โช้ง โช้ง เช้ง เช้ง !!!การต่อสู้ของอัลบาร์โดกับสวาร์กอร์ทยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางพายุที่พัดกระหน่ำทั้งสองยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางพายุฝนที่พัดอย่างรุนแรงซึ่งเป็นอุปสรรคในการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายในด้านการมองเห็นด้วยความความแข็งแกร่งของทั้งสองจึงยังไม่มีผู้ใดเป็นฝ่ายชนะหรือฝ่ายเสียเปรียบ
“เจ้าช่างแข็งแกร่งสมคำล่ำลือจริงๆอัลบาร์โด!! ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าวันนี้ข้าจะได้ประมือกับเจ้าซึ่งๆหน้า”
“เจ้าเองก็เหมือนกันช่างเป็นเกียรติที่ข้าได้มาประมือกับจองพลังที่ถูกขนานนามเรื่องพละกำลังที่แข็งแกรงอย่างเจ้าจริงๆ!!”
“นั้นสินะแต่ข้ารู้สึกว่าตอนนี้ข้าควรจะปิดบัญชีกับเจ้าได้แล้ว!!”
“ถ้าอย่างนั้นข้ากับเจ้าก็มาตัดสินภายในดาบเดียวเลยดีกว่า!!”
อัลบาร์โดกับสวาร์กอร์ทกระโดดถอยออกมาพร้อมๆกันเพื่อเข้าสู่การปิิดฉากทั้งคู่แยกออกมาจากกันแล้วทำการเพ่งสมาธิไปไว้ที่อาวุธของตัวเองอัลบาร์โดเพ่งสมาธิไปที่ดาบของเขา สวาร์กอร์ทเพ่งสมาธิไปที่ขวานของมันทั้งสองส่งสายตาพิฆาตใส่และพร้อมที่จะเข้าสู่การดวลครั้งสุดท้าย
“ย๊ากก!!”
“ย๊าาก!!”
อัลบาร์โดกับสวาร์กอร์ทพุ่งชาร์จเข้าหากันแล้วดวลตัดสินโดยการแลกกันไปคนละแผลจนทั้งสองย้ายตำแหน่งไปอยู่อีกฟากหนึ่งก่อนที่จะทั้งสองจะเก็บอาวุธของตนเองแล้วรอดูผลตัดสินว่าใครเป็นผู้ชนะในการดวลแลกกัน
“อะเหือกกก!!….อั๊กกก!!….” //อัลบาร์โดเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เขาถูกฟันจนเกิดบาดแผลเข้าที่หน้าท้องเป็นแผลขนาดใหญ่ก่อนที่จะนั่งฟุบลงแล้วสำลักเลือดออกมาชุดใหญ่
“แหมๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับข้านะอัลบาร์โด” //หันกลับมามองอัลบาร์โด
“แค๊กก!!!......ข้าประมาท...เจ้าไปหน่อย...อั๊กก..!!” //อัลบาร์โดยังคงสำลักเลือดออกมาจนเริ่มอ่อนแรง
“ข้าต้องขอนับถือเจ้าจริงๆที่เจ้าสามารถต้านทานการโจมตีและต่อสู้กับข้าได้อย่างสูสีจนมาถึงจุดนี้ได้ ช่างน่านับถือจริงๆในฐานที่เจ้าเป็นเผ่าลิซาร์ดแมนที่ตัวกระจ่อยร่อยที่สุดในบรรดาสี่เผ่าทั้งหมด”
ตอนนี้อัลบาร์โดกลายมาเป็นฝ่ายเสียเปรียบและถูกสวาร์กอร์ทซ้ำเติมโดยการ เตะท้อง เตะเข้าเบ้าหน้า ถีบให้กลิ้งไปกับพื้นสารพัดต่างๆนาๆจนมาถึงจังหวะช่วงหนึ่งที่เขาถูกทำร้ายทางด้านจิตใจอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาและนั่นก็กลายเป็นความแค้นฝังใจส่วนตัวระหว่างเขากับสวาร์กอร์ท
“เจ้าอยากรู้ไหมว่าภรรยาของเจ้าหายไปไหน….ใช่แล้ว….ข้าจับตัวภรรยาของเจ้าไปตอนที่นางกำลังเดินอยู่ในป่าเพียงลำพัง…..และมีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะบอกเจ้าก็คือ...ข้าจับปล้ำภรรยาของเจ้าแล้ว….หึหึ”
“!!!!!” //เขาเบิกตาโตและกัดฟันด้วยความโกรธแค้นสุดขีดหลังจากที่สวาร์กอร์ทพูดบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าให้อภัยอย่างถึงที่สุดออกมา
“เจ้าโกรธหรอ เจ้าแค้นข้าหรอ เอาเลยซิโกรธข้าเข้าไปแค้นข้าเข้าไปอีกข้าน่ะชอบทำร้ายจิตใจเหยื่อก่อนที่ข้าจะลงมือฆ่ามันให้ตายในตอนสุดท้ายอยู่แล้ว การที่ข้าทำให้เหยื่อมีความโกรธแค้นเกลียดชังข้าก่อนตายมันเป็นอะไรที่สนุกและสะใจจริงๆ” //มันเดินวนรอบตัวอัลบาร์โดและพูดร่ายไปเรื่อยๆไม่ยอมหยุดเพื่อปั่นหัวอัลบาร์โดอย่างสนุกสนาน
“และข้าก็ติดใจอยู่เรื่องหนึ่งนั่นก็คือกลิ่นกายภรรยาของเจ้ามันช่างหอมหวลยั่วยวนลิ้มลองยั่วใจข้าเหลือเกิน เกินกว่าที่ข้าจะห้ามใจอยู่ นางช่างดูดีมี เสนห์ งดงาม น่าจับตามองนางดู ใสซื่อ อ่อนโยน บริสุทธิ์ ประดุจดั่งแม่แกะตัวน้อยสีขาวที่อยู่ท่ามกลางป่าลึกตามลำพังโดยที่มีสัตว์ร้ายจ้องจะเขมือบอยู่ ส่วนข้าก็คือหมาป่าสีดำที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหายอยากจะขย้ำแม่แกะน้อยตัวน้อยจนสมใจอยากให้มันคุ้มค่าในการล่าเหยื่อ หึหึ”
“เจ้า…!!!” //เขาเอามือไปจับที่ข้อเท้าของสวาร์กอร์ทแต่ก็ถูกมันใช้เท้าเตะเข้าที่หน้าอย่างแรงจนเขาหงายหลังไป
“ข้าจะเลียและสูดดมทุกซอกทุกมุมทั่วเรือนร่างภรรยาของเจ้าเพื่อสนองความต้องการอยากของข้าให้ถึงที่สุดจนข้าพอใจก่อนที่จะจับปล้ำนางจนเสร็จภารกิจของข้า ถ้าจะให้ดีข้าก็อยากจะทำแบบนั้นต่อหน้าเจ้าเอาให้เจ้าโกรธแค้นจนเลือดทะลักออกหูทั้งสองข้างเลย หึหึ”
“เจ้าหุบปาก...เดี๋ยวนี้….!!!” //อัลบาร์โดเริ่มขึ้นเสียงด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
“และอย่างสุดท้ายที่ข้าจะทำกับภรรยาของเจ้ารู้ไหมว่าข้าจะทำอะไรกับภรรยาของเจ้าอัลบาร์โด”
“......” //เขาเงียบกริบแต่เขายังส่งสายตาจ้องมองและกำหมัดเอาไว้แน่น
“ข้าน่ะ….อยากจะยัดเยียดความเป็นสามีให้กับนางและข้าจะแย่งนางไปจากเจ้าแล้วจับนางมาเป็นภรรยาของข้า...หึหึ” //มันเข้ามากระซิบข้างหูของอัลบาร์โดพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความชั่วร้าย
“หนอยยยแน่เจ้าสวาร์กอร์ท..ข้าจะฆ่าเจ้า...!!!!” //เขากำหมัดจะชกไปที่หน้าของมันในช่วงเวลานี้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีในตอนนี้
ตุบ!
“หึ...ไม่ไหวๆ สภาพเจ้าในตอนนี้อ่อนแอเกินกว่าจะเอาชนะข้าได้ด้วยซ้ำ แต่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกหลังจากเสร็จธุระกับเจ้าแล้วข้าจะดูแลภรรยาของเจ้าอย่างดี หึหึ” //มันใช้มือข้างหนึ่งของมันรับหมัดของอัลบาร์โดเอาไว้ก่อนที่มันจะใช้หมัดอีกข้างหนึ่งต่อยหน้าอัลบาร์โดสวนกับไป
ตุบบบ!!
เขาถูกมันต่อยจนหน้าของเขาแนบจมลงไปในพื้นดิน มันหยิบขวานออกมาแล้วใช้เท้าเหยียบลงไปที่กลางอกของอัลบาร์โดก่อนที่มันจะใช้ขวานเล่มนั้นสับลงไปที่คอของอัลบาร์โด
ฟิ้วววว!! ปั๊กกกก!!!
*ตัดกลับมาที่เวลาปัจจุบันที่เป็นเหตุการณ์คู่ขนาน*
“คร๊ออกก...ฟี่….คร๊อกก...ฟี่….” //กำลังนอนหลับฝันหวานท่ามกลางพายุฝนอย่างสบายใจเฉิบ
“เรณๆ! รีบตื่นเร็วเข้า!” //อัลลาร์เข้ามาเขย่าตัวผมด้วยความร้อนรนเหมือนเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น
“หื้มมม..ห้าววว..มีอะไรหรอครับอัลลาร์...นี่มันยังมืดอยู่เลยนะ...ห้าวววว...” //ผมตื่นขึ้นมาในสภาพงัวเงียเหมือนมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
“ข้ารู้สึกว่าเกิดเรื่องบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ดีอยู่ที่หมู่บ้าน! บางทีอาจจะมีคนในเผ่ากำลังตกอยู่ในอันตรายตอนนี้!!”
“หื้มม...คุณคิดไปเองรึเปล่า...ผมว่าคุณน่าจะพักผ่อนได้แล้วนะ….งื้มมๆ..” //ทำท่าเหมือนจะล้มตัวนอนอีกรอบ
“รีบตื่นขึ้นมาได้แล้ว!! ข้าสังหรณ์ใจไม่ดีชอบกล” //เขาเขย่าตัวผมอีกครั้งไม่ให้ผมเผลอหลับ
“ครับๆ...ผมตื่นก็ได้...เห้อออ..”
//ลุกขึ้นมาตามคำสั่งอัลลาร์“อ่ะนี่สัมภาระกับอาวุธของเจ้ารีบเก็บเราจะได้รีบออกไปดู” //เขาหยิบเอากระเป๋ากับสะพายดาบมาที่หน้าตักผม
ผมใช้เวลาครู่หนึ่งในการจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยและผมรู้สึกว่าเขามีกิริยาท่าทางที่ดูร้อนรนและตื่นตัวผิดปกติผมจึงยอมลุกขึ้นมาแล้วแต่งตัวอะไรให้เรียบร้อยก่อนเดินทางกลับหมู่บ้าน
“ถ้างั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ เจ้ารีบขึ้นมาเกาะบนหลังข้าเร็ว!” //เขานั่งย่อตัวให้ผมขึ้นขี่หลัง
“ครับๆ” //ขี้นขี่หลังอัลลาร์
“ซิ่งล่ะนะ!”
ฟ้าวววว
!!!เขาก้าววิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงผิดสิ่งมีชีวิตทั่วไปที่สามารถวิ่งแบบนี้ได้แต่ก็นะเขาเพิ่งมาอธิบายให้ผมฟังก่อนที่ผมจะเข้านอนว่าเขาเป็นลิซาร์ดแมน
1 ใน
4 เผ่าหลักๆของลิซาร์ดแมนทั้งหมดโดยเผ่าลิซาร์ดแมนตะวันออกจะเป็นเผ่าที่มีขนาดร่างกายเล็กที่สุด คล่องแคล่ว และเคลื่อนที่ว่องไวที่สุดในบรรดาสี่เผ่าหลักทั้งหมดแต่ก็ต้องแลกมาด้วยร่างกายที่มีขนาดเล็กและมีพละกำลังที่น้อยกว่าเผ่าไหนๆ เขาวิ่งฝ่าลมฝนยามค่ำคืนลัดเลาะไปตามป่าเขาต่างๆลมที่พัดเข้ากระแทกหน้าบวกกับน้ำฝนที่สาดเข้ามาทำให้ผมหายใจไม่ออกและเจ็บไปทั่วใบหน้า ผมเอาหน้าซุกข้างหลังของเขาเพื่อหลบลมและฝนที่ปะทะเข้ามาจนกระทั่งเขาวิ่งมาถึงชายป่าก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้าน
“นั่น..อัลบาร์โดใช่ไหมน่ะ??!” //เขาวิ่งเข้ามาหลบอยู่ในพุ่มไม้แล้วจับตาดูจากตรงนั้น
“หื้ม อัลบาร์โดหรอ”
“เขากำลังต่อสู้กับใครบางคนที่เป็นลิซาร์ดแมนเหมือนกับพวกเราอยู่….เอ๊ะ..นั่น!....มันไม่ใช่คนในเผ่าของพวกเรานิ!!” //เขาชะโงกหน้ามองผ่านหลังพุ่มไม้
“อ่าวไม่ใช่พวกเดียวกันหรอครับ??” //ผมลงจากหลังแล้วชะโงกหน้าขึ้นมาดูด้วย
“เราต้องเข้าไปช่วยเขาก่อนที่เขากำลังเสียท่าให้มันอยู่...นั่น..เขากำลังถูกมันลงมือฆ่าแล้ว!!”
“แล้วจะทำยังไงดีครับอัลลาร์”
“นั้นสิ...ทำไงดีๆๆ...” //มองหันซ้ายหันขวาแล้วมาหยุดที่ผม
“อ่าใช่แล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่าเรณข้าขอยืมตัวเจ้าหน่อยนะ” //เขาลุกขึ้นแล้วจับผมอุ้มขึ้นมาแล้วถือผมในท่าปาหอก
“เห้ๆๆๆ เดี๋ยวก่อนครับอัลลาร์ผม...!!” //ผมดิ้นด้วยความตกใจ
“ไปเลย!!” //เขาจับผมขว้างไปทันทีโดยไม่ให้ผมเตรียมพร้อมเข้าไปหาเจ้าลิซาร์ดแมนปริศนาที่กำลังจะลงมือฆ่าอัลบาร์โดโดยการใช้ขวานสับ
ฟิ้ววว!!! ปั๊กกก!!
หัวของผมเข้าไปกระแทกกับศีษระของมันอย่างแรงจนผมกับสวาร์กอร์ทกระเด็นล้มลงไปคนละทิศละทางอัลลาร์ที่เห็นว่าผมเข้าเป้าจึงออกมาจากที่ซ่อนและรีบวิ่งมาสมทบกับผมทันทีเพื่อมาช่วยอัลบาร์โด
“โอ้ยยย ใครปาอะไรมาโดนหัวข้าเนี่ย??!!” //มันเอามือลูบหัวข้างที่หัวผมเข้าไปกระแทกด้วยเมื่อกี้
“อัลบาร์โดเจ้าเป็นอะไรรึเปล่า….นี่เจ้า...เป็นใครกัน...??!” //เขาวิ่งเข้ามาประคองตัวอัลบาร์โดก่อนที่จะส่งสายตามองไปที่สวาร์กอร์ทที่เป็นลิซาร์ดแมนปริศนาที่เขาพบเจอตั้งแต่แรกเมื่อกี้
“หื้มม เจ้า...เจ้าใช่อัลลาร์ฮาร์ทรึเปล่า??” //มันกลับลุกขึ้นมายืนแล้วมองไปที่อัลลาร์ที่เป็นตัวมาใหม่
“ใช่! ข้าคืออัลลาร์ฮาร์ทว่าแต่เจ้าเป็นใครกัน ทำไมถึงคิดจะฆ่าอัลบาร์โด??!”
“อัลลาร์...เจ้า...ระ..รีบหนีไป…..เร็วเข้า…..อั๊กกกก...อ๊อกกก...” //อัลบาร์โดที่กำลังบาดเจ็บพยายามบอกให้อัลลาร์รีบหนีออกไปจากที่นี่
“งั้นข้าก็เดาไม่ผิด เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาพบหมอยาสมุนไพรป่าระดับตำนานที่เขาอาศัยอยู่ในเผ่าลิซาร์ดแมนอันแสนจะอ่อนแอปวกเปียกแบบนี้แถมยังได้มาพบเจอในวาระที่เหมาะเจาะพอดีกับตอนที่ข้ากำลังจะสังหารผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าตะวันออกอีกด้วย หึหึ”
“เจ้าเป็นใคร!!?” //อัลลาร์ยังถามคำถามเดิมทวนอีกครั้ง
“โอ้….ขอประทานโทษที่ข้าแนะนำตัวช้าไปข้ามีนามว่า สวาร์กอร์ท หัวหน้าจอมพลังแห่งเผ่าลิซาร์ดแมนตะวันตกยินดีที่ได้รู้จักอัลลาร์ฮาร์ทลิซาร์ดแมนผู้ชำนาญปราดเปรื่องยาพิษและยาสมุนไพรแห่งเผ่าลิซาร์ดแมนตะวันออก… หึหึ”
“แล้วทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้!? พวกเจ้ามีแผนการอะไรถึงบุกลักลอบเข้ามาในถิ่นปกครองของเผ่าตะวันออก?!”
“ข้าได้รับมอบหมายให้มาสังหารลิซาร์ดแมดตัวหนึ่งที่มีนามว่า อัคคลีทัส หัวหน้าเผ่าลิซาร์ดแมนตะวันออกโดยการตัดเอาศีษระของมันแล้วนำกลับไปที่เผ่าของพวกข้าเพื่อแสดงความมีอำนาจและการมีชัยเหนือกว่าพวกเจ้ายังไงล่ะ” //แล้วมันก็ยกขวานขึ้นมือข่มขวัญอัลลาร์แสดงความน่าเกรงขาม
“นี่พวกเจ้ากล้ามากจนถึงขนาดลอบเข้ามาสังหารหัวหน้าเผ่าของพวเรา?!”
“ใช่แล้ว เพราะถึงยังไงเผ่าของพวกเจ้ามันก็เป็นเผ่าที่อ่อนแออยู่แล้วถ้านับเผ่าอื่นๆด้วยกันทั้งหมดสี่เผ่าแต่ถ้าให้ข้าคิดดูๆที่ให้ละเอียดถี่ถ้วนแล้วข้าว่าเผ่าของพวกเจ้าอ่อนแอที่สุดเลยล่ะมั้ง หึหึ”
“แต่ก็ช่างมันเถอะไหนๆเจ้าก็อยู่รวมกับเจ้าอัลบาร์โดแล้วข้ารีบฆ่าเจ้าให้ตายสะตั้งแต่ตอนนี้เลยแล้วกัน!!” //แล้วมันก็พุ่งชาร์จเข้ามาหาอัลลาร์ทันที
อัลลาร์รีบแบกร่างพาอัลบาร์โดหนีด้วยความเร็วสูงตามฉบับลิซาร์ดแมนตะวันออกที่ขึ้นชื่อในด้านความเร็วเป็นเลิศจึงทำให้สวาร์กอร์ทโจมตีพลาดเป้าแต่ความเร็วในการเคลื่อที่ของอัลลาร์ก็ลดลงเนื่องจากเขากำลังแบกพาอัลบาร์โดหนีก่อนที่เขาพามาอัลบาร์โดมาพิงที่ใต้ต้นไม้ก่อนที่จะเข้าไปสู้กับสวาร์กอร์ท
“เรณ เรณ!!!” //อัลลาร์ตะโกนเรียกผมที่กำลังมึนหัวติ้วๆจากการกระแทกก่อนหน้านั้น
“หื้มม…….เหอออ…..ห๊ะ..!!!” //ผมเริ่มรู้สึกตัวเพราะได้ยินเสียงเรียกของอัลลาร์
“ห้ะ เรณเจ้าตื่นแล้วใช่ไหม??!”
“เหออ...ครับๆๆ...ผมตื่นแล้ว.!!” ‘’ผมตื่นขึ้นมาและมีอาการสับสนลนลานเพราะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้
“ข้าขอฝากให้เจ้าช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้อัลบาร์โดหน่อยนะ!! เดี๋ยวข้าจะรับมือกับเจ้านี่เอง!” //เขาโยนหามที่เก็บสมุนไพรจากตอนกลางวันมาให้ผม
“เจ้าคงจำวิธีบดและทำยาที่ข้าสอนเมื่อตอนกลางวันได้ใช่ไหม??”
“ครับๆ ผมจำได้”
“ถ้างั้นก็รีบเลย นู้น! อัลบาร์โดนอนหมดสติอยู่ตรงนั้นไง!” //อัลลาร์ชี้นิ้วไปที่ใต้ต้นไม้ที่เขาพาอัลบาร์โดไปนอนพิงตรงนั้นให้ผมดู
“ครับๆ” //แล้วผมก็รีบวิ่งไปปฐมพยาบาลตามที่อัลลาร์สั่งทันที
“เอาล่ะข้ากับเจ้ามาดูซิว่าก้อนเนื้อยักษ์อย่างเจ้าจะมีน้ำยาล้มข้าได้รึเปล่า?!"
“โอ้ เจ้ากล้าท้าทายข้าด้วยหรอเป็นแค่ลิซาร์ดแมนตัวกระจ่อยร่อยไม่เคยแม้กระท่ังฆ่าคนถือดีกล้ามาท้าทายข้าอย่างนี้มันต้องสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึกสะบ้างแล้ว!?” //มันกำขวานเอาแน่นด้วยความโกรธก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหาอัลลาร์ที่ยืนรอโอกาสนี้
“เสร็จข้าล่ะ” //เขาก้มหลบคมขวานของสวาร์กอร์ทก่อนที่เขาจะหยิบเอาขวดบางอย่างปาใส่ตรงบริเวณหน้าท้องของมันไปหนึ่งขวด
เพล้งงง!!! ซ่าาาา!!
น้ำกรดเริ่มกัดละลายบริเวณหน้าท้องของมันอย่างช้าๆ มันนั่งฟุบลงและเอามือถูๆปัดๆใช้หน้าฝนล้างน้พกรดที่หน้าท้องก่อนที่มันจะเริ่มมีน้ำโหออกมา มันพุ่งชาร์จเข้าไปหาอัลลาร์ด้วยความโกรธและต้องการที่จะบดขยี้อัลลาร์ให้ย่อยยับแต่มันก็โจมตีพลาดและก็ถูกอัลลาร์โจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมันล้มลงหน้าซุกดินพร้อมกับร่างกายที่มีแผลเปื่อย
“คุณจัดการมันได้!...อัลลาร์คุณจัดการมันได้แล้ว!!” //ผมตะโกนออกไปด้วยความดีใจที่อัลลาร์จัดการเจ้าสวาร์กอร์ทได้อย่างไม่ยากเย็น
“อื้ม....” //เขาไม่ตอบอะไรนอกจากจะส่งยิ้มและชูนิ้วโป้งให้เรณ
แต่ความดีใจนั้นก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อสวาร์กอร์ทมันกลับลุกขึ้นมาอีกครั้งและในคราวนี้มันมีขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่าเดิมเป็นเท่าตัวมันใช้กำปั้นอัดเข้าไปที่ข้างหลังของอัลลาร์ตอนที่เขากำลังเผลออย่างแรงจนตัวเขาปลิวกระเด็นมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ผมอึ้งและตกใจมากที่มันโดนน้ำกรดขนาดนั้นจนร่างกายเริ่มเน่าเปื่อยขนาดนั้นแล้วยังไม่ตายแถมฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในร่างรูปแบบใหม่ที่บ้าคลั่งกว่าเดิมพร้อมกับพละกำลังที่เพิ่มขึ้นอย่างท่วมท้น
“ระ...เรณ…...เจ้า..รีบ..หนี..ปะ..ไปสะ..ตอนนี้...ระ..เร็วเข้า...” //อัลลาร์ที่กำลังบาดเจ็บใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีบอกให้เรณที่ปฐมพยายลอัลบาร์โดอยู่ให้รีบหนีไป
“ไม่ได้...คุณจะให้ผมหนีแล้วทิ้งคุณเอาไว้น่ะหรอ...ไม่มีทาง..ผมทำไม่ได้..” //ผมปฏิเสธทันควันแล้วรีบเข้าไปประคองตัวเขาให้อยู่ในสภาพนอนหงายหน้าเพื่อที่จะคุยกันในท่าที่สะดวก
“รีบหนีไป….ข้าไม่อยาก..หะ..ให้เจ้าต้อง...มาลำบาก..เพราะข้า…...”
“ไม่ได้...ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก..ถ้าคุณสู้ไม่ไหวเดี๋ยวผมจะออกไปสู้กับมันเอง!”
“ไม่ไหวหรอก…...เจ้าเอาชนะเจ้า...สวาร์กอร์ทไม่ได้!....แค๊กๆๆๆ...” //ไอออกมาเป็นเลือด
“.......ไม่ว่ายังไงก็ตามผมจะต้องช่วยชีวิตคุณทั้งสองคนเอาไว้ให้ได้..แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของผมก็ตาม!”
ผมคุยกกับอัลลาร์สักพักด้วยความเร่งรีบสวาร์กอร์ทในตอนนั้นเดินมายังจุดที่ผมกับอัลลาร์นั่งอยู่อย่างช้าๆผมไม่มีเวลาและทางเลือกมากนักจนผมเกลี้ยกล่อมให้อัลลาร์ยอมให้ผมออกไปสู้กับมัน
อัลลาร์หลับตาลงอย่างสงบแล้วหมดสติไปเหลือทิ้งไว้เพียงสายฝนที่สาดตกลงมาเขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตผมและเป็นคนที่แคร์ในตัวผมคนแรกๆหลังจากที่ผมมาที่โลกนี้
Ancian Online เขาหลับตาลงอย่างสงบและนั่นก็คือแรงผลักดันที่ทำให้ผมต้องลุกขึ้นสู้!...
ผมชักดาบออกมาจากแล้วเดินเข้าไปประจันหน้ากับมันอย่างไม่กลัวตายในใจผมนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจและความแค้นที่สุมในอกและตอนนี้ถึงเวลาที่มันจะต้องชดใช้ในสิ่งที่มันทำแล้ว
:เข้าสู่การต่อสู้:
“หืออ?? มนุษย์งั้นหรอ?? เผ่าพันธุ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องด้านสติปัญญาล้ำเลิศและการสร้างวิทยาการขั้นสูงเกินกว่าเผ่าพันธุ์ลิซาร์ดแมนอย่างพวกเราจะนึกหรือเข้าใจได้ และช่วงเวลานี้มนุษย์อย่างเจ้าได้มาเผชิญหน้ากับข้าตัวต่อตัวเพียงลำพังเพื่อที่จะต่อสู้กับข้างั้นรึ? แต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาๆที่ข้าเคยพบเจอมาล่ะสินะ” //มันหรี่ตามองมาที่ผมเหมือนมีเลห์เหลี่ยมบางอย่าง
“.....”
//เงียบกริบ
“ข้าขอไม่ถามเจ้าแล้วกันว่าทำไมเจ้าถึงมาอยู่ปะปนกับเผ่าพันธุ์ลิซาร์ดแมนโดยเฉพาะพวกเผ่าตะวันออกได้…..แต่ที่ข้ารู้แน่ๆก็คือ…..”
“เจ้าเป็นศัตรูของข้า!!!!”
มันวิ่งพุ่งเข้ามาแล้วใช้หมัดชกมายังจุดที่เรณยืนอยู่เพื่อชิงจังหวะเปิดก่อนโดยก่อนหน้านั้นเรณได้เดินเลี่ยงออกห่างจากจุดที่อัลลาร์กับอัลบาร์โดหมดสติอยู่
ฟึ้บบบ! ฉัวะ ฉัวะ !!
ผมกลิ้งหลบการโจมตีของมันแล้วโจมตีสวนกลับไปโดยการใช้ดาบฟันที่แขนของมันอย่างแรงจนเลือดพุ่งกระฉูดเป็นสายฝนจนผมเห็นว่ามือของมันกระเด็นตกลงพื้นใกล้ๆจนผมเห็นเนื้อหนังและกระดูกอย่างเห็นได้ชัดจากรอยฉีกขาด
“อ๊าากกก!!!” //มันร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
เขาวิ่งเข้าไปฟันตรงบริเวณลำตัวและข้อพับตรงขาของมันอย่างรวดเร็วแต่เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่เป็นตัวของตัวเองและรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างกำลังบงการตัวเขาจากข้างในจากส่วนก้นบึ้งของจิตใจอย่างเงียบๆเขาสัมผัสได้ถึงความอยากที่ต้องการที่จะฆ่ามันเพื่อที่จะแก้แค้นให้กับอัลลาร์ที่มันทำกับเขาไว้อย่างสาสมโดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นยังไง
“หนอยยย!! เจ้ามนุษย์ตัวกะเปี๊ยก ย๊าากกก!!” //มันใช้หมัดจากแขนอีกข้างต่อยมาที่เรณอย่างแรงแต่ด้วยความเชื่องช้าจึงเผยช่องโหว่ให้สวนการโจมตีกลับไปได้
ฉัวะ!! ซ่าาาา !!
ผมใช้ดาบฟันข้อมือของมันจนมือของมันขาดออกจากแขน มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและลนลานจนทำอะไรไม่ถูกเลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากบริเวณที่ถูกตัดจนปะปนกับสายฝนจนเลือดไหลนองไปทั่วพื้น ผมรีบใช้จังหวะนั้นวิ่งเข้าไปแล้วใช้ดาบแทงไปที่ตัวมันอย่างไม่ยั้งมือจนกระทั่งดาบแทงทะลุตัวมันจนมิดด้ามก่อนที่มันจะนอนแน่นิ่งไม่มีตื่นอีก
”แฮ่ก….แฮ่ก….แฮ่ก….” //ผมถึงกับยืนหอบพักหลังจากพยายามอย่างมากในการฆ่าสวาร์กอร์ทจนสำเร็จ
ผมเดินกลับไปหาอัลลาร์แล้วพยุงตัวเขาขึ้นมาแล้วเริ่มต้นช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยวิชาทางยาสมุนไพรที่เขาเป็นคนสอนผม ผมเริ่มนำต้นหญ้าอ่อนของสมุนไพรมาบดๆและไปรวมผสมกับน้ำฝน
(น้ำฝนในโลกของเกม ACO ไม่มีสารพิษหรือสิ่งเจือปนเหมือนในโลกความเป็นจริง) “อะไรกันๆ….เรณ….นี่เจ้าเป็นห่วงข้ามากขนาดนี้เลยหรอเนี่ย..?”
“เหออ...อัลลาร์..!!” //รู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่าอัลลาร์ยังไม่ตาย
“หึหึ….ข้าน่ะไม่ตายง่ายๆหรอกนะ..จะบอกให้..” //มีการพูดติดตลกขึ้นมาเพื่อกลบความเครียดเพื่อให้ผมสบายใจ
“อัลลาร์! ผมนึกว่าผมจะช่วยคุณไม่ได้สะแล้ว!” ผมโล่งอกและดีใจที่เขากลับมาได้สติอีกครั้งแต่ผมก็ไม่ได้เข้าไปโอบกอดอะไรเขาหรอกนะทีแรกเขาแอบบ่นว่าผมเอาน้ำอะไรมาให้เขากินแต่ผมก็บอกไปว่ามันเป็นน้ำสมุนไพรที่เขาสอนผมแต่เขาก็บอกว่าน้ำสมุนไพรที่ดีต้องมรสขมมากกว่านี้นะแล้วผมกับอัลลาร์ก็หัวเราะด้วยกันออกมาก่อนที่ร่ายกายของอัลลาร์จะฟื้นตัวขึ้นมาใหม่จนเกือบจะหายดี
“อะ..อึ๊กก…...อ๊อกก...” //อัลบาร์โดดิ้นไปดิ้นมาพร้อมแสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างทรมาณ
“อ๊ะ!...พวกเราลืมอัลบาร์โดไปสะสนิทเลย...เจ้ารีบไปช่วยเขาก่อนเถอะ...ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอก”
“แน่ใจนะครับ...ว่าคุณไม่เป็นอะไรจริง…?”
“แน่ยิ่งกว่าแน่สะอีก...นี่ข้าเป็นหมอยาระดับมือโปรนะเรื่องอาการบาดเจ็บแค่เนี่ยะถือว่าสบาย” //เขายกอกแล้วเอากำปั้นทุบที่หน้าอกตัวเองเบาๆ
“ฮื้มมมม!!”
หลังจากผ่านเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาได้สถานการณ์ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาวะปกติแต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ปกตินั่นก็คือร่างของสวาร์กอร์ทหายไปอย่างไร้ร่องรอยผมมั่นใจว่าร่างของมันน่าจะนอนอยู่แถวนั้นอีกทั้งมือที่โดนผมฟันจนขาดก็หายไปด้วยเช่นกัน สภาพที่โดนน้ำกรดเข้าไปเยอะขนาดนั้นมันไม่น่าจะรอดเพราะผมกระหน่ำแทงมันซ้ำเติมหลายจ้วงจนดาบแทบจะเสียบทะลุมิดด้ามแต่ถึงมันรอดมันก็ไม่น่าจะมีแรงมากพอที่จะหนีไปไหนได้ไกลมากนัก
เวลา 6 โมงเช้า พวกนักรบลิซาร์ดแมนที่ไม่รู้เรื่องต่างต้องตกใจเมื่่อผมกับอัลลาร์กำลังช่วยกันพยุงอัลบาร์โดเข้ามาในหมู่บ้านจนข่าวการลอบโจมตีดังแพร่สพัดไปทั่วหมู่บ้าน ผมกับอัลลาร์ส่งตัวอัลบาร์โดไปให้แพทย์ประจำหมู่บ้านเพื่อให้เขาได้ทำการรักษาอัลบาร์โดต่อไปส่วนเราสองคนก็กะจะไปหาอะไรกินและไปนั่งพักผ่อนรับแสงแดดยามเช้าคลายเครียด
“เดี๋ยวก่อน…..เจ้ามนุษย์…..” //เขาคว้ามือของผมเอาไว้เหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่าง
“หื้ม...มีอะไรหรอครับ?” //หันมามองอัลบาร์โดที่จับมือเขาเอาไว้
“ข้าต้องขอ...ขอบใจเจ้ามาก….ที่ช่วยชีวิตข้า...เอาไว้…..และข้าขอฝากบอกขอบใจอัลลาร์ฮาร์ท...ให้ด้วยนะ...”
“ไม่เป็นไรครับผมแค่ทำในสิ่งที่ผมควรจะทำแค่นั้นเอง”
“เหอะ…...งั้นหรอกหรอ…..แต่ข้าก็ขอบใจเจ้าจริงๆนะ…..แต่ข้ามีเรื่องอยากจะวอนขอให้เจ้าช่วย...”
“มีอะไรที่ผมช่วยได้ผมก็จะช่วยนะครับ”
“เจ้าช่วย…..ตามหาภรรยาของข้าที….นางถูกเจ้าสวาร์กอร์ทจับตัวไป…..ตอนนี้ลูกๆของข้าที่อยู่ที่บ้านคงจะเป็นห่วงมาก...เพราะฉะนั้น...ข้าขอร้อง..ให้เจ้าช่วยตามหาภรรยาของข้า..แล้วพานางกลับอย่างปลอดภัยด้วยเถอะ...”
“ไม่มีปัญหาครับคุณอัลบาร์โด ผมจะตามหาภรรยาของคุณให้และจะพากลับมาอย่างปลอดภัยเพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“ข้าต้องขอบใจเจ้ามากจริงๆ...เจ้ามนุษย์….ทีแรกข้ามองเจ้าผิดไป….แต่ตอนนี้ข้าเริ่มจะเห็นความดีความชอบ...ในตัวเจ้าบ้างแล้วล่ะ...และข้าก็ต้องขอโทษที่ข้าพูดจาสบประมทาเจ้าเมื่อวันก่อน..เจ้าไปได้แล้วล่ะ...” //แล้วเขาก็ปล่อยมือเรณแล้วหลับตาลงนอนหลับพักผ่อนก่อนที่จะถูกหามเปลไปรักษาตัว
หลังจากส่งตัวอัลบาร์โดให้เข้ารับการรักษากับแพทย์แล้วผมกับอัลลาร์ก็ชวนกันพาไปกินเลี้ยงฉลองเล็กๆน้อยๆแด่ชัยชนะที่ผมกับเขาช่วยกันล้มเจ้าสวาร์กอร์ทได้สำเร็จ
(อาจจะนะ)
“อึก อึก อึก….อ้าาาห์~...ดื่มแด่ชัยชนะของเจ้าด้วย..เรณ...~~” //อัลลาร์ดื่มเหล้าเข้าไปหลายแก้วจนเริ่มเมาได้และเริ่มเพ้อได้ที่
“เอิ่มม…..อัลลาร์คุณดื่มมากเกินไปแล้วนะครับ...”
“ดื่มมากดื่มเมิก~..ตรงไหนกัน??~…..นี่ข้าเพิ่งดื่มไปแค่ไม่กี่จอกเอง~….เอิ๊กก...”
ดูจากการนับจำนวนครั้งที่เขาดื่มไปน่าจะตกไปรอยๆร้อยไม่ก็สองร้อยจอกแล้วมั้งเขากินไปพูดร่ายยาวไปเรื่อยตามประสาคนเมาเหล้าแถมยังชักชวนให้ผมดื่มร่วมกับเขาอีก
(เห้ออออ ถ้าเล่นกับเขาด้วยมีหวังเมาแอ๋ทั้งคู่แน่ๆ)
“เจ้ามนุษย์..!”
“เห??” //หันไปมองตามเสียงเรียกจากใครบางคน
อัคคลีทัสพร้อมกับนักรบบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งเดินตรงหรี่เข้ามาหาผมที่เขามาหาผมก็เพราะมีเรื่องที่ต้องคุยกับผมเป็นการส่วนตัวแรกๆผมก็อยากจะลองถามความคิดเห็นของอัลลาร์แต่สภาพเขาเมาเกินกว่าจะพูดคุยเป็นเรื่องเป็นราวได้
“รบกวนช่วยเจ้ามากับข้าหน่อยได้ไหม ข้ากับเจ้ามีเรื่องที่ต้องคุยกันเป็นการส่วนตัว”
“.....ก็..ได้ครับ...”
ตอนนั้นผมยินยอมไปอัคคลีทัสด้วยความที่เขาเป็นหัวหน้าเผ่าและเชิญชวนผมไปคุยธุระบาอย่างเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทผมจึงยอมไปกับเขาเพื่อให้เกียรติสถานที่และตำแหน่งของเขา ผมเดินตามอัคคลีทัสไปจนถึงตำหนักที่พักของเขาที่ตั้งห่างออกไปจากหมู่บ้านไม่ไกลมากนักสภาพสถานที่โดยรอบของที่นี่เละเทะมากมีทั้งซากต้นไม้หักโค่นล้มลงจำนวนมาก กระท่อมที่เป็นตำหนักของเขามีรูโหว่ขนาดใหญ่ที่น่าจะเกิดจากการจากต่อสู้กันและที่หนีไม่พ้นก็คือมีคราบเลือดนองเต็มพื้นทั่วบริเวณรอบๆตำหนักของเขาเต็มไปหมดจนทำเอาผมรู้สึกเสียขวัญนิดๆจนเขาเดินนำผมขึ้นไปรอบนตำหนัก
“นั่งลงก่อนสิ..”
“...ครับ” //นั่งลง
“ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้าสักสองสามเรื่องหน่อย”
“มีเรื่อง..อะไรหรอครับ...?” //พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง
“เรื่องที่เจ้าไปสู้กับลิซาร์ดแมนตะวันตกที่ชื่อสวาร์กอร์ทเมื่อคืนนี้ยังไงล่ะ...”
“เห๋??!! คุ..คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ..?!” //ผมแสดงความแปลกใจขึ้นมาเพราะว่ามีเพียง ผม อัลลาร์ และอัลบาร์โดเท่านั้นที่อยู่ในเหตุการ์ณและรู้เรื่องราวทั้งหมดของเรื่องเมื่อคืนนี้
“ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ ข้าน่ะเซ้นรับรู้แยกแยะประสาทรับกลิ่นได้ดีนะ เรื่องจิ๊บจ้อยแค่นี้ทำไมข้าจะไม่รู้”
“ถ้างั้นแสดงว่าคุณก็รู้ว่าเจ้าพวกลิซาร์ดแมนอีกกลุ่มที่ว่าจะมาที่นี่..?”
“ใช่ ข้ารู้ตั้งแต่แรกที่มันก้าวข้ามเข้ามาในเขตแดนฝั่งตะวันออกทางนี้แล้วล่ะ”
“แล้วทำไมคุณไม่ส่งคนไปขัดขวางล่ะครับ! คุณรู้ไหมว่าเมื่อคืนอัลบาร์โดเกือบจะถูกเจ้าพวกนั่นฆ่าตายนะครับ!!”
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าข้าควรจะทำแบบนั้น แต่ข้าก็คาดไม่ถึงว่าพวกมันจะหมายหัวข้าตั้งแต่แรก...อึกๆๆ...” //ยกขวดน้ำดื่มต่อ
แต่หางของเขาฟาดพื้นที่อยู่ข้างหลังอย่างแรงเหมือนบอกผมอ้อมๆว่าผมกำลังขึ้นเสียงกับเขาซึ่งเป็นการเสียมารทายในการสนทนากับเจ้าบ้าน
"เอ่อ......งั้นหรอครับ....”
“เฮ้อออ………..อัลบาร์โดน่ะ…..เขาก็เหมือนกับคนในครอบครัวของข้านั้นแหละ……..รวมไปถึงลูกๆของเขาก็เป็นเหมือนกับหลานๆของข้าที่ข้ารักเหมือนเป็นคนร่วมสายเลือดแท้ๆเลยล่ะ…..” //เขาก็นั่งถอนหายใจชุดใหญ่ก่อนที่จะเอามือข้างหนึ่งมาค้ำที่หน้าแข้ง
“อันที่จริง...ข้าก็สั่งให้เขาของข้าไปจัดการขัดขวางพวกมันก่อนหน้านั้นแล้วล่ะ…..แต่ไม่นึกเลยว่าพวกมันที่บุกเข้ามาไม่ใช่พวกรากหญ้าธรรมดาๆ…..อึก..อึก..อึก” //เขาหยิบเอาขวดน้ำบางอย่างขึ้นมาดื่ม
“ไม่ใช่….พวกที่มีฝีมือธรรมดาๆหรอครับ?”
“ใช่…..แต่ละตัวที่ยกพวกกันมาก็มีฝีมือและทักษะการต่อสู้ใช่ย่อย...ตัวใหญ่ร่างกายแข็งแรงและทรงพลังสมคำล่ำลือสมกับพวกตะวันตกแล้วล่ะแต่ประสบการ์ณและทักษะความสามารถก็คะนามือข้าหรอก...ถ้ามองจากสายตาของคนทั่วไปเจ้าพวกนี้อันตรายมากเลยล่ะ...แต่สำหรับข้าพวกมันก็เป็นแค่แมลงเม่าบินเข้ากองไฟแค่นั้นแหละ...อึก...อึก...อึก...”
“ถ้างั้นพวกคราบเลือดและซากต้นไม้ที่หักโค่นรวมถึงรูโหว่ใหญ่ๆตรงนี้ก็เกิดจากฝีมือคุณที่ต่อสู้กับพวกที่มาบุกใช่ไหมครับ?” //ผมเอานิ้วชี้ไปที่รูโหว่ขนาดใหญ่ข้างซ้ายมือที่มองออกไปก็เห็นแต่ป่า
“ถูกต้องแล้วล่ะ...และข้าก็จัดการสั่งสอนพวกมันเรียบร้อย...” //แล้วเขาก็วางขวดน้ำลงพื้น
*Flashback กลับมาที่เหตุการ์ณเมื่อคืนนี้ในส่วนของอัคคลีทัส*
แอ๊ดดดดดด……
~~เสียงเปิดประตูทางเข้าตำหนักดังลากเสียงยาวเบาๆขึ้นมากลางดึกท่ามกลางฝนที่กำลังจะตกซาบูลูหัวหน้านักรบมือสังหาริซร์าดแมนตะวันตกที่ได้รับคำสั่งให้ฆ่าอัคคลีทัสกำลังเดินย่องเข้ามาในตำหนักแล้วมุ่งตรงมายังเตียงนอนของอัคคลีทัสอย่างเงียบๆและเบาที่สุดจนมันย่องมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง
“หึหึหึ…….ในที่สุดก็ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว…..อัคคลีทัสผู้ยิ่งใหญ่ที่ออกทำศึกนำทัพออกรบมาอย่างโชกโชนนับครั้งไม่ถ้วน...บัดนี้อัคคลีทัสผู้ยิ่งใหญ่จะต้องสิ้นชีพในคืนนี้แล้ว...หึหึหึ” //มันยกดาบแล้วเตรียมที่จะแทงมันลงไปที่ตัวของอัคคลีทัส
ฉึบบ !! “เอะเอ๋….?? นี่มัน!!?” //มันสัมผัสได้ว่าดาบของมันแทงเข้ากับของแข็งบางอย่างที่ไม่ใช่อัคคลีทัส
“เผยตััวแล้วหรอ ไอ้พวกแมงเม่า!!” //อัคคลีทัสเดินออกมาจากหลังประตูทางเข้าก่อนที่เขาจะจุดไฟให้เกิดแสงสว่าง
“หะหือ...หรือว่าเจ้ารู้อยู่แล้วพวกพวกข้าจะมา...เจ้าเลยวางแผนหลอกข้า..!!” //มันรีบหันกลับมามองอัคคลีทัสด้วยความตกใจหลังจากที่มันถูกหลอกให้มาติดกับ
ตั๊บบบบบบ !!!
เขาพุ่งเข้าไปต่อยหน้าซาบูลูอย่างจังจนตัวมันปลิวทะลุกำแพงออกไปข้างนอกตำหนักท่ามกลางเม็ดฝนที่ค่อยๆทะยอยตกลงมา ด้วยความแรงในการออกหมัดของเขาทำให้ซาบูลูที่เป็นถึงหัวหน้านักรบต้องสลบไปทันทีโดยการต่อยเพียงครั้งเดียว
“หืมม!!?? นั่นท่านซาบูลูนี่นา!!/เกิดอะไรขึ้นน่ะ!!??” //ลูกน้องสมุนมือดีของซาบูลูที่อยู่แถวนั้นแสดงอาการตื่นตระหนกขึ้นมา
“แหม่ๆๆ จะยกขโยงกันมาหาข้าตั้งแต่แรกก็ไม่บอกข้าจะได้เตรียมการสำหรับการฆ่าพวกเจ้าให้สิ้นซากสะหน่อย” //เขาเดินหักไม้หักมือออกมาข้างนอกตำหนักเพื่อออกมาเผชิญหน้ากับสุดยอดนักรบลิซาร์ดแมนฝีมือดีหลายสิบตัวที่ถูกส่งมาเก็บเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“ออกมาแล้วสินะ!! /ก็ดีพวกข้าจะไม่ไม่ต้องเข้าไปหาตัวแก!/พวกเจ้ามัวรออะไรอยู่… เข้าไปฆ่ามันซะ!!”
“โอ้ๆๆๆ!!!” //ลิซาร์ดแมนพวกที่เหลือส่งเสียงร้องข่มขวัญก่อนที่จะวิ่งกรูเข้าไปรุมจัดการอัคคลีทัสที่มีตัวคนเดียว
พวกมันวิ่งตรงเข้าไปหาเขาพร้อมกับอาวุธรูปแบบสารพัดอย่างที่เตรียมการมาอย่างดีในการฆ่าอัคคลีทัสโดยเฉพาะในรูปแบบที่มีจำนวนมากกว่า อาวุธพร้อมเพียงกว่า ประสบการณ์ทักษะการต่อสู้และการฆ่าที่ดิบเถื่อน
“ตายสะ!!” //มีลิซาร์ดแมนตะวันตกตัวหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาหาเขาแล้วใช้ดาบฟันเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ต๊าาบบบ!!
มันถูกอัคคลีทัสใช้หมัดอัดเข้าไปที่เบ้าหน้าอย่างแรงจนหน้าของมันยุบเข้าไปข้างในแล้วปลิวกระเด็นไปโดนกับพวกมันตัวอื่นๆที่เหลือ เขาหยิบดาบขึ้นมาแล้วกระโดดลงจากตำหนักเข้าไปสับหัวตัวที่อยู่ใกล้ๆที่สุดจนตัวของมันถูกตัดขาดครึ่งเป็นสองส่วนก่อนที่จะเปลี่ยนเป้าหมายไปจัดการพวกสายจอมเวทย์โดยการใช้อาวุธจากพวกมันที่ตายขว้างใส่ตายไปสองตัว
.
.
.
พวกที่โจมตีระยะประชิดต่างก็พากันวิ่งเข้ามาหาเขาคนละตัวสองตัวแต่ก็ถูกเขาเล่นงานจนหมดสภาพไปอย่างง่ายๆดายแม้ตัวเขาจะเป็นเผ่าลิซาร์ดแมนที่เล็กที่สุดก็ตาม แต่ฝีมือและความสามารถก็ไม่เป็นสองรองใคร
เซี๊ยยบบบบบ!!!
อัคคลีทัสใช้ดาบและอาวุธของพวกมันแทงทะลุตัวของพวกมันเองจนตอนนี้เหลือเพียงลิซาร์ดแมนไม่กี่ตัวที่ยังยืนอยู่ท่ามกลางซากศพนองพื้นเขาเริ่มฉายแววเพชฌฆาตสมัยเป็นนักรบลิซาร์ดแมนมือโปรออกมาสร้างความหวาดหวั่นไม่วิตกให้กับพวกตะวันตกที่เหลือเป็นอย่างมาก
“ไม่ๆๆ…..ได้โปรด...อย่าฆ่าพวกเราเลย….พวกเราต่างมีมีลูกและภรรยาที่พวกเราต้องดูแล….ได้โปรด...” //พวกลิซาร์ดแมนที่เหลือต่างทิ้งอาวุธของตนแล้วก้มให้กับอัคคลีทัสแสดงเจตจำนงขอยอมแพ้เพื่อร้องขอชีวิตตนให้เขาปล่อยพวกมันไป
“.........”
ฉึ่บบบบ!!! เซี๊ยยยบบบ!! ตั๊บบบบ!!
เขายังเดินไล่ฆ่าลิซาร์ดแมนตัวที่เหลืออที่ไม่คิดจะสู้อย่างเลือดเย็นไร้ความเมตตาปราณีและไม่มีความคิดที่จะปล่อยให้พวกมันหนีเล็ดลอดไปได้แม้แต่นิดเดียวจนลิซาร์ดแมนตัวสุดท้ายที่ร้องขอชีวิตต้องถึงกับตกใจกลัวและลนลานอย่างถึงที่สุด
“เห๋อออ!!!!…..ไม่ๆ!!…...ได้โปรด...ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด…...ข้าขอร้อง….ท่านโปรดเมตตาข้าด้วย…..ข้าถูกบังคับให้มาทำภารกิจนี้...ขะ...ข้าไม่ได้อยากจะ..จะ...ทำหน้าที่นี้เลย….ถะ..ถ้าข้าตายไปและ..แล้วใครจะ..ดูแลลูกๆและภรรยาของข้า...ที่รออยู่ที่บ้าน….ได้โปรด….ข้าข้อร้อง...ได้โปรด...ฮึก...ฮึก….” //มันยื่นไม้ยื่นมืออ้อนวานอย่างอาลัยอาวรณ์ร้องขอชีวิต
“.......ข้าไม่สนว่าศัตรูจะมีสถานะเป็นยังไงแต่พวกเจ้าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับข้าและเป็นศัตรูกัน..ข้าจำเป็นจะต้องสังหารพวกเจ้าทุกตัวที่กล้าล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตของพวกข้า..!!” //เขาใช้มือบีบคอลิซาร์ดแมนตัวนั้นอย่างแรง
“คั๊กก...อั๊กก…….ได้โป.ร..ด…...ข้...า...มี...ลู...ก.....และ...ภ..ร..ร..ยา....รอ...ใ..ห้....ข้า...กลับ.....ไป...ดู...แล....ที่..บ้..า..น….คั๊กกก....อั๊กก....” //มันพูดออกมาทั้งน้ำตาด้วยความทรมาณจากการโดนอัคคลีทัสบีบคอ
แกร๊กกกก!!!
เสียงกระดูกคอหักเสียงมากเขาหักคอลิซาร์ดแมนตัวนั้นตายเป็นรายสุดท้ายอย่างไม่สนใจใยดีก่อนที่สายฝนจะสาดลงมาท่ามกลางซากศพของเหล่าลิซาร์ดแมนที่นอนกองรวมกันระเนระนาดรอบๆบริเวณแต่ยังมีอีกคนที่เขาจะต้องจัดการตอนนี้นั่นก็คือซาบูลูแต่ตอนที่เขากลับไปตรงจุดที่ซาบูลูถูกเขาต่อยกระเด็นสลบออกมาช่วงแรกๆ
“ว่างเปล่า….” //เขากลับมามีเพียงแค่รอยพื้นดินถไลเท่านั้น
*ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน*
“หลังจากนั้นข้าก็สั่งให้คนมาทำความสะอาดเก็บกวาดรอบๆแถวนี้…และข้าคิดว่าช่างประจำหมู่บ้านน่าจะเดินทางมาถึงเร็วๆนี้แล้วล่ะ...อึก..อึก...อึก...”
“มันดูโหดร้ายมากเลยนะครับ…….เรื่องการเข่นฆ่ากันน่ะ...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง….” //แล้วผมก็หยุดพูดไปทั้งอย่างนั้นเหมือนไม่อยากพูดต่อ
“มีอะไรหรอ..?”
“เปล่าหรอกครับ…...ผมแค่รู้สึกว่า...สงครามมันไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้เลย...มีแต่จะสูญเสียกันทั้งสองฝ่าย….และที่สำคัญ….สงครามน่ะ...มันไม่สนใจหรอกว่าคนที่ต่อสู้จะมีสถานะและความเป็นอยู่ยังไง…..เพราะสุดท้ายตัวเองก็ต้องเป็นเหยื่อแล้วก็มาตายในสนามรบอยู่ดี...”
“.........เจ้าคงรู้สึกไม่สบายใจ….ที่พวกเราต้องคอยเข่นฆ่ากันไม่เว้นแม้แต่ละวัน…..มันคงทำให้เจ้ารู้สึกหดหู่อยู่ไม่น้อยใช่ไหมล่ะ…….แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้เพราะข้าก็เป็นหัวหน้าเผ่าและต้องทำทุกวิถีทางที่จะให้เผ่าของพวกเราดำรงอยู่ต่อไปนี่แหละคือเส้นทางชีวิตของข้าที่ถูกกำหนดมาแล้ว….เหตุผลที่ข้าทำไปนั้นก็เพื่อที่จะปกป้องคนที่ไม่มีทางสู้ให้ปลอดภัยจากสงครามและเพื่อให้พวกเขาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว...”
“งั้นหรอครับ….” //แล้วผมก็ก้อมหน้าลงอย่างเงียบๆแล้วดื่มน้ำในถ้วย
ตึก ตึก ตึก !!
เหมือนมีเสียงฝีเท้ากลุ่มขอใครบางเดินขึ้นมาแล้วมาเคาะที่หน้าประตูทางเข้าตำหนักของอัคคลีทัสครู่หนึ่ง
“ท่านอัคคลีทัสครับ พวกเรามาต่อเติมซ่อมแซมตำหนักของท่านแล้วนะครับ!” //พวกลิซาร์ดแมนชุดที่อัคคลีทัสเรียกก่อนหน้านั้นตะโกนเรียกให้อัคคลีทัสรับรู้ถึงการต่อเติมซ่อมแซมที่กำลังจะมาถึงในขณะนี้
ช่างซ่อมแซมได้เดินทางมาถึงตำหนักที่พักของอัคคลีทัสแล้วนั่นจึงทำให้ผมต้องขอเดินทางกลับไปส่วนเขาก็จะเป็นคนคอยควบคุมการต่อเติมอยู่ที่นี่….
ผมกลับมาหาอัลลาร์ที่ตอนนี้เขาหลับคาโต๊ะไปแล้วผมเดินเข้าไปสะกิดที่ไหล่ของเขาเพื่อปลุกเขาให้ตื่นเพือที่ผมจะได้ทำตามวัตถุประสงค์ที่ผมได้รับมอบหมายมาจากผู้ชายในความฝัน เวลาในการปลุกอัลลาร์ผ่านไปค่อนข้างนานกว่าเขาจะตื่นแต่นั่นก็ล่วงเลยเวลาไปถึงเที่ยงวันแล้ว
“อัลลาร์ อัลลาร์ ตื่นๆผมมีเรื่องอยากจะถามคุณหน่อย”
“หื้มมม….เจ้าอยากจะถามอะไรข้างั้นหรอ….ห้าววว...” //ตื่นขึ้นมางัวเงีย
“คือคุณพอจะรู้เรื่องที่อยู่ของสถานที่ที่ชื่อ Villa รึเปล่าครับ?”
“หื้มม….Villa งั้นหรอ….อื้ม...ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน...แต่เจ้าจะไปทำอะไรงั้นหรอ..??”
“พอดีผมถูกใครบางคนบอกให้ผมไปที่นั่นแล้วผมจะรู้ความจริงบางอย่าง….คุณพอจะรู้จักคนนำทางไหมครับ?”
“อื้มมมม…..ห้าาววว….ก็พอรู้บ้างคนนำทางเป็นผู้อาวุโสในเผ่าของพวกเรา...เจ้าน่าจะลองไปถามพวกเขาเหล่านั้นดูนะ...”
“แล้วผมจะไปพบพวกเขาเหล่านั้นได้ยังไงครับ คุณพอจะช่วยบอกผมได้ไหม”
“อื้มม….เจ้าก็ลองลัดเลาะขึ้นไปบนยอดเขาใกล้ๆหมู่บ้านนี้ดูสิ...พวกเขาเหล่านั้นอาศัยอยู่ที่นั่น...แต่ที่นั่นค่อนข้างอันตรายอยู่พอสมควร...เจ้าเองก็ระวังตัวให้ดีๆล่ะ..” //แล้วเขาก็เอาหน้าฟุบลงกับโต๊ะอีกรอบเหมือนจะขี้เกียจพาไป
“อะอ่าว?! คุณจะไม่พาผมไปส่งหรอครับ?”
“งื้มมม...เจ้าก็ดูสภาพข้าตอนนี้สิ...เมาจนจะเป็นไอ้ขี้เมาข้างทางอยู่แล้ว...เอิ๊กก…...แต่ก็โชคดีแล้วกัน...อย่าตายกลางทางสะก่อนล่ะ...เอิ๊กก...”
“เฮ้อออ ช่วยไม่ได้แล้วสิเอาเถอะลุยคนเดียวก็ได้” //ผมเลิกสนใจอัลลาร์และกำลังจะก้าวเดินจากไป
“อ๊ะ!….เดี๋ยวก่อนเรณ...”
“ครับ?” //หันกลับมามองอัลลาร์เพื่อรับฟัง
“เจ้าอย่าลืมเอาหญ้าสมุนไพรติดตัวไปด้วยล่ะ...บางทีเจ้าอาจได้ใช้มัน…..อ้อ!...และอย่าลืมเอาเนื้อตากแห้งกับน้ำติดตัวไปด้วยล่ะ...ข้าเก็บเอาไว้ที่กระท่อมข้านั่นแหละ....คร๊ออกกก….” //แล้วเขาก็ฟุบหลับลงไปกับโต๊ะทันทีด้วยฤทธิ์ของเหล้า
ผมกลับไปที่กระท่อมของอัลลาร์แล้วจัดแจงเก็บรวบรวมหญ้าสมุนไพรที่อยู่ในถุงใส่กระเป๋าสะพายของผมส่วนหนึ่งและมีพืชชนิดหนึ่งดูแปลกตาและผิดแปลกไปจากหญ้าสมุนไพรชนิดอื่นๆมันมีลักษณ์เป็นใบสีน้ำเงินแต่ลำต้นอ่อนของยอดใบเป็นสีม่วงผมคิดว่ามันน่าจะใช้ประโยชน์อะไรสักอย่างได้บ้างในอนาคตผมจึงหยิบยอดอ่อนพืชนั้นมาก่อนที่จะจัดแจงทำการผสมยาส่วนหนึ่งให้พร้อมเผื่อเกิดเหตุสถานการณ์ฉุกเฉิน
:คุณได้รับไอเทม:
- ต้นหญ้าสมุนไพรสีเขียว x40
- ต้นหญ้าสมุนไพรสีน้ำเงิน x40
- ต้นหญ้าสีน้ำเงินสมม่วง x1
- เนื้อตากแห้ง x20
- ขวดน้ำ 100% x1
15 นาทีต่อมา….
ผมเตรียมสัมภาระพร้อมแล้วเดินมุ่งหน้าออกเดินทางจากหมู่บ้านไปยังยอดเขาจุดหมายที่ใกล้ที่สุดโดยมีสัญลักษณ์ตำแหน่งบอกชัดเจนคือมีเสาธงขนาดใหญ่ปักเอาไว้โดยมีธงสีเขียวปลิวสบัดไปมาตามแรงลมอยู่ไกลๆผมรีบเดินมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อหวังจะได้คำตอบว่า Villa มันคืออะไรและทำไมผมต้องไปที่นั่น สถานที่แห่งนั้นมันมีอะไรรอผมอยู่แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมได้คำตอบและเก็บความสงสัยเอาไว้
4 ชั่วโมงต่อมา….
เวลา 16:29 น ค่าความหิวของคุณ อาหาร 23% น้ำ 5% คุณควรกินน้ำเดี๋ยวนี้):
:หลอด Stamina ของคุณลดลงเหลือ 40% ของเปอร์เซ็นค่า Stamina ทั้งหมดของคุณ ใช้ Stamina เพิ่มมากขึ้น 20% จากเปอร์เซ็น Stamina ทั้งหมดของคุณ
:HP ของคุณกำลังลดลง 15% ของ HP ทั้งหมดของคุณอย่างต่อเนื่อง (หลอดอาหารต่ำกว่า 30% น้ำ 10%)
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก….เหนื่อยเป็นบ้า..” //ยืนหอบ
ผมเดินขึ้นเขาด้วยความยากลำบากและผมหิวน้ำและก็นั่งพักกินอาหารกับน้ำที่ผมเตรียมมาจากกระท่อมสักพักก่อนที่จะออกเดินทางต่อจนทำให้ผมรู้เลยว่าการออกเดินทางและทำอะไรด้วยตัวคนเดียวมันยากลำบากและเหนื่อยมาก
เมื่อเทียบกับพวกตัวละครจากการ์ตูนบางเรื่องที่ผมเคยอ่านหรือเคยดูสมัยตอนที่อยู่โลกเดิม
:ค่าความหิวของคุณ อาหาร 83% น้ำ 80% สถานะความหิวกำลังดี:
อากาศข้างบนก็เบาบางลงจนผมหายใจแทบไม่ออกจนผมสงสัยว่าเหล่าอาวุโสเขาอาศัยอยู่บนยอดเขานี้ได้ยังไงแต่ถึงผมจะบ่นไปมันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นสิ่งที่ผมควรจะทำในตอนนี้คือเดินไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆจนผมเดินขึ้นมาเจอบริเวณที่เป็นหินแข็งบนยอดเขา มันซับซ้อนอันตรายและมีเส้นทางที่คับแคบมีเพียงเส้นทางหน้าผาเล็กๆที่มองลงไปข้างล่างก็ดูหวาดเสียวจนใจแทบจะตกไปที่ตาตุ่ม
“แคว๊กก!! แคว๊กก!!” //มีนกตัวหนึ่งร้องขึ้นมาเตือนภัยผู้บุกรุกที่เข้ามานอาณาเขตของมัน
“ซวยล่ะสิ!”
“แคว๊กก!!” //มอนเตอร์นกยักษ์ส่งเสียงร้องออกมาเนื่องจากผมบุกรุกเข้าไปใกล้อาณาเขตของพวกมัน
ผมเห็นท่าไม่ดีแถมผมกำลังค่อยๆเดินไปตามริมหน้าผาอยู่ผมเห็นว่าทางข้างหน้ามีปากถ้ำเล็กๆอยู่ผมจึงรีบเดินไต่ไปตามริมหน้าผ้าแต่แล้วผมก็สะดุดล้มจนทำให้ผมเสียหลักเกือบร่วงลงไปข้างล่างโชคดีที่ผมเอามือคว้าริมหน้าผาเอาไว้ได้ทันก่อนที่ผมจะเกาะไต่ไปตามริมๆเพื่อที่จะไปให้ถึงปากถ้ำที่ว่า
“แคว๊กกก!!!” //มันบินเข้ามาที่ข้างหลังผมแล้วกระพือปีกใส่จนเกิดลมพัดอย่างรุนแรงรอบๆตัวผม
มันต้องการแค่ไล่ผมให้ออกไปจากเขตที่อยู่ของมันแต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ที่จะไปพบเหล่าผู้อาวุโสผมพยายามปืนขึ้นไปอีกครั้งจนผมปีนขึ้นมาได้สำเร็จหลังจากความพยายามที่จะเกาะ จับ ยึดวัตถุต่างๆรอบตัวที่พอจะใช้มันพยุงตัวเองขึ้นมาจากเหวได้
ผมเร่งฝีเท้าเดินไปตามแนวหน้าผาอย่างรวดเร็วแต่ก็ถูกเจ้ามอนเตอร์นกนั่นรังควานเป็นระยะๆจนผมเข้าไปหลบในโพรงถ้ำสำเร็จ
“แคว๊กกก!!”
//มันพยายามใช้จะงอยปากของมันสอดและจิกเข้ามาในถ้ำหวังจะจิกให้โดนตัวเรณเพื่อจับไปกิน
“โทดที ฉันไม่มีธุระอะไรกับแกหรอกนะ” //แล้วผมก็ก้าวเท้าเดินตามฟรีร่าเข้าไปในถ้ำต่อเพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง
บรรยากาศภายในถ้ำมันทั้งมืดและอับชื้นผมเดินเข้าไปตัวเปล่าๆในสภาพแบบนี้ไม่ได้แน่นอนผมจนกระทั่งมี
NPC ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาตรงหน้าผมอย่างกระทันหัน
“สวัสดีค่ะดิฉันมีชื่อว่า ฟรีร่า เป็นภูติผู้ปกปักษ์ภูเขาลูกนี้ท่านมาที่นี่มีจุดประสงค์อะไรคะ?” //ภูติสาวตัวน้อยพูดออกมาอย่างสุภาพอ่อนหวานตามฉบับ
NPC
“เออ..คือผมอยากจะมาพบเหล่าผู้อาวุโสแห่งเผ่าลิซาร์ดแมนตะวันออกน่ะครับ”
“ท่านมาที่นี่เพื่อพบผู้อาวุโสแห่งเผ่าลิซาร์ดแมนตะวันออกงั้นหรอคะ ถ้าอย่างนั้นก็ตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ”
ภูติน้อยสร้างดวงไฟเล็กๆที่ให้แสงสว่างขึ้นมาแล้วเธอก็บินนำทางผมลงไปในชั้นใต้ดินจนผมเดินตามฟรีร่าไปจนถึงโพรงใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีแสงจากพื้นดินด้านบนลอดส่องลงมาข้างล่างตามทางเดินจนผมพอจะมองเห็นเส้นทางภายในโพรงถ้ำขนาดใหญ่ได้
“ระวัง!”
ครื้นนนนนนนน!!
มีเสียงอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่มาเราสองคนเหมือนเป็นฝีเท้าของฝูงสัตว์จำนวนมากฟรีย่าบอกให้ผมหลบเข้าที่กำบังอยู่หลังก้อนหินข้างทาง มันเป็นฝูงมอนเตอร์กลุ่มหนึ่งที่วิ่งผานลัดเลาะไปตามโพรงถ้ำเหมือนพวกมันกำลังอพยพหนีอะไรบางอย่างเสียงวิ่งของพวกมันดังสัั่นไหวจนเกิดจะทำให้เพดานถ้ำถล่มลงมาแต่ฟรีย่าก็บอกว่าไม่ไรเพดานถ้ำและชั้นหินของภูเขาลูกนี้มีความแข็งแร็งเป็นพิเศษยากต่อการพังถล่มลงมา
ฝูงมอนเตอร์พวกนั้นเคลื่อนผ่านไปแล้วก่อนที่ผมจะโผล่ออกมาจากที่ซ่อนผมนึกว่าพวกมันจะไปหมดแล้วแต่ก็ยังมีพวกมันอีกตัวหนึ่งวิ่งเข้ามากระโจนใส่ข้างหลังผมจนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน
:[หนูถ้ำซิกเบอร์]:
:Lv.55
มันพยายามที่จะกัดผมจนผมต้องเอาก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆฟาดเข้าที่หน้าของมันแต่ยังไม่ทันที่ผมจะทำอะไรฟรีย่าที่เห็นเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆก็เข้ามาช่วยผมไว้ด้วยการพูดปลอบโยนมันให้มันมีอาการที่สงบลงเธอได้ใช้มือของเธอสัมผัสที่หน้าผากของมันแล้วลองคุยสื่อสารกับมัน
“อ๋อ…...เจ้าแค่รู้สึกกลัวงั้นหรอ…..ไม่เป็นหนูน้อย….พวกเราไม่ได้คิดจะทำร้ายเจ้า…..” //เธอหลับตาและพยายามพูดคุยกับมันโดยการใช้มือลูบๆแตะๆที่หน้าผากของมันจนเริ่มสื่อใจถึงกันและกันได้
“ท่านไม่ต้องเป็นห่วง...หนูน้อยคนนี้แค่รู้สึกกลัวที่เห็นเราสองคนมาอยู่ที่นี่...เพราะรังของพวกเขาถูกโจมตีจากมอนเตอร์อีกกลุ่มหนึ่ง...เอ๋??......มีลูกๆของเจ้าติดอยู่ที่รังงั้นหรอ...ข้าต้องร้องขอให้ท่านช่วยแล้วท่านนักรบ….มอนเตอร์ตัวนี้มีลูกน้อยที่กำลังตกอยู่ในอันตราย”
:ระบบทางเลือก:
:>[ช่วย]< [ไม่ช่วย]
ผมขอยอมรับตรงๆเลยว่าตอนนั้นผมไม่อยากจะเสียเวลาไปช่วยเหลือมอนเตอร์หรอกนะแต่เนื่องจากฟรีร่าขอร้องผมผมจึงยอมใจอ่อนเลือกตอบตกลงแล้วนั่นก็จะเป็นเหตุการ์ณที่อาจจะผลิกชีวิตผมไปตลอดการเดินทางในโลกของเกม
ACO
:เควส:
:ช่วยลูกหนูซิเบอร์ 0/20:
ทันทีที่ผมตอบตกลงฟรีย่าก็บอกให้แม่หนูตัวนั้นนำทางกลับไปที่รังของมันทันทีผมชักดาบออกมาเตรียมไว้แล้ววิ่งตามแม่หนูตัวนั้นไปจากต้นทางที่ฝุงของมันวิ่งมาไปเรื่อยๆทั้งเส้นทางผ่านที่เป็นหินแข็งขรุขระ ซอกเหลือบแคบๆแม้กระทั้งอุโมงค์เตี้ยกว้างๆที่สิ่งมีชีวิตเท่าๆกับหนูซิเบอร์จะวิ่งลอดผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา
ผมวิ่งตามมันไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปเจอโพรงขนาดใหญ่ที่มีรุอยู่มากมายเต็มไปหมดและก็มีมอนเตอร์อีกกลุ่มกำลังเดินเผ่นพ่านไปดูตามรุต่างๆที่คาดว่าน่าจะเป็นรงที่อยุ่อาศัยสำหรับครอบครัวมอนเตอร์ครอบครัวหนึ่ง
“เจ้าพวกซิกเกอร์นั่นไง! ที่เป็นตัวการที่ทำให้พวกหนูซิเบอร์ต้องอพยพหนีไป”
“งั้นหรอ เจ้าพวกนี้เองสินะที่เป็นตัวการไม่ต้องห่วงเดี๋ยวผมจัดการเอง!” //ผมค่อยๆกระโดดสไลด์ลงไปตามเนินหินลื่นลงไปจนเท้าเหยียบโดนพื้นหินเบื้องล่าง
:หนูถ้ำซิกเกอร์:
:Lv 80
พวกซิกเกอร์ที่กำลังเดินหาลูกซิเบอร์กินอยู่ก็หันมาหาผมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายมันส่งสายตาแดงแจ๋มาที่ผมพร้อมแยกเขี้ยวคู่หน้าของมันเป็นการขู่ขวัญให้ผมถูกต้อนให้จนมุม
“ท่านนักรบ! ใช้สิ่งนี้สิคะ!!”
ฟิ้งงง!!
มีไอเทมชิ้นหนึ่งโผล่ขึ้นมาที่มือผมจากพลังของฟรีร่าที่เธอเสกให้ผมใช้มันเป็นคบเพลิงที่ไม่มีวันดับจนกว่าผู้ใช้จะดับมันเองตามต้องการ
“ใช้คบเพลิงนั่นจัดการพวกมันเลยค่ะ! พวกซิเกอร์มันแพ้ของประเภทไฟค่ะ!!” //เธอตะโกนลงมาจากข้างบนหัวของเรณอยู่ห่างๆ
“แล้วจะให้ผมจุดไฟยังไงล่ะครับ??!”
“เพ่งสมาธิไปที่คบเพลิงสิคะ! เดี๋ยวไฟก็ติดที่คบเพลิงเองค่ะ!!”
“งั้นก็สวย! ฮึ่บ!!”
คบเพลิงถูกจุดติดไฟขึ้นมาทันทีแล้วผมก็ใช้คบเพลิงพวกนั้นใส่จี้ใส่พวกหนูซิกเกอร์เรียงตัวบางตัวก็ถูกไฟเผาเกรียมจนสลายกลายเป็นขี้เถ้าอย่างรวดเร็วและมีบางตัวที่ตัวติดไฟแล้ววิ่งไปหาตัวอื่นๆจนเกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ไหม้ลามไปยังตัวอื่นๆอย่างรวดเร็วจนผมแทบไม่ต้องวิ่งเข้าไปหาพวกมันด้วยตัวเอง พวกซิกเกอร์ที่เหลือต่างวิ่งหนีตายจากเปลวเพลิงอย่างชลมุนจนพวกมันที่เหลือหนีหายไปจนหมด
“เฮ้อออ…..หมดสักที...”
“เก่งมากเลยค่ะท่านนักรบ” //เธอบินลงมาหาเรณแสดงความยินดีที่เขาสามารถขับไล่หนูผู้รุกรานให้หนีไปได้
“เรียกผมว่าเรณดีกว่านะครับ..โดนเรียกว่าท่านนักรบแล้วมันดูแปลกๆไม่คุ้นชิน”
“อะ...อ้อ….ท่านชื่อ เรณ หรอคะ….ถ้างั้นก็ยินดีด้วยนะคะท่านเรณ ^^ ” //มีอาการมึนๆเล็กน้อย
“ครับๆ ว่าแต่จะเอาไงหลังจากนี้ล่ะ”
“ดิฉันคิดว่าท่านเรณน่าจะลองออกสำรวจดูรอบๆแถวนี้ดูนะคะเผื่อจะเจอลูกๆของนางที่ซ่อนตัวอยู่แถวๆนี้”
“นาง?”
“ก็...นี่ไงคะ” //เธอเลี่ยงตัวออกมาให้เห็นหนูซิเบอร์ข้างหลังเธอที่อยู่เงียบๆก่อนหน้านั้น
“อะ..เออ…..โอเค...” //ผมถึงสตั้นไปสักแปบนึงก่อนจะกลับมาเข้าใจสถานการณ์อีกครั้ง
ผมกับฟรีร่าและแม่หนูซิเบอร์ต่างช่วยกันออกสำรวจรูขุดเจาะทีละรูไปเรื่อยๆจนผมได้พบกับลูกหนูสองสามตัวกำลังนอนคดตัวเกาะกลุ่มกันอยู่ในนั้นส่วนฟรีร่าก็เจอลูกหนูที่ซ่อนตัวเช่นกันพวกเราหากันไปเรื่อยๆจนกระทั่งช่วยลูกหนูมาได้เกือบหมดทุกตัว
“17...18...19...เอ๊ะ?....” //เธอเริ่มเอ๊ะใจเมื่อลูกหนูทั้งหมดอยู่กันไม่ครบและขาดไปหนึ่งตัว
“มีอะไรงั้นหรอ?”
“17….18...19…..แปลกจังหายไปไหนตัวนึงนะ...”
“เอ๋?! หมายความว่าไงหายไปตัวนึงนี่เราหาจนทั่วแล้วก็ได้ทั้งหมดแค่นี้นะ??!”
“น่าแปลกจัง...ดิฉันสัมผัสได้ว่ามีลูกหนูอยู่ทั้งหมด 20 ตัวนะคะ”
“แล้วอีกตัวนึงมันหายไปไหนล่ะ? ถ้าคุณมั่นใจว่ามันมีอยู่ 20 ตัวน่ะ”
“ดิฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง”
ในระหว่างที่ผมกับฟรีร่ากำลังถกเถียงกันอยู่จู่ๆแม่หนูซิเบอร์ก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ส่งผ่านเข้ามาในประสาทหูของมันมันหันหน้าไปทางทิศที่พวกซิกเกอร์วิ่งหนีไปจนผมกับฟรีร่าต้องรีบตามไป
พวกเราตามมันไปเรื่อยๆจนไปเจอโถงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีขนาดกว้างใหญ่โตและมีเนื้อที่กว้างมากโดยมีแสงสว่างส่องลงมาจากข้างบนพื้นและมีแม่น้ำลำธารอ้อมล้มพื้นที่ตรงกลางห้องโถงขนาดใหญ่
“นั่น!! มีลูกหนูอีกตัวนอนบาดเจ็บอยู่ตรงนั้น!” //เธอใช้นิ้วชี้ไปที่ลูกหนูตัวนั้นให้เรณดูอยู่ห่างๆ
“งั้นอย่ารอช้าเรารีบไปช่วยเถอะ!”
“ดะ..เดี๋ยวค่ะ!!”
ยังไม่ทันที่เธอจะห้ามก็ได้มีมอนเตอร์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกระโดดลงมาจากข้างบนตรงช่องทางที่แสงเล็ดลอดเข้ามาจนพื้นสั่นสะเทือน มันเป็นมอนเตอร์หนูซิกเกอร์ขนาดใหญ่ที่มีนิสัยดุร้ายและก้าวร้าวหากมันพบเจอผู้บุกรุกมันจะเข้าโจมตีใส่ทันที
“ระวังด้วยนะคะ!! เจ้าตัวนี้ร้ายยิ่งกว่าตัวที่เราเห็นก่อนหน้านั้นอีกนะคะ!!”
“ไม่เห็นต้องกังวลอะไรเลยนี่ในเมื่อผมมีคบเพลิงอยู่นี่ไง” //ผมยกคบเพลิงที่ใช้ก่อนหน้านั้นขึ้นมาแล้วชี้จ่อไปที่มันอย่างได้ใจ
“เจ้านั่นมันทนทานต่อการเผาไหม้และมันยังเป็นหัวหน้าของพวกซิกเกอร์พวกนี้ด้วยค่ะ!”
“เห๋!!!?”
มันวิ่งคลานเข้ามาที่ผมแล้วใช้มือของมันตะปบมาที่ผมอย่างเชื่องช้าผมหลบการโจมตีแล้วใช้ดาบฟันเข้าที่หน้าท้องของมันตอนที่มันยืนขึ้นอย่างแรงจนเลือดสีแดงสาดทะลักออกมาจากท้องของมันแต่ก็ไม่วายที่ผมจะถูกใช้มันมืออีกข้างหนึ่งตบเข้าให้จนตัวผมกลิ้งถไลไปกับพื้นหินจนร่างกายของผมเกิดความบอบช้ำและเลือดช้ำในหลายแห่ง
“ท่านเรณ! เป็นอะไรรึเปล่าคะ?!” //เธอรีบบินมาหาเรณเมื่อเธอเห็นเขาอยู่ในสภาพท่าไม่ค่อยดีจากการถูกโจมตีเมื่อกี้
“โอ้ยๆๆ….เจ้าหมอนี่ตบหนักเป็นบ้า!.....ฮะ...แต่ไม่เป็นไรผมยังโอเคอยู่” //ผมชูนิ้วโป้งบอกให้ฟรีร่ารู้ว่าผมไม่เป็นอะไรมาก
“ค่ะ…..ระวังมันมาอีกแล้ว!!” //เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเรณทำให้เขาล้มไปอีกทางในจังหวะที่มันพุ่งโจมตีพอดิบพอดี
มันพุ่งเข้ามาเอาหัวโหม่งกับผนังถ้ำอย่างแรงจนมันมีอาการมึนงงทรงตัวไม่อยู่ผมใช้จังหวะนั้นกระโดดเข้าไปใช้ดาบสับเข้าที่ลำคอของมันจนกระทั่งหัวของมันหลุดจากบ่าอย่างสยดสยองจนเลือดพุ่งกระฉูดออกมา ลูกกระจ๊อกตัวที่เหลือที่เห็นหัวหน้ามันถูกสังหารต่างก็รีบเผ่นแน่บไปในทันที ฟรีร่ารีบไปดูอาการของลูกหนูตัวนั้นเพื่อตรวจสอบว่ามันปลอดภัยดีรึเปล่าแต่ทว่า….
“......เรามาช้าไป…..”
“เห๋? หมายความว่าไงเรามาช้าไป??”
“มีรอบฟันของพวกซิกเกอร์ฝังอยู่ที่ลำตัวของมัน……..มันตายแล้ว...”
“แล้วเราช่วยอะไรมันไม่ได้เลยหรอ เธอเป็นถึงภูติผู้พิทักษ์เลยนะ!”
“ไม่ได้…..ดิฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก….ถึงดิฉันจะเป็นผู้พิทักษ์ปกปักษ์รักษาที่แห่งนี้ก็จริง...แต่ดิฉันไม่ได้มีพลังที่สามารถชุบชีวิตสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วได้หรอกนะคะ...” //เธอทำหน้าเศร้าแสดงความเสียใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“.......” //ผมถึงกับยืนเงียบกริบเมื่อผมก้าวช้าไปหนึ่งก้าวที่จะช่วยชีวิตชีวิตหนึ่งได้
:เควสเสร็จสิ้น:
:คุณได้รับ 25000 Ace EXP 78000:
:ค่า Aid ของคุณเพิ่มขึ้น 5 คะแนนผมค่อยไม่รู้สึกยินดีกับเงินและค่าประสบการณ์ที่ผมได้เลยแม้แต่นิดเดียวมีสิ่งเดียวที่ผมรู้สึกและให้ความสนใจในตอนนั้นคือผมไม่สามารถช่วยลูกหนูตัวนั้นเอาไว้ได้ ผมก้าวช้าไปเพียงหนึ่งก้าวผมรู้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องไม่สะทกสะท้านอะไรผมมากแต่กับแม่มอนเตอร์ตัวนั้นอาจจะเป็นเรื่องเจ็บปวดที่สุดและยอมรับได้ยากแต่แม่หนูก็คาบศพลูกของมันไปพร้อมกับพาลูกตัวอื่นๆไปด้วยจนเราไม่เห็นพวกมันอีกเลย….
"คุณทำดีที่สุดแล้วละค่ะ...คุณไม่ต้องโทษตัวเองหรอกนะคะ..ท่านเรณ...." //เธอบินเข้ามาจับไหล่ผมเพื่อปลอบใจผมไม่ให้ผมคิดมาก
ผ่านเรื่องนั้นมาต่อเรื่องที่เราทั้งสองเดินทางมุ่งหน้าเดินลึกลงไปในชั้นใต้ดินที่ผมเดินตามฟรีร่าลงมาระหว่างทางเธอได้ชวนผมคุยสารพัดต่างๆนาๆเพื่อคลายความเงียบโดยเรืองที่ผมได้รู้มาจากฟรีร่าผมจำได้คร่าวๆว่า ที่ผนังถ้ำตามจุดต่างๆได้มีเหล่าบรรพบุรุษของมนุษย์ได้วาดภาพแต้มสีลงตามผนังเพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆในอดีตเมื่อนานมาแล้ว (เหมือนภาพวาดตามฝาผนังของคนยุคหินนั้นแหละ) โดยภาพแต่ละภาพได้อธิบายจับใจความได้ประมาณว่า
มีไอเทมลึกลับชิ้นหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้าผู้คนในยุคนั้นเรียกการมาของมันว่าดาวแห่งการเริ่มต้นโดยไอเทมชิ้นนั้นคือกล่องใบหนึ่งที่มีอักขระภาษาโบราณที่ไม่มีใครสามารถอ่านหรือเข้าใจได้ภายในนั้นบรรจุไปด้วยพลังอำนาจลึกลับที่ยิ่งใหญ่ซึ่งต่อมามันก็ถูกเรียกในภายหลังว่า Legend of Destiny มันเป็นพลังที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพลังที่ทรงอนุภาพมากที่สุดและมีพลังมากมายมหาศาลเกินกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆบนโลกนี้จะครอบครองมันได้แต่ภายหลังพลังนั้นก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยส่วนหนึ่งถูกนำไปเก็บรักษาเอาไว้ที่เกาะลอยฟ้า โคลัมเบียอาร์ เมืองศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าจอมเวทย์ผู้มีศักดิ์และมีอิทธิพลสูงสุดเหนือเหล่าจอมเวทย์และพลังเวทย์ทั้งมวล และอีกสถานที่หนึ่งที่ชื่อ วิลล่า สถานที่ที่ไม่มีมนุษย์ เทพ จอมเวทย์ระดับสูงสุดหรือสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ใดรู้ตำแหน่งที่ตั้งของมันยกเว้นมนุษย์ผู้หนึ่งที่ชื่อ อาร์มัลเทียร์ เท่านั้นที่รู้ว่าสถานที่ตั้งของวิลล่าอยู่ที่ใดและภายหลังเขาก็หายสาปสูญและไม่มีใครพบเห็นเขาอีกจนปัจจุบันก็ยังไม่มีใครได้รับรู้หรือได้ยินเรื่องราวของพลัง Legend of Destiny อีกเลยนับแต่นั้นเป็นต้นมา
(จบ)
“ถึงแล้วค่ะ เหล่าผู้อาวุโสนั่งอยู่ตรงนั้นไงคะ”
“ขอบคุณนะครับคุณฟรีร่าที่คุณช่วยนำทางผมจนมาพบผู้อาวุโสจนได้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันเป็นหน้าที่ของดิฉันที่ต้องนำทางเหล่านักรบที่จะเข้าพบเหล่าผู้อาวุโสในเมื่อดิฉันทำภารกิจลุล่วงแล้วดิฉันก็ขอให้โชคดีนะคะดิฉันขอตัวก่อน” //แล้วเธอก็กลายเป็นแสงหายวับไป
เหล่าผู้อาวุโสมีกันอยู่ทั้งหมด 7 ตัว อุ้ย! 7 ท่านด้วยกันแต่ละคนก็จะสวมหมวกใบจากขนาดใหญ่และสวมเสื้อปกคลุมมิดชิดทั้งตัวและเผยเห็นเพียงแค่ดวงตาคู่เดียวเท่านั้น เหล่าผู้อาวุโสกำลังนั่งจำศีลฝึกฝนพลังจิตอยู่อย่างเงียบๆจนผมรู้สึกได้ภายในห้องที่นั้น
ณ ห้องฝึกนั่งสมาธิ
“เออ..เอิ่ม...คือว่าผม...”
“เชิญเข้ามานั่งคุยกันก่อนสิ…..” //ผู้อาวุโส
A กล่าวเชิญผมให้เขาเข้ามานั่งตรงกลางห้องที่เป็นรูปครึ่งวงกลมโดยมีเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆนั่งเรียงรายล้อมอยู่ข้างหน้าอย่างสุขุมอ่อนน้อม
“เจ้ามาพบพวกข้าต้องการสิ่งใดรึ..?” //ผู้อาวุโส
B กล่าวถาม
“คือ..ผมอยากจะถามเรื่องที่ตั้งของสถานที่ที่ชื่อว่า Villa น่ะครับ”
“เจ้ามีเหตุอันใดที่ต้องไปที่นั่น?” //ผู้อาวุโส
C กล่าวถามตามลำดับ
“คือ…...” //ตอนนั้นผมพูดอ้ำๆอึ้งๆเพราะเดิมทีผมก็ไม่รู้ว่าผมจะไปที่นั่นทำไมแต่ก็ถูกชายในความฝันสั่งกำชับให้ไปที่นั่น
“......เพราะมนุษย์ผู้นั้นสั่งให้เจ้าไปที่นั่นล่ะสินะ...ใช่ไหม?” //ผู้อาวุโส
D แสดงความพูดออกมาเนื่องจากเขารู้จักมนุษย์คนนั้นและรู้นิสัยของมนุษย์คนนั้นดี
“เอ๋??.......มนุษย์ผู้นั้น??....อ้อ...ข้ารู้แล้ว...ใช่มนุษย์ที่คอยช่วยเหลืองานของพวกเราตอนที่อยู่ที่ Columbiar รึเปล่า?.. ” //ผู้อาวุโส
E หันไปหาผู้อาวุโส
F ที่อยู่รองสุดท้าย
“ใช่ๆ….ข้ายังจำมนุษย์ผู้นั้นได้อยู่เขาค่อนข้างน่ารักน่าเอ็นดูมากในสายตาข้าเลยทีเดียว…..ว่าแต่...มนุษย์ผู้นั้นเป็นยังไงบ้างล่ะเขาสบายดีอยู่รึเปล่า?” //ผู้อาวุโส
F หันมาถามเรณที่นั่งอยู่ก่อนหน้านั้น
“เอิ่ม...ก็…..น่าจะ..สบายดีนะครับ..แหะๆ..” //ผมส่งยิ้มแห้งๆตอบกลับไปเพราะไม่รู้จะตอบอะไร
ผมใช้เวลาในการตอบคำถามและสนทนากับเหล่าอาวุโสทั้งหกท่านไปนานนับเป็นชั่วโมงบางทีอาจจะ 7-8 ชั่วโมงซึ่งผมก็งงกับตัวเองว่าผมทนนั่งสนทนากับพวกเขาได้นานขนาดนั้นได้ยังไงแต่พอมารู้ตัวอีกผมขีดค่าสถานะความหิวของผมก็ลดฮวบจนเหลือ 0%
:ค่าความหิวของคุณหมดแล้ว อาหาร 0% น้ำ 0% คุณควรกินอาหารและน้ำอย่างเร่งด่วน:
:หลอด Stamina ของคุณลดลงเหลือ 20% ของเปอร์เซ็นค่า Stamina ทั้งหมดของคุณ ใช้ Stamina เพิ่มมากขึ้น 60% จากเปอร์เซ็น Stamina ทั้งหมดของคุณ
:HP ของคุณกำลังลดลง 80% ของ HP ทั้งหมดของคุณอย่างต่อเนื่อง (หลอดอาหารต่ำกว่า 20% น้ำ 10%)
“เมื่อเจ้ามีจุดประสงค์อันแรงกล้าที่ต้องการจะไปที่ Villa นั้นล่ะก็...ข้าก็จะให้แผนที่ที่บอกเส้นทางไปที่แห่งนั้นให้กับเจ้า..ที่เจ้าจะได้เดินทางไปยังที่นั่นได้จนถึงจุดหมายปลายทางได้สำเร็จในเร็ววัน..” //ผู้อาวุโส F ได้เสกแผนที่แล้วส่งมอบแผนที่ขึ้นมาลอยตรงหน้าของผม
:คุณได้รับไอเทม:
“ขอบคุณครับ”
//ผมเก็บพับแผนที่เก็บเอาไว้แล้วใส่มันเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะขอเดินยังทางออกที่อยู่อีกทาง
"รอเดี๋ยวก่อน….” //ผู้อาวุโส D พูดรั้งตัวผมเอาไว้ก่อน
“ครับ?”
“ข้าอยากจะมอบของสิ่งนี้ให้กับเจ้า......มันเป็นของๆเจ้า..พ่อหนุ่ม...” //มีคริสตัลก้อนหนึ่งสีฟ้าโผล่ขึ้นมาจากมือของผมก่อนที่จะลอยมาที่มือของผมตรงหน้า
“...มันคืออะไรหรอครับ..?” //ผมเอามือทั้งสองข้ารองแก้วคริสตัสเอาไว้แล้วมองผู้อาวุโส D
“.......สิ่งที่จะคอยปกป้องเจ้าให้ปลอดภัยจากภยันอันตรายต่างๆที่จะเข้ามาใกล้ตัวเจ้า…..รักษามันเอาไว้ให้ดีจนกว่าคริสตัลนั้นจะสำแดงพลังออกมา.....ขอให้โชคดีนะ..พ่อหนุ่มน้อย..” //แล้วผู้อาวุโส D ก็ส่งยิ้มที่ผ่านใต้หมวกใบจากมาให้เรณด้วยความหวังดีนิดๆ
ผมยิ้มตอบกลับไปด้วยท่าทางที่สุภาพก่อนที่จะออกไปพร้อมกับรับคริสตัลนั้นไว้ในมือ ผมเดินออกไปพร้อมกับสูดอาการยามดึกข้างนอกพร้อมกับชมแสงจันทร์ยามเที่ยงคืนซึ่งบรรยากาศแบบนั้นหาที่ไหนไม่ได้จากโลกเดิมที่ผมจากมาอีกแล้ว
:คุณได้รับไอเทม:
- :คริสตัลแห่งแกนพลังงาน x1
ผมเดินทางกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อไปกล่าวบอกลาอัลลาร์ก่อนที่ผมจะออกเดินทางแต่ก็ไม่ปานที่อยากจะหยิบคริสตัลก้อนนั้นขึ้นมาดูอีกรอบ ทุกครั้งที่ผมหยิบคริสตัลที่ว่าขึ้นมามันก็มีความรู้สึกเหมือนเคยพบหรือเคยเจอที่ไหนมาก่อน (เหมือนเคยเจอที่ไหนกันนะ...ทำไมเราถึงรู้สึกมีความคุ้นเคยแบบนี้..)
ณ หมู่บ้านเผ่าลิซาร์ดแมนตะวันออก
เวลาเที่ยงคืนกว่าๆ…
ผมกลับมาที่กระท่อมของอัลลาร์เพื่อหวังว่าจะพบเขาได้ที่นั่นและผมก็เข้ามาเจอเขากำลังนอนหลับอยู่ขอบเตียงเหมือนเขาจะดื่มหนักมาพอสมควรในระหว่างที่ผมไม่อยู่และออกไปทำธุระข้างนอก
“เหอ…….ท่านพี่……...ท่านอยู่ไหน….ท่านพี่….” //เขาละเมอพูดเพ้อถึงใครบางในความฝัน
“...อัลลาร์….อัลลาร์….ตื่นๆ” //ผมเข้าไปสะกิดตัวอัลลาร์แต่เขาไม่ยอมตื่นเหมือนหลับลึก
ผมเข้าใจว่าการที่เขาไปปลุกเขาตอนนี้อาจดูยากลำบากผมจึงขอปลีกตัวออกมาก่อนรอให้เขาตื่นขึ้นมาตอนเช้าอีกทีจะดีกว่า แต่ระหว่างที่ผมกำลังเดินออกมาจากกระท่อมเขาก็ยังเพ้อละเมอถึงพี่ชายของเขาไม่หยุดแล้วก็ร้องไห้ออกมาเหมือนเขาเสียใจเรื่องอะไรบางอย่างที่เขายังทำใจยอมรับมันไม่ได้ ผมรู้สึกว่าเขาน่าจะมีปมความหลังบางอย่างที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับเขาแต่ผมก็ไม่อยากจะเข้าไปกวนเขาและน่าจะปล่อยให้เขาอยู่อย่างนั้น
ปั๊กก! ผมเดินไปชนกับใครบางคนที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่ทันมองและคนที่ยืนขวางทางอยู่ตรงหน้าผมนั่นก็คืออัคคลีทัสที่เขากำลังจะเดินทางไปยังคุมแนวรบด้านหน้าสุดตรงบริเวณเส้นแบ่งเขตระหว่างเผ่าตะวันตกกับเผ่าตะวันออก แต่ด้วยความที่ผมสงสัยที่อัลลาร์ละเมอพูดออกมาผมจึงชวนเขาคุยเรื่องคนที่อัลลาร์พูดถึงก่อนที่อัคคลีทัสจะพาผมไปคุยที่หน้าผาที่เดิมตรงจุดที่อัลลาร์พาผมมาในตอนแรกท่ามกลางแสงจันทร์ยามค่ำคืนและก็พลางชวนกันคุยเรื่อยเปื่อยไประหว่างทางจนเราสองคนมานั่งกันที่ริมหน้าผา
“เจ้ารู้ไหม...ว่าก่อนที่เขาจะมาเป็นหมอยา...เขาเคยเป็นอะไรมาก่อน”
“เขาเคยเป็นอะไรมาก่อนหรอครับ?”
เขานั่งนิ่งเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนที่เขาจะพูดต่อไปว่า..
“อัลลาร์ฮาร์ทน่ะแต่ก่อนเขาเคยเป็นนักรบลิซาร์ดแมนมาก่อน ก่อนที่เขาจะเริ่มมาเป็นหมอยาอย่างจริงๆจังๆจนถึงทุกวันนี้ เมื่อ 7 ปีก่อนในสมัยที่ข้ายังเป็นแค่นักรบลิซาร์ดแมนธรรมดายังไม่ได้รับตำแหน่งช่วงต่อเป็นหัวหน้าเผ่า ตอนอัลลาร์เป็นนักรบที่อยากจะช่วยเหลือคนในกองทัพมากกว่าจะออกไปฆ่าศัตรู โดยเขานั้นมีพี่ชายคนหนึ่งที่ชื่อ อลูส์ เขาเป็นสหายรักของข้าอีกทั้งยังเป็นที่โปรดปรานของหัวหน้าเผ่าของพวกเราในสมัยนั้นอีกด้วย”
“มีช่วงหนึ่งที่ข้า อลูส์และอัลลาร์กำลังออกเดินลาดตระเวนรอบๆเขตชายแดนเส้นแบ่งระหว่างตะวันตกและตะวันออกตอนนั้นมีมอนเตอร์ตัวหนึ่งกระโดดข้ามชายแดนมาหายังเขตแดนของพวกเรา มันเป็นหมาป่าสีดำตัวหนึ่งมีร่างกายที่สูงใหญ่กำลังคาบบางสิ่งบางอย่างอยู่ในปากของมัน...”
“คุณกำลังหมายถึงเจ้า Blood Wolf รึเปล่าครับ?”
“ใช่ ว่าแต่เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้ากำลังจะพูดถึงมัน??”
“คือ..พอดีก่อนหน้านั้นที่ผมจะถูกพาเข้ามาในหมู่บ้านนี้ผมเคยเจอกับมันมารอบนึงน่ะครับ...ตัวมันใหญ่ มีขนสีดำสนิท มีแถบลวดลายสีแดงสดเหมือนเลือดและมีแววตาสีแดงก่ำที่สามารถส่องประกายในความมืดได้ นึกถึงตอนนั้นแล้วก็ยังขนลุกไม่หาย”
“แล้วเจ้าเอาชีวิตรอดจากเขี้ยวมรณะของมันมาได้อย่างไร?”
แล้วผมก็เล่าอธิบายรายละเอียดต่างๆทั้งที่มาที่ไปว่าผมรอดจากคมเขี้ยวกระหายเลือดของมันมาได้อย่างไรตั้งแต่ต้นจนจบจึงทำให้อัคคลีทัสเข้าใจเรื่องราวของผมขึ้นมาบ้างนับจากนั้น
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง...งั้นข้าเล่าต่อล่ะนะ อะแห่ม! เจ้าหมาป่านั่นมันคาบคนในเผ่าของพวกเราอยู่ในปากและมันก็จับลิซาร์ดแมนเผ่าของเรากินเข้าไปทั้งตัวก่อนที่มันจะเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา”
*Flashback เมื่อ 7 ปีก่อน*
“นะนั่นมัน...ปีศาจ..!!!” //อัลลาร์เริ่มแสดงอาการเสียขวัญก่อนใครๆเนื่องจากเป็นนักรบที่ไม่เคยต่อสู้หรือฆ่าใครมาก่อน
“ตั้งสติเอาไว้น้องข้า..พวกเราเป็นนักรบจะต้องมิเกรงกลัวอันตรายตรงหน้า!” //อลูส์พยายามเรียกสติอัลลาร์น้องชายของเขากลับมา
“เดี๋ยวข้าจะคุ้มกันอัลลาร์ให้”
//อัคคลีทัสได้เข้ามาเอาการป้องกันตัวอัลลาร์เอาไว้
“อะไรเนี่ย? มีพวกกิ้งก่าสองขาสามตัวมาเดินป้วนเปี่ยนแถวๆนี้ด้วยหรอเนี่ย??” //มันเดินเข้ามาแล้วก็หยุดเว้นระยะห่างอยู่ข้างหน้าจากกลุ่มของทั้งสามพอสมควร
“เจ้าเป็นใครกันทำไมถึงลอบเข้ามาในอาณาเขตเผ่าของพวกเรา!!?”
“ฮึฮึฮึ ทำไมข้าจะต้องบอกให้พวกสัตว์เลี้อยคลานอย่างพวกเจ้ารู้ด้วยล่ะ??”
“ตอบมาถ้าเจ้าไม่อยากตาย!!” //อลูส์พูดขึ้นเสียงอย่างไม่หวาดหวั่นศัตรูตรงหน้าอย่างหมาป่าโลหิต
“ฮึฮึฮึ พวกกิ้งก่าสองขาอย่างพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าข้าเป็นใคร แต่ข้าจะบอกพวกเจ้าเอาบุญสักหน่อยก็ได้ไหนๆพวกเจ้าทั้งหมดก็จะตายอยู่แล้ว ข้าคือ Blood Wolf ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของเหล่าผู้มาเยือนและข้าก็ถูกสั่งให้มาจัดการพวกแกพวกกื้งก่ายืนสองขาให้พวกแกยอมจำนนต่อเหล่าท่านผู้มาเยือนนายเหนือหัวของข้า ฮึฮึฮึ”
“ว่าไงนะ!?”
“ถ้าพวกแกไม่ยอมจำนนนายเหนือหัวของข้าก็จะสั่งยกทัพพวกกิ้งก่าสองขาอีกกลุ่มหนึ่งมาบุกทำลายพวกแกให้ย่อยยับไม่ให้เหลือชาติตระกูลเลย ฮึฮึฮึ”
"เผ่าของพวกข้าไม่มียอมตกอยู่ใต้อาณัติของพวกเจ้าหรอก!!!"
"ถ้าพูดดีๆแล้วไม่ยอมฟังล่ะก็........พวกแกก็กลายมาเป็นอาหารของข้าดีกว่า!!!"
แล้วมันพุ่งกระโจนเข้าใส่กลุ่มของอลูส์อย่งรวดเร็วอัคคลีทัสรีบพาอัลลาร์ที่ยังอ่อนประสบการณ์ด้านการต่อสู้ไปยังที่ปลอดภัยส่วนอลูส์ก็ใช้ดาบของป้องกันการโจมตีของมันเพียงลำพังเนื่องจากเขาเป็นนักรบลิซาร์ดแมนที่มีประสบการณ์และทักษะการต่อสู้มากที่สุดในเผ่า
เช้งงง !!
เขี้ยวของมันเข้ากระแทบกับดาบของอลูส์อย่างแรงจนเกิดสะเก็ดไฟเสียดสีกันอย่างเห็นได้ชัดทั้งคู่ต่อสู้กันโดยที่อัคคลีทัสคอยอยู่กับอัลลาร์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น
“ห่ะเห๋ออ?! ท่านพี่! ท่านพี่อัคคลีทัสท่านรีบไปช่วยพี่ข้าเร็วเข้า!”
“แต่เจ้าจะตกอยู่ในอันตรายและไม่มีคนคุ้มกันเจ้านะ!”
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าอยู่ตรงนี้ปลอดภัยดีเดี๋ยวข้าจะร่ายสกิลรักษาคอยหนุนท่านทั้งสองจากตรงนี้ให้เอง” อัคคลีทัสจ้องมองสายตาคำขอร้องของอัลลาร์ฮาร์ทไปสักพักก่อนที่เขาจะยอมใจอ่อนทำตามที่อัลลาร์ฮาร์ทขออย่างช่วยไม่ได้เพราะถ้าหากเขาไม่ยอมเข้าไปช่วยเขาก็จะกลายเป็นตราบาปที่เขาไม่สามารถสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับอลูส์สหายของเขาได้ อีกทั้งยังจะถูกอัลลาร์ฮาร์ทน้องชายสหายรักของเขาขาดความยกย่องและความเชื่อใจไป
เช้งงงง!!!!“อัคคลีทัส?! นี่เจ้าเข้ามาทำอะไรทำไมไม่ไปดูอัลลาร์ฮาร์ทน้องข้าล่ะ??!”
“ก็อัลลาร์ฮาร์ทขอให้ข้าเข้ามาช่วยเจ้าอีกแรงน่ะสิ แต่ไม่ต้องห่วงเขาปลอดภัยดีถ้าเขาอยู่ตรงนั้นเพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
“เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้ากับข้าจะเอามันอยู่??”
“แน่นอน อัลลาร์ฮาร์ทจะช่วยซัพเราจากข้างหลังอยู่ห่างๆหากเราได้รับบาดแผลเพราะฉะนั้นมีอะไรก็งัดออกมาใช้ให้หมดเลย!”
“ฮะฮ่า นั้นสินะถ้างั้นก็ดีมีเจ้ามาช่วยอีกแรงก็น่าจะพอจัดการมันได้ ย๊ากกกก!!!”
แล้วทั้งคู่ก็เข้าไปรุมเจ้า
Blood Wolf อย่างสู่สีพร้อมกับรา่ยสกิลคอมโบร่วมกันจนเจ้าหมาป่านั้นต้องล่าถอยกลับไปตั้งหลักสักพักทั้งสองฝ่ายต่างแลกแผลสลับไปสลับมาจนต่างฝ่ายต่างก็สูญเสียและบาดเจ็บทั้งคู่แต่ฝั่งของอลูส์และอัคคลีทัสจะได้เปรียบอยู่นิดๆเนืองจากอัลลาร์จะคอยร่ายสกิลฟื้นฟูและรักษาอาการบาดเจ็บ
“กรรรร…!! หนออยยยย!! ทำไมพวกกิ้งก่าสองขาอย่างพวกแกสองตัวถึงจัดการไปเท่าไหร่ก็ยังลุกกลับมาสู้กับข้าได้!!!” //มันส่งเสียงขู่ในลำคอพร้อมกับเจ็บใจก่อนที่จะหันไปมองอัลลาร์ที่ไม่ได้เข้ามาต่อสู้ด้วย
“ฮึฮึฮึ ถึงว่าทำไมข้าพยายามโจมตีพวกเจ้าจนสองตัวสาหัสสากรรจ์มากแค่ไหนพวกเจ้าก็ยังสามารถลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้าได้ที่แท้มันมีตัวคอยหนุนหลังอยู่ห่างๆนี่เอง” //มันหันมาสนใจอัลลาร์แทนและกำลังจะเดินเข้าไปจัดการอัลลาร์ที่ป้องกันตัวไม่ได้
“แย่ล่ะ! อัลลาร์รีบหนีไป!!” //อลูส์ที่เห็นท่าไม่ดีจึงตะโกนสั่งให้น้องชายของเขารีบหนีไปแต่ก็ช้าไปก้าวเดียว
“เห๋ออ….!!??”
เจ้า
Blood Wolf กระโจนข้ามหัวอลูส์กับอัคคลีทัสไปหาอัลลาร์เพื่อที่จะฆ่าอัลลาร์เพื่อตัดตัวช่วยในการต่อสู้ของทั้งสองคนอย่างไวมันอ้าปากพร้อมที่จะงับตัวอัลลาร์ในตายภายในครั้งเดียวส่วนอัลลาร์ที่กำลังลนลานก็ไม่สามารถหลบหรือร่ายสกิลป้องกันตัวได้จนกระทั่ง….
กั๊บบบบ !!!! ฉึบบบ !!
เสียบกระทบของขากรรไกรของมันดังขึ้นแสดงให้เห็นว่ามันงับโดนเป้าหมายที่มันต้องการแต่ว่าสิ่งที่มันงับเข้าไปนั้นไม่ใช่อัลลาร์เป้าหมายที่มันเล็งไว้ แต่มันแขนข้างขวาของอลูส์ที่เขาเข้าไปมาการโจมตีแทนน้องชายของเขา
“หื้มม” //มันเกิดความฉงนสงสัยที่มันงับโดนแขนของอลูส์แทนที่จะเป็นอัลลาร์
“ฮึ่บบบ….อึกก…….อย่าคิดว่าจะทำอะไรน้อยชายข้า….!!”
“ท่านพี่..?!!”
“ปล่อยสหายข้าเดี๋ยวนี้นะ เจ้าปีศาจ!!”
ฉึ่บบบ!!!อัคคลีทัสกระโดเข้ามาใช้ดาบแทงเข้าที่แก้มข้างขวาของมันจนดาบเสียบทะลุมิดด้าม มันอ้าปากปล่อยแขนของอลูส์ก่อนที่จะถอยชะงักออกไปด้วยความเจ็บปวดจนมันสบัดให้ดาบหลุดออกจากแก้มของมัน
“ท่านพี่!!” //อัลลาร์เข้าไปประคองข้างหลังอลูส์
“อึกก…..เอออออ…..อัลลาร์...ฮาร์ท..เจ้า..ไม่...เป็นอะไรนะ…??”
“ข้าไม่เป็นไร..แต่ท่านน่ะบาดเจ็บสาหัสมากเลยนะ...”
“อลูส์..เจ้า...โอ้...แย่ล่ะสิ...”
อัคคลีทัสถึงกับผงะเมื่อเห็นสภาพแขนข้างขวาของเขาเป็นรูโหว่จากรอยกัดของเจ้า
Blood Wolf พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด
“ท่านพี่! ท่านไหวรึเปล่าท่านพี่ ดะ..เดี๋ยวข้าจะร่ายสกิลรักษาช่วยท่าน….” //อัลลาร์ยื่นมือไปจ่อที่แขนข้างขวาของอลูส์แล้วร่ายสกิลรักษา
อัลลาร์เริ่มร่ายสกิลใส่ที่แขนข้างขวาของเขาเพื่อรักษาแขนพี่ชายของเขาแต่ผลของสกิลนั้นกลับไม่ทำงานจึงสร้างความแปลกใจให้กับอัลลาร์ อลูส์ และอัคคลีทัสในตอนนั้นเป็นอย่างมากจนสุดท้ายเขาก็รู้ว่าค่าพลังเวทย์มนต์ของอัลลาร์นั้นหมดไปกับการช่วยรักษาอยู่แนวหลังตอนที่อลูส์กับอัคคลีทัสกำลังต่อสู้ อลูส์เห็นว่าอัลลาร์ไม่สามารถใช้สกิลรักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้เขาจึงบอกให้อัคคลีทัสพาอัลลาร์หนีไปตอนนี้ส่วนตัวเขาจะถ่วงเวลาเอาไว้ให้ทั้งสองหนีไป...
อัคคลีทัสไม่มีทางเลือกอื่นจึงรีบอุ้มแล้ววิ่งพาตัวอัลลาร์หนีออกมาส่วนอัลลาร์ก็บ่นโวยวายตลอดทางจนทั้งสองกลับมาถึงหมู่บ้านอย่างปลอดภัย
“อัคคลีทัส!? อัลลาร์ฮาร์ท!? นี่พวกเจ้าไปทำอะไรมาเนี่ย?!” //นักรบลิซาร์ดแมนเฝ้ายามหน้าทางเข้าหมู่บ้านวิ่งมาหาทั้งสองด้วยความตื่นตระหนกกับสภาพของทั้งสอง
“พวกเราไปเจอเจ้าหมาป่าปีศาจอยู่ในป่าตอนที่พวกเรากำลังลาดตระเวนอยู่…..มันโจมตีพวกเรา.จนข้าต้องพาอัลลาร์วิ่งหนีออกมามา….แฮ่กก...แฮ่กก...”
//อัคคลีทัสวิ่งเยาะมาเรื่อยๆก่อนที่จะมาหยุดยินหอบแล้ววางอัลลาร์ลงจากหลังที่เขากำลังรู้สึกผิดและเสียใจที่เขาไม่สามารถช่วยเหลือพี่ชายของเขาได้
“แล้ว….อลูส์หายไปไหนล่ะ??”
“เขา...ยอมเสียสละต่อสู้กับเจ้าหมาป่าปีศาจนั่นเพื่อถ่วงเวลาให้เราสองคนหนีออกมา…...แต่ถ้าอยากให้เจ้ารีบไปรายงานเรื่องนี้ให้หัวหน้าเผ่าของเราให้ทราบ....แฮ่กก....ข้าไปได้ยินมาจากเจ้าหมาป่าปีศาจนั่น...มันพูดว่า...พวกมันจะยกทักลิซาร์ดแมนอีกกลุ่มมาจัดการพวกเรา....หากพวกเราไม่ยอมก้มหัวให้กับนายเหนือหัวของมัน...”
"แล้วใคร ใครคือนายเหนือหัวของพวกมัน??"
"ข้าเองก็ไม่รู้....แต่ที่แน่ๆ.....พวกเราควรแจ้งเรื่องนี้เพื่อเตรียมรับมือกับสงครามที่่กำลังจะเกิดขึ้นให้หัวหน้าเผ่าได้รับทราบแล้วเตรียมการกันจะดีกว่า" //อัคคลีทัสหอบไปพูดไป"นี่มันเรื่องใหญ่แล้วสิ...ถ้างั้นข้าจะรีบไปรายงานให้หัวหน้าเผ่าได้รับทราบเรื่องนี้….” //แล้วนักรบลิซาร์ดแมนหนึ่งในนั้นก็รีบวิ่งไปรายงายให้หัวหน้าเผ่านตอนนั้นรับทราบ
หลังจากนั้นอัคคลีทัสก็ต้องคอยพูดจาปลอบโยนอัลลาร์ให้เขาก้มหน้ายอมรับความจริงที่เกิดขึ้นเรื่องการตายของอลูส์พี่ชายของเขาอย่างยากลำบากกว่าอัลลาร์จะยอมรับความจริงข้อนั้นก็ใช้เวลาแรมเดือนกว่าเขาจะยอมรับสิ่งที่เกิดและชะตากรรมการจากไปของพี่ชายเขาได้
*กลับสู่ปัจจุบัน*
“หลังจากนั้นอัลลาร์ก็สูญเสียพี่ชายของเขาไปแบบไม่มีวันกลับจนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังรู้สึกผิดและยังไม่มีวันใดเลยที่เขาจะไม่นึกถึงอลูส์พี่ชายของเขาและนั่นก็เป็นสาเหตุที่เขานอนละเมอถามหาพี่ชายของเขาอย่างที่เจ้าเพิ่งจะได้เห็นนั่นแหละ”
“เขาดูน่าสงสารมากเลยนะครับ มีพี่ชายที่เป็นญาติเพียงคนเดียวในครอบครัวแล้วเขาก็สูญเสียคนที่เขารักมากที่สุดในชีวิตไปตลอดกาล...”
“อ่ะ! ข้ามีเรื่องที่จะบอกเจ้าแค่นี้แหละว่าแต่ก่อนหน้านั้นเจ้าบอกว่าจะไปที่ Villa ใช่ไหม?”
“อ้อ ใช่ครับ..”
“ข้ามีเรื่องอยากจะขอให้เจ้าอยู่ที่นี่เพื่อช่วยงานข้าก่อนที่จะเจ้าไปที่ Villa ได้ไหม?”
“เห๋??! ทะ..ทำไมล่ะครับ?!"
“ก็ข้าน่ะได้ยินเรื่องกิติศักดิ์ความเก่งกาจของเจ้าจากปากของอัลบาร์โดแล้วว่าเมื่อคืนเจ้าน่ะออกไปต่อสู้กับเจ้าสวาร์กอร์ทเพียงลำพังแล้วก็เอาชนะมันมาได้ด้วยตัวคนเดียว ซึ่นข้าก็คาดการว่ามนุษย์อย่างเจ้าน่าจะมีพัฒนาการที่รวดเร็วมากกว่าลิซาร์ดแมนตัวอื่นในเผ่า”
“แฮะๆๆ ^ ^ ”
“ข้าคิดว่าถ้าหากเจ้ามาอยู่ช่วยเป็นคนงานให้กับข้าข้าว่ามันน่าจะช่วยพัฒนาศักยภาพความสามารถในตัวเจ้าให้พัฒนายิ่งขึ้นไปอีก”
“อ้อ ครับๆ”
"อื้มม น่าจะเลยเวลามาพอสมควรแล้วงั้นข้าขอตัวไปปฏิบัติหน้าที่ที่แนวหน้าก่อนนะถ้าเจ้าสนใจอยากจะมาเป็นผู้ช่วยข้าก็ติดต่อส่งข่าวมาหาข้าผ่านสายส่งข่าวในหมู่บ้านที่ค่ายนักรบนะ""ครับๆ เดี๋ยวผมขอเวลาคิดสักคืนนะครับ"หลังจากนั้นอัคคลีทัสก็เดินจากผมไปปล่อยให้ผมนั่งอยู่ริมหน้าผาท่ามกลางแสงจันทร์เพียงลำพังวันนั้นผมเกิดนึกอะไรบางอย่างออกขึ้นมานั่นคือการสำรวจแผนที่ที่จะไป Villa ผมหยิบมันขึ้นมาดูแล้วลองสำรวจแผนภาพโดยรวมในแผนที่และผลที่ออกมาก็คือ ต้นไม้ หอคอย ภูเขา ทะเลทราย ต้นไม้ที่มีความสูงใหญ่ และอื่นๆที่ผมดูแล้วไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่างแถมไม่มีการบ่งบอกเส้นทางว่าจะไปทางไหนก่อนไปไหนหลังและที่สำคัญมันไม่มีบอกชื่อและสัญลักษณ์อะไรที่จะช่วยในการสืบเสาะหาข้อมูลอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวมีแต่สถานที่ที่จัดวางตามจุดต่างๆเท่านั้นและนั่นก็คือเหตุที่ทำให้ผมขออยู่กัับเผ่าลิซาร์ดแมนไปก่อนและอาจจะได้รับการฝึกฝนที่เหมาะสมสำหรับการเอาชีวิตในโลกของเกมนี้ด้วยก็ได้ (อย่างตอนที่ผมได้เรียนวิชาด้านยาแพทย์สมุนไพรจากอัลลาร์เป็นต้น)
ผมเก็บพับแผนที่แล้วใส่คืนที่เดิมแต่มือของผมก็ไปแตะโดนกับแก้วคริสตัลผมจึงหยิบเอามันออกมาทีเดียวแล้วลองมองสำรวจคริสตัลนั้น ผมนั่งชื่นชมความสวยงามของคริสตัลก้อนนั้นนานเป็นชั่วโมงจนผมถือคริสตัลในมุมที่เหมาะเจาะกับแสงจันทร์ที่สาดผ่านลงมาจนคริสตัลเกิดแสงสว่างภายในตัวขึ้นมา
ว๊าาบบบบบ
!!!แสงว๊าบจากคริสตัลส่องสว่างจ้าชั่วครู่ก่อนที่ผมจะเห็นบางสิ่งบางอย่างอยู่ภายในก้อนคริสตัลก้อนนี้ มันเป็นเหมือนตัวอ่อนของสิ่งมีชีวิตบางอย่างตัวเล็กๆอาศัยอยู่ภายในนั้นกำลังนอนขดตัวอยู่มันดูคล้ายๆกิ้งก่าหรือจิ้งจกหรืออะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นพวกสัตว์มีเกล็ดกำลังเจริญเติบโตอยู่ภายในนั้นอย่างปริศนา
“ทำไมถึงมีตัวอะไรแบบนี้อยู่ในคริสตัลได้นะ…?”
//ผมหยิบขึ้นคริสตัลขึ้นมาตรวจสอบอีกรอบหนึ่งเพื่อหาความผิดปกติ
เวลาเช้ามืด… “คร๊ออกกก...ฟี….”
“เฮ้ เจ้ามนุษย์ตื่นๆ!”
//ผมเผลอหลับไปตรงบริเวณริมหน้าผาแต่โชคยังดีที่ผมไม่เผลอหลับแล้วร่วงลงไปข้างล่างผมตื่นขึ้นมาเพราะถูกลิซาร์ดแมนตัวหนึ่งปลุกโดยการสะกิดแขน
“นี่เจ้ามานอนหลับอะไรตรงนี้น่ะ รู้ไหมว่าตรงนี้มันอันตราย?“
“เอิ่ม…ขอโทษครับ พอดีผมมานั่งคุยกับคุณอัคคลีทัสเมื่อแล้วจู่ๆผม….” //ผมนั่งเกาหัวแล้วพลางนึกย้อนเหตุการณ์เมื่อคืนบางส่วนไม่ออก
“ช่างเถอะๆ แต่ทีหลังก็ระวังๆหน่อยแล้วกันเดี๋ยวหน้าผามันก็ทรุดตัวลงแล้วล่วงลงไปข้างล่างหรอก”
“ครับๆ”
หลังจากนั้นลิซาร์ดแมนตัวดังกล่าวก็เดินจากไปส่วนผมก็ตัดสินใจได้แล้วว่าผมขอเลือกที่จะอยู่ช่วยงานอัคคลีทัสไปก่อนเพื่อหาประสบการณ์และลองทำความคุ้นเคยโลกให้นี้มากกว่าเดิมน่าจะดีกว่าเพราะถ้าหากบุ่มบามออกเดินทางไปทันทีมันอาจจะเสี่ยงเกินไปและไม่น่าจะดีต่อตัวผมเป็นแน่
ณ กระท่อมของอัลลาร์ฮาร์ท
“อัลลาร์ อยู่ไหม?” //ผมวิ่งขึ้นมาบนกระท่อม
“หืมม...อ่าวว...เจ้าเองหรอเรณ...งืมๆๆ….” //กำลังงัวเงียสร่างเมา
“คุณพอจะรู้ไหมว่าใครเป็นคนสายส่งข่าว?”
“หืมม….เจ้าอยากรู้ไปทำไมหรอ….” //ลุกขึ้นมาเกาหัวเหมือนคนตื่นนอน
“คือผม…...อยากจะเข้าไปเป็นนักรบช่วยงานอัคคลีทัสน่ะครับ!” //ผมยืนอกขึ้น
แล้วส่งยิ้มให้
“..........”
“หา!!!!?” //เขาถึงกับร้องอุทานขึ้นมาดังมากบ้านแทบจะแตกจนผมแทบจะเอานิ้วอุดหูทั้งสองข้าง
“อะไร..มีอะไรหรอครับอัลลาร์?”
“นี่เจ้าจะไปเป็นผู้ช่วยท่านอัคคลีทัสงั้นหรอ เจ้าเนี่ยนะ!!!”
“ใจเย็นก่อนครับๆ อัลลาร์ผมแค่….”
“ข้าไม่เห็นด้วยที่เจ้าจะไปเป็นผู้ช่วยของท่านอัคคลีทัสอย่างเด็ดขาดและอย่างยิ่งยวดด้วย!!!” //เขาเริ่มโวยวายหนักขึ้นเรื่อยๆเหมือนไม่อยากให้ผมไป
“ใจเย็นๆ อัลลาร์ผมไม่ได้จะออกไปรบกะใครเขาสะหน่อยผมแค่อยากจะช่วยงานเล็กๆน้อยๆให้กับคุณอัคคลีทัสก็แค่นั้นเอง”
“แล้วอะไรที่ทำให้เจ้าอยากจะไปเป็นผู้ช่วยท่านอัคคลีทัสล่ะ??”
“ที่จริงผมไม่อยากไปเป็นผู้ช่วยให้กับคุณอัคคลีทัสหรอก นี่ไงผมได้แผนที่ที่จะไปยัง Villa แล้วนี่ไง” //ผมหยิบแผนที่ขึ้นมาให้เขาดูแล้วเก็บคืน
"แต่เรื่องพี่ชายคุณน่ะคุณอัคคลีทัสเขา...."“หือ!!! นี่เจ้ารู้เรื่องราวเกี่ยวกับพี่ชายข้าหมดแล้วสินะ….” //พูดจบเขาก็นั่งฟุบลงที่เตียง
“......ก็คุณอัคคลีทัสอยากเล่าให้ผมฟังน่ะครับ..เพราะเมื่อคืนผมเห็นคุณนอนละเมอเพ้อถึงพี่ชายของคุณไม่หยุดเลย” //ผมไม่พูดอะไรนอกจากยืนมองเขาสักพักก่อนที่จะมานั่งที่เตียงข้างๆเขา
“....พี่ชายข้าน่ะเป็นคนดีและเป็นนักรบที่กล้าหาญเผชิญอะไรต่างๆมาเยอะ...แต่ข้าน่ะไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง...ไม่เลยสักนิดเดียว…..ขนาดหยิบดายฆ่าคนหรือสัตว์ตัวเล็กๆก็ยังไม่กล้าทำเลย...” “ตั้งแต่ที่ข้ายังจำความได้พี่ข้าคอยหาของมาคอยเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้ข้ามาตั้งแต่เราสองคนยังเป็นเด็ก ท่านพ่อและท่านแม่ของพวกเราถูกฆ่าตายตอนที่ครอบครัวของเราออกไปหาของป่า จนเราสองพี่น้องกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่และก็เดินโดดเดี่ยวเร่ร่อนไปเรื่อยๆในป่าใหญ่ แต่แล้วก็มีกลุ่มนักรบลาดตระเวนเดินมาพบเราสองคนเข้าและคนที่ทำหน้าที่รับเลี้ยงดูแลเราสองคนก็คือ อาร์บลีส เขาเป็นหัวหน้านักรบลิซาร์ดแมนที่อยู่อันดับรองลงมาจาก สการ์ ผู้เป็นพ่อของอัลบาร์โดและยังเป็นหัวหน้าเผ่าลิซาร์ดแมนตะวันออกในสมัยนั้น”
“อาร์บลีส เป็นพ่อของท่านอัคคลีทัสแล้วเขาก็รับเราสองคนไปเป็นลูกบุญธรรมนับแต่นั้นเป็นต้นมาเราทั้งสามคนก็เป็นเพื่อนเล่นกันโดยมีข้าเป็นน้องของท่านพี่อลูส์ที่เข้าเล่นอยู่ในกลุ่มของเด็กน้อยที่เล่นกัน ผ่านไปหลายปีเราทั้งสามก็เติบโตจนกลายเป็นหนุ่มพร้อมที่จะเข้าร่วมกองทัพได้ อัคคลีทัสกับท่านพี่อลูส์ได้เข้าร่วมเป็นนักรบลิซาร์ดแมนเดินเท้าติดอาวุธ ส่วนข้าเป็นนักรบลิซาร์ดแมนสายซัพพอร์ทพวกนักรบเดินเท้าที่อยู่แนวหน้า”
“พวกเราสามคนต่างทำหน้าที่การเป็นนักรบลิซาร์ดแมนได้ดีจนกระทั่งสการ์ผู้ที่เป็นหัวหน้าเผ่าในตอนนั้นถึงกับปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในตัวของอลูส์ที่เขาทำหน้าที่ของนักรบได้ดีในการจัดการและสังหารศัตรูที่เป็นปรปักษ์กับเผ่าจนสการ์ถึงกับเลือกอลูส์พี่ชายของข้าให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าเผ่ารุ่นต่อไปซึ่งเดิมทีตำแหน่งหัวหน้าเผ่าจะส่งต่อได้ก็ต่อเมื่อเป็นคนในตระกูลผู้ก่อตั้งเผ่าหรือได้รับการโหวตจากคนในเผ่าเท่านั้น เพราะฉะนั้นพี่ชายข้าจะได้รับการเลือกจากการโหวตจากคนในเผ่าและคนในเผ่าต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าจะให้อลูส์พี่ชายของข้าเป็นหัวหน้าเผ่ารุ่นต่อไป”
“ตอนที่พี่ข้าได้รับการคัดเลือกให้เป็นหัวหน้าเผ่าข้ารู้สึกปลาบปลื้มและยินดีกับพี่ชายของข้าเป็นอย่างยิ่งและข้าก็รู้สึกภาคภูมิใจที่มีพี่ชายที่ดีอย่างเขาและข้าก็หวังไว้สักวันว่าสักวันหนึ่งข้าจะต้องเป็นที่ยอมรับและพูดถึงเหมือนกับพี่ชายของข้าให้จงได้…...แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เปลี่ยนชีวิตข้าไปตลอดกาล...ใช่….ไอ้เจ้าปีศาจนั่น!.....ไอ้หมาป่าโลหิตนั่น!!....มันพรากชีวิตและเกียรติยศพี่ชายไปจากข้า!!!.....มัน….มันพรากทุกสิ่งที่อย่างที่ข้ามีไปจากข้าจนหมด!!!” //เขากำหมัดแล้วเริ่มพูดใส่อารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆจนผมรู้สึกว่าเขาจริงจังผิดปกติ
“อัลลาร์ ผมว่าคุณควรพูดเรื่องนี้และออกไปหาอะไรทำดีกว่านะอย่างเก็บสมุนไพร อ้อ! ใช่สิคุณยังสอนผมไม่หมดเลยนะเรื่อ-....”
“ข้าจะฆ่ามันให้ได้แม้จะต้องผลิกแผ่นดินควานหามันข้าก็ต้องฆ่ามันให้ได้!!” //แล้วเขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับทำลายข้าวของจนเละกระจัดกระจายไปทั่ว
“อัลลาร์! อัลลาร์!! หยุดก่อน!! ใจเย็นๆตั้งสติเอาไว้อัลลาร์!!! คุณกำลังถูกความโกรธแค้นเข้าครอบงำนะ!!!”
ตอนนั้นผมถึงกับรีบกระโดดเข้าไปกอดคอเขาเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาอาละวาดทำลายข้าวของไปมากกว่านี้จนเขาเริ่มมีอาการหนักข้อมากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเขาจับผมแหว่งไปอัดกับกำแพงอย่างแรงด้วยความโกรธโดยไม่รู้ตัว
ตุ๊บบบ!!
“อ๊ออกก…!!” //ตัวผมเข้าไปกระแทกอัดกับกำแพงไม้ไผ่อย่างแรง
“อ่ะเห๋ออ?!....เรณ!!......” //เขาได้สติขึ้นมาทันทีหลังจากที่เขาเผลอพลาดพลั้งใช้กำลังทำให้ผมถูกแหว่งไปอัดกับกำแพงเมื้อกี้
“โอ้ไม่ๆๆ...เรณๆๆ...ข้าขอโทษ...ขะ..ข้าไม่ได้ตั้งใจ..จะ...เจ้าเป็นอะไรมากรึเปล่า..??” //อัลลาร์รีบวิ่งเข้ามาประคองตัวผมแล้วเอามือปัดฝุ่นออกจากเสื้อให้
“แค๊กๆ….ผมไม่เป็นไรครับอัลลาร์….แรงเยอะดีนะครับ...นี่ขนาดคุณเป็นเผ่าที่แรงน้อยที่สุดในบรรดาสี่เผ่าลิซาร์ดแมนทั้งหมดแล้วนะเนี่ย...แหะๆๆ”
แล้วผมกลับมานั่งปลอบให้อัลลาร์กลับมาสงบจิตสงบใจเหมือนเดิมจนเขาหายจากอารมณ์โกรธเป็นปกติได้สำเร็จ ผมเปลี่ยนเรืองไปเป็นเรื่องที่ผมจะเข้าร่วมเป็นนักรบตามคำเชิญชวนของอัคคลีทัสถึงแม้อัลลาร์จะไม่ค่อยเห็นด้วยแต่เขาก็ต้องยอมปล่อยให้ผมไปตามเส้นทางที่ผมเลือกและก็เป็นโอกาสเหมาะพอดีที่ผมจะร่วมต่อสู้เคียงบาเคียงไหล่กับอัคคลีทัสอยู่ที่เผ่านี้ด้วย
(ก็อาจจะได้ไปสู้จริงๆวันใดก็วันหนึ่งแหละ)
ณ ค่ายนักรบ
ในหมู่บ้านผมเดินเข้ามาในค่ายพร้อมกับมองหาลิซาร์ดแมนที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้คุมของค่ายนี้และแล้วผมก็เจอจนได้แต่คาดว่าน่าจะนะในตอนนั้นและดูท่าเขาน่าจะยุ่งอยู่กับงานในค่ายน่าดู
“เออออ ไม่ทราบว่าใครเป็นสายส่งข่าวครับ” “หืมม อ้อเจ้าเองหรอเจ้ามนุษย์มีธุระอะไรงั้นหรอ?”
“ครับ คุณพอจะรู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนสายส่งข่าวของหมู่บ้าน?”
“อ้อ ถ้าเจ้าจะส่งข่าวล่ะก็ไปที่กระท่อมสายส่งข่าวกรองทางนู้นเลย ตรงที่มีธงสีขาวดำใหญ่ๆตรงนั้นน่ะ” //แล้วเขาก็ชี้ไปยังกระท่อมอีกหลังให้ผมดู
“ขอบคุณครับ”
ผมเดินไปตามที่ลิซาร์ดแมนตัวนั้นบอกจนมาถึงจุดที่เป็นที่พักของสายส่งข่าวสภาพที่พักพวกเขาค่อนข้างเละเทะพอสมควรแถมยังมีขนาดเล็กกว่าของกลุ่มอื่นๆที่เป็นพวกนักรบเดินเท้าหรือพวกจอมเวทย์สะอีก
“ห้าววว สวัสดีตอนเช้าาในวันอากาศที่สดใส......ห้าววว”
“เออ คุณใช่สายส่งข่าวของหมู่บ้านนี้รึเปล่าครับ”
“หื้มม อ้อเจ้านี่เองเจ้ามนุษย์มาหาข้ามีธุระอะไรให้ข้าช่วยงั้นหรอ?”
“ผมอยากจะฝากคุณส่งข่าวจากผมไปหาคุณอัคคลีทัสหน่อยนะครับว่าผมจะขอเป็นผู้ช่วยอัคคลีทัสน่ะครับ”
“หา?! อย่างเจ้าเนี่ยนะจะเป็นผู้ช่วยของท่านอัคคลีทัสน่ะนี่เจ้ากำลังล้อเล่นข้าอยู่รึเปล่าเนี่ย?? ฮ่าๆ” //เขาหัวเราะแล้วสบประมาทผม
“นี่! ผมจริงจังนะตกลงคุณจะส่งข่าวให้ผมรึเปล่า!?”
“ฮ่าๆเหอะๆ ถ้าเจ้าเข้าไปในกองทัพเนี่ยะเจ้าจะไปทำอะไรได้วิ่งถือดาบออกไปหาศัตรูแล้วถ้าดวลตัวต่อตัวหรอหรือเข้าไปหลบหลังคนอื่นแล้ววิ่งหนีหางจุกตูดล่ะ ฮ่าๆ”
“คุณจะดูถูกหรือจะหัวเราะอะไรยังไงผมก็เชิญ แต่เรื่องนี้คุณอัคคลีทัสเป็นคนชวนผมด้วยตัวเองเมือคืน”
“เจ้าว่าไงนะ?”
“คุณอัคคลีทัสเป็นคนชวนผมด้วยตัวเองว่าจะผมจะมาเป็นผู้ช่วยให้กับเขารึเปล่า ถ้าผมอยากเขาก็บอกให้ผมมาฝากคุณส่งข่าวกับคุณให้คุณนี่ตกลงคุณจะส่งข่าวให้ผมไหม??”
เขายืนนิ่งไม่พูดอะไรออกมาหรือหัวเราะให้ผมได้ยินเลยสักแอะก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในกระท่อมแล้วหยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมาพร้อมหยิบเอาปากกาขนนกออกมาแล้วยื่นมาให้ผมเขียนข้อความและลงลายเซ็นกำกับลงท้ายข้อความก่อนที่กระดาษแผ่นนั้นจะถูกเก็บใส่กระบอกไม้ไผ่สะพายข้าง
“.....ข้ายังไม่ปักใจเชื่อเจ้านะว่าท่านอัคคลีทัสเป็นคนเชิญชวนเจ้าด้วยตัวท่านเอง แต่ดูจากแววตาและท่าทางของเจ้าแล้วก็อาจจะมีส่วนที่เป็นเรื่องจริง”
"ไม่เชื่อไม่เป็นไรครับ...ไว้ค่อยฟังจากปากของเขาเองเมื่อตอนที่คุณส่งข้อความตอบกลับจากผมถึงมือเขาแล้วก็แล้วกัน"พูดจบเขาก็ไปหยิบอาวุธเป็นมีดเดินป่าเล่มหนึ่งก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปส่งข่าวด้วยความเร็วสูงจนฝุ่นควันตลบไปทั่วหน้ากระท่อมตรงบริเวณที่ผมอยู่
“เฮ้ออ วิ่งเคลื่อนที่เร็วสมกับเป็นเผ่าตะวันออกจริงๆถ้าเป็นพวกตะวันตกวิ่งสามวันสามคืนก็คงไม่ไปถึง”
ที่เหลือก็ข้ารอให้อัคคลีทัสประกาศรับผมเข้าร่วมกองทัพอย่างเป็นทางการก็พอหลังจากนั้นผมก็ออกไปหานอนเล่นใต้โคนต้นไม้รอนับจากนั้น
โดยที่ผมไม่รู้เลยว่ามีเงาของใครบ้างคนกำลังจ้องมองลงมาจากข้างบนต้นไม้ต้นที่ผมกำลังงีบหลับอยู่.....
รอตอนต่อไป......