่อยพบกันใหม่นะลักค์” Boya กล่าวตอบลักค์ด้วยท่าทางที่ดูเป็นมิตรก่อนที่ลักค์จะปลีกตัวเดินออกมาจากเคาน์เตอร์เพื่อตรงไปยังกระดานข่าวที่เขาจะเลือกรับภารกิจ สำหรับ Novice ที่เพิ่งเริ่มผจญภัยแบบลักค์นั้นการเลือกภารกิจครั้งแรกสำคัญมากเพราะว่าเขาจำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินเพื่อรับภารกิจและถ้าเขาทำภารกิจล้มเหลวเขาจะเสียทั้งเงินทั้งเวลาไปเปล่าๆ บางครั้งการทำภารกิจโดยไปกับปาร์ตี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนักผจญภัยหน้าใหม่ดังนั้น ลักค์จึงได้แต่เฝ้ามองกระดานภารกิจอยู่นานสองนาน ในระหว่างที่ลักค์กำลังเลือกหาภารกิจซึ่งเขาจะทำเป็นครั้งแรกอยู่นั้นบล็อคโคลี่ ก็ได้เดินเข้ามายังสำนักงานของ Eden Group พอดีหลังจากที่บร็อคโคลี่แยกตัวกับฮารุเมื่อวาปมาถึง Prontera ฮารุนั้นขอแยกตัวเพื่อเดินทางไปยัง Geffen ทันทีส่วนบล็อคโคลี่ก็ได้เดินทางกลับมายัง Eden Group แห่งนี้เพื่อส่งภารกิจที่ทำสำเร็จแล้วบร็อคโคลี่ตรงไปที่เคาน์เตอร์ของสำนักงานก่อนที่จะวางใบภารกิจลงบนเคาน์เตอร์ให้เจ้าหน้าที่ของสมาคมตรวจสอบ เจ้าหน้าที่สาวของสมาคมดูเหมือนว่าจะเคยชินกับภาพลักษณ์ภายนอกของบล็อกโคลี่แล้วเธอไม่มีอาการประหม่าเมื่อเห็นเขาแต่อย่างใด เธอตรงเข้าไปหยิบเอกสารซึ่งเขาวางบนเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม“บล็อกโคลี่คราวนี้นายไปเสียนานเชียวภารกิจครั้งนี้ยากเกินไปสำหรับนายหรือ ?” เธอกล่าวถามกึ่งทักทายกับบล็อกโคลี่ด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเอง บล็อกโคลี่ยิ้มให้กับเธออย่างอายๆก่อนที่จะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเขินๆว่า“อ่า...ก็ค่อนข้างยากอยู่เหมือนกันนะครับเลยใช้เวลานานไปหน่อย” บล็อกโคลี่นั้นพูดโกหกครึ่งหนึ่ง สิ่งที่ยากนั้นไม่ใช่ภารกิจในการจัดการกับมอนสเตอร์ แต่เป็นการพยายามเข้ากับผู้คนที่ Payon ให้ได้ซึ่งเขาเองนั้นก็จัดได้ว่าทำสำเร็จในระดับหนึ่ง“กำจัด Zombie 30 ตัว เงินรางวัล 1500z ตรวจนับจำนวนให้ดีก่อนที่จะออกจากเคาน์เตอร์ด้วยนะคะ” พนักงานสาวเจ้าหน้าที่ของสมาคมยื่นถุงเงินใบหนึ่งให้กับบล็อคโคลี่ภายในนั้นคือเงินซึ่งเป็นรางวัลของภารกิจที่เขาทำสำเร็จแล้ว“ขอบคุณมากครับถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวไปที่บอร์ดเพื่อดูภารกิจต่อไปก่อนนะครับ” หลังจากที่บล๊อกโคลี่รับรางวัลภารกิจเรียบร้อยแล้ว เขาปลีกตัวจากพนักงานเจ้าหน้าทีเพื่อออกมาดูภารกิจต่อไปซึ่งเขาจะทำที่บอร์ดของสมาคมทันที แต่แล้วเมื่อเขาเดินมาถึงที่ด้านหน้าของบอร์ดเขาก็ต้องสะดุดตาเข้ากับลักค์ซึ่งกำลังยืนจดๆจ้องๆอยู่ที่ด้านหน้าบอร์ดภารกิจเพียงลำพัง บล็อกโคลี่แทบจะรู้ได้ทันทีว่านักผจญภัยหน้าใหม่คนนี้กำลังมีปัญหาเขาจึงเดินเข้าไปหาลักค์ทันที“เอ่อ…...สวัสดีครับ…...ขอโทษที่รบกวนนะครับ” บล็อกโคลี่พยายามพูดกับลักค์ ด้วยถ้อยคำที่สุภาพและน้ำเสียงที่ดูเป็นมิตรอย่างที่สุด แต่ทว่าน้ำเสียงที่เยือกเย็นและฟังดูราวกับสัตว์ป่าซึ่งกำลังพยายามซ่อนเขี้ยวเล็บของตนกลับทำให้ ลักค์สะดุ้งสุดตัวและหันหลังกลับไปมองทางต้นเสียงทันทีและเขาก็จะยิ่งตกใจมากขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อเห็นบร็อคโคลี่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาในสภาพที่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า“ว๊ากกกก !!! เดี๋ยว !! นายเป็นใครต้องการอะไร ?? ขอโทษนะแต่ว่าผมไม่มีอะไรที่นายต้องการหรอก ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ” ลักค์ซึ่งอยู่ในภาวะตกใจสุดขีดกล่าวกับบร็อคโคลี่ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแตกตื่น แต่ว่าท่าทางของเขากลับไม่ทำให้บล็อคโคลี่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย ดูท่าทางว่าบร็อคโคลี่คงจะเจอกับปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้มาจนชินชาเสียแล้ว และเขาเองก็น่าจะมีวิธีรับมือกับผู้คนซึ่งได้พบเจอกับเขาเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกับลักค์เหมือนกัน“ใจเย็น…...ใจเย็นก่อนเพื่อน ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากนาย เอ้า….หายใจเข้าลึกๆ” บล็อกโคลี่พยายามพูดเพื่อให้ลักค์ใจเย็นลงและมันก็ได้ผล หลังจากที่ลักค์พยายามหายใจเข้าออกลึกๆตามที่บล็อคโคลี่แนะนำเขาก็รู้สึกว่าเขาสามารถที่จะสนทนากับชายซึ่งอยู่ตรงหน้าได้บ้างแล้ว“อะ….อืม…..เอาล่ะ….ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นแล้ว งั้นช่วยบอกหน่อยได้ไหม ?นายมีธุระอะไรกับผมอย่างนั้นหรือ ?” หลังจากที่ใจเย็นลงลักค์ก็ถามถึงธุระที่บล็อคโคลี่เข้ามาพูดคุยกับเขา บล็อกโคลี่จึงกล่าวกับลักค์ว่า“ผมเห็นนายมองที่กระดานภารกิจมาพักใหญ่แล้ว ดูท่าทางจะเพิ่งมาผจญภัยครั้งแรกสินะ ครั้งแรกผมเองก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน การไปทำอะไรคนเดียวเป็นเรื่องที่ยากบางที นายอาจจะต้องการปาร์ตี้และผมน่าจะช่วยนายได้” บล็อกโคลี่กล่าวพลางเดินเข้าไปหยิบกระดาษภาระกิจใบหนึ่งจากบอร์ดขึ้นมามันคือภารกิจระดับชั้นเริ่มต้นเขาส่งมันให้กับลักค์ ลักค์รับกระดาษภารกิจนั้นไปอ่านทันที
ภารกิจ Level 1
Roda Frog มีชาวบ้านร้องเรียนมาว่าช่วงนี้ฝนตกบ่อยดังนั้นจึงทำให้จำนวน Roda Frog มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและพวกมันก็ส่งเสียงรบกวนในเวลากลางคืนเสียงร้องของพวกมันนั้นดังมากดังส่วนพวกเรานอนไม่หลับดังนั้นพวกเราจึงขอว่าจ้างให้เหล่านักผจญภัยไปทำการกำจัดมันโดยพวกเราต้องการให้ท่านกำจัด Roda Frog 20 ตัว พวกเรายินดีที่จะจ่ายเงินจำนวน 800zeny ให้กับผู้ที่ทำสำเร็จ
ลงชื่อ วิลเลี่ยม นอร์ท ผู้ใหญ่บ้านแห่งหมู่บ้านทางทิศตะวันตกของเมือง Prontera
“ว่าไงสนใจที่จะทำภารกิจนี้ร่วมกันกับผมไหม ?” บล็อกโคลี่กล่าวกับลักค์ ด้วยท่าทางที่ดูตื่นเต้นกับคำตอบที่จะได้รับ ลักค์เองก็รู้สึกว่าชายร่างยักษ์คนนี้แม้จะดูน่ากลัวแต่ภายในแล้วเขาน่าจะเป็นคนที่ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่หนัก ลักค์จึงพยักหน้าตอบตกลงสร้างความยินดีให้กับบล็อคโคลี่อยู่ไม่น้อย
“ถ้าอย่างนั้นขอฝากตัวด้วยครับผมชื่อ ลักอ็องเซียล แล้วนายล่ะ ?” ลักค์กล่าวแนะนำตัวกับบร็อคโคลี่ด้วยสีหน้าที่ดูยิ้มแย้มกว่าในตอนแรกบล็อกโคลี่เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นเขาก็แนะนำตัวกลับไปอย่างสุภาพทั้งสองคนจึงได้เข้าร่วมเป็นปาร์ตี้เดียวกันหลังจากนั้นบล็อกโคลี่ก็นำกระดาษภารกิจไปขึ้นทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมที่เคาน์เตอร์ หลังจากนั้นทั้งสองคนก็พร้อมแล้วสำหรับภารกิจที่เขาได้รับมาพวกเขากำลังจะออกเดินทางไปจากสำนักงานของ Eden Group แต่ว่าก่อนที่พวกเขาจะได้เดินทางออกไปนั้นก็กลับมีชายคนหนึ่งตรงเข้ามาหาพวกเขาโดยไม่ได้นัดหมาย
ชายคนนั้นแต่งตัวด้วยชุดเครื่องแบบของอาชีพโจร (Thief) เขาเป็นชายอายุราวๆ 20 ปลายๆ ส่วนสูงของเขานั้นพอๆกับลักค์รูปร่างของเขาผอมเพรียว เขามีเส้นผมสีขาวและไว้ทรงสั้นแบบไม่ได้จัดทรงดูยุ่งเหยิง ดวงตาเรียวและนัยน์ตาสีเทาของเขาทำให้เขาดูมีเลศนัยอยู่ไม่น้อย ผิวของเขามีสีขาวไข่ไก่ ตามตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลซึ่งคล้ายกับถูก Monster ประเภทแมลงทำร้ายเอาเพราะเป็นตุ่มบวมคันเกิดจากเหล็กในเขาเดินเข้ามาในสมาคมด้วยท่าทางที่ดูผิดหวังในบางสิ่งบางอย่าง
“เฮ้….พวกนายชั้นได้ยินว่าพวกนายกำลังจะไปกำจัด Roda Frog กันสินะขอชั้นเข้าปาตี้ไปกับพวกนายด้วยได้ไหมพอดีว่าชั้นรับภารกิจในการกำจัด Hornet จำนวน 50 ตัวมาน่ะ รู้สึกว่า….มันจะยากเกินไปสำหรับชั้น…..ดังนั้นได้โปรดเถอะแล้วชั้นจะแบ่งเงินรางวัลภารกิจให้กับพวกนายเท่าๆกันตกลงไหม” โจรหนุ่มผู้นั้นกล่าวกับทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูขอความเห็นใจบล็อกโคลี่เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นเขาจึงตอบกลับไปว่า Hornet “Hornet เป็น Monster ที่อยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่และถ้าหากใครเข้าไปโจมตีตัวใดตัวหนึ่งซึ่งเป็นพวกของมัน Hornet ที่เหลือก็จะเข้ามาช่วยกันโจมตีคนๆนั้นนายนี้บ้าดีเดือดชะมัดเลย…..ถึงได้กล้ารับเควสแบบนี้ไปทำคนเดียวมาเถอะพวกเราจะช่วยนายเอง” บล็อกโคลี่ตัดสินใจรับโจรหนุ่มเข้ามาร่วมในปาร์ตี้ของเขา ลักค์นั้นก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ดังนั้นพวกเขาทั้งสามคนออกเดินทางไปนอกกำแพงเมือง Prontera เพื่อกำจัด Monster ซึ่งเป็นเป้าหมายของภารกิจ
ในระหว่างเดินทางบล็อคโคลี่ได้ให้ Red Potion กับลักค์เอาไว้จำนวน 20 ขวดเพื่อที่จะให้เขาเอาไว้ใช้ในเวลาฉุกเฉินเพราะว่าในโลกแห่งนี้เมื่อผู้ใดผู้หนึ่งถึงแก่ความตายและไม่ได้รับการชุบชีวิตด้วยนักบวชชั้นสูง (Priest) ภายในเวลา 4 ชั่วโมงพวกเขาจะไม่สามารถฟื้นกลับจากความตายมาได้อีกเลย อีกทั้งถ้าหากว่าเขาได้เสียชีวิตในสภาพที่ร่างกายแหลกเหลวหรือถูกเผาไหม้จนไม่สามารถที่จะกลับมารวมเป็นร่างเดียวกันได้อีกก็จะไม่สามารถฟื้นคืนจากความตายได้เลยเช่นกันและจุดจบของนักผจญภัยหลายคนก็มักจะไปสิ้นสุดที่ความตายอันน่าเศร้าแบบนั้นดังนั้นบร็อคโคลี่จึงไม่ต้องการให้นักผจญภัยหน้าใหม่แบบลักค์ ต้องมาพบกับจุดจบแบบนั้นเขาจึงต้องหาทางป้องกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ลักค์เองก็รู้สึกถึงความปรารถนาดีของบร็อคโคลี่ที่มีให้กับเขาด้วย
- ป่าทึบริมบึงนอกเมือง Prontera -
“แถวๆนี้สินะที่พวกชาวบ้านร้องขอให้พวกเรามากำจัด Roda Frog” ลักค์มองไปรอบๆตัวเขา ทันทีที่ออกมาจากกำแพงเมืองพวกเขาก็เดินเท้าต่อมาอีกประมาณ 2 ชั่วโมงในที่สุดพวกเขาก็มาถึงบึงใหญ่ซึ่งรายล้อมไปด้วยป่าทึบ บรรยากาศที่นี่เงียบสงบและเยือกเย็นอีกทั้งยังได้ยินเสียงร้องของกบดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณดังนั้นไม่ผิดแน่ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของ Roda Frog เป้าหมายของพวกเขาในครั้งนี้นั้นเอง
“ภารกิจเริ่มได้ !!” บล็อกโคลี่กล่าวขึ้นเป็นสัญญาในการเริ่มกำจัดเป้าหมายทันทีที่เขากล่าวจบเขาก็หยิบกระบองเหล็ก (Mace) อาวุธประจำกายของเขาขึ้นมาในท่าเตรียมพร้อมสายตาของเขากวาดไปรอบๆ ราวกับสัตว์ร้ายซึ่งกำลังจับจ้องไปที่เหยื่อ Mace “เจอแล้วตัวแรก !!! แหลกไปซะ !!!”............
to be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on May 27, 2018 11:46:18 GMT
|
|
|
Post by wildrose on May 28, 2018 16:20:18 GMT
EP : 3 Saviour“นี่….พวกนายสองคนดูท่าทางกำลังแย่นะ ? มีอะไรงั้นหรือ ?” เสียงของหญิงสาวที่ฟังดูนิ่มนวลและอ่อนโยนในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความสงสัยกำลังกล่าวถามบล็อกโคลี่และลักค์ เสียงของเธอนั้นดึงความสนใจของพวกเขาทั้งคู่พร้อมๆกัน ชายหนุ่มทั้งสองคนหันไปมองหญิงสาวต้นเสียงในทันที หญิงสาวเจ้าของเสียงนั้นคือ Swordman รูปร่างหน้าตางดงามเธอมีอายุราวๆ 17 ปี รูปร่างของเธอผอมบางแต่ดูไม่อ่อนแอท่าทางของเธอดูกระฉับกระเฉง ส่วนสูงของเธออยู่ที่ประมาณ 160 cm กว่าๆ เธอมีผิวสีขาวนวลดูสว่างไสว เธอมีเส้นผมสีทองซึ่งดูนุ่มนวลราวกลับแพรไหมยาวประบ่า ดวงตากลมโตนัยตาของเธอมีสีทองอำพัน เธอสวมชุดเกราะ Padded Armor และพกดาบ Blade เล่มหนึ่งซึ่งเหน็บเอาไว้ที่เอวดังนั้นอุปกรณ์สวมใสและอาชีพของเธอจึงดูไม่ค่อยเหมาะกับรูปร่างหน้าตาที่งดงามของเธอเท่าไรนะ
Padded Armor
Blade “เพื่อนในปาร์ตี้ของผมคนหนึ่งติดอยู่ภายในป่า เขากำลังถูกมอนสเตอร์ที่อันตรายเล่นงาน…..” ลักค์กำลังพยายามอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับสาวน้อยนักดาบผู้ที่อยู่ตรงหน้าของเขาฝั่ง แต่ทว่าสาวน้อยนักดาบเมื่อได้ยินเพียงแค่ประโยคแรกก็กล่าวออกมาว่า“เข้าใจล่ะ !! งั้นพวกนายสองคนก็กำลังจะกลับเข้าไปช่วยเพื่อนโดยที่คนนึงบาดเจ็บสาหัสและอีกคนหนึ่งก็ใช้พลังเวทย์ไปจวนจะหมดแล้วสินะ….บ้าดีเดือดจริงๆเลยนะให้ตายสิ” สาวน้อยนักดาบพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่กระเซ้าเย้าแหย่ปนแดกดัน แต่สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง ลักค์และบล็อคโคลี่ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ สาวน้อยนักดาบเมื่อเห็นสองชายหนุ่มมีท่าทางแบบนั้นเธอก็ดึงดาบ Blade ซึ่งเก็บไว้ในฝักที่เอวของเธอออกมาจากนั้นเธอก็กล่าวว่า“ตัดสินใจละ….ฉันจะช่วยพวกนายเอง !! เอ้า !! เพื่อนของพวกนายอยู่ตรงไหนรีบนำทางไปสิ” สาวน้อยนักดาบหันหน้ากลับมาและพูดกับชายหนุ่มทั้งสองด้วยท่าทางที่กระตือรือร้น ท่าทางของเธอทำให้บล็อกโคลี่รู้สึกไม่ค่อยดีเป็นเพราะว่าเขาไม่อยากที่จะต้องให้คนอื่นเข้ามาเดือดร้อนกับความผิดพลาดของเขาแต่ว่า ลักค์นั้นกลับคิดไปอีกแบบนึงถ้าหากว่านักดาบสาวคนนี้เข้ามาช่วยเหลือพวกเขาก็มีโอกาสมากกว่าที่จะช่วยโจรหนุ่มกลับมาได้โดยที่ไม่มีใครต้องเสียสละซึ่งบร็อคโคลี่เองก็น่าจะทราบจุดนี้ดีดังนั้นชายหนุ่มทั้งสองจึงไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของเธอบล็อคโคลี่จึงเดินนำพรรคพวกปาร์ตี้ของเขากลับเข้าไปในป่าอีกครั้ง - ภายในป่าริมบึง - โจรหนุ่มผู้ที่ไม่สามารถหนีออกมาได้ทันกำลังหลบและทำตัวเงียบๆอยู่ที่หลังพุ่มไม้ท่ามกลางเสียงร้องของกบซึ่งดังระงมคอยป่วนประสาทของเขาอยู่ตลอดเวลา เขาพยายามที่จะหายใจให้เบาที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้ศัตรูตรวจจับตำแหน่งของเขาได้และเขาเองก็คงจะไม่สามารถที่จะหลบหนีไปไกลกว่านี้ได้อีกแล้ว เนื่องจากว่าบาดแผลของเขานั้นค่อนข้างสาหัสแขนซ้ายของเขานั้นกระดูกหักศีรษะของเขาแตกและมีเลือดไหล สายตาของเขานั้นพร่ามัวเพราะความเหนื่อยล้า แขนและขาของเขานั้นอ่อนแรงเพราะต้องคอยหลบหลีกการโจมตีของเจ้ากบยักษ์ Toad ก่อนหน้านี้มาอย่างยากลำบาก「ป่านนี้เจ้า Acolyte บ้ากล้ามกับเจ้า Novice อ่อนหัดนั่นน่าจะออกจากป่าไปได้เรียบร้อยแล้วละมั้ง ? นี่เราถูกทิ้งอย่างสมบูรณ์แบบแล้วสินะหรือว่าบางทีพวกมันอาจจะคิดอะไรโง่ๆอย่างเช่นกลับมาช่วยเรา ? เหอะ !! คงไม่หรอกมั้ง ? ก็ไม่ใช่คนรู้จักมักจี่อะไรกันนี่นาเพิ่งเจอหน้ากันแค่วันเดียวเองนี่เราต้องมาตายในที่แบบนี้เหรอเนี่ย บ้าที่สุดเลย !!」 โจรหนุ่มคิดในใจในขณะที่เขากำลังพยายามซ่อนตัวสติสัมปชัญญะของเขาในตอนนี้เริ่มที่จะเลือนรางลงเพราะความอ่อนล้า แต่ถึงอย่างนั้นโจรหนุ่มไม่ได้ยอมแพ้แต่ประการใดเขากำลังพยายามขยับตัวอย่างช้าๆเพื่อที่จะหลบหนีออกจากวงล้อมของเหล่า Roda Frog และ Toad ไปให้จงได้
แต่แล้วโจรหนุ่มก็ทำพลาดเมื่อการเคลื่อนตัวของเขากลับทำให้กิ่งไม้ของพุ่มไม้สั่นไหวเล็กน้อยปฏิกิริยาซึ่งเล็กน้อยเพียงนี้ก็เพียงพอแล้วที่เหล่ากบจะรู้ตัว พวกมันพุ่งเข้าจู่โจมพุ่มไม้ที่โจรหนุ่มหลบซ่อนอยู่ทันที กบจำนวนมากพุ่งตรงเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง“อ่า….จบแล้วสินะ” โจรหนุ่มรำพันเบาๆในขณะที่พักเบื้องหน้าของเขาคือ Roda Frog จำนวนมากมายที่กำลังพุ่งเข้ามา แต่ทว่าในขณะนั้นจนหนุ่มกลับรู้สึกถึงคลื่นพลังงานความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากอีกทางหนึ่งมันเป็นพลังงานความร้อนที่มหาศาล พริบตานั้นอากาศรอบๆตัวเขาก็เกิดลุกเป็นเปลวไฟ“ Magnum Break !!” เสียงของนักดาบสาวดังกึกก้องเธอใช้สกิลโจมตีที่เรียกว่า Magnum Break สกิลนี้ป็นทักษะการโจมตีซึ่งนักดาบจะใช้พลังธาตุไฟจากการร่ายคาถาง่ายๆเข้าไปเสริมให้กับอาวุธและปลดปล่อยมันออกมาในรูปแบบของคลื่นความร้อนมันมีพลังอำนาจในการทำลายล้างสูงและยังสามารถที่จะผลักให้ศัตรูซึ่งอยู่รอบๆตัวกระเด็นถอยหลังออกไปได้ อีกทั้งหลังการใช้งานอาวุธของนักดาบผู้ใช้สกิลนี้จะมีพลังของธาตุไฟสถิตอยู่ระยะเวลาหนึ่งทำให้พลังโจมตีเพิ่มมากขึ้นด้วยตูม !! นักดาบสาวสะบัดดาบฟาดลงที่ช่องว่างระหว่างโจรหนุ่มและฝูงของกบที่กำลังพุ่งเข้ามา แรงกระแทกและคลื่นพลังงานความร้อนผลักให้ฝูงกบต้องกระเด็นถอยหลังออกไปอย่างตื่นตระหนก หลังจากที่ใช้สกิลจบแล้วดาบ Blade ซึ่งอยู่ในมือของเธอลุกแดงเป็นสีเพลิงและรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาอย่างเห็นได้ชัด แววตาของนักดาบสาวซึ่งดูน่ารักสดใสก่อนหน้านี้กลับเปลี่ยนเป็นแววตาที่เข้มแข็งและจริงจังดุจดังนักรบที่ผ่านสมรภูมิมาแล้วระดับหนึ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลไปอีกแบบ เธอถือดาบในมือของเธอยืนอยู่ในท่าทางพร้อมต่อสู้ เบื้องหลังของเธอนั้นคือโจรหนุ่มที่อยู่ในสภาพอ่อนล้า“เอ้า !! พวกนายทั้งสองคนรีบมาพาเพื่อนของนายหนีไปสิเร็วเข้า !!” เธอกล่าวตะโกนออกไปเป็นสัญญาณบอกให้บล็อกโคลี่และลักค์พุ่งเข้ามาช่วยโจรหนุ่มให้หนีไปจากพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว บล็อกโคลี่จึงรีบพุ่งเข้ามาประคองร่างของโจรหนุ่มหลังจากนั้น ลักค์ก็รีบหยิบ Red Potion ซึ่งอยู่ในกระเป๋าของเขามาเปิดขวดออกและยัดใส่ปากของโจรหนุ่มทันที โจรหนุ่มเมื่อรู้ว่าเพื่อนในปาร์ตี้ของเขากลับมาช่วยเขาจึงรีบดื่ม Red Potion เข้าไปทันทีและมันก็ได้ผล Red Potion รักษาแผลภายนอกของเขาและทำให้เรี่ยวแรงของเขากลับมาส่วนหนึ่งมันมากพอที่จะทำให้เขาวิ่งหนีออกจากป่าไปได้“วิ่งไปอย่าหยุด !!” โจรสาวตะโกนไล่หลังในขณะที่เธอกำลังต้านกองทัพบกซึ่งดาหน้าเข้ามาเธอใช้ดาบในมือของเธอโจมตีอย่างรวดเร็วและเธอก็มีความสามารถในการหลบหลีกอยู่ในระดับที่สูงพอตัว Roda Frog ที่กระโดดเข้ามาโจมตีเธอต่างถูกดาบในมือของเธอฟันล้มตายไปทีละตัวๆ“นักดาบสาวคนนั้นเก่งชะมัดเลย…..” ลักค์พูดออกมาเบาๆในขณะที่เขากำลังสังเกตการต่อสู้ของนักดาบสาวกับกองทัพกบ Roda Frog ไม่อาจที่จะสร้างบาดแผลให้กับเธอได้เลยแม้แต่น้อย แต่ทว่านักดาบสาวยังไม่รู้ว่าอันตรายที่แท้จริงในป่านี้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ชั่วอึดใจนั้น Toad ได้กระโดดลงมาตรงจุดที่นักดาบสาวยืนอยู่โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวน้ำหนักมหาศาลและร่างกายที่ใหญ่โตของมันทำให้เกิดแรงสะเทือนจนเธอเสียหลักไปชั่วพริบตาหนึ่งToad อาศัยจังหวะที่เธอกำลังเสียหลักใช้ลิ้นของมันเข้าโจมตีมันใช้ลิ้นของมันพันเข้ากับรอบตัวของเธอ นักดาบสาวรู้สึกตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอเสียกำลังใจไปเท่าไหร่นัก เธอใช้ดาบในมือของเธอตวัดอย่างรวดเร็วและตัดลิ้นของมันบางส่วนซึ่งพันธนาการร่างกายของเธอเอาไว้ทําให้เธอเป็นอิสระจากมันได้ไม่ยาก“น้ำลายกบเหนียวเหนอะหนะเลยน่าขยะแขยงชะมัด !!” เธอบ่นออกมาด้วยท่าทางอารมณ์เสีย ก่อนที่เธอจะตั้งท่าเตรียมต่อสู้อีกครั้งเธอตั้งใจว่าจะถ่วงเวลาให้ชายหนุ่มทั้ง 3 คนหนีออกจากป่าไปโดยปลอดภัยก่อน“เอาเราจะกบยักษ์มาเล่นกันอีกสักรอบไหม !!” เธอกล่าวขึ้นพร้อมกับพุ่งเข้าไปโจมตี Toad อีกครั้งหนึ่งเธอฟาดดาบใส่มันอย่างรวดเร็ว ความเร็วในการโจมตีของเธอทำให้เจ้ากบยักษ์ถึงกับผงะคมดาบที่รวดเร็วราวกับสายลมถูกฟาดเข้าใส่ร่างอันมหึมาของเจ้ากบยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วน แต่ว่าบาดแผลที่เกิดขึ้นนั้นกลับสร้างได้เพียงรอยถลอกบนผิวทั่วกายของมันเท่านั้น นักดาบสาวไม่มีกำลังแขนที่มากพอจะสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้กับเป้าหมายของเธอได้“หนังของเจ้ากบนี่หนาจริง !!” เธอบ่นออกมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดก่อนที่เธอจะกระโดดถอยหลังออกมาและพุ่งเข้าไปเพื่อโจมตีอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง“ Bash !!” เธอฟาดดาบอย่างรุนแรงพุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยทักษะที่มีชื่อว่า Bash ซึ่งเป็นทักษะของนักดาบที่จะรวบรวมกำลังแขนและฟาดออกไปในครั้งเดียว ทำให้เกิดการโจมตีที่มีพลังการโจมตีรุนแรงใส่เป้าหมายแต่ดูเหมือนว่าทักษะนี้จะมีวิถีโจมตีเรียบง่ายเกินไปเ พราะว่าเธอพุ่งเข้าไปจากด้านหน้าเจ้ากบยักษ์นั้นมองการเคลื่อนไหวของเธอออกจนหมด มันกระโดดขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะทิ้งตัวลงมาอย่างแรงนักดาบสาวถูกร่างกายบางส่วนของมันกระแทกเข้าจนเธอรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอบาดเจ็บและชาไปหมดทั้งตัวหากไม่ได้สวมเกราะ Padded Armor เธอคงอาการสาหัสไปแล้วเธอกระเด็นออกไปก่อนที่จะไปหยุดล้มลงกับพื้น“โอ้ยยยย เจ็บจริงๆเลย อย่างกับโดนท่อนไม้แข็งๆกระแทกเอา….” เธอบ่นพึมพำออกมาและพยายามลุกขึ้นยืนเธอมองกลับไปที่ทางเข้าป่าดูเหมือนว่าชายหนุ่มทั้งสามจะหนีออกจากป่าไปได้โดยปลอดภัยแล้ว ดังนั้นเธอตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะหนีออกไปจากป่านี้บ้าง เธอจึงกลับหลังหันและวิ่งออกไปยังเต็มฝีเท้า แต่ร่างกายของเธอนั้นบาดเจ็บจากการโจมตีของเจ้ากบยักษ์เมื่อครู่นี้ทำให้ฝีเท้าของเธอนั้นช้าลงอย่างเห็นได้ชัดเจ้ากบยักษ์เห็นเหยื่อของมันกำลังจะหนีรอดไปได้มันจึงรีบกระโดดตามเธอไปอย่างรวดเร็วและความเร็วของมันนั้นดูเหมือนจะสามารถไล่กวดนักดาบสาวได้ทันในระยะเวลาไม่นาน นักดาบสาวหันกลับมามองเจ้ากบยักษ์ด้วยสีหน้าที่ดูตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อยเนื่องจากว่ามันกำลังจะไล่ตามเธอทันแล้ว「มันกำลังจะตามทันแล้ว….แย่แน่ !! ให้ตายสิมาช่วยคนอื่นแต่ตัวเองต้องมาลำบากขนาดนี้นี่เราประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเนี่ย ?」หญิงสาวพลางคิดในใจในขณะที่เธอกำลังนึกถึงความด้อยความสามารถของตนเองแต่ว่าก่อนที่เธอจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ บล็อกโคลี่และลักค์ก็พุ่งกลับเข้ามาบล็อกโคลี่ใช้ไม้กระบองเหล็กภายในมือของเขาขวดใส่เจ้ากบยักษ์ที่ไม่ทันตั้งตัวอย่างรุนแรงมันได้รับบาดเจ็บจนร้องออกมาเสียงหลง ลักค์พุ่งตามเข้าไปใช้มีด Knife ที่อยู่ในมือของเขาแทงเข้าไปที่ตาข้างหนึ่งของเจ้ากบยักษ์จนบอด“จะให้ทิ้งผู้มีพระคุณไปได้ยังไงล่ะ !! รีบหนีไปเร็วเข้าพวกเราเองก็จะรีบตามไป !!” ลักค์และบล็อกโคลี่กล่าวขึ้นแทบจะพร้อมๆกัน นักดาบสาวเมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอรีบหันหลังกลับมาและพุ่งเข้าใส่ร่างของเจ้ากบยักษ์ซึ่งกำลังเสียหลักและบาดเจ็บจากการโจมตีของชายหนุ่มทั้งสอง“จะช่วยคนทั้งทีก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุดสิ !! Bash !!” เธอใช้ทักษะการโจมตีเมื่อครู่อีกครั้งแต่ครั้งนี้มันได้ผล คมดาบของเธอซึ่งถูกสะบัดอย่างรวดเร็วและรุนแรงจู่โจมเข้าใส่ช่วงท้องของเจ้ากบยักษ์เข้าอย่างจังความรุนแรงของทักษะนี้มากพอที่จะปลิดชีพมันได้ ท้องของเจ้ากบยักษ์ Toad ถูกผ่าออกจนเลือดสีแดงฉานของมันพุ่งกระจายออกมาเปรอะทั่วกายของนักผจญภัยทั้งสามคน มันล้มลงสิ้นใจทันที Roda Frog เมื่อเห็นจ่าฝูงของมันถูกฆ่าตายแล้วจึงพากันแตกกระเจิงหนีหายไปอย่างรวดเร็ว นักดาบสาวสะบัดเลือดที่ติดอยู่บนดาบของเธอก่อนที่จะเก็บลงฝักเป็นสัญญาณว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้ว เธอล้วงมือลงไปในกระเป๋าสัมภาระและหยิบ Red Porion ขึ้นมา 2 ขวดและเธอก็ยกมันขึ้นดื่มเข้าไปด้วยท่าทางที่ดูกระหาย และผลของยานี้ทำให้บาดแผลของเธออาการทุเลาลงได้มากพวกเขาทั้งสามคนจึงเดินกลับออกมาจากป่าในสภาพที่ปลอดภัยนักดาบสาวเมื่อกลับออกมาก็มองเห็นโจรหนุ่มซึ่งเธอได้เข้าไปช่วยเหลือเมื่อครู่นี้กำลังนอนพักอยู่ที่ใต้ต้นไม้ซึ่งบล็อคโคลี่นำเขามาไว้“ขอบคุณพวกนายมากนะคิดว่าจะต้องตายซะแล้วสิ…..” โจรหนุ่มกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่อ่อนล้าบล็อกโคลี่ ลักค์ และนักดาบสาวยิ้มออกมาเล็กๆเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จในการร่วมมือของพวกเขา
“ในเมื่อร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาถึงขนาดนี้ถ้าหากจะไม่รู้จักชื่อกันก็คงจะเสียมารยาทไปหน่อยผมมีชื่อว่าบร็อคโคลี่ Novie คนนี้ชื่อว่าลักค์ แล้วนายล่ะผมยังไม่ได้ถามชื่อของนายเลยแล้วก็เธอด้วย เธอเป็นผู้มีพระคุณของพวกผมได้โปรดบอกชื่อของเธอให้พวกผมทราบด้วยเถอะ” หลังการต่อสู้ที่ยาวนานบล็อคโคลี่ก็ได้แนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ของเขาทั้งสองโจรหนุ่มและนักดาบสาวต่างก็ยิ้มออกมาให้กับเขาแล้วตอบว่า
“นั่นสินะเกือบจะลืมไปแล้วนะเนี่ยชั้นชื่อว่า Doom สั้นๆแค่นั้นแหละนามสกุลอะไรน่ะชั้นจำไม่ได้แล้ว” โจรหนุ่มกล่าวชื่อของเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ฉันชื่อว่า จีต้า ไซเฟอร์ จะเรียกว่าจีต้าก็ได้นะ ยินดีที่ได้รู้จักนะพวกนายทุกคน” นักดาบสาวแนะนำชื่อของตนเองพร้อมกับยิ้มออกมาบางๆบนใบหน้ามิตรภาพนั้นได้เกิดขึ้นในใจของพวกเขาทุกคนแล้ว….
to be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on May 30, 2018 5:37:27 GMT
EP : 4 การลาจากและการเริ่มต้น หลังการต่อสู้กับเจ้ากบยักษ์เสร็จสิ้นทั้งสี่คนก็เริ่มเดินหน้ากลับเข้าสู่เมือง Prontera การต่อสู้นั้นกินระยะเวลานานทันทีที่พวกเขาย่างก้าวเข้าไปในกำแพงเมืองก็เป็นเวลาหัวค่ำแล้ว บล็อกโคลี่จึงรีบมุ่งตรงไปยัง Eden Group เพื่อที่จะส่งภารกิจกำจัด Roda Frog ที่เพิ่งทำสำเร็จไปและเผื่อว่าเจ้ากบยักษ์ที่ชื่อว่า Toad จะมีค่าหัวซึ่งทางสมาคมได้ตั้งเอาไว้เขาอาจจะได้เงินมากกว่าที่คิดก็เป็นได้“Toad ยืนยันการถูกกำจัดแล้วนะคะ นี่ค่ะเงินจำนวน 10000zeny เป็นรางวัลค่าหัวที่ชาวบ้านนำมาว่าจ้างเพื่อกำจัดมันเชิญตรวจสอบและรับไปได้เลยค่ะ” เจ้าหน้าที่สาวของเอเดนกรุ๊ปนำถุงเงินใบขนาดย่อมๆมาวางไว้ตรงหน้าบล็อกโคลี่มันคือเงินรางวัลที่พวกเขาสามารถกำจัดเจ้า Toad ลงได้“10000 งั้นเหรอก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อล่ะนะ…..” Doom กล่าวขึ้นในขณะที่เขามองไปยังถุงเงินใบใหญซึ่งอยู่ในมือของบล็อกโคลี่ หลังจากนั้นบล็อกโคลี่ก็นำเงินภายในถุงมาแบ่งออกเป็น 4 ส่วนและก็ให้กับ Doom จีต้า ลักค์ และส่วนหนึ่งก็เก็บไว้ของตัวเขาเองคนละเท่าๆกัน“ทำภารกิจครั้งแรกก็ได้เงินขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ? แต่ต้องมาสู้กับเจ้าตัวแบบนั้นจัดว่าโชคดีหรือว่าโชคร้ายกันนะ...” ลักค์กล่าวกับตัวเองเบาๆด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสับสนเล็กๆ Doomเดินเข้ามาตบไหล่เขาเบาๆก่อนที่จะพูดกับเขาว่า“ก็ทั้งสองอย่างไง….เอาล่ะ !! แล้วจากนี้ไปพวกนายจะเอายังไง ? ภารกิจกำจัด Hornet ของชั้นก็ยังทำไม่เสร็จ พรุ่งนี้เป็นกำหนดเส้นตายของมันแล้ว แต่สภาพร่างกายตอนชั้นคงทำมันไม่ได้แน่บางทีชั้นว่าชั้นควรจะต้องไปยกเลิกมันและหาภารกิจใหม่ทำน่าจะเข้าท่ากว่า” คำพูดของDoomนั้นมีเหตุผลการที่จะกำจัด Hornet 50 ตัว ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนล้าและเต็มไปด้วยบาดแผลช้ำในคงจะไม่สามารถทำได้ง่ายๆนี่การฝืนที่จะทำจึงเป็นเรื่องที่ดูโง่เขลาเกินไปหน่อย“อืม….ฉันเองก็มีธุระที่จะต้องไปจัดการต่อคงจะร่วมทางไปกับพวกนายไม่ได้แล้ว ฉันดีใจนะที่ได้เป็นเพื่อนกับพวกนาย แต่ว่าคงจะต้องขอลาจากกันตรงนี้ล่ะ” จีต้ากล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูราบเรียบแต่ว่าภายในใจของเธอนั้นคงอยากที่จะช่วยพวกบล็อกโคลี่ต่อไปอีกสักหน่อย แต่ว่าเธอนั้นไม่สามารถจะทำได้“ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเราก็รบกวนคุณจีต้ามามากแล้วไม่รู้ว่าจะขอบคุณยังไงดี ยังไงก็ขอให้เดินทางปลอดภัยครับหวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีก” ลักค์กล่าวลาเธอด้วยน้ำเสียงที่ดูเกรงอกเกรงใจท่าทางของเขานั้นทำให้จีต้ายิ้มออกมาจางๆก่อนที่เธอจะเดินจากพวกเขาไป“เอาน่า !! พวกนายไม่ต้องคิดมากได้เงินมาเยอะขนาดนี้ค่าภารกิจที่ทำไม่สำเร็จนิดๆหน่อยๆ ไม่ได้เสียดายอะไรนักหรอก อย่าซีเรียสน่ะ” Doomกล่าวขึ้นพร้อมกับเดินถือใบภารกิจซึ่งทำไม่สำเร็จของเขาตรงไปที่เคาน์เตอร์และบอกยกเลิกกับเจ้าหน้าที่ของเอเดนกรุ๊ป ในการยกเลิกภารกิจนั้นผู้ที่รับภารกิจจะต้องเสียค่าปรับสำหรับการยกเลิกเป็นจำนวนเงินประมาณ 10 - 20 เปอร์เซ็นต์ของรางวัลภารกิจนั้นๆ“ค่าปรับสำหรับการยกเลิกภารกิจกำจัด Hornet 400zeny ค่ะ” เจ้าหน้าที่ของสมาคมซึ่งอยู่หลังเคาน์เตอร์กล่าวกับ Doomด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ เธอรู้ดีว่าสำหรับนักผจญภัยแล้วการยกเลิกภารกิจนั้นไม่ได้เสียเพียงแค่เงินเพียงอย่างเดียว แต่นั่นเป็นสิ่งบ่งบอกว่านักผจญภัยคนนั้นทำอะไรเกินตัวมากกว่าความสามารถของตัวเองและยังให้ความรู้สึกถึงความพ่ายแพ้อันขมขื่นอีกด้วยเธอจึงได้แต่กล่าวกับนักผจญภัยทุกคนที่มายกเลิกภารกิจด้วยน้ำเสียงอันไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เพื่อทำให้หัวใจอันเจ็บช้ำของพวกเขาไม่ต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้หลังจากที่ทั้งสามคนเสร็จธุระที่เอเดนกรุ๊ปเรียบร้อยแล้วพวกเขาจึงตัดสินใจแยกทางกันไปบล็อกโคลี่เลือกที่จะพักในเมือง Prontera สักคืนหนึ่งเพื่อที่จะฟื้นฟูพลังเวทย์และรักษาอาการบาดเจ็บของเขาเขาจึงตรงไปที่โรงแรมภายในตัวเมืองทันทีDoom ต้องการที่จะหาข่าวสารเพิ่มเติมสำหรับการตัดสินใจในการผจญภัยครั้งใหม่ของเขา เขาจึงเลือกไปที่บาร์ซึ่งเป็นแหล่งรวมของนักผจญภัยทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าจะมาดื่มเพื่อสังสรรค์และบอกเล่าประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นของพวกเขา ที่ได้รับมาจากการผจญภัยอีกทั้งยังเป็นที่ซึ่งรวบรวมข้อมูลอันจำเป็นสำหรับการตัดสินใจของนักผจญภัยหน้าใหม่ทั้งหลายอีกด้วยลักค์รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศของเมือง Prontera ในยามค่ำคืนซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าทั้งแบบที่เป็นร้านแบกะดินของพ่อค้าซึ่งเดินทางมาจากแหล่งต่างๆนำสินค้าแปลกๆมากมายหลายชนิดมาวางขายกันดาษดื่น และยังมีทั้งเป็นแบบที่มีร้านอยู่ภายในอาคารประจำเมือง Prontera ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือชุดเกราะต่างๆมีให้เลือกมากมาย เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินเพื่อหาซื้ออุปกรณ์จำเป็นสำหรับการผจญภัยครั้งใหม่ดังนั้นปาร์ตี้ชั่วคราวของพวกเขาจึงถือว่ายุติลงอย่างสมบูรณ์เพียงเท่านี้ต่างคนต่างก็มีหนทางที่ตัวเองจะต้องเดินไปและไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามภายในโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ก็ต้องมีโอกาสที่สักวันหนึ่งพวกเขาจะได้มาร่วมผจญภัยอยู่ในปาร์ตี้เดียวกันอีกครั้งอย่างแน่นอน ภายในใจของทั้งสามคนก็เฝ้ารอว่าวันนั้นจะต้องมาถึงเข้าในไม่ช้าก็เร็ว - เช้าวันถัดมาภายในเมือง izlude - ฟรองค์ ฟอนเบิร์ก เบิร์นไวซ์นอร์ท Novice ผู้ได้รับการช่วยเหลือจาก เดซี่ โฟห์เลน ในระหว่างที่เธอกำลังผจญภัยอยู่ที่ป่านอกเมือง Payon เขาได้เดินทางกลับสู่ Prontera อย่างปลอดภัยและตอนนี้เขาก็กำลังอยู่ในเมือง izludeIzlude เมือง izlude นั้นเป็นเมืองลูกของ Prontera มันตั้งอยู่ด้านข้างของเมือง Prontera ห่างกันไปเพียงแค่ระยะสายตาก็มองเห็นมันเป็นเมืองท่าซึ่งติดกับทะเลแม้มันจะเป็นเมืองเล็กๆแต่มันก็เป็นเมืองค้าขายที่สำคัญเพราะว่าสินค้าต่างๆซึ่งมาทางทะเลและมาทางเรือเหาะจะต้องมาลงที่เมือง izlude แห่งนี้ก่อนที่จะเข้าสู่เมือง Prontera อีกครั้งเมืองนี้ยังมีความสำคัญอีกอย่างก็คือเป็นที่ตั้งของสมาคมนักดาบซึ่งเปรียบเสมือนกับพื้นฐานของเหล่าอัศวินนักรบที่มีชื่อเสียงหลายคนก็ต้องเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมนักดาบที่ตั้งอยู่ภายในเมือง izlude แห่งนี้ เมือง izlude แห่งนี้มีสภาพเหมือนกับเกาะรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งมีสะพานขนาดใหญ่เชื่อมกับแผ่นดิน อีกทั้งยังมีท่าเรือยื่นออกไปในทะเลหลายแห่ง มีเรือหาปลาและเรือขายสินค้ามาจอดเทียบท่าของเมืองนี้ไม่เว้นแต่ละวัน ที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตัวเมืองมีท่าจอดเรือเหาะซึ่งจัดว่าเป็นหนึ่งในการขนส่งที่ทันสมัยที่สุดของโลกใบนี้แล้วก็เป็นได้ ตัวอาคารต่างๆภายในเมืองนี้ถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับเมือง Prontera คือทำด้วยหินอ่อนสีขาวเป็นส่วนใหญ่พื้นถนนของเมืองก็ถูกปูด้วยหินสีขาวทำให้เมืองนี้เป็นเมืองท่าที่มีความสวยงามและความเป็นระเบียบไม่แพ้เมืองแม่อย่าง Prontera เลยแม้แต่น้อย
Swordsman Association “ฟรองค์ ! ถึงตาของเจ้าแล้วเตรียมตัวเข้าห้องทดสอบได้” เจ้าหน้าที่สมาคมนักดาบซึ่งเป็นชายร่างใหญ่ซึ่งสวมชุดเครื่องแบบของนักดาบเอาไว้เต็มยศกล่าวกับชายหนุ่มซึ่งมีนามว่า ฟรองค์ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแข็งขันเพราะว่านี่คือการทดสอบสำหรับการเปลี่ยนอาชีพเป็นนักดาบ เนื่องจากอาชีพนี้ค่อนข้างจะเข้มงวดในการเลือกคนที่มีทักษะในการใช้ดาบที่ดีและมีพลังกายที่มากกว่าคนปกติทั่วไปดังนั้น ฟรองค์ ยิ่งรู้สึกถึงความกดดันอยู่ไม่น้อยเขากำดาบ Sword ซึ่งอยู่ภายในมือเอาไว้อย่างมั่นคง ก่อนที่จะเดินเข้าสู่สนามทดสอบของสมาคมนักดาบ “การทดสอบนั้นไม่มีอะไรยุ่งยาก….เพียงแค่นายสามารถจะเดินผ่านทางข้างหน้าไปจนถึงประตูได้ก็เป็นอันว่านายผ่านการทดสอบ นายมีเวลาทั้งหมด 10 นาทีเริ่มได้ !!” เสียงของเจ้าหน้าที่สมาคมนักดาบชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นทันทีที่ได้สัญญาณ ฟรองค์ ก็ออกวิ่งไปตามทางของห้องทดสอบอย่างรวดเร็วภายในห้องทดสอบนี้คือห้องทดสอบที่มีไว้เพื่อใช้สำหรับทดสอบการควบคุมร่างกายเพราะว่าผู้ทดสอบจะต้องเดินบนไม้ที่แคบและมีพื้นที่ในการทรงตัวไม่มากด้วยที่จะก้าวข้ามผ่านไปอีกฝั่งหนึ่งของประตู“หึ ! นึกว่าจะยากเย็นอะไรนักหนาที่แท้ก็แค่ให้มาไต่สะพานไม้ สบายมาก !!” ฟรองค์ กล่าวขึ้นมาในขณะที่เขากำลังเดินไปบนสะพานไม้ซึ่งมีขนาดเพียงแค่ฝ่ามือของเขาเท่านั้นแต่เขาก็เดินบนมันไปเรื่อยๆด้วยท่าทางที่ไม่ยากเย็น แต่ทว่าความคิดของเขากลับต้องหยุดชะงักลงเมื่อประสาทหูของเขาสามารถจับเสียงอะไรบางอย่างจากความมืดข้างหน้าได้“หวี่…...หวี่…..หวี่…..” เสียงของอะไรบางอย่างซึ่งเหมือนกับแมลงดังระงมออกมาจากในความมืดเบื้องหน้า ฟรองค์ รู้สึกไม่ค่อยดีกับเสียงที่ได้ยินเขาหยิบดาบ Sword ขึ้นมาตั้งท่าเตรียมพร้อม ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างเข้ามาชนกับร่างกายของเขาอย่างแรงขนาดของมันใหญ่ประมาณลูกเทนนิสและบางตัวก็อาจจะใหญ่ประมาณลูกฟุตบอลด้วยพื้นที่อันไม่มั่นคงซึ่งเขายืนอยู่ทำให้เขานั้นยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นเป็นทวีคูณ
Chonchon “โอ้ยยย !! อะไรกันเนี่ยน่ารำคาญชะมัด !! หนอยแน่ !!” เขาพยายามหวดดาบออกไปในความมืดเพื่อโจมตีสิ่งที่เขามองไม่เห็นแต่ว่าการกระทำแบบนั้นกับทำให้การทรงตัวของเขานั้นแย่ลงจนเขาเกือบจะตกจากสะพานไม้ลงไปด้านล่าง หลังจากนั้นเขาก็ตั้งสมาธิอยู่ครู่หนึ่งจนสายตาของเขาเริ่มชินกับความมืดได้ เขาจึงได้รู้ว่าสิ่งที่เข้ามาจู่โจมเขานั้นคือหนึ่งในบททดสอบซึ่งสมาคมนักดาบได้เตรียมเอาไว้มันคือ Monster ที่มีชื่อว่า Chonchon มันเป็นมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนกับแมลงวันแต่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า บางตัวใหญ่ประมาณเท่าลูกเทนนิสและบางตัวก็ใหญ่เกือบจะเท่าลูกฟุตบอล มันพุ่งเข้ามาโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้ว่าแรงปะทะของมันจะไม่สร้างความเจ็บปวดจนถึงกับเกิดบาดแผลสาหัสแต่ว่าก็ทำให้เสียหลักได้ไม่ยากนักอีกทั้งมันยังสร้างความรำคาญอย่างที่สุดอีกด้วย“โธ่เอ๊ย !! แล้วแบบนี้จะไปข้างหน้าได้ยังไงละเนี่ย….” ฟรองค์ เริ่มบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหงุดหงิดจากนั้นในที่สุดเขาก็ตัดสินใจยืนอยู่อย่างนิ่งเฉยและมั่นคงจากนั้นก็หลับตาลงและทำจิตให้เป็นสมาธิ 「ถ้าท่าในเมื่อใช้ตามองไปก็ไม่เห็นงั้นก็ขอใช้ใจมองแทนก็แล้วกัน !!」ฟรองค์คิดในใจจากนั้นเขาก็หลับตาลงและเร่งประสาทสัมผัสที่เหลือทั้งหมดให้จนถึงขีดสุด หูของเขานั้นได้ยินเสียงกระพือปีกของ Chonchon ได้อย่างชัดเจนผิวหนังของเขารู้สึกถึงแรงลมที่กระเพื่อมมาจากปีกทำให้เขาสามารถจับทิศทางที่ Chonchon จะโจมตีเข้ามาได้แล้ว“เสร็จชั้นละ !!” ฟรองค์ฟาดดาบเข้าไปในความมืดเบื้องหน้าและมันก็ถูกต้อง Chonchon ตัวแรกภูเขาฟันจนขาดออกเป็นสองเสี่ยงความสำเร็จนั้นสร้างความยินดีเกิดขึ้นในใจให้กับ ฟรองค์ ไม่น้อย แต่ว่าสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเพราะการโจมตีครั้งนั้นทำให้สมดุลซึ่งเขายืนอยู่บนสะพานไม้ที่แค่เพียงแค่ฝ่ามือเสียไป และนั่นก็เป็นโอกาสให้ Chonchon อีก 1 ตัวพุ่งเข้ามาโจมตีกระแทกเข้าไปที่หลังของเขาอย่างจังพลัก !! ฟรองค์สูญเสียการทรงตัวบนสะพานไม้ไปเรียบร้อยแล้วและมันก็ไม่สามารถที่จะทำให้สมดุลกลับมาเป็นอย่างเดิมได้อีก สีหน้าของเขาจากที่เปี่ยมไปด้วยความยินดีกลายเป็นสีหน้าที่ตกใจและตื่นตระหนกอย่างมาก “ไม่จริง…..อ๊าาาาาาาา !!!” ฟรองค์ ร้องเสียงหลงในขณะที่ร่างกายของเขากำลังร่วงลงไปจากสะพานไม้ การทดสอบของเขาสิ้นสุดลงแล้วเขายังไม่สามารถที่จะสอบผ่านการเป็น Swordman ได้ - หลายชั่วโมงต่อมาที่สมาคมนักดาบ -หัวหน้าสมาคมนักดาบ
“ฟรองค์ ฟอนเบิร์ก เบิร์นไวซ์นอร์ท เจ้าได้ผ่านการทดสอบความสามารถแล้วจากนี้ไปขอให้เจ้าตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรมจงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งและปกป้องผู้ที่อ่อนแอ ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็น Swordman !!” สิ้นสุดเสียงของหัวหน้าสมาคมนักดาบ ฟรองค์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่เขาพยายามเข้ารับการทดสอบนับ 10 ครั้ง ในที่สุดเขาก็สามารถที่จะเป็นนักดาบอย่างที่เขาตั้งใจเอาไว้ได้แล้ว แม้ในตอนนี้สภาพร่างกายของเขาจะดูสกปรกมีบาดแผลเต็มตัวและเต็มไปด้วยความอ่อนล้าราวกับผ้าขี้ริ้วเก่าๆก็ตาม…..
to be continued !!
|
|
|
Post by wildrose on May 30, 2018 7:19:39 GMT
Character Info # 1
สวัสดีเพื่อนๆที่กำลังติดตาม นิยาย Ragnarok World : Little Legend ทุกท่าน ตอนนี้เป็นช่วง Character Info ครั้งที่ 1 !!
หลังจากที่เราได้ดำเนินเรื่องไป 4 ตอนแล้ว เรามาดูกันเถอะว่าตัวละครแต่ล่ะตัวถ้าหากอยู่ในเกมส์ Ragnarok จริงๆจะมีสเตตัสและเครื่องสวมใส่แบบไหน เอาล่ะเรามาดูกันเลย !!
*ข้อมูลนี้เป็นเพียงเครื่องเปรียบเทียบเล็กๆน้อยๆเท่านั้น อย่าไปจริงจังกับมันมาก ไม่มีผลอะไรกับเนื้อเรื่องสักเท่าไหร่ **ไม่ต้องหาที่เติม true นะ โลก Ragnarok World ไม่มีช่องทางนั้น !!
|
|