Post by gennesis on Jan 22, 2019 11:34:10 GMT
อัลบาร์โดกับซาร์ลาซอร์ดเข้าปะทะกันอย่างรวดเร็วโดยทั้งคู่ก็ได้ใช้อาวุธของของตนฟันกระทบดาบของกันและกันจนเกิดเป็นลมแรงกระโชกและเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วลานประลอง ซาร์ลาซอร์ดง้างดาบขึ้นแล้วฟันลงมาตรงๆทีตัวอัลบาร์โดแต่อัลบาร์กระโดดเลี่ยงไปทางซ้ายเพราะหากเขากระโดดหลบไปทางด้านหลังเขาอาจจะไม่หลบไม่พ้นดาบที่ฟันลงมาอย่างแน่นอนอัลบาร์โดได้กระโดดไปหลบด้านหลังของมันปักหลักก่อนที่จะเขาจะใช้ดาบพุ่งแทงเข้าไปที่ด้านหลังของมันและทันทีที่ปลายดาบสัมผัสกับเกราะของมันก็เกิดการระเบิดเป็นเปลวเพลิงขนาดย่อมๆจนเจ้าซาร์ลาซอร์ดกระเด็นไปอีกฟากนึงภายในลานประลองเพราะแรงระเบิดที่รุนแรงและตัวของมันก็กระแทกติดกับกำแพงแต่เจ้าซาร์ลาซอร์ดก็ไม่เห็นท่าทีแสดงอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด
“หึ ทำได้เพียงเท่านี้เองรึ??”
“ฮื๋ยยย!! (ไม่ได้…..เราจะไปหลงกลเล่ห์อุบายมันไม่ได้...)”
“ถีงทีข้าบ้างล่ะ”
ตู้มม!!
มันพุ่งกระโจนเข้ามาหาอัลบาร์โดทันทีแล้วมันก็ใช้ดาบของมันฟันเข้าไปที่อัลบาร์โดอย่างแรงแต่อัลบาร์โดที่ใช้ดาบรับการโจมตีของมันได้แต่ด้วยความที่ซาร์ลาซาร์ดมีความแข็งแกร่งและพลังที่เหนือกว่าจึงทำให้อัลบาร์โดถูกซาร์ลาซอร์ดหมุนตัวใช้ขาข้างหนึ่งถีบเข้าที่กลางหน้าอกของเขาอย่างแรงจนทำให้อัลบาร์โดเกิดอาการจุกเสียดตรงบริเวณอกเป็นอย่างมากจนเขาหายใจแถบจะไม่สะดวก แต่ซาร์ลาซอร์ดก็ไม่ปล่อยให้อัลบาร์โดได้มีโอกาสได้พักมันได้พุ่งเข้ามาคว้าคอของอัลบาร์โดอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะใช้ดาบของมันแทงร่างของอัลบาร์โดแต่ด้วยความชำนาญและมากประสบการณ์ในการต่อสู้ของอัลบาร์โดเขาก็ได้ใช้พลังเวทย์โพรเทคป้องกันดาบของเจ้าซาร์ลาซอร์ดเอาไว้แต่ดูเหมือนดาบของมันนั้นจะมีคุณสมบัติที่สามารถเจาะผ่านเวทย์โพรเทคเข้ามาได้เขาจึงใช้โอกาสตอนที่ดาบของมันค่อยๆเจาะทะลุผ่านเวทย์โพรเทคนั้นใช้ดาบฟันเข้าที่หมวกเหล็กของมันจนมันกระเด็นไปอีกทางและปล่อยตัวอัลบาร์โดและทำให้อัลบาร์โดรอดตายอย่างหวุดหวิด
“แค๊กกก!!” อัลบาร์โดสำลักถอนหายใจออกมา
“อัลบาร์โดเจ้ายังไหวอยู่รึเปล่า!??!” อัคคลีทัสตะโกนามมา
“แค๊กกก….ตัวข้ายังไหวครับ….ท่านอัคคลีทัส….ข้ายังพอสู้ต่อได้….แค๊กกๆๆ”
“จำบทเรียนที่เรณสอนเจ้าตอนที่อยู่ในค่ายสิ!!”
“บทเรียนงั้นรึ??”
อัลบาร์โดได้ลองนึกย้อนกลับไปในเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะถูกจับไปหลายวันก่อนหน้านั้นเพื่อระลึกเหตุการณ์และเสียงของเรณก็ค่อยๆดังกึกก้องเข้ามาในหัวของเขาเพื่อเตือนความจำของเขา
ตอนนี้พวกคุณมีเกราะหรือเครื่องป้องกันร่างกายที่จะปกป้องพวกคุณจากการถูกฟันหรือถูกแทงแล้ว ต่อไปผมจะมาบอกจุดอ่อนสำหรับผู้ที่ใส่เกราะเหมือนกับพวกเราบ้างนะครับหากพวกคุณเจอกับศัตรูที่ใส่เกราะบางๆอย่างเช่นใส่เพียงแค่เกราะแขน ขา หรือลำตัวอย่างใดอย่างหนึ่งพวกคุณก็จัดการฝ่ายตรงข้ามโดยการโจมตีไปตามปกติและพยายามโจมตีให้หนักหน่วงกว่าเดิมเพราะเกราะที่บางจะรับการโจมตีได้ไม่มากนักและตัวเกราะอาจจะเสียหายแล้วหลุดไปจากร่างกายของฝ่ายตรงข้ามได้ ต่อมาคือพวกใส่เกราะค่อนข้างเต็มตัวทีนี้พวกคุณจะต้องใช้ประสบการณ์และทักษะการต่อสู้ของพวกคุณเองเข้ามาด้วยส่วนหนึ่งเพราะเกราะระดับนี้จะมีความทนทารในการรับการโจมตีได้ในระดับหนึ่งเหมือนกับที่พวกคุณกำลังสวมใส่อยู่ในตอนนี้ล่ะครับ สุดท้ายนั้นก็คือพวกที่ใสเกราะเต็มตัวครบเซต…..
ในระหว่างที่เขากำลังจะตั้งสมาธิในการนึกย้อนบทเรียนที่เรณสอนอยู่นั้นเจ้าซาร์ลาซอร์ดก็เข้ามาขัดจังหวะโดยการเปิดฉากโจมตีสวนกลับมาทำให้อัลบาร์โดต้องกลับมาสนใจเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าและต้องหาทางจัดการให้เจ้าซาร์ลาซอร์ดถอยออกไปเสียก่อน
“เจ้าไม่มีทางหนีอีกแล้ว” ซาร์ลาซอร์ดต้อนให้อัลบาร์โดจนมุม
“ไม่มีทาง สุดยอดนักรบมือดีอย่างข้ามิเคยหมดหนทางในการต่อสู้หรอก!!”
“งั้นรึ”
โคร้มมมม !!!
ซาร์ลาซอร์ดได้ปล่อยพลังเวทย์ออกจากปลายดาบที่มีพลังทำลายรุนแรงใส่อัลบาร์โดแต่เขาก็หลบออกมาได้ก่อนที่จะใช้ดาบที่เคลือบพลังเวทย์ไฟฟันเข้าที่หมวกของมันอีกรอบเพื่อถ่วงเวลาให้เขานึกย้อนถึงบทเรียนบทสุดท้าย
สำหรับศัตรูที่ใส่เกราะเต็มยศครบเซตนั้นพวกคุณจะใช้ทักษะและความสามารถนั้นอาจไม่เพียงพอพวกคุณทุกคนจะต้องมองลักษณะท่าทางและโอกาสในการสวนการโจมตีให้ถูกจังหวะ…..แต่ว่าศัตรูประเภทนี้พวกคุณจะโจมตีแบบเดาสุ่มไม่ได้เด็ดขาดเพราะนอกจากจะไม่สามารถสร้างบาดแผลให้กับศัตรูได้แล้วมันยังปล่อยให้โอกาสดีๆในการตอบโต้หลุดลอยไปอย่างสูญเปล่า ผมจะสาธิตวิธีจัดการศัตรูประเภทนี้ให้พวกคุณได้เห็นเป็นตัวอย่าง
ฉึบ ฟั๊บ !!!
ก็ตามนี้นะครับนี่คือจุดอ่อนที่พวกคุณจะต้องโจมตีไปยังส่วนบริเวณนี้และมันจะได้ผลอย่างแน่นอนแต่มันต้องใช้ความสามารถและทักษะเฉพาะตัวเข้ามาช่วยด้วย เอาล่ะผมขอจบการสอนเพียงเท่านี้นะครับ
อัลบาร์โดค่อยๆรื้อฟื้นความทรงจำและบทเรียนที่เรียนรู้จากเรณขึ้นมาทีละนิดๆจนเขาจำได้ว่าหากจะจัดการกับศัตรูที่ใส่เกราะเต็มตัวอย่างเจ้าซาร์ลาซอร์ดล่ะก็เขาจำเป็นจะต้องโจมตีตรงบริเวณ แขนหนีบ ขาหนีบ และตรงส่วนข้อผับและข้อต่อต่างๆตามร่างกาย เขาคิดได้ดังนั้นเขาจะเริ่มโจมตีตรงบริเวณส่วนต่างๆดังกล่าว
“เจ้าไม่มีวันจะเอาชนะข้าได้หรอก เพราะลิซาร์ดแมนตัวกระจ่อยร่อยอย่างเจ้ามันไม่มีการพัฒนาการเหมือนอย่างข้า”
“หึ มันก็ไม่แน่หรอก”
“นั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะได้พูดเช่นนั้น”
ซาร์ลาซอร์ดสบัดดาบไปข้างหน้าแล้วก็เกิดคลื่นกระแทกหินพุ่งตรงเข้ามาหาอัลบาร์โดแต่คราวนี้อัลบาร์โดพลาดท่ากระโดดหลบไม่ทันจนทำให้เขาถูกคลื่นกระแทกของของซาร์ลาซอร์ดซัดจนตัวกระเด็นแล้วล้มลงไปนอนกับพื้นลานประลองพร้อมกับฝุ่นควันที่ตลบอบอวลไปทั่วจนพวกลิซาร์ดแมนที่จับตามองอยู่รอบนอกไม่สามารถมองเห็นทั้งสองคนได้
“นะนั่นมัน!!” มีลิซาร์ดแมนธรรมดาตัวหนึ่งสังเกตุอะไรบางอย่างหลังจากฝุ่นควันจางหายไปแล้ว
“หึ ได้เวลาแล้วสินะ” บาร์เบทรอสรับรู้ได้ถึงโอกาสที่มาถึงแล้ว
สภาพของทั้งสองกลับมาปรากฏอีกทีในท่าที่ซาร์ลาซอร์ดถูกอัลบาร์โดใช้ดาบแทงเข้าที่ซอกช่องว่างหน้าท้องของเกราะและอัลบาร์โดก็ใช้ปล่อยพลังเวทย์ไฟใส่ที่ดาบเพื่อเพิ่มความรุนแรงและสร้างความเสียหายให้แก่ซาร์ลาซอร์ดให้ได้มากกว่าเดิม
ตู้มมม!!!
อัลบาร์โดได้ใช้ดาบระเบิดตัวซาร์ลาซอร์ดในระยะเผาขนจนทั้งสองกระเด็นออกไปทั้งคู่ซาร์ลาซอร์ดในตอนนี้อยู่ในสภาพย่ำแย่และได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจนเกราะเกือบทั้งหมดที่มันใส่มีรอยร้าวพวกลิซาร์ดแมนที่เฝ้าดูการต่อสู้ของทั้งสองต่างโหร้องแสดงความชอบใจที่อัลบาร์โดสามารถเล่นงานซาร์ลาซอร์ดนักรบเกราะเงินที่แข็งแกร่งจนมีสภาพแบบนี้ได้แต่การโจมตีในครั้งนี้ก็ทำให้อัลบาร์โดได้รับบาดเจ็บไม่แพ้กันเนื่องจากเขาก็อยู่ในแรงระเบิดพลังเวทย์นั้นเหมือนกัน
“อะๆอึก….นี่มันโดนไปเข้าไปขนาดนั้นมันยังกลับลุกขึ้นมาได้อีกงั้นรึเนี่ย?!”
“ช่างยอดเยี่ยมสมกับเป็นนักรบลิซาร์ดแมนมือขวาของอัคคลีทัสจริงๆ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีลูกเล่นและทักษะการต่อสู้ที่เฉียบแหลมเช่นนี้มาก่อน”
จู่ๆก็มีพลังอำนาจที่ทรงพลังบางอย่างสีม่วงดำค่อยๆลอยออกมาจากทุกทิศทางมาล้อมรอบตัวซาร์ลาซอร์ดและดวงตาของมันก็เปล่งแสงออกมาเป็นสีแสงสว่างเหมือนกับว่ามันกำลังจะปลดปล่อยที่แท้จริงออกมาและก็เผยร่างตนตัวที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน
ดาบที่ซาร์ลาซอร์ดถือเปลี่ยนสภาพกลายเป็นดาบแขนขนาดใหญ่ โล่ที่ซาร์ลาซอร์ดติดอยู่กับปลอกแขนก็เปลี่ยนสภาพเป็นลูกตุ้มที่มีหนามแหลมคมขนาดยักษ์ เกราะที่มันสวมใส่ทั้งตัวก็ค่อยๆเปลี่ยนสภาพผสานเข้ากับร่างกายที่เป็นเนื้อและมีขนาดใหญ่มากขึ้นจนมันมีขนาดใหญ่กว่าตัวอัลบาร์โดถึง 5 เท่าและงานนี้อัลบาร์โดที่อยู่ในสภาพล่อแล่ต้องเจอกับศึกหนักที่ใหย่ที่สุดในชีวิตของเขาสะแล้ว
“นี่มัน...พลังอะไรกัน??!!” อัลบาร์โดตะลึงช็อคตาค้างกับสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้า
“ข้าจะทุ่มพลังทั้งหมดที่ข้ามีจัดการเจ้าให้สิ้นซากซะ และข้ารู้ว่าในตัวเจ้ามีพลังที่แข็งแกร่งและมันก็แข็งแกร่งมากพอที่จะสามารถต่อกรกับข้าได้อย่างสูสี”
“พลังแบบนั้น….ตัวข้าจะ...ไปมีได้อย่างไรกัน”
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีพลังแบบนั้นอยู่...และข้าจะผิดหวังเป็นอย่างมากหากเจ้าไม่ดึงพลังนั้นออกมาสู้กับข้า” แล้วมันก็ชี้ดาบมาที่อัลบาร์โด
อัลบาร์โดยืนนึกไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะนึกขึ้นได้ว่าในอดีตอัลบาร์โดกับลูลู่ภรรยาของเขาได้รับการถ่ายทอดพลังเวทย์มนต์ที่แข็งแกร่งจากท่านผู้อาวุโสประจำเผ่าก่อนที่ทั้งคู่จะแต่งงานกันโดยพลังเวทย์นั้นคือพลังเวทย์ที่เกิดจากการนั่งจำศีลจากเหล่าผู้อาวุโสมาหลายรุ่นจากรุ่นเก่าแก่มาสู่รุ่นปัจจุบันนานนับไม่ได้โดยพลังเวทย์นั้นจะสามารถนำมาใช้ในยามจำเป็นเท่านั้นพอเขานึึกขึ้นได้เขาก็เริ่มทำการร่ายเวทย์มนต์นั้นขึ้นมา
“พลังแบบนั้นจะมีลักษณะเป็นอย่างไรนะ ตัวข้าเองนั้นก็อยากจะลองดูพลังนั้นให้เป็นขวัญตาสักหน่อย..แต่น่าเสียดายที่ข้าต้องดำเนินการตามแผนของข้าเสียก่อน” แล้วเจ้าบาร์เบทรอสก็รีบเดินมุ่งตรงไปหาอัคคลีทัส
“อัคคลีทัส”
“บาร์เบทรอส เจ้ามีธุระอะไรกับข้าหรือว่าเจ้าแค่อยากจะมาเยาะย้อยความต่ำต้อยของเผ่าข้าล่ะ??”
“ข้ามิได้มาหาเจ้าเพียงเพราะเรื่องนั้นหรอกนะ แต่ข้าอยากจะพาเจ้าไปดื่มสังสรรค์พูดคุยอะไรกันนิดๆหน่อยๆก็แค่นั้น”
“นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?” สัญชาตญานของนักรบในตัวอัคคลีทัสก็ส่งสัญญาณเตือนตัวเขาเองรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง
“แน่นอนที่สุด…...เรื่องสงครามระหว่างเจ้ากับข้ายังไงล่ะ...” สัญชาตญานของมันก็รับรู้ได้เช่นกัน
ทั้งคู่ยืนจ้องตากันไม่กระพริบโดยฝั่งของอัคคลีทัสก็คิดอยู่ในใจตลอดการมาอยู่ทีนี่ว่าเจ้าบาร์เบทรอสมันมีแผนการอะไรอยู่ในหัวส่วนบาร์เบทรอสก็คิดเสมอว่าอัคคลีทัสจะต้องตายในวันนี้ไม่ก็หลังจากนี้เท่านั้น ทั้งคู่ยืนจ้องกันนานมากจนอัลบาร์โดร่ายคาถาเสร็จ
“ท่านผู้อาวุโส ข้าขอความกรุณาใช้พลังนี้ด้วย!!” หลังเขาร่ายคาถาจบเขาก็เอาดาบของอัคคลีทัสปักลงพื้นดินตรงลานประลอง
เมื่อปลายดาบปักลงพื้นดินก็มีคาถาวงเวทย์ขนาดย่อมๆปราฏกขึ้นใต้เท้าอัลบาร์โดแล้ววงเวทย์นั้นก็ส่องแสงสว่างไปทั่วบริเวณรอบตัวเขาก่อนที่อัลบาร์โดจะถูกอาบด้วยพลังเวทย์มหาศาลที่หลั่งใหลออกมาจากวงเวทย์นั้นแล้วเขาก็ได้รับพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งมาครอบครอง โดยลักษณะร่างกายที่เปลี่ยนไปของเขานั้นคือตัวเขาจะมีลวดลายอักขระวงเวทย์ปรากฏขึ้นทั้ง บนลำตัว แขนขาทั้งสองข้าง และก็แผ่นหลังอีกทั้งดาบของอัคคลีทัสก็เปลี่ยนสภาพเป็นดาบเพชรที่ส่องแสงว่างสีขาวระยิบระยับตามไปด้วยรวมทั้งอาการบาดเจ็บทางร่างกายก็หายไปอย่างปลิดทิ้งแล้วทั้งคู่ก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อเปิดศึกตัดสินครั้งสุดท้ายของเขา
“นี่แหละ…...ค่ต่อสู้ที่ข้าตามหามานานแสนนาน…..” ซาร์ลาซอร์ดในร่างอัพเกรดจ้องมองอัลบาร์โดที่ได้รับพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งจากเท้าจรดหัว
“มาตัดสินกันให้รู้แพ้รู้ชนะกันเสียทีเถอะ”
“ก็ย่อมได้” มันยกแขนดาบขึ้นแล้วก็บินพุ่งเข้ามาหาอัลบาร์โดกลางอากาศ
อัลบาร์โดปล่อยพลังเวทย์เข้าใส่ซาร์ดลาซอร์ดเป็นบีมสีขาวผสมเหลืองแต่มันก็บินโฉบหลบไปมาอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะสวนอัลบาร์โดกลับมาโดยการใช้แขนดาบฟันกลางอากาศแล้วเกิดคลื่นใบมีดดาบแห่งความมืดพุ่งสบัดเข้าไปหาอัลบาร์โดจำนวนมากแต่อัลบาร์โดก็สามารถป้องกันใบมีดพลังแห่งความมืดนั้นเอาไว้ได้โดยการร่างเวทย์โพรเทคระดับ 7 จนพลังของซาร์ลาซอร์ดไม่สามารถเจาะผ่านม่านพลังเวทย์โพรเทคของอัลบาร์โดได้แล้วทั้งคู่ก็เข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือนทั้งรุกและรับผลัดเปลี่ยนกัน
ในระหว่างนั้นอัคคลีทัสก็ถูกพามายังซุ้มแห่งหนึ่งที่บาร์เบทรอสฝากคนจัดเตรียมสถานที่เอาไว้โดยสถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่บาร์เบทรอสให้ลูกน้องของเขาจัดดำเนินการตามแผนการทั้งหมดแล้วทั้งคู่ก็นั่งลงบนโต๊ะเล็กๆเพื่อพูดคุยเจรจากัน
“หึหึ ข้าก็นึกว่าเจ้าจะไม่ยอมมาตามคำเชิญของข้าที่ลานประลองนั้นเสียอีก”
“ข้าก็กะว่าจะไม่ไปตามคำเชิญของเจ้าหรอกนะบาร์เบทรอส เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าไม่เคยคิดที่จะไว้ใจลิซาร์ดแมนอย่างเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียว”
“หึ อย่างเป็นพวกไว้เนื้อเชื่อใจผู้อื่นยากเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน”
“เจ้าเลิกพล่ามนอกเรื่องได้แล้ว ข้าว่าเรารีบมาเข้าเรื่องเพื่อพูดคุยกับเจรจากันดีกว่า”
“นั้นสินะ….เรื่องการเจรจาของเจ้ากับข้า..”
แล้วทั้งคู่ก็พูดคุยเจรจากันโดยเนื้อหาที่นำมาพูดคุยกันนั้นส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องสงครามและผลกระทบที่จะส่งผลตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงอนาคตโดยบาร์เบทรอสได้อ้างว่าที่พวกมันต้องบีบบังคับให้เผ่าตะวันออกมาเข้าร่วมกับตนเพื่อที่เผ่าตะวันตกกับเผ่าตะวันออกจะได้รับผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายที่ Overlord จะประทานมาให้ทั้งอัคคลีทัสและบาร์เบทรอสซึ่งอัคคลีทัสก็ไม่เชื่อและต้องการให้บาร์เบทรอสพิสูจน์ว่าเรื่องที่มันพูดนั้นจะเป็นจริงบาร์เบทรอสจึงได้หยิบเอาลูกแก้ววิเศษที่ทำนายเกี่ยวกับอนาคตมาให้อัคคลีทัสดูซึ่งลูกแก้วที่ว่าก็เป็นลูกแก้วที่บาร์เบทรอสขอยืมมาจากจอมเวทย์ลิซาร์ดแมนสาวนักทำนายนั่นเอง
“เจ้าจงดูอนาคตที่จะเกิดขึ้นกับเผ่าของเจ้าผ่านลูกแก้วทำนายนี้ซะเถอะ” แล้วมันก็เริ่มร่ายเวทย์มนต์คำทำนายที่ได้มาจากจอมเวทย์สาวที่เรียนมา
“หื้มม……...นี่มัน…!” อัคคลีทัสจ้องมองเข้าไปในลูกแก้วแล้วเขาก็พบกับสิ่งที่เขาไม่อยากจะเชื่อผ่านลูกแก้วทำนายนี้
สิ่งที่อัคคลีทัสเห็นจากลูกแก้วคำทำนายนั้นก็คือสงครามระหว่างเผ่าลิซาร์ดแมนตะวันตกและตะวันออกจะสงบ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันอีกทั้งตัวอัคคลีทัสกับบาร์เบทรอสจะไปขอคุยเจรจาเรืองการรวมเผ่าทั้งสี่ให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันและหลังจากนั้น Overlord ที่อัคคลีทัสคิดว่าเป็นบุคคลที่ชั่วร้ายก็จะพาเหล่าลิซาร์ดแมนไปอาศัยอยู่ในยังโลกใบใหม่ที่สงบสุข ไร้สงครามและการแบ่งแยกเผ่าและวัฒนธรรมแล้วสุดท้ายเผ่าลิซาร์ดแมนทั้งหมดก็จะพบเจอแต่ความสงบสุข
“นะนี่….มัน….เรื่องจริงงั้นรึ?” อัคคลีทัสถึงกับอึ้งตะลึงตาค้างหลังจากดูลูกแก้วคำทำนายแล้ว
“ข้ารู้ว่าเจ้าอาจไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเจ้าเห็นแต่เรื่องทั้งหมดที่ถูกแก้วลูกนี้แสดงให้เจ้าเห็นนั้นเป็นเรื่องจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นและมันจะเกิดขึ้นมาไม่ได้หากเจ้ากับข้าไม่ยอมตกลงร่วมมือและทำสัญญาสงบศึกกัน” แล้วบาร์เบทรอสก็เก็บลูกแก้วพร้อมกับรินน้ำสีฟ้าที่เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่าตะวันตกให้อัคคลีทัสหรึ่งแก้ว
“มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆงั้นรึ??” อัคคลีทัสยังถามบาร์เบทรอสอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“แน่นอนอัคคลีทัส ถ้าเจ้ายอมมาเข้าข้างฝั่งข้าเจ้าและพวกลิซาร์ดแมนตนอื่นๆภายในเผ่าของเจ้าและข้าก็จะไม่ต้องมาเข่นฆ่ากันยังไงล่ะ”
“งั้นหรอกรึ….”
“เอาเถอะเจ้าอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูดถ้างั้นเจ้าก็ดื่มน้ำนี่เพื่อเป็นการรับน้ำใจจากข้าหน่อยจะได้หรือไม่?” แล้วมันก็ยื่นแก้วน้ำที่มีน้ำสีฟ้าแปลกประหลาดให้อัคคลีทัส
อัคคลีทัสรับแก้วน้ำนั้นมาแต่ก็มองบาร์เบทรอสด้วยสายตาแปลกๆเหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะอัคคลีทัสนั้นเขายังไม่ไว้ใจในตัวบาร์เบทรอสอีกอย่างสิ่งที่บาร์เบทรอสเล่าและแสดงให้เห็นนั้นมันขัดกับสิ่งที่ผู้ชายปริศนาคนหนึ่งได้แสดงและบอกเล่าให้เขาฟังเมื่อนานมาแล้ว…โดยสิ่งที่ชายปริศนาที่เขาเคยพบเจอในสมัยอดีตดังกล่าวได้กล่าวเตือนกับเขาว่าหากเผ่าตะวันออกยอมเข้าร่วมกับเผ่าตะวันตกเมื่อใดเผ่าลิซาร์ดแมนทั้งหมดจะถูกควบคุมโดยสมบูรณ์โดย Overlord ผู้ชั่วช้าอีกทั้งเผ่าตะวันออกก็เป็นป้อมปราการด่านสุดท้ายที่จะยันอำนาจไม่ให้ Overlord สามารถเปิดประตูในดินแดนลิซาร์ดแมนนี้บุกไปยังอีกโลกหนึ่งได้แต่นั้นก็ใช่ว่า Overlord จะสามารถเปิดประตูที่ดินแดนแห่งนี้ได้เพราะ Overlord มันก็ยังสร้างประตูเอาไว้ตามจุดต่างๆทั่วโลก ACO แต่ชายปริศนาคนนั้นก็บอกว่าให้เขาสนใจในงานตรงส่วนนี้ก็พอส่วนเรื่องการขัดขวางประตูบานอื่นๆเขาจะเป็นคนวานให้คนอื่นจัดการเอง และทันทีที่เขาคิดได้ดังนั้นเขาจึงรู้สึกตัวและย่ำสติตัวเองเอาไว้ได้และมันคงจะเป็นตราบาปติดตัวเขาไปทั้งชีวิตหากเขายอมปล่อยให้ Overlord ที่เขาคิดมาโดยตลอดว่าชั่วร้ายและอันตรายบุกไปยังอีกโลกที่ไม่รู้อิโหน่อิโหน่ไปได้อย่างง่ายดาย
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอปฏิเสธคำเชิญของเจ้าก็แล้วกันนะบาร์เบทรอส”
“เจ้าว่าไงนะ!?” บาร์เบทรอสถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วก็ยินกำหมัด
“ข้าต้องชอบใจที่เจ้าเสนอแนะเงื่อนไขดีๆที่จะช่วยทำให้สงครามระหว่างเผ่าตะวันตกกับเผ่าตะวันออกสงบลงได้ แต่ข้าเชื่อในสิ่งที่ชายผู้นั้นพูดมากกว่า” แล้วอัคคลีทัสก็วางแก้วนั้นปริศนาลง
“นี่เจ้าคิดที่จะดื้อดึงต่อต้านท่าน Overlord ต่อไปงั้นรึ!?” บาร์เบทรอสเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักมากขึ้น
“หึ พวกที่อยู่ฝั่ง Overlord ชั่วนั้นไม่มีทางที่จะทำดีเพื่อผลประโชยน์ส่วนรวมหรอก!!”
“นี่เจ้า...อัคคลีทัส..!!!”
ทันใดนั้นบาร์ฮาร์อุสที่ดักรอซุ่มโจมตีอยู่ก่อนหน้าหากอัคคลีทัสไม่ติดกับตามแผนก็ได้ปรากฏตัวมาโผล่ข้างหลังอัคคลีทัสแต่มันก็ถฤูกอัคคลีทัสใช้หางของเขาฟาดหน้าของมันจนมันตัวปลิวไปกระแทกกับก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆจนสลบส่วนบาร์เบทรอสก็รีบล้มโต๊ะและคว่ำใส่อัคคลีทัสอย่างรวดเร็วแต่โต๊ะก็ถูกอัคคลีทัสต่อยจนแหละละเอียดจนน้ำหกเลอะเทอะแล้วทั้งคู่ก็ออกมาสู้กันข้างนอกป่า
“ในเมื่อแผนการของข้าล่มหมดงั้นข้าก็จะจัดการเจ้าซะตรงนี้เสีย!!”
บาร์เบทรอสสั่งให้นักรบลูกน้องจำนวนนับสิบออกมาเพื่อรุมจัดการอัคคลีทัสแต่ผลที่ออกมาก็เช่นเคยด้วยพลังและความสามารถในการต่อสู้ที่สูงทำให้พวกนักรบลูกน้องถูกอัคคลีทัสจัดการจนหมดสิ้นแต่เขาก็ไม่เห็นตัวบาร์เบทรอสเสียแล้ว
แต่ทันใดนั้นเขาก็ถูกสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางหลังจากบนฟ้าอย่างจังจนเขาต้องล้มคุกเข่า
“ข้าจะจัดการเจ้าให้สิ้นซากเองอัคคลีทัส”
“มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก!”
บาร์เบทรอสกระหน่ำปล่อยสายฟ้าออกจากปลายดาบอาวุธประจำตัวของเขาโดยลักษณะดาบของเขานั้นเหมือนกับใบที่มีใบมีดเป็นรูปหยักเหมือนสายฟ้าและมีพลังเวทย์ไฟฟ้าสถิตอยู่ที่ใบมีดดาบจึงทำให้เวลาที่บาร์เบทรอสฟันเฉี่ยวโดนอัคคลีทัสมันจะทำให้ตัวอัคคลีทัสรู้สึกเจ็บๆและชาตรงบริเวณนั้นจนไม่สามารถขยับอวัยวะตรงส่วนนั้นไประยะนึงจนการต่อสู้ของทั้งคู่ดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง
*ตัดฉากกลับมาที่ค่ายแนวหน้าที่เรณอยู่*
จู่ๆก็มีคลื่นมวลพลังแสงสว่างระเบิดกระจายออกมาจากค่ายแห่งนั้นในรัศมีเป็นวงกว้างโดยแรงระเบิดแสงที่ว่าได้กวาดล้างกองทัพผสมของพวกเผ่าตะวันตกจนพื้นที่บริเวณนั้นโล่งและเหลือเพียงแต่เหล่านักรบลิซาร์ดแมนตะวันออกเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดที่ว่าดังกล่าว พลังชาแมนหายไปและท้องฟ้าก็กลับมาสดใสอีกครั้งแต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปนั้นก็คือมีการสูญเสียมากมาย แนวตั้งรับถูกทำลายและมีซากศพนอนตายเกลื่อนตลอดเส้นทางที่ทัพตะวันตกเดินทัพผ่าน
“เรณ เรณ!!”
“ห๊ะ!!”
ผมลืมตาขึ้นมาแล้วก็พบกับอุบาร์วัยที่กำลังยืนเรียกสติผมอยู่ตรงหน้าเขาเข้ามาเรียกชื่อผมเพราะเขาเห็นผมยืนหลับตาปี๋และกำมือเอาไว้แน่นเหมือนกำลังกำอะไรบางอย่างเอาไว้ในมือมานานได้สักพัก โดยเขาได้ถามผมว่าที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเผ่าตะวันตกถึงหายไปหมด? ค่ายแนวหน้าไม่ได้ถูกยึด? ฯลฯ จนผมจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะตอบคำถามไหนก่อนแต่สิ่งที่ผมโล่งใจนั้นคืออุบาร์วัยกับซาชิโดยังปลอดภัยดีและพวกเขาก็รอดมาจากศึกการรบที่แนวหน้าโดยทั้งคู่ก็เล่าให้ผมฟังว่าทั้งคู่เกือบพลาดท่าถูกฆ่าตายแต่โชคดีที่มีคลื่นแสงบางอย่างมาช่วยชีวิตเอาไว้นั่นคลื่นแสงที่ว่านั้นไม่ใช่อย่างอื่นใด มันคือพลังออโรเลี่ยนที่ผมดึงออกมาใช้จากคริสตัลเซฟาลิน
“(ขอบใจที่ช่วยนะเซฟาลิน)”
ผมนึกพูดในใจและขอบใจคู่หูในจินตนาการของผม
“เจ้าปลอดภัยรึเปล่า?”
“ผมไม่เป็นไรครับ เพราะเจ้านี่แท้ๆที่ช่วยชีวิตผมและทุกคนเอาไว้” ผมยกคริสตัลเซฟาลินขึ้นมาให้อุบาร์วัยดู
“งั้นรึ ถ้างั้นเราก็ไปช่วยเหลือนักรบตนอื่นๆที่ได้รับบาดเจ็บก่อนที่ซาชิโดจะกลับมาถึงกันนก่อนเถอะ”
“ครับ”
หลังจากนั้นพวกเราและนักรบตนอื่นๆที่รอดชีวิตก็รีบพากันออกตามหาและปฐมพยายามเหล่านักรบที่ได้รับบาดเจ็บหากมีนักรบคนไหนบาดเจ็บสาหัสมากจะถูกส่งกลับไปรักษาตัวที่หมู่บ้าน ส่วนคนอื่นๆที่ยังสบายดีผมก็จะสั่งให้พวกเขาไปรวมพลเพื่อดำเนินกลยุทธตอบโต้กลับให้เร็วที่สุด
ค่ายตั้งรับหลายๆแห่งเริ่มได้รับการฟื้นฟูและเริ่มมีการรวบรวมพลจากหลายๆแห่งเป็นทัพใหญ่ซึ่งผมต้องบริหารการจัดทัพไปพร้อมกับซาชิโดและอุบาร์วัยเพียงลำพังส่วนหัวหน้าคนอื่นๆก็ขอตัวกลับไปรักษาสภาพจิตใจที่หมู่บ้านบางส่วนจึงทำให้กำลังทัพในตอนนั้นลดน้อยลงไปพอสมควรแต่นั้นก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จนทัพของพวกเราพร้อมโต้กลับแล้ว
ระหว่างนั้นอัลบาร์โดที่กำลังต่อสู้กับซาร์ลาซอร์ดอยู่นั้นก็ถูกซัดตรงมาลานกว้างบนภูเขาลูกหนึ่งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับทำพิธีบูชายัญตามประเพณีของเผ่าทางใต้แต่สถานที่แห่งนี้ก็ต้องกลายเป็นลานต่อสู้ของทั้งคู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งคู่ยังคงต่อสู้และปล่อยพลังออโรเลี่ยนพลังเวทย์ใส่กันอย่างไม่หยุดหย่อนจนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับทำพิธีถูกทำลายอย่างย่อยยับรวมถึงเสาหินห้าเสาที่ตั้งอยู่ที่นี่ก็ถูกทำลายไปจากการต่อสู้ที่ดุเดือดของทั้งคู่
“(เราคงจะอยู่สู้อย่างยืดยื้อแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว….เราจะต้องหาวิธีที่จะจัดการมันให้เร็วที่สุด!)”
อัลบาร์โดดหลบการโจมตีพลางคิดแผนที่จะหาวิธีการจัดการมันให้เร็วที่สุด
“เป็นอะไรไปทำไมถึงเอาแต่หนีแล้วล่ะ หรือว่าเจ้ารู้ตัวว่าเจ้าจะต้องแพ้”
ตู้มม !!
อัลบาร์โดหลบหลีกพุ่งตัวหลบตามซากปรักหักพังแต่ก็ไม่วายที่จะถูกซาร์ลาซอร์ดปล่อยพลังออโรเลี่ยนไล่จี้ตามมาอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน
อัลบาร์โดหลบไปพลางสวนไปพลางโดยการทุ่มก้อนหินจากเสาที่พังลงมาใส่เจ้าซาร์ลาซอร์ดแต่มันก็ป้องกันและทำลายก้อนหินนั้นโดยการฟันจนหินผ่าครึ่งก่อนที่จะปล่อยพลังใส่อัลบาร์โดในทันที
ตู้มๆ !!
“(โธ่เอ้ย! เข้าประชิดตัวมันไม่ได้เลย!)”
อัลบาร์โดถอยมายืนตั้งหลักบนกลางลานพิธีที่มีคาถาวงเวทย์บางอย่างประทับอยู่ที่พื้นส่วนเจ้าซาร์ลาซาร์ดก็เหาะตามมาติดๆจนมันได้เข้ามาต่อสู้ระยะประชิดกับอัลบาร์โดโดยการใช้ดาบของมันฟันมาเข้าตรงๆ
เช้งงง!!
อัลบาร์โดเอาดาบของเขารับการโจมตีก่อนที่จะดีดตัวหลบออกมาพร้อมกับปล่อยพลังเวทย์ใส่เข้าที่หลังของมันแต่มันก็ไม่ค่อยสะทกสะท้านสักเท่าไหร่ก่อนที่เขาจะกลับมายืนตรงกลางลานพิธีอีกครั้ง
“(บ้าจริง!! นี่ขนาดเราปล่อยพลังและถ่วงเวลาให้มันปล่อยพลังเวทย์ตั้งนานแล้วนะ..ทำไมมันไม่มีอาการอ่อนแรงหรือสะทกสะท้านอะไรเลย?!)”
“หึ ข้าชักจะรำคาญเจ้าขึ้นมาแล้วสิถ้างั้นข้าขอยืมผู้ช่วยมาเพื่อที่ข้าจะได้ใช้มันรุมจัดการเจ้าให้เสร็จเลยจะดีกว่า” ซาร์ลาซอร์ดได้ชี้ดาบขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วก็ปล่อยสัญญาณสีแดงบางอย่างขึ้นไป
ผ่านไปสักระยะจู่ๆปีศาจร้ายที่ฆ่าเหล่าพี่น้องลิซาร์ดแมนเผ่าตะวันออกของอัลบาร์โดก็ปรากฏตัวขึ้นมาโดยการกระโดดปีนเขาขึ้นมาแล้วมายืนอยู่ข้างๆเจ้าซาร์ลาซอร์ด
“ในที่สุดเจ้าก็เรียกข้าสักทีนะ ข้าชักอยากใจรอไม่ไหวที่จะกินอาหารมื้นี้ไม่ไหวแล้ว หึหึหึ”
“หึ ปกติข้าก็ไม่อยากจะเรียกเจ้าออกมาหรอกนะถ้าหากมันไม่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนทำข้ารู้สึกรำคาญ..”
“นี่พวกเจ้าคิดจะช่วยกันรุมจัดการข้างั้นรึ?!! นี่น่ะหรือการต่อสู้ตัวต่อตัวเยี่ยงนักรบ!!??”
“หึหึหึ นี่เจ้ารู้ตัวรึเปล่าว่าเดิมทีเจ้าถูกหลอกมาฆ่าพร้อมกับเจ้าอัคคลีทัสอยู่แล้วน่ะ”
“ว่าไงนะ??!!”
ทันใดนั้นเจ้า Blood Wolf ก็เปลี่ยนสภาพร่างกายของมันให้กลายเป็นของเหลวสีแดงสดเหมือนสีเลือดก่อนที่จะพุ่งไปหาอัลบาร์โดแล้วก็คลุมตัวเขาเอาไว้ไม่ให้เขาหนีไปได้ ส่วนเจ้าซาร์ลาซอร์ดก็ใช้โอกาสเสี้ยววินาทีนั้นพุ่งเข้าไปหวังจะใช้อาวุธของมันสังหารอัลบาร์โดที่ถูกยึดอยู่กับที่เอาไว้
“แย่ล่ะสิ!!”
“(แกจงตายแล้วก็มาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายข้าสะเถอะ หึหึหึ)”
วู้บบบ!! ฉึบบ!!!
คมดาบของซาร์ลาซอร์ดแทงตัวอัลบาร์โดพลาดเป้ากลายเป็นเพียงแทงถูกเจ้า Blood wolf แทนแต่มันที่อยู่ในสภาพของเหลวมันจึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากการโจมตีของซาร์ลาซาร์ด อัลบาร์โดได้ใช้พลังเวทย์เทเลพอร์ทย้ายตัวเองไปด้านหลังของพวกมันทั้งสองก่อนที่เขาจะร่ายพลังเวทย์ขั้นสูงแล้วปล่อยพลังใส่พวกมันทั้งสอง
ตู้มมม!!!
ทั้งซาร์ลาซอร์ดและเจ้า Blood Wolf ถูกพลังเวทย์ของอัลบาร์โดเข้าไปเต็มๆจนมันทั้งสองถึงกับสะท้านไปทั่วร่างกายแต่กระนั้นก็น่าจะมีเพียงเจ้า Blood wolf ในสภาพของเหลวเท่านั้นที่รู้สึกเพราะเจ้าซาร์ลาซอร์ดก็ได้กางเวทย์โพรเทคป้องกันคลุมแค่ตัวของมันเองเท่านั้น
ซาร์ลาซอร์ดสวนอัลบาร์โดกลับโดยการฟันดาบลงพื้นแล้วเกิดคลื่นแผ่นดินแยกพุ่งไปหาอัลบาร์โดอย่างรวดเร็วแล้วก็มีแท่งหินพุ่งขึ้นมาจากรอยแยกเข้าใส่อัลบาร์โดอย่างแรงจนตัวเข้าปลิวประอยู่อีกฝั่งของลานพิธีกรรมแต่ก็ไม่วายเพราะเขาก็ถูกเจ้า Blood Wolf ในร่างเดิมที่เป็นหมาป่าสีดำซัดเข้าที่ด้านหลังโดยการตบอย่างแรงจนตัวเขาลอยไปหาซาร์ลาซอร์ด
ซาร์ลาซอร์ดที่เห็นว่า Blood wolf ช่วยส่งต่อมาให้มันมันก็ได้เปลี่ยนสภาพแขนที่เป็นดาบของมันกลับมาเป็นแขนปกติก่อนที่จะกำหมัดต่อยเข้าไปที่หน้าของอัลบาร์โดอย่างแรงจนตัวเขากระเด็นหน้าแนบถไลไปกับพื้นเป็นทางยาว
“แค่กกก!!!”
อัลบาร์โดไอออกมาเป็นเลือดและพลังเวทย์ของเขาก็หมดลงในเวลาเดียวกัน
“ใกล้จะตายแล้วสินะไอ้เจ้ากิ้งก่าน่าโง่ตัวน้อยเอ๋ย หึหึหึ” blood wolf มันค่อยๆเดินตรงเข้ามาหาอัลบาร์โดเพื่อที่มันจะได้กินเขา
Blood wolf มันได้เข้ามาหาอัลบาร์โดพอได้ระยะมันก็อ้าปากหวังจะเขมือบเขาเข้าปากแต่อัลบาร์โดที่อยู่ในสภาพล่อแล่ขยับเขยือนตัวไม่ได้เขาก็ได้แต่หมดหวังซาร์ลาซอร์ดและเจ้า Blood wolf ต่างก็รู้ดีแล้วว่าอัลบาร์โดไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้วพวกมันจึงชะล่าใจแต่มีเพียงแค่เจ้า Blood wolf เท่านั้นที่คิดแบบนั้น
ตู้มมมม!!
“อั๊กกกก!!”
“หืมม??”
ซาร์ลาซอร์ดเห็น Blood wolf โดนขัดขวางจากใครบางคนที่เข้ามาช่วยชีวิตอัลบาร์โดเอาไว้
“หืออ?!”
อัลบาร์แหงนหน้าขึ้นมามองคนที่เข้ามาช่วยชีวิตเขาเอาไว้ในสถานการณ์ที่คับขันพอดี
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม อัลบาร์โด ??”
เสียงที่คุ้นเคยได้กล่าวถามเขาขึ้นมา
อัคคลีทัสที่มาช่วยเขาในสภาพที่มีบาดแผลตามตัวได้เข้ามาช่วยชีวิตเขาเอาไว้และเขาก็มาที่นี่เพื่อที่จะช่วยอัลบาร์โดจัดการเจ้าซาร์ลาซอร์ดและเจ้า Blood wolf
“ท่านอัคคลีทัส?!“
“ข้าไม่อยู่เจ้าก็เหมือนตัวอ่อนที่ไร้การดูแลจากข้าไปเลยนะ อัลบาร์โด”
อัคคลีทัสได้ยืนมือมาให้เพื่อช่วยให้อัลบาร์โดพยุงตัวเขาขึ้นมาสู้ต่อ
“หน๋อยยย แกอีกแล้วหรอ!!!??”
Blood wolf รีบลุกขึ้นมาหลังจากที่ถูกอัคคลีทัสต่อยกระเด็นเมื่อกี้
“ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้นะ” ซาร์ลาซอร์ดยืนกอดอกอย่างใจเย็น
“หึ อันที่จริงข้าเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าแผนการและละครที่พวกเจ้าสร้างขึ้นนั้นมันเป็นแผนหลอกล่อให้ข้ากับอัลบาร์โดเข้ามาติดกับดักแผนสังหารของพวกเจ้าได้”
“หึ แสดงว่าท่านบาร์เบทรอสบอกแผนการของพวกข้าให้กับเจ้าล่วงรู้หมดแล้วสินะ….งั้นก็ช่วยไม่ได้….ในเมื่อเจ้าทั้งสองตนรู้เรื่องหมดแล้วงั้นก็ตายพร้อมกันเสียที่นี่สะเถอะ!” ซาร์ลาซอร์ดพุ่งเข้ามาหาพร้อมกับชกหมัดมาที่อัคคลีทัส
ตุบ เปรี้ยงงง!!
“หึ สาบานว่านี่คือการโจมตีของเจ้าน่ะ” อัคคลีทัสใช้มือและแขนข้างเดียวรับหมัดของซาร์ลาซอร์ดเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“??!”
“ข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นเองว่าการโจมตีที่แท้จริงนั้นมันเป็นเช่นไร!!!” อัคคลีทัสกำหมัดเอาไว้แน่นก่อนที่จะพุ่งปล่อยหมัดไปที่ใบหน้าของซาร์ลาซอร์ดจนมันถอยกระเด็นกลับไปด้านหลัง
“อะอึก!!.....ความแข็งแกร่งแบบนี้มัน…!!”
มันเอามือมากุมที่ใบหน้าเอาไว้พร้อมกับมองอัคคลีทัสด้วยสาตายที่รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
“ข้าพร้อมที่จะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับเจ้าได้ทุกเมื่อ”
อัคคลีทัสกวักมือท้าให้ซาร์ลาซอร์ดบุกเข้ามา
“หึ ถ้าอย่างนั้นก็ย่อมได้”
ซาร์ลาซอร์ดเปลี่ยนสภาพแขนอีกข้างที่ไม่ใช่แขนเปล่าเป็นหมัดใหญ่ขนาดแล้วต่อยมายังอัคคลีทัสแล้วอัคคลีทัสก็กระโดดเหยียบขึ้นไปบนหมัดแล้ววิ่งไปตามแขนของซาร์ลาซอร์ดอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพุ่งหมัดตรงไปยังใบหน้าแก้มด้านขวาของมันจนเกราะส่วนหน้าเกิดรอยร้าวอย่างรุนแรงยังไม่พอเขายังพุ่งเสยคางซาร์ลาซอร์ดขึ้นไปแล้วพุ่งกระโดดถีบลงมาที่หัวของมันอย่างแรงจนหัวของซาร์ลาซอร์ดมุดจมลงไปในดิน
ส่วนฝั่งของอัลบาร์โดก็กำลังต่อสู้กับ Blood Wolf ดุเดือดไม่แพ้กันกับฝั่งของอัคคลีทัส Blood Wolf ได้คาบอาวุธดาบของอัลบาร์โดดเอาไว้ก่อนที่มันจะเปลี่ยนสภาพขนตามตัวของมันให้กลายเป็นเข็มเลือดจำนวนมากพุ่งเข้าใส่อัลบาร์โดเป็นห่าฝน อัลบารืโดได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีกางเวทย์โพรเทคป้องกันการโจมตีนี้เอาไว้ก่อนที่เขาจะปล่อยพลังเวทย์เป็นลูกบอลพุ่งเข้าใส่ Blood Wolf จนมันปล่อยอาวุธของเขาที่คาบเอาไว้ในปากออกมาอัลบาร์โดได้ใช้ความเร็วที่เป็นความสามารถติดตัวไปรับดาบนั้นมาก่อนที่จะวิ่งไปตามพื้นที่ที่ยกสูงขึ้นก่อนที่จะใช้ดาบฟันผ่าส่วนลำคอของ Blood Wolf ขาดออกจากตัวของมันจนเลือดไหลทะลักออกมานองเต็มพื้นแล้วพุ่งกระฉูดเป็นสายฝนสีเลือดแล้วส่วนบริเวณตั้งแต่คอจรดหัวของมันก็สลายกลายเป็นเลือดยกเว้นเพียงร่างกายของมันเท่านั้นที่ไม่สลายตามไปแล้วร่างของเจ้า Blood Wolf ก็ล้มลงแน่นิ่งไปท่ามกลางพื้นที่ชโลมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
“จัดการไปได้แล้วหนึ่ง…..(ข้าขอให้ความแค้นของผู้คนในเผ่าสิ้นสุดลงตรงนี้ด้วยเถิด)” แล้วอัลบาร์โดก็ยืนไว้อาลัยให้แด่นักรบและลิซาร์ดแมนทุกตนที่ถูกมันฆ่าไป
ฝั่งของอัคคลีทัสนั้นก็กำลังยืนมองซาร์ลาซอร์ดที่กำลังเอาหัวมุดดินและจู่ๆมันก็รีบเอาหัวผุดขึ้นมาจากดินแล้วก็หยิบเศษซากเสาที่พังทลายขึ้นมาก่อนที่จะต่อยให้มันกระจายเป็นเศษหินจำนวนมากไปยังอัคคลีทัสด้วยความแรงจากการต่อยของมันทำให้หินแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยและพุ่งเข้าหาอัคคลีทัสอย่างรวดเร็วดุจเม็ดกระสุนที่ถูกสาดจำนวนมาก
“หึ ลูกไม้ติื้นๆ” อัคคลีทัสกระทืบเท้าลงพื้นอยากแรงทำให้พื้นหินลานทำพิธีที่อยู่ใกล้ๆกระเด้งขึ้น
“เจอนี่หน่อยซิ!!”
อัคคลีทัสรัวหมัดใส่ก้อนหินเหล่านั้นจนมันแตกกระจายและพุ่งเข้าไปปะทะกับเศษหินที่เจ้าซาร์ลาซอร์ดปล่อยออกมาอัคคลีทัสใช้จังหวะที่เกิดควันพุ่งเข้าไปอัพเปอร์คัดซาร์ลาซอร์ดก่อนที่จะกระโดดพุ่งขึ้นไปแล้วซอยหมัดรัวใส่มันจนเกราะทุกส่วนตามร่างกายของมันแตกละเอียดจนเผยร่างที่แท้จริงของมันและนี้ก็เป็นโอกาสที่อัคคลีทัสจะปลิดชีพมัน
“จงตายไปซะเถอะ!!”
“!!!!”
อัคคลีทัสง้างหมัดแล้วต่อยอัดเข้าไปที่กลางลำตัวของมันจนเป็นรูทะลุร่างของมันไปแล้วมันก็สิ้นชีพในทันที
หลังจากการต่อสู้จบลงอัคคลีทัสกับอัลบาร์โดก็กลับมาเจอกันอีกครั้งและมองดูสถานที่โดยรอบที่ถูกทำลาย
“เจ้าเป็นอะไรรึเปล่าอัลบาร์โด?”
“ข้าไม่เป็นไรหรอกครับท่านอัคคลีทัส ต้องขอบพระคุณท่านอย่างยิ่งที่ท่านมาช่วยชีวิตข้าเอาไว้ได้ทันการมิเช่นนั้นข้าก็คงจะถูกเจ้าเกราะเงินกับเจ้าปีศาจนั้นช่วยกันฆ่าข้าตายไปแล้ว”
“งั้นหรอกรึ เอาเถอะพวกเรากลับไปที่ค่ายกันก่อนดีกว่าข้ารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลยังไงก็ไม่รู้”
“ครับ ท่านอัคคลีทัส!!!”
ถัดมายังค่าย ที่เรณพักอาศัยและกำลังจัดการสั่งคนเก็บกวาดพื้นที่รอบๆค่ายอยู่
“เอาๆช่วยๆกันแบกคนเจ็บกันหน่อยนะครับ อย่างนั้นๆ ฯลฯ”
“ท่านเรณครับ!”
“มีอะไรหรอครับ?”
“ตอนนี้ขั้นตอนการฟื้นฟูค่ายและการรักษานักรบที่บาดเจ็บตอนนี้ดำเนินไปแล้ว 70% แล้วครับท่านเรณ”
“งั้นหรอครับ ต้องขอโทษที่รบกวนวานให้พวกคุณช่วยนะครับ”
“เพื่อท่านแล้วพวกเรายอมทำตามที่ท่านเรณขออยู่แล้วล่ะครับ”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็ไปพักก่อนเถอะเดี๋ยวผมจะส่งชุดใหม่ให้เข้าไปสานต่อเอง”
“ขอบคุณมากครับท่านเรณ!!” แล้วกลุ่มนักรบลิซาร์ดแมนก็แยกย้ายกันไป
ผมทำงานที่ค่ายอย่างหนักพร้อมกับควบคุมนักรบคนงานให้ทำงานสารพัดต่างๆเกือบทุกอย่างเพราะหัวหน้าหน่วยแต่ละคนก็ได้รับบาดเจ็บไปเป็นจำนวนมากจากการบุกโจมตีอย่างฉับพลันของกองทัพผสมของพวกตะวันตก บ่ายวันนั้นผมได้ไปนั่งพักที่ใต้ต้นไม้และก็ได้เห็นบรรดาลิซาร์ดแมนหลายตนทำงานกันอย่างอลม่านวุ่นวายไปหมดทั้งคนเจ็บ คนรักษา คนซ่อมแซมบ้านที่พักอาศัยต่างๆจนผมมองดูแล้วก็รู้สึกสลดใจเพราะทางฝั่งของเราเองก็สูญเสียไปไม่แพ้กันเมื่อเทียบกับแนวหน้าที่เป็นหน้าด่านรับมือกับกองทัพของพวกตะวันตก
“เรณ เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่รึ?” เกรย์ห้อยหัวลงมาจากบนต้นไม้
“คุณเกรย์เองหรอ” ผมแหงนตามมองขึ้นไปดู
“เจ้าดูเหนื่อยๆและท้อแท้นะ เจ้าหนักใจเรื่องอะไรรึเปล่า?”
“อืม..ผมมีเรื่องหนักใจอยู่หลายเรื่องเลยล่ะ”
“อื้มมมม เจ้าคงลำบากใจที่ต้องแบกรับภาระหน้าที่และชีวิตของลิซาร์ดแมนทุกตนที่อยู่ที่สนามแนวหน้าแห่งนี้สินะ”
“ครับ…...ผมนั้นเข้ามาแบกรักหน้าที่และภาระอันหนักอึ้งแทนคุณอัคคลีทัสโดยไม่ทันได้เตรียมใจผมเองก็ไม่รู้ว่าการที่ต้องมาแบกรับความคาดหวังจากคนหลายๆคนมันให้ความรู้สึกที่อึดอัดใจมากแค่ไหน”
“........”
เกรย์ตั้งหน้าตาตาฟังเรณพูดอย่างตั้งใจ
“บางครั้งผมก็เอาแต่นั่งคิดว่าตัวผมนั้นพร้อมรึเปล่าที่จะให้ผู้คนหลายๆคนมาฝากชีวิตและชะตากรรมไว้ที่ตัวผม ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าผมจะแบกรับชีวิตและความคาดหวังของพวกเขาไปถึงตลอดลอดฝังรึเปล่า เพราะมีนักรบบางส่วนที่เชิดชูยกย่องตัวผมได้ตายไปแล้วบางส่วนทั้งๆที่วันก่อนพวกเขาก็ยังมายืนพูดคุยและรับฟังผมพูดอยู่แท้ๆแต่มาในวันนี้พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้อยู่กับพวกเราอีกต่อไปแล้ว...”
“อื้มม ข้าเข้าใจเจ้านะเรณ สงครามมันไม่เลือกหรอกว่าจะให้ใครอยู่หรือให้ใครไป”
“งั้นหรอครับ….มันก็จริงอย่างที่คุณพูดนั้นแหละเราไม่รู้หรอกว่าเราจะตายวันนี้หรือตายวันพรุ่งนี้เมื่ออยู่ในสภาวะสงครามแบบนี้...”
“แล้วเจ้าจะเอายังไงต่อไปล่ะ?”
“ผมคิดว่า….มันคงถึงเวลาแล้ว...ที่พวกเราจะจัดทัพแล้วยกทัพบุกเข้าสู่หมู่บ้านที่เป็นศูนษ์รวมอำนาจทุกอย่างของพวกตะวันตกแล้ว!”
“งั้นรึ….ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอดูผลลัพธ์นั้นก็แล้วกัน...” แล้วเกรย์ก็กระโดดข้ามต้นไม้หายไป
ในช่วงเวลาไม่นานผมก็ได้เห็นคุณอัลบาร์โดกับคุณอัคคลีทัสเดินทางกลับมาเพียงลำพังสองคนและได้เห็นสภาพของทั้งคู่ที่ดูเหมือนจะผ่านศึกใหญ่มายังไงยังงั้นผมและนักรบคนอื่นๆจึงรีบมากันไปดูอาการของทั้งสองอย่างน่าเป็นห่วง
“คุณอัลบาร์โด? คุณอัคคลีทัส?? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณทั้งสองคนหรอครับ??!”
“แค๊กกก…..พวกเราสองตนถูกหลอกให้ไปติดกับพวกมัน...แค๊กกก..” อัลบาร์โดพูดพร้อมกับไอออกมาเป็นเลือดบางส่วน
“หลอก?? พวกไหนหลอกหรอครับ??!”
“ก็ไอ้เจ้าหนอนสกปรกนั่นยังไงล่ะ!!” อัคคลีทัสขึ้นเสียงด้วยอย่างไม่สบอารมณ์
“หรือว่า…!!”
“ตอนนี้เจ้าอย่าเพิ่งพามอะไรให้มันมากความเลยรีบๆพาข้ากับอัลบาร์โดไปรักษาตัวก่อนดีกว่า”
“ครับๆ!”
คุณอัลบาร์โดกับคุณอัคคลีทัสถูกนำตัวไปรักษาแต่เนื่องจากเหล่าจอมเวทย์ที่อยู่ในกองทัพนั้นต่างล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมากเหลือเพียงไม่กี่ร้อยตนจึงทำให้การรักษาวุ่นวายและคนที่ต้องการรักษาก็มีอยู่มากกว่าเหล่าจอมเวทย์หลายเท่าตัว…….
จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างดลจิตดลใจให้ผมหยิบคริสตัลเซฟาลินขึ้นมาแล้วให้ผมสื่อจิตกับคริสตัลเพื่อให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมา
“(เซฟาลิน...ถ้านายยังเหลือพลังอยู่ล่ะก็...ฉันขอยืมพลังเพื่อช่วยเหลือทุกคนด้วยนะ…)”
ผมกำคริสตัลเอาไว้แล้วเอามือที่กำมานายเอาไว้ที่กลางอกแล้วแสงสว่างก็เปล่งออกมาจากคริสตัลและความสว่างของคริสตัลนั้นมันสว่างจ้ามากขึ้นจนทำให้พื้นที่อาณาเขตระยะ 1 กิโลเมตรจากค่ายที่ผมอยู่เกิดเป็นคลื่นแสงสว่างสีฟ้าปล่อยกระจายออกไปเป็นวงกว้างและลิซาร์ดแมนที่ได้บาดเจ็บอยู่ในรัศมีพลังนี้ก็ได้รับการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจนบาดแผลจากการต่อสู้ของพวกเขาค่อยๆหายไปแต่แสงสว่างนี้จะไม่มีผลกับคนที่ตายไปแล้วและคุณอัลบาร์โดกับคุณอัคคลีทัสก็ได้รับอิทธิพลจากคลื่นพลังนี้ด้วยและคนที่อยู่ใกล้ๆบริเวณแก่นกลางกำเนิดคลื่นพลังก็จะได้รับการฟื้นฟูที่มากกว่าคนอื่นๆที่อยู่ไกลออกไป
“อาการของท่านอัคคลีทัสกับท่านอัลบาร์โดตอนนี้ใกล้จะหายดีแล้วครับท่านเรณ คาดว่าให้พักอีกสักคืนก็น่าจะกลับมาเป็นปกติ”
“ครับขอบคุณครับ”
“ถ้าไม่มีอันใดแล้วข้าขอตัวก่อนนะครับท่านเรณ” แล้วจอมเวทย์ที่ทำหน้าที่ก็เดินออกไปจากกระท่อม
ในระหว่างนั้นคุณอัคคลีทัสที่กำลังพักรักษาตัวก็เรียกผมให้ไปพบ
“เรณ มาข้างๆข้าหน่อยสิ” อัคคลีทัสเรียกตัวผมให้เข้าไปหา
“ครับ คุณอัคคลีทัส”
“ข้ามีเรื่องอยากจะวานฝากเจ้าเอาไว้เผื่ออนาคตข้างหน้าข้าอาจจะไม่มีชีวิตอยู่”
“เอ๋! ไหงคุณถึงพูดอะไรแบบนี้ล่ะครับ คุณอัคคลีทัส??!”
“.........ไม่มีอะไรมากหรอก...แค่ข้าเริ่มรู้สึกว่าศึกในครั้งนี้นั้นพวกเราจะเชื่อใจใครมิได้อีกต่อไปแล้วนอกจากตัวเราเอง”
“คุณหมายความว่ายังไงหรอครับ??”
แล้วอัคคลีทัสก็เริ่มเล่าเรื่องย้อนความกลับไปตอนที่กำลังต่อสู้กับบาร์เบทรอส ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปช่วยอัลบาร์โด
ตุบ ตั๊บบ ตู้มม!!
“เหตุใดเจ้าถึงคิดจะหนีอย่างเดียวล่ะอัคคลีทัส?? ทั้งๆที่เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าตัวเจ้านั้นแข็งแกร่งมากถึงเพียงใด”
“...!!”
บาร์เบทรอสได้ไล่ต้อนอัคคลีทัสแบบชนิดตามติดไม่เลิกและก็เปิดฉากโจมตีเพื่อตัดโอกาสไม่ให้อัคคลีทัสโจมตีคืนจึงทำให้ตัวเขาต้องหลบหนีการโจมตีและหาช่องทางโอกาสนการตอบโต้กลับไปให้ได้แต่เขาจะทำได้อย่างไรในเมื่อบาร์เบทรอสนั้นมีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าเขาหลายเท่าตัวนัก
“(ชิ! หาโอกาสสวนมันกลับไม่ได้เลย)”
“เอ้าๆ เจ้าเป็นอะไรไปอัคคลีทัสหรือว่าเจ้ากลัวที่จะสู้กับข้า??” บาร์เบทรอสก็ใช้โจมตีอัคคลีทัสด้วยคลื่นดาบยาวที่ปล่อยออกมาจากดาบยาวอาวุธของมัน
“(ต้องลองเสี่ยงดูล่ะ!!)”
อัคคลีทัสได้หันหน้าไปเผชิญหน้ากับมันในระหว่างที่ตัวเขากำลังพุ่งทะยานไปในอากาศ เขาได้ซอยหมัดรัวๆแล้วทำให้เกิดคลื่นแรงอัดในอากาศพุ่งตรงเข้าไปหามันเป็นจำนวนมากซึ่งการที่จะหลบการโจมตีแบบนี้นั้นจำเป็นจะต้องมีทักษะการเอาตัวรอดไหวพริบที่ดีเยี่ยมเป็นอย่างมากจึงจะหลบการโจมตีลักษณะนี้ได้
แต่แล้วบาร์เบทรอสก็ถูกคลื่นอัดอากาศลูหนึ่งอัดเข้าที่กลางหน้าท้องของมันจนมันตกลงกระแทกพื้นอัคคลีทัสไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือเขาได้ซอยหมัดชุดเดิมกลับไปซ้ำเติมมันอีกครั้งจนเกิดควันฟุ้งกระจายในอากาศ แต่เนื่องด้วยเขารู้จักบาร์เบทรอสดีและรู้ว่าการโจมตีเพียงแค่นี้มิอาจจะทำให้บาร์เบทรอสถึงอาการสาหัสได้เขาจึงพุ่งเข้าไปหาบาร์เบทรอสที่ยืนอยู่บนพื้นดินก่อนที่จะใช้หมัดต่อยเข้าที่ไปซี่โครงของมันอย่างแรงจนมันกระเด็นออกไปด้วยความแรงของหมัดที่อัคคลีทัสต่อยไป ความแรงของหมัดที่อัคคลีทัสต่อยส่งออกไปนั้นถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดามนุษย์คนนั้นจะถูกแรงอัดมหาศาลอัดร่างจนแหลกละเอียดและจะตายไปในที่สุดและอัคคลีทัสเองก็คิดที่จะปลิดชีวิตบาร์เบทรอสเอาไว้อยู่แล้วเขาจึงส่งแรงหมัดให้อยู่ในระดับนี้
“หึๆๆ…..เก่งไม่เบาเหมือนเคยเลยนะ...อัคคลีทัส”
“นี่เจ้าโดนข้าต่อยไปขนาดนั้นเจ้ายังมีแรงพร่ามได้อีกอย่างงั้นรึ!!??”
“หึหึ ข้าน่ะเป็นถึงหัวหน้าเผ่าลิซาร์ดแมนตะวันตกเชียวนะ..อย่างข้าน่ะหรือจะมาเสียท่าให้กับการโจมตีสุดกระจอกของเจ้าได้?!”
มันลุกขึ้นมาแล้วพุ่งพรวดตรงดิ่งเข้ามาหาอัคคลีทัสและมันก็ใช้ดาบที่ถืออยู่ในมือฟันเข้าที่ไปตัวอัคคลีทัสจนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขาก็ยังมีแรงลุกขึ้นมาต่อสู้ได้
“โอ้ นี่เจ้ายังรอดอยู่อีกหรือนี่?? แต่ว่าครั้งต่อไปนั้นเจ้าไม่รอดอย่างแน่นอน”
พูดจบมันก็ใช้กระบวนท่าเดิมกับอัคลีทัสแต่คราวนี้อัคคลีทัสรู้ท่าทางการเคลื่อนไหวของมันออกหมดแล้วเขาจึงใช้ท่าเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาดดยการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ได้และอัคคลีทัสก็จัดการและเอาชนะมันโดยการซอยหมัดและกระโดดเตะเข้าที่จุดสำคัญบนร่างกายของมันในช่วงเวลาที่ใช้ท่าเคลื่อนย้าชั่วพริบตาไปหลายพันครั้ง ถึงแม้บาร์เบทรอสจะไม่รู้สึกรู้สาและความเจ็บปวดหลังจากถูกโจมตีแต่อวัยวะภายร่างในกายก็ได้รับความเสียหายและบอบช้ำหลายแห่งตามร่างกายที่เป็นจุดสำคัญเช่นบริเวณ ขั้นหัวใจ ซี่โครง หัวเข่า ต้นคอ และท้ายทอย เมื่อบาร์เบทรอสกำลังรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากมันจึงระเบิดพลังออกมารอบทิศทางทำให้อัคคลีทัสที่อยู่ใกล้ๆถูกพัดกระเด็นออกไปก่อนที่มันจะใช้เข็มอาบยาพิษชนิดพิเศษปักเข้าที่ร่างของอัคคลีทัส
“อั๊กก!!.....นี่เจ้าทำอะไรกับข้า!!??” อัคคลีทัสดึงเข็มพิษที่ปักอยู่กลางหน้าอกออก
“หึ...นั้นคือยาพิษปลิดหัวใจ..พิษจะแล่นเข้าสู่หัวใจเจ้าแล้วมันก็จะไปคั่งอยู่ตรงบริเวนนั้นทำให้การไหลเวียนธาตุน้ำในตัวเจ้าหยุดชะงักและเมื่อการไหลเวียนนั้นหยุดลงโดยสมบูรณ์เมื่อไหร่เจ้าก็จะตายทันที”
“เจ้าว่าไงนะ!!??”
“ภายในอีก 15 วันเจ้าก็จะตายถ้าหากเจ้าไม่หายาถอนพิษล่ะก็ ถึงตอนนั้นอวสานเผ่าตะวันออกก็จะมาถึง ฮ่าๆๆๆ”
หลังจากมันพูดจบร่างที่คาดว่าจะเป็นของบาร์เบทรอสก็สูญสลายกลายเป็นเพียงดินโคลนแฉะที่มีส่วนผสมของเลือดสิ่งมีชีวิต
“นี่ข้า….ถูกหลอกให้สู้กับร่างแยกงั้นหรือเนี่ย!!!!....”
อัคคลีพยายามหอบสังขารเพื่อที่จะลุกขึ้นยืน และต้องการจะมุ่งหน้าไปหาอัลบาร์โด
“ข้าต้องไปหาอัลบาร์โด..ตอนนี้…!!”
แล้วอัคคลีทัสก็ไปช่วยอัลบาร์โดต่อสู้แล้วก็ดำเนินเหตุการณ์มาจนถึงตอนนี้
“แล้วมันก็เป็นอย่างที่ข้าเล่ามาทั้งหมดนี่แหละ..”
“งั้นหรอครับ..”
ผมนั่งฟังเรื่องต่างๆที่เล่าจากปากของเขาอย่างใกล้ชิดและพร้อมรับฟังเหตุผลและเรื่องที่อัดอั้นอยู่ในใจของเขาจนหมดตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่าถ้าหากฝั่งเราสูญเสียแม่ทัพใหญอย่างคุณอัคคลีทัสไปการทำศึกครั้งต่อไปคงจะยากลำบากเพราะขาดแคลนผู้นำที่มีความเชียบแหลมและประสบการณ์นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมได้ไปรู้เรื่องราวเกี่ยวกับจอมเวทย์ลิซาร์ดแมนตนหนึ่งที่สามารถรักษาอาการติดพิษของคุณอัคคลีทัสได้
“เป็นเรื่องจริงรึเปล่าครับที่จอมเวทย์ลิซาร์ดแมนคนนั้นสามารถช่วยคุณอัคคลีทัสได้?” ผมยืนถามจอมเวทย์ที่อยู่นค่าย
“จริงสิท่านเรณ จอมเวทย์ตนนั้นครอบครองพลังเวทย์ในการรักษาขั้นสูงที่สามารถรักษาคนสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในสภาพเจียนตายให้กลับมาหายดีได้อย่างปลิดทิ้งเลยนะท่านเรณ”
“เขามีความสามารถมากขนาดนั้นเลยหรอครับ 0 0?! ”
ผมอึ้งเมื่อได้ยินกิตศักดิ์และความสามารถของจอมเวทย์คนดังกล่าว
“ใช่แล้วท่านเรณ และข้าจะบอกอะไรท่านอย่างหนึ่งนะจอมเวทย์ที่ข้ากับท่านพูดถึงยามนี้น่ะเกิดอยู่ในเผ่าทางเหนือซึ่งเผ่าทางเหนือยามนี้นั้นก็ประกาศตัวเป็นกลางในศึกครั้งนี้ด้วย”
“งั้นแสดงว่าถ้าผมจะไปขอความช่วยเหลือจากเขาผมก็ต้องมุ่งหน้าไปยังทาเหนือสินะครับ”
“แน่นอนอย่างที่ท่านพูดท่านเรณ แต่เส้นทางมันออกจะไกลไปหน่อยสำหรับท่านเพราะท่านเป็นมนุษย์ไม่สามารถวิ่งหรือเคลื่อนที่อย่างเร็วดเร็วได้เหมือนกับพวกเรา”
“ถึงคุณจะพูดอย่างนั้นแต่ผมก็จะไปพบจอมเวทย์คนนั้นให้เขามารักษาคุณอัคคลีทัสให้ได้”
“อื้มม….” เขานิ่งเงียบไปสักพัก
“มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“ถ้าท่านอยากจะไปพบจอมเวทย์ผู้นั้นจริงๆล่ะก็ให้ท่านลองไปถามลิซาร์ดแมนตนนี้ดูนะท่านเรณ” เขาหยิบเอากระดาษบางอย่างออกมาให้ผม
:คุณได้รับไอเทม:
“แล้วผมจะหาเขาคนนี้ได้จากที่ไหนหรอครับ?”
“ท่านก็มีเข็มทิศที่เป็นเครื่องนำทางติดตัวอยู่แล้วนี่ท่านเรณ ท่านลองใช้มันดูสิ”
“อ่ะ..มีจริงๆด้วยถ้าจำไม่ผิดเราได้มันมาจากผู้ชายเสื้อคลุมปริศนาคนนั้นก่อนที่จะเดินทางมาที่สนามรบแนวหน้านิ..”
“นั้นคือเครื่องนำทางที่จะพาท่านไปพบกับลิซาร์ดแมนตนนั้น ท่านจงไปพบลิซาร์ดแมนตนนั้นเถอะท่านเรณ ชะตากรรมของท่านหัวหน้าเผ่าของพวกเราอยู่ในมือท่านแล้วท่านเรณ”
“ครับๆ งั้นผมจะเริ่มออกเดินทางวันพรุ่งนี้เลยนะครับ”
ผมพยักหน้ารับคำก่อนที่จะเดินกลับไปจัดข้าวของ
“ช้าก่อนท่านเรณ!”
จอมเวทย์คนดังกล่าวได้ร้องรั้งตัวผมเอาไว้ก่อน เมื่ออยากจะบอกอะไรทิ้งท้าย
“...??”
“ถ้าท่านจะไปพบกับลิซาร์ดแมนตนนั้นท่านจำเป็นจะต้องเปลี่ยนร่างของท่านจากมนุษย์ให้กลายเป็นพวกเดียวกันกับพวกเราเสียก่อน”
“เห๋??”
ตอนแรกผมนึกว่าเขาพูดเล่นและคิดจะอำผมแต่พอฟังเหตุผลและคำแนะนำของเขามันก็ทำให้ผมคิดว่าผมควรจะเปลี่ยนร่างของตัวเองผมเสียก่อนซึ่งแน่นอนว่าขั้นตอนการเปลี่ยนร่างนั้นช่างยุ่งยากและลำบากแสนเข็นเหลือเกินพวกคุณรู้ไหมว่าสิ่งที่ผมต้องจัดการก่อนทำการเปลี่ยนร่างนั้นคืออะไรและมีอะไรบ้าง อย่างแรก ผมต้องไปหาหญ้าโบราณที่จะเกิดขึ้นตามสถานที่ที่ไม่มีทางไปเก็บเอามาได้ซึ่งผมเองนั้นก็ต้องไปเก็บคนเดียว หรือ การงมทะเลสาปเพื่อไปเก็บพืชที่เติบโตอยู่ใต้น้ำซึ่งขึ้นชื่อว่ามีความสามารถในการคงอยู่ของพลังเวทย์ได้ดีซึ่งผมก็ต้องไปเก็บคนเดียว หรือ การปีนขึ้นไปบนยอดไม้ที่สูงถึง 50 เมตรเพื่อไปเอาขนนกหายากที่มีพลังในการเพิ่มสมรรถนะเร่งให้พลัวเวทย์เกิดผลได้ดียิ่งขึ้น (ขอบอกเลยตอนปีนขึ้นไปเก็บขนนกตอนนั้นผมเสียวไส้เป็นบ้า) และผมก็นำสิ่งของเหล่านั้นไปให้จอมเวทย์คนดังกล่าวเพื่อให้เขาหลอมรวมของที่ผมนำมาให้เขาให้กลายเป็นน้ำยาดิบโบราณ
“ท่านจงเอาน้ำยาดิบโบราณนี้ไปให้ท่านอัลลาร์ฮาร์ทปรุงยานะท่านเรณ” แล้วเขาก็็็็็็็็็็็็็็็็็็็็็็็ยื่นขวดยาใส่มือผม
“ครับ!!”
:คุณได้รับไอเทม:
ผมรับยานั้นมาพร้อมพลางดีใจไปด้วยตอนนั้นว่าผมจะกลับไปหาพบปะพูดคุยกับคุณอัลลาร์ฮาร์ทอีกครั้งหลังจากที่ผมมาอยู่ที่แนวหน้าหลายเดือน (ถ้านับเวลาอย่างนั้นอ่ะนะ) ผมเก็บข้าของและสัมภาระที่จำเป็นแล้วออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นของวันถัดไป ผมเดินไปตามเส้นทางเดิมที่ผมกับคุณอัลบาร์โดและเกรย์ได้เดินผ่านมาแต่โชคดีที่เส้นทางที่พวกผมเดินผ่านมาเมื่อนานมาแล้วกองทัพตะวันออกได้ใช้เป็นเส้นทางลัดในการส่งกองกำลังมาสนับสนุนจึงทำให้มีเส้นทางบางส่วนถูกทำขึ้นมาใหม่และทำให้การเดินทางจากแนวหน้ากลับมายังหมู่บ้านเป็นไปอย่างราบลื่น
ณ หมู่บ้านเผ่าลิซาร์ดแมนเผ่าตะวันออก
หมู่บ้านนั้นได้รับการฟื้นฟูขึ้นดีจากเดิมเป็นอย่างมาก รวมถึงการป้องกันภัยและการรักษายามก็ดีขึ้นกว่าเดิมมีการสร้างรั้วกั้นที่เป็นหนามและมีการขุดหลุมตื้นรอบๆกำแพงเพื่อทำให้การบุกโจมตีเป็นไปอย่างยากลำบาก
“เฮ้!! นั่นท่านเรณนิท่านเรณกลับมาแล้ว!!” นักรบเฝ้าประตูตะโกนส่งเสียงด้วยความดีใจที่เห็นผมกลับมา
“จริงรึ?! เห้ย!! จริงๆด้วยนั้นท่านเรณตัวจริงกลับมาแล้วนี่!!” นักรบอีกตนเกิดความรู้สึกตื่นเต้นคล้อยตาม
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปบอกให้ลิซาร์ดแมนทุกตนในหมู่บ้านได้รับรู้ว่าท่านเรณกลับมาถึงหมู่บ้านก็แล้วกัน”
ผมเห็นมาแต่ไกลๆแล้วล่ะว่าพวกเขาเห็นผมกลับมาและผมก็เห็นปฏิกิริยาของลิซาร์ดแมนทุกตนในหมู่บ้านที่มีอาการตื่นตัวดีอกดีใจที่ข่าวแพร่สพัดเรื่องการกลับมาของผมพวกเขาวิ่งออกมาจากที่พักพิงของตัวเองแล้วมายืนออรอต้อนรับผมอยู่ที่หน้าหมู่บ้านกันอย่างพร้อมหน้า
"ยินดีต้อนรับกลับมา ท่านเรณ!!!” เหล่าลิซาร์ดแมนทั้งเด็ก ชายหญิงและสูงอายุต่างกล่าวคำต้อนรับผมอย่างพร้อมกันถ้วนหน้า
“โห (ตอนขาไปตอนนั้นไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้นี่หว่า?!) 0 0”
ผมยืนอึ้งกับกิริยาการแสดงการต้อนรับของลิซาร์ดแมนทุกๆตนไปสักพัก ก่อนที่ผมจะตอบรับการต้อนรับของพวกเขาแล้วคืนนั้นพวกเราก็ได้มีการจัดงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของผม (เอาจริงๆตอนนั้นผมแค่จะเอายาแปลงร่างมาให้คุณอัลลาร์ฮาร์ทปรุงให้เสร็จแล้วจะออกไปทางเดินไปเดี๋ยวนั้นก็แค่นั้นเอง - -” )
พวกเราได้ตั้งกองฟืนแล้วนั่งล้อมรอบกองไฟใจกลางหมู่บ้านเพื่อมานั่งฟังผมเล่าเหตุการณ์และประสบการณ์ที่ผมได้ไปพบเจอตอนที่สู้รบที่แนวหน้า ทุกๆคนที่อยู่ที่นั้นตอนนั้นต่างตะลึงและสนใจในเรื่องราวที่ผมเล่ามาเกือบทั้งหมดทั้งเรื่องการช่วยคุณอัคคลีทัสวางแผน เรื่องการจัดระเบียบกองทัพและยุทธวิธีในการรบ หรือแม้แต่เรื่องการบุกเข้าไปในอาณาขตของเผ่าทางใต้เพื่อไปเอาแร่มาทำเกราะ
“ถึงว่าทำไมนักรบที่มาเฝ้ายามที่อยู่ในหมู่บ้านถึงเริ่มแต่งตัวอะไรแปลกๆที่แท้มันก็คือสิ่งที่เรียกชุดเกราะที่คุณประทานมาให้พวกเราสินะคะ”
เด็กสาวลิซาร์ดแมนถามขึ้นมา
“ใช่แล้วล่ะ”
“แล้วเรื่องที่กองทัพแนวหน้าของพวกเรารุกคืบหน้าและชนะพวกเผ่าตะวันตกตลอดเรื่อยมานั้นเป็นเรื่องจริงรึเปล่า”
ลิซาร์ดแมนหนุ่มถามคำถามขึ้นมา ด้วยความอยากรู้จากสิ่งที่ผมออกไปพบเจอ
“ครับ”
แล้วคำถามจำนวนหลายร้อยหลายพันคำถามก็ถูกยิงสาดมาที่ตัวผมอย่างหนักหน่วงจนผมเองก็ตอบคำถามเหล่านั้นไม่หมดแล้วความวุ่นวายในที่ชุมนุมก็เกิดขึ้น
“หยุดก่อน!!”
เสียงตะวาดและน้ำเสียงนั้นก็เป็น้นำเสียงที่ผมคุ้นเคยที่สุด
“เรณ นั้นเจ้าจริงๆรึเปล่า??”
คนที่ตะวาดสั่งให้ทุกคนในที่ชุมนุมเงียบนั้นก็คือ
“คุณอัลลาร์ 0 0!! ”
ใช่อย่างที่พวกคุณคิดคุณอัลลาร์ที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้สมัยที่เข้ามายังอยู่บ้านแรกๆนั้นเองผมดีใจมากที่ผมได้พบกับคุณอัลลาร์อีกครั้งตอนนั้นและเราทั้งสองก็ได้พากันไปกินเลี้ยงฉลองสังสรรค์ตามลำพังสองคนสักพักใหญ่ก่อนที่ผมจะชวนเขาเข้าเรื่องที่ผมกลับมาหาเขาในวันนั้น
“คุณอัลลาร์ครับ ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องให้คุณช่วยเรื่องการปรุงยาหน่อยน่ะครับ”
“เรื่องปรุงยางั้นรึ? เจ้ายังสงสัยหรือไม่เข้าใจเรื่องไหนที่ข้าสอนเจ้าไปงั้นรึ?”
“ผมเข้าใจหมดและรู้หมดทุกอย่างเกี่ยวกับการปรุงยาที่คุณสอนหมดแล้วล่ะครับ แต่ยาที่ผมอยากจะให้คุณปรุงมันเป็นยาที่ไม่มีในการสอนของคุณน่ะครับ” แล้วผมก็หยิบเอาขวดยาโบราณที่ได้รับมาจากจอมเวทย์มาให้เขาดู
คุณอัลลาร์รับขวดยาจากผมไปแล้วก็มองสำรวจน้ำยาภายในขวดอย่างเบามือเป็นพิเศษ
“นี่มันยาแปลงร่างใช่รึเปล่า??”
เขาหันมาถามผมพร้อมกับส่งสายตาแปลกๆมาหาผม
“ครับ ผมมาที่นี่ก็เพื่อที่อยากจะให้คุณช่วยปรุงยานี้ให้เสร็จสมบูรณ์น่ะครับ”
เขาแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนักเหมือนเขารับรู้ถึงอะไรบางอย่างจากยาดังกล่าว แต่ด้วยความที่ผมนั้นจำเป็นจะต้องใช้ยาที่ปรุงจากยาขวดดังกล่าวเขาจึงยอมปรุงยาให้ผมซึ่งก็ใช้เวลาปรุงนานเป็นเวลา 3 วัน 3 คืนด้วยกันกว่าอยาจะถูกปรุงจนเสร็จสมบูรณ์ในที่สุด
“เอาล่ะเสร็จแล้ว”
อัลลารฮาร์ทปาดเหงื่อที่ไหลออกจากหน้าผากอย่างเหน็ดเหนื่อย
“โว้ววว 0 0 !! ”
จากน้ำยาที่เป็นสีขี้เถ้าเปลี่ยนเป็นยาที่มีสีเขียวออกมรกตคุณอัลลาร์ค่อยๆตักเอาน้ำยาขึ้นมาจากหม้อบรรจุใส่ขวดแก้วที่มีขนาดใหญ่กว่าขวดที่ผมนำมาก่อนที่จะยื่นมาให้ผม
“นี่ไง ยาที่เจ้าต้องการให้ข้าปรุงให้รับมันไปสิ”
“ขอบคุณนะครับคุณอัลลาร์”
ผมกล่าวขอบคุณเขาก่อนที่จะรับขวดยานั้นมาและทุกคนก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ว่าผมควรจะกินมันเข้าไปเพื่อทำให้ตัวผมกลายร่างเป็นลิซาร์ดแมนแต่ยังไม่ทันที่ผมยกดื่มคุณอัลลาร์กรีบพูดแทรกขึ้นมา
“นี่เรณ! ข้ามีเรื่องอยากจะบอกเจ้าเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยานี้”
“ผลข้างเคียงหรอครับ ?”
“ใช่ ผลข้างเคียงของยาแบบนี้นั้นมันอันตรายและร้ายแรงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูญเสียร่างที่แท้จริงของเจ้าไป”
“หมายความว่ายังไงหรอครับ”
“ผลข้างเคียงของยานี้นั้นเกิดจากส่วนผสมของวัตถุ 3 อย่างที่เจ้าได้นำมาผสมเข้าด้วยกันนั้นคือ การคงอยู่ การเร่งผล และ ระยะเวลา สามสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหากเจ้าดื่มยานี้เข้าไปแล้วไม่ยอมกินยาแก้ภายในเวลาที่กำหนด”
“ถ้าเลยกำหนดมันจะส่งผลอะไรกับผมหรอครับ?”
“มันก็จะทำให้เจ้าติดอยู่ในร่างนั้นๆไปตลอดกาลน่ะสิ..ความทรงจำและความเป็นตัวตนของเจ้าก็จะเลื่อนหายไปด้วย และมันก็จะค่อยๆหายไปทีละนิดๆ จนในที่สุดเจ้าก็ลืมตัวตนของเจ้าไปจนหมดสิ้น”
ผมได้ยินแบบนั้นถึงกับช็อคและไม่กล้าที่จะดื่มน้ำยาแปลงร่างนั้นเข้าไปทันทีผมยืนคิดทบทวนและไตร่ตรองอย่างละเอียดถึงความจำเป็นและความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตภายภาคหน้าว่าถ้าหากผมไม่ดื่มน้ำยาเข้าไปแล้วออกเดินทางไปทั้งอย่างนั้นผมจะต้องพบเจอกับอะไรบ้างที่รออยู่เส้นทางข้างหน้า
“เรณ ถ้าเจ้าไม่สบายใจก่อนออกเดินทางข้าก็มียาที่จะช่วยยืดเวลาออกไปให้เจ้านะ” เขาหยิบเอายาบางอย่างออกมาให้ผม
“นี่มัน??”
“มันคือยาที่จะช่วยยืดกำหนดการให้เจ้าต่อไปอีก 3 วันจาก 15 วันให้เป็น 18 วันหลังจากที่เจ้าดื่มน้ำยาแปลงร่าง ข้าเชื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์กับตัวเจ้าเรณ”
ผมรับน้ำยาพวกนั้นมาซึ่งจากการฟังสรรพคุณที่คุณอัลลาร์บอกผมมันก็ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมามากกว่าเดิมอยู่บ้าง
:คุณได้รับไอเทม:
และแล้วเวลาที่ผมจะดื่มน้ำยาแปลงร่างก็มาถึงคุณอัลลาร์บอกว่าหลังจากที่ผมดื่มน้ำยานี้เข้าไปแล้วมันจะทำให้ผมรู้สึกง่วงและมีความรู้สึกอยากนอนหลับอย่างแรงกล้า ผมจึงควรจะไปนั่งกินยานี้อยู่บนเตียงที่คุณอัลลาร์ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ก่อนที่จะดื่มน้ำยาแปลงร่างเข้าไป
“อึก...อึก….อึก...อึกก….”
ผมดื่มเข้าไปรวมเดียวหมดขวดและก็เกิดความรู้สึกง่วงนอนอย่างบอกไม่ถูกจนตาของผมเองก็หลับลงโดยไม่ทันตั้งตัวผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างแรงและภาพวินาทีสุดท้ายของมันนั้นมันก็เลื่อนลางจางหายไป…
.
.
.
.
.
.
ติดตามตอนต่อไป
“หึ ทำได้เพียงเท่านี้เองรึ??”
“ฮื๋ยยย!! (ไม่ได้…..เราจะไปหลงกลเล่ห์อุบายมันไม่ได้...)”
“ถีงทีข้าบ้างล่ะ”
ตู้มม!!
มันพุ่งกระโจนเข้ามาหาอัลบาร์โดทันทีแล้วมันก็ใช้ดาบของมันฟันเข้าไปที่อัลบาร์โดอย่างแรงแต่อัลบาร์โดที่ใช้ดาบรับการโจมตีของมันได้แต่ด้วยความที่ซาร์ลาซาร์ดมีความแข็งแกร่งและพลังที่เหนือกว่าจึงทำให้อัลบาร์โดถูกซาร์ลาซอร์ดหมุนตัวใช้ขาข้างหนึ่งถีบเข้าที่กลางหน้าอกของเขาอย่างแรงจนทำให้อัลบาร์โดเกิดอาการจุกเสียดตรงบริเวณอกเป็นอย่างมากจนเขาหายใจแถบจะไม่สะดวก แต่ซาร์ลาซอร์ดก็ไม่ปล่อยให้อัลบาร์โดได้มีโอกาสได้พักมันได้พุ่งเข้ามาคว้าคอของอัลบาร์โดอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะใช้ดาบของมันแทงร่างของอัลบาร์โดแต่ด้วยความชำนาญและมากประสบการณ์ในการต่อสู้ของอัลบาร์โดเขาก็ได้ใช้พลังเวทย์โพรเทคป้องกันดาบของเจ้าซาร์ลาซอร์ดเอาไว้แต่ดูเหมือนดาบของมันนั้นจะมีคุณสมบัติที่สามารถเจาะผ่านเวทย์โพรเทคเข้ามาได้เขาจึงใช้โอกาสตอนที่ดาบของมันค่อยๆเจาะทะลุผ่านเวทย์โพรเทคนั้นใช้ดาบฟันเข้าที่หมวกเหล็กของมันจนมันกระเด็นไปอีกทางและปล่อยตัวอัลบาร์โดและทำให้อัลบาร์โดรอดตายอย่างหวุดหวิด
“แค๊กกก!!” อัลบาร์โดสำลักถอนหายใจออกมา
“อัลบาร์โดเจ้ายังไหวอยู่รึเปล่า!??!” อัคคลีทัสตะโกนามมา
“แค๊กกก….ตัวข้ายังไหวครับ….ท่านอัคคลีทัส….ข้ายังพอสู้ต่อได้….แค๊กกๆๆ”
“จำบทเรียนที่เรณสอนเจ้าตอนที่อยู่ในค่ายสิ!!”
“บทเรียนงั้นรึ??”
อัลบาร์โดได้ลองนึกย้อนกลับไปในเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะถูกจับไปหลายวันก่อนหน้านั้นเพื่อระลึกเหตุการณ์และเสียงของเรณก็ค่อยๆดังกึกก้องเข้ามาในหัวของเขาเพื่อเตือนความจำของเขา
ตอนนี้พวกคุณมีเกราะหรือเครื่องป้องกันร่างกายที่จะปกป้องพวกคุณจากการถูกฟันหรือถูกแทงแล้ว ต่อไปผมจะมาบอกจุดอ่อนสำหรับผู้ที่ใส่เกราะเหมือนกับพวกเราบ้างนะครับหากพวกคุณเจอกับศัตรูที่ใส่เกราะบางๆอย่างเช่นใส่เพียงแค่เกราะแขน ขา หรือลำตัวอย่างใดอย่างหนึ่งพวกคุณก็จัดการฝ่ายตรงข้ามโดยการโจมตีไปตามปกติและพยายามโจมตีให้หนักหน่วงกว่าเดิมเพราะเกราะที่บางจะรับการโจมตีได้ไม่มากนักและตัวเกราะอาจจะเสียหายแล้วหลุดไปจากร่างกายของฝ่ายตรงข้ามได้ ต่อมาคือพวกใส่เกราะค่อนข้างเต็มตัวทีนี้พวกคุณจะต้องใช้ประสบการณ์และทักษะการต่อสู้ของพวกคุณเองเข้ามาด้วยส่วนหนึ่งเพราะเกราะระดับนี้จะมีความทนทารในการรับการโจมตีได้ในระดับหนึ่งเหมือนกับที่พวกคุณกำลังสวมใส่อยู่ในตอนนี้ล่ะครับ สุดท้ายนั้นก็คือพวกที่ใสเกราะเต็มตัวครบเซต…..
ในระหว่างที่เขากำลังจะตั้งสมาธิในการนึกย้อนบทเรียนที่เรณสอนอยู่นั้นเจ้าซาร์ลาซอร์ดก็เข้ามาขัดจังหวะโดยการเปิดฉากโจมตีสวนกลับมาทำให้อัลบาร์โดต้องกลับมาสนใจเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าและต้องหาทางจัดการให้เจ้าซาร์ลาซอร์ดถอยออกไปเสียก่อน
“เจ้าไม่มีทางหนีอีกแล้ว” ซาร์ลาซอร์ดต้อนให้อัลบาร์โดจนมุม
“ไม่มีทาง สุดยอดนักรบมือดีอย่างข้ามิเคยหมดหนทางในการต่อสู้หรอก!!”
“งั้นรึ”
โคร้มมมม !!!
ซาร์ลาซอร์ดได้ปล่อยพลังเวทย์ออกจากปลายดาบที่มีพลังทำลายรุนแรงใส่อัลบาร์โดแต่เขาก็หลบออกมาได้ก่อนที่จะใช้ดาบที่เคลือบพลังเวทย์ไฟฟันเข้าที่หมวกของมันอีกรอบเพื่อถ่วงเวลาให้เขานึกย้อนถึงบทเรียนบทสุดท้าย
สำหรับศัตรูที่ใส่เกราะเต็มยศครบเซตนั้นพวกคุณจะใช้ทักษะและความสามารถนั้นอาจไม่เพียงพอพวกคุณทุกคนจะต้องมองลักษณะท่าทางและโอกาสในการสวนการโจมตีให้ถูกจังหวะ…..แต่ว่าศัตรูประเภทนี้พวกคุณจะโจมตีแบบเดาสุ่มไม่ได้เด็ดขาดเพราะนอกจากจะไม่สามารถสร้างบาดแผลให้กับศัตรูได้แล้วมันยังปล่อยให้โอกาสดีๆในการตอบโต้หลุดลอยไปอย่างสูญเปล่า ผมจะสาธิตวิธีจัดการศัตรูประเภทนี้ให้พวกคุณได้เห็นเป็นตัวอย่าง
ฉึบ ฟั๊บ !!!
ก็ตามนี้นะครับนี่คือจุดอ่อนที่พวกคุณจะต้องโจมตีไปยังส่วนบริเวณนี้และมันจะได้ผลอย่างแน่นอนแต่มันต้องใช้ความสามารถและทักษะเฉพาะตัวเข้ามาช่วยด้วย เอาล่ะผมขอจบการสอนเพียงเท่านี้นะครับ
อัลบาร์โดค่อยๆรื้อฟื้นความทรงจำและบทเรียนที่เรียนรู้จากเรณขึ้นมาทีละนิดๆจนเขาจำได้ว่าหากจะจัดการกับศัตรูที่ใส่เกราะเต็มตัวอย่างเจ้าซาร์ลาซอร์ดล่ะก็เขาจำเป็นจะต้องโจมตีตรงบริเวณ แขนหนีบ ขาหนีบ และตรงส่วนข้อผับและข้อต่อต่างๆตามร่างกาย เขาคิดได้ดังนั้นเขาจะเริ่มโจมตีตรงบริเวณส่วนต่างๆดังกล่าว
“เจ้าไม่มีวันจะเอาชนะข้าได้หรอก เพราะลิซาร์ดแมนตัวกระจ่อยร่อยอย่างเจ้ามันไม่มีการพัฒนาการเหมือนอย่างข้า”
“หึ มันก็ไม่แน่หรอก”
“นั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะได้พูดเช่นนั้น”
ซาร์ลาซอร์ดสบัดดาบไปข้างหน้าแล้วก็เกิดคลื่นกระแทกหินพุ่งตรงเข้ามาหาอัลบาร์โดแต่คราวนี้อัลบาร์โดพลาดท่ากระโดดหลบไม่ทันจนทำให้เขาถูกคลื่นกระแทกของของซาร์ลาซอร์ดซัดจนตัวกระเด็นแล้วล้มลงไปนอนกับพื้นลานประลองพร้อมกับฝุ่นควันที่ตลบอบอวลไปทั่วจนพวกลิซาร์ดแมนที่จับตามองอยู่รอบนอกไม่สามารถมองเห็นทั้งสองคนได้
“นะนั่นมัน!!” มีลิซาร์ดแมนธรรมดาตัวหนึ่งสังเกตุอะไรบางอย่างหลังจากฝุ่นควันจางหายไปแล้ว
“หึ ได้เวลาแล้วสินะ” บาร์เบทรอสรับรู้ได้ถึงโอกาสที่มาถึงแล้ว
สภาพของทั้งสองกลับมาปรากฏอีกทีในท่าที่ซาร์ลาซอร์ดถูกอัลบาร์โดใช้ดาบแทงเข้าที่ซอกช่องว่างหน้าท้องของเกราะและอัลบาร์โดก็ใช้ปล่อยพลังเวทย์ไฟใส่ที่ดาบเพื่อเพิ่มความรุนแรงและสร้างความเสียหายให้แก่ซาร์ลาซอร์ดให้ได้มากกว่าเดิม
ตู้มมม!!!
อัลบาร์โดได้ใช้ดาบระเบิดตัวซาร์ลาซอร์ดในระยะเผาขนจนทั้งสองกระเด็นออกไปทั้งคู่ซาร์ลาซอร์ดในตอนนี้อยู่ในสภาพย่ำแย่และได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจนเกราะเกือบทั้งหมดที่มันใส่มีรอยร้าวพวกลิซาร์ดแมนที่เฝ้าดูการต่อสู้ของทั้งสองต่างโหร้องแสดงความชอบใจที่อัลบาร์โดสามารถเล่นงานซาร์ลาซอร์ดนักรบเกราะเงินที่แข็งแกร่งจนมีสภาพแบบนี้ได้แต่การโจมตีในครั้งนี้ก็ทำให้อัลบาร์โดได้รับบาดเจ็บไม่แพ้กันเนื่องจากเขาก็อยู่ในแรงระเบิดพลังเวทย์นั้นเหมือนกัน
“อะๆอึก….นี่มันโดนไปเข้าไปขนาดนั้นมันยังกลับลุกขึ้นมาได้อีกงั้นรึเนี่ย?!”
“ช่างยอดเยี่ยมสมกับเป็นนักรบลิซาร์ดแมนมือขวาของอัคคลีทัสจริงๆ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีลูกเล่นและทักษะการต่อสู้ที่เฉียบแหลมเช่นนี้มาก่อน”
จู่ๆก็มีพลังอำนาจที่ทรงพลังบางอย่างสีม่วงดำค่อยๆลอยออกมาจากทุกทิศทางมาล้อมรอบตัวซาร์ลาซอร์ดและดวงตาของมันก็เปล่งแสงออกมาเป็นสีแสงสว่างเหมือนกับว่ามันกำลังจะปลดปล่อยที่แท้จริงออกมาและก็เผยร่างตนตัวที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน
ดาบที่ซาร์ลาซอร์ดถือเปลี่ยนสภาพกลายเป็นดาบแขนขนาดใหญ่ โล่ที่ซาร์ลาซอร์ดติดอยู่กับปลอกแขนก็เปลี่ยนสภาพเป็นลูกตุ้มที่มีหนามแหลมคมขนาดยักษ์ เกราะที่มันสวมใส่ทั้งตัวก็ค่อยๆเปลี่ยนสภาพผสานเข้ากับร่างกายที่เป็นเนื้อและมีขนาดใหญ่มากขึ้นจนมันมีขนาดใหญ่กว่าตัวอัลบาร์โดถึง 5 เท่าและงานนี้อัลบาร์โดที่อยู่ในสภาพล่อแล่ต้องเจอกับศึกหนักที่ใหย่ที่สุดในชีวิตของเขาสะแล้ว
“นี่มัน...พลังอะไรกัน??!!” อัลบาร์โดตะลึงช็อคตาค้างกับสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้า
“ข้าจะทุ่มพลังทั้งหมดที่ข้ามีจัดการเจ้าให้สิ้นซากซะ และข้ารู้ว่าในตัวเจ้ามีพลังที่แข็งแกร่งและมันก็แข็งแกร่งมากพอที่จะสามารถต่อกรกับข้าได้อย่างสูสี”
“พลังแบบนั้น….ตัวข้าจะ...ไปมีได้อย่างไรกัน”
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีพลังแบบนั้นอยู่...และข้าจะผิดหวังเป็นอย่างมากหากเจ้าไม่ดึงพลังนั้นออกมาสู้กับข้า” แล้วมันก็ชี้ดาบมาที่อัลบาร์โด
อัลบาร์โดยืนนึกไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะนึกขึ้นได้ว่าในอดีตอัลบาร์โดกับลูลู่ภรรยาของเขาได้รับการถ่ายทอดพลังเวทย์มนต์ที่แข็งแกร่งจากท่านผู้อาวุโสประจำเผ่าก่อนที่ทั้งคู่จะแต่งงานกันโดยพลังเวทย์นั้นคือพลังเวทย์ที่เกิดจากการนั่งจำศีลจากเหล่าผู้อาวุโสมาหลายรุ่นจากรุ่นเก่าแก่มาสู่รุ่นปัจจุบันนานนับไม่ได้โดยพลังเวทย์นั้นจะสามารถนำมาใช้ในยามจำเป็นเท่านั้นพอเขานึึกขึ้นได้เขาก็เริ่มทำการร่ายเวทย์มนต์นั้นขึ้นมา
“พลังแบบนั้นจะมีลักษณะเป็นอย่างไรนะ ตัวข้าเองนั้นก็อยากจะลองดูพลังนั้นให้เป็นขวัญตาสักหน่อย..แต่น่าเสียดายที่ข้าต้องดำเนินการตามแผนของข้าเสียก่อน” แล้วเจ้าบาร์เบทรอสก็รีบเดินมุ่งตรงไปหาอัคคลีทัส
“อัคคลีทัส”
“บาร์เบทรอส เจ้ามีธุระอะไรกับข้าหรือว่าเจ้าแค่อยากจะมาเยาะย้อยความต่ำต้อยของเผ่าข้าล่ะ??”
“ข้ามิได้มาหาเจ้าเพียงเพราะเรื่องนั้นหรอกนะ แต่ข้าอยากจะพาเจ้าไปดื่มสังสรรค์พูดคุยอะไรกันนิดๆหน่อยๆก็แค่นั้น”
“นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?” สัญชาตญานของนักรบในตัวอัคคลีทัสก็ส่งสัญญาณเตือนตัวเขาเองรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง
“แน่นอนที่สุด…...เรื่องสงครามระหว่างเจ้ากับข้ายังไงล่ะ...” สัญชาตญานของมันก็รับรู้ได้เช่นกัน
ทั้งคู่ยืนจ้องตากันไม่กระพริบโดยฝั่งของอัคคลีทัสก็คิดอยู่ในใจตลอดการมาอยู่ทีนี่ว่าเจ้าบาร์เบทรอสมันมีแผนการอะไรอยู่ในหัวส่วนบาร์เบทรอสก็คิดเสมอว่าอัคคลีทัสจะต้องตายในวันนี้ไม่ก็หลังจากนี้เท่านั้น ทั้งคู่ยืนจ้องกันนานมากจนอัลบาร์โดร่ายคาถาเสร็จ
“ท่านผู้อาวุโส ข้าขอความกรุณาใช้พลังนี้ด้วย!!” หลังเขาร่ายคาถาจบเขาก็เอาดาบของอัคคลีทัสปักลงพื้นดินตรงลานประลอง
เมื่อปลายดาบปักลงพื้นดินก็มีคาถาวงเวทย์ขนาดย่อมๆปราฏกขึ้นใต้เท้าอัลบาร์โดแล้ววงเวทย์นั้นก็ส่องแสงสว่างไปทั่วบริเวณรอบตัวเขาก่อนที่อัลบาร์โดจะถูกอาบด้วยพลังเวทย์มหาศาลที่หลั่งใหลออกมาจากวงเวทย์นั้นแล้วเขาก็ได้รับพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งมาครอบครอง โดยลักษณะร่างกายที่เปลี่ยนไปของเขานั้นคือตัวเขาจะมีลวดลายอักขระวงเวทย์ปรากฏขึ้นทั้ง บนลำตัว แขนขาทั้งสองข้าง และก็แผ่นหลังอีกทั้งดาบของอัคคลีทัสก็เปลี่ยนสภาพเป็นดาบเพชรที่ส่องแสงว่างสีขาวระยิบระยับตามไปด้วยรวมทั้งอาการบาดเจ็บทางร่างกายก็หายไปอย่างปลิดทิ้งแล้วทั้งคู่ก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อเปิดศึกตัดสินครั้งสุดท้ายของเขา
“นี่แหละ…...ค่ต่อสู้ที่ข้าตามหามานานแสนนาน…..” ซาร์ลาซอร์ดในร่างอัพเกรดจ้องมองอัลบาร์โดที่ได้รับพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งจากเท้าจรดหัว
“มาตัดสินกันให้รู้แพ้รู้ชนะกันเสียทีเถอะ”
“ก็ย่อมได้” มันยกแขนดาบขึ้นแล้วก็บินพุ่งเข้ามาหาอัลบาร์โดกลางอากาศ
อัลบาร์โดปล่อยพลังเวทย์เข้าใส่ซาร์ดลาซอร์ดเป็นบีมสีขาวผสมเหลืองแต่มันก็บินโฉบหลบไปมาอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะสวนอัลบาร์โดกลับมาโดยการใช้แขนดาบฟันกลางอากาศแล้วเกิดคลื่นใบมีดดาบแห่งความมืดพุ่งสบัดเข้าไปหาอัลบาร์โดจำนวนมากแต่อัลบาร์โดก็สามารถป้องกันใบมีดพลังแห่งความมืดนั้นเอาไว้ได้โดยการร่างเวทย์โพรเทคระดับ 7 จนพลังของซาร์ลาซอร์ดไม่สามารถเจาะผ่านม่านพลังเวทย์โพรเทคของอัลบาร์โดได้แล้วทั้งคู่ก็เข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือนทั้งรุกและรับผลัดเปลี่ยนกัน
ในระหว่างนั้นอัคคลีทัสก็ถูกพามายังซุ้มแห่งหนึ่งที่บาร์เบทรอสฝากคนจัดเตรียมสถานที่เอาไว้โดยสถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่บาร์เบทรอสให้ลูกน้องของเขาจัดดำเนินการตามแผนการทั้งหมดแล้วทั้งคู่ก็นั่งลงบนโต๊ะเล็กๆเพื่อพูดคุยเจรจากัน
“หึหึ ข้าก็นึกว่าเจ้าจะไม่ยอมมาตามคำเชิญของข้าที่ลานประลองนั้นเสียอีก”
“ข้าก็กะว่าจะไม่ไปตามคำเชิญของเจ้าหรอกนะบาร์เบทรอส เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าไม่เคยคิดที่จะไว้ใจลิซาร์ดแมนอย่างเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียว”
“หึ อย่างเป็นพวกไว้เนื้อเชื่อใจผู้อื่นยากเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน”
“เจ้าเลิกพล่ามนอกเรื่องได้แล้ว ข้าว่าเรารีบมาเข้าเรื่องเพื่อพูดคุยกับเจรจากันดีกว่า”
“นั้นสินะ….เรื่องการเจรจาของเจ้ากับข้า..”
แล้วทั้งคู่ก็พูดคุยเจรจากันโดยเนื้อหาที่นำมาพูดคุยกันนั้นส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องสงครามและผลกระทบที่จะส่งผลตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงอนาคตโดยบาร์เบทรอสได้อ้างว่าที่พวกมันต้องบีบบังคับให้เผ่าตะวันออกมาเข้าร่วมกับตนเพื่อที่เผ่าตะวันตกกับเผ่าตะวันออกจะได้รับผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายที่ Overlord จะประทานมาให้ทั้งอัคคลีทัสและบาร์เบทรอสซึ่งอัคคลีทัสก็ไม่เชื่อและต้องการให้บาร์เบทรอสพิสูจน์ว่าเรื่องที่มันพูดนั้นจะเป็นจริงบาร์เบทรอสจึงได้หยิบเอาลูกแก้ววิเศษที่ทำนายเกี่ยวกับอนาคตมาให้อัคคลีทัสดูซึ่งลูกแก้วที่ว่าก็เป็นลูกแก้วที่บาร์เบทรอสขอยืมมาจากจอมเวทย์ลิซาร์ดแมนสาวนักทำนายนั่นเอง
“เจ้าจงดูอนาคตที่จะเกิดขึ้นกับเผ่าของเจ้าผ่านลูกแก้วทำนายนี้ซะเถอะ” แล้วมันก็เริ่มร่ายเวทย์มนต์คำทำนายที่ได้มาจากจอมเวทย์สาวที่เรียนมา
“หื้มม……...นี่มัน…!” อัคคลีทัสจ้องมองเข้าไปในลูกแก้วแล้วเขาก็พบกับสิ่งที่เขาไม่อยากจะเชื่อผ่านลูกแก้วทำนายนี้
สิ่งที่อัคคลีทัสเห็นจากลูกแก้วคำทำนายนั้นก็คือสงครามระหว่างเผ่าลิซาร์ดแมนตะวันตกและตะวันออกจะสงบ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันอีกทั้งตัวอัคคลีทัสกับบาร์เบทรอสจะไปขอคุยเจรจาเรืองการรวมเผ่าทั้งสี่ให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันและหลังจากนั้น Overlord ที่อัคคลีทัสคิดว่าเป็นบุคคลที่ชั่วร้ายก็จะพาเหล่าลิซาร์ดแมนไปอาศัยอยู่ในยังโลกใบใหม่ที่สงบสุข ไร้สงครามและการแบ่งแยกเผ่าและวัฒนธรรมแล้วสุดท้ายเผ่าลิซาร์ดแมนทั้งหมดก็จะพบเจอแต่ความสงบสุข
“นะนี่….มัน….เรื่องจริงงั้นรึ?” อัคคลีทัสถึงกับอึ้งตะลึงตาค้างหลังจากดูลูกแก้วคำทำนายแล้ว
“ข้ารู้ว่าเจ้าอาจไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเจ้าเห็นแต่เรื่องทั้งหมดที่ถูกแก้วลูกนี้แสดงให้เจ้าเห็นนั้นเป็นเรื่องจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นและมันจะเกิดขึ้นมาไม่ได้หากเจ้ากับข้าไม่ยอมตกลงร่วมมือและทำสัญญาสงบศึกกัน” แล้วบาร์เบทรอสก็เก็บลูกแก้วพร้อมกับรินน้ำสีฟ้าที่เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่าตะวันตกให้อัคคลีทัสหรึ่งแก้ว
“มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆงั้นรึ??” อัคคลีทัสยังถามบาร์เบทรอสอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“แน่นอนอัคคลีทัส ถ้าเจ้ายอมมาเข้าข้างฝั่งข้าเจ้าและพวกลิซาร์ดแมนตนอื่นๆภายในเผ่าของเจ้าและข้าก็จะไม่ต้องมาเข่นฆ่ากันยังไงล่ะ”
“งั้นหรอกรึ….”
“เอาเถอะเจ้าอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูดถ้างั้นเจ้าก็ดื่มน้ำนี่เพื่อเป็นการรับน้ำใจจากข้าหน่อยจะได้หรือไม่?” แล้วมันก็ยื่นแก้วน้ำที่มีน้ำสีฟ้าแปลกประหลาดให้อัคคลีทัส
อัคคลีทัสรับแก้วน้ำนั้นมาแต่ก็มองบาร์เบทรอสด้วยสายตาแปลกๆเหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะอัคคลีทัสนั้นเขายังไม่ไว้ใจในตัวบาร์เบทรอสอีกอย่างสิ่งที่บาร์เบทรอสเล่าและแสดงให้เห็นนั้นมันขัดกับสิ่งที่ผู้ชายปริศนาคนหนึ่งได้แสดงและบอกเล่าให้เขาฟังเมื่อนานมาแล้ว…โดยสิ่งที่ชายปริศนาที่เขาเคยพบเจอในสมัยอดีตดังกล่าวได้กล่าวเตือนกับเขาว่าหากเผ่าตะวันออกยอมเข้าร่วมกับเผ่าตะวันตกเมื่อใดเผ่าลิซาร์ดแมนทั้งหมดจะถูกควบคุมโดยสมบูรณ์โดย Overlord ผู้ชั่วช้าอีกทั้งเผ่าตะวันออกก็เป็นป้อมปราการด่านสุดท้ายที่จะยันอำนาจไม่ให้ Overlord สามารถเปิดประตูในดินแดนลิซาร์ดแมนนี้บุกไปยังอีกโลกหนึ่งได้แต่นั้นก็ใช่ว่า Overlord จะสามารถเปิดประตูที่ดินแดนแห่งนี้ได้เพราะ Overlord มันก็ยังสร้างประตูเอาไว้ตามจุดต่างๆทั่วโลก ACO แต่ชายปริศนาคนนั้นก็บอกว่าให้เขาสนใจในงานตรงส่วนนี้ก็พอส่วนเรื่องการขัดขวางประตูบานอื่นๆเขาจะเป็นคนวานให้คนอื่นจัดการเอง และทันทีที่เขาคิดได้ดังนั้นเขาจึงรู้สึกตัวและย่ำสติตัวเองเอาไว้ได้และมันคงจะเป็นตราบาปติดตัวเขาไปทั้งชีวิตหากเขายอมปล่อยให้ Overlord ที่เขาคิดมาโดยตลอดว่าชั่วร้ายและอันตรายบุกไปยังอีกโลกที่ไม่รู้อิโหน่อิโหน่ไปได้อย่างง่ายดาย
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอปฏิเสธคำเชิญของเจ้าก็แล้วกันนะบาร์เบทรอส”
“เจ้าว่าไงนะ!?” บาร์เบทรอสถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วก็ยินกำหมัด
“ข้าต้องชอบใจที่เจ้าเสนอแนะเงื่อนไขดีๆที่จะช่วยทำให้สงครามระหว่างเผ่าตะวันตกกับเผ่าตะวันออกสงบลงได้ แต่ข้าเชื่อในสิ่งที่ชายผู้นั้นพูดมากกว่า” แล้วอัคคลีทัสก็วางแก้วนั้นปริศนาลง
“นี่เจ้าคิดที่จะดื้อดึงต่อต้านท่าน Overlord ต่อไปงั้นรึ!?” บาร์เบทรอสเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักมากขึ้น
“หึ พวกที่อยู่ฝั่ง Overlord ชั่วนั้นไม่มีทางที่จะทำดีเพื่อผลประโชยน์ส่วนรวมหรอก!!”
“นี่เจ้า...อัคคลีทัส..!!!”
ทันใดนั้นบาร์ฮาร์อุสที่ดักรอซุ่มโจมตีอยู่ก่อนหน้าหากอัคคลีทัสไม่ติดกับตามแผนก็ได้ปรากฏตัวมาโผล่ข้างหลังอัคคลีทัสแต่มันก็ถฤูกอัคคลีทัสใช้หางของเขาฟาดหน้าของมันจนมันตัวปลิวไปกระแทกกับก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆจนสลบส่วนบาร์เบทรอสก็รีบล้มโต๊ะและคว่ำใส่อัคคลีทัสอย่างรวดเร็วแต่โต๊ะก็ถูกอัคคลีทัสต่อยจนแหละละเอียดจนน้ำหกเลอะเทอะแล้วทั้งคู่ก็ออกมาสู้กันข้างนอกป่า
“ในเมื่อแผนการของข้าล่มหมดงั้นข้าก็จะจัดการเจ้าซะตรงนี้เสีย!!”
บาร์เบทรอสสั่งให้นักรบลูกน้องจำนวนนับสิบออกมาเพื่อรุมจัดการอัคคลีทัสแต่ผลที่ออกมาก็เช่นเคยด้วยพลังและความสามารถในการต่อสู้ที่สูงทำให้พวกนักรบลูกน้องถูกอัคคลีทัสจัดการจนหมดสิ้นแต่เขาก็ไม่เห็นตัวบาร์เบทรอสเสียแล้ว
แต่ทันใดนั้นเขาก็ถูกสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางหลังจากบนฟ้าอย่างจังจนเขาต้องล้มคุกเข่า
“ข้าจะจัดการเจ้าให้สิ้นซากเองอัคคลีทัส”
“มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก!”
บาร์เบทรอสกระหน่ำปล่อยสายฟ้าออกจากปลายดาบอาวุธประจำตัวของเขาโดยลักษณะดาบของเขานั้นเหมือนกับใบที่มีใบมีดเป็นรูปหยักเหมือนสายฟ้าและมีพลังเวทย์ไฟฟ้าสถิตอยู่ที่ใบมีดดาบจึงทำให้เวลาที่บาร์เบทรอสฟันเฉี่ยวโดนอัคคลีทัสมันจะทำให้ตัวอัคคลีทัสรู้สึกเจ็บๆและชาตรงบริเวณนั้นจนไม่สามารถขยับอวัยวะตรงส่วนนั้นไประยะนึงจนการต่อสู้ของทั้งคู่ดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง
*ตัดฉากกลับมาที่ค่ายแนวหน้าที่เรณอยู่*
จู่ๆก็มีคลื่นมวลพลังแสงสว่างระเบิดกระจายออกมาจากค่ายแห่งนั้นในรัศมีเป็นวงกว้างโดยแรงระเบิดแสงที่ว่าได้กวาดล้างกองทัพผสมของพวกเผ่าตะวันตกจนพื้นที่บริเวณนั้นโล่งและเหลือเพียงแต่เหล่านักรบลิซาร์ดแมนตะวันออกเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดที่ว่าดังกล่าว พลังชาแมนหายไปและท้องฟ้าก็กลับมาสดใสอีกครั้งแต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปนั้นก็คือมีการสูญเสียมากมาย แนวตั้งรับถูกทำลายและมีซากศพนอนตายเกลื่อนตลอดเส้นทางที่ทัพตะวันตกเดินทัพผ่าน
“เรณ เรณ!!”
“ห๊ะ!!”
ผมลืมตาขึ้นมาแล้วก็พบกับอุบาร์วัยที่กำลังยืนเรียกสติผมอยู่ตรงหน้าเขาเข้ามาเรียกชื่อผมเพราะเขาเห็นผมยืนหลับตาปี๋และกำมือเอาไว้แน่นเหมือนกำลังกำอะไรบางอย่างเอาไว้ในมือมานานได้สักพัก โดยเขาได้ถามผมว่าที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเผ่าตะวันตกถึงหายไปหมด? ค่ายแนวหน้าไม่ได้ถูกยึด? ฯลฯ จนผมจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะตอบคำถามไหนก่อนแต่สิ่งที่ผมโล่งใจนั้นคืออุบาร์วัยกับซาชิโดยังปลอดภัยดีและพวกเขาก็รอดมาจากศึกการรบที่แนวหน้าโดยทั้งคู่ก็เล่าให้ผมฟังว่าทั้งคู่เกือบพลาดท่าถูกฆ่าตายแต่โชคดีที่มีคลื่นแสงบางอย่างมาช่วยชีวิตเอาไว้นั่นคลื่นแสงที่ว่านั้นไม่ใช่อย่างอื่นใด มันคือพลังออโรเลี่ยนที่ผมดึงออกมาใช้จากคริสตัลเซฟาลิน
“(ขอบใจที่ช่วยนะเซฟาลิน)”
ผมนึกพูดในใจและขอบใจคู่หูในจินตนาการของผม
“เจ้าปลอดภัยรึเปล่า?”
“ผมไม่เป็นไรครับ เพราะเจ้านี่แท้ๆที่ช่วยชีวิตผมและทุกคนเอาไว้” ผมยกคริสตัลเซฟาลินขึ้นมาให้อุบาร์วัยดู
“งั้นรึ ถ้างั้นเราก็ไปช่วยเหลือนักรบตนอื่นๆที่ได้รับบาดเจ็บก่อนที่ซาชิโดจะกลับมาถึงกันนก่อนเถอะ”
“ครับ”
หลังจากนั้นพวกเราและนักรบตนอื่นๆที่รอดชีวิตก็รีบพากันออกตามหาและปฐมพยายามเหล่านักรบที่ได้รับบาดเจ็บหากมีนักรบคนไหนบาดเจ็บสาหัสมากจะถูกส่งกลับไปรักษาตัวที่หมู่บ้าน ส่วนคนอื่นๆที่ยังสบายดีผมก็จะสั่งให้พวกเขาไปรวมพลเพื่อดำเนินกลยุทธตอบโต้กลับให้เร็วที่สุด
ค่ายตั้งรับหลายๆแห่งเริ่มได้รับการฟื้นฟูและเริ่มมีการรวบรวมพลจากหลายๆแห่งเป็นทัพใหญ่ซึ่งผมต้องบริหารการจัดทัพไปพร้อมกับซาชิโดและอุบาร์วัยเพียงลำพังส่วนหัวหน้าคนอื่นๆก็ขอตัวกลับไปรักษาสภาพจิตใจที่หมู่บ้านบางส่วนจึงทำให้กำลังทัพในตอนนั้นลดน้อยลงไปพอสมควรแต่นั้นก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จนทัพของพวกเราพร้อมโต้กลับแล้ว
ระหว่างนั้นอัลบาร์โดที่กำลังต่อสู้กับซาร์ลาซอร์ดอยู่นั้นก็ถูกซัดตรงมาลานกว้างบนภูเขาลูกหนึ่งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับทำพิธีบูชายัญตามประเพณีของเผ่าทางใต้แต่สถานที่แห่งนี้ก็ต้องกลายเป็นลานต่อสู้ของทั้งคู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งคู่ยังคงต่อสู้และปล่อยพลังออโรเลี่ยนพลังเวทย์ใส่กันอย่างไม่หยุดหย่อนจนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับทำพิธีถูกทำลายอย่างย่อยยับรวมถึงเสาหินห้าเสาที่ตั้งอยู่ที่นี่ก็ถูกทำลายไปจากการต่อสู้ที่ดุเดือดของทั้งคู่
“(เราคงจะอยู่สู้อย่างยืดยื้อแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว….เราจะต้องหาวิธีที่จะจัดการมันให้เร็วที่สุด!)”
อัลบาร์โดดหลบการโจมตีพลางคิดแผนที่จะหาวิธีการจัดการมันให้เร็วที่สุด
“เป็นอะไรไปทำไมถึงเอาแต่หนีแล้วล่ะ หรือว่าเจ้ารู้ตัวว่าเจ้าจะต้องแพ้”
ตู้มม !!
อัลบาร์โดหลบหลีกพุ่งตัวหลบตามซากปรักหักพังแต่ก็ไม่วายที่จะถูกซาร์ลาซอร์ดปล่อยพลังออโรเลี่ยนไล่จี้ตามมาอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน
อัลบาร์โดหลบไปพลางสวนไปพลางโดยการทุ่มก้อนหินจากเสาที่พังลงมาใส่เจ้าซาร์ลาซอร์ดแต่มันก็ป้องกันและทำลายก้อนหินนั้นโดยการฟันจนหินผ่าครึ่งก่อนที่จะปล่อยพลังใส่อัลบาร์โดในทันที
ตู้มๆ !!
“(โธ่เอ้ย! เข้าประชิดตัวมันไม่ได้เลย!)”
อัลบาร์โดถอยมายืนตั้งหลักบนกลางลานพิธีที่มีคาถาวงเวทย์บางอย่างประทับอยู่ที่พื้นส่วนเจ้าซาร์ลาซาร์ดก็เหาะตามมาติดๆจนมันได้เข้ามาต่อสู้ระยะประชิดกับอัลบาร์โดโดยการใช้ดาบของมันฟันมาเข้าตรงๆ
เช้งงง!!
อัลบาร์โดเอาดาบของเขารับการโจมตีก่อนที่จะดีดตัวหลบออกมาพร้อมกับปล่อยพลังเวทย์ใส่เข้าที่หลังของมันแต่มันก็ไม่ค่อยสะทกสะท้านสักเท่าไหร่ก่อนที่เขาจะกลับมายืนตรงกลางลานพิธีอีกครั้ง
“(บ้าจริง!! นี่ขนาดเราปล่อยพลังและถ่วงเวลาให้มันปล่อยพลังเวทย์ตั้งนานแล้วนะ..ทำไมมันไม่มีอาการอ่อนแรงหรือสะทกสะท้านอะไรเลย?!)”
“หึ ข้าชักจะรำคาญเจ้าขึ้นมาแล้วสิถ้างั้นข้าขอยืมผู้ช่วยมาเพื่อที่ข้าจะได้ใช้มันรุมจัดการเจ้าให้เสร็จเลยจะดีกว่า” ซาร์ลาซอร์ดได้ชี้ดาบขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วก็ปล่อยสัญญาณสีแดงบางอย่างขึ้นไป
ผ่านไปสักระยะจู่ๆปีศาจร้ายที่ฆ่าเหล่าพี่น้องลิซาร์ดแมนเผ่าตะวันออกของอัลบาร์โดก็ปรากฏตัวขึ้นมาโดยการกระโดดปีนเขาขึ้นมาแล้วมายืนอยู่ข้างๆเจ้าซาร์ลาซอร์ด
“ในที่สุดเจ้าก็เรียกข้าสักทีนะ ข้าชักอยากใจรอไม่ไหวที่จะกินอาหารมื้นี้ไม่ไหวแล้ว หึหึหึ”
“หึ ปกติข้าก็ไม่อยากจะเรียกเจ้าออกมาหรอกนะถ้าหากมันไม่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนทำข้ารู้สึกรำคาญ..”
“นี่พวกเจ้าคิดจะช่วยกันรุมจัดการข้างั้นรึ?!! นี่น่ะหรือการต่อสู้ตัวต่อตัวเยี่ยงนักรบ!!??”
“หึหึหึ นี่เจ้ารู้ตัวรึเปล่าว่าเดิมทีเจ้าถูกหลอกมาฆ่าพร้อมกับเจ้าอัคคลีทัสอยู่แล้วน่ะ”
“ว่าไงนะ??!!”
ทันใดนั้นเจ้า Blood Wolf ก็เปลี่ยนสภาพร่างกายของมันให้กลายเป็นของเหลวสีแดงสดเหมือนสีเลือดก่อนที่จะพุ่งไปหาอัลบาร์โดแล้วก็คลุมตัวเขาเอาไว้ไม่ให้เขาหนีไปได้ ส่วนเจ้าซาร์ลาซอร์ดก็ใช้โอกาสเสี้ยววินาทีนั้นพุ่งเข้าไปหวังจะใช้อาวุธของมันสังหารอัลบาร์โดที่ถูกยึดอยู่กับที่เอาไว้
“แย่ล่ะสิ!!”
“(แกจงตายแล้วก็มาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายข้าสะเถอะ หึหึหึ)”
วู้บบบ!! ฉึบบ!!!
คมดาบของซาร์ลาซอร์ดแทงตัวอัลบาร์โดพลาดเป้ากลายเป็นเพียงแทงถูกเจ้า Blood wolf แทนแต่มันที่อยู่ในสภาพของเหลวมันจึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากการโจมตีของซาร์ลาซาร์ด อัลบาร์โดได้ใช้พลังเวทย์เทเลพอร์ทย้ายตัวเองไปด้านหลังของพวกมันทั้งสองก่อนที่เขาจะร่ายพลังเวทย์ขั้นสูงแล้วปล่อยพลังใส่พวกมันทั้งสอง
ตู้มมม!!!
ทั้งซาร์ลาซอร์ดและเจ้า Blood Wolf ถูกพลังเวทย์ของอัลบาร์โดเข้าไปเต็มๆจนมันทั้งสองถึงกับสะท้านไปทั่วร่างกายแต่กระนั้นก็น่าจะมีเพียงเจ้า Blood wolf ในสภาพของเหลวเท่านั้นที่รู้สึกเพราะเจ้าซาร์ลาซอร์ดก็ได้กางเวทย์โพรเทคป้องกันคลุมแค่ตัวของมันเองเท่านั้น
ซาร์ลาซอร์ดสวนอัลบาร์โดกลับโดยการฟันดาบลงพื้นแล้วเกิดคลื่นแผ่นดินแยกพุ่งไปหาอัลบาร์โดอย่างรวดเร็วแล้วก็มีแท่งหินพุ่งขึ้นมาจากรอยแยกเข้าใส่อัลบาร์โดอย่างแรงจนตัวเข้าปลิวประอยู่อีกฝั่งของลานพิธีกรรมแต่ก็ไม่วายเพราะเขาก็ถูกเจ้า Blood Wolf ในร่างเดิมที่เป็นหมาป่าสีดำซัดเข้าที่ด้านหลังโดยการตบอย่างแรงจนตัวเขาลอยไปหาซาร์ลาซอร์ด
ซาร์ลาซอร์ดที่เห็นว่า Blood wolf ช่วยส่งต่อมาให้มันมันก็ได้เปลี่ยนสภาพแขนที่เป็นดาบของมันกลับมาเป็นแขนปกติก่อนที่จะกำหมัดต่อยเข้าไปที่หน้าของอัลบาร์โดอย่างแรงจนตัวเขากระเด็นหน้าแนบถไลไปกับพื้นเป็นทางยาว
“แค่กกก!!!”
อัลบาร์โดไอออกมาเป็นเลือดและพลังเวทย์ของเขาก็หมดลงในเวลาเดียวกัน
“ใกล้จะตายแล้วสินะไอ้เจ้ากิ้งก่าน่าโง่ตัวน้อยเอ๋ย หึหึหึ” blood wolf มันค่อยๆเดินตรงเข้ามาหาอัลบาร์โดเพื่อที่มันจะได้กินเขา
Blood wolf มันได้เข้ามาหาอัลบาร์โดพอได้ระยะมันก็อ้าปากหวังจะเขมือบเขาเข้าปากแต่อัลบาร์โดที่อยู่ในสภาพล่อแล่ขยับเขยือนตัวไม่ได้เขาก็ได้แต่หมดหวังซาร์ลาซอร์ดและเจ้า Blood wolf ต่างก็รู้ดีแล้วว่าอัลบาร์โดไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้วพวกมันจึงชะล่าใจแต่มีเพียงแค่เจ้า Blood wolf เท่านั้นที่คิดแบบนั้น
ตู้มมมม!!
“อั๊กกกก!!”
“หืมม??”
ซาร์ลาซอร์ดเห็น Blood wolf โดนขัดขวางจากใครบางคนที่เข้ามาช่วยชีวิตอัลบาร์โดเอาไว้
“หืออ?!”
อัลบาร์แหงนหน้าขึ้นมามองคนที่เข้ามาช่วยชีวิตเขาเอาไว้ในสถานการณ์ที่คับขันพอดี
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม อัลบาร์โด ??”
เสียงที่คุ้นเคยได้กล่าวถามเขาขึ้นมา
อัคคลีทัสที่มาช่วยเขาในสภาพที่มีบาดแผลตามตัวได้เข้ามาช่วยชีวิตเขาเอาไว้และเขาก็มาที่นี่เพื่อที่จะช่วยอัลบาร์โดจัดการเจ้าซาร์ลาซอร์ดและเจ้า Blood wolf
“ท่านอัคคลีทัส?!“
“ข้าไม่อยู่เจ้าก็เหมือนตัวอ่อนที่ไร้การดูแลจากข้าไปเลยนะ อัลบาร์โด”
อัคคลีทัสได้ยืนมือมาให้เพื่อช่วยให้อัลบาร์โดพยุงตัวเขาขึ้นมาสู้ต่อ
“หน๋อยยย แกอีกแล้วหรอ!!!??”
Blood wolf รีบลุกขึ้นมาหลังจากที่ถูกอัคคลีทัสต่อยกระเด็นเมื่อกี้
“ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้นะ” ซาร์ลาซอร์ดยืนกอดอกอย่างใจเย็น
“หึ อันที่จริงข้าเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าแผนการและละครที่พวกเจ้าสร้างขึ้นนั้นมันเป็นแผนหลอกล่อให้ข้ากับอัลบาร์โดเข้ามาติดกับดักแผนสังหารของพวกเจ้าได้”
“หึ แสดงว่าท่านบาร์เบทรอสบอกแผนการของพวกข้าให้กับเจ้าล่วงรู้หมดแล้วสินะ….งั้นก็ช่วยไม่ได้….ในเมื่อเจ้าทั้งสองตนรู้เรื่องหมดแล้วงั้นก็ตายพร้อมกันเสียที่นี่สะเถอะ!” ซาร์ลาซอร์ดพุ่งเข้ามาหาพร้อมกับชกหมัดมาที่อัคคลีทัส
ตุบ เปรี้ยงงง!!
“หึ สาบานว่านี่คือการโจมตีของเจ้าน่ะ” อัคคลีทัสใช้มือและแขนข้างเดียวรับหมัดของซาร์ลาซอร์ดเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“??!”
“ข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นเองว่าการโจมตีที่แท้จริงนั้นมันเป็นเช่นไร!!!” อัคคลีทัสกำหมัดเอาไว้แน่นก่อนที่จะพุ่งปล่อยหมัดไปที่ใบหน้าของซาร์ลาซอร์ดจนมันถอยกระเด็นกลับไปด้านหลัง
“อะอึก!!.....ความแข็งแกร่งแบบนี้มัน…!!”
มันเอามือมากุมที่ใบหน้าเอาไว้พร้อมกับมองอัคคลีทัสด้วยสาตายที่รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
“ข้าพร้อมที่จะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับเจ้าได้ทุกเมื่อ”
อัคคลีทัสกวักมือท้าให้ซาร์ลาซอร์ดบุกเข้ามา
“หึ ถ้าอย่างนั้นก็ย่อมได้”
ซาร์ลาซอร์ดเปลี่ยนสภาพแขนอีกข้างที่ไม่ใช่แขนเปล่าเป็นหมัดใหญ่ขนาดแล้วต่อยมายังอัคคลีทัสแล้วอัคคลีทัสก็กระโดดเหยียบขึ้นไปบนหมัดแล้ววิ่งไปตามแขนของซาร์ลาซอร์ดอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพุ่งหมัดตรงไปยังใบหน้าแก้มด้านขวาของมันจนเกราะส่วนหน้าเกิดรอยร้าวอย่างรุนแรงยังไม่พอเขายังพุ่งเสยคางซาร์ลาซอร์ดขึ้นไปแล้วพุ่งกระโดดถีบลงมาที่หัวของมันอย่างแรงจนหัวของซาร์ลาซอร์ดมุดจมลงไปในดิน
ส่วนฝั่งของอัลบาร์โดก็กำลังต่อสู้กับ Blood Wolf ดุเดือดไม่แพ้กันกับฝั่งของอัคคลีทัส Blood Wolf ได้คาบอาวุธดาบของอัลบาร์โดดเอาไว้ก่อนที่มันจะเปลี่ยนสภาพขนตามตัวของมันให้กลายเป็นเข็มเลือดจำนวนมากพุ่งเข้าใส่อัลบาร์โดเป็นห่าฝน อัลบารืโดได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีกางเวทย์โพรเทคป้องกันการโจมตีนี้เอาไว้ก่อนที่เขาจะปล่อยพลังเวทย์เป็นลูกบอลพุ่งเข้าใส่ Blood Wolf จนมันปล่อยอาวุธของเขาที่คาบเอาไว้ในปากออกมาอัลบาร์โดได้ใช้ความเร็วที่เป็นความสามารถติดตัวไปรับดาบนั้นมาก่อนที่จะวิ่งไปตามพื้นที่ที่ยกสูงขึ้นก่อนที่จะใช้ดาบฟันผ่าส่วนลำคอของ Blood Wolf ขาดออกจากตัวของมันจนเลือดไหลทะลักออกมานองเต็มพื้นแล้วพุ่งกระฉูดเป็นสายฝนสีเลือดแล้วส่วนบริเวณตั้งแต่คอจรดหัวของมันก็สลายกลายเป็นเลือดยกเว้นเพียงร่างกายของมันเท่านั้นที่ไม่สลายตามไปแล้วร่างของเจ้า Blood Wolf ก็ล้มลงแน่นิ่งไปท่ามกลางพื้นที่ชโลมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
“จัดการไปได้แล้วหนึ่ง…..(ข้าขอให้ความแค้นของผู้คนในเผ่าสิ้นสุดลงตรงนี้ด้วยเถิด)” แล้วอัลบาร์โดก็ยืนไว้อาลัยให้แด่นักรบและลิซาร์ดแมนทุกตนที่ถูกมันฆ่าไป
ฝั่งของอัคคลีทัสนั้นก็กำลังยืนมองซาร์ลาซอร์ดที่กำลังเอาหัวมุดดินและจู่ๆมันก็รีบเอาหัวผุดขึ้นมาจากดินแล้วก็หยิบเศษซากเสาที่พังทลายขึ้นมาก่อนที่จะต่อยให้มันกระจายเป็นเศษหินจำนวนมากไปยังอัคคลีทัสด้วยความแรงจากการต่อยของมันทำให้หินแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยและพุ่งเข้าหาอัคคลีทัสอย่างรวดเร็วดุจเม็ดกระสุนที่ถูกสาดจำนวนมาก
“หึ ลูกไม้ติื้นๆ” อัคคลีทัสกระทืบเท้าลงพื้นอยากแรงทำให้พื้นหินลานทำพิธีที่อยู่ใกล้ๆกระเด้งขึ้น
“เจอนี่หน่อยซิ!!”
อัคคลีทัสรัวหมัดใส่ก้อนหินเหล่านั้นจนมันแตกกระจายและพุ่งเข้าไปปะทะกับเศษหินที่เจ้าซาร์ลาซอร์ดปล่อยออกมาอัคคลีทัสใช้จังหวะที่เกิดควันพุ่งเข้าไปอัพเปอร์คัดซาร์ลาซอร์ดก่อนที่จะกระโดดพุ่งขึ้นไปแล้วซอยหมัดรัวใส่มันจนเกราะทุกส่วนตามร่างกายของมันแตกละเอียดจนเผยร่างที่แท้จริงของมันและนี้ก็เป็นโอกาสที่อัคคลีทัสจะปลิดชีพมัน
“จงตายไปซะเถอะ!!”
“!!!!”
อัคคลีทัสง้างหมัดแล้วต่อยอัดเข้าไปที่กลางลำตัวของมันจนเป็นรูทะลุร่างของมันไปแล้วมันก็สิ้นชีพในทันที
หลังจากการต่อสู้จบลงอัคคลีทัสกับอัลบาร์โดก็กลับมาเจอกันอีกครั้งและมองดูสถานที่โดยรอบที่ถูกทำลาย
“เจ้าเป็นอะไรรึเปล่าอัลบาร์โด?”
“ข้าไม่เป็นไรหรอกครับท่านอัคคลีทัส ต้องขอบพระคุณท่านอย่างยิ่งที่ท่านมาช่วยชีวิตข้าเอาไว้ได้ทันการมิเช่นนั้นข้าก็คงจะถูกเจ้าเกราะเงินกับเจ้าปีศาจนั้นช่วยกันฆ่าข้าตายไปแล้ว”
“งั้นหรอกรึ เอาเถอะพวกเรากลับไปที่ค่ายกันก่อนดีกว่าข้ารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลยังไงก็ไม่รู้”
“ครับ ท่านอัคคลีทัส!!!”
ถัดมายังค่าย ที่เรณพักอาศัยและกำลังจัดการสั่งคนเก็บกวาดพื้นที่รอบๆค่ายอยู่
“เอาๆช่วยๆกันแบกคนเจ็บกันหน่อยนะครับ อย่างนั้นๆ ฯลฯ”
“ท่านเรณครับ!”
“มีอะไรหรอครับ?”
“ตอนนี้ขั้นตอนการฟื้นฟูค่ายและการรักษานักรบที่บาดเจ็บตอนนี้ดำเนินไปแล้ว 70% แล้วครับท่านเรณ”
“งั้นหรอครับ ต้องขอโทษที่รบกวนวานให้พวกคุณช่วยนะครับ”
“เพื่อท่านแล้วพวกเรายอมทำตามที่ท่านเรณขออยู่แล้วล่ะครับ”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็ไปพักก่อนเถอะเดี๋ยวผมจะส่งชุดใหม่ให้เข้าไปสานต่อเอง”
“ขอบคุณมากครับท่านเรณ!!” แล้วกลุ่มนักรบลิซาร์ดแมนก็แยกย้ายกันไป
ผมทำงานที่ค่ายอย่างหนักพร้อมกับควบคุมนักรบคนงานให้ทำงานสารพัดต่างๆเกือบทุกอย่างเพราะหัวหน้าหน่วยแต่ละคนก็ได้รับบาดเจ็บไปเป็นจำนวนมากจากการบุกโจมตีอย่างฉับพลันของกองทัพผสมของพวกตะวันตก บ่ายวันนั้นผมได้ไปนั่งพักที่ใต้ต้นไม้และก็ได้เห็นบรรดาลิซาร์ดแมนหลายตนทำงานกันอย่างอลม่านวุ่นวายไปหมดทั้งคนเจ็บ คนรักษา คนซ่อมแซมบ้านที่พักอาศัยต่างๆจนผมมองดูแล้วก็รู้สึกสลดใจเพราะทางฝั่งของเราเองก็สูญเสียไปไม่แพ้กันเมื่อเทียบกับแนวหน้าที่เป็นหน้าด่านรับมือกับกองทัพของพวกตะวันตก
“เรณ เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่รึ?” เกรย์ห้อยหัวลงมาจากบนต้นไม้
“คุณเกรย์เองหรอ” ผมแหงนตามมองขึ้นไปดู
“เจ้าดูเหนื่อยๆและท้อแท้นะ เจ้าหนักใจเรื่องอะไรรึเปล่า?”
“อืม..ผมมีเรื่องหนักใจอยู่หลายเรื่องเลยล่ะ”
“อื้มมมม เจ้าคงลำบากใจที่ต้องแบกรับภาระหน้าที่และชีวิตของลิซาร์ดแมนทุกตนที่อยู่ที่สนามแนวหน้าแห่งนี้สินะ”
“ครับ…...ผมนั้นเข้ามาแบกรักหน้าที่และภาระอันหนักอึ้งแทนคุณอัคคลีทัสโดยไม่ทันได้เตรียมใจผมเองก็ไม่รู้ว่าการที่ต้องมาแบกรับความคาดหวังจากคนหลายๆคนมันให้ความรู้สึกที่อึดอัดใจมากแค่ไหน”
“........”
เกรย์ตั้งหน้าตาตาฟังเรณพูดอย่างตั้งใจ
“บางครั้งผมก็เอาแต่นั่งคิดว่าตัวผมนั้นพร้อมรึเปล่าที่จะให้ผู้คนหลายๆคนมาฝากชีวิตและชะตากรรมไว้ที่ตัวผม ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าผมจะแบกรับชีวิตและความคาดหวังของพวกเขาไปถึงตลอดลอดฝังรึเปล่า เพราะมีนักรบบางส่วนที่เชิดชูยกย่องตัวผมได้ตายไปแล้วบางส่วนทั้งๆที่วันก่อนพวกเขาก็ยังมายืนพูดคุยและรับฟังผมพูดอยู่แท้ๆแต่มาในวันนี้พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้อยู่กับพวกเราอีกต่อไปแล้ว...”
“อื้มม ข้าเข้าใจเจ้านะเรณ สงครามมันไม่เลือกหรอกว่าจะให้ใครอยู่หรือให้ใครไป”
“งั้นหรอครับ….มันก็จริงอย่างที่คุณพูดนั้นแหละเราไม่รู้หรอกว่าเราจะตายวันนี้หรือตายวันพรุ่งนี้เมื่ออยู่ในสภาวะสงครามแบบนี้...”
“แล้วเจ้าจะเอายังไงต่อไปล่ะ?”
“ผมคิดว่า….มันคงถึงเวลาแล้ว...ที่พวกเราจะจัดทัพแล้วยกทัพบุกเข้าสู่หมู่บ้านที่เป็นศูนษ์รวมอำนาจทุกอย่างของพวกตะวันตกแล้ว!”
“งั้นรึ….ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอดูผลลัพธ์นั้นก็แล้วกัน...” แล้วเกรย์ก็กระโดดข้ามต้นไม้หายไป
ในช่วงเวลาไม่นานผมก็ได้เห็นคุณอัลบาร์โดกับคุณอัคคลีทัสเดินทางกลับมาเพียงลำพังสองคนและได้เห็นสภาพของทั้งคู่ที่ดูเหมือนจะผ่านศึกใหญ่มายังไงยังงั้นผมและนักรบคนอื่นๆจึงรีบมากันไปดูอาการของทั้งสองอย่างน่าเป็นห่วง
“คุณอัลบาร์โด? คุณอัคคลีทัส?? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณทั้งสองคนหรอครับ??!”
“แค๊กกก…..พวกเราสองตนถูกหลอกให้ไปติดกับพวกมัน...แค๊กกก..” อัลบาร์โดพูดพร้อมกับไอออกมาเป็นเลือดบางส่วน
“หลอก?? พวกไหนหลอกหรอครับ??!”
“ก็ไอ้เจ้าหนอนสกปรกนั่นยังไงล่ะ!!” อัคคลีทัสขึ้นเสียงด้วยอย่างไม่สบอารมณ์
“หรือว่า…!!”
“ตอนนี้เจ้าอย่าเพิ่งพามอะไรให้มันมากความเลยรีบๆพาข้ากับอัลบาร์โดไปรักษาตัวก่อนดีกว่า”
“ครับๆ!”
คุณอัลบาร์โดกับคุณอัคคลีทัสถูกนำตัวไปรักษาแต่เนื่องจากเหล่าจอมเวทย์ที่อยู่ในกองทัพนั้นต่างล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมากเหลือเพียงไม่กี่ร้อยตนจึงทำให้การรักษาวุ่นวายและคนที่ต้องการรักษาก็มีอยู่มากกว่าเหล่าจอมเวทย์หลายเท่าตัว…….
จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างดลจิตดลใจให้ผมหยิบคริสตัลเซฟาลินขึ้นมาแล้วให้ผมสื่อจิตกับคริสตัลเพื่อให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมา
“(เซฟาลิน...ถ้านายยังเหลือพลังอยู่ล่ะก็...ฉันขอยืมพลังเพื่อช่วยเหลือทุกคนด้วยนะ…)”
ผมกำคริสตัลเอาไว้แล้วเอามือที่กำมานายเอาไว้ที่กลางอกแล้วแสงสว่างก็เปล่งออกมาจากคริสตัลและความสว่างของคริสตัลนั้นมันสว่างจ้ามากขึ้นจนทำให้พื้นที่อาณาเขตระยะ 1 กิโลเมตรจากค่ายที่ผมอยู่เกิดเป็นคลื่นแสงสว่างสีฟ้าปล่อยกระจายออกไปเป็นวงกว้างและลิซาร์ดแมนที่ได้บาดเจ็บอยู่ในรัศมีพลังนี้ก็ได้รับการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจนบาดแผลจากการต่อสู้ของพวกเขาค่อยๆหายไปแต่แสงสว่างนี้จะไม่มีผลกับคนที่ตายไปแล้วและคุณอัลบาร์โดกับคุณอัคคลีทัสก็ได้รับอิทธิพลจากคลื่นพลังนี้ด้วยและคนที่อยู่ใกล้ๆบริเวณแก่นกลางกำเนิดคลื่นพลังก็จะได้รับการฟื้นฟูที่มากกว่าคนอื่นๆที่อยู่ไกลออกไป
“อาการของท่านอัคคลีทัสกับท่านอัลบาร์โดตอนนี้ใกล้จะหายดีแล้วครับท่านเรณ คาดว่าให้พักอีกสักคืนก็น่าจะกลับมาเป็นปกติ”
“ครับขอบคุณครับ”
“ถ้าไม่มีอันใดแล้วข้าขอตัวก่อนนะครับท่านเรณ” แล้วจอมเวทย์ที่ทำหน้าที่ก็เดินออกไปจากกระท่อม
ในระหว่างนั้นคุณอัคคลีทัสที่กำลังพักรักษาตัวก็เรียกผมให้ไปพบ
“เรณ มาข้างๆข้าหน่อยสิ” อัคคลีทัสเรียกตัวผมให้เข้าไปหา
“ครับ คุณอัคคลีทัส”
“ข้ามีเรื่องอยากจะวานฝากเจ้าเอาไว้เผื่ออนาคตข้างหน้าข้าอาจจะไม่มีชีวิตอยู่”
“เอ๋! ไหงคุณถึงพูดอะไรแบบนี้ล่ะครับ คุณอัคคลีทัส??!”
“.........ไม่มีอะไรมากหรอก...แค่ข้าเริ่มรู้สึกว่าศึกในครั้งนี้นั้นพวกเราจะเชื่อใจใครมิได้อีกต่อไปแล้วนอกจากตัวเราเอง”
“คุณหมายความว่ายังไงหรอครับ??”
แล้วอัคคลีทัสก็เริ่มเล่าเรื่องย้อนความกลับไปตอนที่กำลังต่อสู้กับบาร์เบทรอส ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปช่วยอัลบาร์โด
ตุบ ตั๊บบ ตู้มม!!
“เหตุใดเจ้าถึงคิดจะหนีอย่างเดียวล่ะอัคคลีทัส?? ทั้งๆที่เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าตัวเจ้านั้นแข็งแกร่งมากถึงเพียงใด”
“...!!”
บาร์เบทรอสได้ไล่ต้อนอัคคลีทัสแบบชนิดตามติดไม่เลิกและก็เปิดฉากโจมตีเพื่อตัดโอกาสไม่ให้อัคคลีทัสโจมตีคืนจึงทำให้ตัวเขาต้องหลบหนีการโจมตีและหาช่องทางโอกาสนการตอบโต้กลับไปให้ได้แต่เขาจะทำได้อย่างไรในเมื่อบาร์เบทรอสนั้นมีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าเขาหลายเท่าตัวนัก
“(ชิ! หาโอกาสสวนมันกลับไม่ได้เลย)”
“เอ้าๆ เจ้าเป็นอะไรไปอัคคลีทัสหรือว่าเจ้ากลัวที่จะสู้กับข้า??” บาร์เบทรอสก็ใช้โจมตีอัคคลีทัสด้วยคลื่นดาบยาวที่ปล่อยออกมาจากดาบยาวอาวุธของมัน
“(ต้องลองเสี่ยงดูล่ะ!!)”
อัคคลีทัสได้หันหน้าไปเผชิญหน้ากับมันในระหว่างที่ตัวเขากำลังพุ่งทะยานไปในอากาศ เขาได้ซอยหมัดรัวๆแล้วทำให้เกิดคลื่นแรงอัดในอากาศพุ่งตรงเข้าไปหามันเป็นจำนวนมากซึ่งการที่จะหลบการโจมตีแบบนี้นั้นจำเป็นจะต้องมีทักษะการเอาตัวรอดไหวพริบที่ดีเยี่ยมเป็นอย่างมากจึงจะหลบการโจมตีลักษณะนี้ได้
แต่แล้วบาร์เบทรอสก็ถูกคลื่นอัดอากาศลูหนึ่งอัดเข้าที่กลางหน้าท้องของมันจนมันตกลงกระแทกพื้นอัคคลีทัสไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือเขาได้ซอยหมัดชุดเดิมกลับไปซ้ำเติมมันอีกครั้งจนเกิดควันฟุ้งกระจายในอากาศ แต่เนื่องด้วยเขารู้จักบาร์เบทรอสดีและรู้ว่าการโจมตีเพียงแค่นี้มิอาจจะทำให้บาร์เบทรอสถึงอาการสาหัสได้เขาจึงพุ่งเข้าไปหาบาร์เบทรอสที่ยืนอยู่บนพื้นดินก่อนที่จะใช้หมัดต่อยเข้าที่ไปซี่โครงของมันอย่างแรงจนมันกระเด็นออกไปด้วยความแรงของหมัดที่อัคคลีทัสต่อยไป ความแรงของหมัดที่อัคคลีทัสต่อยส่งออกไปนั้นถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดามนุษย์คนนั้นจะถูกแรงอัดมหาศาลอัดร่างจนแหลกละเอียดและจะตายไปในที่สุดและอัคคลีทัสเองก็คิดที่จะปลิดชีวิตบาร์เบทรอสเอาไว้อยู่แล้วเขาจึงส่งแรงหมัดให้อยู่ในระดับนี้
“หึๆๆ…..เก่งไม่เบาเหมือนเคยเลยนะ...อัคคลีทัส”
“นี่เจ้าโดนข้าต่อยไปขนาดนั้นเจ้ายังมีแรงพร่ามได้อีกอย่างงั้นรึ!!??”
“หึหึ ข้าน่ะเป็นถึงหัวหน้าเผ่าลิซาร์ดแมนตะวันตกเชียวนะ..อย่างข้าน่ะหรือจะมาเสียท่าให้กับการโจมตีสุดกระจอกของเจ้าได้?!”
มันลุกขึ้นมาแล้วพุ่งพรวดตรงดิ่งเข้ามาหาอัคคลีทัสและมันก็ใช้ดาบที่ถืออยู่ในมือฟันเข้าที่ไปตัวอัคคลีทัสจนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขาก็ยังมีแรงลุกขึ้นมาต่อสู้ได้
“โอ้ นี่เจ้ายังรอดอยู่อีกหรือนี่?? แต่ว่าครั้งต่อไปนั้นเจ้าไม่รอดอย่างแน่นอน”
พูดจบมันก็ใช้กระบวนท่าเดิมกับอัคลีทัสแต่คราวนี้อัคคลีทัสรู้ท่าทางการเคลื่อนไหวของมันออกหมดแล้วเขาจึงใช้ท่าเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาดดยการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ได้และอัคคลีทัสก็จัดการและเอาชนะมันโดยการซอยหมัดและกระโดดเตะเข้าที่จุดสำคัญบนร่างกายของมันในช่วงเวลาที่ใช้ท่าเคลื่อนย้าชั่วพริบตาไปหลายพันครั้ง ถึงแม้บาร์เบทรอสจะไม่รู้สึกรู้สาและความเจ็บปวดหลังจากถูกโจมตีแต่อวัยวะภายร่างในกายก็ได้รับความเสียหายและบอบช้ำหลายแห่งตามร่างกายที่เป็นจุดสำคัญเช่นบริเวณ ขั้นหัวใจ ซี่โครง หัวเข่า ต้นคอ และท้ายทอย เมื่อบาร์เบทรอสกำลังรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากมันจึงระเบิดพลังออกมารอบทิศทางทำให้อัคคลีทัสที่อยู่ใกล้ๆถูกพัดกระเด็นออกไปก่อนที่มันจะใช้เข็มอาบยาพิษชนิดพิเศษปักเข้าที่ร่างของอัคคลีทัส
“อั๊กก!!.....นี่เจ้าทำอะไรกับข้า!!??” อัคคลีทัสดึงเข็มพิษที่ปักอยู่กลางหน้าอกออก
“หึ...นั้นคือยาพิษปลิดหัวใจ..พิษจะแล่นเข้าสู่หัวใจเจ้าแล้วมันก็จะไปคั่งอยู่ตรงบริเวนนั้นทำให้การไหลเวียนธาตุน้ำในตัวเจ้าหยุดชะงักและเมื่อการไหลเวียนนั้นหยุดลงโดยสมบูรณ์เมื่อไหร่เจ้าก็จะตายทันที”
“เจ้าว่าไงนะ!!??”
“ภายในอีก 15 วันเจ้าก็จะตายถ้าหากเจ้าไม่หายาถอนพิษล่ะก็ ถึงตอนนั้นอวสานเผ่าตะวันออกก็จะมาถึง ฮ่าๆๆๆ”
หลังจากมันพูดจบร่างที่คาดว่าจะเป็นของบาร์เบทรอสก็สูญสลายกลายเป็นเพียงดินโคลนแฉะที่มีส่วนผสมของเลือดสิ่งมีชีวิต
“นี่ข้า….ถูกหลอกให้สู้กับร่างแยกงั้นหรือเนี่ย!!!!....”
อัคคลีพยายามหอบสังขารเพื่อที่จะลุกขึ้นยืน และต้องการจะมุ่งหน้าไปหาอัลบาร์โด
“ข้าต้องไปหาอัลบาร์โด..ตอนนี้…!!”
แล้วอัคคลีทัสก็ไปช่วยอัลบาร์โดต่อสู้แล้วก็ดำเนินเหตุการณ์มาจนถึงตอนนี้
“แล้วมันก็เป็นอย่างที่ข้าเล่ามาทั้งหมดนี่แหละ..”
“งั้นหรอครับ..”
ผมนั่งฟังเรื่องต่างๆที่เล่าจากปากของเขาอย่างใกล้ชิดและพร้อมรับฟังเหตุผลและเรื่องที่อัดอั้นอยู่ในใจของเขาจนหมดตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่าถ้าหากฝั่งเราสูญเสียแม่ทัพใหญอย่างคุณอัคคลีทัสไปการทำศึกครั้งต่อไปคงจะยากลำบากเพราะขาดแคลนผู้นำที่มีความเชียบแหลมและประสบการณ์นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมได้ไปรู้เรื่องราวเกี่ยวกับจอมเวทย์ลิซาร์ดแมนตนหนึ่งที่สามารถรักษาอาการติดพิษของคุณอัคคลีทัสได้
“เป็นเรื่องจริงรึเปล่าครับที่จอมเวทย์ลิซาร์ดแมนคนนั้นสามารถช่วยคุณอัคคลีทัสได้?” ผมยืนถามจอมเวทย์ที่อยู่นค่าย
“จริงสิท่านเรณ จอมเวทย์ตนนั้นครอบครองพลังเวทย์ในการรักษาขั้นสูงที่สามารถรักษาคนสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในสภาพเจียนตายให้กลับมาหายดีได้อย่างปลิดทิ้งเลยนะท่านเรณ”
“เขามีความสามารถมากขนาดนั้นเลยหรอครับ 0 0?! ”
ผมอึ้งเมื่อได้ยินกิตศักดิ์และความสามารถของจอมเวทย์คนดังกล่าว
“ใช่แล้วท่านเรณ และข้าจะบอกอะไรท่านอย่างหนึ่งนะจอมเวทย์ที่ข้ากับท่านพูดถึงยามนี้น่ะเกิดอยู่ในเผ่าทางเหนือซึ่งเผ่าทางเหนือยามนี้นั้นก็ประกาศตัวเป็นกลางในศึกครั้งนี้ด้วย”
“งั้นแสดงว่าถ้าผมจะไปขอความช่วยเหลือจากเขาผมก็ต้องมุ่งหน้าไปยังทาเหนือสินะครับ”
“แน่นอนอย่างที่ท่านพูดท่านเรณ แต่เส้นทางมันออกจะไกลไปหน่อยสำหรับท่านเพราะท่านเป็นมนุษย์ไม่สามารถวิ่งหรือเคลื่อนที่อย่างเร็วดเร็วได้เหมือนกับพวกเรา”
“ถึงคุณจะพูดอย่างนั้นแต่ผมก็จะไปพบจอมเวทย์คนนั้นให้เขามารักษาคุณอัคคลีทัสให้ได้”
“อื้มม….” เขานิ่งเงียบไปสักพัก
“มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“ถ้าท่านอยากจะไปพบจอมเวทย์ผู้นั้นจริงๆล่ะก็ให้ท่านลองไปถามลิซาร์ดแมนตนนี้ดูนะท่านเรณ” เขาหยิบเอากระดาษบางอย่างออกมาให้ผม
:คุณได้รับไอเทม:
- กระดาษภาพวาดแผนที่ x1
“แล้วผมจะหาเขาคนนี้ได้จากที่ไหนหรอครับ?”
“ท่านก็มีเข็มทิศที่เป็นเครื่องนำทางติดตัวอยู่แล้วนี่ท่านเรณ ท่านลองใช้มันดูสิ”
“อ่ะ..มีจริงๆด้วยถ้าจำไม่ผิดเราได้มันมาจากผู้ชายเสื้อคลุมปริศนาคนนั้นก่อนที่จะเดินทางมาที่สนามรบแนวหน้านิ..”
“นั้นคือเครื่องนำทางที่จะพาท่านไปพบกับลิซาร์ดแมนตนนั้น ท่านจงไปพบลิซาร์ดแมนตนนั้นเถอะท่านเรณ ชะตากรรมของท่านหัวหน้าเผ่าของพวกเราอยู่ในมือท่านแล้วท่านเรณ”
“ครับๆ งั้นผมจะเริ่มออกเดินทางวันพรุ่งนี้เลยนะครับ”
ผมพยักหน้ารับคำก่อนที่จะเดินกลับไปจัดข้าวของ
“ช้าก่อนท่านเรณ!”
จอมเวทย์คนดังกล่าวได้ร้องรั้งตัวผมเอาไว้ก่อน เมื่ออยากจะบอกอะไรทิ้งท้าย
“...??”
“ถ้าท่านจะไปพบกับลิซาร์ดแมนตนนั้นท่านจำเป็นจะต้องเปลี่ยนร่างของท่านจากมนุษย์ให้กลายเป็นพวกเดียวกันกับพวกเราเสียก่อน”
“เห๋??”
ตอนแรกผมนึกว่าเขาพูดเล่นและคิดจะอำผมแต่พอฟังเหตุผลและคำแนะนำของเขามันก็ทำให้ผมคิดว่าผมควรจะเปลี่ยนร่างของตัวเองผมเสียก่อนซึ่งแน่นอนว่าขั้นตอนการเปลี่ยนร่างนั้นช่างยุ่งยากและลำบากแสนเข็นเหลือเกินพวกคุณรู้ไหมว่าสิ่งที่ผมต้องจัดการก่อนทำการเปลี่ยนร่างนั้นคืออะไรและมีอะไรบ้าง อย่างแรก ผมต้องไปหาหญ้าโบราณที่จะเกิดขึ้นตามสถานที่ที่ไม่มีทางไปเก็บเอามาได้ซึ่งผมเองนั้นก็ต้องไปเก็บคนเดียว หรือ การงมทะเลสาปเพื่อไปเก็บพืชที่เติบโตอยู่ใต้น้ำซึ่งขึ้นชื่อว่ามีความสามารถในการคงอยู่ของพลังเวทย์ได้ดีซึ่งผมก็ต้องไปเก็บคนเดียว หรือ การปีนขึ้นไปบนยอดไม้ที่สูงถึง 50 เมตรเพื่อไปเอาขนนกหายากที่มีพลังในการเพิ่มสมรรถนะเร่งให้พลัวเวทย์เกิดผลได้ดียิ่งขึ้น (ขอบอกเลยตอนปีนขึ้นไปเก็บขนนกตอนนั้นผมเสียวไส้เป็นบ้า) และผมก็นำสิ่งของเหล่านั้นไปให้จอมเวทย์คนดังกล่าวเพื่อให้เขาหลอมรวมของที่ผมนำมาให้เขาให้กลายเป็นน้ำยาดิบโบราณ
“ท่านจงเอาน้ำยาดิบโบราณนี้ไปให้ท่านอัลลาร์ฮาร์ทปรุงยานะท่านเรณ” แล้วเขาก็็็็็็็็็็็็็็็็็็็็็็็ยื่นขวดยาใส่มือผม
“ครับ!!”
:คุณได้รับไอเทม:
- น้ำยาดิบโบราณ x1 ขวด
ผมรับยานั้นมาพร้อมพลางดีใจไปด้วยตอนนั้นว่าผมจะกลับไปหาพบปะพูดคุยกับคุณอัลลาร์ฮาร์ทอีกครั้งหลังจากที่ผมมาอยู่ที่แนวหน้าหลายเดือน (ถ้านับเวลาอย่างนั้นอ่ะนะ) ผมเก็บข้าของและสัมภาระที่จำเป็นแล้วออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นของวันถัดไป ผมเดินไปตามเส้นทางเดิมที่ผมกับคุณอัลบาร์โดและเกรย์ได้เดินผ่านมาแต่โชคดีที่เส้นทางที่พวกผมเดินผ่านมาเมื่อนานมาแล้วกองทัพตะวันออกได้ใช้เป็นเส้นทางลัดในการส่งกองกำลังมาสนับสนุนจึงทำให้มีเส้นทางบางส่วนถูกทำขึ้นมาใหม่และทำให้การเดินทางจากแนวหน้ากลับมายังหมู่บ้านเป็นไปอย่างราบลื่น
ณ หมู่บ้านเผ่าลิซาร์ดแมนเผ่าตะวันออก
หมู่บ้านนั้นได้รับการฟื้นฟูขึ้นดีจากเดิมเป็นอย่างมาก รวมถึงการป้องกันภัยและการรักษายามก็ดีขึ้นกว่าเดิมมีการสร้างรั้วกั้นที่เป็นหนามและมีการขุดหลุมตื้นรอบๆกำแพงเพื่อทำให้การบุกโจมตีเป็นไปอย่างยากลำบาก
“เฮ้!! นั่นท่านเรณนิท่านเรณกลับมาแล้ว!!” นักรบเฝ้าประตูตะโกนส่งเสียงด้วยความดีใจที่เห็นผมกลับมา
“จริงรึ?! เห้ย!! จริงๆด้วยนั้นท่านเรณตัวจริงกลับมาแล้วนี่!!” นักรบอีกตนเกิดความรู้สึกตื่นเต้นคล้อยตาม
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปบอกให้ลิซาร์ดแมนทุกตนในหมู่บ้านได้รับรู้ว่าท่านเรณกลับมาถึงหมู่บ้านก็แล้วกัน”
ผมเห็นมาแต่ไกลๆแล้วล่ะว่าพวกเขาเห็นผมกลับมาและผมก็เห็นปฏิกิริยาของลิซาร์ดแมนทุกตนในหมู่บ้านที่มีอาการตื่นตัวดีอกดีใจที่ข่าวแพร่สพัดเรื่องการกลับมาของผมพวกเขาวิ่งออกมาจากที่พักพิงของตัวเองแล้วมายืนออรอต้อนรับผมอยู่ที่หน้าหมู่บ้านกันอย่างพร้อมหน้า
"ยินดีต้อนรับกลับมา ท่านเรณ!!!” เหล่าลิซาร์ดแมนทั้งเด็ก ชายหญิงและสูงอายุต่างกล่าวคำต้อนรับผมอย่างพร้อมกันถ้วนหน้า
“โห (ตอนขาไปตอนนั้นไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้นี่หว่า?!) 0 0”
ผมยืนอึ้งกับกิริยาการแสดงการต้อนรับของลิซาร์ดแมนทุกๆตนไปสักพัก ก่อนที่ผมจะตอบรับการต้อนรับของพวกเขาแล้วคืนนั้นพวกเราก็ได้มีการจัดงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของผม (เอาจริงๆตอนนั้นผมแค่จะเอายาแปลงร่างมาให้คุณอัลลาร์ฮาร์ทปรุงให้เสร็จแล้วจะออกไปทางเดินไปเดี๋ยวนั้นก็แค่นั้นเอง - -” )
พวกเราได้ตั้งกองฟืนแล้วนั่งล้อมรอบกองไฟใจกลางหมู่บ้านเพื่อมานั่งฟังผมเล่าเหตุการณ์และประสบการณ์ที่ผมได้ไปพบเจอตอนที่สู้รบที่แนวหน้า ทุกๆคนที่อยู่ที่นั้นตอนนั้นต่างตะลึงและสนใจในเรื่องราวที่ผมเล่ามาเกือบทั้งหมดทั้งเรื่องการช่วยคุณอัคคลีทัสวางแผน เรื่องการจัดระเบียบกองทัพและยุทธวิธีในการรบ หรือแม้แต่เรื่องการบุกเข้าไปในอาณาขตของเผ่าทางใต้เพื่อไปเอาแร่มาทำเกราะ
“ถึงว่าทำไมนักรบที่มาเฝ้ายามที่อยู่ในหมู่บ้านถึงเริ่มแต่งตัวอะไรแปลกๆที่แท้มันก็คือสิ่งที่เรียกชุดเกราะที่คุณประทานมาให้พวกเราสินะคะ”
เด็กสาวลิซาร์ดแมนถามขึ้นมา
“ใช่แล้วล่ะ”
“แล้วเรื่องที่กองทัพแนวหน้าของพวกเรารุกคืบหน้าและชนะพวกเผ่าตะวันตกตลอดเรื่อยมานั้นเป็นเรื่องจริงรึเปล่า”
ลิซาร์ดแมนหนุ่มถามคำถามขึ้นมา ด้วยความอยากรู้จากสิ่งที่ผมออกไปพบเจอ
“ครับ”
แล้วคำถามจำนวนหลายร้อยหลายพันคำถามก็ถูกยิงสาดมาที่ตัวผมอย่างหนักหน่วงจนผมเองก็ตอบคำถามเหล่านั้นไม่หมดแล้วความวุ่นวายในที่ชุมนุมก็เกิดขึ้น
“หยุดก่อน!!”
เสียงตะวาดและน้ำเสียงนั้นก็เป็น้นำเสียงที่ผมคุ้นเคยที่สุด
“เรณ นั้นเจ้าจริงๆรึเปล่า??”
คนที่ตะวาดสั่งให้ทุกคนในที่ชุมนุมเงียบนั้นก็คือ
“คุณอัลลาร์ 0 0!! ”
ใช่อย่างที่พวกคุณคิดคุณอัลลาร์ที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้สมัยที่เข้ามายังอยู่บ้านแรกๆนั้นเองผมดีใจมากที่ผมได้พบกับคุณอัลลาร์อีกครั้งตอนนั้นและเราทั้งสองก็ได้พากันไปกินเลี้ยงฉลองสังสรรค์ตามลำพังสองคนสักพักใหญ่ก่อนที่ผมจะชวนเขาเข้าเรื่องที่ผมกลับมาหาเขาในวันนั้น
“คุณอัลลาร์ครับ ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องให้คุณช่วยเรื่องการปรุงยาหน่อยน่ะครับ”
“เรื่องปรุงยางั้นรึ? เจ้ายังสงสัยหรือไม่เข้าใจเรื่องไหนที่ข้าสอนเจ้าไปงั้นรึ?”
“ผมเข้าใจหมดและรู้หมดทุกอย่างเกี่ยวกับการปรุงยาที่คุณสอนหมดแล้วล่ะครับ แต่ยาที่ผมอยากจะให้คุณปรุงมันเป็นยาที่ไม่มีในการสอนของคุณน่ะครับ” แล้วผมก็หยิบเอาขวดยาโบราณที่ได้รับมาจากจอมเวทย์มาให้เขาดู
คุณอัลลาร์รับขวดยาจากผมไปแล้วก็มองสำรวจน้ำยาภายในขวดอย่างเบามือเป็นพิเศษ
“นี่มันยาแปลงร่างใช่รึเปล่า??”
เขาหันมาถามผมพร้อมกับส่งสายตาแปลกๆมาหาผม
“ครับ ผมมาที่นี่ก็เพื่อที่อยากจะให้คุณช่วยปรุงยานี้ให้เสร็จสมบูรณ์น่ะครับ”
เขาแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนักเหมือนเขารับรู้ถึงอะไรบางอย่างจากยาดังกล่าว แต่ด้วยความที่ผมนั้นจำเป็นจะต้องใช้ยาที่ปรุงจากยาขวดดังกล่าวเขาจึงยอมปรุงยาให้ผมซึ่งก็ใช้เวลาปรุงนานเป็นเวลา 3 วัน 3 คืนด้วยกันกว่าอยาจะถูกปรุงจนเสร็จสมบูรณ์ในที่สุด
“เอาล่ะเสร็จแล้ว”
อัลลารฮาร์ทปาดเหงื่อที่ไหลออกจากหน้าผากอย่างเหน็ดเหนื่อย
“โว้ววว 0 0 !! ”
จากน้ำยาที่เป็นสีขี้เถ้าเปลี่ยนเป็นยาที่มีสีเขียวออกมรกตคุณอัลลาร์ค่อยๆตักเอาน้ำยาขึ้นมาจากหม้อบรรจุใส่ขวดแก้วที่มีขนาดใหญ่กว่าขวดที่ผมนำมาก่อนที่จะยื่นมาให้ผม
“นี่ไง ยาที่เจ้าต้องการให้ข้าปรุงให้รับมันไปสิ”
“ขอบคุณนะครับคุณอัลลาร์”
ผมกล่าวขอบคุณเขาก่อนที่จะรับขวดยานั้นมาและทุกคนก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ว่าผมควรจะกินมันเข้าไปเพื่อทำให้ตัวผมกลายร่างเป็นลิซาร์ดแมนแต่ยังไม่ทันที่ผมยกดื่มคุณอัลลาร์กรีบพูดแทรกขึ้นมา
“นี่เรณ! ข้ามีเรื่องอยากจะบอกเจ้าเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยานี้”
“ผลข้างเคียงหรอครับ ?”
“ใช่ ผลข้างเคียงของยาแบบนี้นั้นมันอันตรายและร้ายแรงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูญเสียร่างที่แท้จริงของเจ้าไป”
“หมายความว่ายังไงหรอครับ”
“ผลข้างเคียงของยานี้นั้นเกิดจากส่วนผสมของวัตถุ 3 อย่างที่เจ้าได้นำมาผสมเข้าด้วยกันนั้นคือ การคงอยู่ การเร่งผล และ ระยะเวลา สามสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหากเจ้าดื่มยานี้เข้าไปแล้วไม่ยอมกินยาแก้ภายในเวลาที่กำหนด”
“ถ้าเลยกำหนดมันจะส่งผลอะไรกับผมหรอครับ?”
“มันก็จะทำให้เจ้าติดอยู่ในร่างนั้นๆไปตลอดกาลน่ะสิ..ความทรงจำและความเป็นตัวตนของเจ้าก็จะเลื่อนหายไปด้วย และมันก็จะค่อยๆหายไปทีละนิดๆ จนในที่สุดเจ้าก็ลืมตัวตนของเจ้าไปจนหมดสิ้น”
ผมได้ยินแบบนั้นถึงกับช็อคและไม่กล้าที่จะดื่มน้ำยาแปลงร่างนั้นเข้าไปทันทีผมยืนคิดทบทวนและไตร่ตรองอย่างละเอียดถึงความจำเป็นและความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตภายภาคหน้าว่าถ้าหากผมไม่ดื่มน้ำยาเข้าไปแล้วออกเดินทางไปทั้งอย่างนั้นผมจะต้องพบเจอกับอะไรบ้างที่รออยู่เส้นทางข้างหน้า
“เรณ ถ้าเจ้าไม่สบายใจก่อนออกเดินทางข้าก็มียาที่จะช่วยยืดเวลาออกไปให้เจ้านะ” เขาหยิบเอายาบางอย่างออกมาให้ผม
“นี่มัน??”
“มันคือยาที่จะช่วยยืดกำหนดการให้เจ้าต่อไปอีก 3 วันจาก 15 วันให้เป็น 18 วันหลังจากที่เจ้าดื่มน้ำยาแปลงร่าง ข้าเชื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์กับตัวเจ้าเรณ”
ผมรับน้ำยาพวกนั้นมาซึ่งจากการฟังสรรพคุณที่คุณอัลลาร์บอกผมมันก็ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมามากกว่าเดิมอยู่บ้าง
:คุณได้รับไอเทม:
- น้ำยายืดอายุเวทย์มนต์ S x5 ขวด
และแล้วเวลาที่ผมจะดื่มน้ำยาแปลงร่างก็มาถึงคุณอัลลาร์บอกว่าหลังจากที่ผมดื่มน้ำยานี้เข้าไปแล้วมันจะทำให้ผมรู้สึกง่วงและมีความรู้สึกอยากนอนหลับอย่างแรงกล้า ผมจึงควรจะไปนั่งกินยานี้อยู่บนเตียงที่คุณอัลลาร์ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ก่อนที่จะดื่มน้ำยาแปลงร่างเข้าไป
“อึก...อึก….อึก...อึกก….”
ผมดื่มเข้าไปรวมเดียวหมดขวดและก็เกิดความรู้สึกง่วงนอนอย่างบอกไม่ถูกจนตาของผมเองก็หลับลงโดยไม่ทันตั้งตัวผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างแรงและภาพวินาทีสุดท้ายของมันนั้นมันก็เลื่อนลางจางหายไป…
.
.
.
.
.
.
ติดตามตอนต่อไป