Post by gennesis on Jun 14, 2019 5:11:06 GMT
แรดยักษ์คาทาร์ลูตัวนั้น พุ่งเข้ามาหาผมด้วยความเร็วสูงแต่ตัวมันใหญ่ เลยทำให้การเคลื่อนที่ของมันดูเชื่องช้าไปบ้าง ผมหลบออกไปข้างทางและหาจุดอ่อนของมัน จนได้รู้ว่าจุดอ่อนของมันคือใต้ท้อง ผมจึงใช้วิธีเบสิค ง่ายๆนั้นก็คือ “หลอกล่อและกระแทกจากใต้ดิน”
แผนของผมก็คือ ผมให้ซิลเวอร์สร้างไอน้ำแข็งขึ้นมาปกคลุมบริเวณรอบๆและมีระยะเวลาจำกัดในการวางแผนจัดการมัน (แต่ผมไม่ได้ฆ่ามันนะ)
“เจ้านาย เจ้านายมีแผนอะไรบอกข้ามาเลย”
“ฉันมีแผนแล้ว ซิลเวอร์งานนี้ฉันต้องพึ่งนายแล้ว”
ในระหว่างที่ผมกำลังคุยเรื่องแผนในช่วงสถานการณ์บีบคั้นอยู่นั้น เซฟาลินที่อยากจะช่วยผมก็เข้ามาใช้ปากถูสะกิดหลังผมเบาๆ
“เซฟาลิน? นี่เธอมาตรงนี้ทำไมตรงนี้มันอันตรายนะ 0 0”
“อิ๊วๆๆ แอ๊ะๆ ”
เซฟาลินพยายามที่จะพูดสื่อสารกับผมแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะปากของเธอไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้ปากพูดโดยตรง ซึ่งก็ต้องโทษที่ผมนี่แหละที่ออกแบบให้เธอมีปากแบบยื่นไปด้านหน้าแบบนั้น
“เธอควรไปหลบให้ไกลจากตรงนี้นะ เธอไปหลบตรงนู้นก่อนนะ”
“แอ๊ะๆๆๆ งื้อออ!!!”
เซฟาลินเริ่มทำท่าอาการไม่พอใจขึ้นมา และเจ้าแรดยักษ์ตัวนั้นก็พุ่งเข้ามาในจังหวะนั้นพอดี
“ห๊ะ!!! เซฟาลิน ระวัง!! 0 0 ”
ผมรีบกระโจนเข้าอุ้มคว้าตัวเซฟาลินไว้จนรอดจากการพุ่งชนของเจ้าแรดยักษ์ตัวนั้นไปได้ และผมก็ได้รับแผลถลอกที่ขาเล็กน้อยแต่ก็ไม่เป็นไร
ผมพยายามทำความเข้าใจและคาดเดาในสิ่งที่เซฟาลินต้องการจะสื่อสารกับผมในตอนนั้น จนกระทั่งจิตของผมกับเซฟาลินสปาร์คเข้าหากัน จนเราสองคนสามารถสื่่อสารผ่านโทรจิตได้ครั้งแรก
“(เจ้านายๆ ฉันอยากช่วยคุณ เจ้านาย \^ ^/ )”
“(นิ..นี่มัน...โทรจิตหรอ 0 0 ?!)”
เสียงของเซฟาลินวัยเด็ก..อืมมม…...วัยกำลังโต คล้ายเสียงเด็กผู้หญิงกำลังออดอ้อนผมให้ผมยอมให้เธอร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยผมล้มเจ้าแรดยักษ์
“(ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งทีมของคุณนะคะเจ้านาย เจ้านายฉันอยากเป็นประโยชน์ให้กับคุณบ้างน่ะ เจ้านาย \^w^/)”
“(เธอจะช่วยฉันงั้นหรอ แล้วเธอจะช่วยฉันยังไง)”
“(ฉันจะช่วยสร้างให้เกิดแสงสว่าง ทำให้แม่ตัวโตตัวนั้นตาบอดชั่วขณะ และในช่วงเวลานั้นฉันก็ให้เจ้านายกับพี่ซิลเวอร์เป็นคนลงมือต่อค่ะ)”
“(เดี๋ยวก่อนนะ? เมื่อกี้เธอเรียกเจ้าตัวโตนั่นว่าอะไรนะ 0 0 ??)”
“(ไม่มีเวลาแล้วเจ้านาย เราต้องออกไปลุยแล้ว!)”
แล้วผมกับเซฟาลินก็ตัดขาดจากการโทรจิต และก็ออกไปสู้ตามสถานการณ์ไปก่อน
แผนของผมยังเหมือนเดิมคือ ผมจะเป็นฝ่ายหลอกล่อ และผมจะให้ซิลเวอร์สร้างกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีความหนามาก ขึ้นมาดักหน้ามันเพื่อทำให้มันสตั้น มึนงง และทำแบบนี้ซ้ำๆไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะเหนื่อยและไม่สามารถอาละวาดต่อได้
แต่ที่เพิ่มเติมจากแผนเดิมก็คือ เซฟาลินจะทำหน้าที่สร้างแสงสว่างชั่วครู่เพื่อทำให้ตาของมันบอดแล้วก็ล่อให้มันชนกับก้อนน้ำแข็งและก็ปิดท้ายด้วยการดันหัวของมันให้ลงพื้นด้วยออโรเลี่ยน
ฟื้ด ฟ้าด ฟื้ด ฟ้ด !!!
แรดยักษ์หายใจฟืดฟ้าด้วยความโกรธและหวงอาณาเขตของมัน และเราก็เริ่มดำเนินการตามแผน
ผมวิ่งออกไปเผชิญหน้ากับมันและรอส่งสัญญาณให้ซิลเวอร์และเซฟาลินที่ซ่อนตัวอยู่ เจ้าแรดเขี่ยหน้าดินก่อนที่จะวิ่งพุ่งตรงเข้ามาหาผมด้วยความเร็วแรงเหยียบของมันทำให้พื้นดินที่อยู่บริเวณนั้นสั่นสะเทือนจนผมเหว๋อไปเล็กน้อยแต่ความเร็วหลังออกตัวของมันก็ลดลงจากความเร็วอัตราเร่งอยู่พอสมควร และผมก็ใช้สัญญาณเป็นการดีดนิ้ว
แปร๊ก!!!!
วิ้งงงง!!! ว้าบบบบบ!!!! ตึมมมมม!!!!
ผมกระโดดหลบไปข้างทางและให้เซฟาลินกับซิลเวอร์ทำหน้าที่ของทั้งสอง เซฟาลินได้สร้างแสงแฟลชขึ้นมาตรงหน้าของแรดยักษ์ทำให้มันตาบอด ส่วนซิลเวอร์ก็ได้สร้างกำแพงน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา และจากที่แรดยักษ์พุ่งชนกำแพงน้ำแข็งก็มีน้ำแข็งขนาดใหญ่พุ่งกระแทกจากใต้ดินทำให้ตัวมันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
แล้วซิลเวอร์ ก็สร้างเส้นทางน้ำแข็งทอดลงมาจากบนกำแพงจนถึงพื้นพร้อมบันได เพื่อให้ผมวิ่งขึ้นไป พร้อมกับใช้ออโรเลี่ยนเคลือบตั้งแต่มือยันแขนก่อนที่จะกระโดดจากบนกำแพงและทุ่มลงมากดหัวของมันจมลงไปในดินอย่างแรง และหัวเจ้าแรดยักษ์คาทาร์ลูก็ติดแหงกอยู่ตรงนั้นขยับไปไหนไม่ได้
สำหรับผู้เล่นทั่วๆไปอาจจะคิดว่ามันเป็นมอนเตอร์ที่อันตรายและต้องกำจัดทิ้ง แต่สำหรับผมมันมีเหตุจูงใจที่ทำให้ผมไม่คิดแบบนั้น เพราะระหว่างที่ผมกำลังเดินไปดูคูราระที่นอนสลบอยู่นั้น จู่ๆสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นลูกแรดคาทาร์ลูที่กำลังร้องเรียกแม่ของมันเขาอยู่ตรงใกล้ๆป่าที่มันวิ่งออกมา และมีอยู่ประมาณ 3-4 ตัวด้วยกัน
ผมเห็นและรู้ได้ในทันทีตอนนั้นว่าเหตุผลที่มันออกมาทำร้ายคูราระและผมแท้จริงแล้วมันต้องการปกป้องอาณาเขตและลูกของมันให้พ้นจากอันตราย เหตุที่มันทำไปก็เป็นไปตามสัญชญาณความเป็นแม่ที่รักลูกและต้องปกป้องลูกเพียงเท่านั้น ผมจึงเปลี่ยนใจหันหลังกลับไปช่วยแม่แรดที่หัวปักดินอยู่ และผมก็เพิ่งเข้าใจว่าทำไมเซฟาลินถึงเรียกแรดตัวนี้ว่าแม่ตัวโต
ผมใช้ฟูลลิงค์ฮีล (สกิลใหม่ของเซฟาลินที่มีผลในการช่วยรักษาบาดแผล) เพื่อรักษาบาดแผลของมันที่ส่วนหัวถึงแม้จะมีเล็กน้อยแต่ผมก็อยากให้แม่ของมันมีสภาพร่างกายทีสมบูรณ์ที่สุด แล้วก็ตามด้วยฟูลลิกง์ไลท์แบบทอัพเกรด ทำให้อารมณ์โมโหของแม่ตัวโตสงบลงก่อนที่ผมจะช่วยเอาหัวแม่ตัวโตออกมาจากดินโดยการใช้ออโรเลี่ยนค่อยๆยกดินที่อยู่เหนือหัวของมันออกทีละน้อยๆ (ถึงแม้ตอนแรกๆจะใช้ไม่เป็นก็ตาม แต่ภายหลังก็ฝึกใช้อยู่เรื่อยๆ)
:ค่า Aid +5:
“ไม่เป็นไรแล้วนะคุณแม่คาทาร์ลู เมื้อกี้ก็ขอโทษด้วยนะที่ฉันทำรุนแรงกับเธอไปหน่อย ฉันเพิ่งรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ขอโทษที่เข้ามาบุกรุกบ้านของเธอนะ”
ผมพูดกับแม่คาทาร์ลูพร้อมกับเอามือลูบที่หนอของเธอเบาๆ ซึ่งดูเหมือนว่าแม่คาทาร์ลูจะเข้าใจภาษาที่ผมพูด พอเสร็จอะไรเสร็จเธอก็หันหลังกลับไปอยู่กับลูกๆของเธอ ส่วนผมก็เดินไปสำรวจคูราระเหมือนที่ตั้งใจเอาไว้ตอนแรก แต่พอไปถึงจุดที่คาดว่าเธอน่าจะนอนสลบอยู่ผมกลับเห็นเป็นเพียงรอยช้ำบนหน้าดินและรอยถไลเท่านั้น เธอคงหนีไปแล้วสินะ...
“(เจ้านายเป็นคนดีที่หนึ่งในใจของฉันเลยนะคะ \^w^/ )”
เซฟาลินเชื่อมต่อโทรจิตกับผมอีกครั้งและชื่นชมเยินยอผมยกใหญ่
“(ไม่ขนาดนั้นหรอก เพราะฉันเห็นว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน ฉันเลยปล่อยคุณแม่คาทาร์ลูไปอยู่กับลูกของเธอ เพราะถ้าหากลูกคาทาร์ลูปราศจากแม่ของมัน มันก็จะกลายเป็นลูกแรดคาทาร์ลูกำพร้าและพวกมันก็ตายหมด เพราะไม่มีแม่ของมันคอยดูแลและคอยระวังภัยให้)”
“(งั้นหรอคะ เจ้านายเป็นคนที่มีจิตใจเปี่ยมเมตตาจริงๆเลยค่ะ ^ ^)”
“(แหม่ เธอนี่ก็ช่างชมเยินยอฉันเหลือเกินนะ เซฟาลิน ^ ^)”
แล้วผมกับเซฟาลินก็ยิ้มและหัวเราะด้วยกัน โดยที่ซิลเวอร์ก็ยืนงงว่าผมกับเซฟาลินกำลังทำอะไรกัน
หลังจากคว้าน้ำเหลว แถมยังไม่ได้สอบถามข้อมูลเบาะแสอะไรจากคูราระผมก็ได้เดินทางกลับไปที่เมืองและกะว่าจะหาอะไรรองท้องสะหน่อย (เหนื่อย หิว และอยากพักผ่อน)
ผมได้เดินทางไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมืองซันเดยล่าแถวๆย่านชุมชนการค้าใจกลางเมือง ซึ่งเป็นส่วนที่มีความเจริญมากที่สุดในเมืองและมีคนพลุ่งพล่านไปมาตลอดเวลา ทำให้เมืองซันเดย์ล่าดูครึกครืนอยู่ตลอดเวลา
.
.
.
หลังจากเติมพลังลงท้องเรียบร้อยผมก็ตั้งใจจะเดินทางไปที่กิลด์อีกครั้ง แต่ในระหว่างทางเดินกลับนั้นผมก็เห็นคุณเบรลโทรสกำลังตามหาผมอยู่ พอเขาเจอผมเขาก็รีบปรี่เข้ามาหาผมเหมือนต้องการจะบอกความลับบางอย่างให้ผมรู้ซึ่งมีเพียงผมคนเดียวในโลก ACO เท่านั้นที่รู้ความลับและความจริงสุดช็อคนี้ ซึ่งพวกคุณทุกคนในตอนนี้ที่กำลังนั่งฟังผมเล่าอยู่นี้ก็คงจะรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว
คุณเบรลโทรสได้พาผมมาที่ห้องใต้ดินแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในซอยแห่งหนึ่งในเขตที่ไม่ค่อยมีคนพลุ่งพล่านนัก พอผมเข้าไปดูข้างในผมก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งเป็นหญิงสูงอายุสวมชุดแบบนักเวทย์และใส่ฮูดกำลังนั่งทำสมาธิอยู่ในห้อง
“เขามาแล้วครับ”
พอหญิงจอมเวทย์สูงอายุคนนั้นได้ยินและรับรู้การมาของผมเธอก็ค่อยๆหันหน้ามาหาผมช้าๆตามประสาคนแก่ที่ร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรง
“เชิญนั่งก่อนพ่อหนุ่ม เรามีเรื่องต้องคุยกันและเรื่องที่เรากำลังจะคุยต่อจากนี้ มันสำคัญมาก”
“คุณคือ... ?”
“เรียกฉันว่า “โรซาเรีย เบลล่า” เธอคือเด็กหนุ่มที่อีวาเป็นคนเลือกมาใช่ไหม?? ”
“เอิ่ม…มั้งครับ (ใครคืออีวา 0 0??)”
ทีนี้ก็ถึงช่วงที่ผมรู้จักชื่อของไอ้หน้ากากนั้น ชื่อของเขาคือ “อีวา เดอะเมจิก” เขานั้นเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตที่รอดพ้นจากการถูกควบคุมของ Overlord ที่มันเคยบุกยึดโลกในมิติบ้านเกิดของเขา ซึ่งคุณโรซาเรียบอกว่า เขาต้องการแก้แค้นและกำจัด Overlord แต่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นเพียงลำพังได้และพลังของเขาไม่สามารถเข้ากับพลังหินเจเน็สได้ เขาจึงออกตามหาบุคคลที่สามารถเข้ากับพลังเจเน็สได้…..ซึ่งนั่นก็คือผม
และทันทีที่เขาเจอผมที่มีคุณสมบัติคู่ควร เขาก็จับลากผมมาที่โลกนี้แบบไม่ถามซักคำว่าเต็มใจรึเปล่า และคุณโรซาเรียก็ยังบอกอีกว่า เขามาแวะเวียนถามข่าวคราวจากเธอบ่อยๆแต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของผมมากกว่า
คุณโรซาเรียค่อยๆหันหน้าไปหาเบรลโทรสอย่างช้าๆ แต่เธอไม่ได้พูดอะไรและดูเหมือนเบรลโทรสก็เข้าใจว่าคุณโรซาเรียต้องการสื่ออะไร
“ถ้าเช่นนั้น ผมขอตัวกลับไปที่กิลด์อัศวินม้าขาวก่อนนะครับ เดี๋ยวท่านคิระจะตำหนิผมได้”
หลังจากที่คุณเบรลโทรสออกไปแล้วคุณโรซาเรียก็หยิบเอาผงสีเหลืองๆที่เรืองแสงได้ขึ้นมากำในมือ ก่อนที่จะเป่าใส่หน้าผมแล้วภาพรอบๆตัวก็วูบเหมือนโดนดูดเข้าไปจนเหลือแต่พื้นที่สีดำ
“ที่นี่มัน...ที่ไหนครับ 0 0 ??”
“ช่องว่างระหว่างมิติและกาลเวลา ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นและความตายทั้งปวง”
“มันคืออะไรหรอครับ”
“สถานที่ ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือวัตถุใดๆเข้ามาได้ ไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเรา ไม่มีอะไรที่จะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมีอยู่ของพวกเรา ในขณะที่พวกเรากำลังยืนอยู่ที่แห่งนี้”
“อ่า...ครับ...แล้วคุณพาผมมาที่นี่ทำไมหรอครับ 0 0 ? ”
“ฉันพาเธอมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะบอกเส้นทางที่ถูกต้องในการเดินทางไปที่ Villa และก็ทำความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับออโรเลี่ยนให้เธอ ส่”
“เห๋ ทำไมคุณต้องบอกผมด้วยล่ะ เพราะยังไงผมก็จะให้คุณคิระ หัวกิลด์อัศวินม้าขาวหาคนนำทางไปส่งผมอยู่แล้วนิ ส่วนเรื่องออโรเลี่ยนผมก็ได้ความรู้จากเอลิแล้วนะครับ”
“หึหึ….พ่อหนุ่ม ถ้าเธอเดินทางไปที่นั่นโดยไม่รู้เส้นทางที่แท้จริง มันจะเสียเวลาสะเปล่าๆนะงั้นเรามาเข้าเรื่องของการเดินทางไป Villa ก่อนดีกว่า”
คุณโรซาเรียได้ฉายภาพสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง ที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแล้วภาพก็ซูมไปที่แท่นบัลลังก์แห่งหนึ่งที่มีรูปปั้นเทพธิดาขนาดใหญ่ ประดิษฐ์สถานอยู่ใจกลางบนบัลลังก์ และในมือของรูปปั้นที่ประกบกันมีหินสีทองก้อนหนึ่งประทับอยู่
“นั่นคือ…. 0 0 ??”
“นั่นคือหินเจเน็สที่ถูกแบ่งพลังออกไปครึ่งหนึ่ง โดยหินก้อนเจเน็สก้อนนั้นจะมีชิ้นส่วนแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น...ยังขาดหินอีกชิ้นหนึ่งที่ซึ่งมันถูกเก็บรักษาอยู่ที่เมืองลอยฟ้าศักดิ์สิทธิ์ โคลัมเบียอาร์”
“เจ้าหน้ากาก คงอยากจะให้ผมไปหาเจ้าหินนั้นมาให้ได้สินะ ถึงว่าเร่งรัดให้ผมรีบไปจัง ว่าแต่เส้นทางคุณจะบอกผมมันต้องไปทางไหนหรอครับ”
คุณโรซาเรียได้ดึงเอาแผนที่ Villa ออกมาจากกระเป๋าของผมแล้วก็ได้ใช้พลังเวทย์วาดแผนที่ไปตามทวีปต่างๆบนแผนที่เป็นรอยสีฟ้าชัดเจน และผมก็ดูเธอวาดเส้นทางบนแผนที่อย่างตั้งใจ
“นี่คือเส้นทางที่เจ้าต้องมุ่งหน้าไป ห้ามออกนอกเส้นทางที่ฉันเขียนเอาไว้เด็ดขาด และที่สำคัญที่สุดก็คืออย่ามอบแผนที่นี้หรือเปิดให้ใครดูเด็ดขาด นอกจากตัวเจ้า...”
“เข้าใจแล้วครับ..”
“ต่อไปก็เรื่องออโรเลี่ยนนะ พ่อหนุ่ม”
ทีนี้เรามาทำความเข้าใจใหม่..รึเปล่านะ...เอาเป็นว่าทั้งทำความเข้าใจใหม่และเพิ่มเนื้อหาจากบทความเดิมก็แล้วกัน
ออโรเลี่ยน
ออโรเลี่ยนคือพลังงานกายทีอยู่ในตัวของสิ่งมีชีวิต มีคุณสมบัติทะลุทะลวงทุกสิ่งอย่างที่ไม่ใช่ ออโรเลี่ยน โดยสิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีออโรเลี่ยนอยู่ในตัว 100% และสามารถเปลี่ยนมาเป็นพลังเวทย์ได้ (แต่จะถูกฟิกธาตุของพลังเอาไว้ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนออโรเลี่ยนให้เป็นพลังเวทย์ธาตุอื่นที่ตัวเองใช้ได้เช่น ใช้พลังเวทย์ธาตุน้ำก็สามารถใช้ได้แต่ธาตุน้ำเป็นต้น แต่สามารถฝึกข้ามขั้นให้เป็นธาตุที่เหมาะสมกับธาตุหลักได้เช่น น้ำกับน้ำแข็ง ไฟกับลาวา เป็นต้น) อีกทั้งออโรเลี่ยนยังสามารถกำหนดสายพลังเวทย์ของคนๆนั้นได้จากจิตใต้สำนึกและบุคลิก ความชอบของคนๆนั้นซึ่งจะแยกสายแตกต่างกัน และขึ้นอยู่กับประเภทอาวุธที่ใช้ด้วย
ออโรเลี่ยนไม่จำเป็นต้องร่ายคาถา แต่จะมีชื่อท่าและลักษณะการโพสท่าทางต่างๆ แทนการร่ายคาถาปกติ เช่น ฟูลลิงก์ไลท์ พูดชื่อและปล่อยท่าทางการปล่อยพลังออกไป เป็นต้น และท่าในการใช้และชื่อคนใช้จะสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองและรู้ว่าต้องทำอะไรยังไง รวมไปถึงคุณสมบัติของพลังออโรเลี่ยนนั้นด้วย
คำเตือนสำหรับการใช้ออโรเลี่ยนในโลก Acian World !!!
หากเราใช้ออโรเลี่ยนมากเกินไป จะทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงานในร่างกายโดยเริ่มหมดตั้งแต่เท้าไปจนถึงหัว ยิ่งเป็นท่าที่ใช้ออโรเลี่ยนหรือเวทย์ที่ต้องหยิบยืมพลังมาก ร่างกายก็จะสูญเสียพลังมากตามไปด้วย ซึ่งคนใช้จะรู้จึกลิมิตของตัวเองดี แต่ถ้าหากยังฝืนใช้อาจทำให้ขยับร่างกายไม่ได้เป็นเวลา 30 นาที 1 ชั่วโมง 5 ชั่วโมง หรือมากกว่า 1 สัปดาห์ ถ้าถึงขั้นร้ายแรงที่สุดก็อาจจะทำให้เสียชีวิตทันที (แต่ก็ไม่มีใครเคยฝืนใช้ออโรเลี่ยนจนถึงขั้นระดับนั้น เพราะส่วนใหญ่ก็มักจะวูบสลบไปสะก่อนแทบทุกราย)
ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ ออโรเลี่ยน กับ เวทย์มนต์ สำหรับ Acian World
เวทย์มนต์ คือออโรเลี่ยนที่อยู่ร่างกายของสิ่งมีชีวิต ซึ่งการที่จะนำมันมาใช้งานได้นั้นจำเป็นจะต้องใช้ภาษาพูดคุยและสื่อสารหรือที่เราเรียกว่า การร่ายเวทย์มนต์ และผู้คนที่มาจากต่างโลกก็เข้าใจผิดคิดว่าเวทย์มนต์กับออโรเลี่ยนมันคืออย่างเดียวกัน โดยค่าพลังของออโรเลี่ยนกับเวทย์มนต์นั้นไม่เหมือนกัน และถ้าหากต้องการจะป้องกันการโจมตีที่มาจากออโรเลี่ยนหรือเวทย์มนต์ จำเป็นจะต้องใช้ค่าพลังที่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น
- เวทย์มนต์ ต้องป้องกันด้วย เวทย์โพรเทค
- ออโรเลี่ยน ต้องป้องกันด้วย เอโรเลี่ยน หรือ เอโรการ์ด
ถ้าหากใช้พลังค่าไม่เท่ากันต่อกันซึ่งกันและกัน จะเกิดเหตุการณ์ดังนี้
- ถ้าหากถูกโจมตีด้วยเวทย์มนต์ แต่ใช้ เอโรการ์ด หรือ เอโรเลี่ยน ป้องกันการโจมตีนั้น เอโรการ์ดจะถูกทำลายและไม่สามารถป้องกันการโจมตีนั้นได้
- ถ้าหากถูกโจมตีด้วยเวทย์มนต์ แต่ใช้ เวทย์โพรเทค ป้องกันการโจมตีนั้น เวทย์โพรเทคจะถูกทำลายและไม่สามารป้องกันการโจมตีนั้นได้เช่นกัน
“และออโรเลี่ยนก็ยังสามารถเปลี่ยนจากสถานะโจมตี เป็นสถานะป้องกันเอาไว้สำหรับต้านออโรเลี่ยนได้ด้วยนะ และมันก็มีชื่อว่า “เอโรการ์ด” และก็มีพลังออโรเลี่ยนที่แตกแขนงแยกย่อยออกไปอีกมากมาย แต่ฉันเห็นว่าเธอมีเวลาไม่มากพอที่จะฟังเรื่องเหล่านั้นหมด ”
“เข้าใจแล้วครับ แต่…..เอิ่ม..คือว่าผมมีเรื่องสงสัยอย่างนึงครับ”
“มีอะไรก็ถามมาได้เลย พ่อหนุ่ม”
ตอนนั้นผมได้ฉวยโอกาสถามเรื่องเกี่ยวกับ Overlord กับพวกข้ารับใช้ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “Guardians of The Chaos” อีก 10 ที่ผมฝันเห็นก่อนที่จะมาโลก ACO และเรื่องอันที่จริงผมก็งงว่าทำไมผมถึงถามออกไปแบบนั้น แต่คำตอบที่ผมได้กลับมาชวนผมช็อคมาก
“เรื่องในความฝันของเธอนั้น คืออนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นและถ้าหากเธอไม่สามารถหยุด Overlord และเหล่าการ์เดี้ยน ออฟ เคออส ได้ล่ะก็ โลกของเจ้าก็จะพบเจอกับความพินาศ เหมือนกับโลก ACO เมื่อหลายหมื่นปีก่อน ส่วนเรื่องที่เจ้าถามถัดจากเรื่องเมื้อครู่นี้ “จงอย่าเชื่อในสิ่งที่เจ้าเห็น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเจ้า อาจไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็นและเกิดขึ้นบนโลกหรือจักรวาลแห่งนี้...” ”
“คุณหมายความว่ายังไงหรอครับ ที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นและที่ผมเห็นที่โลก ACO เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น 0 0 ??”
“สิ่งที่พวกเจ้าและมนุษย์ผู้มาจากต่างโลกเรียกว่า “เกม,เลเวล,สเตตัส,มอนเตอร์,NPC หรือ AI” นั้นมันเป็นภาพที่ถูกสร้างและจัดฉากขึ้นโดย Overlord ทั้งหมด”
เรณอึ้งและชะงักไปสักพักก่อนที่จะประติดประต่ออะไรได้
“ผู้คนที่มาจากต่างโลกเขาไม่สงสัยหรือแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเขา อะไรเลยหรอครับ”
เธอหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะใช้ไม้เท้ากระทบกับพื้นแล้วเกิดแสงสว่างบนพื้น แล้วฉายภาพผู้คนในเมืองซันเดย์ล่าและเมืองต่างๆที่กำลังป่าวประกาศและเกิดความแตกตื่นสร้างความโกลาหลอยู่
“นี่มัน... 0 0 ”
“ตอนที่เจ้ายังอยู่เผ่าลิซาร์ดแมนก่อนที่จะจัดการปัญหาต่างๆภายในเผ่านั้น ผู้คนที่มาจากโลกเดียวกันกับเจ้าได้ล่วงรู้ความจริงที่่น่าตกใจ และได้ก่อความโกลาหลไปทั่วทุกที่ที่พวกเขาเหล่านั้นอยู่ โดย Overlord ทุกปกครองโลกนี้นั้นได้ใช้เวทย์มนต์โบราณสร้างภาพลวงตาขึ้นมาลวงพวกเจ้าทุกคน และก็ทำให้พวกเจ้าหลงผิดคิดว่าสิ่งที่พวกเจ้าเห็นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง”
“ถึงว่า ทำไมพวกมอนเตอร์ถึงมีลูกและดูรักลูกของพวกมันมาก ราวกับว่าพวกมันมีชีวิตจริงๆ เกินกว่าระบบ AI คอมพิวเตอร์จะแสดงผลออกมา…….แล้ว..ไอ้สิ่งที่เกิดขึ้นที่โลกของผมล่ะครับมันคืออะไรกันแน่ คุณโรซาเรียช่วยอธิบายให้ผมฟังได้ไหมครับ?”
“เครื่อง (*เครื่องเล่น RV ที่พวกมันอ้างว่าสามารถใช้เล่นเกมโลกเสมือนในโลกปกติ*) ที่พวกมันบอกว่าเป็นเครื่องเล่นเพื่อความบันเทิงของพวกเจ้านั้น มันเป็นเพียงแค่เศษเหล็กที่ไม่มีอะไรพิเศษอยู่ในตัว และพวกมันใช้สิ่งนี้ชักจูงให้พวกเจ้าหลงกลพวกมันและพวกมันก็ทำสำเร็จ ส่วนเรื่องออโรเลี่ยนนั้น...
“(มิน่าล่ะ….ว่าทำไมบริษัทเจ้าตัวถึงปกปิดที่อยู่และการมีตัวตนที่แน่นนอนเอาไว้ แถมยังส่งเครื่องนั้นบ้าบอให้พวกเรามาฟรีๆ ที่แท้มันก็แค่ของจัดฉากบังหน้าเพื่อพามาที่โลกนี้นี่เอง..) แล้ว Overlord ทำแบบนี้ทำไมครับ?”
ก๊อก ก๊อก...
เธอใช้ปลายไม้เท้าเคาะพื้นอีกครั้งแล้วก็เกิดคลื่นลมพัดอย่างรุนแรงก่อนจะเกิดสิ่งต่างๆขึ้นรอบๆตัวเราโดยมีผมกับคุณโรซาเรียยืนอยู่ตรงกลาง
โดยสิ่งที่ปรากฏอยู่รอบๆตัวเรานั้นคือกองทัพปีศาจผสมของ Overlord และภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าไกลๆจากจุดที่ผมกับคุณโรซาเลียยืนอยู่ก็คือ อาณาเขตประตูมิติขนาดใหญ่ยักษ์ ที่สามารถเอาสนามบินมารองรับได้ถึง 100 สนามเลยทีเดียว
“เพื่อที่จะนำมาเป็นส่วนหนึ่งใของกองทัพที่จะเอาไว้ใช้บุกรุกรานโลกของเจ้า แต่ข้าเชื่อว่ามันมีจุดประสงค์บางอย่างที่นอกเหนือจากนั้น”
“แล้วมีวิธีไหนหยุดมันได้ไหมครับ”
“มีอยู่เพียงวิธีเดียว ที่จะสามารถต่อกรกับพลังที่ไร้ขีดจำกัดของมันได้ ซึ่งเจ้าจะต้องรวบรวมพลังเจเน็สที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนให้ครบ จากนั้นเธอก็รวบรวมพลังจากทุกสิ่งมีชีวิตรวมไปถึงจากคนที่มาจากโลกของเธอให้มาสถิตที่ตัวของเธอให้ได้ แล้วเธอจะสามารถต่อกรกับ Overlord ได้อย่างง่ายดาย”
“ถ้าอย่างนั้น ผมก็ต้องรีบแล้วล่ะ!”
“ฮึฮึ ถ้าเธอรีบร้อนฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ถ้าเธอควรจะจัดการอุปสรรคที่กำลังขวางกั้นเธอในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ให้เสร็จเสียก่อนจะดีกว่านะ…..ขอให้โชคดี พ่อหนุ่ม พวกเรายังต้องได้เจอกันอีกนะ...”
ผมรู้สึกสงสัยในคำพูดสุดท้ายของเธอ แต่ผมก็ไม่ได้เอ่ะใจอะไรมาก
.
.
.
.
.
ผมรู้สึกตัวอีกทีผมก็นอนอยู่ในห้องที่กิลด์อัศวินม้าขาว ผมจำไม่ได้ว่าผมมาอยู่ในห้องนอนตอนนั้นได้ยังไง แต่สิ่งที่ผมต้องทำก็คือ ออกตามหาเอลิและช่วยเธอให้เร็วที่สุดและรีบไปที่ villa ตามเส้นทางที่คุณโรซาเรียบอกเอาไว้บนแผนที่
ผมเปิดแผนที่ villa ดูอีกครั้งเพื่อทบทวนและพิจาราณาเส้นทางใหม่อีกครั้ง ดูหมือนว่าแผนที่ที่แสดงตอนแรกๆมันเปลี่ยนกลายเป็นแผนที่อีกแบบแต่รอยขีดที่บอกเส้นทางยังอยู่เหมือนเดิม นี่สินะเส้นทางที่จะเดินทางไป Villa และเป็นภาพแผนที่ของจริง…..
ผมเก็บข้าวของและจัดแจงของที่จำเป็น จนผมนึกได้ว่าซิลเวอร์กับเซฟาลินหายไปและคิดว่าจะออกไปตามหา เพราะถ้าหากผมขาดทั้งสองตัวตอนนั้นไปผมอาจจะตกอยู่ในที่นั่งลำบากหากต้องปะทะกับกิลด์หมาล่าเนื้อและก็คูราระอีก
“(จ๊ะเอ๋!! เจ้านาย~ งิ๊งิ๊~~ ♥ \^ ^/)”
“เราสองคนอยู่นี่ครับ เจ้านาย”
เซฟาลินกับซิลเวอร์โผล่ออกมาจ๊ะเอ๋ผมจากใต้เตียง จนผมสะดุ้งเล็กน้อยแต่ผมก็โล่งอกที่ทั้งสองตัวยังอยู่ในกิลด์ตอนนั้น
ตัดฉากมายังสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง
.
.
.
“หมายความว่ายังไง กุญแจที่ใช้เปิดประตูมิติปลายทางหายไปงั้นหรอ?”
“สงสัยจะเป็นฝีมือของเจ้านั่นแน่ๆ ที่ขโมยกุญแจนั้นไป!”
“ข้าคิดว่า เจ้านั่นน่าจะเอากุญแจไปซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่งที่โลกฝั่งโน้นแน่นอน”
“ไม่ว่าเจ้านั่นจะเอากุญแจไปซ่อนไว้ที่ไหน พวกเราก็ต้องนำกุญแจนั้นกลับมาให้ได้ เพื่อไม่ให้แผนการที่นายเหนือหัวของพวกเราต้องติดขัด”
“แล้วพวกเราจะเริ่มหาจากที่ไหนก่อนดีล่ะ??”
เหล่าการ์เดี้ยนกำลังปรึษาหารือกันเกี่ยวกับเรื่องกุญแจที่หายไปและต่างคนต่างออกความคิดเห็นว่าจะเอายังไงต่อไป ในเรื่องที่กุญแจสำหรับเปิดประตูมิติของโลกทางฝั่งโน้นที่หายไป
“งั้นข้าขอเสนอ ให้หาตรงจุดที่ใช้เสียบกุญแจสำหรับเปิดประตูมิติก่อนดีไหม?”
“ข้าว่า สืบหาร่องรอยจากพลังของคนที่ขโมยเอาไปดีกว่าไหม? เพราะยังไงกุญแจสำหรับเปิดประตูมิติ พวกสิ่งมีชีวิตธรรมดาๆไม่สามารถแตะต้องได้อยู่แล้ว”
“อื้ม ความคิดเจ้าก็เข้าท่าดีนะ”
“งั้นเอาตามนั้น แล้วใครจะทำหน้าที่ออกตามหากุญแจล่ะ?”
เหล่าการ์เดี้ยนออฟเคออสต่างเงียบและมองกันไปมองกันมาเพื่อหาตัวแทนสำหรับออกไปตามหากุญแจ จนกระทั่งมีการ์เดี้ยนคนหนึ่งได้ยกมือขึ้นมาอาสา
“แต่ว่า พวกเราก็ต้องเตรียมรับมือกับพวกที่จะมาต่อต้านพวกเราด้วยสินะครับ ท่านโซโลม่อคิดว่าจะมีพวกไหนมาขัดขวางพวกเราบ้างไหมครับ?”
“อื้มม……..โลกที่พวกเรากำลังจะไปนี้ เป็นโลกที่ต่างแตกต่างโลกอื่นที่ผ่านๆมาโดยสิ้นเชิง ข้าคิดว่าการบุกข้ามมิติไปครั้งนี้อาจจะไม่ง่ายดายเหมือนครั้งก่อนๆ อย่างแน่นอน”
“แล้วใครจะมาขัดขวางความปราถนาของท่านโซโลม่อนล่ะคะ?”
“ถ้าให้ข้าเดา มันก็อาจจะไม่มี…...ข้าว่าอย่างนั้นนะ….แต่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของข้ามันไม่ใช่แค่เพียงบุกไปยึดโลกที่เป็นเป้าหมายล่าสุดนี้หรอก...”
"ท่านโซโลม่อนมีอะไรที่ต้องทำให้สำเร็อีกงั้นหรอครับ?"
"อื้มม..."
แผนของผมก็คือ ผมให้ซิลเวอร์สร้างไอน้ำแข็งขึ้นมาปกคลุมบริเวณรอบๆและมีระยะเวลาจำกัดในการวางแผนจัดการมัน (แต่ผมไม่ได้ฆ่ามันนะ)
“เจ้านาย เจ้านายมีแผนอะไรบอกข้ามาเลย”
“ฉันมีแผนแล้ว ซิลเวอร์งานนี้ฉันต้องพึ่งนายแล้ว”
ในระหว่างที่ผมกำลังคุยเรื่องแผนในช่วงสถานการณ์บีบคั้นอยู่นั้น เซฟาลินที่อยากจะช่วยผมก็เข้ามาใช้ปากถูสะกิดหลังผมเบาๆ
“เซฟาลิน? นี่เธอมาตรงนี้ทำไมตรงนี้มันอันตรายนะ 0 0”
“อิ๊วๆๆ แอ๊ะๆ ”
เซฟาลินพยายามที่จะพูดสื่อสารกับผมแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะปากของเธอไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้ปากพูดโดยตรง ซึ่งก็ต้องโทษที่ผมนี่แหละที่ออกแบบให้เธอมีปากแบบยื่นไปด้านหน้าแบบนั้น
“เธอควรไปหลบให้ไกลจากตรงนี้นะ เธอไปหลบตรงนู้นก่อนนะ”
“แอ๊ะๆๆๆ งื้อออ!!!”
เซฟาลินเริ่มทำท่าอาการไม่พอใจขึ้นมา และเจ้าแรดยักษ์ตัวนั้นก็พุ่งเข้ามาในจังหวะนั้นพอดี
“ห๊ะ!!! เซฟาลิน ระวัง!! 0 0 ”
ผมรีบกระโจนเข้าอุ้มคว้าตัวเซฟาลินไว้จนรอดจากการพุ่งชนของเจ้าแรดยักษ์ตัวนั้นไปได้ และผมก็ได้รับแผลถลอกที่ขาเล็กน้อยแต่ก็ไม่เป็นไร
ผมพยายามทำความเข้าใจและคาดเดาในสิ่งที่เซฟาลินต้องการจะสื่อสารกับผมในตอนนั้น จนกระทั่งจิตของผมกับเซฟาลินสปาร์คเข้าหากัน จนเราสองคนสามารถสื่่อสารผ่านโทรจิตได้ครั้งแรก
“(เจ้านายๆ ฉันอยากช่วยคุณ เจ้านาย \^ ^/ )”
“(นิ..นี่มัน...โทรจิตหรอ 0 0 ?!)”
เสียงของเซฟาลินวัยเด็ก..อืมมม…...วัยกำลังโต คล้ายเสียงเด็กผู้หญิงกำลังออดอ้อนผมให้ผมยอมให้เธอร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยผมล้มเจ้าแรดยักษ์
“(ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งทีมของคุณนะคะเจ้านาย เจ้านายฉันอยากเป็นประโยชน์ให้กับคุณบ้างน่ะ เจ้านาย \^w^/)”
“(เธอจะช่วยฉันงั้นหรอ แล้วเธอจะช่วยฉันยังไง)”
“(ฉันจะช่วยสร้างให้เกิดแสงสว่าง ทำให้แม่ตัวโตตัวนั้นตาบอดชั่วขณะ และในช่วงเวลานั้นฉันก็ให้เจ้านายกับพี่ซิลเวอร์เป็นคนลงมือต่อค่ะ)”
“(เดี๋ยวก่อนนะ? เมื่อกี้เธอเรียกเจ้าตัวโตนั่นว่าอะไรนะ 0 0 ??)”
“(ไม่มีเวลาแล้วเจ้านาย เราต้องออกไปลุยแล้ว!)”
แล้วผมกับเซฟาลินก็ตัดขาดจากการโทรจิต และก็ออกไปสู้ตามสถานการณ์ไปก่อน
แผนของผมยังเหมือนเดิมคือ ผมจะเป็นฝ่ายหลอกล่อ และผมจะให้ซิลเวอร์สร้างกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีความหนามาก ขึ้นมาดักหน้ามันเพื่อทำให้มันสตั้น มึนงง และทำแบบนี้ซ้ำๆไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะเหนื่อยและไม่สามารถอาละวาดต่อได้
แต่ที่เพิ่มเติมจากแผนเดิมก็คือ เซฟาลินจะทำหน้าที่สร้างแสงสว่างชั่วครู่เพื่อทำให้ตาของมันบอดแล้วก็ล่อให้มันชนกับก้อนน้ำแข็งและก็ปิดท้ายด้วยการดันหัวของมันให้ลงพื้นด้วยออโรเลี่ยน
ฟื้ด ฟ้าด ฟื้ด ฟ้ด !!!
แรดยักษ์หายใจฟืดฟ้าด้วยความโกรธและหวงอาณาเขตของมัน และเราก็เริ่มดำเนินการตามแผน
ผมวิ่งออกไปเผชิญหน้ากับมันและรอส่งสัญญาณให้ซิลเวอร์และเซฟาลินที่ซ่อนตัวอยู่ เจ้าแรดเขี่ยหน้าดินก่อนที่จะวิ่งพุ่งตรงเข้ามาหาผมด้วยความเร็วแรงเหยียบของมันทำให้พื้นดินที่อยู่บริเวณนั้นสั่นสะเทือนจนผมเหว๋อไปเล็กน้อยแต่ความเร็วหลังออกตัวของมันก็ลดลงจากความเร็วอัตราเร่งอยู่พอสมควร และผมก็ใช้สัญญาณเป็นการดีดนิ้ว
แปร๊ก!!!!
วิ้งงงง!!! ว้าบบบบบ!!!! ตึมมมมม!!!!
ผมกระโดดหลบไปข้างทางและให้เซฟาลินกับซิลเวอร์ทำหน้าที่ของทั้งสอง เซฟาลินได้สร้างแสงแฟลชขึ้นมาตรงหน้าของแรดยักษ์ทำให้มันตาบอด ส่วนซิลเวอร์ก็ได้สร้างกำแพงน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา และจากที่แรดยักษ์พุ่งชนกำแพงน้ำแข็งก็มีน้ำแข็งขนาดใหญ่พุ่งกระแทกจากใต้ดินทำให้ตัวมันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
แล้วซิลเวอร์ ก็สร้างเส้นทางน้ำแข็งทอดลงมาจากบนกำแพงจนถึงพื้นพร้อมบันได เพื่อให้ผมวิ่งขึ้นไป พร้อมกับใช้ออโรเลี่ยนเคลือบตั้งแต่มือยันแขนก่อนที่จะกระโดดจากบนกำแพงและทุ่มลงมากดหัวของมันจมลงไปในดินอย่างแรง และหัวเจ้าแรดยักษ์คาทาร์ลูก็ติดแหงกอยู่ตรงนั้นขยับไปไหนไม่ได้
สำหรับผู้เล่นทั่วๆไปอาจจะคิดว่ามันเป็นมอนเตอร์ที่อันตรายและต้องกำจัดทิ้ง แต่สำหรับผมมันมีเหตุจูงใจที่ทำให้ผมไม่คิดแบบนั้น เพราะระหว่างที่ผมกำลังเดินไปดูคูราระที่นอนสลบอยู่นั้น จู่ๆสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นลูกแรดคาทาร์ลูที่กำลังร้องเรียกแม่ของมันเขาอยู่ตรงใกล้ๆป่าที่มันวิ่งออกมา และมีอยู่ประมาณ 3-4 ตัวด้วยกัน
ผมเห็นและรู้ได้ในทันทีตอนนั้นว่าเหตุผลที่มันออกมาทำร้ายคูราระและผมแท้จริงแล้วมันต้องการปกป้องอาณาเขตและลูกของมันให้พ้นจากอันตราย เหตุที่มันทำไปก็เป็นไปตามสัญชญาณความเป็นแม่ที่รักลูกและต้องปกป้องลูกเพียงเท่านั้น ผมจึงเปลี่ยนใจหันหลังกลับไปช่วยแม่แรดที่หัวปักดินอยู่ และผมก็เพิ่งเข้าใจว่าทำไมเซฟาลินถึงเรียกแรดตัวนี้ว่าแม่ตัวโต
ผมใช้ฟูลลิงค์ฮีล (สกิลใหม่ของเซฟาลินที่มีผลในการช่วยรักษาบาดแผล) เพื่อรักษาบาดแผลของมันที่ส่วนหัวถึงแม้จะมีเล็กน้อยแต่ผมก็อยากให้แม่ของมันมีสภาพร่างกายทีสมบูรณ์ที่สุด แล้วก็ตามด้วยฟูลลิกง์ไลท์แบบทอัพเกรด ทำให้อารมณ์โมโหของแม่ตัวโตสงบลงก่อนที่ผมจะช่วยเอาหัวแม่ตัวโตออกมาจากดินโดยการใช้ออโรเลี่ยนค่อยๆยกดินที่อยู่เหนือหัวของมันออกทีละน้อยๆ (ถึงแม้ตอนแรกๆจะใช้ไม่เป็นก็ตาม แต่ภายหลังก็ฝึกใช้อยู่เรื่อยๆ)
:ค่า Aid +5:
“ไม่เป็นไรแล้วนะคุณแม่คาทาร์ลู เมื้อกี้ก็ขอโทษด้วยนะที่ฉันทำรุนแรงกับเธอไปหน่อย ฉันเพิ่งรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ขอโทษที่เข้ามาบุกรุกบ้านของเธอนะ”
ผมพูดกับแม่คาทาร์ลูพร้อมกับเอามือลูบที่หนอของเธอเบาๆ ซึ่งดูเหมือนว่าแม่คาทาร์ลูจะเข้าใจภาษาที่ผมพูด พอเสร็จอะไรเสร็จเธอก็หันหลังกลับไปอยู่กับลูกๆของเธอ ส่วนผมก็เดินไปสำรวจคูราระเหมือนที่ตั้งใจเอาไว้ตอนแรก แต่พอไปถึงจุดที่คาดว่าเธอน่าจะนอนสลบอยู่ผมกลับเห็นเป็นเพียงรอยช้ำบนหน้าดินและรอยถไลเท่านั้น เธอคงหนีไปแล้วสินะ...
“(เจ้านายเป็นคนดีที่หนึ่งในใจของฉันเลยนะคะ \^w^/ )”
เซฟาลินเชื่อมต่อโทรจิตกับผมอีกครั้งและชื่นชมเยินยอผมยกใหญ่
“(ไม่ขนาดนั้นหรอก เพราะฉันเห็นว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน ฉันเลยปล่อยคุณแม่คาทาร์ลูไปอยู่กับลูกของเธอ เพราะถ้าหากลูกคาทาร์ลูปราศจากแม่ของมัน มันก็จะกลายเป็นลูกแรดคาทาร์ลูกำพร้าและพวกมันก็ตายหมด เพราะไม่มีแม่ของมันคอยดูแลและคอยระวังภัยให้)”
“(งั้นหรอคะ เจ้านายเป็นคนที่มีจิตใจเปี่ยมเมตตาจริงๆเลยค่ะ ^ ^)”
“(แหม่ เธอนี่ก็ช่างชมเยินยอฉันเหลือเกินนะ เซฟาลิน ^ ^)”
แล้วผมกับเซฟาลินก็ยิ้มและหัวเราะด้วยกัน โดยที่ซิลเวอร์ก็ยืนงงว่าผมกับเซฟาลินกำลังทำอะไรกัน
หลังจากคว้าน้ำเหลว แถมยังไม่ได้สอบถามข้อมูลเบาะแสอะไรจากคูราระผมก็ได้เดินทางกลับไปที่เมืองและกะว่าจะหาอะไรรองท้องสะหน่อย (เหนื่อย หิว และอยากพักผ่อน)
ผมได้เดินทางไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมืองซันเดยล่าแถวๆย่านชุมชนการค้าใจกลางเมือง ซึ่งเป็นส่วนที่มีความเจริญมากที่สุดในเมืองและมีคนพลุ่งพล่านไปมาตลอดเวลา ทำให้เมืองซันเดย์ล่าดูครึกครืนอยู่ตลอดเวลา
.
.
.
หลังจากเติมพลังลงท้องเรียบร้อยผมก็ตั้งใจจะเดินทางไปที่กิลด์อีกครั้ง แต่ในระหว่างทางเดินกลับนั้นผมก็เห็นคุณเบรลโทรสกำลังตามหาผมอยู่ พอเขาเจอผมเขาก็รีบปรี่เข้ามาหาผมเหมือนต้องการจะบอกความลับบางอย่างให้ผมรู้ซึ่งมีเพียงผมคนเดียวในโลก ACO เท่านั้นที่รู้ความลับและความจริงสุดช็อคนี้ ซึ่งพวกคุณทุกคนในตอนนี้ที่กำลังนั่งฟังผมเล่าอยู่นี้ก็คงจะรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว
คุณเบรลโทรสได้พาผมมาที่ห้องใต้ดินแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในซอยแห่งหนึ่งในเขตที่ไม่ค่อยมีคนพลุ่งพล่านนัก พอผมเข้าไปดูข้างในผมก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งเป็นหญิงสูงอายุสวมชุดแบบนักเวทย์และใส่ฮูดกำลังนั่งทำสมาธิอยู่ในห้อง
“เขามาแล้วครับ”
พอหญิงจอมเวทย์สูงอายุคนนั้นได้ยินและรับรู้การมาของผมเธอก็ค่อยๆหันหน้ามาหาผมช้าๆตามประสาคนแก่ที่ร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรง
“เชิญนั่งก่อนพ่อหนุ่ม เรามีเรื่องต้องคุยกันและเรื่องที่เรากำลังจะคุยต่อจากนี้ มันสำคัญมาก”
“คุณคือ... ?”
“เรียกฉันว่า “โรซาเรีย เบลล่า” เธอคือเด็กหนุ่มที่อีวาเป็นคนเลือกมาใช่ไหม?? ”
“เอิ่ม…มั้งครับ (ใครคืออีวา 0 0??)”
ทีนี้ก็ถึงช่วงที่ผมรู้จักชื่อของไอ้หน้ากากนั้น ชื่อของเขาคือ “อีวา เดอะเมจิก” เขานั้นเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตที่รอดพ้นจากการถูกควบคุมของ Overlord ที่มันเคยบุกยึดโลกในมิติบ้านเกิดของเขา ซึ่งคุณโรซาเรียบอกว่า เขาต้องการแก้แค้นและกำจัด Overlord แต่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นเพียงลำพังได้และพลังของเขาไม่สามารถเข้ากับพลังหินเจเน็สได้ เขาจึงออกตามหาบุคคลที่สามารถเข้ากับพลังเจเน็สได้…..ซึ่งนั่นก็คือผม
และทันทีที่เขาเจอผมที่มีคุณสมบัติคู่ควร เขาก็จับลากผมมาที่โลกนี้แบบไม่ถามซักคำว่าเต็มใจรึเปล่า และคุณโรซาเรียก็ยังบอกอีกว่า เขามาแวะเวียนถามข่าวคราวจากเธอบ่อยๆแต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของผมมากกว่า
คุณโรซาเรียค่อยๆหันหน้าไปหาเบรลโทรสอย่างช้าๆ แต่เธอไม่ได้พูดอะไรและดูเหมือนเบรลโทรสก็เข้าใจว่าคุณโรซาเรียต้องการสื่ออะไร
“ถ้าเช่นนั้น ผมขอตัวกลับไปที่กิลด์อัศวินม้าขาวก่อนนะครับ เดี๋ยวท่านคิระจะตำหนิผมได้”
หลังจากที่คุณเบรลโทรสออกไปแล้วคุณโรซาเรียก็หยิบเอาผงสีเหลืองๆที่เรืองแสงได้ขึ้นมากำในมือ ก่อนที่จะเป่าใส่หน้าผมแล้วภาพรอบๆตัวก็วูบเหมือนโดนดูดเข้าไปจนเหลือแต่พื้นที่สีดำ
“ที่นี่มัน...ที่ไหนครับ 0 0 ??”
“ช่องว่างระหว่างมิติและกาลเวลา ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นและความตายทั้งปวง”
“มันคืออะไรหรอครับ”
“สถานที่ ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือวัตถุใดๆเข้ามาได้ ไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเรา ไม่มีอะไรที่จะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมีอยู่ของพวกเรา ในขณะที่พวกเรากำลังยืนอยู่ที่แห่งนี้”
“อ่า...ครับ...แล้วคุณพาผมมาที่นี่ทำไมหรอครับ 0 0 ? ”
“ฉันพาเธอมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะบอกเส้นทางที่ถูกต้องในการเดินทางไปที่ Villa และก็ทำความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับออโรเลี่ยนให้เธอ ส่”
“เห๋ ทำไมคุณต้องบอกผมด้วยล่ะ เพราะยังไงผมก็จะให้คุณคิระ หัวกิลด์อัศวินม้าขาวหาคนนำทางไปส่งผมอยู่แล้วนิ ส่วนเรื่องออโรเลี่ยนผมก็ได้ความรู้จากเอลิแล้วนะครับ”
“หึหึ….พ่อหนุ่ม ถ้าเธอเดินทางไปที่นั่นโดยไม่รู้เส้นทางที่แท้จริง มันจะเสียเวลาสะเปล่าๆนะงั้นเรามาเข้าเรื่องของการเดินทางไป Villa ก่อนดีกว่า”
คุณโรซาเรียได้ฉายภาพสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง ที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแล้วภาพก็ซูมไปที่แท่นบัลลังก์แห่งหนึ่งที่มีรูปปั้นเทพธิดาขนาดใหญ่ ประดิษฐ์สถานอยู่ใจกลางบนบัลลังก์ และในมือของรูปปั้นที่ประกบกันมีหินสีทองก้อนหนึ่งประทับอยู่
“นั่นคือ…. 0 0 ??”
“นั่นคือหินเจเน็สที่ถูกแบ่งพลังออกไปครึ่งหนึ่ง โดยหินก้อนเจเน็สก้อนนั้นจะมีชิ้นส่วนแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น...ยังขาดหินอีกชิ้นหนึ่งที่ซึ่งมันถูกเก็บรักษาอยู่ที่เมืองลอยฟ้าศักดิ์สิทธิ์ โคลัมเบียอาร์”
“เจ้าหน้ากาก คงอยากจะให้ผมไปหาเจ้าหินนั้นมาให้ได้สินะ ถึงว่าเร่งรัดให้ผมรีบไปจัง ว่าแต่เส้นทางคุณจะบอกผมมันต้องไปทางไหนหรอครับ”
คุณโรซาเรียได้ดึงเอาแผนที่ Villa ออกมาจากกระเป๋าของผมแล้วก็ได้ใช้พลังเวทย์วาดแผนที่ไปตามทวีปต่างๆบนแผนที่เป็นรอยสีฟ้าชัดเจน และผมก็ดูเธอวาดเส้นทางบนแผนที่อย่างตั้งใจ
“นี่คือเส้นทางที่เจ้าต้องมุ่งหน้าไป ห้ามออกนอกเส้นทางที่ฉันเขียนเอาไว้เด็ดขาด และที่สำคัญที่สุดก็คืออย่ามอบแผนที่นี้หรือเปิดให้ใครดูเด็ดขาด นอกจากตัวเจ้า...”
“เข้าใจแล้วครับ..”
“ต่อไปก็เรื่องออโรเลี่ยนนะ พ่อหนุ่ม”
ทีนี้เรามาทำความเข้าใจใหม่..รึเปล่านะ...เอาเป็นว่าทั้งทำความเข้าใจใหม่และเพิ่มเนื้อหาจากบทความเดิมก็แล้วกัน
ออโรเลี่ยน
ออโรเลี่ยนคือพลังงานกายทีอยู่ในตัวของสิ่งมีชีวิต มีคุณสมบัติทะลุทะลวงทุกสิ่งอย่างที่ไม่ใช่ ออโรเลี่ยน โดยสิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีออโรเลี่ยนอยู่ในตัว 100% และสามารถเปลี่ยนมาเป็นพลังเวทย์ได้ (แต่จะถูกฟิกธาตุของพลังเอาไว้ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนออโรเลี่ยนให้เป็นพลังเวทย์ธาตุอื่นที่ตัวเองใช้ได้เช่น ใช้พลังเวทย์ธาตุน้ำก็สามารถใช้ได้แต่ธาตุน้ำเป็นต้น แต่สามารถฝึกข้ามขั้นให้เป็นธาตุที่เหมาะสมกับธาตุหลักได้เช่น น้ำกับน้ำแข็ง ไฟกับลาวา เป็นต้น) อีกทั้งออโรเลี่ยนยังสามารถกำหนดสายพลังเวทย์ของคนๆนั้นได้จากจิตใต้สำนึกและบุคลิก ความชอบของคนๆนั้นซึ่งจะแยกสายแตกต่างกัน และขึ้นอยู่กับประเภทอาวุธที่ใช้ด้วย
ออโรเลี่ยนไม่จำเป็นต้องร่ายคาถา แต่จะมีชื่อท่าและลักษณะการโพสท่าทางต่างๆ แทนการร่ายคาถาปกติ เช่น ฟูลลิงก์ไลท์ พูดชื่อและปล่อยท่าทางการปล่อยพลังออกไป เป็นต้น และท่าในการใช้และชื่อคนใช้จะสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองและรู้ว่าต้องทำอะไรยังไง รวมไปถึงคุณสมบัติของพลังออโรเลี่ยนนั้นด้วย
คำเตือนสำหรับการใช้ออโรเลี่ยนในโลก Acian World !!!
หากเราใช้ออโรเลี่ยนมากเกินไป จะทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงานในร่างกายโดยเริ่มหมดตั้งแต่เท้าไปจนถึงหัว ยิ่งเป็นท่าที่ใช้ออโรเลี่ยนหรือเวทย์ที่ต้องหยิบยืมพลังมาก ร่างกายก็จะสูญเสียพลังมากตามไปด้วย ซึ่งคนใช้จะรู้จึกลิมิตของตัวเองดี แต่ถ้าหากยังฝืนใช้อาจทำให้ขยับร่างกายไม่ได้เป็นเวลา 30 นาที 1 ชั่วโมง 5 ชั่วโมง หรือมากกว่า 1 สัปดาห์ ถ้าถึงขั้นร้ายแรงที่สุดก็อาจจะทำให้เสียชีวิตทันที (แต่ก็ไม่มีใครเคยฝืนใช้ออโรเลี่ยนจนถึงขั้นระดับนั้น เพราะส่วนใหญ่ก็มักจะวูบสลบไปสะก่อนแทบทุกราย)
ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ ออโรเลี่ยน กับ เวทย์มนต์ สำหรับ Acian World
เวทย์มนต์ คือออโรเลี่ยนที่อยู่ร่างกายของสิ่งมีชีวิต ซึ่งการที่จะนำมันมาใช้งานได้นั้นจำเป็นจะต้องใช้ภาษาพูดคุยและสื่อสารหรือที่เราเรียกว่า การร่ายเวทย์มนต์ และผู้คนที่มาจากต่างโลกก็เข้าใจผิดคิดว่าเวทย์มนต์กับออโรเลี่ยนมันคืออย่างเดียวกัน โดยค่าพลังของออโรเลี่ยนกับเวทย์มนต์นั้นไม่เหมือนกัน และถ้าหากต้องการจะป้องกันการโจมตีที่มาจากออโรเลี่ยนหรือเวทย์มนต์ จำเป็นจะต้องใช้ค่าพลังที่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น
- เวทย์มนต์ ต้องป้องกันด้วย เวทย์โพรเทค
- ออโรเลี่ยน ต้องป้องกันด้วย เอโรเลี่ยน หรือ เอโรการ์ด
ถ้าหากใช้พลังค่าไม่เท่ากันต่อกันซึ่งกันและกัน จะเกิดเหตุการณ์ดังนี้
- ถ้าหากถูกโจมตีด้วยเวทย์มนต์ แต่ใช้ เอโรการ์ด หรือ เอโรเลี่ยน ป้องกันการโจมตีนั้น เอโรการ์ดจะถูกทำลายและไม่สามารถป้องกันการโจมตีนั้นได้
- ถ้าหากถูกโจมตีด้วยเวทย์มนต์ แต่ใช้ เวทย์โพรเทค ป้องกันการโจมตีนั้น เวทย์โพรเทคจะถูกทำลายและไม่สามารป้องกันการโจมตีนั้นได้เช่นกัน
“และออโรเลี่ยนก็ยังสามารถเปลี่ยนจากสถานะโจมตี เป็นสถานะป้องกันเอาไว้สำหรับต้านออโรเลี่ยนได้ด้วยนะ และมันก็มีชื่อว่า “เอโรการ์ด” และก็มีพลังออโรเลี่ยนที่แตกแขนงแยกย่อยออกไปอีกมากมาย แต่ฉันเห็นว่าเธอมีเวลาไม่มากพอที่จะฟังเรื่องเหล่านั้นหมด ”
“เข้าใจแล้วครับ แต่…..เอิ่ม..คือว่าผมมีเรื่องสงสัยอย่างนึงครับ”
“มีอะไรก็ถามมาได้เลย พ่อหนุ่ม”
ตอนนั้นผมได้ฉวยโอกาสถามเรื่องเกี่ยวกับ Overlord กับพวกข้ารับใช้ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “Guardians of The Chaos” อีก 10 ที่ผมฝันเห็นก่อนที่จะมาโลก ACO และเรื่องอันที่จริงผมก็งงว่าทำไมผมถึงถามออกไปแบบนั้น แต่คำตอบที่ผมได้กลับมาชวนผมช็อคมาก
“เรื่องในความฝันของเธอนั้น คืออนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นและถ้าหากเธอไม่สามารถหยุด Overlord และเหล่าการ์เดี้ยน ออฟ เคออส ได้ล่ะก็ โลกของเจ้าก็จะพบเจอกับความพินาศ เหมือนกับโลก ACO เมื่อหลายหมื่นปีก่อน ส่วนเรื่องที่เจ้าถามถัดจากเรื่องเมื้อครู่นี้ “จงอย่าเชื่อในสิ่งที่เจ้าเห็น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเจ้า อาจไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็นและเกิดขึ้นบนโลกหรือจักรวาลแห่งนี้...” ”
“คุณหมายความว่ายังไงหรอครับ ที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นและที่ผมเห็นที่โลก ACO เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น 0 0 ??”
“สิ่งที่พวกเจ้าและมนุษย์ผู้มาจากต่างโลกเรียกว่า “เกม,เลเวล,สเตตัส,มอนเตอร์,NPC หรือ AI” นั้นมันเป็นภาพที่ถูกสร้างและจัดฉากขึ้นโดย Overlord ทั้งหมด”
เรณอึ้งและชะงักไปสักพักก่อนที่จะประติดประต่ออะไรได้
“ผู้คนที่มาจากต่างโลกเขาไม่สงสัยหรือแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเขา อะไรเลยหรอครับ”
เธอหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะใช้ไม้เท้ากระทบกับพื้นแล้วเกิดแสงสว่างบนพื้น แล้วฉายภาพผู้คนในเมืองซันเดย์ล่าและเมืองต่างๆที่กำลังป่าวประกาศและเกิดความแตกตื่นสร้างความโกลาหลอยู่
“นี่มัน... 0 0 ”
“ตอนที่เจ้ายังอยู่เผ่าลิซาร์ดแมนก่อนที่จะจัดการปัญหาต่างๆภายในเผ่านั้น ผู้คนที่มาจากโลกเดียวกันกับเจ้าได้ล่วงรู้ความจริงที่่น่าตกใจ และได้ก่อความโกลาหลไปทั่วทุกที่ที่พวกเขาเหล่านั้นอยู่ โดย Overlord ทุกปกครองโลกนี้นั้นได้ใช้เวทย์มนต์โบราณสร้างภาพลวงตาขึ้นมาลวงพวกเจ้าทุกคน และก็ทำให้พวกเจ้าหลงผิดคิดว่าสิ่งที่พวกเจ้าเห็นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง”
“ถึงว่า ทำไมพวกมอนเตอร์ถึงมีลูกและดูรักลูกของพวกมันมาก ราวกับว่าพวกมันมีชีวิตจริงๆ เกินกว่าระบบ AI คอมพิวเตอร์จะแสดงผลออกมา…….แล้ว..ไอ้สิ่งที่เกิดขึ้นที่โลกของผมล่ะครับมันคืออะไรกันแน่ คุณโรซาเรียช่วยอธิบายให้ผมฟังได้ไหมครับ?”
“เครื่อง (*เครื่องเล่น RV ที่พวกมันอ้างว่าสามารถใช้เล่นเกมโลกเสมือนในโลกปกติ*) ที่พวกมันบอกว่าเป็นเครื่องเล่นเพื่อความบันเทิงของพวกเจ้านั้น มันเป็นเพียงแค่เศษเหล็กที่ไม่มีอะไรพิเศษอยู่ในตัว และพวกมันใช้สิ่งนี้ชักจูงให้พวกเจ้าหลงกลพวกมันและพวกมันก็ทำสำเร็จ ส่วนเรื่องออโรเลี่ยนนั้น...
“(มิน่าล่ะ….ว่าทำไมบริษัทเจ้าตัวถึงปกปิดที่อยู่และการมีตัวตนที่แน่นนอนเอาไว้ แถมยังส่งเครื่องนั้นบ้าบอให้พวกเรามาฟรีๆ ที่แท้มันก็แค่ของจัดฉากบังหน้าเพื่อพามาที่โลกนี้นี่เอง..) แล้ว Overlord ทำแบบนี้ทำไมครับ?”
ก๊อก ก๊อก...
เธอใช้ปลายไม้เท้าเคาะพื้นอีกครั้งแล้วก็เกิดคลื่นลมพัดอย่างรุนแรงก่อนจะเกิดสิ่งต่างๆขึ้นรอบๆตัวเราโดยมีผมกับคุณโรซาเรียยืนอยู่ตรงกลาง
โดยสิ่งที่ปรากฏอยู่รอบๆตัวเรานั้นคือกองทัพปีศาจผสมของ Overlord และภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าไกลๆจากจุดที่ผมกับคุณโรซาเลียยืนอยู่ก็คือ อาณาเขตประตูมิติขนาดใหญ่ยักษ์ ที่สามารถเอาสนามบินมารองรับได้ถึง 100 สนามเลยทีเดียว
“เพื่อที่จะนำมาเป็นส่วนหนึ่งใของกองทัพที่จะเอาไว้ใช้บุกรุกรานโลกของเจ้า แต่ข้าเชื่อว่ามันมีจุดประสงค์บางอย่างที่นอกเหนือจากนั้น”
“แล้วมีวิธีไหนหยุดมันได้ไหมครับ”
“มีอยู่เพียงวิธีเดียว ที่จะสามารถต่อกรกับพลังที่ไร้ขีดจำกัดของมันได้ ซึ่งเจ้าจะต้องรวบรวมพลังเจเน็สที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนให้ครบ จากนั้นเธอก็รวบรวมพลังจากทุกสิ่งมีชีวิตรวมไปถึงจากคนที่มาจากโลกของเธอให้มาสถิตที่ตัวของเธอให้ได้ แล้วเธอจะสามารถต่อกรกับ Overlord ได้อย่างง่ายดาย”
“ถ้าอย่างนั้น ผมก็ต้องรีบแล้วล่ะ!”
“ฮึฮึ ถ้าเธอรีบร้อนฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ถ้าเธอควรจะจัดการอุปสรรคที่กำลังขวางกั้นเธอในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ให้เสร็จเสียก่อนจะดีกว่านะ…..ขอให้โชคดี พ่อหนุ่ม พวกเรายังต้องได้เจอกันอีกนะ...”
ผมรู้สึกสงสัยในคำพูดสุดท้ายของเธอ แต่ผมก็ไม่ได้เอ่ะใจอะไรมาก
.
.
.
.
.
ผมรู้สึกตัวอีกทีผมก็นอนอยู่ในห้องที่กิลด์อัศวินม้าขาว ผมจำไม่ได้ว่าผมมาอยู่ในห้องนอนตอนนั้นได้ยังไง แต่สิ่งที่ผมต้องทำก็คือ ออกตามหาเอลิและช่วยเธอให้เร็วที่สุดและรีบไปที่ villa ตามเส้นทางที่คุณโรซาเรียบอกเอาไว้บนแผนที่
ผมเปิดแผนที่ villa ดูอีกครั้งเพื่อทบทวนและพิจาราณาเส้นทางใหม่อีกครั้ง ดูหมือนว่าแผนที่ที่แสดงตอนแรกๆมันเปลี่ยนกลายเป็นแผนที่อีกแบบแต่รอยขีดที่บอกเส้นทางยังอยู่เหมือนเดิม นี่สินะเส้นทางที่จะเดินทางไป Villa และเป็นภาพแผนที่ของจริง…..
ผมเก็บข้าวของและจัดแจงของที่จำเป็น จนผมนึกได้ว่าซิลเวอร์กับเซฟาลินหายไปและคิดว่าจะออกไปตามหา เพราะถ้าหากผมขาดทั้งสองตัวตอนนั้นไปผมอาจจะตกอยู่ในที่นั่งลำบากหากต้องปะทะกับกิลด์หมาล่าเนื้อและก็คูราระอีก
“(จ๊ะเอ๋!! เจ้านาย~ งิ๊งิ๊~~ ♥ \^ ^/)”
“เราสองคนอยู่นี่ครับ เจ้านาย”
เซฟาลินกับซิลเวอร์โผล่ออกมาจ๊ะเอ๋ผมจากใต้เตียง จนผมสะดุ้งเล็กน้อยแต่ผมก็โล่งอกที่ทั้งสองตัวยังอยู่ในกิลด์ตอนนั้น
ตัดฉากมายังสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง
.
.
.
“หมายความว่ายังไง กุญแจที่ใช้เปิดประตูมิติปลายทางหายไปงั้นหรอ?”
“สงสัยจะเป็นฝีมือของเจ้านั่นแน่ๆ ที่ขโมยกุญแจนั้นไป!”
“ข้าคิดว่า เจ้านั่นน่าจะเอากุญแจไปซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่งที่โลกฝั่งโน้นแน่นอน”
“ไม่ว่าเจ้านั่นจะเอากุญแจไปซ่อนไว้ที่ไหน พวกเราก็ต้องนำกุญแจนั้นกลับมาให้ได้ เพื่อไม่ให้แผนการที่นายเหนือหัวของพวกเราต้องติดขัด”
“แล้วพวกเราจะเริ่มหาจากที่ไหนก่อนดีล่ะ??”
เหล่าการ์เดี้ยนกำลังปรึษาหารือกันเกี่ยวกับเรื่องกุญแจที่หายไปและต่างคนต่างออกความคิดเห็นว่าจะเอายังไงต่อไป ในเรื่องที่กุญแจสำหรับเปิดประตูมิติของโลกทางฝั่งโน้นที่หายไป
“งั้นข้าขอเสนอ ให้หาตรงจุดที่ใช้เสียบกุญแจสำหรับเปิดประตูมิติก่อนดีไหม?”
“ข้าว่า สืบหาร่องรอยจากพลังของคนที่ขโมยเอาไปดีกว่าไหม? เพราะยังไงกุญแจสำหรับเปิดประตูมิติ พวกสิ่งมีชีวิตธรรมดาๆไม่สามารถแตะต้องได้อยู่แล้ว”
“อื้ม ความคิดเจ้าก็เข้าท่าดีนะ”
“งั้นเอาตามนั้น แล้วใครจะทำหน้าที่ออกตามหากุญแจล่ะ?”
เหล่าการ์เดี้ยนออฟเคออสต่างเงียบและมองกันไปมองกันมาเพื่อหาตัวแทนสำหรับออกไปตามหากุญแจ จนกระทั่งมีการ์เดี้ยนคนหนึ่งได้ยกมือขึ้นมาอาสา
(การ์เดี้ยนแห่งการต่อสู้)
“ไฟท์นอส เดอะ เคออส การ์เดี้ยน”
“เจ้าจะไปงั้นหรอ ไฟท์นอส ?”
“พอดี ข้าเบื่อกับการมานั่งดูพวกชั้นต่ำพวกนี้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เต็มทนล่ะ ข้าเลยอยากจะออกไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อย”
“งั้นก็ตามใจเจ้า แต่ว่าเจ้าต้องหากุญแจให้เจอและนำมันกลับมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราทุกคนซวยแน่ๆ”
“ถ้าพวกเจ้า กลัวว่าท่านลอร์ดจะตำหนิและลงโทษล่ะก็ ทำไมไม่มาช่วยข้าหาทั้งหมดนี่เลยล่ะ?”
ไฟท์นอสหันหน้าไปทางการ์เดี้ยนอีกคนที่มีพลังในการแหวกมิติ
“หึ! เจ้าไม่ต้องมองข้าหรอกไฟท์นอส งานนี้ข้าขอผ่าน เพราะข้าต้องการเล่นกับพวกสิ่งมีชีวิตช้ำต่ำอยู่ที่นี่มากกว่า ฮึฮึ”
แล้วการ์เดี้ยนหนึ่งคนหนึ่งได้ใช้พลังครอบไว้ที่มือ และได้ยืนมือไปจับมอนเตอร์ตัวหนึ่งที่อยู่ในป่าโดยการแหวกมิติออก และก็ทำการบีบหัวมอนเตอร์ตัวนั้นจนแหลกคานิ้วอย่างสนุกสนาน
“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็ฝากบอกท่านลอร์ดด้วยล่ะ ว่าข้ากำลังออกไปตามหาของหายอยู่ ออกไปหาที่โลกฝั่งโน้นคงใช้เวลาสักพัก”
“อ่า เจ้าไปเถอะเดี๋ยวพวกเราช่วยบอกแก้ต่างให้เจ้าเอง”
หลังจากนั้นไฟท์นอสก็ได้วาปหายไปในที่ชุมนุมของเหล่าการ์เดี้ยนเคออส ในชั่วพริบตาและก็เป็นช่วงจังหวะเดียวกันที่ Overlord ได้เดินเข้ามาในที่ชุมนุมพร้อมกับคนรับใช้ที่เป็นเด็กผู้หญิงใส่ชุดเมดสองคนตามอารักขาอยู่ขนาบทั้งสองข้าง
เหล่าการ์เดี้ยนเคออสทั้ง 9 ได้ก้มหัวคำนับอย่างพร้อมเพียงกันเพื่อแสดงความเคารพต่อ Overlord ผู้ยิ่งใหญ่
“สวัสดีค่ะ/ครับ ท่านนายเหนือหัว”
การ์เดี้ยนทั้ง 9 กล่าวทำความเคารพ Overlord ผู้เป็นนายของตนตามปกติ ยกเว้นการ์เดี้ยนหญิงคนที่เงียบ เธอช่างดูจะแตกต่างและพิเศษกว่าการ์เดี้ยนคนอื่นๆในกลุ่มซึ่ง Overlord เห็นดังนั้นก็ไม่ได้คิดจะตำหนิหรือทำอะไรเธอ
Overlord ได้ยกมือขึ้นให้สัญญาณว่าให้เหล่าการ์เดีี้ยนทำตัวตามสบาย
“ท่านนายเหนือหัว มีธุระหรือเรื่องอะไรให้พวกเรารับใช้หรอครับ?”
“ข้าได้รับข่าวจาก “ฟิงค์” และ “เมลอน” ว่า ในระหว่างที่พวกเจ้ากำลำดำเนินการเปิดประตูมิติ พวกเจ้าพลาดทำกุญแจสำหรับเปิดประตูหาย มันเป็นความจริงรึเปล่า??”
เหล่าการ์เดี้ยนต่างพากันเงียบและมีเพียงการ์เดี้ยนแค่คนเดียวที่กล้าพูดกับ Overlord อย่างเป็นกันเอง
“เป็นความจริงค่ะ ท่านโซโลม่อน”
การ์เดี้ยนหญิงที่ยืนเงียบคนนั้นได้พูดขึ้นมารับแทน
(การ์เดี้ยนแห่งโลกมายา)
เอเลีย เดอะ เคออส การ์เดี้ยน แองเจิล
“อื้มมม ไม่เป็นไร เพราะยังไงข้าก็ไม่รีบร้อนอยู่แล้ว และอีกอย่าง….กองทัพรวมไปถึงสิ่งต่างๆทุกอย่างที่ข้าได้มอบหมายพวกเจ้าทำทุกอย่างไปนั่น ก็เสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว ตอนนี้ข้าขอเพียงพักฟื้นพลังให้เต็มที่ก็พอ”
“มันจะดีหรอคะ ท่านโซโลม่อน ถ้าหากท่านดำเนินการล่าช้ามันอาจจะไม่ส่งผลดีกับท่านนะคะ”
“มันอาจจะเป็นโชคชะตาที่กำหนดมาแล้วก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถึงยังไงข้าก็จะอยู่เหนือโชคชะตานั้นอยู่ดี ตอนนี้ไฟท์นอสกำลังออกไปตามหากุญแจใช่รึเปล่า?”
“ค่ะ ท่านโซโลม่อน ถ้าท่านคิดเช่นนั้นข้าก็จะไม่ขัดท่าน”
“บอกเขาไปว่าไม่ต้องรีบร้อนหากุญแจ เพราะพวกเรายังไม่มีเวลาเหลือเฟือในการเตรียมการขั้นตอนสุดท้ายอยู่”
“น้อมรับคำบัญชาค่ะ ท่านโซโลม่อน”
เอเลียย่อตัวก้มคำนับและรับคำสั่งจาก Overlord อย่างสวยงามท่ามกลางสายตาของเหล่าการ์เดี้ยนเดอะเคออสที่ยืนมอง หลังจากนั้น Overlord ก็เดินกลับไปที่อยู่ของตัวเองโดยมีคนรับใช้คอยปิดประตูให้
“เธอดูเป็นคนกันเอง กับท่านเหนือหัวมากเลยนะ อิซุลาร์”
“ไม่ซะทีเดียวหรอก แค่ฉันกับท่านโซโลม่อนมีความสัมพันธ์กันที่พิเศษมากกว่า….ก็แค่นั้น...”
“หึ งั้นหรอ งั้นก็แล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน”
แล้วบรรยากาศการสนทนาก็เริ่มเปลี่ยนจากเรื่องกุญแจหายกลายมาเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนที่จะมาล้มอำนาจของโซโลม่อน โดยที่เอเลียก็ปลีกตัวออกไปจากที่ประชุมก่อนหน้านั้น
“นี่เจ้ายังเชื่อเรื่องคำทำนาย หลอกเด็กนั่นอยู่งั้นหรอ?”
“อื้มมมม…..ก็ไม่รู้สินะ แต่ความรู้สึกของข้าในตอนนี้มัน มันเหมือนเป็นเค้าลางว่า คำทำนายดังกล่าวกำลังจะเป็นเรื่องจริง อย่างเรื่องที่ว่าจะพวกเราจะไม่สามารถรวบรวมเผ่าลิซาร์ดแมนทั้งสี่เผ่า ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้”
“งั้นหรอ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นที่เผ่าลิซาร์ดแมนมันเป็นอะไรล่ะ? สุดท้ายเรจิน่าสายลับที่ท่านนายเหนือหัวส่งเข้าไปแทรกซึมก็ช่วยทำให้เผ่าพวกมันรวมเป็นหนึ่งเดียวได้ แบบนี้เจ้าจะอธิบายยังไง?”
“ไม่รู้สิ แต่ข้ารู้สึกว่าสาเหตุที่ทำให้พวกมันรวมเผ่าได้มันเกิดจากเหตุปัจจัยอื่นมากกว่า”
“หึ! ข้าว่าเจ้าคงสติฟั่นเฟืองเพ้อเจ้อหลงเชื่องมงายกับคำทำนายไร้สาระนั่นมากเกินไปแล้วล่ะ”
“นั่นสินะ ข้าอาจจะคิดมากไปเอง…...มั้งนะ”
.
.
.
.
.
ณ ห้องโถงกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง
โซโลม่อนพร้อมกับผู้ติดตามอีกสองคนกำลังนั่งคุยกับเกี่ยวกับเรื่องโลกต่อไปที่พวกเขากำลังเข้ายึดเป็นเป้าหมายต่อไป
“ท่านโซโลม่อนครับ ท่านโซโลม่อนคิดว่าโลกต่อไปที่พวกเราจะบุกต้องใช้เวลานานแค่ไหนครับ?”
ฟิงค์ถามพร้อมกับนั่งเล่นของเล่นตามประสาเด็กตรงหน้าบัลลักง์ของโซโรม่อนพร้อมกับฟิงค์ ที่เล่นเป็นเพื่อน
“ตราบใดที่โลกเหล่านั้นยังมีแต่ความวุ่นวาย ข้าก็ต้องเข้าไปช่วยขจัดความวุ่นวายเหล่านั้นให้หมดไปจากโลกในมิติต่างๆ”
“แต่ว่า พวกเราก็ต้องเตรียมรับมือกับพวกที่จะมาต่อต้านพวกเราด้วยสินะครับ ท่านโซโลม่อคิดว่าจะมีพวกไหนมาขัดขวางพวกเราบ้างไหมครับ?”
“อื้มม……..โลกที่พวกเรากำลังจะไปนี้ เป็นโลกที่ต่างแตกต่างโลกอื่นที่ผ่านๆมาโดยสิ้นเชิง ข้าคิดว่าการบุกข้ามมิติไปครั้งนี้อาจจะไม่ง่ายดายเหมือนครั้งก่อนๆ อย่างแน่นอน”
“แล้วใครจะมาขัดขวางความปราถนาของท่านโซโลม่อนล่ะคะ?”
“ถ้าให้ข้าเดา มันก็อาจจะไม่มี…...ข้าว่าอย่างนั้นนะ….แต่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของข้ามันไม่ใช่แค่เพียงบุกไปยึดโลกที่เป็นเป้าหมายล่าสุดนี้หรอก...”
"ท่านโซโลม่อนมีอะไรที่ต้องทำให้สำเร็อีกงั้นหรอครับ?"
"อื้มม..."