Post by jussaateen on May 4, 2017 3:32:11 GMT
TO THE "WAR OF" ELLAS CHAPTER 20 "จักรวรรดิ" (ยังไม่รีไรท์)
_______________
ท่ามกลางทหารนับหมื่นคนภายนอกปราสาทขนาดใหญ่แห่งเมืองเกนเดลที่ถูกสร้างจากหินขาวสะอาดที่เรียงต่อกันเป็นประติมากรรมที่งดงามเหนือสิ่งใดภายในเมือง เหล่าทหารในชุดเกราะรบเหล็กที่ถูกตีตราเป็นสัญลักษณ์ลายกะโหลกมังกร สัญลักษณ์ที่ราวกับว่ากำลังท้าทายอำนาจของราชินีมัตซึอุระ ริกะแห่งอาร์ธีร์ ที่ได้มองธงชาติของประเทศด้วยสัญลักษณ์ของมังกรสยายปีก หากทว่าทหารแห่งอาร์ธีร์เหล่านี้กลับมีตราของมังกรที่ตายไปแล้วอยู่ ทันใดนั้นเองทหารเกราะรบสองคนก็ได้เดินออกมาจากด้านในปราสาทออกมาต่อหน้าเหล่าทหารบนชั้นสูงสุดของปราสาท มายืนอยู่ด้านหน้าธงสีขาวพร้อมกับร่างมังกรสีแดงสยายปีกสองข้างตรงกลางธง ทหารสองคนนั้นดึงธงก่อนที่จะโยนลงมาจากปราสาท เป็นการทำลายภาพของอาร์ธีร์ลงไปต่อหน้าคนในประเทศเดียวกัน
ว่าแล้วเงาของผู้ที่มีอิทธิพลทั้งสาม ผู้ที่ได้สร้างเรื่องเหล่านี้ให้เกิดขึ้นมาก็เดินออกมาจากเงามืด เผยให้เห็นแม่ทัพปีศาจซีโนโซเฟียสในเกราะนักรบขนาดใหญ่ทางด้านซ้ายมือ ตัวแม่มดรีอาในชุดราตรีสีดำทางด้านขวามือ และไคลล์ เมนเซลในชุดของกษัตริย์พร้อมผ้าคลุมสีขาวสะอาดที่ยืนเด่าเป๋นสง่าต่อหน้าเหล่าทหารนับหมื่นคนที่บนมือถือดาบ ธนู ขวาน และอื่น ๆ กันครบมือ ภาพของไคลล์ที่ค่อย ๆ กางแขนของเขาขึ้นมา ราวกับว่าตัวไคลล์กำลังจะกล่าวสุนทรพจน์บางอย่างเพื่อปลุกระดมใจเหล่าทหารของเขา เพื่อนำไปสู่การนำกองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกโดเรียร์ และสงครามระหว่างเอลลาสและอาร์ธีร์
"พวกเจ้า .. ทหารผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ! .. ตอนนี้พวกท่านกำลังยืืนอยู่ในวันที่ประวัติศาสตร์จะต้องจดจำไปจนวันอวสาน.. วันสุดท้ายของประเทศอาร์ธีร์ ! ที่ปกครองโดยราชินีมัตซึอุระ ริกะ .. และเป็นอรุญแรกของจักรวรรดิที่จะนำไปสู่แสงใหม่ของเรามนุษย์และปีศาจแห่งโดเรียร์ !!" ตัวไคลล์ตะโกนขึ้นมาก้องกู่ไปทั่ว พอที่จะให้เหล่าทหารที่กล้าหาญเหล่านี้ได้ยินกันหมดทุก ๆ คน ทุก ๆ คำชัดเจนแทรกเข้าไปในหูของเหล่าทหาร ปลุกใจของพวกเขาด้วยคำพูดที่สัตย์จริงจากปากของไคลล์
"ตัวข้า.. ไคลล์ เมนเซล ได้ยุบสภาของเหล่าขุนนางทั้งสิบสองแห่งอาร์ธ๊ร์ และทุก ๆ เมืองในอาร์ธีร์ ณ ตอนนี้ จะทุกปกครองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยไม่มีกาปกครองตนเอง ทุก ๆ อย่างจะอยู่ในการดูแลของเมืองหลวงแห่งนี้ โดยมีข้าเป็นผู้สั่งการ !!"
ตัวไคลล์ตะโกนขึ้นมาในขณะที่แววตาของเขาเริ่มที่จะแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาของผู้นำ ทุก ๆ สายตาจับจ้องมายังไคลล์โดยไม่มีการเปลี่ยนสายตาไปทางใดแม้แต่น้อย ทุก ๆ คนกำลังรอคำพูดต่อ ๆ ไปของไคลล์ และเมื่อไคลล์เห็นดังนั้นตัวเขาก็แสยะยิ้มขึ้นมาราวกับว่ามันเป็นไปตามแผน ก่อนที่ตัวเขาจะเริ่มพูดต่ออีกครั้ง
"กฏหมายทั้งหมดจะถูกรื้อออกจนหมดและจะมีการตั้งกฏใหม่มากมายอย่างเคร่งครัด มัตซึอุระ ริกะจะต้องถูกประหารทันทีที่ถูกพบเห็น เหล่าปีศาจจะมีสิทธิเท่าเทียมกับมนุษย์ จะไม่มีระบบทาสอีกต่อไป มีเพียงเสรีชนเท่านั้น ! .."
"ทุก ๆ ชีวิตของประชาชนนั้นมีค่า และทุก ๆ การเสียสละของเหล่าทหารจะเป็นแรงผลักดันเพื่อสร้างรากฐานให้กับจักรวรรดิ !! พวกเจ้าเหล่าทหารกองทัพแรกแห่งจักรวรรดิพอใจหรือไม่กับกฏหมายนี้ !!!" ตัวไคลล์ตะโกนลั่นขึ้นมาพร้อมกับยกแขนขวาของเขาขึ้น ทันทีที่เหล่าทหารเห็นดังนั้นพวกเขาต่างพร้อมกันคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับลดอาวุธของพวกเขาลงกับพื้นแนบแขนซ้ายของพวกเขาก่อนที่จะตะโกนกลับสุดเสียงของพวกเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ
"พอใจครับ !!!!!!"
เสียงที่ดังก้องไปทั่วลานกว้างภายในปราสาทดังกู่ไปถึงเหล่าประชาชนในรอบด้านของปราสาท ดังมากพอที่จะทำให้ประชาชนฝ่ายเดียวกันหวาดผวากับความน่าสะพรึงและความเกรงขามของทหารเหล่านี้ ตัวไคลล์เอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าของเขาที่เปิดออกไปทั่วก่อนที่เขาจะลดแขนขวาของเขาลง นั่นทำให้เหล่าทหารต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนกลับมาประจำยังท่าเดิมอย่างพร้อมเพรียงกัน
"เอาล่ะ .. ณ บัดนี้ ตัวข้า ไคลล์ เมนเซลได้ขอสถาปนาจักรวรรดิอีซานเป็นแผ่นดินใหม่แห่งโดเรียร์แทนที่ประเทศอาร์ธีร์ โดยมีกษัตริย์องค์แรกคือ ไคลล์ เมนเซล เป็นผู้ครองราชย์ .. จงเชิญธงแห่งจักรวรรดิใหม่นี้ขึ้นมา เหล่าทหารของข้า !!"
สิ้นเสียงของไคลล์ ทันใดนั้นเองเหล่าทหารสองคนที่ไปประจำตรงตำแหน่งที่เคยมีธงของอาร์ธีร์อยู่ก็ค่อย ๆ ตั้งธงบนกำแพงปราสาทเช่นเดียวกับทหารที่ประจำอยู่หน้าปราสาท ตรงหอคอยและอื่น ๆ พวกเขาต่างพร้อมเพรียงกันโปรยธงลงมาเป็นแนวตั้งเด่นเป็นสง่า สีน้ำเงินและสีเหลืองบนธงที่สื่อถึงพลังอำนาจและกฏระเบียบของจักรวรรดิและกระโหลกของมังกรที่สื่อถึงความน่าเกรงขามของกองทัพ จักรวรรดิวิคที่ได้ขึ้นชื่อของพวกเขาบนตราแผ่นดินอาร์ธ๊ร์ และเป็นประเทศแรกที่ยอมรับปีศาจเป็นเสรีชนดังมนุษย์ในรอบพันปีที่ผ่านมา
"ทรงพระเจริญ !!! ทรงพระเจริญ !!! ทรงพระเจริญ !!!" เหล่าทหารที่พร้อมใจกันตะโกนขึ้นมาในขณะที่ยกอาวุธของพวกเขาขึ้นมาพร้อมกัน เช่นเดียวกับเหล่าประชาชนบางส่วนที่เริ่มพากันตะโกนตาม เมื่อไคลล์เห็นดังนั้นตัวเขาจึงตะโกนขึ้นต่อในขณะที่เหล่าทหารเริ่มเบาเสียงของพวกเรากลับมาเงียบดังเดิม
"ในอีกเจ็ดราตรี .. ไม่ว่าข้าจะเป็นหรือตาย ไม่ว่าข้าจะอยู่ตรงนี้อยู่หรือไม่.. กองทัพของพวกเจ้าทั้งหมดสามพันนายและกองทัพของปีศาจจะแปรขบวนเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งพันปี เข้าจู่โจมเมืองโซเดีย และรวมส่วนหนึ่งของแผ่นดินเอลลาสเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ !!"
"ขอให้วาจาของข้ากลายเป็นความจริง"
ตัวไคลล์พูดขึ้นอย่างแผ่วเบาทำให้เหล่าทหารนั้นไม่ได้ยินคำพูดที่ตัวไคลล์กล่าวขึ้น ทว่าซีโนโซเฟียสและรีอาที่ยืนอยู่ด้านข้างของไคลล์นั้นได้ยินอย่างชัดเจน ก่อนที่ทันใดนั้นเองตัวไคลล์จะเดินกลับเข้าไปยังปราสาทดังเดิมในขณะที่เหล่าทหารนั้นพากันส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วแล้วจึงต่างพากันตะโกนชื่อของกษัตริย์องค์ใหม่ของพวกเขา "ไคลล์ !" "ไคลล์ !" "ไคลล์ !"
ไคลล์นั้นเดินตรงไปเรื่อย ๆ ผ่านเหล่าทหารยามที่ถืออาวุธเรียงกันเป็นแถวตามทางที่ไคลล์เดินตรงไป คอยอารักขาตัวไคลล์จากอันตรายเอาไว้ ในขณะที่ซีโนโซเฟียสและรีอาที่เดินตามหลังไคลล์นั้น สายตาที่จับจ้องไปหาพวกเขากลับเต็มไปด้วยความเกลียดชังภายในของมนุษย์ และนั่นยิ่งทำให้ตัวซีโนโซเฟียสหงุดหงิดกับมันเข้าไปใหญ่หากทว่าตัวเขาก็ไม่สนใจอะไรและเดินผ่านมันไปพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าปีศาจของมัน
พวกเขาเดินตรงไปจนถึงห้องของไคลล์ที่เดิมทีเป็นห้องของแฟรนซิส เดริออน ขุนนางผู้คุมเมืองนี้คนก่อนซึ่งถูกพวกเขาสังหารลง ณ เมืองเยเกอร์ ตัวไคลล์นั่งลงบนเก้าอี้หนังสัตว์พร้อมกับดึงผ้าคลุมสีขาวของเขาออกมาพิงกับเก้าอี้ ในขณะที่ซีโนโซเฟียสและรีอานั้นนั่งลงไปบนเก้าอี้แขกที่ถูกตั้งเรียงกันหน้าโต๊ะของไคลล์ทั้งหมดสองตัวพอดี ทั้งคู่ซีโนโซเฟียสและรีอานั่งลงไปก่อนที่พวกเขาจับจ้องสายตาไปที่ไคลล์โดยซีโนโซเฟียสเอ่ยขึ้นในทันทีที่สายตาของไคลล์มองไปที่ตัวเขาเอง
"แล้ว.. เจ้าจะเอาอย่างไรต่อล่ะ"
ตัวซีโนโซเฟียสเอ่ยถามไคลล์ขึ้นด้วยคำถามที่เปิดกว้างแและยากที่จะสรุปออกมาเป็นคำตอบได้ในระดับหนึ่ง เมื่อไคลล์ได้ยินดังนั้นตัวเขาจึงยิ้มออกมาราวกับว่ามีแผนบางอย่างผุบขึ้นมาในหัวของเขา ทันทีที่ซีโนโซเฟียสเห็นรอยยิ้มที่ดูแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่แม้แต่ตัวเขายังคาดเดาไม่ได้ดังนั้นเขาจึงค่อย ๆ หุบรอยยิ้มของเขาลงและฟังไคลล์ที่กำลังจะเอ่ยปากขึ้นตอบ
"รอ.." ทันทีที่ซีโนโซเฟียสได้ยินคำตอบอันแสนสั้นของไคลล์ดังนั้นตัวเขาก็เอะใจก่อนที่จะเอ่ยถามไคลล์ขึ้นมาอีกครั้ง
"รออะไร" เสียงอันเย็นยะเยือกที่หากทว่ากลับเริ่มสั่นผวากับคำพูดและสายตาที่ราวกับนักฆ่าของไคลล์ เมื่อไคลล์ได้ยินดังนั้นตัวเขาก็หัวเราะขึ้นมาอย่างแผ่วเบาราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งที่เขาพูดขึ้น
"ไม่มีอะไรให้กลัวหรอก ท่านแม่ทัพ ผมไม่ได้พูดถึงท่านอยู่แล้ว ไป ๆ มา ๆ ไม่ได้พูดกับท่านด้วยซ้ำ.."
"ผมพูดกับอีกคนหนึ่งต่างหากล่ะ"
สิ้นวาจาของไคลล์ ตัวซีโนโซเฟียสก็ค่อย ๆ หันไปมองรีอาที่มองตัวไคลล์ด้วยรอยยิ้มที่หยิ่งยโสอยู่ สายตาของรีอาที่จับจ้องไปที่ไคลล์เช่นเดียวกับไคลล์ที่จ้องมองกลับ ราวกับเป็นการแข่งขันอะไรบางอย่างในความเงียบกริบ ทันใดนั้นเองที่ซีโนโซเฟียสกำลังมองไคลล์และรีอาอยู่ ตัวไคลล์ก็เอ่ยขึ้นกับซีโนโซเฟียสต่อในขณะที่ยังคงจ้องมองกับรีอาอยู่
"ท่านซีโนโซเฟียสรู้หรือเปล่าว่าอีซานสะกดด้วย I .. Z .. A .. N .. ซึ่งถ้าสะกดกลับล่ะก็มันจะกลายเป็น"
"NAZI (นาซี)"
โครม
ประตูของห้องไคลล์นั้นถูกพังออก เผยให้เห็นถึงทหารในชุดเกราะที่ยืนอารักขาอยู่หน้าประตูเดินตรงเข้ามาล้อมซีโนโซเฟียสพร้อมอาวุธกระบอกยาวสีดำปริศนาที่ถูกจ้องเล็งไปที่ร่างของแม่ทัพปีศาจ ตัวรีอาลุกขึ้นมาก่อนที่นางจะก้มหลบไปหลังโต๊ะเช่นเดียวกับไคลล์ ตัวซีโนโซเฟียสที่มองไปที่อาวุธเหล่านั้นก็รู้ในทันทีว่ามันคืออะไร ตัวชายในชุดเกราะต่างดึงเกราะส่วนหัวของพวกเขาออก เผยให้เห็นถึงใบหน้าของเหล่าทหารแห่งเมืองเนฟออสนาร์ที่มีสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อชัยชนะ สัญลักษณ์สวัสดิกะที่ถูกสักประทับลงบนใบหน้าของพวกเขา
"อาวุธปืนของเมืองเนฟออสนาร์.. แสดงว่าที่แกบอกว่าไม่ต้องการให้ทหารปีศาจเข้ามาในเมืองเป็นเพราะ-"
ไม่ทันที่ซีโนโซเฟียสจะพูดจบด้วยความโกรธของเขาต่อไคลล์ เหล่าทหารก็ต่างกราดอาวุธปืนยิงเข้าใส่ซีโนโซเฟียสทันทีทันใด กระสุนปืนนั้นยิงไปโดนโต๊ะบ้างแต่มันก็ไม่สามารถมาถึงตัวไคลล์ได้เนื่องจากรีอาจัดการร่ายเวทย์ป้องกันพวกเขาจากกระสุนปืนเอาไว้เป็นเกราะป้องกันแล้วทว่าซีโนโซเฟียส ไม่ ตัวซีโนโซเฟียสลงไปนอนบนพื้น เลือดนั้นไหลนองออกมาเล็กน้อยและทหารคนหนึ่งก็เดินไปเช็คดู
".. มันยังไม่ตาย-!!"
ทันใดนั้นเองซีโนโซเฟียสก็กระโจนลุกขึ้นมาก่อนที่เขาจะจัดการต่อยควักหัวใจของทหารคนนั้นเข้าไปทันทีทันใด ตัวทหารร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดสุดเสียงพร้อมกับกราดปืนเข้าใส่หัวของซีโนโซเฟียสเต็ม ๆ กระสุนนั้นยิงเข้าไม่ถึงตัวซีโนโซเฟียส หากทว่ากระสุนกลับหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาราวกับถูกพลังจิต ตัวซีโนโซเฟียสดึงร่างทหารลง ตัวทหารคนอื่น ๆ เปลี่ยนกระสุนปืนแล้วยิงเข้าใส่ซีโนโซเฟียสต่ออีกครั้ง หากทว่ามันก็ไร้ผล กระสุนนั้นยิงไม่โดยซีโนโซเฟียสเลย
ตัวซีโนโซเฟียสจัดการจ้องมองไปที่ทหารเหล่านั้น ทันใดนั้นตัวของทหารก็เริ่มมอดไปด้วยเพลิงสีดำร่างกายค่อย ๆ สลายหายไปด้วยคำสาปจากดวงตาของซีโนโซเฟียส ทหารเหล่านั้นตายลงไป หากทว่าทันทีที่ซีโนโซเฟียสกำลังจะหันกลับมามองตัวไคลล์เพื่อล้างแค้นต่อการที่เขาพยายามสังหารตัวซีโนโซเฟียส ตัวรีอาก็ลุกขึ้นมาก่อนที่จะจัดการร่ายมนตร์ด้วยแขนทั้งสองข้างของเธอทำให้ดวงตาของซีโนโซเฟียสดับบอดไป
"แกบังอาจนัก !!"
ซีโนโซเฟียสลั่นวาจาของเขาขึ้น แม้ตัวเขาจะมองไม่เห็นอะไรแล้ว มิได้หมายความว่าเขาจะอ่อนแอลง ตัวซีโนโซเฟียสฟังจากเสียงก่อนที่เขาจะดึงอาวุธปืนของทหารที่ตกอยู่บนพื้นและกราดยิงไปทางด้านขวาทันทีทันใด เสียงร้องของไคลล์ดังออกมาด้วยความเจ็บปวด ซีโนโซเฟียสได้ยินดังนั้นจึงเดินตรงเข้าไปพร้อมกับทิ้งหมัดตรงไปที่ใบหน้าในทันที หมัดของซีโนโซเฟียสถูกเข้ากับกระโหลก เลือดนั้นติดไปที่หมัดของซีโนโซเฟียสทั่วไปหมด
"ข้าจะไม่เชื่อใจมนุษย์อีกแล้ว !!-"
ปั่ป
ไม่ทันที่ซีโนโซเฟียสจะพูดจบ ทันใดนั้นเองก็มีหมัดของชายคนหนึ่งซัดหน้าของซีโนโซเฟียสทะลุออกไปนอกเมือง ตกลงไปที่ลานกว้างในทันทีทันใด ซึ่งทหารนั้นได้พากันเดินออกไปหมดแล้ว พื้นหินนั้นยุบลงไปกับพื้น เช่นเดียวกับซีโนโซเฟียสที่ไม่ได้ยินสิ่งใดเลยแม้แต่น้อยทางด้านขวา หูด้านขวาของเขาดับลงไปแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างของเขาดับลงไปแล้ว มันไร้ทางสู้สำหรับซีโนโซเฟียส ชายผู้ที่ต่อยใบหน้าของซีโนโซเฟียสด้วยแรงเหนือมนุษย์ลงมายืนมองไปที่ซีโนโซเฟียสอย่างน่ายินดี ในขณะที่ซีโนโซเฟียสพยายามมองหาชายคนนั้น หากทว่าด้วยมนตร์ของรีอาทำให้เขามองไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้น
"ท่านแม่ทัพ.. ฉันชื่นใจผลงานของแกมาก.." เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นมา ทันทีที่ซีโนโซเฟียสได้ยินคำพูดที่ดูเหยียดหยามอย่างนั้นตัวเขาก็เอ่ยพูดขึ้น
"แกเป็นใคร-"
ควั่บ
ชายคนนั้นจัดการต่อยไปที่ท้องของซีโนโซเฟียสอย่างรุนแรงจนไส้ของปีศาจนั้นทะลักออกมาเฉกเช่นเดียวกับเลือด เมื่อซีโนโซเฟียสโดนหมัดนั้นไปก็จัดการฝืนความเจ็บปวดด้วยรอยยิ้มของเขาแล้วจัดการจับหัวของชายคนนั้นโขกลงไปกับพื้นเต็ม ๆ ใบหน้าของชายคนนั้นกระทบลงไปกับพื้นอย่างรุนแรงในขณะที่ีซีโนโซเฟียสใช้มือข้างหนึ่งของมันกุมท้องปิดแผลเอาไว้จนกว่าร่างกายจะฟื้นฟูบาดแผลเสร็จในขณะที่จัดการจับหัวของชายที่ต่อยเขาโขกลงไปกับพื้นอย่างรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่ซีโนโซเฟียสจะหยุดลงพร้อมกับขึ้นไปนั่งบนร่างของชายคนนั้นแล้วต่อยลงไปอีกครั้ง
"ข้า !! จะ !! สังหาร !! เจ้า !!" ซีโนโซเฟียสตะโกนขึ้นด้วยความเกรี้ยวโกรธของเขา
ฉึก
"ข้าเนี่ยแหละที่สังหารเจ้า" ตัวไคลล์ใช้ดาบของเขาแทงไปที่คอของซีโนโซเฟียส ทำให้ตัวซีโนโซเฟียสพูดไม่ออก เสียงร้องของความเจ็บปวดในขณะที่เลือดค่อย ๆ ไหลออกมาจากคอของเขา ตัวชายที่ถูกใบหน้าของเขาเปื้อนด้วยเลือดของซีโนโซเฟียสก็ลุกขึ้นมา ก่อนที่ทันใดนั้นเองดวงตาของซีโนโซเฟียสจะกลับมา ตัวซีโนโซเฟียสจ้องมองไปที่ชายคนนั้นในขณะที่พยายามลุกขึ้นมาทั้งที่ดาบปักทะลุคอของเขาอยู่
"แก-" ไม่ทันที่ซีโนโซเฟียสจะพูดจบชายคนนั้นก็จัดการใช้มือของเขาบีบคอของซีโนโซเฟียสอย่างรุนแรง ตัวซีโนโซเฟียสพยายามต่อยกลับสุดแรงของเขาซึ่งหากเป็นมนุษย์ธรรมดาแรงขนาดนี้ก็ควรที่จะล้มกองลงไปนอนแล้ว หากทว่าชายคนนี้ไม่
"แกดูถูกฉันต่ำไป แกเลยแพ้"
ควั่บ
ซีโนโซเฟียสถูกกระชากคอออกจากร่างของแม่ทัพปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ร่างค่อย ๆ ล้มลงตกลงไปกองกับพื้นในขณะที่หัวของแม่ทัพปีศาจตนนี้นั้นอยู่บนมือของชายที่แข็งแกร่งเหนือชายคนอื่น ๆ ตัวไคลล์มองไปที่ชายคนนั้นพร้อมรอยยิ้มก่อนจะดึงดาบบนคอของซีโนโซเฟียสออกมาแล้วนำมาเช็ดด้วยผ้าสีขาวที่เขาพกติดตัวมาด้วยแล้วจึงทิ้งผ้าสีเลือดนั้นลงไปกับพื้น
"ยินดีที่ได้ร่วมมือกันนะครับ ท่านเจ้าเมืองแห่งเนฟออสนาร์.."
"ท่านเออร์วิน เฟอร์เดริค ฮิมเลอร์"
"..."
ภายในป่าที่เงียบสงัด ไร้ซึ่งเสียงพูดวาจาของกลุ่มคน มีเพียงเสียงของลม และนกตามธรรมชาติภายในป่าที่ทึบจนแทบจะมองไม่เห็นแสงอรุญในรุ่งสางที่กำลังสาดส่องลงมา เพื่อให้เห็นถึงตะวันของวันใหม่ ตัวลูคัสพึ่งตื่นขึ้นมาและขยับสายตามองไปโดยรอบ เพื่อมองหาเพื่อนผู้รอดชีวิตเช่นเดียวกับเขา ราวกับว่าเขาพึ่งตื่นขึ้นจากความฝัน ซึ่งทำให้ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว และความตื่นตระหนก ดวงตาสีฟ้าของลูคัสขยับสั่นไหวไปทั่ว ปากที่เริ่มสั่นไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ตัวเขากำลังมองเห็นภาพของนรกที่เขาพึ่งฝ่าฟันมากับคนอื่น ๆ เมื่อคืนก่อน
"..เสตลล่า.."
"ระวัง !! เคลเบรอสกำลังมา !!!" เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ตะโกนขึ้นมาก่อนที่จู่ ๆ จะมีเกราะเข้ามาคุมร่างกายของตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ ทันใดนั้นเองก็มีสุนัขสามหัววิ่งตรงเข้ามาหาเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์หวังจะสังหารอีวาน่าในทันทีทันใด
"เข้าไปเร็วลินดา !!" ตัวโยฮันที่เข้าไปหาเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์เพื่อช่วยยื้อสุนัขสามหัวยักษ์ที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์กำลังยันมันออกไปอยู่ เมื่อลินดาได้ยินดังนั้นเธอจึงรีบเข้าไปก่อนที่จะมองไปที่โยฮันอีกครั้ง
"ไม่นะ.. พ่อ-!!"
ไม่ทันที่ลินดาจะพดจบ ทันใดนั้นประตูมิติก็สะเทือนลงช่องนั้นแคบลงไปทำให้ยากที่จะเข้าไปได้มากกว่าเดิม อีวาน่ามองไปที่เดวิดในขณะที่เดวิดยื่นแขนของเขาผ่านประตูมิติไป เดวิดมองกลับไปหาอีวาน่าด้วยสายตาที่หวาดกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เขายังคงคิดว่ามีความหวังทั้งน้ำตาที่ยังคงไหลออกมา อีวาน่ามองกลับไป พวกเขาจ้องหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายในขณะที่เดวิดยังคงพยายามที่จะดึงตัวอีวาน่าเข้าไป ทว่าไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ทัน อีวาน่ายิ้มขึ้นก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมา
"รักษาตัวดี ๆ นะ น้องรัก.." ทันใดนั้นเอง..
"ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ กลับมานะพี่อีวาน่า !! กลับ-" เดวิดก็ได้รู้ตัวว่ามันสายไปแล้ว...
ฉึก
แขนของเดวิดที่ถูกประตูมิติปิดลงผ่าแขนของเขาออก เลือดนั้นไหลออกมาตกลงไปกับพื้นต่อหน้าต่อตาอีวาน่า ในขณะที่อีวาน่านั้นมองไปที่แขนด้วยสภาพที่ช็อค ไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อยว่าเรื่องบ้า ๆ แบบนี้มันจะเกิดขึ้น ตัวอาร์มันโด้และดิลเลี่ยนที่อยู่ด้านหลังอีวาน่าเห็นดังนั้นก็รีบดึงตัวอีวาน่าขึ้นมาเพื่อเรียกสติของเธอกลับมา ตัวอีวาน่าหันกลับมามองสีหน้าของดิลเลี่ยนที่กำลังช็อคและหวาดกลัวพอ ๆ กับอีวาน่าหากทว่ามันไม่มีเวลาให้จ้องมองและร้องไห้แล้วในตอนนี้ เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์และโยฮันที่กำลังต้านเคลเบรอส สุนัขร่างยักษ์สามหัวเริ่มที่จะต้านไม่ไหวแล้วด้วยขนาดที่ใหญ่เกินไปของมัน เมื่อเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้ยินดังนั้นตัวเขาจึงลั่นวาจาเอ่ยขึนทันทีทันใด
"เซอร์เบอรัส.. จัดการ !!"
ทันทีที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้นร่างของเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ก็กระเด็นออกมาอย่างรุนแรง ข้ามหัวของอาร์มันโด้ลงไปนอนกองกับพื้น เกราะของซาเอ็นแปรสภาพกลายเป็นสุนัขสามหัวร่างยักษ์ในพริบตาเดียวก่อนที่มันจะเข้าปะทะกับเคลเบรอสโดยไม่คิดอะไรเลยทันทีทันใด ตัวโยฮันที่เห็นดังนั้นจึงรีบเก็บดาบของเขาแล้วรีบวิ่งเข้ามารวมกับพวกอีวาน่าในทันทีทันใดเช่นเดียวกับเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ที่ค่อย ๆ เดินตามเข้ามาเช่นเดียวกับไดอาน่าที่ถือธนูของเธอมองบรรยากาศโดยรอบอยู่เผื่อเกิดการจู่โจมไม่คาดคิดของอสูรเหล่านี้ที่พวกเธอไม่เคยไม่เห็นมาก่อน
"กลับไปที่รถ" โยฮันพูดขึ้น เมื่ออีวาน่า ดิลเลี่ยน อาร์มันโด้ และลูคัสได้ยินดังนั้นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนั้นและกำลังจะวิ่งกลับไปหากทว่าตัวเสียงหัวเราะแห่.โดเรียร์เข้ามากีดกั้นไว้ก่อน ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นมา
"ไม่ทันหรอก อาชเกอร์คุมอาณัติบริเวญนี้แล้ว ยังไงก็หนีไม่ทัน" ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้น ทันทีที่อีวาน่าได้ยินดังนั้นนางก็พุ่งตรงเข้าไปต่อยใบหน้าของเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์อย่างรุนแรง ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์เสียหลักเล็กน้อยก่อนที่อีวาน่าจะพูดตอบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ
"คิดว่าเราจะหลงเชื่อคำพูดของคนที่พาเรามาเจอเรื่องเ*ี้ย ๆ แบบนี้เหรอ !! จอน ไอ***** !!" อีวาน่าจำใบหน้าของเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้ เธอจึงเอ่ยชื่อปลอมที่เขาบอกกับอีวาน่าขึ้น เมื่อเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้ยินดังนั้นตัวเขาก็พูดตอบ
"ไว้ด่าตอนอื่นก็ได้แต่ตอนนี้ฟังที่ข้าพูดก่อน !!" ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ตะโกนขึ้นมาพร้อมวาจามารยาทที่แท้จริงของเขา เมื่อลูคัสได้ยินดังนั้นตัวเขาจึงเอ่ยพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายในขณะที่เขามองไปที่เซอร์เบอรัสที่ดูเหมือนว่าจะเริ่มต้านเคลเบรอสไม่อยู่เนื่องด้วยมีอสุรกายประหลาด ๆ มาช่วยมันจัดการสุนัขสีดำร่างยักษ์ตัวนั้น
"จะให้ทำยังไง.." ลูคัสเอ่ยถามขึ้นมา ทันทีที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้ยินดังนั้นตัวเขาก็เอ่ยขึ้นมา
"เข้าไปในป่า .. ข้าเตรียมมณีเวทย์มนตร์ซ่อนเอาไว้สำหรับหลบหนีฉุกเฉิน มันช่วยพาเราไปที่ ๆ อื่นได้ ตามข้ามา !!"
เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้นก่อนที่เขาจะรีบวิ่งนำเข้าไปในป่าในทันที เมื่ออีวาน่าและคนอื่น ๆ เห็นดังนั้น พวกเขาก็ต่างวิ่งตรงเข้าไปในป่าในทันที ในขณะที่อสุรกายเคลเบรอสเริ่มที่จะสามารถเอาชนะเซอร์เบอรัสได้แล้ว หัวข้างหนึ่งของเคลเบรอสจัดการคำรามออกมาเป็นไฟเข้าเผาหัวของสุนัขอีกข้างของเซอร์เบอรัสทำให้มันอ่อนแอลง ในขณะเดียวกันก็มีแมลงป่องมีปีกคอยเข้ามาโฉบหลังของเซอร์เบอรัสและปล่อยพิษลงไปสู่ร่างกายของมันทำให้มันอ่อนแอลง เมื่อเซอร์เบอรัสเห็นท่าทีว่ามันจะพ่ายแพ้มันจึงคำรามเปล่งเสียงของมันดังกึกก้อง เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ที่ได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งต่อไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเอ่ยขึ้นมา
"เร็วเข้า เซอร์เบอรัสพ่ายแพ้แล้ว !" เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ตะโกนขึ้น เมื่ออีวาน่าและคนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้นต่างก็รีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งอาร์มันโด้ที่วิ่งตามหลังก็คว้าตัวอีวาน่าขึ้นมาอุ้มและรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
"..กลับมา.." ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์กล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบา ทันทีที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้นร่างของเซอร์เบอรัสที่ล้มลงกองกับพื้นและกำลังจะถูกเคลเบรอสเผด็จศึกก็เปล่งแสงออกมา ทำให้เคลเบรอสและแมลงป่องมีปีกตัวนั้นมองไม่เห็นสิ่งใดเนื่องด้วยแสงนั้น ร่างของเซอร์เบอรัสหายไป และแสงนั้นจะช่วยยื้อเวลาได้ไม่นานนัก
ในขณะเดียวกันตัวพอลล์ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาบนรถของพวกโยฮันซึ่งได้ทิ้งเขาไปนานแล้วก็มองไปรอบ ๆ ตัวเขา เขาพบกับความอาละวาดวุ่นวายไปเต็มไปหมด ตัวพอลล์ค่อย ๆ ลงมาจากรถ ด้วยความขี้ขลาดของเขา เขาจึงรีบวิ่งออกให้ห่างจากบริเวญนั้น หากทว่าทันทีที่เขาหันหลังเขาก็พบกับอสูรต้นไม้ที่มีเขาของกวางอยู่บนหัวและมีสีเขียวของป่าไม้อยู่รอบตัวของเขาเล็กน้อย ตัวอสูรยิ้มขึ้นมาในขณะที่พอลล์ยังคงสับสนหวาดกลัวอยู่
"ไม่ต้องกลัว.. ข้าคือภูติผู้คุ้มกันป่าเท่านั้น.."
แคร่ก
อสูรตัวนั้นพูดจบด้วยน้ำสียงที่นุ่มนวลเป็นมิตรก็เข้าจัดการหักคอร่างของพอลล์ในทันที ตัวพอลล์สิ้นชีพลงด้วยใบหน้าที่เข้าสู่ความหวาดกลัวสูงที่สุด ร่างนั้นตกลงไปกับพื้น เลือดไหลออกจากดวงตา จมูก และปากอย่างน่าสยดสยอง ในขณะที่อสูรตัวนั้นมองตรงเข้าไปในป่าพร้อมกับยิ้มขึ้น
"ท้าทายข้าอย่างนั้นเหรอ .. เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์.. ข้า อาชเกอร์ สร้างเจ้า และตอนนี้ข้าก็จะดับชีพของเจ้าเอง" ตัวอสูรลั่นวาจาของมันออกมา ก่อนที่ทันใดนั้นมีโนทอร์ที่มีหัวเป็นกวาง ท่อนล่างเป็นม้า และมีแขนข้างหนึ่งเป็นก้ามปูอีกข้างเป็นกรงเล็บอันแหลมคม
"จัดการมัน กัลลัช"
ทันใดนั้นกัลลัชหรือมีโนทอร์ทรงประหลาดตรงนั้นก็วิ่งตรงเข้าไปในป่าในทันทีพร้อมกับทำลายป่าบริเวญนั้นเพื่อให้ตรงเข้าไปหาพวกเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันพวกเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ก็ใกล้จะถึงแล้ว ตรงหน้าของพวกเขาคือกระเป๋าเดินทางสีแดงเล็ก ๆ ที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้วางเอาไว้ ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์รีบคว้ามันขึ้นมาแล้วค้นหาอัญมณีที่เขาได้กล่าวขึ้นก่อนหน้านี้เพื่อที่จะพาพวกเขาออกไปจากสถานการณ์นี้ ก่อนที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์จะดึงมณีสีขาวส่องแวววาวพร้อมกับมีแสงสีน้ำเงินอยู่ภายในราวกับว่าเป็นสายฟ้าที่ถูกขังอยู่ภายในมณี ทว่ามีอัญมณีทั้งหมดเพียงแค่..
"มีแค่ 5 อัน.."
ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้น เมื่ออีวาน่าและคนอื่น ๆ ได้ยินต่างก็มองหน้ากันและกัน ตัวโยฮันและดิลเลี่ยนที่มาถึงเป็นสองคนสุดท้ายก็มองไปที่พวกอีวาน่าที่ยังคงตกใจเรื่องที่ว่าอัญมณีมีไม่ครบอยู่ ทว่าทันใดนั้นเองเสียงของต้นไม้ที่เริ่มค่อย ๆ พังลงมาเรื่อย ๆ ทีละต้น ทีละต้นก็ดังมาเรื่อย ๆ เผยให้เห็นกัลลัชวิ่งตรงมาหาพวกอีวาน่าอย่างรวดเร็ว เมื่อโยฮันเห็นดังนั้นตัวเขาก็ชักดาบออกจากฝักอีกครั้งก่อนที่จะหันกลับมามองพวกอีวาน่า
"ฉันจะช่วยยื้อเวลาเอาไว้ !"
ตัวโยฮันพูดขึ้น ทันใดนั้นตัวโยฮันก็วิ่งตรงไปหากัลลัชพร้อมกับดาบบนมือของเขา ดาบของโยฮันเปล่งแสงสีแดงออกมา และทันทีที่โยฮันฟาดฟันดาบของเขาเข้าหากัลลัช มีโนทอร์ตัวนั้น เผยให้เห็นเพลิงสีแดงฉานตรงไปหา่มันในทันทีทันใด ด้วยเพลิงที่ร้อนระอุทำให้มีโนทอร์ตัวนั้นถอยออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาอย่างแผ่วเบา เนื่องด้วยเผลวเพลิงเฉียดร่างของมันไปเล็กน้อย ทำให้รอยไหม้เต็มตัวไปหมด เมื่อพวกอีวาน่าเห็นดังนั้น เธอก็คว้ามณีขึ้นมาก่อนที่จะมอบให้ดิลเลี่ยน ไดอาน่า ลูคัส และเก็บไว้กับตัวเธอเองหนึ่งดวง ส่วนเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ก็ได้เก็บของเขาไว้แล้วอีกดวงหนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้อาร์มันโด้เป็นอีกคนที่จะต้องถูกทอดทิ้ง
"ไม่นะ แล้วอาร์มันโด้ล่ะ !" ตัวดิลเลี่ยนเอ่ยถามอีว่าน่าขึ้น เมื่ออีวาน่าได้ยินดังนั้นเธอก็มองกลับด้วยความคิดที่เหมือนกับดิลเลี่ยน ความคิดที่มีเพียงคำเดียวอธิบายได้คือช็อค
"ฉันก็ไม่รู้ แต่มันไม่มีเวลาแล้ว-"
ฉึก
"อ่ะ.."
"ไอเวรตะไล !!!"
ปัง ปัง ปัง ปัง !!
แมลงป่องมีปีกพร้อมกับใบหน้าของเสือบินลงมาพร้อมกับใช้หางแมลงป่องของมันแทงไปที่หลังของดิลเลี่ยนทันทีทันใดโดยไม่มีใครคาดคิด ตัวอาร์มันโด้ที่เห็นดังนั้นก็ใช้ปืนยิงตรงไปที่มันในทันทีทันใดกระสุนปืนโดนเข้าใส่ร่างของมันเข้า ทำให้ตัวแมลงป่องมีปีกตัวนั้นบินตกลงมากองกับพื้นพร้อมกับเลือดไหลนองไปหมด ส่วนดิลเลี่ยยนก็ค่อย ๆล้มลงไปนอนกองกับพื้นพร้อมกับสำเลือกเลือดของเขาออกมา ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็วราวกับพิษเริ่มออกฤทธิ์ในไม่ถึงเสี้ยววินาที ตัวอาร์มันโด้เข้ามาดูอาการของดิลเลี่ยนในขณะที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์มองไปที่ทางด้านโยฮันกำลังเข้าสู้กับกัลลัชอยู่และดูเหมือนว่าโยฮันกำลังจะได้เปรียบอยู่
"ดิลเลี่ยน ! มองฉันดิลเลี่ยน !!" อีวาน่าพูดกับดิลเลี่ยนขึ้น ตัวดิลเลี่ยนได้ยินดังนั้นตัวเขาก็พยายามจะพูดขึ้นมาหากทว่าปากของเขากลับสั่นและเปล่งวาจาออกมาเป็นคำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
"เขาถูกพิษของดัลลีก้า .. พิษจะทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตอย่างนี้แล้วทำให้ตายในวันต่อมา ทางเดียวที่จะปลดพิษได้คือสังหารอาชเกอร์ก่อนที่จะตาย" เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้นทันทีที่อาร์มันโด้ได้ยินดังนั้นก็มองไปที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นต่อ
"แล้วมันอยู่ไหน ! ไออาชเกอร์นั่นน่ะ !!" อาร์มันโด้พูดเสียงดังลั่นออกมาด้วยความเกรี้ยวของเขา หากทว่าเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์เอ่ยตอบต่อโดยไม่คิดแม้แต่น้อยนิด
"เจ้าไม่มีทางจัดการอาชเกอร์ได้แน่ .. ข้ายังพอมีทางแต่.. ในสภาพข้าตอนนี้ไม่ไหว" เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้นพร้อมกับมองสภาพแขนขาของเขา ก่อนที่อาร์มันโด้จะเล็งปืนไปหาเสียงหัวเราะแห่.โดเรียร์ด้วยควาเมกรี้ยวของเขาแล้วพูดต่อ
"หมายความว่ายังไง ! ภารกิจของฉันคือปกป้องเขาและคนอื่น ๆ ฉันต้องช่วยเขา !!"
"มันไม่มีเวลาแล้ว !! เจ้าก็เป็นทหารนี่ เจ้าก็ต้องเข้าใจ !! มันสายไปแล้ว !!!.." ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ตะโกนกลับอาร์มันโด้ที่ตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาควรจะทำอะไร ตัวอาร์มันโด้พูดขึ้นอีกครั้งในขณะที่น้ำตาของเขาเริ่มไหลรินออกมาเล็กน้อย
"ถ้าฉันทิ้งเขาตอนนี้... เกียรติของฉันมันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ.. มันจะกลายเป็นตราบาปอีกตราหนึ่งที่ฉันต้องแบกรับ" อาร์มันโด้พูดขึ้นมา เมื่อเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้ยินดังนั้นตัวเขาก็เข้าคว้าจับไหล่ของอาร์มันโด้ขึ้นมาก่อนที่เขาจะพูดต่อ
"แบกรับมันเอาไว้.. ทหารอย่างเรามีหน้าที่สังหารและแบกรับตราบาปเหล่านั้นนั่นแหละ.."
"มันมีพวกมาเพิ่ม !!" โยฮันที่กำลังเข้าปะทะกับกัลลัชอยู่ได้พูดขึ้น ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นกอริลล่าหกแขนที่มีหน้าเป็นสิงโต เมื่ออาร์มันโด้ได้ยินทั้งคำพูดของโยฮันและเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ตัวเขาก็มอวไปที่ดิลเลี่ยน สบตากัน มองไปภายในดวงตาของดิลเลี่ยน ดวงตาที่สื่อกับอาร์มันโด้ ว่าให้ทำตามเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ ตัวอาร์มันโด้จึงคว้ามณีของดิลเลี่ยนขึ้นมาก่อนที่เขาจะมองไปที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์อีกครั้ง ทันทีที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์เห็นดังนั้นตัวเขาก็เอ่ยขึ้น
"เอ่ยนามของพวกเจ้ามา" ทันทีที่อีวาน่า ลูคัส ไดอาน่า อาร์มันโด้ได้ยินดังนั้นพวกเขาก๋เอ่ยขึ้นในขณะที่โยฮันถูกอสูรสองตัวเข้าลุมจู่โจม หากทว่าด้วยอิทธิฤทธิ์ของโยฮันนั้นทำให้เขายังสามารถสู้กับมันได้อยู่ พวกอีวาน่าจึงรีบเอ่ยนามของพวกเขาอย่างรวดเร็วในทันทีทันใด
"อีวาน่า วินสตัน"
"ลูคัส นอร์ธ"
"อาร์มันโด้ ดีอ้อน"
"ไดอาน่า การ์เซส"
"ร่างโคลนตัวที่สามของ.." ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ก็เอ่ยนามที่แท้จริงของเขาขึ้นต่อไปในทันทีทันใดอย่างแผ่วเบาราวกับหากเป็นไปได้ก็ไม่อยากที่จะให้ใครทราบถึงนามที่แท้จริงของเขา
"ซาเอ็น ซาเอทัจ" ทันทีที่ไดอาน่า และลูคัสได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นราวกับว่าเห็นคนตายมา นามของเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้า ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์จึงเอ่ยต่อไป
"สถานที่ที่จะไป.. ระแวกเมืองโซเดีย"
ทันใดนั้นเองมณีก็มีแสงสว่างสีน้ำเงินขึ้นมา สายฟ้าภายในมณีค่อย ๆ ปกคลุมมณีจนกลายเป็นสีน้ำเงินสนิทก่อนที่ทันใดนั้นเองร่างของพวกเขาจะมีแสงสีน้ำเงินเปล่งออกมา ร่างกายเริ่มรู้สึกเบาลง ประสาทสัมผัสที่เริ่มทำงานไวขึ้นผิดปกติ เรื่องที่ทำให้อาร์มันโด้ และอีวาน่าต้องงงจนสมองแทบระเบิดเนื่องจากอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ทันทีที่โยฮันเห็นดังนั้น ดาบของเขาเริ่มแอปรสภาพกลายเป็นสีเขียว ก่อนที่โยฮันจะฟาดฟันดาบเหล่านั้นตัดร่างของกอริลล่าหกแขนออกเป็นเสี่ยง ๆ
หากทว่าทันทีที่จัดการกับกอริลล่าตัวนั้นได้นั้น โยฮันก็ถูกกัลลัชใช้แขนข้างที่เป็นกรงเหล็บของมันฟาดเข้าที่ใหน้าอย่างจังจนหน้ากากของเขานั้นหลุดออกจากใบหน้า อีวาน่าที่มองไปืที่โยฮันอยู่เห็นดังนั้นตัวเธอใช้มือของเธอขึ้นมาปิดปากของเธอเองทันทีทันใดด้วยความกลัว เลือดนั้นไหลออกจากหน้าผากของโยฮัน ดวงตาสีเขียวที่มองไปที่อีวาน่าในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล และรอยไหม้ของเปลวเพลิง ราวกับว่าเป็นบาดแผลจากการฝึกใช้ดาบของเขา ตัวโยฮันมองไปที่อีวาน่าพร้อมกับเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาพยายามลุกขึ้นมา
"ถ้าพบกับลินดา.. ฝากบอกเธอด้วยว่า... ผม... "
"รักเธอ" และชั่วพริบตานั้นพวกอีวาน่าก็ถูกย้ายมายังในป่าใกล้ ๆ กับเมืองโซเดีย โดยไม่มีใครรู้ว่าชะตากรรมของโยฮันและดิลเลี่ยน เกิดอะไรขึ้นต่อไป
"เสตลล่า.."
ลูคัสเอ่ยขึ้นมาก่อนที่ตัวเขาจะค่อย ๆ ลุกขึ้นมายืนขึ้น ทว่าด้วยความที่สติยังคงมึนงงจึงทำให้เดินเสียหลักเล็กน้อยถึงอย่างนั้นก็มิใช่ปัญหาอะไร ตัวลูคัสจึงเดินต่อไปผ่านคนอื่น ๆ ที่ยังคงนอนพักอยู่เล็กน้อย ตัวลูคัสเดินตรงไปเรื่อย ๆ ไปพิงอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากเมืองของเขาแล้ว เมืองที่เขาปกครองอยู่ เมืองโซเดีย ทันใดนั้นเองตัวไดอาน่ากับอาร์มันโด้ก็ตื่นขึ้นมาตามกัน ตัวอาร์มันโด้ลุกขึ้นไปพร้อมกับคว้าปืนของเขาขึ้นมา เพื่อที่จะไปสังเกตุดูบริเวญโดยรอบ ส่วนไดอาน่าตื่นขึ้นมาก็เดินตรงไปหาลูคัสด้วยใบหน้าที่ยังดูสรึมระรือหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่
"กลับสู่เมืองแล้วสินะ .. ท่านลอร์ด"
ตัวไดอาน่าเอ่ยถามขึ้นในขณะที่เธอมองผ่านต้นไม้ เห็นหญ้าสีเขียวขจียาวจรดตรงไปสู่กำแพงเมืองที่สูงตระหง่านราวกับสร้างขึ้นเพื่อป้องกันยักษ์อะไรอย่างนั้น หากทว่ากำแพงเมืองนั้นยังคงเสียหายอยู่เนื่องจากการทำลายล้างของอัลมีไทร์เมื่อไม่นานมาแล้ว นั่นจึงทำให้หากมีกองทัพบุกเข้ามานั้น การป้องกันนั้นจะทำได้ยากกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ตัวลูคัสที่ได้ยินคำพูดของไดอาน่าดังนั้นตัวเขาก็มองกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขชั่วขณะหนึ่งหากทว่าดวงตาของเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความผิดหวังอยู่ดี
"สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ของข้าน่ะแหละนะ" ตัวลูคัสเอ่ยขึ้น เมื่อไดอาน่าได้ยินดังนั้นตัวนางก็ยิ้มขึ้นตามเล็กน้อยเช่นเดียวกับลูคัส แม้ว่ามันเป็นมุขตลกแป๊ก ๆ ที่ฟังยังไงมันก็ไม่ขึ้น แต่เพราะอย่างนั้นมันจึงช่วยเติมเต็มช่องว่างที่เหลือของพวกเขานั่นเอง
"อย่าพึ่งเสียไปเร็ว ๆ นี้ก็แล้วกัน .. เพราะว่า-" ไม่ทันที่ตัวไดอาน่าจะได้พูดจบ จู่ ๆ ทันใดนั้นตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ก็เดินเข้ามายืนกั้นตัวไดอาน่าและลูคัส ตัวเขามองตรงไปที่เมืองก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นมาด้วยสายตาที่จริงจังเป็นอย่างมาก
"เมืองของเจ้า เป็นเสาค้ำจุนสุดท้ายของเอลลาสและอาจเป็นด่านสุดท้ายของยุคแห่งความสงบของโดเรียร์แล้วก็ได้.." ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์เอ่ยขึ้นมา ก่อนที่ตัวเขาจะหันตรงมองไปที่ลูคัส ตัวเขาจับจ้องมองไปที่ลูคัสอย่างจริงจัง และไม่ใช่ดวงตาของศัตรูแต่อย่างใด หากทว่าเต็มไปด้วยความเป็นมิตรที่ลูคัสไม่ได้คาดถึงมาก่อน
"ความมืดมันกลับมาแล้วท่านลอร์ด.. และมีเพียงพวกเราเท่านั้นที่หยุดมันได้"
"เจ้าพูดได้ผิดมาก เจ้านักฆ่าเลือดเย็นเจ้าสังหารสามีข้าและมีหน้ามาทำตัวเป็นผู้กล้าอีกอย่างนั้นเหรอ .. ซาเอ็น !" ตัวไดอาน่าพูดเสียงดังขึ้นมาเข้าใส่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ด้วยความเกรี้ยวและความแค้นที่ยังหลงเหลืออยู่ในใจของเธอ เมื่อเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้ยินดังนั้นจึงหันกลับมามองไปที่ไดอาน่าก่อนที่ตัวเขาจะพูดตอบพร้อมกับยิ้มหัวเราะขึ้นมา
"เรียกข้าว่าซาเรียสเถอะ .. ข้าเป็นเพียงร่างโคลนของซาเอ็น มิใช่ซาเอ็นแต่อย่างใดหากทว่าก็ยังมีความทรงจำของเขาอยู่ .. แต่อุดมการณ์ก็ยังคงเป็นของข้า และข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้าอภัยแก่ข้าแต่อย่างใด ข้าแค่ต้องการจะบอกว่าภารกิจเดิมของข้าเสร็จสิ้นลงแล้ว และตอนนี้ข้าเป็นมิตรของพวกเจ้า"
ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์หรือซาเรียสพูดขึ้นอย่างซื่อสัตย์โดยไม่มีการโกหกแต่อย่างใดในสายตาของเขา เมื่อไดอาน่าเห็นดังนั้นตัวนางจึงพูดต่อโดยเข้าใจคำพูดของซาเรียสทุกคำ
"ก็ตามนั้น หากข้าไม่จำเป็นต้องมีเจ้าเป็นมิตรเมื่อใดข้าก็จะสังหารเจ้าในทันที.. และอีกเรื่องหนึ่งที่เจ้าพูดน่ะข้าขอแย้งเรื่องหนึ่ง" ตัวไดอาน่าพูดขึ้น ก่อนที่นางจะหันกลับหลังมองออกไปพร้อมกับพูดขึ้น ในขณะที่สายตาของเธอจับจ้องไปทางที่อีวานน่านอนพักอยู่ เช่นเดียวกับอาร์มันโด้ที่เดินกลับมาพร้อมอาวุธบนมือของเขา
"พวกเราไม่ใชความหวังเดียว ..ซาเรียส.. ยังมีพวกของข้า และพวกของพวกเขาอยู่"
"มาถึงเมืองยะมิแล้วครับ"
ชายไว้หนวดเคราสีดำสนิทคนหนึ่งพูดขึ้นในขะที่ตัวเขาควบม้าจงมาจอดหน้าเมืองหนึ่งที่มีสิ่งก่อสร้างแตกต่างจากเมืองอื่น ๆ มีกำแพงเมืองพร้อมอักขระอักษรประหลาดเป็นเส้นสีดำเขียนจากพู่กันหน้าเมือง มีต้นไม้สองต้นตั้งอยู่ด้านซ้ายและด้านขวาภายในกำแพงประตูเมืองที่ไม่ใหญ่มากนัก พร้อมกับมีประชาชนในชุดคลุมโยราญ ๆ เดินไป ๆ มา ๆ อยู่ภายในเมือง ราวกับว่าเป็นอีกประเทศหนึ่งภายในประเทศที่ได้กลายเป็นจักรวรรดิเผด็จการแล้วอะไรอย่างนั้น
เมื่อหญิงสาวสองคนภายในรถม้าได้ยินดังนั้น ทั้งคู่จึงค่อย ๆ เดินลงมาในชุดยูกาตะสีแดง บนมือหญิงสาวคนหนึ่งมีคันธนู อีกคนนั้นมีมีดสั้นพกติดอยู่กับชุด หญิงสาวคนนั้นเดินออกมาก่อนที่ทั้งคู่จะมองหน้ากันราวกับว่าตกลงกันว่าจะทำตามที่ได้พูดไว้ก่อนก่อนหน้านี้มั้ย ทั้งคู่พยักหน้าใส่กันก่อนจะก้มหัวให้กับชายแก่คนนั้น แม้จะดูไม่สวยงามและไม่ตรงกับมารยาทของทางเขานักแต่ชายแก่คนนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตรกลับ
"ข้าขอตัวก่อนแล้วกันนะ นักรบเวทย์ทั้งหลาย" ชายแก่คนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่ตัวเขาจะควบม้าตรงออกไปทางอื่น เพื่อที่จะเข้าเมืองในทางที่ทหารหน้าเมืองอนุญาติให้นำม้าเข้าได้ หญิงสาวผมสีดำที่ดูเป็นพี่จึงพูดกลับแทนที่หญิงสาวผมบลอนด์อีกคน
"ค่ะ รักษาตัวด้วยนะคะ" สิ้นเสียงของเธอ หญิงสาวผมสีบลอนด์ก็กล่าวขึ้นกับหญิงสาวผมสีดำในทันที
"พี่เกล ข้ารู้สึกกลัวยังไงไม่รู้" หญิงสาวผมสีบลอนด์กล่าวขึ้นพร้อมสายตาที่ดูตื่นตระหนก เมื่อหญิงสาวผมสีดำที่ชื่อเกลเห็นดังนั้นจึงเอ่ยตอบ
"ไม่ต้องกลัวหรอกแฟรี่ เรากลับมาเพื่อขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์เท่านั้น"
"ท่านมัตซึอุระ ริกะ ราชินีแห่งอาร์ธีร์น่ะ"
_______________
เช้ารุ่งสาง ณ เมืองเกนเดล ประเทศอาร์ธีร์ อีกมิติหนึ่ง
ท่ามกลางทหารนับหมื่นคนภายนอกปราสาทขนาดใหญ่แห่งเมืองเกนเดลที่ถูกสร้างจากหินขาวสะอาดที่เรียงต่อกันเป็นประติมากรรมที่งดงามเหนือสิ่งใดภายในเมือง เหล่าทหารในชุดเกราะรบเหล็กที่ถูกตีตราเป็นสัญลักษณ์ลายกะโหลกมังกร สัญลักษณ์ที่ราวกับว่ากำลังท้าทายอำนาจของราชินีมัตซึอุระ ริกะแห่งอาร์ธีร์ ที่ได้มองธงชาติของประเทศด้วยสัญลักษณ์ของมังกรสยายปีก หากทว่าทหารแห่งอาร์ธีร์เหล่านี้กลับมีตราของมังกรที่ตายไปแล้วอยู่ ทันใดนั้นเองทหารเกราะรบสองคนก็ได้เดินออกมาจากด้านในปราสาทออกมาต่อหน้าเหล่าทหารบนชั้นสูงสุดของปราสาท มายืนอยู่ด้านหน้าธงสีขาวพร้อมกับร่างมังกรสีแดงสยายปีกสองข้างตรงกลางธง ทหารสองคนนั้นดึงธงก่อนที่จะโยนลงมาจากปราสาท เป็นการทำลายภาพของอาร์ธีร์ลงไปต่อหน้าคนในประเทศเดียวกัน
ว่าแล้วเงาของผู้ที่มีอิทธิพลทั้งสาม ผู้ที่ได้สร้างเรื่องเหล่านี้ให้เกิดขึ้นมาก็เดินออกมาจากเงามืด เผยให้เห็นแม่ทัพปีศาจซีโนโซเฟียสในเกราะนักรบขนาดใหญ่ทางด้านซ้ายมือ ตัวแม่มดรีอาในชุดราตรีสีดำทางด้านขวามือ และไคลล์ เมนเซลในชุดของกษัตริย์พร้อมผ้าคลุมสีขาวสะอาดที่ยืนเด่าเป๋นสง่าต่อหน้าเหล่าทหารนับหมื่นคนที่บนมือถือดาบ ธนู ขวาน และอื่น ๆ กันครบมือ ภาพของไคลล์ที่ค่อย ๆ กางแขนของเขาขึ้นมา ราวกับว่าตัวไคลล์กำลังจะกล่าวสุนทรพจน์บางอย่างเพื่อปลุกระดมใจเหล่าทหารของเขา เพื่อนำไปสู่การนำกองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกโดเรียร์ และสงครามระหว่างเอลลาสและอาร์ธีร์
"พวกเจ้า .. ทหารผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ! .. ตอนนี้พวกท่านกำลังยืืนอยู่ในวันที่ประวัติศาสตร์จะต้องจดจำไปจนวันอวสาน.. วันสุดท้ายของประเทศอาร์ธีร์ ! ที่ปกครองโดยราชินีมัตซึอุระ ริกะ .. และเป็นอรุญแรกของจักรวรรดิที่จะนำไปสู่แสงใหม่ของเรามนุษย์และปีศาจแห่งโดเรียร์ !!" ตัวไคลล์ตะโกนขึ้นมาก้องกู่ไปทั่ว พอที่จะให้เหล่าทหารที่กล้าหาญเหล่านี้ได้ยินกันหมดทุก ๆ คน ทุก ๆ คำชัดเจนแทรกเข้าไปในหูของเหล่าทหาร ปลุกใจของพวกเขาด้วยคำพูดที่สัตย์จริงจากปากของไคลล์
"ตัวข้า.. ไคลล์ เมนเซล ได้ยุบสภาของเหล่าขุนนางทั้งสิบสองแห่งอาร์ธ๊ร์ และทุก ๆ เมืองในอาร์ธีร์ ณ ตอนนี้ จะทุกปกครองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยไม่มีกาปกครองตนเอง ทุก ๆ อย่างจะอยู่ในการดูแลของเมืองหลวงแห่งนี้ โดยมีข้าเป็นผู้สั่งการ !!"
ตัวไคลล์ตะโกนขึ้นมาในขณะที่แววตาของเขาเริ่มที่จะแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาของผู้นำ ทุก ๆ สายตาจับจ้องมายังไคลล์โดยไม่มีการเปลี่ยนสายตาไปทางใดแม้แต่น้อย ทุก ๆ คนกำลังรอคำพูดต่อ ๆ ไปของไคลล์ และเมื่อไคลล์เห็นดังนั้นตัวเขาก็แสยะยิ้มขึ้นมาราวกับว่ามันเป็นไปตามแผน ก่อนที่ตัวเขาจะเริ่มพูดต่ออีกครั้ง
"กฏหมายทั้งหมดจะถูกรื้อออกจนหมดและจะมีการตั้งกฏใหม่มากมายอย่างเคร่งครัด มัตซึอุระ ริกะจะต้องถูกประหารทันทีที่ถูกพบเห็น เหล่าปีศาจจะมีสิทธิเท่าเทียมกับมนุษย์ จะไม่มีระบบทาสอีกต่อไป มีเพียงเสรีชนเท่านั้น ! .."
"ทุก ๆ ชีวิตของประชาชนนั้นมีค่า และทุก ๆ การเสียสละของเหล่าทหารจะเป็นแรงผลักดันเพื่อสร้างรากฐานให้กับจักรวรรดิ !! พวกเจ้าเหล่าทหารกองทัพแรกแห่งจักรวรรดิพอใจหรือไม่กับกฏหมายนี้ !!!" ตัวไคลล์ตะโกนลั่นขึ้นมาพร้อมกับยกแขนขวาของเขาขึ้น ทันทีที่เหล่าทหารเห็นดังนั้นพวกเขาต่างพร้อมกันคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับลดอาวุธของพวกเขาลงกับพื้นแนบแขนซ้ายของพวกเขาก่อนที่จะตะโกนกลับสุดเสียงของพวกเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ
"พอใจครับ !!!!!!"
เสียงที่ดังก้องไปทั่วลานกว้างภายในปราสาทดังกู่ไปถึงเหล่าประชาชนในรอบด้านของปราสาท ดังมากพอที่จะทำให้ประชาชนฝ่ายเดียวกันหวาดผวากับความน่าสะพรึงและความเกรงขามของทหารเหล่านี้ ตัวไคลล์เอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าของเขาที่เปิดออกไปทั่วก่อนที่เขาจะลดแขนขวาของเขาลง นั่นทำให้เหล่าทหารต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนกลับมาประจำยังท่าเดิมอย่างพร้อมเพรียงกัน
"เอาล่ะ .. ณ บัดนี้ ตัวข้า ไคลล์ เมนเซลได้ขอสถาปนาจักรวรรดิอีซานเป็นแผ่นดินใหม่แห่งโดเรียร์แทนที่ประเทศอาร์ธีร์ โดยมีกษัตริย์องค์แรกคือ ไคลล์ เมนเซล เป็นผู้ครองราชย์ .. จงเชิญธงแห่งจักรวรรดิใหม่นี้ขึ้นมา เหล่าทหารของข้า !!"
สิ้นเสียงของไคลล์ ทันใดนั้นเองเหล่าทหารสองคนที่ไปประจำตรงตำแหน่งที่เคยมีธงของอาร์ธีร์อยู่ก็ค่อย ๆ ตั้งธงบนกำแพงปราสาทเช่นเดียวกับทหารที่ประจำอยู่หน้าปราสาท ตรงหอคอยและอื่น ๆ พวกเขาต่างพร้อมเพรียงกันโปรยธงลงมาเป็นแนวตั้งเด่นเป็นสง่า สีน้ำเงินและสีเหลืองบนธงที่สื่อถึงพลังอำนาจและกฏระเบียบของจักรวรรดิและกระโหลกของมังกรที่สื่อถึงความน่าเกรงขามของกองทัพ จักรวรรดิวิคที่ได้ขึ้นชื่อของพวกเขาบนตราแผ่นดินอาร์ธ๊ร์ และเป็นประเทศแรกที่ยอมรับปีศาจเป็นเสรีชนดังมนุษย์ในรอบพันปีที่ผ่านมา
"ทรงพระเจริญ !!! ทรงพระเจริญ !!! ทรงพระเจริญ !!!" เหล่าทหารที่พร้อมใจกันตะโกนขึ้นมาในขณะที่ยกอาวุธของพวกเขาขึ้นมาพร้อมกัน เช่นเดียวกับเหล่าประชาชนบางส่วนที่เริ่มพากันตะโกนตาม เมื่อไคลล์เห็นดังนั้นตัวเขาจึงตะโกนขึ้นต่อในขณะที่เหล่าทหารเริ่มเบาเสียงของพวกเรากลับมาเงียบดังเดิม
"ในอีกเจ็ดราตรี .. ไม่ว่าข้าจะเป็นหรือตาย ไม่ว่าข้าจะอยู่ตรงนี้อยู่หรือไม่.. กองทัพของพวกเจ้าทั้งหมดสามพันนายและกองทัพของปีศาจจะแปรขบวนเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งพันปี เข้าจู่โจมเมืองโซเดีย และรวมส่วนหนึ่งของแผ่นดินเอลลาสเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ !!"
"ขอให้วาจาของข้ากลายเป็นความจริง"
ตัวไคลล์พูดขึ้นอย่างแผ่วเบาทำให้เหล่าทหารนั้นไม่ได้ยินคำพูดที่ตัวไคลล์กล่าวขึ้น ทว่าซีโนโซเฟียสและรีอาที่ยืนอยู่ด้านข้างของไคลล์นั้นได้ยินอย่างชัดเจน ก่อนที่ทันใดนั้นเองตัวไคลล์จะเดินกลับเข้าไปยังปราสาทดังเดิมในขณะที่เหล่าทหารนั้นพากันส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วแล้วจึงต่างพากันตะโกนชื่อของกษัตริย์องค์ใหม่ของพวกเขา "ไคลล์ !" "ไคลล์ !" "ไคลล์ !"
ไคลล์นั้นเดินตรงไปเรื่อย ๆ ผ่านเหล่าทหารยามที่ถืออาวุธเรียงกันเป็นแถวตามทางที่ไคลล์เดินตรงไป คอยอารักขาตัวไคลล์จากอันตรายเอาไว้ ในขณะที่ซีโนโซเฟียสและรีอาที่เดินตามหลังไคลล์นั้น สายตาที่จับจ้องไปหาพวกเขากลับเต็มไปด้วยความเกลียดชังภายในของมนุษย์ และนั่นยิ่งทำให้ตัวซีโนโซเฟียสหงุดหงิดกับมันเข้าไปใหญ่หากทว่าตัวเขาก็ไม่สนใจอะไรและเดินผ่านมันไปพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าปีศาจของมัน
พวกเขาเดินตรงไปจนถึงห้องของไคลล์ที่เดิมทีเป็นห้องของแฟรนซิส เดริออน ขุนนางผู้คุมเมืองนี้คนก่อนซึ่งถูกพวกเขาสังหารลง ณ เมืองเยเกอร์ ตัวไคลล์นั่งลงบนเก้าอี้หนังสัตว์พร้อมกับดึงผ้าคลุมสีขาวของเขาออกมาพิงกับเก้าอี้ ในขณะที่ซีโนโซเฟียสและรีอานั้นนั่งลงไปบนเก้าอี้แขกที่ถูกตั้งเรียงกันหน้าโต๊ะของไคลล์ทั้งหมดสองตัวพอดี ทั้งคู่ซีโนโซเฟียสและรีอานั่งลงไปก่อนที่พวกเขาจับจ้องสายตาไปที่ไคลล์โดยซีโนโซเฟียสเอ่ยขึ้นในทันทีที่สายตาของไคลล์มองไปที่ตัวเขาเอง
"แล้ว.. เจ้าจะเอาอย่างไรต่อล่ะ"
ตัวซีโนโซเฟียสเอ่ยถามไคลล์ขึ้นด้วยคำถามที่เปิดกว้างแและยากที่จะสรุปออกมาเป็นคำตอบได้ในระดับหนึ่ง เมื่อไคลล์ได้ยินดังนั้นตัวเขาจึงยิ้มออกมาราวกับว่ามีแผนบางอย่างผุบขึ้นมาในหัวของเขา ทันทีที่ซีโนโซเฟียสเห็นรอยยิ้มที่ดูแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่แม้แต่ตัวเขายังคาดเดาไม่ได้ดังนั้นเขาจึงค่อย ๆ หุบรอยยิ้มของเขาลงและฟังไคลล์ที่กำลังจะเอ่ยปากขึ้นตอบ
"รอ.." ทันทีที่ซีโนโซเฟียสได้ยินคำตอบอันแสนสั้นของไคลล์ดังนั้นตัวเขาก็เอะใจก่อนที่จะเอ่ยถามไคลล์ขึ้นมาอีกครั้ง
"รออะไร" เสียงอันเย็นยะเยือกที่หากทว่ากลับเริ่มสั่นผวากับคำพูดและสายตาที่ราวกับนักฆ่าของไคลล์ เมื่อไคลล์ได้ยินดังนั้นตัวเขาก็หัวเราะขึ้นมาอย่างแผ่วเบาราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งที่เขาพูดขึ้น
"ไม่มีอะไรให้กลัวหรอก ท่านแม่ทัพ ผมไม่ได้พูดถึงท่านอยู่แล้ว ไป ๆ มา ๆ ไม่ได้พูดกับท่านด้วยซ้ำ.."
"ผมพูดกับอีกคนหนึ่งต่างหากล่ะ"
สิ้นวาจาของไคลล์ ตัวซีโนโซเฟียสก็ค่อย ๆ หันไปมองรีอาที่มองตัวไคลล์ด้วยรอยยิ้มที่หยิ่งยโสอยู่ สายตาของรีอาที่จับจ้องไปที่ไคลล์เช่นเดียวกับไคลล์ที่จ้องมองกลับ ราวกับเป็นการแข่งขันอะไรบางอย่างในความเงียบกริบ ทันใดนั้นเองที่ซีโนโซเฟียสกำลังมองไคลล์และรีอาอยู่ ตัวไคลล์ก็เอ่ยขึ้นกับซีโนโซเฟียสต่อในขณะที่ยังคงจ้องมองกับรีอาอยู่
"ท่านซีโนโซเฟียสรู้หรือเปล่าว่าอีซานสะกดด้วย I .. Z .. A .. N .. ซึ่งถ้าสะกดกลับล่ะก็มันจะกลายเป็น"
"NAZI (นาซี)"
โครม
ประตูของห้องไคลล์นั้นถูกพังออก เผยให้เห็นถึงทหารในชุดเกราะที่ยืนอารักขาอยู่หน้าประตูเดินตรงเข้ามาล้อมซีโนโซเฟียสพร้อมอาวุธกระบอกยาวสีดำปริศนาที่ถูกจ้องเล็งไปที่ร่างของแม่ทัพปีศาจ ตัวรีอาลุกขึ้นมาก่อนที่นางจะก้มหลบไปหลังโต๊ะเช่นเดียวกับไคลล์ ตัวซีโนโซเฟียสที่มองไปที่อาวุธเหล่านั้นก็รู้ในทันทีว่ามันคืออะไร ตัวชายในชุดเกราะต่างดึงเกราะส่วนหัวของพวกเขาออก เผยให้เห็นถึงใบหน้าของเหล่าทหารแห่งเมืองเนฟออสนาร์ที่มีสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อชัยชนะ สัญลักษณ์สวัสดิกะที่ถูกสักประทับลงบนใบหน้าของพวกเขา
"อาวุธปืนของเมืองเนฟออสนาร์.. แสดงว่าที่แกบอกว่าไม่ต้องการให้ทหารปีศาจเข้ามาในเมืองเป็นเพราะ-"
ไม่ทันที่ซีโนโซเฟียสจะพูดจบด้วยความโกรธของเขาต่อไคลล์ เหล่าทหารก็ต่างกราดอาวุธปืนยิงเข้าใส่ซีโนโซเฟียสทันทีทันใด กระสุนปืนนั้นยิงไปโดนโต๊ะบ้างแต่มันก็ไม่สามารถมาถึงตัวไคลล์ได้เนื่องจากรีอาจัดการร่ายเวทย์ป้องกันพวกเขาจากกระสุนปืนเอาไว้เป็นเกราะป้องกันแล้วทว่าซีโนโซเฟียส ไม่ ตัวซีโนโซเฟียสลงไปนอนบนพื้น เลือดนั้นไหลนองออกมาเล็กน้อยและทหารคนหนึ่งก็เดินไปเช็คดู
".. มันยังไม่ตาย-!!"
ทันใดนั้นเองซีโนโซเฟียสก็กระโจนลุกขึ้นมาก่อนที่เขาจะจัดการต่อยควักหัวใจของทหารคนนั้นเข้าไปทันทีทันใด ตัวทหารร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดสุดเสียงพร้อมกับกราดปืนเข้าใส่หัวของซีโนโซเฟียสเต็ม ๆ กระสุนนั้นยิงเข้าไม่ถึงตัวซีโนโซเฟียส หากทว่ากระสุนกลับหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาราวกับถูกพลังจิต ตัวซีโนโซเฟียสดึงร่างทหารลง ตัวทหารคนอื่น ๆ เปลี่ยนกระสุนปืนแล้วยิงเข้าใส่ซีโนโซเฟียสต่ออีกครั้ง หากทว่ามันก็ไร้ผล กระสุนนั้นยิงไม่โดยซีโนโซเฟียสเลย
ตัวซีโนโซเฟียสจัดการจ้องมองไปที่ทหารเหล่านั้น ทันใดนั้นตัวของทหารก็เริ่มมอดไปด้วยเพลิงสีดำร่างกายค่อย ๆ สลายหายไปด้วยคำสาปจากดวงตาของซีโนโซเฟียส ทหารเหล่านั้นตายลงไป หากทว่าทันทีที่ซีโนโซเฟียสกำลังจะหันกลับมามองตัวไคลล์เพื่อล้างแค้นต่อการที่เขาพยายามสังหารตัวซีโนโซเฟียส ตัวรีอาก็ลุกขึ้นมาก่อนที่จะจัดการร่ายมนตร์ด้วยแขนทั้งสองข้างของเธอทำให้ดวงตาของซีโนโซเฟียสดับบอดไป
"แกบังอาจนัก !!"
ซีโนโซเฟียสลั่นวาจาของเขาขึ้น แม้ตัวเขาจะมองไม่เห็นอะไรแล้ว มิได้หมายความว่าเขาจะอ่อนแอลง ตัวซีโนโซเฟียสฟังจากเสียงก่อนที่เขาจะดึงอาวุธปืนของทหารที่ตกอยู่บนพื้นและกราดยิงไปทางด้านขวาทันทีทันใด เสียงร้องของไคลล์ดังออกมาด้วยความเจ็บปวด ซีโนโซเฟียสได้ยินดังนั้นจึงเดินตรงเข้าไปพร้อมกับทิ้งหมัดตรงไปที่ใบหน้าในทันที หมัดของซีโนโซเฟียสถูกเข้ากับกระโหลก เลือดนั้นติดไปที่หมัดของซีโนโซเฟียสทั่วไปหมด
"ข้าจะไม่เชื่อใจมนุษย์อีกแล้ว !!-"
ปั่ป
ไม่ทันที่ซีโนโซเฟียสจะพูดจบ ทันใดนั้นเองก็มีหมัดของชายคนหนึ่งซัดหน้าของซีโนโซเฟียสทะลุออกไปนอกเมือง ตกลงไปที่ลานกว้างในทันทีทันใด ซึ่งทหารนั้นได้พากันเดินออกไปหมดแล้ว พื้นหินนั้นยุบลงไปกับพื้น เช่นเดียวกับซีโนโซเฟียสที่ไม่ได้ยินสิ่งใดเลยแม้แต่น้อยทางด้านขวา หูด้านขวาของเขาดับลงไปแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างของเขาดับลงไปแล้ว มันไร้ทางสู้สำหรับซีโนโซเฟียส ชายผู้ที่ต่อยใบหน้าของซีโนโซเฟียสด้วยแรงเหนือมนุษย์ลงมายืนมองไปที่ซีโนโซเฟียสอย่างน่ายินดี ในขณะที่ซีโนโซเฟียสพยายามมองหาชายคนนั้น หากทว่าด้วยมนตร์ของรีอาทำให้เขามองไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้น
"ท่านแม่ทัพ.. ฉันชื่นใจผลงานของแกมาก.." เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นมา ทันทีที่ซีโนโซเฟียสได้ยินคำพูดที่ดูเหยียดหยามอย่างนั้นตัวเขาก็เอ่ยพูดขึ้น
"แกเป็นใคร-"
ควั่บ
ชายคนนั้นจัดการต่อยไปที่ท้องของซีโนโซเฟียสอย่างรุนแรงจนไส้ของปีศาจนั้นทะลักออกมาเฉกเช่นเดียวกับเลือด เมื่อซีโนโซเฟียสโดนหมัดนั้นไปก็จัดการฝืนความเจ็บปวดด้วยรอยยิ้มของเขาแล้วจัดการจับหัวของชายคนนั้นโขกลงไปกับพื้นเต็ม ๆ ใบหน้าของชายคนนั้นกระทบลงไปกับพื้นอย่างรุนแรงในขณะที่ีซีโนโซเฟียสใช้มือข้างหนึ่งของมันกุมท้องปิดแผลเอาไว้จนกว่าร่างกายจะฟื้นฟูบาดแผลเสร็จในขณะที่จัดการจับหัวของชายที่ต่อยเขาโขกลงไปกับพื้นอย่างรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่ซีโนโซเฟียสจะหยุดลงพร้อมกับขึ้นไปนั่งบนร่างของชายคนนั้นแล้วต่อยลงไปอีกครั้ง
"ข้า !! จะ !! สังหาร !! เจ้า !!" ซีโนโซเฟียสตะโกนขึ้นด้วยความเกรี้ยวโกรธของเขา
ฉึก
"ข้าเนี่ยแหละที่สังหารเจ้า" ตัวไคลล์ใช้ดาบของเขาแทงไปที่คอของซีโนโซเฟียส ทำให้ตัวซีโนโซเฟียสพูดไม่ออก เสียงร้องของความเจ็บปวดในขณะที่เลือดค่อย ๆ ไหลออกมาจากคอของเขา ตัวชายที่ถูกใบหน้าของเขาเปื้อนด้วยเลือดของซีโนโซเฟียสก็ลุกขึ้นมา ก่อนที่ทันใดนั้นเองดวงตาของซีโนโซเฟียสจะกลับมา ตัวซีโนโซเฟียสจ้องมองไปที่ชายคนนั้นในขณะที่พยายามลุกขึ้นมาทั้งที่ดาบปักทะลุคอของเขาอยู่
"แก-" ไม่ทันที่ซีโนโซเฟียสจะพูดจบชายคนนั้นก็จัดการใช้มือของเขาบีบคอของซีโนโซเฟียสอย่างรุนแรง ตัวซีโนโซเฟียสพยายามต่อยกลับสุดแรงของเขาซึ่งหากเป็นมนุษย์ธรรมดาแรงขนาดนี้ก็ควรที่จะล้มกองลงไปนอนแล้ว หากทว่าชายคนนี้ไม่
"แกดูถูกฉันต่ำไป แกเลยแพ้"
ควั่บ
ซีโนโซเฟียสถูกกระชากคอออกจากร่างของแม่ทัพปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ร่างค่อย ๆ ล้มลงตกลงไปกองกับพื้นในขณะที่หัวของแม่ทัพปีศาจตนนี้นั้นอยู่บนมือของชายที่แข็งแกร่งเหนือชายคนอื่น ๆ ตัวไคลล์มองไปที่ชายคนนั้นพร้อมรอยยิ้มก่อนจะดึงดาบบนคอของซีโนโซเฟียสออกมาแล้วนำมาเช็ดด้วยผ้าสีขาวที่เขาพกติดตัวมาด้วยแล้วจึงทิ้งผ้าสีเลือดนั้นลงไปกับพื้น
"ยินดีที่ได้ร่วมมือกันนะครับ ท่านเจ้าเมืองแห่งเนฟออสนาร์.."
"ท่านเออร์วิน เฟอร์เดริค ฮิมเลอร์"
ขณะเดียวกัน ณ ป่าแห่งหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองโซเดีย ประเทศเอลลาส อีกมิติหนึ่ง
"..."
ภายในป่าที่เงียบสงัด ไร้ซึ่งเสียงพูดวาจาของกลุ่มคน มีเพียงเสียงของลม และนกตามธรรมชาติภายในป่าที่ทึบจนแทบจะมองไม่เห็นแสงอรุญในรุ่งสางที่กำลังสาดส่องลงมา เพื่อให้เห็นถึงตะวันของวันใหม่ ตัวลูคัสพึ่งตื่นขึ้นมาและขยับสายตามองไปโดยรอบ เพื่อมองหาเพื่อนผู้รอดชีวิตเช่นเดียวกับเขา ราวกับว่าเขาพึ่งตื่นขึ้นจากความฝัน ซึ่งทำให้ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว และความตื่นตระหนก ดวงตาสีฟ้าของลูคัสขยับสั่นไหวไปทั่ว ปากที่เริ่มสั่นไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ตัวเขากำลังมองเห็นภาพของนรกที่เขาพึ่งฝ่าฟันมากับคนอื่น ๆ เมื่อคืนก่อน
"..เสตลล่า.."
เมื่อคืนก่อน บนเนินเขาใกล้กับเมืองเรเวน ประเทศเอลลาส อีกมิติหนึ่ง
"ระวัง !! เคลเบรอสกำลังมา !!!" เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ตะโกนขึ้นมาก่อนที่จู่ ๆ จะมีเกราะเข้ามาคุมร่างกายของตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ ทันใดนั้นเองก็มีสุนัขสามหัววิ่งตรงเข้ามาหาเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์หวังจะสังหารอีวาน่าในทันทีทันใด
"เข้าไปเร็วลินดา !!" ตัวโยฮันที่เข้าไปหาเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์เพื่อช่วยยื้อสุนัขสามหัวยักษ์ที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์กำลังยันมันออกไปอยู่ เมื่อลินดาได้ยินดังนั้นเธอจึงรีบเข้าไปก่อนที่จะมองไปที่โยฮันอีกครั้ง
"ไม่นะ.. พ่อ-!!"
ไม่ทันที่ลินดาจะพดจบ ทันใดนั้นประตูมิติก็สะเทือนลงช่องนั้นแคบลงไปทำให้ยากที่จะเข้าไปได้มากกว่าเดิม อีวาน่ามองไปที่เดวิดในขณะที่เดวิดยื่นแขนของเขาผ่านประตูมิติไป เดวิดมองกลับไปหาอีวาน่าด้วยสายตาที่หวาดกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เขายังคงคิดว่ามีความหวังทั้งน้ำตาที่ยังคงไหลออกมา อีวาน่ามองกลับไป พวกเขาจ้องหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายในขณะที่เดวิดยังคงพยายามที่จะดึงตัวอีวาน่าเข้าไป ทว่าไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ทัน อีวาน่ายิ้มขึ้นก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมา
"รักษาตัวดี ๆ นะ น้องรัก.." ทันใดนั้นเอง..
"ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ กลับมานะพี่อีวาน่า !! กลับ-" เดวิดก็ได้รู้ตัวว่ามันสายไปแล้ว...
ฉึก
แขนของเดวิดที่ถูกประตูมิติปิดลงผ่าแขนของเขาออก เลือดนั้นไหลออกมาตกลงไปกับพื้นต่อหน้าต่อตาอีวาน่า ในขณะที่อีวาน่านั้นมองไปที่แขนด้วยสภาพที่ช็อค ไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อยว่าเรื่องบ้า ๆ แบบนี้มันจะเกิดขึ้น ตัวอาร์มันโด้และดิลเลี่ยนที่อยู่ด้านหลังอีวาน่าเห็นดังนั้นก็รีบดึงตัวอีวาน่าขึ้นมาเพื่อเรียกสติของเธอกลับมา ตัวอีวาน่าหันกลับมามองสีหน้าของดิลเลี่ยนที่กำลังช็อคและหวาดกลัวพอ ๆ กับอีวาน่าหากทว่ามันไม่มีเวลาให้จ้องมองและร้องไห้แล้วในตอนนี้ เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์และโยฮันที่กำลังต้านเคลเบรอส สุนัขร่างยักษ์สามหัวเริ่มที่จะต้านไม่ไหวแล้วด้วยขนาดที่ใหญ่เกินไปของมัน เมื่อเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้ยินดังนั้นตัวเขาจึงลั่นวาจาเอ่ยขึนทันทีทันใด
"เซอร์เบอรัส.. จัดการ !!"
ทันทีที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้นร่างของเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ก็กระเด็นออกมาอย่างรุนแรง ข้ามหัวของอาร์มันโด้ลงไปนอนกองกับพื้น เกราะของซาเอ็นแปรสภาพกลายเป็นสุนัขสามหัวร่างยักษ์ในพริบตาเดียวก่อนที่มันจะเข้าปะทะกับเคลเบรอสโดยไม่คิดอะไรเลยทันทีทันใด ตัวโยฮันที่เห็นดังนั้นจึงรีบเก็บดาบของเขาแล้วรีบวิ่งเข้ามารวมกับพวกอีวาน่าในทันทีทันใดเช่นเดียวกับเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ที่ค่อย ๆ เดินตามเข้ามาเช่นเดียวกับไดอาน่าที่ถือธนูของเธอมองบรรยากาศโดยรอบอยู่เผื่อเกิดการจู่โจมไม่คาดคิดของอสูรเหล่านี้ที่พวกเธอไม่เคยไม่เห็นมาก่อน
"กลับไปที่รถ" โยฮันพูดขึ้น เมื่ออีวาน่า ดิลเลี่ยน อาร์มันโด้ และลูคัสได้ยินดังนั้นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนั้นและกำลังจะวิ่งกลับไปหากทว่าตัวเสียงหัวเราะแห่.โดเรียร์เข้ามากีดกั้นไว้ก่อน ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นมา
"ไม่ทันหรอก อาชเกอร์คุมอาณัติบริเวญนี้แล้ว ยังไงก็หนีไม่ทัน" ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้น ทันทีที่อีวาน่าได้ยินดังนั้นนางก็พุ่งตรงเข้าไปต่อยใบหน้าของเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์อย่างรุนแรง ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์เสียหลักเล็กน้อยก่อนที่อีวาน่าจะพูดตอบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ
"คิดว่าเราจะหลงเชื่อคำพูดของคนที่พาเรามาเจอเรื่องเ*ี้ย ๆ แบบนี้เหรอ !! จอน ไอ***** !!" อีวาน่าจำใบหน้าของเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้ เธอจึงเอ่ยชื่อปลอมที่เขาบอกกับอีวาน่าขึ้น เมื่อเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้ยินดังนั้นตัวเขาก็พูดตอบ
"ไว้ด่าตอนอื่นก็ได้แต่ตอนนี้ฟังที่ข้าพูดก่อน !!" ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ตะโกนขึ้นมาพร้อมวาจามารยาทที่แท้จริงของเขา เมื่อลูคัสได้ยินดังนั้นตัวเขาจึงเอ่ยพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายในขณะที่เขามองไปที่เซอร์เบอรัสที่ดูเหมือนว่าจะเริ่มต้านเคลเบรอสไม่อยู่เนื่องด้วยมีอสุรกายประหลาด ๆ มาช่วยมันจัดการสุนัขสีดำร่างยักษ์ตัวนั้น
"จะให้ทำยังไง.." ลูคัสเอ่ยถามขึ้นมา ทันทีที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้ยินดังนั้นตัวเขาก็เอ่ยขึ้นมา
"เข้าไปในป่า .. ข้าเตรียมมณีเวทย์มนตร์ซ่อนเอาไว้สำหรับหลบหนีฉุกเฉิน มันช่วยพาเราไปที่ ๆ อื่นได้ ตามข้ามา !!"
เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้นก่อนที่เขาจะรีบวิ่งนำเข้าไปในป่าในทันที เมื่ออีวาน่าและคนอื่น ๆ เห็นดังนั้น พวกเขาก็ต่างวิ่งตรงเข้าไปในป่าในทันที ในขณะที่อสุรกายเคลเบรอสเริ่มที่จะสามารถเอาชนะเซอร์เบอรัสได้แล้ว หัวข้างหนึ่งของเคลเบรอสจัดการคำรามออกมาเป็นไฟเข้าเผาหัวของสุนัขอีกข้างของเซอร์เบอรัสทำให้มันอ่อนแอลง ในขณะเดียวกันก็มีแมลงป่องมีปีกคอยเข้ามาโฉบหลังของเซอร์เบอรัสและปล่อยพิษลงไปสู่ร่างกายของมันทำให้มันอ่อนแอลง เมื่อเซอร์เบอรัสเห็นท่าทีว่ามันจะพ่ายแพ้มันจึงคำรามเปล่งเสียงของมันดังกึกก้อง เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ที่ได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งต่อไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเอ่ยขึ้นมา
"เร็วเข้า เซอร์เบอรัสพ่ายแพ้แล้ว !" เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ตะโกนขึ้น เมื่ออีวาน่าและคนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้นต่างก็รีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งอาร์มันโด้ที่วิ่งตามหลังก็คว้าตัวอีวาน่าขึ้นมาอุ้มและรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
"..กลับมา.." ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์กล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบา ทันทีที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้นร่างของเซอร์เบอรัสที่ล้มลงกองกับพื้นและกำลังจะถูกเคลเบรอสเผด็จศึกก็เปล่งแสงออกมา ทำให้เคลเบรอสและแมลงป่องมีปีกตัวนั้นมองไม่เห็นสิ่งใดเนื่องด้วยแสงนั้น ร่างของเซอร์เบอรัสหายไป และแสงนั้นจะช่วยยื้อเวลาได้ไม่นานนัก
ในขณะเดียวกันตัวพอลล์ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาบนรถของพวกโยฮันซึ่งได้ทิ้งเขาไปนานแล้วก็มองไปรอบ ๆ ตัวเขา เขาพบกับความอาละวาดวุ่นวายไปเต็มไปหมด ตัวพอลล์ค่อย ๆ ลงมาจากรถ ด้วยความขี้ขลาดของเขา เขาจึงรีบวิ่งออกให้ห่างจากบริเวญนั้น หากทว่าทันทีที่เขาหันหลังเขาก็พบกับอสูรต้นไม้ที่มีเขาของกวางอยู่บนหัวและมีสีเขียวของป่าไม้อยู่รอบตัวของเขาเล็กน้อย ตัวอสูรยิ้มขึ้นมาในขณะที่พอลล์ยังคงสับสนหวาดกลัวอยู่
"ไม่ต้องกลัว.. ข้าคือภูติผู้คุ้มกันป่าเท่านั้น.."
แคร่ก
อสูรตัวนั้นพูดจบด้วยน้ำสียงที่นุ่มนวลเป็นมิตรก็เข้าจัดการหักคอร่างของพอลล์ในทันที ตัวพอลล์สิ้นชีพลงด้วยใบหน้าที่เข้าสู่ความหวาดกลัวสูงที่สุด ร่างนั้นตกลงไปกับพื้น เลือดไหลออกจากดวงตา จมูก และปากอย่างน่าสยดสยอง ในขณะที่อสูรตัวนั้นมองตรงเข้าไปในป่าพร้อมกับยิ้มขึ้น
"ท้าทายข้าอย่างนั้นเหรอ .. เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์.. ข้า อาชเกอร์ สร้างเจ้า และตอนนี้ข้าก็จะดับชีพของเจ้าเอง" ตัวอสูรลั่นวาจาของมันออกมา ก่อนที่ทันใดนั้นมีโนทอร์ที่มีหัวเป็นกวาง ท่อนล่างเป็นม้า และมีแขนข้างหนึ่งเป็นก้ามปูอีกข้างเป็นกรงเล็บอันแหลมคม
"จัดการมัน กัลลัช"
ทันใดนั้นกัลลัชหรือมีโนทอร์ทรงประหลาดตรงนั้นก็วิ่งตรงเข้าไปในป่าในทันทีพร้อมกับทำลายป่าบริเวญนั้นเพื่อให้ตรงเข้าไปหาพวกเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันพวกเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ก็ใกล้จะถึงแล้ว ตรงหน้าของพวกเขาคือกระเป๋าเดินทางสีแดงเล็ก ๆ ที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้วางเอาไว้ ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์รีบคว้ามันขึ้นมาแล้วค้นหาอัญมณีที่เขาได้กล่าวขึ้นก่อนหน้านี้เพื่อที่จะพาพวกเขาออกไปจากสถานการณ์นี้ ก่อนที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์จะดึงมณีสีขาวส่องแวววาวพร้อมกับมีแสงสีน้ำเงินอยู่ภายในราวกับว่าเป็นสายฟ้าที่ถูกขังอยู่ภายในมณี ทว่ามีอัญมณีทั้งหมดเพียงแค่..
"มีแค่ 5 อัน.."
ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้น เมื่ออีวาน่าและคนอื่น ๆ ได้ยินต่างก็มองหน้ากันและกัน ตัวโยฮันและดิลเลี่ยนที่มาถึงเป็นสองคนสุดท้ายก็มองไปที่พวกอีวาน่าที่ยังคงตกใจเรื่องที่ว่าอัญมณีมีไม่ครบอยู่ ทว่าทันใดนั้นเองเสียงของต้นไม้ที่เริ่มค่อย ๆ พังลงมาเรื่อย ๆ ทีละต้น ทีละต้นก็ดังมาเรื่อย ๆ เผยให้เห็นกัลลัชวิ่งตรงมาหาพวกอีวาน่าอย่างรวดเร็ว เมื่อโยฮันเห็นดังนั้นตัวเขาก็ชักดาบออกจากฝักอีกครั้งก่อนที่จะหันกลับมามองพวกอีวาน่า
"ฉันจะช่วยยื้อเวลาเอาไว้ !"
ตัวโยฮันพูดขึ้น ทันใดนั้นตัวโยฮันก็วิ่งตรงไปหากัลลัชพร้อมกับดาบบนมือของเขา ดาบของโยฮันเปล่งแสงสีแดงออกมา และทันทีที่โยฮันฟาดฟันดาบของเขาเข้าหากัลลัช มีโนทอร์ตัวนั้น เผยให้เห็นเพลิงสีแดงฉานตรงไปหา่มันในทันทีทันใด ด้วยเพลิงที่ร้อนระอุทำให้มีโนทอร์ตัวนั้นถอยออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาอย่างแผ่วเบา เนื่องด้วยเผลวเพลิงเฉียดร่างของมันไปเล็กน้อย ทำให้รอยไหม้เต็มตัวไปหมด เมื่อพวกอีวาน่าเห็นดังนั้น เธอก็คว้ามณีขึ้นมาก่อนที่จะมอบให้ดิลเลี่ยน ไดอาน่า ลูคัส และเก็บไว้กับตัวเธอเองหนึ่งดวง ส่วนเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ก็ได้เก็บของเขาไว้แล้วอีกดวงหนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้อาร์มันโด้เป็นอีกคนที่จะต้องถูกทอดทิ้ง
"ไม่นะ แล้วอาร์มันโด้ล่ะ !" ตัวดิลเลี่ยนเอ่ยถามอีว่าน่าขึ้น เมื่ออีวาน่าได้ยินดังนั้นเธอก็มองกลับด้วยความคิดที่เหมือนกับดิลเลี่ยน ความคิดที่มีเพียงคำเดียวอธิบายได้คือช็อค
"ฉันก็ไม่รู้ แต่มันไม่มีเวลาแล้ว-"
ฉึก
"อ่ะ.."
"ไอเวรตะไล !!!"
ปัง ปัง ปัง ปัง !!
แมลงป่องมีปีกพร้อมกับใบหน้าของเสือบินลงมาพร้อมกับใช้หางแมลงป่องของมันแทงไปที่หลังของดิลเลี่ยนทันทีทันใดโดยไม่มีใครคาดคิด ตัวอาร์มันโด้ที่เห็นดังนั้นก็ใช้ปืนยิงตรงไปที่มันในทันทีทันใดกระสุนปืนโดนเข้าใส่ร่างของมันเข้า ทำให้ตัวแมลงป่องมีปีกตัวนั้นบินตกลงมากองกับพื้นพร้อมกับเลือดไหลนองไปหมด ส่วนดิลเลี่ยยนก็ค่อย ๆล้มลงไปนอนกองกับพื้นพร้อมกับสำเลือกเลือดของเขาออกมา ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็วราวกับพิษเริ่มออกฤทธิ์ในไม่ถึงเสี้ยววินาที ตัวอาร์มันโด้เข้ามาดูอาการของดิลเลี่ยนในขณะที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์มองไปที่ทางด้านโยฮันกำลังเข้าสู้กับกัลลัชอยู่และดูเหมือนว่าโยฮันกำลังจะได้เปรียบอยู่
"ดิลเลี่ยน ! มองฉันดิลเลี่ยน !!" อีวาน่าพูดกับดิลเลี่ยนขึ้น ตัวดิลเลี่ยนได้ยินดังนั้นตัวเขาก็พยายามจะพูดขึ้นมาหากทว่าปากของเขากลับสั่นและเปล่งวาจาออกมาเป็นคำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
"เขาถูกพิษของดัลลีก้า .. พิษจะทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตอย่างนี้แล้วทำให้ตายในวันต่อมา ทางเดียวที่จะปลดพิษได้คือสังหารอาชเกอร์ก่อนที่จะตาย" เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้นทันทีที่อาร์มันโด้ได้ยินดังนั้นก็มองไปที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นต่อ
"แล้วมันอยู่ไหน ! ไออาชเกอร์นั่นน่ะ !!" อาร์มันโด้พูดเสียงดังลั่นออกมาด้วยความเกรี้ยวของเขา หากทว่าเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์เอ่ยตอบต่อโดยไม่คิดแม้แต่น้อยนิด
"เจ้าไม่มีทางจัดการอาชเกอร์ได้แน่ .. ข้ายังพอมีทางแต่.. ในสภาพข้าตอนนี้ไม่ไหว" เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์พูดขึ้นพร้อมกับมองสภาพแขนขาของเขา ก่อนที่อาร์มันโด้จะเล็งปืนไปหาเสียงหัวเราะแห่.โดเรียร์ด้วยควาเมกรี้ยวของเขาแล้วพูดต่อ
"หมายความว่ายังไง ! ภารกิจของฉันคือปกป้องเขาและคนอื่น ๆ ฉันต้องช่วยเขา !!"
"มันไม่มีเวลาแล้ว !! เจ้าก็เป็นทหารนี่ เจ้าก็ต้องเข้าใจ !! มันสายไปแล้ว !!!.." ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ตะโกนกลับอาร์มันโด้ที่ตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาควรจะทำอะไร ตัวอาร์มันโด้พูดขึ้นอีกครั้งในขณะที่น้ำตาของเขาเริ่มไหลรินออกมาเล็กน้อย
"ถ้าฉันทิ้งเขาตอนนี้... เกียรติของฉันมันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ.. มันจะกลายเป็นตราบาปอีกตราหนึ่งที่ฉันต้องแบกรับ" อาร์มันโด้พูดขึ้นมา เมื่อเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้ยินดังนั้นตัวเขาก็เข้าคว้าจับไหล่ของอาร์มันโด้ขึ้นมาก่อนที่เขาจะพูดต่อ
"แบกรับมันเอาไว้.. ทหารอย่างเรามีหน้าที่สังหารและแบกรับตราบาปเหล่านั้นนั่นแหละ.."
"มันมีพวกมาเพิ่ม !!" โยฮันที่กำลังเข้าปะทะกับกัลลัชอยู่ได้พูดขึ้น ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นกอริลล่าหกแขนที่มีหน้าเป็นสิงโต เมื่ออาร์มันโด้ได้ยินทั้งคำพูดของโยฮันและเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ตัวเขาก็มอวไปที่ดิลเลี่ยน สบตากัน มองไปภายในดวงตาของดิลเลี่ยน ดวงตาที่สื่อกับอาร์มันโด้ ว่าให้ทำตามเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ ตัวอาร์มันโด้จึงคว้ามณีของดิลเลี่ยนขึ้นมาก่อนที่เขาจะมองไปที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์อีกครั้ง ทันทีที่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์เห็นดังนั้นตัวเขาก็เอ่ยขึ้น
"เอ่ยนามของพวกเจ้ามา" ทันทีที่อีวาน่า ลูคัส ไดอาน่า อาร์มันโด้ได้ยินดังนั้นพวกเขาก๋เอ่ยขึ้นในขณะที่โยฮันถูกอสูรสองตัวเข้าลุมจู่โจม หากทว่าด้วยอิทธิฤทธิ์ของโยฮันนั้นทำให้เขายังสามารถสู้กับมันได้อยู่ พวกอีวาน่าจึงรีบเอ่ยนามของพวกเขาอย่างรวดเร็วในทันทีทันใด
"อีวาน่า วินสตัน"
"ลูคัส นอร์ธ"
"อาร์มันโด้ ดีอ้อน"
"ไดอาน่า การ์เซส"
"ร่างโคลนตัวที่สามของ.." ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ก็เอ่ยนามที่แท้จริงของเขาขึ้นต่อไปในทันทีทันใดอย่างแผ่วเบาราวกับหากเป็นไปได้ก็ไม่อยากที่จะให้ใครทราบถึงนามที่แท้จริงของเขา
"ซาเอ็น ซาเอทัจ" ทันทีที่ไดอาน่า และลูคัสได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นราวกับว่าเห็นคนตายมา นามของเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้า ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์จึงเอ่ยต่อไป
"สถานที่ที่จะไป.. ระแวกเมืองโซเดีย"
ทันใดนั้นเองมณีก็มีแสงสว่างสีน้ำเงินขึ้นมา สายฟ้าภายในมณีค่อย ๆ ปกคลุมมณีจนกลายเป็นสีน้ำเงินสนิทก่อนที่ทันใดนั้นเองร่างของพวกเขาจะมีแสงสีน้ำเงินเปล่งออกมา ร่างกายเริ่มรู้สึกเบาลง ประสาทสัมผัสที่เริ่มทำงานไวขึ้นผิดปกติ เรื่องที่ทำให้อาร์มันโด้ และอีวาน่าต้องงงจนสมองแทบระเบิดเนื่องจากอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ทันทีที่โยฮันเห็นดังนั้น ดาบของเขาเริ่มแอปรสภาพกลายเป็นสีเขียว ก่อนที่โยฮันจะฟาดฟันดาบเหล่านั้นตัดร่างของกอริลล่าหกแขนออกเป็นเสี่ยง ๆ
หากทว่าทันทีที่จัดการกับกอริลล่าตัวนั้นได้นั้น โยฮันก็ถูกกัลลัชใช้แขนข้างที่เป็นกรงเหล็บของมันฟาดเข้าที่ใหน้าอย่างจังจนหน้ากากของเขานั้นหลุดออกจากใบหน้า อีวาน่าที่มองไปืที่โยฮันอยู่เห็นดังนั้นตัวเธอใช้มือของเธอขึ้นมาปิดปากของเธอเองทันทีทันใดด้วยความกลัว เลือดนั้นไหลออกจากหน้าผากของโยฮัน ดวงตาสีเขียวที่มองไปที่อีวาน่าในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล และรอยไหม้ของเปลวเพลิง ราวกับว่าเป็นบาดแผลจากการฝึกใช้ดาบของเขา ตัวโยฮันมองไปที่อีวาน่าพร้อมกับเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาพยายามลุกขึ้นมา
"ถ้าพบกับลินดา.. ฝากบอกเธอด้วยว่า... ผม... "
"รักเธอ" และชั่วพริบตานั้นพวกอีวาน่าก็ถูกย้ายมายังในป่าใกล้ ๆ กับเมืองโซเดีย โดยไม่มีใครรู้ว่าชะตากรรมของโยฮันและดิลเลี่ยน เกิดอะไรขึ้นต่อไป
ปัจจุบัน ณ ป่าแห่งหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองโซเดีย ประเทศเอลลาส อีกมิติหนึ่ง
"เสตลล่า.."
ลูคัสเอ่ยขึ้นมาก่อนที่ตัวเขาจะค่อย ๆ ลุกขึ้นมายืนขึ้น ทว่าด้วยความที่สติยังคงมึนงงจึงทำให้เดินเสียหลักเล็กน้อยถึงอย่างนั้นก็มิใช่ปัญหาอะไร ตัวลูคัสจึงเดินต่อไปผ่านคนอื่น ๆ ที่ยังคงนอนพักอยู่เล็กน้อย ตัวลูคัสเดินตรงไปเรื่อย ๆ ไปพิงอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากเมืองของเขาแล้ว เมืองที่เขาปกครองอยู่ เมืองโซเดีย ทันใดนั้นเองตัวไดอาน่ากับอาร์มันโด้ก็ตื่นขึ้นมาตามกัน ตัวอาร์มันโด้ลุกขึ้นไปพร้อมกับคว้าปืนของเขาขึ้นมา เพื่อที่จะไปสังเกตุดูบริเวญโดยรอบ ส่วนไดอาน่าตื่นขึ้นมาก็เดินตรงไปหาลูคัสด้วยใบหน้าที่ยังดูสรึมระรือหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่
"กลับสู่เมืองแล้วสินะ .. ท่านลอร์ด"
ตัวไดอาน่าเอ่ยถามขึ้นในขณะที่เธอมองผ่านต้นไม้ เห็นหญ้าสีเขียวขจียาวจรดตรงไปสู่กำแพงเมืองที่สูงตระหง่านราวกับสร้างขึ้นเพื่อป้องกันยักษ์อะไรอย่างนั้น หากทว่ากำแพงเมืองนั้นยังคงเสียหายอยู่เนื่องจากการทำลายล้างของอัลมีไทร์เมื่อไม่นานมาแล้ว นั่นจึงทำให้หากมีกองทัพบุกเข้ามานั้น การป้องกันนั้นจะทำได้ยากกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ตัวลูคัสที่ได้ยินคำพูดของไดอาน่าดังนั้นตัวเขาก็มองกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขชั่วขณะหนึ่งหากทว่าดวงตาของเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความผิดหวังอยู่ดี
"สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ของข้าน่ะแหละนะ" ตัวลูคัสเอ่ยขึ้น เมื่อไดอาน่าได้ยินดังนั้นตัวนางก็ยิ้มขึ้นตามเล็กน้อยเช่นเดียวกับลูคัส แม้ว่ามันเป็นมุขตลกแป๊ก ๆ ที่ฟังยังไงมันก็ไม่ขึ้น แต่เพราะอย่างนั้นมันจึงช่วยเติมเต็มช่องว่างที่เหลือของพวกเขานั่นเอง
"อย่าพึ่งเสียไปเร็ว ๆ นี้ก็แล้วกัน .. เพราะว่า-" ไม่ทันที่ตัวไดอาน่าจะได้พูดจบ จู่ ๆ ทันใดนั้นตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ก็เดินเข้ามายืนกั้นตัวไดอาน่าและลูคัส ตัวเขามองตรงไปที่เมืองก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นมาด้วยสายตาที่จริงจังเป็นอย่างมาก
"เมืองของเจ้า เป็นเสาค้ำจุนสุดท้ายของเอลลาสและอาจเป็นด่านสุดท้ายของยุคแห่งความสงบของโดเรียร์แล้วก็ได้.." ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์เอ่ยขึ้นมา ก่อนที่ตัวเขาจะหันตรงมองไปที่ลูคัส ตัวเขาจับจ้องมองไปที่ลูคัสอย่างจริงจัง และไม่ใช่ดวงตาของศัตรูแต่อย่างใด หากทว่าเต็มไปด้วยความเป็นมิตรที่ลูคัสไม่ได้คาดถึงมาก่อน
"ความมืดมันกลับมาแล้วท่านลอร์ด.. และมีเพียงพวกเราเท่านั้นที่หยุดมันได้"
"เจ้าพูดได้ผิดมาก เจ้านักฆ่าเลือดเย็นเจ้าสังหารสามีข้าและมีหน้ามาทำตัวเป็นผู้กล้าอีกอย่างนั้นเหรอ .. ซาเอ็น !" ตัวไดอาน่าพูดเสียงดังขึ้นมาเข้าใส่เสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ด้วยความเกรี้ยวและความแค้นที่ยังหลงเหลืออยู่ในใจของเธอ เมื่อเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์ได้ยินดังนั้นจึงหันกลับมามองไปที่ไดอาน่าก่อนที่ตัวเขาจะพูดตอบพร้อมกับยิ้มหัวเราะขึ้นมา
"เรียกข้าว่าซาเรียสเถอะ .. ข้าเป็นเพียงร่างโคลนของซาเอ็น มิใช่ซาเอ็นแต่อย่างใดหากทว่าก็ยังมีความทรงจำของเขาอยู่ .. แต่อุดมการณ์ก็ยังคงเป็นของข้า และข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้าอภัยแก่ข้าแต่อย่างใด ข้าแค่ต้องการจะบอกว่าภารกิจเดิมของข้าเสร็จสิ้นลงแล้ว และตอนนี้ข้าเป็นมิตรของพวกเจ้า"
ตัวเสียงหัวเราะแห่งโดเรียร์หรือซาเรียสพูดขึ้นอย่างซื่อสัตย์โดยไม่มีการโกหกแต่อย่างใดในสายตาของเขา เมื่อไดอาน่าเห็นดังนั้นตัวนางจึงพูดต่อโดยเข้าใจคำพูดของซาเรียสทุกคำ
"ก็ตามนั้น หากข้าไม่จำเป็นต้องมีเจ้าเป็นมิตรเมื่อใดข้าก็จะสังหารเจ้าในทันที.. และอีกเรื่องหนึ่งที่เจ้าพูดน่ะข้าขอแย้งเรื่องหนึ่ง" ตัวไดอาน่าพูดขึ้น ก่อนที่นางจะหันกลับหลังมองออกไปพร้อมกับพูดขึ้น ในขณะที่สายตาของเธอจับจ้องไปทางที่อีวานน่านอนพักอยู่ เช่นเดียวกับอาร์มันโด้ที่เดินกลับมาพร้อมอาวุธบนมือของเขา
"พวกเราไม่ใชความหวังเดียว ..ซาเรียส.. ยังมีพวกของข้า และพวกของพวกเขาอยู่"
ณ เมืองยะมิ ประเทศอาร์ธ๊ร์ อีกมิติหนึ่ง
"มาถึงเมืองยะมิแล้วครับ"
ชายไว้หนวดเคราสีดำสนิทคนหนึ่งพูดขึ้นในขะที่ตัวเขาควบม้าจงมาจอดหน้าเมืองหนึ่งที่มีสิ่งก่อสร้างแตกต่างจากเมืองอื่น ๆ มีกำแพงเมืองพร้อมอักขระอักษรประหลาดเป็นเส้นสีดำเขียนจากพู่กันหน้าเมือง มีต้นไม้สองต้นตั้งอยู่ด้านซ้ายและด้านขวาภายในกำแพงประตูเมืองที่ไม่ใหญ่มากนัก พร้อมกับมีประชาชนในชุดคลุมโยราญ ๆ เดินไป ๆ มา ๆ อยู่ภายในเมือง ราวกับว่าเป็นอีกประเทศหนึ่งภายในประเทศที่ได้กลายเป็นจักรวรรดิเผด็จการแล้วอะไรอย่างนั้น
เมื่อหญิงสาวสองคนภายในรถม้าได้ยินดังนั้น ทั้งคู่จึงค่อย ๆ เดินลงมาในชุดยูกาตะสีแดง บนมือหญิงสาวคนหนึ่งมีคันธนู อีกคนนั้นมีมีดสั้นพกติดอยู่กับชุด หญิงสาวคนนั้นเดินออกมาก่อนที่ทั้งคู่จะมองหน้ากันราวกับว่าตกลงกันว่าจะทำตามที่ได้พูดไว้ก่อนก่อนหน้านี้มั้ย ทั้งคู่พยักหน้าใส่กันก่อนจะก้มหัวให้กับชายแก่คนนั้น แม้จะดูไม่สวยงามและไม่ตรงกับมารยาทของทางเขานักแต่ชายแก่คนนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตรกลับ
"ข้าขอตัวก่อนแล้วกันนะ นักรบเวทย์ทั้งหลาย" ชายแก่คนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่ตัวเขาจะควบม้าตรงออกไปทางอื่น เพื่อที่จะเข้าเมืองในทางที่ทหารหน้าเมืองอนุญาติให้นำม้าเข้าได้ หญิงสาวผมสีดำที่ดูเป็นพี่จึงพูดกลับแทนที่หญิงสาวผมบลอนด์อีกคน
"ค่ะ รักษาตัวด้วยนะคะ" สิ้นเสียงของเธอ หญิงสาวผมสีบลอนด์ก็กล่าวขึ้นกับหญิงสาวผมสีดำในทันที
"พี่เกล ข้ารู้สึกกลัวยังไงไม่รู้" หญิงสาวผมสีบลอนด์กล่าวขึ้นพร้อมสายตาที่ดูตื่นตระหนก เมื่อหญิงสาวผมสีดำที่ชื่อเกลเห็นดังนั้นจึงเอ่ยตอบ
"ไม่ต้องกลัวหรอกแฟรี่ เรากลับมาเพื่อขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์เท่านั้น"
"ท่านมัตซึอุระ ริกะ ราชินีแห่งอาร์ธีร์น่ะ"