Post by happytatar on Jul 13, 2018 21:01:53 GMT
30.after match : งานจบ เรื่องไม่จบ
ท่ามกลางความวุ่นวายอลม่านเมื่อครู่ บางอย่างที่บินได้ บางอย่างที่พ่นควัน มันจู่โจมเรา แล้ว เราก็หลับไหลและพ่ายแพ้ให้กับพลังของเคมีนิทรา จน ในที่สุด นักข่าวสาวแห่งสำนักข่าวเผือกนิวส์ก็ค่อยๆตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลที่ยาวนานดุจนิรันด์ เนยค่อยๆลืมตาขึ้นมองรอบกายอย่างช้าๆ ตอนนี้เธออยู่ในสถาณที่ๆค่อนข้างคุ้นตามาก มากจริงๆ มันคือรถตู้นักข่าวของเธอกับสมบัตินั่นเอง แล้ว ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่รถตู้นี้ได้เนี่ย เธอโดนโดรนจู่โจมเข้าเล่นงานตอนอยู่บนถนนดินลูกรังที่ป่าน้ำตาหนามไม่ใช่เหรอ แล้วเบื้องหน้าของเธอ อะไรกัน ใคร . . .
"สวัสดีครับ คุณนักข่าว ขอผมเดานะ คุณเนยใช่หรือเปล่าครับ"เสียงดังออกมาจากปากของชายวัยกลางคนร่างเล็กที่มีทรงผมเรียบแปลสีดำขลับเงาเป็นมันซึ่งดูก็รู้ว่าเขาต้องจัดทรงให้มันอย่างปรานีตแค่ไหนถึงจะทำให้มันดูเนี๊ยบได้ขนาดนั้น คงใช้เจลจัดผมหลายขวดกว่าจะได้แบบนี้ ใบหน้าขาวผ่องดูดีมีราศี และค่อนข้างดูเด็กเมื่อเทียบกับอายุ เสื้อสูทสีม่วงอ่อนดูโดดเด่นเหมือนกับหลุดออกมาจากการ์ตูน แต่นั่นเทียบไม่ได้เลยกับเนคไทสีฟ้าสลับขาวที่สีตัดกับชุดสีสดของเขาอย่างน่าประหลาดใจ มันดูไม่เข้ากันอย่างแรงจนเขาดูเหมือนออกมาจากรายการสอนศิลปะสำหรับเด็กประถม เขาคนนี้ใส่กางเกงสแล็กสีดำด้านยาวถึงข้อเท้าพร้อมด้วยเข็มขัดหนังสีดำสนิทมีหัวเป็นสีเหลืองทอง รองเท้าหนังมันขึ้นเงาของเขาเองก็มีสีเดียวกับกางเกง
รอยยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ ดูเป็นมิตร แต่แฝงไปด้วยความลี้ลับ ปริศนาที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าอะไรอยู่เบื้องหลังรอยยิ้มสบายๆและดวงตาไร้เดียงสาคู่นั้น มันทำให้มีความรู้สึกเหมือนกับรอยยิ้มของแก๊งค์ลักเด็กยังไงชอบกล จริงๆแค่ดูสีเสื้อก็รู้แล้วว่าคนๆนี้ลึกลับอย่างน่าประหลาด สีม่วงเป็นสีที่แสดงถึงอำนาจมาเสมอ(ไม่เชื่อก็ลองดูพระราชา/ราชีนีในการ์ตูนสิ แล้วจะรู้ว่าพระราชา/ราชีนีที่ส่วมใส่อาภรสีม่วงมีเยอะขนาดไหน) รวมถึงเป็นสีที่แสดงถึงความลึกลับและปริศนา(สีโปรดของพวกพ่อมดฝ่ายชั่วร้ายเลยหละ รวมถึงสีอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวยิปซีซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเสน่ห์อันน่าค้นหาด้วย) ดวงตาของชายเบื้องหน้าดูเหมือนของคุณชายใจดีที่เปี่ยมด้วยเกียรติและเมตตา แต่มีบางอย่างที่ทำให้บรรยากาศในรถตู้คันนี้กดดันอย่างน่าประหลาด จริงๆ มันไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอก ก็ชายเบื้องหน้าของเนยเล่นมีบอดี้การ์ดร่างยักษ์ในชุดสูทสีเทาเข้ม แว่นตาดำ อุปกรณ์สื่อสารพ่วงหู และอื่นๆนั่งขนาบสองข้างเลยนะสิ
"คุณเป็นใคร แล้วรู้ชื่อดิฉันได้อย่างไร"เนยถามด้วยความประหลาดใจ ซึ่งชายเบื้องหน้านี้ก็ยิ้มน้อยๆด้วยปากกว้างๆ สะบัดสายตาเฉื่อยๆของเขามาที่บอดี้การ์ดคนหนึ่งก่อนที่ชายร่างยักษ์คนนั้นจะยื่นบัตรนักข่าวให้เนย
"นี่ของคุณ"บอดี้การ์ดคนนั้นยื่นบัตรใบนั้นให้เนยแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ ค่อนข้างนุ่มและไม่ได้ฟังดูคุกคามอย่างที่บอดี้การ์ดทั่วไปควรจะเป็น ซึ่งนี่แหละคือความแตกต่างระหว่างบอดี้การ์ดกับนักเลงคุมบาร์ บอดี้การ์ดรู้ว่าเขาควรทำตัวยังไงกับใคร ไม่ใช่กุ๊ยเถื่อนๆดาษๆที่พ่นคำหยาบกักขฬะและเข้าใช้กำลังใส่ทุกคนที่ขวางหน้า เนยรับบัตรนักข่าวของตนมาจากบอดี้การ์ดคนดังกล่าวแล้วตรวจสอบความเรียบร้อยซึ่ง ทุกอย่าง เรียบร้อยดี
"แล้วคุณ มีธุระอะไรกับดิฉันเหรอคะ"เนยถาม เธอมองเข้าไปในตาของชายในชุดสีม่วงคนนี้ ในหัวสมองของเธอกำลังคิดอยู่ว่าชายเบื้องหน้าต้องการอะไร มีอะไรที่เธอจะทำได้บ้าง แล้วเธอจะใช้เครื่องบันทึกเสียง ภาพ หรืออะไรของเธอได้หรือไม่
"ดีครับ เข้าประเด็นเลยดีกว่าคุณผู้หญิง ผม ขอไม่เปิดเผยตัวตนละกัน ผมมาเพื่อเจรจาทางการค้ากับคุณ และไม่ต้องห่วงว่าจะโดนกดราคา ผมมีผลประโยชน์มากมายให้คุณหากคุณ ยอม ขายข่าวและหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับหุบเขาดงโขมดเย็นให้แก่ผมและทีมงาน นี่ครับ ถ้าหากคุณตอบตกลง"ชายคนที่นั่งยิ้มอยู่เบื้องหน้าเนยผายมือมาทางเนยซึ่งบอดี้การ์ดยกกระเป๋าเจมส์บอนด์ใบโตมาตรงหน้าเนย กระเป๋าใบนั้นเปิดออก เผยให้เห็นเงินสดจำนวนมหาศาลอัดแน่นเรียงกันอย่างเป็นระเบียบในกระเป๋าใบโต ไม่ใช่เงินของประเทศนี้ แต่เป็นค่าเงินของประเทศมหาอำนาจที่มีค่ามากกว่าเงินของประเทศนี้เยอะ ลองคิดดูว่าถ้าหากเธอเอาไปแลกเป็นเงินของประเทศนี้จะได้เงินจำนวนมหาศาลขนาดไหน ความคิดหลายๆอย่างในหัวของสาวน้อยจอมละโมบหยุดลงอย่างรวดเร็ว ความโลภเข้าครอบงำจิตใจ เธอยิ้มกว้างแล้วหรี่ตาลง หันไปทางคุณชายชุดตลกเบื้องหน้าแล้วเริ่มการสนทนา
"แล้ววว ทำไมคุณต้องถึงต้องการข้อมูลชุดนี้นักละคะ คุณ กำลังจะทำอะไรอยู่กันแน่"เนยเริ่มคิดที่จะต่อรองราคากับชายเบื้องหน้า ความละโมบฉายแววออกมาจากดวงตาเป็นประกายของเนย รอยยิ้มบนหน้าเนยทำให้เธอดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่นั่นไม่มีผลกระทบต่อชายชุดหรูเบื้องหน้าเลย เขาหรี่ตาลง
"ขอปกปิดเป็นความลับทางการค้านะครับ แล้ว คุณ จะรับข้อเสนอของเราไหม ว่าแต่ ผมไม่คิดว่าคุณมีทางเลือกนะครับ"ชายชุดสูทเบื้องหน้าทำหน้าครุ่นคิด เขาพูดอย่างนุ่มนวลน่าฟัง แม้ว่าประโยคสุดท้ายนั้น จะแสดงถึงการคุกคาม แต่ชายคนดังกล่าวไม่มีท่าทางมุ่งร้ายหรือฉายแววอันตรายออกมาเลย ออกจะชิลๆด้วยซ้ำ เหมือนกับว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาเขาพูดเป็นประจำ ในวงสนทนากับเพื่อนฝูง
"หา"เนยอุทาน แล้วอยู่ๆบอดี้การ์ดร่างยักษ์ทั้งสองก็ขยับตัวเล็กน้อย พวกเขาดูน่ากลัว ทั้งๆที่พวกเขาดูเหมือนแค่เมื่อยแล้วขยับท่านั่งแค่นั้นเอง
"เห็นได้ชัดว่า คุณ ไม่ทราบเลยว่าคุณกำลังเจรจาอยู่กับผู้ใด เล่นอยู่กับใคร ซึ่งนั่นดีแล้ว ผม คนของผม รู้ว่าคุณเป็นใคร ผมถือไพ่เหนือกว่านะครับ ผมมีเพื่อนๆ คุณฟังไม่ผิดหรอกครับ เพื่อนๆของผมเค้าค่อนข้าง จะบอกว่ายังไงดีน้าาาา อืม ใหญ่คับเมืองก็ว่าได้ แล้วเพื่อนๆของผม พวกเขาชอบเล่นแผลงๆตลกๆ ผมว่าคุณคงไม่อยาก เจอกับพวกเขาหรอก ใช่มั้ยครับคุณผู้หญิง"ชายเบื้องหน้าพูดด้วยภาษาสุภาพ แต่คำพูดเหล่านี้ทำให้สมองของเนยปั่นป่วนไปหมด แต่ที่แน่ๆ เพื่อนๆของชายเบื้องหน้าคงไม่ใช่ตลกคาเฟ่แน่นอน และนักธุรกิจเบื้องหน้าสามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้ทั้งที่ยิ้มอย่างเป็นมิตรตลอดการเจรจา ไม่ใช่ยิ้มน่ากลัวแบบฆาตกรโรคจิตนะ ยิ้มแบบเป็นมิตรจริงๆ เพียงแต่คำพูดของเขาน่ากลัวเทียบเท่าเสียงร้องของหนูทดลองตัวสุดท้ายในห้องแล็บเลยทีเดียวเชียวหละ ไม่สิ หน้ากลัวยิ่งกว่าอีก น้ำเสียงเนิบๆ ฟังดูตลกๆสไตล์คอมเมเดี้ยนที่คอยสร้างความบันเทิง บัดนี้ กลับทำให้เนยขนลุกอย่างช่วยไม่ได้
"แหมๆๆ ผมนี่หละน้า พูดอะไรเรื่อยเปื่อยเพ้อเจ้อ ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ กลับมาเรื่องการ เจรจา ของเราดีกว่านะครับ ผมเห็นและชื่นชมความกล้าในตัวคุณ กล้าที่จะต่อรองธุรกิจ มีความมั่นใจดี ผมเสนอข้อเสนอพิเศษให้แก่คุณ ข้อมูลหลักฐานทุกอย่าง เม็มโมรี่กล้องของคุณ เครื่องอัดเสียง ตัวอย่างทุกชิ้น แลกกับ เงินสด สองเท่าเลย ถ้าหากคุณตอบตกลงและสัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้ เด็ดขาด เพื่อนๆผมไม่ชอบเด็กขี้ฟ้องซักเท่าไหร่ หลังจากที่คุณตอบตกลง เราทั้งสองคนจะไม่รู้จักกัน ไม่เคยพบพานมาบรรจบกันมาก่อน เป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมโลกอีกคนเท่านั้น ดีไหมครับคุณผู้หญิง"ชายในชุดสูทสีม่วงยิ้มร่าเหมือนเด็กที่รู้ว่าตัวเองสอบได้เกรด4 สายตาคาดหวังของเขาเจาะทะลุเข้าไปในจิตใจของเนยอย่างทะลุปรุโปร่ง เขายื่นมือขวาที่สวมใส่ถุงมือผ้าสีขาวสะอาดมาทางตัวเธอ ต้องการที่จะผนึกสัญญานี้ในทันที เนยเองก็ลังเลซักครู่หนึ่ง ถ้าเธอขายข่าวชุดนี้ให้กับชายปริศนาเบื้องหน้า เธอจะไม่ได้เข้าไฮยีน่านิวส์เพราะไม่มีผลงาน แต่เท่าที่ดูแล้ว ชายเบื้องหน้าคงไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆแน่ๆ ความโลภก็เข้าครอบงำร่างกายและจิตใจของสาวน้อยไฟแรงอย่างรวดเร็ว เหมือนสนิมที่เกาะกินตัวตนของผู้คน สุดท้าย รอยยิ้มก็ปรากฎอยู่บนใบหน้าของเนย แมมม่อน(ปีศาจแห่งโลภะ)เป็นฝ่ายชนะ
"ยินดีที่ได้ทำธุรกิจด้วยกันค่ะ"มือขวาของเนยคว้ามือของชายเบื้องหน้าไว้ ใบหน้าของเนยบิดเบี้ยวเหมือนใบหน้าของแม่มดร้าย ไม่ใช่เพราะเวทมนตร์หรือกำลังอาวุธ แต่เป็นเพราะจิตใจของเธอเองที่แปดเปื้อนเพราะพลังของเงินตรา รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจและปิติยินดีนี้ดูน่ากลัวยิ่งกว่าใบหน้าของผีสางเสียอีก ดวงตาของสาวน้อยเป็มมันวาวแล้วเบิ่งกว้าง ชายเบื้องหน้าหรี่ตาลง ใบหน้าของเขาไม่ได้เบี้ยวแบบของเนย ยังคงเสน่ห์และความนุ่มนวลไว้ไม่คลายออก ตาของเขาหรี่ลง ปากขยับไปมาเล็กน้อย
"คุณเลือกถูกแล้วที่ทำธุรกิจกับเรา คุณไม่เสียใจในภายหลังแน่ สวัสดีครับ"ชายคนนั้นยิ้ม เขาขยับแขนแล้วบอดี้การ์ดก็เปิดกระเป๋าเจมส์บอนด์ทั้งสองหันให้กับเนย ข้างในมีเงินสดจำนวนมหาศาลทั้งสองใบ บอดี้การ์ดปิดมันลงแล้วยื่นให้เนยทั้งสองใบ ซึ่งสาวน้อยนักข่าวก็รับมันอย่างยินดี บอดี้การ์ดทั้งสองเปิดประตูรถตู้แล้วชายร่างเล็กในชุดสูทสีม่วง ผมเรียบแปล้ขึ้นเงา เนคไทสีฉูดฉาด ก็ลงรถไปอย่างสง่าผ่าเผย ช่ายร่างยักษ์ในชุดสีเทาก็ตามออกไปพร้อมกับกระเป๋าหนังใบหนึ่ง เดาได้เลยว่าอะไรอยู่ในนั้น ซองบางอย่างที่มีกิ่งไม้อยู่ข้างในแล็บออกมาให้เนยเห็น มันดูคุ้นตาแปลกๆ มีโลหะแปลกๆที่ดูคล้ายใบพัดเฮลิคอปเตอร์อยู่ข้างในนั้นด้วย ที่น่าตกใจที่สุด บางอย่างที่ดูใสๆและเป็นสีฟ้าทำให้เนยนึกถึงลูกตาลลอยแก้วก็อยู่ในนั้น มันดูคล้ายๆกับแขนของรูปปั้นน้ำแข็ง นั่นทำให้เนยขนลุกขนพองเมื่อคิดลึกลงไปอีก เนยออกจากรถตู้นักข่าวตามออกไปดู เห็นพวกเขาทั้ง3ขึ้นรถ ไม่ใช่รถหรูลีมูซีนอะไรหรอกนะ รถเก๋งตลาดธรรมดานี่แหละ มองจากภายนอกไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนที่อยู่ในรถคันนั้นจะ เป็นคนที่มีลับลมคมในแบบนี้ รถที่มีฟีล์มดำติดทั้งคัน ชายในชุดสีม่วงหายเข้าไปในรถคันนั้นแล้วรถคันนั้นก็ขับออกไป
รถคันนั้นออกไปจากสถาณที่นี้อย่างรวดเร็ว หายออกไปในถนนใหญ่ ป้ายทะเบียนนั้นว่างเปล่าเพื่อไม่ให้ติดตามตัวได้ รถสีดำธรรมดาๆคันนั้นวิ่งออกไปแล้วหายไปในการจราจรที่ปลอดโปร่งของเส้นทางซุปเปอร์ไฮเวย์ เนยมองดูรถคันนั้นหายไปจากสายตาแล้วยิ้ม เธอรวยแล้ว รวยจริงๆ เนยลองหยิกท้องแขนของตัวเองดู เจ็บจริง นี่เป็นเรื่องจริง
"ไปกันเถอะ"เสียงน่าเบื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเนย เธอตกใจเลยหันกลับไปมอง พบชายผิวสีเข้มที่เธอคุ้นเคย ใต้ชุดสีน้ำเงินอันคุ้นตา หมวกแก๊ป เสื้อกั๊กสีน้ำตาลอ่อน กางเกงยีนส์ เสียงแหบหยาบกร้านและสายตาที่แข็งกร้าว
"สมบัติ เป็นไงบ้าง"เนยหันไปทักทาย เธอรีบเอากระเป๋าทั้งสองใบซ่อนไว้ข้างหลังทันที เธอไม่อยากแบ่งสมบัติให้ใครทั้งนั้น แล้วสมบัติที่ว่านี้ไม่ใช่ชื่อคน เธอยิ้มแหยๆ เหงื่อแตกท่วมตัว ท่าทางลุกลี้ลุกลน รอยยิ้มเบี้ยวๆของเธอเสดงถึงการโกหกที่ไม่เนียนเอาซะเลย
"ไม่ต้องซ่อนหรอก เราได้เหมือนๆกันนั่นแหละ"สมบัติตอบ เขาขยิบตาแล้วเดินขึ้นรถไปด้วยท่าทางเฉยชา แปลกนะ เขาพึ่งได้เงินสดก้อนโตแต่ท่าทางเขา แปลกจริงๆ เนยรู้ว่ามีบางอย่างอยู่ในจิตใจของสมบัติแต่ว่า คนที่ไม่มีปฏิกิริยากับเงินตราสากลแบบนี้มัน เนยไม่เคยคิดมาก่อนว่าสมบัติจะนิ่งได้ขนาดนี้
"อ้าว โอเค งั้นเอาไงต่อดีหละ"เนยถาม เธอเดินขึ้นรถตู้ที่เธอคุ้นเคยพร้อมกับกระเป๋าแห่งความมั่งคั่ง ในหัวของเธอหมุนไปหมดเรื่องจะเอาเงินไปใช้ทำอะไรดี
"ซื้อกล้องใหม่ไง งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แต่ว่า ใครเป็นคนบอกหละว่านี่เป็นงานเลี้ยงครั้งสุดท้าย จริงมะ ไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงงวดต่อไปกัน"สมบัติหันมาพูดกับเนย เขายิ้มน้อยๆแล้วลูบคางที่มีเคราหรอมแหรม เขาหรี่ตาลง หันหน้ากลับไปยังหน้ารถ ตอนนี้เขากับเนยอยู่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ห่างจากกองพันที่เธอไปทำข่าวพอสมควร แต่ว่า ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วหละ ได้เวลาใช้ชีวิตแล้ว เธอกับสมบัติค่อยๆหันมามองซึ่งกันและกันแล้วออกรถ ได้เวลาไปเสวยสุขแล้ว
แต่ว่า ถ้านี่ไม่ใช่งานเลี้ยงครั้งสุดท้าย อะไรหละที่กำลังรอเราอยู่
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ท่ามกลางป่าดงพงไพรอันดิบเถื่อนและเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตผิดธรรมชาตินานับประการ หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ว่านั้นกำลังไต่ไปมาอย่างเงียบเชียบตามต้นไม้ เด็กหญิงที่มีร่างกายคล้ายกบกำลังมองหาและสอดส่องเป้าหมายอยู่ เธอกำลังหาสิ่งที่เรียกว่า ครอบครัว อยู่
แน่นอนว่าความสามารถในการปีนต้นไม้ของเธอทำให้แม่กบน้อยของเราสามารถมองจากมุมสูงได้ เมื่อสังเกตุดูดีๆแล้ว บ้านเรือนและข้าวของในหมู่บ้านของเธอไฟไหม้ แต่กลับไม่มีร่องรอยของคนที่ติดอยู่ข้างในเลย ชาวบ้านและครอบครัวของเธอยังมีชีวิตอยู่ และให้เดา พวกขบวนการลักลอบตัดไม้จะต้องเป็นพวกที่เอาตัวไปแน่ๆ อาจจะเอาไปขายเป็นทาสหรืออะไรที่เลวร้ายกว่านั้นมาก บางที พวกเขาอาจจะหนีออกไปได้ทัน แต่ยังไงซะ เธอก็ต้องออกตามหาร่องรอยที่พวกคนตัดไม้ทิ้งเอาไว้ก่อน มีโอกาสมากกว่าที่พวกนั้นจะเอาตัวชาวบ้านไป
จริงๆเธอเองก็ไม่อยากจากจ่าปลาไปเลยอะนะ แต่ว่า จ่าและเพื่อนๆไม่มีอาวุธเหลือแล้ว แถมการต่อสู้ทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะต่อกรกับพวกมอดไม้พร้อมอาวุธสงครามครบมือไหว ถ้าเธอบอกจ่าปลาไปว่าเธอจะออกไปตามหาครอบครัวเพราะว่าเธอรู้ว่าพวกเขายังอยู่ จ่าปลากับคนอื่นๆต้องไม่ยอมให้เธอไปคนเดียวแน่ๆ เธอไม่อยากเสียเพื่อนใหม่และพี่สาวใจดีคนนี้ไป เธอรู้ว่าพวกมอดไม้นั้น โหดเหี้ยมกว่าที่บุคคลภายนอกคิดไว้เยอะแค่ไหน อีกทั้งกลับไปกับพวกเจ้าหน้าที่ป่าไม้หนะเหรอ
"บรึ๋ยยยย"น้ำอ้อยคิด เธอพอรู้มาบ้างจากปากของพี่ๆที่แอบหนีไปเที่ยวเล่นในเมืองกรุงว่าทางการทำยังไงกับสัตว์ประหลาดที่พวกเขาพบ แม้ว่าจ่าและคนอื่นๆอาจจะมีเจตนาดีและมองเห็นค่าความเป็นคนในตัวเธอ แต่หากรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วหละก็ เธอคงจบแบบเดียวกับกบในคลาสวิทยาศาสตร์เป็นแน่แท้ ไม่ก็ต้องไปออกงานวัดตลอดชีวิต เธอไม่อยากเสี่ยง กลายเป็นสัตว์ทดลองที่ต้องใช้ชีวิตที่เหลือในห้องแล็บ
เธอจะต้องออกตามหายายแม้นและคนอื่นๆให้ได้ แม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะทำในฐานะของสมาชิคในหมู่บ้านนั้น เธออาจจะเสียความเป็นคนไปบางส่วน แต่พลังพิเศษและความสามารถที่ได้มานั้น เธอจะใช้มันอย่างเต็มที่ ไม่ให้เสียของหรอก น้ำอ้อยคิดแล้วกระโดดไปมาตามต้นไม้ ผ่านสิงสาราสัตว์ชนิดต่างๆ ค่อยๆคืบคานไปตามผืนป่า แล้วมองหาความหวังของเธอ แม่กบน้อยกระโดดแล้วมองไปยังพื้น
"รอยเท้า"เธอพูดกับตวเองเบาๆ มีร่องรอยของพวกขบวนการมอดไม้ รอก่อนนะยายแม้น หนูต้องตามหายายให้เจอ แล้วหนูจะต้องหาทางช่วยทุกคนออกมาให้ได้ น้ำอ้อยคิดกับตัวเองก่อนที่จะใช้ความสามารถของสัตว์ป่าในการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วท่ามกลางกิ่งไม้ใบหญ้าทั้งหลาย เธอพยายามใช้ประสาทสัมผัสที่ได้มาใหม่ในการตามหาเป้าหมายของเธอ แต่ว่า ถึงแม้จะเจอตัวพวกขบวนการมอดไม้ การพิชิตอาชญากรมืออาชีพติดอาวุธและทหารรับจ้างแห่งชายแดนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอต้องใช้ความเร็วและความเงียบในการหาข้อมูล ทุกอย่างมีจุดอ่อนเสมอ และ น้ำอ้อยจะต้องหาทางใช้ประโยชน์จากข้อมูลในการปลดปล่อยผู้คนอันเป็นที่รักของเธอออกมาจากเงื้อมมือของนักทำลายแห่งป่าไม้นี้ให้ได้
"ฮีโร่หนะ ไม่ได้มองกันที่ภายนอก เค้ามองกันที่การกระทำ"คำพูดในหนังสือการ์ตูนผุดเข้ามาในหัวของน้ำอ้อย แม้ว่ารูปร่างจะไม่โสภา แต่เธอจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเธอคืนร่างเป็นคนไม่ได้ เธอจะเป็นกบที่ดีให้ได้เอง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"กรรรรรรร"เสียงในลำคอของสุนัขตัวหนึ่งดังขึ้น มันเป็นหมาขนสั้นพันธุ์ทางสีขาวที่มีลายสีน้ำตาลขึ้นเป็นหย่อมๆ หากทุกๆคนยังจำได้ มันคือหมาหน้าศาลเจ้าแม่ป้ายหยุดที่อยู่เคียงข้างเจ้าฟองดูนั่นเอง ทันทีที่เจ้าสุนัขแสนรู้ทั้งสองได้พบกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฟองดูตัดสินใจที่จะติดตามไป เจ้าฟองดูนั้นตามเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปเพราะว่าต้องการอาหาร แล้วฟองดูก็ได้มากกว่าอาหาร มันได้เล่นกับผู้คน ได้มิตรภาพ ได้ความสนุกและการผจญภัย สำหรับหมาอย่างฟองดูแล้ว การได้รับความรักและการดูแลจากมนุษย์นั้นนับว่าประสบความสำเร็จแล้ว
มันเองก็ไม่อยากพลาดประสบการณ์ดีๆ หากฟองดูไปได้ มันเองก็ต้องไปได้ แต่ว่าจุดประสงค์ของเจ้าหมาน้อยขนเกรี๋ยนตัวนี้มันนั้นไม่เหมือนกัน มันสงสัยใคร่รู้ จิตวิญญาณที่ต้องการผจญภัยของมันรู้ว่า มีบางอย่างเกิดขึ้นในป่า และมันน่าสนใจมากด้วย การตามไปห่างๆอย่างห่วงๆโดยที่แม้แต่ฟองดูยังไม่รู้ตัวนั้น ทำให้มันสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะได้แทบทั้งหมด อีกอย่าง มันไม่ไว้ใจมนุษย์ ทุกครั้งที่มันเชื่อใจคน มันมักจะจบลงด้วยการทรยศหักหลังเสมอ มันเป็นหมาที่เจ็บแล้วจำ ไม่ใช่หมาโลกสวยที่เล่นติงต๊องไปวันๆเหมือนกับเจ้าฟองดูหรอก บทเรียนชีวิตบทแล้วบทเล่าสอนมันว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อย่าไปยืมจมูกมนุษย์หายใจ พอคนเบื่อเมื่อไหร่ เพื่อนของมันตัวแล้วตัวเล่าต้องจบชีวิตในหมอก๋วยเตี๋ยว โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่อยู่ในชามอาหารนั้น ไม่ได้ทำมาจากเนื้อของปศุสัตว์ทั้งหมด บางตัวโชคดีหน่อยได้ไปอยู่วัด บางตัวได้ไปอยู่ริมถนน แล้วโดนศัตรูตามธรรมชาติที่เรียกว่ากันชนรถคาบไปรับประทาน
"ฮือออ"มัน หิวน้ำ หลังจากการเดินทางอันยาวนาน มันหิวน้ำเหลือเกิน ลำคอของหมาน้อยตัวนี้แห้งผากจนเหมือนจะขาดใจ มันแอบติดตามพวกมนุษย์มาได้ตลอดโดยไม่ให้กลิ่นของมันโชยไปจนฟองดูรู้ตัว ทุกครั้งที่พวกเจ้าหน้าที่ป่าไม้หลับไหล มันจะชะโงกแอบดูอยู่ไกลๆ จริงๆตาของมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะสุนัขนั้นไม่ใช่สัตว์ที่มีความโดดเด่นด้านสายตา แต่เป็นการได้ยินและการดมกลิ่นต่างหาก ตอนกลางวัน มันตามกลิ่นและเสียงไป ทุกอย่างสนุกสนานน่าตื่นเต้นเร้าใจมาตลอดทางจนกระทั่งตอนที่พวกนั้นไปจากผืนป่านี้ รถคันนั้นมันไปเร็วมาก มีหมาน้อยตัวนักที่ประสบความสำเร็จในการวิ่งไล่รถทน และหนึ่งในนั้นไม่ใช่มัน มันกลับไปไม่ทัน ก็เลยจบลงที่อาคารรูปร่างประหลาดสีเขียวกลางป่ารกแบบนี้ ตอนนี้มันต้องการน้ำ ไม่นานนัก มันก็ได้กลิ่นความชื้น แหล่งน้ำนั่นเอง มันรอดแล้ว เจ้าตูบของเราเดินไปทางทิศที่มันได้กลิ่นน้ำอย่างรวดเร็ว หมายจะดื่มน้ำให้หายกระหายในวันที่อากาศร้อนแบบนี้
"แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก"มันวิ่งไปทางด้านหน้าอย่างรีบร้อน ในที่สุด ท่ามกลางป่าดงที่ร่มเย็นนี้ มีหนองน้ำเล็กๆที่น่าจะเป็นต้นน้ำของผืนป่านี้ ได้เวลาดื่มน้ำให้ชื่นปอดซะหน่อยแล้ว เจ้าหมาสีขาวลายน้ำตาลด่างตัวนี้เดินตรงไปยังหนองน้ำน้อยๆนั้นอย่างยินดีแล้วดื่มน้ำอย่างรีบร้อน มันก้มหัวลงจรดผิวน้ำแล้วใช้ลิ้นสีชมพูตวัดน้ำขึ้นเข้าปากอย่างชื่นใจ
หนองน้ำนี้มีบางอย่างที่พิเศษกว่าที่อื่น โครงโลหะของอากาศยานที่ไหม้เกรียมจมอยู่ในหนองน้ำครึ่งลำ ใบพัดไหม้ๆ ตัวเครื่องเกรียมๆ ห้องนักบินที่ว่างเปล่า ทุกอย่างหงิกงอและบิดเบี้ยว ที่ก้นบึ้งของหนองน้ำนิ่งนั้นมีร่างไร้วิญญาณของชายชุดดำหลายคนที่ไม่สามารถว่ายน้ำได้เพราะน้ำหนักของเครื่องแบบฉุดจนต้องพ่ายแพ้และสิ้นชีพให้แก่วารีปลิดวิญญาณ จนต้องกลายเป็นอาหารของปลาและสัตว์น้ำต่างๆ หลายร่างไหม้เกรียมเพราะโดนอำนาจของจรวดต่อต้านอากาศยานเข้าทำลาย หลายร่างสลบไสลเพราะแรงกระแทกทำให้ไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากผืนป่าอันดิบเถื่อนและสายน้ำกลืนชีวิต หลายคนที่รอดชีวิตจากการปะทะก็ต้องเผชิญกับสัตว์ร้ายและโรคภัยที่เข้ามาหมายจะล่าหาอาหารใส่ท้อง โจรป่าใจทรามและชนกลุ่มน้อยที่ไม่เป็นมิตรก็เข้าปล้นฆ่าอย่างไร้ปราณีทันทีที่มีโอกาส น้อยคนนักที่จะรอดออกไปได้สำเร็จ ด้านข้างของซากโลหะที่เคยเป็นเฮลิคอปเตอร์นั้น ริมหนองน้ำที่ไม่ลึกนัก มีอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์พังๆตะไคร่จับกองอยู่ มันดูแปลกประหลาดผิดไปจากเทคโนโลยีอื่นๆ ไม่เฉพาะแค่สำหรับสุนัขนะ แม้แต่ในมาตรฐานของมนุษย์ มันยังดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ตรงกลางของอุปกรณ์ที่บู้บี้และเปรอะเปื้อนนั้น มีกระเปาะแก้วที่แตกจนเห็นข้างในอยู่ แร่สีเขียวเรืองแสงล่องลอยอยู่ในน้ำที่ท่วมมาครึ่งกระเปาะ สารที่อยู่ในกระเปาะนั้นไหลปะปนอยู่กับน้ำในหนองบึงเล็กๆนี้ก่อนที่จะไหลลงไปตามแม่น้ำลำคลองและเข้าสู่วัฎจักรของน้ำ เจ้าหมาน้อยมองดูสิ่งเหล่านั้น ไม่ได้ใส่ใจอะไร ยังคงกินน้ำต่อไปเรื่อยๆอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้ล่วงรู้ถึงผลลัพท์ที่จะตามมาเลยแม้แต่น้อย
ข้างๆกระเปาะเขียนว่า "โปรดระวัง : สารก่อกลายพันธุ์"
ท่ามกลางความวุ่นวายอลม่านเมื่อครู่ บางอย่างที่บินได้ บางอย่างที่พ่นควัน มันจู่โจมเรา แล้ว เราก็หลับไหลและพ่ายแพ้ให้กับพลังของเคมีนิทรา จน ในที่สุด นักข่าวสาวแห่งสำนักข่าวเผือกนิวส์ก็ค่อยๆตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลที่ยาวนานดุจนิรันด์ เนยค่อยๆลืมตาขึ้นมองรอบกายอย่างช้าๆ ตอนนี้เธออยู่ในสถาณที่ๆค่อนข้างคุ้นตามาก มากจริงๆ มันคือรถตู้นักข่าวของเธอกับสมบัตินั่นเอง แล้ว ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่รถตู้นี้ได้เนี่ย เธอโดนโดรนจู่โจมเข้าเล่นงานตอนอยู่บนถนนดินลูกรังที่ป่าน้ำตาหนามไม่ใช่เหรอ แล้วเบื้องหน้าของเธอ อะไรกัน ใคร . . .
"สวัสดีครับ คุณนักข่าว ขอผมเดานะ คุณเนยใช่หรือเปล่าครับ"เสียงดังออกมาจากปากของชายวัยกลางคนร่างเล็กที่มีทรงผมเรียบแปลสีดำขลับเงาเป็นมันซึ่งดูก็รู้ว่าเขาต้องจัดทรงให้มันอย่างปรานีตแค่ไหนถึงจะทำให้มันดูเนี๊ยบได้ขนาดนั้น คงใช้เจลจัดผมหลายขวดกว่าจะได้แบบนี้ ใบหน้าขาวผ่องดูดีมีราศี และค่อนข้างดูเด็กเมื่อเทียบกับอายุ เสื้อสูทสีม่วงอ่อนดูโดดเด่นเหมือนกับหลุดออกมาจากการ์ตูน แต่นั่นเทียบไม่ได้เลยกับเนคไทสีฟ้าสลับขาวที่สีตัดกับชุดสีสดของเขาอย่างน่าประหลาดใจ มันดูไม่เข้ากันอย่างแรงจนเขาดูเหมือนออกมาจากรายการสอนศิลปะสำหรับเด็กประถม เขาคนนี้ใส่กางเกงสแล็กสีดำด้านยาวถึงข้อเท้าพร้อมด้วยเข็มขัดหนังสีดำสนิทมีหัวเป็นสีเหลืองทอง รองเท้าหนังมันขึ้นเงาของเขาเองก็มีสีเดียวกับกางเกง
รอยยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ ดูเป็นมิตร แต่แฝงไปด้วยความลี้ลับ ปริศนาที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าอะไรอยู่เบื้องหลังรอยยิ้มสบายๆและดวงตาไร้เดียงสาคู่นั้น มันทำให้มีความรู้สึกเหมือนกับรอยยิ้มของแก๊งค์ลักเด็กยังไงชอบกล จริงๆแค่ดูสีเสื้อก็รู้แล้วว่าคนๆนี้ลึกลับอย่างน่าประหลาด สีม่วงเป็นสีที่แสดงถึงอำนาจมาเสมอ(ไม่เชื่อก็ลองดูพระราชา/ราชีนีในการ์ตูนสิ แล้วจะรู้ว่าพระราชา/ราชีนีที่ส่วมใส่อาภรสีม่วงมีเยอะขนาดไหน) รวมถึงเป็นสีที่แสดงถึงความลึกลับและปริศนา(สีโปรดของพวกพ่อมดฝ่ายชั่วร้ายเลยหละ รวมถึงสีอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวยิปซีซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเสน่ห์อันน่าค้นหาด้วย) ดวงตาของชายเบื้องหน้าดูเหมือนของคุณชายใจดีที่เปี่ยมด้วยเกียรติและเมตตา แต่มีบางอย่างที่ทำให้บรรยากาศในรถตู้คันนี้กดดันอย่างน่าประหลาด จริงๆ มันไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอก ก็ชายเบื้องหน้าของเนยเล่นมีบอดี้การ์ดร่างยักษ์ในชุดสูทสีเทาเข้ม แว่นตาดำ อุปกรณ์สื่อสารพ่วงหู และอื่นๆนั่งขนาบสองข้างเลยนะสิ
"คุณเป็นใคร แล้วรู้ชื่อดิฉันได้อย่างไร"เนยถามด้วยความประหลาดใจ ซึ่งชายเบื้องหน้านี้ก็ยิ้มน้อยๆด้วยปากกว้างๆ สะบัดสายตาเฉื่อยๆของเขามาที่บอดี้การ์ดคนหนึ่งก่อนที่ชายร่างยักษ์คนนั้นจะยื่นบัตรนักข่าวให้เนย
"นี่ของคุณ"บอดี้การ์ดคนนั้นยื่นบัตรใบนั้นให้เนยแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ ค่อนข้างนุ่มและไม่ได้ฟังดูคุกคามอย่างที่บอดี้การ์ดทั่วไปควรจะเป็น ซึ่งนี่แหละคือความแตกต่างระหว่างบอดี้การ์ดกับนักเลงคุมบาร์ บอดี้การ์ดรู้ว่าเขาควรทำตัวยังไงกับใคร ไม่ใช่กุ๊ยเถื่อนๆดาษๆที่พ่นคำหยาบกักขฬะและเข้าใช้กำลังใส่ทุกคนที่ขวางหน้า เนยรับบัตรนักข่าวของตนมาจากบอดี้การ์ดคนดังกล่าวแล้วตรวจสอบความเรียบร้อยซึ่ง ทุกอย่าง เรียบร้อยดี
"แล้วคุณ มีธุระอะไรกับดิฉันเหรอคะ"เนยถาม เธอมองเข้าไปในตาของชายในชุดสีม่วงคนนี้ ในหัวสมองของเธอกำลังคิดอยู่ว่าชายเบื้องหน้าต้องการอะไร มีอะไรที่เธอจะทำได้บ้าง แล้วเธอจะใช้เครื่องบันทึกเสียง ภาพ หรืออะไรของเธอได้หรือไม่
"ดีครับ เข้าประเด็นเลยดีกว่าคุณผู้หญิง ผม ขอไม่เปิดเผยตัวตนละกัน ผมมาเพื่อเจรจาทางการค้ากับคุณ และไม่ต้องห่วงว่าจะโดนกดราคา ผมมีผลประโยชน์มากมายให้คุณหากคุณ ยอม ขายข่าวและหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับหุบเขาดงโขมดเย็นให้แก่ผมและทีมงาน นี่ครับ ถ้าหากคุณตอบตกลง"ชายคนที่นั่งยิ้มอยู่เบื้องหน้าเนยผายมือมาทางเนยซึ่งบอดี้การ์ดยกกระเป๋าเจมส์บอนด์ใบโตมาตรงหน้าเนย กระเป๋าใบนั้นเปิดออก เผยให้เห็นเงินสดจำนวนมหาศาลอัดแน่นเรียงกันอย่างเป็นระเบียบในกระเป๋าใบโต ไม่ใช่เงินของประเทศนี้ แต่เป็นค่าเงินของประเทศมหาอำนาจที่มีค่ามากกว่าเงินของประเทศนี้เยอะ ลองคิดดูว่าถ้าหากเธอเอาไปแลกเป็นเงินของประเทศนี้จะได้เงินจำนวนมหาศาลขนาดไหน ความคิดหลายๆอย่างในหัวของสาวน้อยจอมละโมบหยุดลงอย่างรวดเร็ว ความโลภเข้าครอบงำจิตใจ เธอยิ้มกว้างแล้วหรี่ตาลง หันไปทางคุณชายชุดตลกเบื้องหน้าแล้วเริ่มการสนทนา
"แล้ววว ทำไมคุณต้องถึงต้องการข้อมูลชุดนี้นักละคะ คุณ กำลังจะทำอะไรอยู่กันแน่"เนยเริ่มคิดที่จะต่อรองราคากับชายเบื้องหน้า ความละโมบฉายแววออกมาจากดวงตาเป็นประกายของเนย รอยยิ้มบนหน้าเนยทำให้เธอดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่นั่นไม่มีผลกระทบต่อชายชุดหรูเบื้องหน้าเลย เขาหรี่ตาลง
"ขอปกปิดเป็นความลับทางการค้านะครับ แล้ว คุณ จะรับข้อเสนอของเราไหม ว่าแต่ ผมไม่คิดว่าคุณมีทางเลือกนะครับ"ชายชุดสูทเบื้องหน้าทำหน้าครุ่นคิด เขาพูดอย่างนุ่มนวลน่าฟัง แม้ว่าประโยคสุดท้ายนั้น จะแสดงถึงการคุกคาม แต่ชายคนดังกล่าวไม่มีท่าทางมุ่งร้ายหรือฉายแววอันตรายออกมาเลย ออกจะชิลๆด้วยซ้ำ เหมือนกับว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาเขาพูดเป็นประจำ ในวงสนทนากับเพื่อนฝูง
"หา"เนยอุทาน แล้วอยู่ๆบอดี้การ์ดร่างยักษ์ทั้งสองก็ขยับตัวเล็กน้อย พวกเขาดูน่ากลัว ทั้งๆที่พวกเขาดูเหมือนแค่เมื่อยแล้วขยับท่านั่งแค่นั้นเอง
"เห็นได้ชัดว่า คุณ ไม่ทราบเลยว่าคุณกำลังเจรจาอยู่กับผู้ใด เล่นอยู่กับใคร ซึ่งนั่นดีแล้ว ผม คนของผม รู้ว่าคุณเป็นใคร ผมถือไพ่เหนือกว่านะครับ ผมมีเพื่อนๆ คุณฟังไม่ผิดหรอกครับ เพื่อนๆของผมเค้าค่อนข้าง จะบอกว่ายังไงดีน้าาาา อืม ใหญ่คับเมืองก็ว่าได้ แล้วเพื่อนๆของผม พวกเขาชอบเล่นแผลงๆตลกๆ ผมว่าคุณคงไม่อยาก เจอกับพวกเขาหรอก ใช่มั้ยครับคุณผู้หญิง"ชายเบื้องหน้าพูดด้วยภาษาสุภาพ แต่คำพูดเหล่านี้ทำให้สมองของเนยปั่นป่วนไปหมด แต่ที่แน่ๆ เพื่อนๆของชายเบื้องหน้าคงไม่ใช่ตลกคาเฟ่แน่นอน และนักธุรกิจเบื้องหน้าสามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้ทั้งที่ยิ้มอย่างเป็นมิตรตลอดการเจรจา ไม่ใช่ยิ้มน่ากลัวแบบฆาตกรโรคจิตนะ ยิ้มแบบเป็นมิตรจริงๆ เพียงแต่คำพูดของเขาน่ากลัวเทียบเท่าเสียงร้องของหนูทดลองตัวสุดท้ายในห้องแล็บเลยทีเดียวเชียวหละ ไม่สิ หน้ากลัวยิ่งกว่าอีก น้ำเสียงเนิบๆ ฟังดูตลกๆสไตล์คอมเมเดี้ยนที่คอยสร้างความบันเทิง บัดนี้ กลับทำให้เนยขนลุกอย่างช่วยไม่ได้
"แหมๆๆ ผมนี่หละน้า พูดอะไรเรื่อยเปื่อยเพ้อเจ้อ ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ กลับมาเรื่องการ เจรจา ของเราดีกว่านะครับ ผมเห็นและชื่นชมความกล้าในตัวคุณ กล้าที่จะต่อรองธุรกิจ มีความมั่นใจดี ผมเสนอข้อเสนอพิเศษให้แก่คุณ ข้อมูลหลักฐานทุกอย่าง เม็มโมรี่กล้องของคุณ เครื่องอัดเสียง ตัวอย่างทุกชิ้น แลกกับ เงินสด สองเท่าเลย ถ้าหากคุณตอบตกลงและสัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้ เด็ดขาด เพื่อนๆผมไม่ชอบเด็กขี้ฟ้องซักเท่าไหร่ หลังจากที่คุณตอบตกลง เราทั้งสองคนจะไม่รู้จักกัน ไม่เคยพบพานมาบรรจบกันมาก่อน เป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมโลกอีกคนเท่านั้น ดีไหมครับคุณผู้หญิง"ชายในชุดสูทสีม่วงยิ้มร่าเหมือนเด็กที่รู้ว่าตัวเองสอบได้เกรด4 สายตาคาดหวังของเขาเจาะทะลุเข้าไปในจิตใจของเนยอย่างทะลุปรุโปร่ง เขายื่นมือขวาที่สวมใส่ถุงมือผ้าสีขาวสะอาดมาทางตัวเธอ ต้องการที่จะผนึกสัญญานี้ในทันที เนยเองก็ลังเลซักครู่หนึ่ง ถ้าเธอขายข่าวชุดนี้ให้กับชายปริศนาเบื้องหน้า เธอจะไม่ได้เข้าไฮยีน่านิวส์เพราะไม่มีผลงาน แต่เท่าที่ดูแล้ว ชายเบื้องหน้าคงไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆแน่ๆ ความโลภก็เข้าครอบงำร่างกายและจิตใจของสาวน้อยไฟแรงอย่างรวดเร็ว เหมือนสนิมที่เกาะกินตัวตนของผู้คน สุดท้าย รอยยิ้มก็ปรากฎอยู่บนใบหน้าของเนย แมมม่อน(ปีศาจแห่งโลภะ)เป็นฝ่ายชนะ
"ยินดีที่ได้ทำธุรกิจด้วยกันค่ะ"มือขวาของเนยคว้ามือของชายเบื้องหน้าไว้ ใบหน้าของเนยบิดเบี้ยวเหมือนใบหน้าของแม่มดร้าย ไม่ใช่เพราะเวทมนตร์หรือกำลังอาวุธ แต่เป็นเพราะจิตใจของเธอเองที่แปดเปื้อนเพราะพลังของเงินตรา รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจและปิติยินดีนี้ดูน่ากลัวยิ่งกว่าใบหน้าของผีสางเสียอีก ดวงตาของสาวน้อยเป็มมันวาวแล้วเบิ่งกว้าง ชายเบื้องหน้าหรี่ตาลง ใบหน้าของเขาไม่ได้เบี้ยวแบบของเนย ยังคงเสน่ห์และความนุ่มนวลไว้ไม่คลายออก ตาของเขาหรี่ลง ปากขยับไปมาเล็กน้อย
"คุณเลือกถูกแล้วที่ทำธุรกิจกับเรา คุณไม่เสียใจในภายหลังแน่ สวัสดีครับ"ชายคนนั้นยิ้ม เขาขยับแขนแล้วบอดี้การ์ดก็เปิดกระเป๋าเจมส์บอนด์ทั้งสองหันให้กับเนย ข้างในมีเงินสดจำนวนมหาศาลทั้งสองใบ บอดี้การ์ดปิดมันลงแล้วยื่นให้เนยทั้งสองใบ ซึ่งสาวน้อยนักข่าวก็รับมันอย่างยินดี บอดี้การ์ดทั้งสองเปิดประตูรถตู้แล้วชายร่างเล็กในชุดสูทสีม่วง ผมเรียบแปล้ขึ้นเงา เนคไทสีฉูดฉาด ก็ลงรถไปอย่างสง่าผ่าเผย ช่ายร่างยักษ์ในชุดสีเทาก็ตามออกไปพร้อมกับกระเป๋าหนังใบหนึ่ง เดาได้เลยว่าอะไรอยู่ในนั้น ซองบางอย่างที่มีกิ่งไม้อยู่ข้างในแล็บออกมาให้เนยเห็น มันดูคุ้นตาแปลกๆ มีโลหะแปลกๆที่ดูคล้ายใบพัดเฮลิคอปเตอร์อยู่ข้างในนั้นด้วย ที่น่าตกใจที่สุด บางอย่างที่ดูใสๆและเป็นสีฟ้าทำให้เนยนึกถึงลูกตาลลอยแก้วก็อยู่ในนั้น มันดูคล้ายๆกับแขนของรูปปั้นน้ำแข็ง นั่นทำให้เนยขนลุกขนพองเมื่อคิดลึกลงไปอีก เนยออกจากรถตู้นักข่าวตามออกไปดู เห็นพวกเขาทั้ง3ขึ้นรถ ไม่ใช่รถหรูลีมูซีนอะไรหรอกนะ รถเก๋งตลาดธรรมดานี่แหละ มองจากภายนอกไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนที่อยู่ในรถคันนั้นจะ เป็นคนที่มีลับลมคมในแบบนี้ รถที่มีฟีล์มดำติดทั้งคัน ชายในชุดสีม่วงหายเข้าไปในรถคันนั้นแล้วรถคันนั้นก็ขับออกไป
รถคันนั้นออกไปจากสถาณที่นี้อย่างรวดเร็ว หายออกไปในถนนใหญ่ ป้ายทะเบียนนั้นว่างเปล่าเพื่อไม่ให้ติดตามตัวได้ รถสีดำธรรมดาๆคันนั้นวิ่งออกไปแล้วหายไปในการจราจรที่ปลอดโปร่งของเส้นทางซุปเปอร์ไฮเวย์ เนยมองดูรถคันนั้นหายไปจากสายตาแล้วยิ้ม เธอรวยแล้ว รวยจริงๆ เนยลองหยิกท้องแขนของตัวเองดู เจ็บจริง นี่เป็นเรื่องจริง
"ไปกันเถอะ"เสียงน่าเบื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเนย เธอตกใจเลยหันกลับไปมอง พบชายผิวสีเข้มที่เธอคุ้นเคย ใต้ชุดสีน้ำเงินอันคุ้นตา หมวกแก๊ป เสื้อกั๊กสีน้ำตาลอ่อน กางเกงยีนส์ เสียงแหบหยาบกร้านและสายตาที่แข็งกร้าว
"สมบัติ เป็นไงบ้าง"เนยหันไปทักทาย เธอรีบเอากระเป๋าทั้งสองใบซ่อนไว้ข้างหลังทันที เธอไม่อยากแบ่งสมบัติให้ใครทั้งนั้น แล้วสมบัติที่ว่านี้ไม่ใช่ชื่อคน เธอยิ้มแหยๆ เหงื่อแตกท่วมตัว ท่าทางลุกลี้ลุกลน รอยยิ้มเบี้ยวๆของเธอเสดงถึงการโกหกที่ไม่เนียนเอาซะเลย
"ไม่ต้องซ่อนหรอก เราได้เหมือนๆกันนั่นแหละ"สมบัติตอบ เขาขยิบตาแล้วเดินขึ้นรถไปด้วยท่าทางเฉยชา แปลกนะ เขาพึ่งได้เงินสดก้อนโตแต่ท่าทางเขา แปลกจริงๆ เนยรู้ว่ามีบางอย่างอยู่ในจิตใจของสมบัติแต่ว่า คนที่ไม่มีปฏิกิริยากับเงินตราสากลแบบนี้มัน เนยไม่เคยคิดมาก่อนว่าสมบัติจะนิ่งได้ขนาดนี้
"อ้าว โอเค งั้นเอาไงต่อดีหละ"เนยถาม เธอเดินขึ้นรถตู้ที่เธอคุ้นเคยพร้อมกับกระเป๋าแห่งความมั่งคั่ง ในหัวของเธอหมุนไปหมดเรื่องจะเอาเงินไปใช้ทำอะไรดี
"ซื้อกล้องใหม่ไง งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แต่ว่า ใครเป็นคนบอกหละว่านี่เป็นงานเลี้ยงครั้งสุดท้าย จริงมะ ไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงงวดต่อไปกัน"สมบัติหันมาพูดกับเนย เขายิ้มน้อยๆแล้วลูบคางที่มีเคราหรอมแหรม เขาหรี่ตาลง หันหน้ากลับไปยังหน้ารถ ตอนนี้เขากับเนยอยู่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ห่างจากกองพันที่เธอไปทำข่าวพอสมควร แต่ว่า ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วหละ ได้เวลาใช้ชีวิตแล้ว เธอกับสมบัติค่อยๆหันมามองซึ่งกันและกันแล้วออกรถ ได้เวลาไปเสวยสุขแล้ว
แต่ว่า ถ้านี่ไม่ใช่งานเลี้ยงครั้งสุดท้าย อะไรหละที่กำลังรอเราอยู่
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ท่ามกลางป่าดงพงไพรอันดิบเถื่อนและเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตผิดธรรมชาตินานับประการ หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ว่านั้นกำลังไต่ไปมาอย่างเงียบเชียบตามต้นไม้ เด็กหญิงที่มีร่างกายคล้ายกบกำลังมองหาและสอดส่องเป้าหมายอยู่ เธอกำลังหาสิ่งที่เรียกว่า ครอบครัว อยู่
แน่นอนว่าความสามารถในการปีนต้นไม้ของเธอทำให้แม่กบน้อยของเราสามารถมองจากมุมสูงได้ เมื่อสังเกตุดูดีๆแล้ว บ้านเรือนและข้าวของในหมู่บ้านของเธอไฟไหม้ แต่กลับไม่มีร่องรอยของคนที่ติดอยู่ข้างในเลย ชาวบ้านและครอบครัวของเธอยังมีชีวิตอยู่ และให้เดา พวกขบวนการลักลอบตัดไม้จะต้องเป็นพวกที่เอาตัวไปแน่ๆ อาจจะเอาไปขายเป็นทาสหรืออะไรที่เลวร้ายกว่านั้นมาก บางที พวกเขาอาจจะหนีออกไปได้ทัน แต่ยังไงซะ เธอก็ต้องออกตามหาร่องรอยที่พวกคนตัดไม้ทิ้งเอาไว้ก่อน มีโอกาสมากกว่าที่พวกนั้นจะเอาตัวชาวบ้านไป
จริงๆเธอเองก็ไม่อยากจากจ่าปลาไปเลยอะนะ แต่ว่า จ่าและเพื่อนๆไม่มีอาวุธเหลือแล้ว แถมการต่อสู้ทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะต่อกรกับพวกมอดไม้พร้อมอาวุธสงครามครบมือไหว ถ้าเธอบอกจ่าปลาไปว่าเธอจะออกไปตามหาครอบครัวเพราะว่าเธอรู้ว่าพวกเขายังอยู่ จ่าปลากับคนอื่นๆต้องไม่ยอมให้เธอไปคนเดียวแน่ๆ เธอไม่อยากเสียเพื่อนใหม่และพี่สาวใจดีคนนี้ไป เธอรู้ว่าพวกมอดไม้นั้น โหดเหี้ยมกว่าที่บุคคลภายนอกคิดไว้เยอะแค่ไหน อีกทั้งกลับไปกับพวกเจ้าหน้าที่ป่าไม้หนะเหรอ
"บรึ๋ยยยย"น้ำอ้อยคิด เธอพอรู้มาบ้างจากปากของพี่ๆที่แอบหนีไปเที่ยวเล่นในเมืองกรุงว่าทางการทำยังไงกับสัตว์ประหลาดที่พวกเขาพบ แม้ว่าจ่าและคนอื่นๆอาจจะมีเจตนาดีและมองเห็นค่าความเป็นคนในตัวเธอ แต่หากรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วหละก็ เธอคงจบแบบเดียวกับกบในคลาสวิทยาศาสตร์เป็นแน่แท้ ไม่ก็ต้องไปออกงานวัดตลอดชีวิต เธอไม่อยากเสี่ยง กลายเป็นสัตว์ทดลองที่ต้องใช้ชีวิตที่เหลือในห้องแล็บ
เธอจะต้องออกตามหายายแม้นและคนอื่นๆให้ได้ แม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะทำในฐานะของสมาชิคในหมู่บ้านนั้น เธออาจจะเสียความเป็นคนไปบางส่วน แต่พลังพิเศษและความสามารถที่ได้มานั้น เธอจะใช้มันอย่างเต็มที่ ไม่ให้เสียของหรอก น้ำอ้อยคิดแล้วกระโดดไปมาตามต้นไม้ ผ่านสิงสาราสัตว์ชนิดต่างๆ ค่อยๆคืบคานไปตามผืนป่า แล้วมองหาความหวังของเธอ แม่กบน้อยกระโดดแล้วมองไปยังพื้น
"รอยเท้า"เธอพูดกับตวเองเบาๆ มีร่องรอยของพวกขบวนการมอดไม้ รอก่อนนะยายแม้น หนูต้องตามหายายให้เจอ แล้วหนูจะต้องหาทางช่วยทุกคนออกมาให้ได้ น้ำอ้อยคิดกับตัวเองก่อนที่จะใช้ความสามารถของสัตว์ป่าในการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วท่ามกลางกิ่งไม้ใบหญ้าทั้งหลาย เธอพยายามใช้ประสาทสัมผัสที่ได้มาใหม่ในการตามหาเป้าหมายของเธอ แต่ว่า ถึงแม้จะเจอตัวพวกขบวนการมอดไม้ การพิชิตอาชญากรมืออาชีพติดอาวุธและทหารรับจ้างแห่งชายแดนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอต้องใช้ความเร็วและความเงียบในการหาข้อมูล ทุกอย่างมีจุดอ่อนเสมอ และ น้ำอ้อยจะต้องหาทางใช้ประโยชน์จากข้อมูลในการปลดปล่อยผู้คนอันเป็นที่รักของเธอออกมาจากเงื้อมมือของนักทำลายแห่งป่าไม้นี้ให้ได้
"ฮีโร่หนะ ไม่ได้มองกันที่ภายนอก เค้ามองกันที่การกระทำ"คำพูดในหนังสือการ์ตูนผุดเข้ามาในหัวของน้ำอ้อย แม้ว่ารูปร่างจะไม่โสภา แต่เธอจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเธอคืนร่างเป็นคนไม่ได้ เธอจะเป็นกบที่ดีให้ได้เอง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"กรรรรรรร"เสียงในลำคอของสุนัขตัวหนึ่งดังขึ้น มันเป็นหมาขนสั้นพันธุ์ทางสีขาวที่มีลายสีน้ำตาลขึ้นเป็นหย่อมๆ หากทุกๆคนยังจำได้ มันคือหมาหน้าศาลเจ้าแม่ป้ายหยุดที่อยู่เคียงข้างเจ้าฟองดูนั่นเอง ทันทีที่เจ้าสุนัขแสนรู้ทั้งสองได้พบกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฟองดูตัดสินใจที่จะติดตามไป เจ้าฟองดูนั้นตามเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปเพราะว่าต้องการอาหาร แล้วฟองดูก็ได้มากกว่าอาหาร มันได้เล่นกับผู้คน ได้มิตรภาพ ได้ความสนุกและการผจญภัย สำหรับหมาอย่างฟองดูแล้ว การได้รับความรักและการดูแลจากมนุษย์นั้นนับว่าประสบความสำเร็จแล้ว
มันเองก็ไม่อยากพลาดประสบการณ์ดีๆ หากฟองดูไปได้ มันเองก็ต้องไปได้ แต่ว่าจุดประสงค์ของเจ้าหมาน้อยขนเกรี๋ยนตัวนี้มันนั้นไม่เหมือนกัน มันสงสัยใคร่รู้ จิตวิญญาณที่ต้องการผจญภัยของมันรู้ว่า มีบางอย่างเกิดขึ้นในป่า และมันน่าสนใจมากด้วย การตามไปห่างๆอย่างห่วงๆโดยที่แม้แต่ฟองดูยังไม่รู้ตัวนั้น ทำให้มันสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะได้แทบทั้งหมด อีกอย่าง มันไม่ไว้ใจมนุษย์ ทุกครั้งที่มันเชื่อใจคน มันมักจะจบลงด้วยการทรยศหักหลังเสมอ มันเป็นหมาที่เจ็บแล้วจำ ไม่ใช่หมาโลกสวยที่เล่นติงต๊องไปวันๆเหมือนกับเจ้าฟองดูหรอก บทเรียนชีวิตบทแล้วบทเล่าสอนมันว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อย่าไปยืมจมูกมนุษย์หายใจ พอคนเบื่อเมื่อไหร่ เพื่อนของมันตัวแล้วตัวเล่าต้องจบชีวิตในหมอก๋วยเตี๋ยว โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่อยู่ในชามอาหารนั้น ไม่ได้ทำมาจากเนื้อของปศุสัตว์ทั้งหมด บางตัวโชคดีหน่อยได้ไปอยู่วัด บางตัวได้ไปอยู่ริมถนน แล้วโดนศัตรูตามธรรมชาติที่เรียกว่ากันชนรถคาบไปรับประทาน
"ฮือออ"มัน หิวน้ำ หลังจากการเดินทางอันยาวนาน มันหิวน้ำเหลือเกิน ลำคอของหมาน้อยตัวนี้แห้งผากจนเหมือนจะขาดใจ มันแอบติดตามพวกมนุษย์มาได้ตลอดโดยไม่ให้กลิ่นของมันโชยไปจนฟองดูรู้ตัว ทุกครั้งที่พวกเจ้าหน้าที่ป่าไม้หลับไหล มันจะชะโงกแอบดูอยู่ไกลๆ จริงๆตาของมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะสุนัขนั้นไม่ใช่สัตว์ที่มีความโดดเด่นด้านสายตา แต่เป็นการได้ยินและการดมกลิ่นต่างหาก ตอนกลางวัน มันตามกลิ่นและเสียงไป ทุกอย่างสนุกสนานน่าตื่นเต้นเร้าใจมาตลอดทางจนกระทั่งตอนที่พวกนั้นไปจากผืนป่านี้ รถคันนั้นมันไปเร็วมาก มีหมาน้อยตัวนักที่ประสบความสำเร็จในการวิ่งไล่รถทน และหนึ่งในนั้นไม่ใช่มัน มันกลับไปไม่ทัน ก็เลยจบลงที่อาคารรูปร่างประหลาดสีเขียวกลางป่ารกแบบนี้ ตอนนี้มันต้องการน้ำ ไม่นานนัก มันก็ได้กลิ่นความชื้น แหล่งน้ำนั่นเอง มันรอดแล้ว เจ้าตูบของเราเดินไปทางทิศที่มันได้กลิ่นน้ำอย่างรวดเร็ว หมายจะดื่มน้ำให้หายกระหายในวันที่อากาศร้อนแบบนี้
"แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก"มันวิ่งไปทางด้านหน้าอย่างรีบร้อน ในที่สุด ท่ามกลางป่าดงที่ร่มเย็นนี้ มีหนองน้ำเล็กๆที่น่าจะเป็นต้นน้ำของผืนป่านี้ ได้เวลาดื่มน้ำให้ชื่นปอดซะหน่อยแล้ว เจ้าหมาสีขาวลายน้ำตาลด่างตัวนี้เดินตรงไปยังหนองน้ำน้อยๆนั้นอย่างยินดีแล้วดื่มน้ำอย่างรีบร้อน มันก้มหัวลงจรดผิวน้ำแล้วใช้ลิ้นสีชมพูตวัดน้ำขึ้นเข้าปากอย่างชื่นใจ
หนองน้ำนี้มีบางอย่างที่พิเศษกว่าที่อื่น โครงโลหะของอากาศยานที่ไหม้เกรียมจมอยู่ในหนองน้ำครึ่งลำ ใบพัดไหม้ๆ ตัวเครื่องเกรียมๆ ห้องนักบินที่ว่างเปล่า ทุกอย่างหงิกงอและบิดเบี้ยว ที่ก้นบึ้งของหนองน้ำนิ่งนั้นมีร่างไร้วิญญาณของชายชุดดำหลายคนที่ไม่สามารถว่ายน้ำได้เพราะน้ำหนักของเครื่องแบบฉุดจนต้องพ่ายแพ้และสิ้นชีพให้แก่วารีปลิดวิญญาณ จนต้องกลายเป็นอาหารของปลาและสัตว์น้ำต่างๆ หลายร่างไหม้เกรียมเพราะโดนอำนาจของจรวดต่อต้านอากาศยานเข้าทำลาย หลายร่างสลบไสลเพราะแรงกระแทกทำให้ไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากผืนป่าอันดิบเถื่อนและสายน้ำกลืนชีวิต หลายคนที่รอดชีวิตจากการปะทะก็ต้องเผชิญกับสัตว์ร้ายและโรคภัยที่เข้ามาหมายจะล่าหาอาหารใส่ท้อง โจรป่าใจทรามและชนกลุ่มน้อยที่ไม่เป็นมิตรก็เข้าปล้นฆ่าอย่างไร้ปราณีทันทีที่มีโอกาส น้อยคนนักที่จะรอดออกไปได้สำเร็จ ด้านข้างของซากโลหะที่เคยเป็นเฮลิคอปเตอร์นั้น ริมหนองน้ำที่ไม่ลึกนัก มีอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์พังๆตะไคร่จับกองอยู่ มันดูแปลกประหลาดผิดไปจากเทคโนโลยีอื่นๆ ไม่เฉพาะแค่สำหรับสุนัขนะ แม้แต่ในมาตรฐานของมนุษย์ มันยังดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ตรงกลางของอุปกรณ์ที่บู้บี้และเปรอะเปื้อนนั้น มีกระเปาะแก้วที่แตกจนเห็นข้างในอยู่ แร่สีเขียวเรืองแสงล่องลอยอยู่ในน้ำที่ท่วมมาครึ่งกระเปาะ สารที่อยู่ในกระเปาะนั้นไหลปะปนอยู่กับน้ำในหนองบึงเล็กๆนี้ก่อนที่จะไหลลงไปตามแม่น้ำลำคลองและเข้าสู่วัฎจักรของน้ำ เจ้าหมาน้อยมองดูสิ่งเหล่านั้น ไม่ได้ใส่ใจอะไร ยังคงกินน้ำต่อไปเรื่อยๆอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้ล่วงรู้ถึงผลลัพท์ที่จะตามมาเลยแม้แต่น้อย
ข้างๆกระเปาะเขียนว่า "โปรดระวัง : สารก่อกลายพันธุ์"