|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 8:35:55 GMT
EP3 : Legendary Pilot
สองวันหลังจากการปะทะกับ Arachna
"ตอนนั้นน่ะ...เธอคิดอะไรอยู่หรอทำไมถึงกล้าทำในสิ่งที่อันตรายแบบนั้นได้" "ผมคิดว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างพวกเราทั้งหมดก็คงต้องตาย...ถ้าผมลองทำดูบ้างคงไม่เสียหายอะไร" "แล้วถ้ามันไม่ได้ผลล่ะ" "ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำไม่ใช่หรอครับ...แค่ไม่อยากมาเสียใจที่ไม่ได้ทำอะไรเลย" "ก็เหมือนที่คุณบูลเล็ตฮาร์ทล่ะครับ...ทำไมตอนนั้นถึงมารับผมเอาไว้...ทั้งๆที่รู้ว่ามันเสี่ยงมาก" "เพราะชั้นคิดว่าคุณซาซากิต้องทำแบบเดียวกันนี้แน่...และก็ไม่อยากให้มีคนตายเพิ่มอีกแล้ว"
โซเนีย หันมายิ้มให้ ไดสึเกะ ที่นอนอยู่เตียงผู้ป่วยข้างๆ
"ว่าแต่การเคลื่อนไหวแบบนั้น...คุณซาซากิทำได้ยังไง...ขนาดเป็นการปฏิบัติการครั้งแรกแท้ๆ" "เรียกไดสึเกะ ก็ได้ครับ...เรื่องการเคลื่อนไหว...ผมแค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามความรู้สึกก็เท่านั้น" "ความรู้สึกอย่างนั้นหรอคะ..." "ใช่ครับ...เหมือนกับเราเป็นสัตว์ปีกที่กำลังร่อนอยู่กลางเวหา" "โยนตำราต่างๆ ทิ้งไปให้หมด เพราะมันเป็นเพียงทฤษฎี ไม่ได้ทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้" "ต่างกันสิ้นเชิงเลยนะคะกับโยฮัน เขาคนนั้นยึดถือทฤษฎีตามตำรามากที่สุดเลยล่ะค่ะ" "แต่ดีจังเลยนะคะ...คนที่มีพรสวรรค์แบบ ไดสึเกะคุง เนี่ย...ชั้นอยากจะเก่งแบบนั้นบ้างจัง...." "ผมเชื่อว่าคุณบูลเล็ตฮาร์ท ต้องทำได้ และอาจจะทำได้ดีกว่าผมด้วยนะครับ...."
"เรียกโซเนีย เฉยๆ ก็ได้ค่ะ...." เธอยิ้มบางๆ ทำให้ ไดสึเกะ เขินอายอย่างเห็นได้ชัด
........................................................................
ห้องประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Aiacos
เอริค ไซเฟอร์ ไฮดี้ และ มิคาซูกิ กำลังประชุมอยู่กับชายสูงอายุหน้าตาจริงจัง เขาไว้หนวดเคราบางๆ สายตาที่มองผ่านแว่นมายังครูฝึกทั้งสี่ บ่งบอกถึงความตึงเครียดของที่ประชุมได้เป็นอย่างดี ความตึงเครียดไม่เพียงส่งผลกับเจ้าหน้าที่ผู้เข้าประชุม...เจ้าหน้าที่จัดประชุมยังถูกกดดันไปด้วย ดูเหมือนการประชุมผ่านมาได้ครู่หนึ่ง เจ้าหน้าที่ราว 15 คน ปิดปากเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ชายสูงวัยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานาธิบดีลั่นวาจาขึ้น "เหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน จะแพร่งพรายไม่ได้" เขาเป็นชายสูงวัยใบหน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่นไว้หนวดไว้เครา สวมแว่นตาผมสั้นติดหนังศีรษะสีดำปนหงอก ใบหน้าเหลี่ยม ดวงตาเล็กแต่แสดงออกถึงความดุดันเข้มงวด ผิวของชายสูงวัยคนนี้เป็นสีเหลือง "ขออภัยที่ผมไม่อาจเห็นด้วยกับท่านได้ครับ...อีกอย่างเราคงปิดเรื่องไว้ได้ไม่นานนัก" เอริค พูดสวน ชายแก่ทุบโต๊ะอย่างแรงจนน้ำที่อยู่ในแก้วกระเซ็นบนโต๊ะ "ถ้าขืนเราพูดไป...ผู้คนได้แตกตื่นแน่" "เรื่อง Arachna จะปรากฏตัวอีกครั้ง ประชาชนส่วนมากยังมองว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้ออยู่เลย!!"
"แต่ถ้าเราไม่พูด แล้วจู่ๆ Arachna ปรากฏตัวขึ้นในบริเวณนี้ล่ะครับท่านประธานาธิบดีไฮเซ็นไทน์!!" "นอกจากชาว Aiacos จะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับมันแล้ว...พวกเขาจะไม่เชื่อถือเราอีกเลยนะครับ" เอริค มีสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงของเขาดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทั้งที่ปกติจะเป็นคนง่ายๆสบายๆ "นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะขอแบ่งวัตถุดิบมาพัฒนาอาวุธซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่จำเป็นมาตลอดอีกด้วยนะครับ"
"อย่าด่วนสรุปนักสิผู้บังคับการแซนเบิร์ก...คุณเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดไม่ใช่หรือว่ามีนางพญาอยู่จริงรึเปล่า" "ไม่ใช่ว่าผมไม่ฟังเหตุผลของคุณ...แต่ข้อมูลยังไม่แน่นนอนฟันธงไม่ได้...ด่วนสรุปไปผลที่ตามมาจะไม่คุ้มค่า" วอลเบิร์ต ไฮเซ็นไทน์ ลุกขึ้นและเดินไปยังหน้าต่างบานใหญ่หลังเก้าอี้เขาครุ่นคิดท่ามกลางความเงียบ ในขณะนั้น ไฮดี้ และ มิคาซูกิ เหงื่อตกเพราะความตึงเครียด เขาและเธอได้แต่เงียบและรับฟังเท่านั้น เอริค แซนเบิร์ก ลุกขึ้นจากเก้าอี้ "ผมต้องขออภัยด้วยครับท่านประธานาธิบดี...ผมมีธุระสำคัญขอตัวครับ" ด้วยความไม่พอใจอย่างมาก ผู้บังคับการเอริค แซนเบิร์ก ก็เดินออกจากห้องประชุมโดยไม่สนเรื่องมารยาท
ไม่นานนัก วอลเบิร์ต ก็หันมาด้วยท่าทีที่ดูอ่อนลงบ้าง "แล้วคุณคิดว่าเราควรทำอย่างไร เจ้าหน้าที่ไซเฟอร์" ไซเฟอร์ ตอบด้วยสีหน้าจริงจังอย่างตรงไปตรงมา "กรณีนี้ผมเห็นด้วยกับท่านผู้บังคับการครับท่าน" "สถานการณ์ตอนนี้ ประชาชนชาว Aiacos ทุกคนจำเป็นต้องมีความพร้อมทั้งด้านการดำเนินชีวิตและด้านจิตใจ" "อีกอย่าง...ปัจจุบันการโกหกคงไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นอีกต่อไป...ตอนนี้ทุกคนทราบดีว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้" "และถึงแม้ว่าการใช้ Arachna เป็นข้ออ้างในการกันวัตถุดิบมาใช้พัฒนาอาวุธเป็นเรื่องที่ผมไม่เห็นด้วยมาตลอด" "แต่ตอนนี้...ดูเหมือนว่ามันจำเป็นไปซะแล้ว...Arachna ก็เหมือนจะมีการพัฒนามากกว่า 10 ปีก่อนมาก" "ส่วนเรื่องนางพญา ผมต้องขอเวลาปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง" ไซเฟอร์ แสดงความคิดเห็นของเขา
"อย่างนั้นเองหรอ...แล้วพวกเธอสองคนล่ะคิดอย่างไรกันบ้าง" วอลเบิร์ต หันมาถาม ไฮดี้ และ มิคาซูกิ ไฮดี้ มีท่าทีตะกุกตะกักก่อนจะตอบว่า "ดิชั้น...เห็นด้วยความท่านผู้บังคับการค่ะท่านประธานาธิบดี" "แล้วก็....อย่างน้อยเราควรประกาศออกไปเป็นการให้เกียรติเด็กๆ เหล่านั้น ไม่ใช่แค่แจ้งว่าเป็นอุบัติเหตุ" มิคาซูกิ ยิ้มแห้งๆ "ผมมีความรู้เรื่องรัฐศาสตร์น้อยกว่าเจ้าหน้าที่คนอื่น ผมของดออกความเห็นครับท่าน"
วอลเบิร์ต ถอนหายใจเฮือกใหญ่ "งั้นตกลงตามนี้...เจ้าหน้าที่มูเนชิกะ ช่วยเตรียมงานแถลงข่าวด้วย" "วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว รบกวนพวกคุณมามาก...ขอบคุณสำหรับความเห็นและคำแนะนำ...เลิกประชุม" เมื่อกล่าวเลิกประชุม เจ้าหน้าที่ผู้มาประชุม และเจ้าหน้าที่จัดการประชุมก็เริ่มเก็บของและออกจากห้อง
แต่ก่อนที่ ไซเฟอร์ ซึ่งเดินตามไปเป็นคนสุดท้ายจะก้าวขาพ้นประตูห้องไปนั้น วอลเบิร์ต ก็พูดขึ้นมาว่า "ชั้นดูบันทึกปฏิบัติการของนักบินฝึกหัดฝูงบินยูนิคอร์นแล้วนะ ไซเฟอร์...เหมือนเธอในตอนนั้นมากเลยล่ะ" เมื่อได้ยิน ไซเฟอร์ ก็หันกลับหลังมายิ้ม "ตอนนั้นผมคงไม่ได้โดดเด่นอะไรอย่างนี้มั้งครับอาจารย์" วอลเบิร์ต ยิ้มอย่างเป็นกันเอง เขาดูไม่เหมือนชายที่เป็นประธานาธิบดีในที่ประชุมเมื่อครู่แม้แต่น้อย
"ทำไมไม่ลองฝึกเขาดูล่ะ ไซเฟอร์...ถ้าได้นักบินระดับเดียวกับเธอเพิ่มมาอีกคน พวกเราคงใจชื้นขึ้นเยอะ..."
........................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 8:42:13 GMT
ห้องวิจัยแห่งหนึ่ง
มันตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งใน Aiacos นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งกำลังนั่งดื่มกาแฟสังเคราะห์ด้วยความผ่อนคลาย บนโต๊ะทำงานของเขาเต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารที่ตราว่า Top Secret หัวข้อของแฟ้มมีรหัส ACR ทั้งสิ้น ป้ายห้อยคอของนักวิทยาศาสตร์คนนี้สามารถทำให้รู้ได้ว่าชื่อของเขาคือ ดร.โอคิตะ รินโด รินโด เป็นชายร่างผอมกระหล่อง สูงราว 179 c.m. ผมสั้นสีดำยุ่งเหยิง เคราแพะเตียนๆ เหมือนไม่มีเวลาโกน รูปหน้าของเขายาวมาก คางเหลี่ยม จมูกโด่งตั้งชันเป็นสัน ผิวของเขาเป็นสีเหลืองค่อนข้างเข้ม ดูหมองๆ นัยน์ตาของเขาเป็นสีน้ำตาล สีหน้าของเขาดูเบื่อโลกอยู่ตลอดเวลา แต่กลับซ่อนความอัจฉิยะอันน่าทึ่งเอาไว้ กระดานด้านหลังห้องทำงานของเขานี้ มีสูตรทางชีวะเคมีที่ยากจะเข้าใจเขียนไปทั่ว มีรอยลบก็หลายแห่ง
ไม่นานนักเสียงอุปกรณ์สื่อสารที่ถูกวางไว้บนโต๊ะของ รินโด ก็ดังขึ้น "ไอ่ย๊า....ยังไม่ทันได้พักเล๊ย ไผสิโทรหาตอนนี้น๊อพับผ่าสิ" เขาบ่นอย่างหมดอารมณ์ ก่อนจะรับสาย "นึกว่าผู้ใด๋สิโทรมา บักห่านนิ่ เอริ๊ค มีอันหยาง? เฮายังบ่ได้พักสมองเล่ย" รินโด พูดกับผู้ที่โทรเข้า "เลิกเล่นซะทีเถอะ รินโด...ชั้นต้องการข้อมูลของ Queen Arachna ...ช่วยหน่อย" เอริค ผู้ที่โทรเข้าพูดขึ้น รินโด ไถลเก้าอี้ไปรื้อตู้เอกสารด้านหลัง "รอแป๊ปนะ เอริค จำได้ว่าอยู่แถวนี้...จะเอาข้อมูลอะไรงั้นหรอ" "ชั้นอยากรู้โอกาสการเป็นไปได้ที่ตอนนี้จะมี Queen อยู่บน Gliese" เอริค พูดสิ่งที่เขาต้องการรู้
รินโด เปิดแฟ้มขึ้นมาอ่าน ก่อนจะตอบว่า "จากผลวิเคราะห์ซากนางพญา เมื่อ 10 ปีก่อนก็พอบอกได้อยู่นะ" "นางพญาที่ถูกฆ่าในตอนนั้น ช่องท้องมีไข่ Arachna หลงเหลืออยู่ไม่มาก เหมือนกับได้วางไข่ไว้ก่อนแล้ว" "ถ้าคิดว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายแมลงจำพวกมดปลวก หรือผึ้งแล้วล่ะก็ คงต้องมีตัวอ่อนนางพญาอยู่บ้างแน่ๆ" "แล้วเมื่อสองวันก่อนอรัคน่า ที่ปรากฏตัวดูเหมือนจะเป็น Arachna วัยรุ่นที่ฟักตัวออกมาได้ไม่นานมานี้" "ชั้นฟันธงได้เลยว่า นางพญาตัวนั้นคงเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เต็มที่แล้วล่ะ...อาจจะฟังโหดร้ายนะ" "แต่ในไม่ช้านี้พวกมันคงจะเริ่มสร้างอาณาจักรอย่างเต็มตัว...เราคงจะถูกรุกรานแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว"
เอริค นิ่งไปครู่หนึ่ง "ขอบใจมาก รินโด...เรื่องถูกรุกรานพวกเราก็พอรู้แก่ใจกันแล้วล่ะนะ" "ถ้านางพญาเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์อย่างที่นายว่าจริงล่ะก็ ยังไงก็ช่วยเร่งโครงการนั้นหน่อยก็แล้วกัน" "สิ่งที่จะทำให้มนุษย์เป็นต่อพวกมัน อยู่เหนือพวกมัน...ตอนนี้การพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้วล่ะ"
รินโด ถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ดูเหมือนสิ่งที่ทนการกัดกร่อนของเอ็นไซน์ของ Arachna คงจะไม่มี" "มีแต่เนื้อเยื่อภายในตัวของมันเองมันทำปฏิกิริยาต่อต้านเอ็นไซน์ แต่เมื่อมันตายปฏิกิริยาก็หยุดลง" "พูดกันง่ายๆ ก็คือ การนำเซลล์มีชีวิตของ Arachna มาทำเป็นวัสดุป้องกันของ VU เป็นไปไม่ได้นั่นเอง" เอริค มีน้ำเสียงที่ไม่ได้สนใจเป็นพิเศษนัก "ที่ชั้นถามน่ะ...ไม่ใช่เรื่องนั้น...แต่เป็นไอ่นั่นตะหาก" "อ้อ...เรื่องนั้นเอง ก็ตามที่แจ้งไปแล้ว ตอนนี้เราทำได้แค่นี้" รินโด เปิดแฟ้ม ACR001 ขึ้นอ่าน
"ถ้าเราไม่ได้ศึกษาข้อมูลทั้งหมดของมันคงจะสานต่อไม่ได้...พวก Arachna น่ะ" รินโด ตอบ
........................................................................
วันต่อมา
งานแถลงข่าวถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตในห้องแถลงข่าว อาคารทำการของรัฐบาล Aiacos ภายในห้องแถลงข่าวเต็มไปด้วยนักข่าวจำนวนมาก พร้อมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Aiacos ภาพบรรยากาศถูกถ่ายทอดไปทั่วฐาน Aiacos และแพร่ภาพผ่านสายเคเบิ้ลที่เชื่อมต่อกับที่อยู่อาศัยทั้งหมด เมื่อถึงเวลาเริ่มงาน มิคาซูกิ จึงส่งสัญญาณให้ พิกุล จามจุรี กล่าวเปิดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ
พิกุล จามจุรี ยืนอยู่ที่โพเดี้ยมข้างเวที เธอกางแฟ้มเล่มหนึ่งออกมาภายในเป็นบทพูดที่ถูกเตรียมไว้ "สวัสดีเพื่อนมนุษย์ทุกท่านที่อาศัยอยู่ใน Aiacos ... เนื่องด้วยมีเหตุการณ์สำคัญที่ต้องเรียนให้ทราบ" "ท่านประธานาธิบดีแห่ง Aiacos วอลเบิร์ต ไฮเซ็นไทน์ จึงได้กรุณาจัดให้มีงานแถลงข่าวนี้ขึ้น" "ขอให้มิตรสหายมวลมนุษย์ทุกท่าน โปรดสละเวลาอันมีค่าในการฟังเรื่องที่ทางรัฐบาลจะแจ้งต่อไปนี้" "ขอเชิญท่านประธานาธิบดีคนที่ 97 แห่ง Aiacos วอลเบิร์ต ไฮเซ็นไทน์ ให้เกียรติในการแถลงข่าวครั้งนี้ค่ะ"
เมื่อ ฟองน้ำ กล่าวปฐมบทจบ เธอก็เรียนเชิญ วอลเบิร์ต ขึ้นไปกลางเวทีเพื่อดำเนินการแถลง วอลเบิร์ต ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาด้านล่าง ลุกขึ้นแล้วมองไปที่ เอริค ที่นั่งอยู่ในส่วนของผู้บังคับการ หลังจากนั้น วอลเบิร์ต ก็ขึ้นไปบนเวทีอย่างสง่าผ่าเผย เขาเดินไปหยุดอยู่ที่โพเดี้ยมกลางเวที มือทั้งสองค่อยๆ เปิดแฟ้มออกมา แต่แล้วกลับปิดแฟ้มบทพูดไป แล้วเริ่มพูดแบบด้นสด
"พี่น้องเหล่ามวลมนุษยชาติทุกท่าน...ในวันนี้ผมมีเรื่องที่สำคัญยิ่งจะแจ้งให้ทุกท่านทราบ" "ตลอดระยะเวลา 10 ปี แห่งความสงบสุขของ Aiacos อารยธรรมของเราได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น" "ผมอยากจะรักษาความสงบสุขร่มเย็นอย่างนี้ไว้ตลอดไป ผมอยากเห็นวันที่พวกเราสามารถก้าวออกไป..." "วันที่พวกเราสามารถออกไปสูดอากาศภายนอกและใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติบนดาวดวงนี้...." "แม้การวิวัฒนาการอาจจะกินเวลาหลายพันปี...ตัวผมและทุกๆ ท่านไม่อาจอยู่เพื่อเห็นวันเหล่านั้นได้" "คงจะต้องฝากความต้องการความฝัน และความสุขเหล่านั้นไว้กับลูกหลานของเราในอนาคต" "ทว่าผมมีข่าวร้ายจะต้องแจ้งให้ทุกท่านทราบเพราะเมื่อ 3 วันก่อนอุปสรรคอันใหญ่ยิ่งได้เกิดขึ้นอีกครั้ง" "Arachna ที่พวกเราเคยเผชิญหน้ากับมันหลายปีก่อนได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง............"
เมื่อถึงประโยคนี้ เสียงฮือฮาและคำถามมากมายของนักข่าวพุ่งเข้าโจมตี วอลเบิร์ต อย่างรุนแรง แต่เขาก็รอจนเสียงเหล่านั้นสงบลงอย่างใจเย็นและเป็นมืออาชีพ
"ขอทุกท่านอย่าได้วิตกกังวล....แม้ว่าเราจะได้สูญเสียนักบินรุ่นใหม่ไป 14 นายก็ตาม" "แต่พวกเขาก็ได้สกัดกั้น Arachna ที่พบและกำจัดมันไปได้สำเร็จทั้งที่ขาดซึ่งอาวุธอันเหมาะสม" "พวกเขาสละชีพอย่างสมเกียรติ ทำให้พวกเรารู้ว่าพวกมันกลับมาแล้ว....แต่จะไม่เหมือนครั้งก่อน" "เพราะพวกเราก็ไม่ได้นิ่งดูดายตลอดระยะเวลา 10 ปี เราได้พัฒนากลยุทธ์และวิธีรับมืออย่างรัดกุม" "ผมจึงอยากขอให้ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวล...เพียงแค่เตรียมพร้อมทำตามแผนการรับมือเท่านั้น" "Arachna ที่มากับอุกาบาตเมื่อ 10 ปีก่อน จะไม่สามารถย่ำยีมนุษยชาติได้อีกต่อไปอย่างแน่นอน" "อีกทั้งผมได้ประสานงานกับประธานาธิบดีแห่ง Radamanthys และ Minos เพื่อแจ้งข่าวและขอความร่วมมือ" "พวกเขาได้รับทราบแล้ว....บัดนี้พวกเราจะร่วมกันสู้รบกับพวก Arachna และจะคว้าชัยชนะเหนือพวกมัน"
"เพื่อประกาศตนเป็นสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตที่จะครอบครองอาศัย และทนุถนอมดาวดวงนี้เช่นบ้านของเราให้จงได้!!"
........................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 8:44:50 GMT
สุสานนักบินภายในโดม Aiacos
ปกติหากมีคนตาย ศพจะถูกนำไปทำเป็นปุ๋ยชีวะ หรือใช้ในการเรียนการสอนทางการแพทย์ แต่สำหรับนักบิน ศพจะถูกฝังไว้บริเวณสุสานนักบิน ถือเป็นการให้เกียรติผู้กล้าที่เสียสละชีวิตของตน
เมื่อบาทหลวงสวดมนต์จบ โลงศพของนักบินฝึกหัดทั้ง 14 นายก็ถูกนำลงไปในหลุมที่เตรียมไว้ พิธีการทางทหารในการจัดงานศพไม่แตกต่างไปจากตอนที่มนุษย์อาศัยอยู่บนโลก ยกเว้นไม่มีพิธียิงปืนสดุดี ญาติผู้เสียชีวิตและเพื่อนสนิทมิตรสหายต่างอยู่ในความเศร้าโศกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เมื่องานศพจบลง โยฮัน เฮลซิงเกอร์ ก็เดินออกจากบริเวณงานนั้นโดยมีคนรับใช้ชาย 2 คนเดินประกบ "โยฮัน...นายก็มาด้วยอย่างนั้นหรอ" เสียงของ โซเนีย พูดขึ้นจากด้านหลังของ โยฮัน เขาจึงหยุดเดิน เมื่อหันกลับไปเขาก็เห็น โซเนีย ที่กำลังยิ้มแห้งๆ เธอยังคงใช้ไม้ค้ำยันในการเดินเหินอยู่ "เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาไม่นาน เธอควรพักให้หายดีก่อนนะ" โยฮัน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะคะ...พวกเขาเป็นเพื่อนของเรา...พวกเขาทุกคน...." โซเนีย พูดติดขัด และในยามนั้นน้ำตาก็เริ่มเอ่อล้นและไหลพรากออกจากดวงตาของ โซเนีย ร่างกายเริ่มจะเซไปมา โยฮัน เห็นดังนั้น จึงก้าวเข้าหา โซเนีย และในขณะเดียวกันที่เธอก็เซเข้ามากอด โยฮัน เอาไว้
"ทำไม....ฮือ....ทำไมชั้นถึงช่วยพวกเขาเอาไว้ไม่ได้เลย!!" โซเนีย ร้องไห้ไปพูดไปอย่างฟูมฟาย โยฮัน ไม่พูดอะไร เขาได้แต่คิดเหมือนกันว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีกว่านี้ เขาโอบกอด โซเนีย อย่างอ่อนโยน
"ชั้นเอง...จะต้องแข็งเกร่ง...แข็งแกร่งเหมือนนักบินในตำนานของ Aiacos...." โยฮัน กัดฟันพูดขึ้น "ถึงชั้นเองจะไม่มีพรสรรค์เอาไว้สร้างชื่ออย่างหมอนั่น...แต่พรแสวงของชั้นจะสร้างตำนาน...."
อีกมุมหนึ่งของพิธีศพ
ไดสึเกะ ยืนช็อคกับภาพที่เขาได้เห็น...ภาพที่ โซเนีย โผเข้ากอด โยฮัน มันติดตาของเขาไปแล้ว "บ้าน่ะ....ล้อเล่นใช่มั้ย....พวกเขาสองคน...." ไดสึเกะ บ่นพึมพำขึ้นเบาๆ ด้วยความเจ็บปวด
แต่ในวินาทีสุดแสนทรมาน เสียงเด็กสาวสุดน่ารำคาญอันคุ้นหูก็ดังขึ้น "รุ่นพี่!!!!!!!" มาโกะ วิ่งเข้ามาหา ไดสึเกะ จากด้านหลังก่อนที่เธอจะฟาดมือลงไปที่ไหล่ขวาของ ไดสึเกะ อย่างแรง "อุว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก" ไดสึเกะ ร้องลั่น น้ำตาของเขาแทบเล็ดทันที เพราะแม้ว่าจะเป็นรูปแบบการทักทายทั่วไปของหนุ่มสาวคู่นี้ แต่ร่างกายของ ไดสึเกะ ยังไม่หายดี "ยัยบ้าเอ้ย!! ทำอะไรของเธอเนี่ย ไม่เห็นรึไงว่าคนเขาบาดเจ็บอยู่" ไดสึเกะ ตะคอกใส่ มาโกะ
"เอ๊ะ!! จริงด้วยหนูลืมไปเสียสนิทเลย เป็นอะไรมากมั้ยคะ" มาโกะ ถามขณะมองดู ไดสึเกะ จากหัวจรดเท้า ไดสึเกะ ทำหน้าเซ็งๆ "มันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แค่ยังช้ำไม่หายและเธอก็มาตอกย้ำแค่นั้นแหละ" ในตอนนั้น มาโกะ ก็เหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องเข้ามาทีละก้าวทีละก้าวอย่างช้าๆ ไดสึเกะ จำมันได้เป็นอย่างดี "หือ? นานาชิ นี่นา..." พูดไม่ทันขาดคำมันก็กระโจนขึ้นหัวของเขาทันที "อุว๊ากกกกกกกกกกกก" ไดสึเกะ ร้องโวยวายกระโดดไปกระโดดมา ก่อนที่เขาจะรวบตัว นานาชิ ไว้ได้
"ขอโทษทีนะคะ....เจอกันอีกแล้ว...คุณซาซากิ" ลินดา เดินเข้ามาทักพร้อมกับรับ นานาชิ กลับมา "ดิชั้นได้ดูผลงานของคุณแล้วล่ะค่ะ มันยอดเยี่ยมมากเลย คุณกล้าหาญและเท่ห์สุดๆ ไปเลย" เมื่อได้ยินคำชม ไดสึเกะ ก็ยิ้มแห้งๆ "ไม่มากหรอกครับ....ถ้าผมเก่งขนาดนั้นจริงล่ะก็เพื่อนๆ คง..." ไดสึเกะ ยังไม่ทันพูดจบ ลินดา ก็ใช้แขนคล้องแขนของ ไดสึเกะ ไว้ "เราไปเดินเล่นกันดีกว่าค่ะ" "ดูเหมือนแถวนี้บรรยากาศจะไม่ค่อยดีเท่าไรซะด้วยนะคะ" ลินดา ยิ้มอ่อนหวานทำ ไดสึเกะ ปฏิเสธไม่ได้
มาโกะ ที่ยืนดูอยู่เกิดอาการเลือดขึ้นหน้าอย่างเห็นได้ชัด เธอกัดฟันกรอดๆ กำหมัดแน่น จ้องลินดา ตาเขม็ง ส่วนหนุ่มๆ คนอื่นที่อยู่บริเวณนั้นก็พากับซุบซิบ บ้างก็ตะโกนว่า "พาผมไปด้วยคนสิครับคุณลินดา" "ยะ...ยะ....ยัยนี่.....!!" มาโกะ คิดในใจ เธอไม่รอช้าที่จะคล้องแขนอีกข้างของ ไดสึเกะ ไว้เช่นกัน "เราไปหาอะไรกินกันดีกว่าค่ะรุ่นพี่...เดี๋ยวหนูเลี้ยงเอง" มาโกะ พูดด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ ศึกชิงชายก็เกิดขึ้นเมื่อทั้ง ลินดา และ มาโกะ ต่างฝ่ายต่างพยายามลาก ไดสึเกะ ให้ไปกับตน
แต่แล้วผู้หยุดศึกครั้งนี้ก็จุติ "ชั้นขอยืมตัวซาซากิ ไดสึเกะ สักครู่ได้ไหม" เสียงชายคนนั้นพูด ลินดา ค่อยๆ ปล่อยแขนของเธอลง ส่วน มาโกะ แทบจะสะบัดแขน ไดสึเกะ ทิ้ง เพื่อทำวันทยาหัตถ์
"อะ....อาจารย์ไซเฟอร์" ไดสึเกะ พูดเบาๆ ไซเฟอร์ ยิ้มบางๆ "ชั้นมีอะไรจะให้เธอดู"
........................................................................
ห้องบรรยายห้องหนึ่งในฐานทัพ Aiacos
ไฮดี้ กำลังบรรยายบทเรียนให้นักบินฝึกหัดชั้นปีที่ 2 ฟัง ตามหน้าที่ที่เธอได้รับมอบหมายมา
"Aiacos ถูกสร้างขึ้นบนพื้นโลก ตั้งขึ้นจากฐานเครื่องต่อต้านแรงโน้มถ่วงและเครื่องจรวด" "ถูกออกแบบมาให้เป็นยานตั้งรกรากเช่นเดียวกับ Radamanthys และ Minos ใช้แปลนโครงสร้างร่วมกัน" "Aiacos สร้างที่ประเทศญี่ปุ่น Radamanthys สร้างที่เยอรมนีและ Minos สร้างที่ออสเตรเลีย" "อาศัยเงินทุนในการสร้างมาจากผู้ที่ต้องการเดินทางออกจากโลกมนุษย์ โดยให้เป็นสิทธิอยู่อาศัย" "แม้จะมองว่าเห็นแก่ตัว แต่ยานทั้งสามลำไม่สามารถพามนุษย์ออกมาได้หมดทั้งโลก" "ช่วงแรกจึงเกิดการแย่งชิงสิทธิอยู่อาศัยกันไม่น้อย แต่ยังโชคดีอยู่บ้างที่คนบางกลุ่มก็ไม่ต้องการ"
"เราใช้เวลาทดสอบระบบนิเวศน์จำลองบนพื้นโลกอยู่ 20 ปี ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางสู่อวกาศ" "ระบบการขับเคลื่อนต่อต้านแรงโน้มถ่วงช่วยให้ยานขนาดยักษ์พ้นชั้นบรรยากาศออกมาได้" "หลังจากนั้นจรวดขับดันก็ทำงานด้วยเชื้อเพลิง 30% พาเราออกเดินทางมายัง Gliese667Cc" "เชื้อเพลิงบางส่วนถูกใช้ในการหลบวิถีของอุกาบาตระหว่างทางที่ยานจะต้องเผชิญหน้า"
"ระยะเวลาเดินทางที่ใช้มากกว่า 160 ปี เพราะเราไม่สามารถใช้ Slingshot เพิ่มความเร็วได้" "เนื่องจากถูกสร้างให้เป็นที่อยู่อาศัยตามปกติหากทำการ Slingshot จะทำให้ยานแตกเป็นเสี่ยงๆ" "เมื่อถึงที่หมาย ยานทั้งสามลำได้แยกย้ายกันลงหลักปักฐานตามจุดที่ได้กำหนดไว้ก่อนแล้ว" "ระบบต่อต้านแรงโน้มถ่วงถูกใช้จนถึงขีดจำกัดและถูกสลัดทิ้ง ก่อนจะลงจอดด้วยจรวดขับดัน" "ยานทั้งสามลำเป็นระบบ one-way-ticket ไม่สามารถบินออกจากดาวดวงนี้ได้อีกเป็นครั้งที่สอง" "แต่ก็ยังมีเชื้อเพลิงสำรองพอที่จะเคลื่อนย้ายได้อีกเพียงครั้งเดียว ซึ่งก็ยังไม่เคยใช้มันจนทุกวันนี้"
เมื่อบรรยายจบ อีวาน ก็ได้ตั้งคำถามขึ้นทันที "ผมอยากทราบเรื่องราวของนักบินในตำนานครับ" ไฮดี้ ได้ยินดังนั้น เธอเหลือบมองดูเวลา เมื่อเห็นว่าพอมีเวลาเหลืออยู่บ้างเธอก็ตอบคำถาม
"เมื่อ 10 ปีก่อน อุกาบาตหลายลูก มันพุ่งเข้าชน Gliese โดยไม่ถูกเผาไหม้เพราะออกซิเจนมีน้อย" "และฝันร้ายก็เกิดขึ้นเมื่อ Arachna ได้แฝงตัวมากับอุกาบาตเหล่านั้น มันเริ่มจากการล่าเหยื่อ" "สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นถูกมันล่าและสังหาร รวมไปถึงมนุษย์ด้วยเช่นกัน Aiacos เริ่มถูกรุกราน" "ในสมัยนั้นไม่มีใครรู้วิธีการจัดการกับมัน ไม่ว่าเรายิงมันเท่าไรมันก็ฟื้นฟูตัวเองได้เท่านั้น"
"เมื่อนักบินจำนวนมากล้มตายจากการรุกราน ชายคนหนึ่งก็ไม่สามารถทนเห็นสภาพเช่นนั้นได้" "เขาใช้ความสามารถทั้งหมดที่เขามี ทุ่มเทอย่างไม่ย่อท้อ และเสี่ยงชีวิตในการสู้รบกับ Arachna" "ในที่สุดจากนักบินธรรมดาๆ ซึ่งไม่ได้เป็นที่ยอมรับ ก็ได้กลายเป็นตำนานของ Aiacos อันเลื่องชื่อ" "VF-25F Messiah เพียงลำเดียว บุกเข้าโจมตี Arachna เพื่อช่วยเพื่อนร่วมรบที่กำลังลำบาก" "จนในที่สุดเขาก็พบวิธีการสังหาร Arachna อีกทั้งยังทำลาย Arachna ในตอนนั้นไปคนเดียวถึง 2 ตัว" "หนึ่งใน Arachna ที่เขาได้ทำลายไปนั้น เป็นตัวนางพญาซึ่งกำลังล่ามนุษย์อยู่ภายใน Aiacos"
เมื่อ ไฮดี้ ตอบคำถามจบ พัชรี ก็ลุกขึ้นถามต่อไปว่า "เขาคนนั้นคือใครกันหรอคะ?"
........................................................................
ณ โรงเก็บ Valkyria Unit
"ว่ะ....ว่ะ VF-25F Messiah....เครื่อง Valkyria Unit ในตำนาน" ไดสึเกะ อึ้งปากค้างเมื่อได้เห็น ไซเฟอร์ แตะบ่าของ ไดสึเกะ เบาๆ "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชั้นขอส่งมอบมันให้กับเธอ ซาซากิ ไดสึเกะ"
つづく.
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 8:48:42 GMT
EP4 : Wildfire
หลายวันต่อมาหลังจากพิธีศพของนักบินฝึกหัดที่เสียชีวิตทั้ง 14 รายจบลง
ภายในห้องบรรยายแห่งหนึ่งภายในฐานทัพ Aiacos ไฮดี้ กำลังเข้าบรรยายบทเรียนแก่นักบินฝึกหัดชั้นปีที่ 2 พัชรี อีวาน และ มาโคโตะ ก็รวมอยู่ภายในห้องแห่งนี้และกำลังรับฟังด้วย
"ฐานทัพ 1 ใน 3 แห่งเพื่อนบ้านของพวกเรา ...Minos พวกเขารับหน้าที่เป็นเหมือนศูนย์ปรับสภาพแวดล้อม" "และสร้างระบบนิเวศใหม่ด้วยเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม พวกเขาประสบความสำเร็จในการดัดแปลงพันธุ์พืช" "พืชพื้นเมืองดัดแปลงชนิดนั้น พวกเขาให้ชื่อมันว่า Genesis Plant ....อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้" "โลกใหม่ของเราไม่ได้น่าอยู่เหมือนโลกใบเดิม ที่นี่เต็มไปด้วยน้ำที่ปนเปือนกัมมันตภาพรังสี" "ออกซิเจนก็มีเบาบาง กลางวันกลางคืนที่ยาวนานกว่าเดิม ดวงอาทิตย์ที่อ่อนล้า และแรงโน้มถ่วงมหาโหด" "พวกเราในตอนนี้ยังไม่สามารถอาศัยอยู่นอกโดมได้อย่างอิสระ แต่ผู้คนที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำฐาน Minos" "พวกเขาพยายามที่จะมอบอิสระภาพทางสภาพแวดล้อมให้กับเรา Genesis Plant คือหนึ่งในความสำเร็จนั้น" ไฮดี้ พูดไปพลางสั่งการให้จอภาพแสดงรูปภาพของ และโครงสร้างของ Genesis Plant
"เจ้านี่คือไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบชนิดหนึ่ง พวกมันโตไวมาก มันจะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์" "ก๊าซคาร์บอนมอนน็อคไซน์ และก๊าซไนโตรเจนในอากาศปริมาณมหาศาลในการเจริญเติบโต" "การที่ Gliese มีก๊าซพวกนี้ในอากาศอยู่เป็นปริมาณมากข้างนอกโดมนั้น จึงไม่เหมาะกับมนุษย์เลย" "Genesis Plant ถูกสร้างมาเพื่อให้ดูดกลืนมัน และรากของ Genesis Plant สามารถดูดซับกัมมันตภาพรังสี" "ซึ่งมีอยู่ในน้ำและพื้นดินได้ รวมทั้งในกระบวนการสร้างพลังงานของ Genesis Plant หรือการสังเคราะห์แสง" "มันจะปล่อยออกซิเจนออกมาจำนานมากอีกด้วย" ไฮดี้ อธิบายข้อดีของ Genesis Plant อย่างละเอียด ก่อนที่จะเปลียนภาพบนจอเป็นภาพของป่า Genesis Plant รอบๆ โดมที่อยู่อาศัยทั้ง 3 แห่ง
"รอบอาณานิคมของมนุษย์ทั้ง 3 กำลังกลายเป็นป่าของพืชชนิดนี้ วัตถุประสงค์หลักคงจะหนีไม่พ้น" "เพื่อเปลี่ยน Gliese ให้เป็นโลกที่มนุษย์สามารถอยู่อาศัยได้ Minos ยังศึกษาสิ่งมีชีวิตพื้นเมือง" "และตัดต่อพันธุกรรมสิ่งมีชีวิตพื้นเมื่องบนดาวดวงนี้ให้สามารถอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมเดียวกับมนุษย์ด้วย" ไฮดี้ อธิบายต่อไปถึงการสร้างระบบนิเวศของ Minos
อีวาน ที่กำลังฟังการบรรยายอยู่นั้นรู้สึกสงสัยถึงบางอย่างเกี่ยวกับ Genesis Plant เขายกมือขึ้นและไม่นานนัก ไฮดี้ ก็ให้สิทธิให้การซักถามแก่เขา "Genesis Plant มีข้อเสียอะไรไหมครับ? อาจารย์คัทเซ็นเมเยอร์" อีวาน ลุกขึ้นถามที่ต้องการคำตอบ
ไฮดี้ รู้สึกแปลกใจกับคำถามของ อีวาน ก่อนที่จะยิ้มแล้วพูดว่า "เป็นคำถามที่ดีนะเพราะเจ้า Genesis Plant นี้ เท่าที่เคยรู้มันติดไฟง่ายมากเลยล่ะ" "แถมการที่มันปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมาด้วยแล้ว ยิ่งทำให้การเผาไหม้เกิดได้ง่ายขึ้น" "แม้ว่าไฟป่าที่เกิดจาก Genesis Plant มีอยู่ไม่บ่อยนักหรอก แต่ถ้าลองเกิดซักครั้งจะเหมือนหายนะ" "มันจะลุกลามไวมาก" ไฮดี้ ตอบคำถามของ อีวาน ก่อนที่จะบรรยายเรื่องราวอื่นๆ ต่อไปตามโปรแกรมที่นักบินส่วนใหญ่จำเป็นจะต้องเรียนรู้ในคาบเรียนทางวิชาการนั้น
พัชรี ดูเหมือนจะไม่ถูกกับวิชานี้สักเท่าไหร่ มาโคโตะ มีอาการปกติ แต่ อีวาน ดูจะสนอกสนใจไม่น้อยทีเดียว
........................................................................
ลานฝึกซ้อมนอกโดมของ Aiacos
โยฮัน กำลังฝึกการบินและยิงอาวธปืนด้วยกระสุนสำหรับการซ้อมรบอย่างหนัก เขาทำลายเป้าบินอันแล้วอันเล่าอย่างแม่นยำ แต่ในใจของเขากลับไม่ได้สงบและมีสมาธิเลยแม้แต่น้อย เขากำลังนึกถึงตอนที่ ไดสึเกะ ใช้อาวุธมีดโจมตีแบบประชิดอย่างกล้าหาญใส่ Arachna และจังหวะการเปิดการใช้งานม่านลมจากช่องเป่าลมบนตัวของ Valkyria Unit อย่างชำนาญ มันบ่งบอกได้ถึงพรสวรรค์มากล้นที่ ไดสึเกะ มี แต่เขานั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ความสามารถของเขาตอนนี้ไม่ว่าจะพัฒนาขึ้นเท่าใด ไดสึเกะ ก็ทิ้งห่างออกไปไกลขึ้นเท่านั้น
โซเนีย ในตอนนี้ แม้อาการบาดเจ็บของเธอทุเลาลงจนใกล้จะหายเป็นปกติดี เธอก็ยังได้แค่มาดูการซ้อมของ โยฮัน ที่ลานฝึกซ้อม เพราะแพทย์แนะนำว่ายังไม่ควรหักโหมร่างกาย โซเนีย จึงได้แต่มองดูและศึกษาการซ้อมบินของ โยฮัน ไม่ว่าจะอยากลงไปซ้อมด้วยแค่ไหนก็ตาม
ไซเฟอร์ ที่่มาทำธุระบางอย่างในลานฝึกซ้อมเข้ามองดูการฝึกซ้อมของ Valkyria Unit เครื่องดังกล่าว ในสายตาของเขาจ้องมองภาพ Valkyria Unit ที่ โยฮัน ขับทำลายเป้าบินด้วยสายตาอันเรียบเฉย ไม่นานนัก ไซเฟอร์ ก็ตรงเข้าไปหา โซเนีย ที่ยืนมองอยู่อย่างมีสมาธิ เรียกได้ว่าตาไม่กระพริบ
"โซเนีย บูลเล็ตฮาร์ท...ที่กำลังซ้อมยิงเป้าอยู่นั้นใครหรือ?" ไซเฟอร์ ยิงคำถามใส่ โซเนีย แบบไร้อารมณ์ "อ๊ะ-! อาจารย์ไซเฟอร์....คนที่ซ้อมอยู่ชื่อ โยฮัน ค่ะ โยฮัน เฮลซิงเกอร์" เธอรีบตอบพร้อมทำวันทยาหัตถ์ "เขาเป็นยูนิคอร์นลีดเดอร์ตอนที่เราพบ Arachna คราวก่อนไงคะ" โซเนีย ตอบด้วยท่าทางที่จริงจัง "งั้นหรือ?" ไซเฟอร์ พูดในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะเงยหน้ามองจอภาพที่แสดงการฝึกซ้อมต่อไปครู่หนึ่ง
"โยฮันน่ะ... เป็นคนที่เก่งมากแม้จะไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่มีความพยายามมากๆ เลยนะคะ" "เขาขยันฝึกซ้อมยึดถือทฤษฎีการบินตามตำรา รวมไปถึงการปฎิบัติตามยุทธวิธีแบบเคร่งครัดมาก" โซเนีย อธิบายอุปนิสัยคร่าวๆ ของ โยฮัน แต่ทาง ไซเฟอร์ ได้แต่นิ่งเฉยไม่ตอบอะไร "ก็คงจะได้แค่นี้ล่ะนะ....." ไซเฟอร์ พูดขึ้นมาลอยๆ อย่างไม่มีเหตุผล โซเนีย หันไปมอง ไซเฟอร์ เธอรู้สึกได้ถึงความเฉยเมยและดูถูกเล็กๆ ในสายตาของ ไซเฟอร์ แม้เธอจะไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกไป ไม่นานนัก ไซเฟอร์ ก็เดินจากไป
หลังจากที่ ไซเฟอร์ เดินจากไปไม่นาน
โยฮัน ก็ร่อนลงจอดที่ลานบิน ภายนอกโดมซึ่งมีแรงดึงดูดมากกว่าปกติ 2 เท่า โดยปกติมนุษย์ที่อยู่ภายนอกโดมจะเคลื่อนไหวลำบากและต้องใช้ฟังชั้นเสริมแรงของชุดนักบิน ฟังชั่นเสริมพละกำลังมีระบบการทำงาน คือ การปล่อยคลื่นไฟฟ้าอ่อนๆ ไปกระตุ้นกล้ามเนื้อของผู้สวมใส่ ทำให้กล้ามเนื้อที่ถูกกระตุ้นปลดปล่อยแรงกระทำออกมาได้มากขึ้นกว่าปกติ
โซเนีย รีบเดินเข้าไปหา โยฮัน อย่างไม่รอช้า และเมื่อไปถึงจุดที่ โยฮัน ลงจอด ทันทีที่เห็น โยฮัน ลงมาจากเครื่อง VU เธอก็ต้องตกใจเมื่อไฟแสดงฟังชั่นเสริมแรงของ โยฮัน ถูกปิดอยู่ "นี่นายไม่ได้ใช้ฟังชั่นเสริมแรงหรือ?" โซเนีย ยิงคำถามใส่ โยฮัน พยักหน้ากลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เพราะเขาต้องการไล่ตามและเหนือกว่า ไดสึเกะ เขาจึงจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางเท่าที่ทำได้
........................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 8:51:56 GMT
4 วันต่อมา
ที่ศูนย์รักษาการณ์ของ Aiacos พวกเขามีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบโดยรวมของฐาน Aiacos พวกได้รับแจ้งว่า Genesis Plant ภายในพื้นที่ของ Aiacos กำลังเกิดการลุกเป็นไฟและลุกลามอย่างรวดเร็ว
"สถานะการ์ณ์ฉุกเฉิน!! สถานะการ์ณ์ฉุกเฉิน!! เรียนท่านผู้บังคับการแซนเบิร์ก" ฟองน้ำ ต่อสายตรงถึง เอริค ทันที่ที่ทราบว่ามีไฟไหม้ป่า Genesis จากการรายงานของศูนย์รักษาการ เอริค ซึ่งอยู่ในห้องทำงานรับสายและสั่งการทันที "จัดเตรียมห้องบัญชาการให้พร้อม แล้วนักบินล่ะครับ?" "นักบิน VU เกือบทั้งหมดเพิ่งกลับมาจากภารกิจขนย้ายทรพยากรเมื่อครู่นี้ค่ะ"ฟองน้ำ รายงาน "สภาพความพร้อมของนักบินในตอนนี้ พวกเขาอยู่บนเครื่องแล้วเพราะเพิ่งกลับมาจากภารกิจเมื่อครู่"
"ดีมาก สั่งให้ทุกนายโหลดสัมภาระและลงหลุมจอด เปลี่ยนอุปกรณ์ที่ติดตั้งและพร้อมออกปฎิบัติการทันที" เอริค สั่งการอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะตัดสายตรงและเดินออกจาห้องทำงานตรงไปยังห้องบัญชาการ
ยูนิคอร์นทีมถูกจัดตั้งขึ้นโดยประกอบด้วย VF-1 จำนวน 49 ลำ VF-25 Messiah 1 ลำ ติดตั้งอาวุธเบา 15 ลำ และติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิง 35 ลำ มิคาซูกิ มุเนจิกะ รับตำแหน่งยูนิคอร์นลีดเดอร์
........................................................................
เมื่อทุกคนพร้อมปฏิบัติการ
"VF-1 ที่ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิง 35 เครื่อง ตรงไปสูบน้ำที่ทะเลสาบทางทิศตะวันตกของป่า Genesis" "และรีบตรงไปดับไฟที่ป่าส่วน VF-1 ที่เหลือ และ Messiah ที่ติดอาวุธเบารับหน้าที่คุ้มกันด้วยค่ะ" ฟองน้ำ อธิบายแผนการดับไฟ ไม่กี่นาทีต่อมา ยูนิคอร์น ก็พร้อมที่จะขึ้นบิน
"ยูนิคอร์นลีดเดอร์ มิคาซูกิ มูเนชิกะ system-all-green พร้อมออกตัว" เขาเปิดระบบเครื่องและเร่งไอพ่น "สาวๆ ตามผมมาอย่าให้ห่างนะจ๊ะ~!! ยูนิคอร์นออกบิน!!" มิคาซูกิ ประกาศออกตัวด้วยท่าทีขี้เล่น เพราะภารกิจนี้ไม่ใช่ภารกิจเสี่ยงตายความกดดันของนักบินจึงไม่มากเท่าไหร่นัก
ยูนิคอร์นทีมทั้ง 50 ลำออกบินและตรงไปยังทะเลสาบใกล้ป่า Genesis
........................................................................
ที่ย่านชุมชนของ Aiacos
อีวาน พัชรี และมาโคโตะ กำลังออกมาเดินเล่นกัน วันนี้เป็นช่วงวันหยุดของนักบินฝึกหัดชั้นปี 2 ทั้งสามคนเห็นข่าวการไหม้ไฟของป่า Genesis จึงตัดสินใจหาร้านกาแฟกลางแจ้งเพื่อนั่งพัก และดูการถ่ายทอดสดปฏิบัติการดับไฟป่า Genesis ที่นานๆ ครั้งจะมีให้ดูกัน
ทั้งสามคนเห็น VU เครื่องใหม่ของ ไดสึเกะ ที่ดูแปลกตาไปกว่าเครื่องอื่นๆ ในฝูงบิน อีวาน มองมันอย่างพิจารณาซักพักหนึ่งเขากล่าวออกมาว่า VF-25 Messiah สินะ มาโคโตะ และ พัชรีมองไปทาง อีวาน เป็นสายตาเดียวเหมือนกำลังต้องการให้เขาขยายความคำพูดของเขาต่อไป
"VF-25 Messiah Valkyria Unit ในตำนานเมื่อ 10 ปีก่อนไง อ.ไฮดี้ ก็เคยบอกพวกเรามาแล้วไม่ใช่หรือ?" อีวาน เตือนความจำถึงบทเรืยนของพวกเขาที่เพิ่งผ่านมา มาโตโคะ เหมือนกำลังจะนึกออก ส่วน พัชรี แสดงสีหน้าสงสัยอย่างเห็นได้ชัดเพราะเธอแทบไม่ได้สนใจคาบเรียนที่ว่านี้เลยนั่งหลับในตลอดคาบ
"VF-25 Messiah ติดตั้งปืนไรเฟิลอนุภาคทะลุทะลวงสูงปืนกลเบากระสุนหัวระเบิด Build-in ที่อยู่ที่แขนสองข้าง" "มิซไซล์แรงระเบิดสูงลูกเล็ก ตัวเครื่องน้ำหนักเบา เน้นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วอัตราเร่งสูงและคล่องแคล่ว"
อีวาน บอกคุณสมบติคร่าวๆ ของ VF-25 Messiah แต่ไม่นานนักเขาก็ลุกขึ้นจากโต๊ะที่นั่งและหันหลัง "อีกไม่นานก็ถึงตาพวกเราสอบการใช้กระสุนจริงแล้ว ชั้นขอไปเตรียมตัวก่อนดีกว่า" "นี่น่าจะเป็นงานของพวกเราจริงๆ มากกว่า" อีวาน พูดจบก็เดินจากไปทิ้ง มาโคโตะ และ พัชรี นั่งชมการถ่ายทอดที่นั่น
........................................................................
ด้านของยูนิคอร์นทีม
พวกเขาบินมาจนถึงทะเลสาบที่ต้องสูบน้ำเพื่อนำไปดับไฟป่าตามภารกิจที่ได้รับ VF-1 จำนวน 35 ลำที่ติดตั้งอุปกรร์ดับเพลิงค่อยๆ ลดระดับความสูงลงใกล้ผิวน้ำเพื่อจะหย่อนท่อสูบน้ำลง
แต่นักบินคนหนึ่งภายในบรรดา 35 ลำ รู้สึกถึงความผิดปกติ เขาเห็นเงาขนาดใหญ่อยู่ที่ใต้น้ำ "ยูนิคอร์น 47... รายงานยูนิคอร์นลีดเดอร์....ผมพบความผิดปกติบาง............ เหว๊อ----!!!" เครื่องของนักบินผู้โชคร้ายถูกเส้นสายบางอย่างรูปร่างคล้ายหนวดปลาหมึกจับ และถูกลากลงไปในน้ำ ฟองอากาศจำนวนหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นมา ก่อนที่จะเงียบหายไป ภายใต้ความตกตะลึงของทุกๆ คนในทีมยูนิคอร์นที่เห็นเหตุการณ์
"ยูนิคอร์นทุกลำ!! ถอยออกห่างจากทะเลสาบเดี๋ยวนี้--!!" มิคาซูกิ รีบออกคำสั่ง แต่สายไปเสียแล้ว สิ่งลึกลับที่อยู่ใต้น้ำโผล่ขั้นสู่เบื่องบน ทำให้ผิวน้ำถูกดันขึ้นเป็นม่านน้ำขนาดยักษ์ น้ำปริมาณมหาศาลสาดกระเซ็นใส่ VU ทุกลำในบริเวณ ทุกคนจำลักษณะเฉพาะของมันได้ดี ถึงแม้ว่ามันจะดูต่างออกไปไปจากที่เคยเห็นมาก่อนเล็กน้อยแต่ไม่ผิดแน่เจ้านี่คือ Arachna!!
เจ้า Arachna ตัวนี้ลักษณะคล้ายปลาหมึกยักษ์สีเทาแกมดำ รยางค์ของมันมีขนาดใหญ่และยาวกว่าปกติ มีปุ่มดูดเหมือนหนวดปลาหมึกชะโลมด้วยของเหลวเหนียวๆ ที่มันสามารถหลั่งออกมาจากปุ่มดูดไว้ใช้จับเป้าหมายได้ ขนาดของมันโหญ่โตมหึมา เรียกได้ว่าสามารถจบเรือรบสมัยเก่าได้คราวละ 7 - 8 ลำเลยทีเดียว
........................................................................
"พบ Arachna ที่ทะเลสาบใกล้จุดไฟป่าค่ะ!!"
ฟองน้ำ กล่าวอย่างตกตะลึงและรีบร้อน เอริค ที่ยืนมองภาพที่ถูกถ่ายทอดมาที่ฐานบัญชาการ แสดงอาการกังวลและหงุดหงิดเล็กน้อย เขาหยิบโทรศัพท์สายในขึ้นมาและกดหมายเลขสายตรง
"ไซเฟอร์--!!" เขาเรียกชื่อของผู้รับปลายสาย "ไม่ไหว ตอนนี้ยังไม่พร้อมขึ้นบิน" เสียงปลายสายตอบกลับมา "ไฮดี้--!!" เขาเรียกสายต่อไปทันที "ไม่ได้เช่นกันค่ะ อย่างเร็วที่สุดก็อีกราวๆ 30 นาที..."
ทันทีที่ได้ยิน เอริค ตัดสายของ ไฮดี้ ทิ้งไป
"ยูนิคอร์นลีดเดอร์ ปฏิบัติการทำลาย Arachna!! ซาซากิคุง.... ผมเชื่อมั่นในตัวคุณ...ฝากด้วยนะ" เอริค สั่งการถึงยูนิคอร์นทีมด้วยสายตรง ทุกคนในยูนิคอร์นทีมเมื่อรู้ว่าพวกเขาไร้กองหนุนก็ถึงกับจิตตกเล็กน้อย
........................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 8:54:50 GMT
"คงได้ยินคำสั่งกันแล้วล่ะนะ? เอาล่ะ!!....ยูนิคอร์นทุกลำที่ติดอาวุธ เริ่มทำการโจมตี!!"
"ให้เครื่องของหน่วยดับเพลิงถอยไปแนวหลัง" มิคาซูกิ สั่งการให้ Valkyria Unit เริ่มเข้าโจมตี Valkyrie Unit ทั้ง 15 เครื่องที่ติดอาวุธ Shape-Shift เป็นหุ่นรบและเริ่มหาช่องยิงโจมตี แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเคลื่อนที่เข้าไปในระยะหวังผลได้ เพราะรยางค์ของ Arachna ตัวนี้ สามารถโจมตีระยะไกลได้ มันสามารถตวัด ฟาดและเข้ามัดเหยื่อได้ไกลเกือบ 250 เมตร
"บ้าเอ้ย--!! พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยหรือไง" มิคาซูกิ บ่นอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะบินหลบรยางค์พลางรักษาระยะห่างเอาไว้ "กรี๊ด----!!! อย่านะ---!! เสียงของหญิงสาวนักบินคนหนึ่งร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ เครื่องของเธอถูกรยางค์จับได้ และกำลังถูกดึงเข้าไปอย่างรุนแรง "ไอ้หมึกนี่---!!" มิคาซูกิ ทำการ Shape-Shift เป็นเครื่อง Valkyrie และเร่งท่อขับดันตามไป เมื่อเขาบินแซงหน้า VU ที่ถูกจับได้ ก่อนที่เขาจะทำการ Shape-Shift กลับมาเป็นหุ่นรบ มิคาซูกิ ใช้ปืนกลยิงรยางค์จนขาดวิ่น และดึงเครื่องของนักบินหญิงผู้โชคร้ายออกมาได้ทัน
"ไม่เป็นไรนะจ๊ะ" มิคาซูกิ กล่าวปลอบนักบินหญิงอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะมีเสียงอื่นเข้าแทรกทางช่องสือสาร "อ๊าคคคค----!! อ.มิคาซูกิ!! ช่วยผมด้วยยยย" เป็นเสียงของนักบินที่เพิ่งก้าวมาเป็นนักบินฝึกหัดได้ไม่นาน เขาถูกจับได้เป็นคนต่อไป มิคาซูกิ เปิดช่องสือสารทันทีและพูดว่า
"ไอ้พวกอ่อนหัดเอ้ย!! แค่เจอ Arachna ตัวเดียว โดนหนวดจับขาร้องหยั่งหมาไปได้---!!" "อยู่ห่างซะขนาดนั้น ชั้นไม่ใช่ Jumper ที่จะแว๊บไปช่วยได้ทันนะโฟ่ย ........ลาก่อย---!!" มิคาซูกิ พูดผ่านช่องสื่อสาร ทุกคนได้ยินถึงกับอึ้ง และเสียงโหยหวนของนักบินชายผู้โชคร้ายก็เงียบไป
โยฮัน มองไปที่เครื่องผู้โชคร้าย "เจ้าพวกนี้อ่อนหัดอย่างที่ยูนิคอร์นลีดเดอร์พูดจริงๆ......" เมื่อได้ยิน ไดสึเกะ พูดด้วยความไม่พอใจทันที "ว่าไงนะ...โยฮัน!!!.....เขาเป็นเพื่อนของพวกเรานะ!!" โยฮัน ก็ตอบโต้กลับไปทันทีเช่นกันว่า "นักบินที่อ่อนหัดแบบนั้น ไม่เคยฝึกซ้อมอะไรจริงจัง เกะกะเปล่าๆ" โซเนีย ที่เห็นท่าไม่ดี จึงพูดขึ้นว่า "พอเถอะค่ะ....เวลานี้ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกันนะคะ!!" ทันใดนั้น รยางค์ของ Arachna ก็พุ่งเข้าหาเครื่องของทั้ง 3 คน อย่างรวดเร็ว โยฮัน และ โซเนีย เร่ง Thruster ฉากหลบออกด้านข้างเหมือนกับที่ตำราแนะนำไว้ทุกประการ แต่ Messiah กลับดึงตัวขึ้น ปล่อยรยางค์ผ่านไปด้านล่างแล้วใช้ปืนกลยิงใส่จนรยางค์ขาดออก
ทว่าระหว่างนั้น ปริมาณเครื่อง Valkyria Unit ของยูนิคอร์นทีมกลับลดลงอย่างรวดเร็ว "ยูนิคอร์น 4 5 8 9 11 12 13 ที่ติดอาวุธ และ ยูนิคอร์น 22 27 31 33 39 46 ที่ติดอุปกรณ์ดับเพลิง" "ขาดการติดต่อไปแล้วค่ะ นักบินดับเพลิง 6 คน นักบินคุ้มกัน 7 คนเสียชีวิตแล้วค่ะ"
ฟองน้ำ รายงานสถานการณ์ให้ เอริค ทราบ ส่งผลให้ทาง เอริค มีสีหน้ากังวลใจมากขึ้น
........................................................................
"ผลการวิเคราะห์รูปแบบออกมาแล้วค่ะ"
ฟองน้ำ กล่าวรายงานก่อนที่จะเอาผลการวิเคราะห์ขึ้นจอหลักของศูนย์บัญชาการ เอริค เมื่อเห็นแล้วก็สั่งให้ ฟองน้ำ ติดต่อไปหา ไดสึเกะ ทันที
"Messiah สายตรงจากผู้บังคับการ!!" ฟองน้่ำ ติดต่อผ่านช่องสื่อสารสายตรงไปยัง ไดสึเกะ "เห...อาจารย์แซนเบิร์ก งั้นหรอ" เมื่อ ไดสึเกะ รับสาย ฟองน้ำ ก็โอนการสนทนาให้ เอริค "ซาซากิ นี่คือผลการวิเคราะห์ Arachna ตัวนี้ มันมีจุดอับอยู่ที่ด้านหลัง เป็นส่วนที่มันจะไม่ระวังตัว" "เธอช่วยดึงความสนใจไว้ที่ด้านหน้า แล้วให้คนอื่นที่ติดอาวุธเข้าโจมตีที่ด้านหลัง...พอจะทำได้ไหม?"
ไดสึเกะ ยิ้มอย่างสุดฝืนก่อนที่เขาจะตอบไปว่า "Messiah รับทราบภารกิจ--!!" ฟองน้ำ บอกแผนการให้ทุกคนในยูนิคอร์นทีมรับทราบและลงมือทำตามแผน โยฮัน ขมวดคิ้ว "ทำไม....ทำไมต้องเป็นเจ้านั่นอีกแล้ว....ชั้นเกลียดหมอนั่นที่สุด" เขาบ่นเบาๆ โซเนีย หันไปมองเครื่องของ โยฮัน ที่ดูนิ่งไปเธอเลิกคิ้วนิดๆ "คงไม่พอใจอีกแล้วสินะ..."
"เอ่ย๊ากกกกก--!!!" ไดสึเกะ เปล่งเสียงเรียกความกล้าก่อนที่จะทิ้งปืนไรเฟิลอนุภาคทะลุทะลวงไป เพื่อเพิ่มความคล่องตัวเขา Shape-Shift บินหมุนควง 1 รอบ พร้อม ยิงมิซไซล์จิ๋วทั้งหมดใส่ Arachna จุดประสงค์เพื่อเรียกความสนใจ และมันก็ได้ผล รยางค์ทุกเส้นพรุ่งเข้ามาโจมตี Messiah ราวกับห่าฝน "คิดว่าจับชั้นได้ก็เขามาเล๊ยยยยย-----!!" ไดสึเกะ หลบรยางค์ที่โจมตีมาอย่างคล่องแคล่วและสวยงาม เขาหลอกล่อและบินวนไปวนมาทำ Shape-Shift ที่ความเร็วสูงอีกครั้ง และหักหลบได้อย่างน่าตื่นตา ราวกับกำลังเริงระบำท่ามกลางพายุ โซเนีย มองตาไม่กระพริบในขณะยูนิคอร์นทีมเริ่มเคลื่อนไหว
กลุ่มของ มิคาซูกิ ที่ลอบเข้าไปด้านหลังเข้าโจมตี Arachna อย่างทันที "เอาล่ะจังหวะนี้ล่ะ ยูนิคอร์นทุกลำ โจมตีด้วยอาวุธทั้งหมดที่มี!! ล้มมันได้ให้!!" มิคาซูกิ สั่งโจมตี Valkyria Unit Shape-Shift กลับมาเป็นหุ่นรบ แล้วระดมยิงอาวุธทั้งหมดที่มีทั้งปืนกลและมิซไซล์ออกไป "ซาซากิ ไดสึเกะ...ชั้นไม่มีวันยอมแพ้คนอย่างนาย....ไม่มีวัน!!" โยฮัน พูดอย่างเจ็บใจ ขณะระดมยิง โซเนีย ขมวดคิ้วสีหน้าของเธอดูเป็นกังวล "โยฮัน........." เธอคิดในใจด้วยความเป็นห่วง
Arachna ที่ไร้การป้องกันจากด้านหลังถูกระดมยิงด้วยกระสุนและมิซไซล์จำนวนมาก ในที่สุดมันก็ตาย และจมลงไปในทะลสาบอย่างช้าๆ แผนการนี้สำเร็จอย่างงดงาม ทุกคนต่างพากันดีใจ และแน่นอนว่าเสียงยกยอ ซาซากิ ไดสึเกะ มีขึ้นไม่ขาดสายทั่วฐาน Aiacos ณ ขณะนั้น
หลังจากที่กำจัด Arachna ลงได้ ยูนิคอร์นทีมที่เหลือรอด กลับไปดับไฟป่าได้สำเร็จในที่สุด
........................................................................
หลังภารกิจดับไฟป่าจบลง
นอกโดมของ Aiacos ท่ามกลางเงียบสงบ ไซเฟอร์ สวมชุดนักบิน VU แต่ไม่เปิดฟังชั่นเสริมกำลังกำลัง กำลังนั่งชมทัศนียภาพของโลกใบใหม่กับ Phoenixaurus จำนวน 7 ตัวที่รายล้อมอยู่รอบๆ Phoenixaurus เป็นสัตว์พื้นเมืองของโลกใหม่ มันเป็นนกขนาดยักษ์ ผู้ล่าชั้นบนสุดของบ่วงโซ่อาหารบนดาวดวงนี้ นิสัยปกติของมันจะมีความดุร้าย ขนาดของมันใหญ่กว่า Valkyrie Unit เล็กน้อย
อีวาน เดโคเซ่ สวมชุดนักบิน เดินออกมานอกโดมเพื่อมาพบกับ ไซเฟอร์ ที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ เขาตั้งใจว่าจะเข้าไปขอคำแนะนำในการใช้กระสุนจริงกับ ไซเฟอร์ แต่เขาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเขาเห็น Phoenixaurus ถึง 7 ตัว เขามีท่าทางตื่นกลัวพวกมันในทันที
"ไม่เป็นไร...มันไม่ทำอันตรายเธอหรอก พวกนี้เป็นบริวารผู้ซื้อสัตย์ของชั้นเอง" เมื่อได้ยิน ไซเฟอร์ กล่าวเช่นนั้น อีวาน ก็เริ่มคลายความหวาดกลัวและเดินเข้าไปใกล้ๆ
"เธอคือ อีวาน เดโคเซ่ สินะ" ไซเฟอร์ พูดทักขึ้น มันทำให้ อีวาน ตกใจว่าทำไม ไซเฟอร์ ถึงรู้จักชื่อของเขา "ใช่แล้วครับ" อีวาน ตอบกลับแบบเรียบๆ
"Phoenixaurus น่ะเป็นสัตว์ที่ดุร้าย การทำให้มันเชื่องได้ ต้องทำให้มันกลัวเรา" "และยอมรับในตัวเราว่าเราแข็งแกร่งกว่ามัน ฉลาดกว่ามัน และเหมาะที่จะเป็นนายของมัน" อีวาน มอง ไซเฟอร์ ที่กำลังอธิบายถึงการควบคุม Phoenixaurus อย่างเงียบเชียบ
"อีวาน เดโคเซ่ ตั้งแต่วันที่เธอเข้ามาเป็นนกบินฝึกหัด....ชั้นมีเรื่องอย่างหนึ่งอยากจะบอกเธอมานานแล้ว" "เรื่องสำคัญสำหรับเธอมากซะด้วยนะ....ถ้าสะดวกล่ะก็.....คืนนี้ไปดื่มกับชั้นหน่อยไหม?" "ชั้นว่าเธอเองก็คงมีเรื่องอยากจะคุยกับชั้นอยู่เหมือนกัน?" ไซเฟอร์ ชวน อีวาน ไปดื่มอย่างเป็นมิตร อีวาน พยักหน้าก่อนที่จะตอบว่า "ก็ได้ครับ....แต่ผมคอแข็งมากนะครับอาจารย์" ไซเฟอร์ ได้ยินก็ยิ้มออกมา "แล้วคิดว่าชั้นคออ่อนรึยังไงกันเล่า?...มาเจอกันหน่อยดีกว่ามั้ง!!"
ไซเฟอร์ ลุกยืนช้าๆ เขาชูมือขวาขึ้นก่อนที่จะดีดนิ้วราวกับส่งสัญญาณ ทันใดนั้น Phoenixaurus ทั้ง 7 ตัวก็แยกย้ายกันบินจากไป หลังจากที่ Phoenixaurus ลับสายตาไปแล้ว
ไซเฟอร์ ก็หันไปมอง อีวาน ที่ยืนรอเขาอยู่ก่อนจะพูดว่า "ชั้นมีของบางอย่างอยากจะให้เธอ....อีวาน"
つづく.
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 9:16:00 GMT
EP5 : Avalanche
ภายในห้องประชุมของหน่วยงานรัฐบาลกลางแห่ง Aiacos
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของแต่ล่ะหน่วยงานกำลังเข้าประชุมกันอย่างสนอกสนใจ หัวข้อในวันนี้ของพวกเขาคือเทคโนโลยีแบบใหม่ ที่จะถูกนำมาใช้ วอลเบิร์ต นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะของการประชุม เขากำลังมองเจ้าหน้าที่อ่านเอกสารปึกหนาที่อยู่ตรงหน้า และเสียงวิภาควิจารณ์ต่างๆ ก็ดังระงมตามมา
ในเอกสารนั้นอธิบายถึงอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ชื่อว่า Beholder มันสามารถตรวจจับกลิ่นของ Arachna ได้ ในรัศมี 50 กิโลเมตร Beholder ถูกพัฒนาขึ้นมาภายในโครงการเทคโนโลยีเพื่อความมั่นคง เจ้าของผลงานวิจัยชิ้นนี้คือ ศาตราจารย์โอคิตะ รินโด นักวิทยาศาสตร์ไม่เต็มบาทผู้ปราดเปรื่องแห่ง Aiacos
“เป็นยังไงบ้างทุกท่าน ผมมีความเห็นว่าพวกเราควรที่จะติดตั้ง Beholder รอบๆ Aiacos อย่างมาก” “โดยตั้งวงล้อมรัศมี 1000 กิโลเมตร ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” วอลเบิร์ต แจ้งว่าให้รีบเร่งติดตั้ง Beholder ให้แล้วเสร็จ แต่ว่าเจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยารายหนึ่งกล่าวแย้งขึ้นมา
“ท่านประธานาธิบดีที่เคารพ ช่วงนี้สภาพอากาศรอบๆ Aiacos ของเรากำลังอยู่ในช่วงหน้าหนาวที่ยาวนาน” “ปริมาณหิมะสะสมจำนวนมาก และพายุหิมะกำลังตกหนัก กระผมจึงขอเรียนว่าจะไม่เหมาะ” "ในการใช้ Valkyria Unit ออกปฎิบัติการในภาคพื้นดินนะครับ อาจจะเกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นได้” เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาแย้งอย่างเป็นกังวล แต่ วอลเบิร์ต กลับขมวดคิ้วก่อนที่จะถอนหายใจแล้วแล้วพูดว่า
“เรื่องนั้นผมเข้าใจ แต่ Arachna มันคงไม่รอให้อากาศอุ่นขึ้นหรอก ถ้าเกิดกรณีที่เลวร้าย” “พวกเราอาจจะสูญพันธุ์ก่อนที่ฤดูใบไม้ผลิหน้าของ Gliese จะมาถึง ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ” “คุณจะรับผิดชอบต่อการตัดสินใจได้ไหม คุณเจ้าหน้าอุตุ......” วอลเบิร์ต กล่าวอย่างเยือกเย็น เขากดดันเจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาคนนั้นจนถึงกับหน้าถอดสีภายในไม่กี่ประโยค “มีใครจะแย้งอะไรอีกไหม?” วอลเบิร์ต กล่าวก่อนที่มองไปรอบห้องประชุมที่เงียบกริบ เขามีท่าทางที่ดูพอใจมาก ก่อนที่จะสั่งการว่า
“หัวข้อการประชุมยุติแล้ว พวกเราจะลงมือติดตั้ง Beholder รอบๆ Aiacos ในอีก 48 ชั่วโมงข้างหน้า” “เจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ขอให้เข้าปฏิบัติในหน้าที่ของตนให้เต็มที่ เราไม่มีโอกาสทำจะพลาดอีกแล้ว...” วอลเบิร์ต พูดจบก็ลุกจากเก้าอี้ และถือเอกสารเดินออกไปเจ้าหน้าที่เหลือมองตามหลังเขาไปเป็นสายตาเดียว ทุกคนไม่กล้าแม้จะแต่ปริปากพูดสิ่งใดออกมาอีกเลย
.......................................................................
ที่ห้องสังเกตการณ์ของลานบินทดสอบ
วันนี้พวกนักบินฝึกหัดปีที่ 2 จะได้เข้าทดสอบการใช้กระสุนจริง หากผู้ที่สอบผ่านจะได้เลื่อนชั้นเป็นนักบินฝึกหัดปีที่ 3 โดยมี เอริค เป็นผู้สังเกตการณ์และคุมสอบ ภายในห้องนี้เขากำลงนั่งอ่านเอกสารอีเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับค่าสถิติที่นักบินปี 2 ทุกคนเคยทำไว้ เอกสารของทุกคนใบแล้วใบเล่าถูกแสดงขึ้นมาบนหน้าจอที่โต๊ะของเขา แม้สายตาของเขาจะมองไปที่เอกสาร แต่จิตใจของเขากลับไม่ได้อยู่ที่พวกมันเลยแม้แต่น้อย เขาเอาแต่พัดสมุดบันทึกคู่ใจไปมา
ไม่นานนัก เสียงประตูเลือนของห้องสังเกตการณ์ก็ถูกเปิดออก ไซเฟอร์ ที่เป็นหนึ่งในผู้คุมสอบเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ เขามองเห็น เอริค ที่ท่าทางใจลอย เลยเดินเข้าไปทักอย่างแปลกใจ “เอริค นายมาไวจังนะ? ยังไม่มีใครมาเลยนี่นา” ไซเฟอร์ ทักทายกึ่งยิงคำถาม แล้วกวาดสายตาไปรอบๆ เจ้าหน้าที่คุมสอบ ยังไม่เข้ามาประจำการ “อืม…พอดีชั้นมีเรืองให้คิดนิดหน่อย เลยมาที่นี่ก่อน” เอริค ตอบอย่างไร้อารมณ์
ไซเฟอร์ รู้สึกแปลกๆ เขาจึงพยายามหาเรื่องคุยกับ เอริค “Beholder เครื่องตรวจจับ Arachna กำลังจะถูกติดตั้งแล้ว นี่คือผลของงานวิจัยที่ยอดเยี่ยมเลยนะว่าไหม?” ไซเฟอร์ พูดถึงเครื่องตรวจจับ Arachna รูปแบบใหม่ ที่กำลังจะถูกติดตั้ง เมื่อได้ยินดังนั้น เอริค ก็เหมือนกับถูกกดสวิชจี้ใจดำ เขามีอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า
“ไม่ใช่......มันไม่น่าจะใช่แบบนี้หรอก-!! สิ่งที่พวกเราต้องการคือเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่านี้” “เทคโนโลยีที่ทำให้พวกเราเข้าใจ Arachna ได้ และอยู่ร่วมกับพวกมันได้” “พวกเราก็อาจจะใช้ประโยชน์จากพวกมันเพื่อความอยู่รอดของพวกเราได้ก็เป็นได้” “มันควรจะต้องเป็นแบบนั้นมากกว่า.....” เอริค พูดอย่างขมขื่นถึงแนวทางที่ผิดพลาด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เห็นด้วยที่มนุษย์จะต้องมาทำสงครามล้างเผ่าพันธุ์กับ Arachna
“เอริค ตั้งสติหน่อยสิ---!! นายบ้าไปแล้วหรือไง พวกเราจะไปเข้าใจไอ้พวกตัวแบบนั้นได้ยังไงกัน?” ไซเฟอร์ ไม่เห็นด้วยนัยน์ตาสีแดงของเขาจับจ้องไปที่ เอริค และแสดงอาการขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด
“มันต้องได้สิ ไซเฟอร์ …มนุษย์แบบพวกเราทำอะไรมาได้ตั้งมากมาย มันต้องมีทางเป็นไปได้” “บอกตรงๆ นะ…. ชั้นไม่เห็นด้วยกับตาแก่ ไฮเซนไทน์ เลยสักนิด เพราะในความคิดของชั้นแล้ว” “พวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องทำสงครามแตกหักกับ Arachna แม้แต่น้อย” “คอยดูเถอะ ถ้าตาแก่นั่นลงโลงหรือตกกระป๋องเมื่อไหร่ ชั้นจะทำให้มันเป็นจริงให้นายได้เห็น!!” เอริค พูดอย่างหงุดหงิด ไซเฟอร์ ที่ยืนอยู่ตรงเข้าเขาแสดงอาการไม่เห็นด้วยอยู่ตั้งแต่ในทีแรก แต่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาอีก
ในขณะที่ ไฮดี้ ซึ่งมาถึงห้องสังเกตการณ์ ได้แอบฟังทั้งสองคนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของประตู เธอได้ยินทุกอย่างที่ เอริค พูด เธอขมวดคิ้วก่อนที่จะคิดในใจว่า
“ไม่มีทางหรอกที่ Arachna กับมนุษย์จะอยู่ร่วมกันได้ ไม่มีทาง.....”
........................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 9:18:11 GMT
ที่ลานทดสอบ
ไดสึเกะ และ มาโกะ กำลังเข้านั่งในห้องรับชมการถ่ายทอดสดการทดสอบใช้กระสุนจริงของนักบินฝึกหัดปี 2 พวกเขามาเพื่อให้กำลังใจ โยชิโซระ มาโคโตะ ที่จะต้องสอบในวันนี้โดยเฉพาะ มาโคโตะ เดินเข้ามาทักทายพวก ไดสึเกะ ที่นั่งกันอยู่บริเวณหน้าจอถ่ายทอดอย่างอารมณ์ดี
“โย่ว--! มาโกะจัง…รุ่นพี่ได มาด้วยหรอ ดีใจจริงๆ” มาโคโตะ เดินตามหา ไดสึเกะ และ มาโกะ จนพบ ภายในห้องรับชมนี้มีนักบินฝึกหัดปี 2 ร่วม 100 คน และผู้ที่มาให้กำลังใจอีกนับเท่าตัว พวกเขากำลังจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่อย่างลานตา
“อืม....ก็ต้องมาแน่นอนอยู่แล้วสิ มาโคโตะคุง ก็เต็มที่ไปเลยนะ” ไดสึเกะ ตอบอย่างกระตือรือร้น มาโคโตะ ยิ้มให้อย่างร่าเริง ก่อนที่จะมองมาที่ มาโกะ ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ไดสึเกะ มาโคโตะ มีท่าทีที่เปลี่ยนไป เขาดูจริงจังขึ้นเล็กน้อยเมื่อสบตาเธอ ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างประหม่าว่า
“นี่......มาโกะ เอ่อ.....ถ้าเกิดว่าชั้น เก่งอย่างรุ่นพี่ไดขึ้นมา เธอ.....เธอคิดว่าชั้นจะดูเท่ห์ขึ้นไหม?” เขาพูดอย่างฝืนๆ เหมือนจะพยายามสะกดคำพูดอะไรบางอย่างเอาไว้ไม่ให้หลุดออกมา ไดสึเกะ สงสัยในท่าทางของ มาโคโตะ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร มาโกะ ที่ถูกยิงคำถามเองก็เช่นกัน แต่เธอก็ตอบไปแบบไม่ได้คิดเลยว่า “อืม....ไม่รู้สินะ แต่อย่างนาย...คงจะไม่มีทางหรอก…” มาโกะ พูดแล้วก็หัวเราะคิดคักอย่างร่าเริง มาโคโตะ ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ก่อนที่จะพูดว่า “นั้นสิ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ” เขาหัวเราะเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อนบทสนทนาเมื่อครู่นี้
“นี่....ซาซากิคุง ถ้าชั้นเกิดเก่งกว่า ซาซากิคุง ขึ้นมา ซาซากิคุง จะสนใจชั้นบ้างไหม?” เสียงของหญิงสาวพูดขึ้น เธอคือ พัชรี ที่เดินเข้ามาข้างหลัง มาโคโตะ เธอยิงคำถามใส่ ไดสึเกะ ที่กำลังนั่งอยู่อย่างกะทันหัน
“อะ.....เอ่อ......” ไดสึเกะ ที่เพิ่งเคยพบ พัชรี เป็นครั้งแรก เขาตกใจกับคำถามนั้นด้วยอาการหน้าแดงเล็กๆ เขาพยายามจะให้คำตอบแบบสับสน มาโกะ แสดงอาการไม่พอใจทางสีหน้าเธอขมวดคิ้วเล็กๆ ก่อนที่จะหรี่ตาลงมอง พัชรี แบบหงุดหงิด พัชรี สังเกตเห็นอาการของ มาโกะ เธอยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าที่ปกติไร้อารมณ์ก่อนที่จะพูดว่า “ไม่เอาน่า....จริงจังหรือ?” มาโกะ ตกใจในการกระทำของ พัชรี ก่อนที่จะหน้าแดงและก้มหน้าหลบสายตาของ พัชรี ที่มองเธออยู่
หลังจากที่ทั้งสี่คนทักทายกันเสร็จแล้ว ไดสึเกะ มองไปรอบๆ จากจุดที่เขานั่ง เขาพยายามมองหา โซเนีย เพราะว่าเธออาจจะมาให้กำลังใจรุ่นน้องคนที่เธอรู้จัก ในช่วงที่เผลอ ได้สึเกะ พูดออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า “โซเนีย จะมาที่นี่หรือป่าวนะ?” ทันใดนั้นเอง พัชรี ซึ่งสังเกตได้ถึงการกระทำของ ไดสึเกะ ก็ตอบไปว่า “รุ่นพี่บูลเล็ตฮาร์ท พักนี้รู้สึกว่าจะไปซ้อมบินกับรุ่นพี่เฮลซิงเกอร์ อยู่บ่อยๆ นะ” ไดสึเกะ รู้สึกผิดหวัง ในใจของเขามีภาพที่ โซเนีย กอดกับ โยฮัน ในงานศพผุดขึ้นมาหลอกหลอนชั่วแวบหนึ่ง
อีวาน ที่กำลังนั่งสงบใจอยู่ที่เก้าอี้ในห้องพักนักบิน เขากำลังมองหมวกใบหนึ่งที่ได้รับมาจาก ไซเฟอร์ เมื่อคืน ตอนที่ ไซเฟอร์ ชวนเขาไปดื่ม ไซเฟอร์ ได้มอบหมวกนักบินใบนี้ให้แก่เขา หมวกใบนั้นคือหมวกที่พ่อของ อีวาน เคยใช้ในการบินมาตลอด เรียกได้ว่าเป็นหมวกคู่ใจของคุณพ่อเลยก็ได้ แต่ในวันสุดท้ายที่ทำการขึ้นบินไปรบกับ Arachna พ่อของ อีวาน ไม่ได้สวมมันไปด้วย ในวันนั้นเป็นวันที่พ่อของเขาไม่ได้กลับมาอีกเลย บนหมวกใบนั้นมีข้อความที่ถูกเขียนด้วยปากกาว่า “Gonna dance with the angels” ซึ่งเป็นลายมือของ อีวาน ในวัยเด็กถูกเขียนติดอยู่ ไซเฟอร์ รับหมวกใบนั้นมาจากพ่อของเขา อีวาน และเก็บรักษาไว้รอจนถึงวันที่ อีวาน กำลังจะได้เป็นนักบิน และ ไซเฟอร์ ตั้งใจจะส่งมอบให้ อีวาน พร้อมกับความรู้สึกที่ไม่อาจจะอธิบายเป็นคำพูดได้
อีวาน สวมหมวกใบนั้น และขึ้นไปประจำที่บนเครื่อง เมื่อถึงเวลาทดสอบ เขามีจิตใจที่สงบนิ่งราวกับว่า ส่วนที่ขาดหายไปในอดีตของพ่อเขาถูกเติมเต็ม อีวาน มองไปที่ห้องสังเกตการณ์ ซึ่ง ไซเฟอร์ ประจำอยู่บนนั้น อีวาน เปิดช่องสัญญาณกลางที่สื่อสารก่อนที่จะพูดว่า “Gonna dance with the angels” การทดสอบได้เริ่มต้นขึ้น เขาขับ Valkyria Unit ทะยานออกไปอย่างสวยงาม
ผลการทดสอบในวันนั้น อีวาน เดโคเซ่ ได้อันดับที่ 1 ตามมาด้วย พัชรี เอราเมนทัล ได้ที่ 2 แต่ส่วน โฮชิโซระ มาโคโตะ กลับได้มาเพียงอันดับที่ 26 เท่านั้น
เมื่อการทดสอบจบลง มาโคโตะ รู้สึกผิดหวังอย่างมาก แม้เขาจะผ่านเกณฑ์ได้เป็นนักบินฝึกหัดชั้นปีที่ 3 ก็ตาม เขานั่งเงียบๆ คนเดียวในห้องพักนักบิน ขณะที่พวกเพื่อนๆ กำลังห้อมล้อม อีวาน และ พัชรี เพื่อแสดงความยินดี
........................................................................
วันต่อมา
เป็นวันที่คณะรัฐบาล Aiacos จะทำการติดตั้ง Beholder ภารกิจการติดตั้งจึงกำลังเริ่มขึ้น
“ภารกิจติดตั้ง Beholder จะเริ่มในอีก 30 นาที ขอให้นักบินทั้ง 20 ทีม เข้าประจำที่” “และติดตั้งอุปกรณ์ในการทำภารกิจโดยด่วนค่ะ” ฟองน้ำ รับหน้าที่โอเปอร์เรเตอร์ในภารกิจติดตั้ง Beholder เธอแจ้งเตือนภารกิจที่กระชั้นชิดเข้ามา เอริค นั่งอยู่ที่เก้าอี้ผู้บังคับการด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดและไม่เต็มใจนัก ยูนิคอร์นทีม ที่นำโดย โยฮัน เตรียมตัวใกล้จะเสร็จแล้ว ส่วนทีมอื่นๆ ก็เริ่มขึ้นประจำเครื่อง
ขณะที่หลุมจอดกำลังเกิดความวุ่นวาย นักบินและเจ้าหน้าที่กำลังวิ่งกันพล่านไปทั่ว “นี่นายๆ--!! เอ่อ....ขอโทษนะ กรีฟฟินทีม ขึ้นเครื่องที่หลุมจอดที่เท่าไหร่?” นักบินชายที่ท่าทางสับสนคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม มาโคโตะ ซึ่งยืนอยู่หน้า Valkyria Unit ของชายคนนั้น มาโคโตะ ยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนที่จะตอบว่า “กรีฟฟินทีม ก็อยู่ตรงนี้นี่แหละครับ......”
"ภารกิจติดตั้ง Beholder เริ่มได้--!!" ฟองน้ำประกาศเริ่มภารกิจ Valkyria Unit ทั้ง 20 ทีม ทีมล่ะ 10 ลำ ออกบินจากจุดต่างๆ และกระจายไปทุกทิศทุกทางรอบ Aiacos
........................................................................
กริฟฟินทีม เข้ามาถึงพื้นที่ภารกิจแล้ว
พวกเขาต้องติดตั้ง Beholder ซึ่งเป็นเครื่องตรวจจับที่มีหน้าตาคล้ายๆ เสาอากาศที่มีปีกโลหะเล็กๆ รอบด้าน การที่จะต้องฝังมันลงในพื้นผิวที่มีหิมะปกคลุมเป็นเรื่องที่ยากลำบากไม่น้อย
“จากกริฟฟินลีดเดอร์ เรียกกรีฟฟิน 02 03 การติดตั้งเรียบร้อยดีไหม?” กริฟฟินลีดเดอร์ ถามผ่านช่องสนทนา เขาเรียกหาลูกทีม เมื่อเห็นว่าพวกเขาหายไปในนานผิดปกติ ไม่นานนักลูกทีมของเขาก็ตอบกลับมา “ถึงกริฟฟินลีดเดอร์ กริฟฟิน 02 ท่อขับดันขัดข้อง พวกเรากำลังทำการซ่อมแซม รอซักครู่นะครับ” เสียงตอบกลับจากลูกทีมทำให้เขาถึงกับเป็นห่วง
“ต้องการคนช่วยไหม?” กริฟฟินลีดเดอร์ ถาม “ก็ดีครับ พวกผมแค่ 2 คนกว่าจะซ่อมเสร็จคงจะนาน” เมื่อลูกทีมตอบกลับมา กริฟฟินลีดเดอร์ เปลี่ยนช่องสัญญาณเป็นช่องสื่อสารกลาง “กริฟฟิน 04 05 06 07 08 09 10 ไปติดตั้งในพื้นที่ต่อไปได้เลยนะ เดียวพวกเราจะตามไป” หลังจากที่สั่งการเสร็จ กริฟฟินลีดเดอร์ ก็แยกตัวไปโดยที่ยังเปิดช่องสื่อสารทิ้งไว้
ไม่นานนัก กริฟฟินลีดเดอร์ ก็มาถึงจุดที่ขอความช่วยเหลือ เขาลงจาก Valkyria Unit และไปช่วยลูกทีมซ่อมแซมท่อขับดันของ 02 ที่เสียหาย สักพักพวกเขาก็ซ่อมแซมเสร็จและพร้อมขึ้นบิน “เอาล่ะรีบไปกันเถอะ” กริฟฟินลีดเดอร์ กล่าวก่อนที่จะเดินกลับไปเครื่องของตน และกำลังจะปืนขึ้นไปที่ค๊อกพิท ในขณะนั้น Valkyria Unit ของกริฟฟิน 02 ก็ทำการติดเครื่อง
ตูมมมม~!!! เสียงระเบิดดังสนั่น ท่อขับดันที่เพิ่งซ่อมมีอะไรอย่างอย่างผิดพลาด และระเบิดจนลุกไหม้อีกครั้ง “เฮ้อ.....นี่มันอะไรของมัน.......” กริฟฟินลีดเดอร์ ที่กำลังบ่นด้วยความเซ็ง กลับต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงบางอย่าง มันเหมือนวัตถุขนาดใหญ่กำลังไหลดังคึก...ๆ....ๆ...ๆ...ๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ลูกทีมก็ได้ยินเช่นกันผ่านทางชื่อสื่อสารซึ่งเปิดทิ้งไว้ พวกเขาก็ตะโกนอย่างตกใจและรีบร้อน “หัวหน้ารีบหนีเร็ว….หิมะกำลังจะถล่ม----!!” แต่ยังไม่ทันที่จะมีสัญญาณตอบกลับจากปลายสาย เสียงสัญญาณวิทยุก็ซ่าและขาดหายไป
“กริฟฟินลีดเดอร์ กริฟฟิน02 กริฟฟิน03 ขาดการติดต่อค่ะ" ฟองน้ำ แจ้งสถานะการอย่างเป็นกังวล เอริค สั่งให้ กริฟฟินทีม ที่เหลือออกไปค้นหาและทำการช่วยเหลือทันที กริฟฟินทีม ที่เหลือจึงทำการวกกลับไปที่จุกหิมะถล่มอีกครั้ง
เมื่อวนมาถึงจุดที่แจ้งพิกัด พวกเขาก็พบแต่ลานหิมะที่ขาวโพลน ไม่นานนัก อะไรบางอย่างภายใต้พื้นหิมะก็เคลื่อนไหว รยางค์จำนวนมากแทงขึ้นมาเหนือพื้นหิมะ มันจับลูกทีมกริฟฟิน ลากให้จมลงไปใต้พื้นหิมะ เหลือเพียง กริฟฟิน 04 คนเดียวที่รอด
........................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 9:22:52 GMT
ที่ฐานบัญชาการ
“กริฟฟิน 04 รายงานศูนย์บัญชาการ Arachna มันโผล่มาแล้ว --!!! ทุกคนถูกมันเล่นงานจนหมดเลย” เมื่อได้ยินรายงาน เจ้าหน้าที่ทุกคน รวมถึง เอริค ก็นั่งไม่ติดเก้าอี้ทันที เขาเพ่งไปที่จอภาพ Arachna ตัวหนึ่งก็ออกมาจากใต้พื้นหิมะ มันรูปร่างเหมือนตัวทากที่มีสีเทาแกมดำ มีขา 3 คู่ และ ลำตัวยาวประมาณ 250 เมตร มีรยางค์ตามลำตัวจำนวนมาก ตัวของมันดูอ่อนนุ่ม และที่ผิวหนังของมันมีน้ำกรดไหลซึมออกมาตลอดเวลา
“ยูนิคอร์นลีดเดอร์ สายตรงจากท่านผู้บังคับการแซนเบิร์ก ค่ะ”
ฟองน้ำ ใช้ช่องสื่อสารตรงติดต่อถึง โยฮัน ก่อนที่จะโอนสายให้ เอริค “ยูนิคอร์นลีดเดอร์ ไปช่วยกริฟฟินทีม และกำจัด Arachna ที่พบ” เอริค สั่งการทันที โยฮัน มีสีหน้าวิตกเล็กน้อยก่อนจะรับทราบภารกิจและตรงไปยังจุดที่ได้รับทราบตำแหน่งอย่างรวดเร็ว
........................................................................
ที่ภายในฐานทัพ Aiacos
มาโกะ กำลังเดินตามหา มาโคโตะ เธอกะชวนจะไปดูการถ่ายทอดสดการทำภารกิจด้วยกัน แต่เธอก็หา มาโคโตะ ไม่พบ จนในที่สุดเธอก็ต้องมาดูการถ่ายทอดภารกิจคนเดียว แต่ มาโกะ ก็ต้องตกใจเมื่อภาพแรกที่เธอเห็นบนหน้าจอคือ กริฟฟินทีม ที่เหลือเพียงเครื่องเดียว กริฟฟิน 04 กำลังบินหลบรยางค์ของ Arachna ที่โจมตีเขาอย่างบ้าคลั่งเพียงลำพัง
“ยูนิคอร์นทีม ยังไม่มาอีกเรอะ--!!” เสียงพูดของคนที่ขับกริฟฟิน 04 พูดขึ้น และมันคุ้นหูของเธอมาก ….มาโคโตะ มันคือเสียงของ มาโคโตะ เขากำลังอยู่ในภาวะที่อันตรายที่สุดเพียงลำพัง…
“อีกไม่เกิน 10 นาที ยูนิคอร์นทีม จะไปถึงแล้วล่ะค่ะ อดทนไว้นะ กริฟฟิน 04” ฟองน้ำ ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เธอได้แต่พูดให้กำลังใจแก่ มาโคโตะ ที่กำลงตกที่นั่งลำบาก
“หึหึหึหึ ฮ่าฮ๊าฮ่าๆๆๆ หนอย อย่าคิดว่าจะฆ่าชั้นได้ง่ายๆ เลยเจ้า Arachna งี่เง่า” “ถึงชั้นจะไม่ติด 1 ใน 10 ของการสอบ แล้วมันยังไงล่ะ?!? ชั้นจะแสดงให้ดู!!” “ชั้นจะทำให้เห็นเองว่า ชั้นเองก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน----!!” มาโคโตะ บินหลบ พร้อมกับใช้ปืนกลเบาโจมตีใส่ Arachna อย่างเป็นจังหวะ แม้ว่าเขาจะสามารถหลบมันได้ แต่เป็นการหลบหลีกที่ยากลำบากและน่าหวาดเสียว ทว่ากำลังใจและความกล้าไม่ได้ลดลงเลย
“ชั้นจะแสดงให้ดู ชั้นจะเก่งให้ดู ชั้นจะเป็นผู้ชายที่ดีกว่านี้ เท่ห์กว่านี้ และทำให้ มาโกะ หลงรักชั้นให้ได้--!!” มาโคโตะ เผลอพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปในระหว่างที่เพ่งสมาธิไปกับการสู้รบและลืมปิดช่องสื่อสารหลัก คำพูดของเขากระจายออกไปทางการถ่ายทอดสด มาโกะ ที่กำลังนั่งดูอยู่ถึงกับตกใจและทำอะไรไม่ถูก
“ปิดช่องสื่อสาร ตรวจสอบประวัตินักบิน” เอริค สั่งให้ ฟองน้ำ ปิดช่องสื่อสารอย่างเย็นชา เอริค รู้สึกเหมือนความรู้สึกของ มาโคโตะ ไปกระตุ้นส่วนลึกบางอย่างในจิตใจของเขา แต่ ฟองน้ำ ที่กำลังมองความกล้าหาญและความมุ่งมั่นของ มาโคโตะ กลับขัดขืนคำสั่ง เธอไม่ยอมปิด แต่เริ่มหาประวัตินักบิน เอริค ได้แต่ทำหน้าไม่พอใจเล็กๆ ทำเอาเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในห้องบัญชาการอดยิ้มเล็กๆ ไปด้วยไม่ได้
“ชั้นน่ะนะ หลงรักเธอมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ปีแรกที่ชั้นเจอเธอ ชั้นชอบเวลาที่เธอร้องเพลง” “ชั้นรู้สึกดีใจทุกครั้งที่เธอสนใจชั้น แม้ว่าตอนนั้นเธอจะโกรธชั้นก็ตาม ชั้นอยากจะอยู่ใกล้ๆ เธอ” “ชั้นอยากจะปกต้องเธอตลอดไป ชั้นจะแข็งแกร่งขึ้นจนกว่าเธอจะยอมรับชั้นให้ได้เลยคอยดู--!!” มาโคโตะ เปล่งเสียงเพื่อเรียกความกล้า ก่อนที่จะบินหลบรยางค์ซึ่งโจมตีเข้ามาเหมือนห่าฝน สิ่งที่ มาโคโตะ กำลังทำนั้นก็เพื่อถ่วงเวลาให้ ยูนิคอร์นทีม ที่กำลังจะมาถึงพิกัดดังกล่าวในไม่ช้า
มาโกะ ที่นั่งดูการถ่ายทอดสดอยู่ ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ มาโคโตะ มีให้ จนเธอนิ่งอึ้งไม่ขยับตัวใดๆ สายตาของเธอจับจ้องที่ไป Valkyria Unit ที่ มาโคโตะ กำลังขับแบบไม่อาจจะละสายตาได้
“ข้อมูลนักบินไม่ถูกต้องค่ะ!! ได้รับแจ้งมาเมื่อครู่ว่า นักบินกริฟฟิน 04 หมดสติอยู่ที่ลานจอดค่ะ!!” ฟองน้ำ รายงานด้วยน้ำเสียงตระหนกตกใจ เอริค หมวดคิ้ว “แล้วเจ้านั่นเป็นใครกัน”
ในวินาทีนั้น ยูนิคอร์นทีม ก็มาถึงแล้ว
........................................................................
"ยูนิคอร์นทีมโจมตีดีได้--!!"
โยฮัน สั่งให้ ยูนิคอร์นทีม ทุกคนโจมตี Arachna ทันทีที่มาถึง ยูนิคอร์นทีม ทุกคนระดมยิงทุกอย่างที่พวกเขามีใส่ Arachna อย่างดุเดือด เมื่อกำลังเสริมมาถึง Arachna ก็ไม่สามารถจะโจมตี มาโคโตะ คนเดียวต่อได้ ทำให้ มาโคโตะ สลัดหลุดออกจากระยะโจมตีและบุกเข้าไปเพื่อต่อสู้กับมันได้อย่างอิสระ
มาโคโตะ บินหลบรยางค์และของเหลวที่เป็นกรดของ Arachna เพื่อเข้าไปโจมตีในระยะประชิด เขาใช้ปืนกลที่มียิงใส่ Arachna ที่ส่วนหัวในระยะเผาขน จนส่วนหัวของมันแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี “เยี่ยมมากเจ้าหนุ่มเลือดเดือด ต่อไปเป็นหน้าที่ของพวกเราล่ะ” หนึ่งในสมาชิกของยูนิคอร์นทีม กล่าวชม ก่อนที่พวกเขาจะตรงเข้าไปที่ขาข้างสุดท้ายเพื่อทำลายมัน มาโคโตะ ที่กำลังยินดีกับความสำเร็จและคำชมที่ได้รับของตนเอง ทำให้เขาไม่ทันระวังตัว
“หลบเร็วเจ้าหนุ่ม.......---!!” สมาชิกยูนิคอร์นทีมพูดเพราะเห็นสิ่งผิดปกติจึงเตือน มาโคโตะ เสียงหลง เมื่อเขาเห็นว่าส่วนหัวของ Arachna ที่เพิ่งโดนทำลายไป กำลังฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว และมันก็ใช้รยางค์คู่หน้าของมันจับ Valkyria Unit ของ มาโคโตะ ไว้
“เหว๊อ!! อะไรเนี๊ยะ” มาโคโตะ ร้องลั่น เขากำลังพยายามเร่งท่อขับดันเพื่อสลัดรยางค์ที่บีบรัด แต่ไม่เป็นผล “ยูนิคอร์น ทำการช่วยเหลือกริฟฟิน 04 --!!” โยฮัน สั่งในยูนิคอร์นทีมเร่งไปช่วยเหลือ มาโคโตะ ทว่าพวกเขาไม่สามารถฝ่าดงรยางค์จำนวนมากที่กำลังงอกใหม่และกวัดแกว่งไปมาอยู่ได้
มาโคโตะ พยายามขยับคันบังคับอย่างลนลาน “ขยับสิๆ โถ่เว้ย ไม่นะ ชั้นไม่อยากจะต้องมาตายที่นี่ ไม่นะ-!!” เขาร้องขึ้นอย่างน่าเวทนา ในขณะที่รยางค์เส้นเล็กทะลุผ่านกระจกห้องนักบินเข้าไปหาเขา เมื่อมันรู้สึกได้ถึงตัว มาโคโตะ มันก็แทงเข้าไปที่ตามลำตัวของเขาทันที มาโคโตะ พยายามจะดึงรยางค์ที่แทงเข้าไปในตัวของเขาออก ความเจ็บปวดก็แล่นไปทั่วร่างของเขาทันที
“อ๊าคคคคคคคคคค-----!! ไม่-----!! ไม่นะ------!! ชั้นไม่อยากตาย-----!! ใครก็ได้ช่วยชั้นด้วย--------!!” “ม๊ายยยยย----!!!” รยางค์ปล่อยน้ำกรดเข้าไปในตัวของเขาเพื่อละลายอวัยวะและกล้ามเนื้อให้เป็นของเหลว มาโคโตะ รู้ถึงชะตากรรมที่ตนเองจะได้รับแล้ว น้ำตาก็หลั่งไหลออกมาเต็มใบหน้า เขายังไม่อยากตาย แต่เขาก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้อีกแล้ว มาโคโตะ ใช้แรงเฮือกสุดท้าย พูดคำที่อยากจะพูดมานานแสนนานออกไปทางช่องสื่อสาร
“มาโกะ….ชั้นรักเธอนะ....ลาก่อน.........” เขาเอื้อมมือที่อ่อนแรงไปกดปุ่มเร่งความเร็วแบบปลดลิมิตเตอร์ มันจะทำให้เครื่องยนต์เร่งพละกำลังเต็มอัตราของตัวมันเอง จน over-heat และระเบิดตัวเองในที่สุด
“บรึ้ม----!!!” เสียงระเบิดดังสนั่นและเครื่อง กริฟฟิน 04 ก็แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มาโกะ ที่นั่งดูการถ่ายทอดสดอยู่ กรีดร้องจนสุดเสียงเมื่อเห็นภาพกริฟฟิน 04 ระเบิด และหมดสติไป
........................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 9:25:10 GMT
ไม่นานนักข้อมูลวิเคราะห์ Arachna ก็มาถึงห้องบัญชาการ
“ผลการวิเคราะห์ออกมาแล้วค่ะ เราพบว่า Arachna ตัวนี้แม้ผิวหนังจะอ่อนนุ่ม” “แต่มีอัตรากระฟื้นฟูที่รวดเร็วที่สุดเท่าที่เราเคยเจอะมาเลยค่ะ” ฟองน้ำ รายงานผลการวิเคราะห์ทั้งที่หางตาของเธอยังมีหยดน้ำตาเล็กๆ เกาะอยู่
“ง้้นหรอ......เตรียมยิงปืนใหญ่สลายมวลสารพิสัยไกล---!!” เอริค สั่งการให้ยิงปืนใหญ่พิสัยไกลของ Aiacos “ไม่ได้ค่ะ มันอยู่ไกลเกินไป องศาของลำกล้องไม่สามารถตั้งขึ้นสูงกว่านี้ได้” ฟองน้ำ รายงานการคำนวณ เนื่องจากปืนใหญ่พิสัยไกล ถูกออกแบบมาให้ยิงทำลายแนวราบ ลำกล้องจึงมีองศายิงที่ไม่ได้สูงมากนัก มันถูกติดตั้งไว้เหนือโดมอาศัยของ Aiacos โดยมีวัตถุประสงค์ยิงทำลายศัตรูที่เข้ามาใกล้
“ไม่เป็นไร ยูนิคอร์นทีม ล่อมันเข้ามาในระยะยิง ก่อนที่ลูกปืนใหญ่จะถึงจุดปะทะ” เอริค สั่งการ
ฟองน้ำ ไม่รอช้าที่จะถ่ายทอดคำสั่งไปยัง ยูนิคอร์นลีดเดอร์ และเตรียมยิงปืนใหญ่ทันที เอริค สั่งการให้ ยูนิคอร์นทีม ล่อ Arachna เข้ามาในระยะทางอีก 42 กิโลเมตร
“เปิดช่องเก็บฐานปืนใหญ่ เริ่มคำนวณองศาการยิง” ฟองน้ำ สั่งการให้ปืนใหญ่เตรียมพร้อม “คำนวณระยะทางและวิถีตกเสร็จสิ้นแล้วค่ะ ปืนใหญ่สลายมวลสารพิสัยไกลพร้อมยิง” ฟองน้ำ รายงาน เจ้าหน้าที่ควบคุมเริ่มปฏิบัติการตามคำสั่ง ปากกระบอกปืนใหญ่เริ่มยกตัวขึ้นและหันไปยังมุมพร้อมยิง “ปืนใหญ่สลายมวลสารพิสัยไกลยิงได้-----!!” เอริค สั่งการให้ยิงทันทีโดยไม่มีการลังเลใจ ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ปืนใหญ่สลายมวลสารที่ถูกติดตั้งอยู่ด้านบนของโดม Aiacos ส่งกระสุนสลายมวลสารหนัก 15 ตัน ไปในวิถีที่ถูกตั้งไว้ แรงถีบมันสร้างแผ่นดินไหวเล็กๆ ขึ้นทั่ว Aiacos
ยูนิคอร์นทีม ล่อ Arachna เข้ามาในวิถีการยิงได้สำเร็จ
แต่ ไดสึเกะ ที่กำลังรู้สึกเสียใจและหดหู่กับการจากไปของ มาโคโตะ ทำให้เขาไม่มีสมาธิ จนเขาพลาดท่า ถูก Arachna โจมตี ทำให้ต่อขับดันเสียหาย VF-25 Messiah เริ่มร่วงลงสู่พื้นหิมะ เมื่อ Messiah ของ ไดสึเกะ ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ Arachna ก็เปลี่ยนเส้นทางและตามเข้าไปจู่โจมซ้ำ โซเนีย ที่เห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปเบนความสนใจของ Arachna ด้วยมิซไซล์ เธอช่วย ไดสึเกะ ไว้ได้ทัน
“ยูนิคอร์นลีดเดอร์ หยุด Arachna เอาไว้ให้ได้ด้วยค่ะ ถ้ามันยังขยับแบบนี้ปืนใหญ่จะพลาดเป้า!!” ฟองน้ำ แจ้งคำสั่งแทรกเข้ามาให้ โยฮัน เฮลซิงเกอร์ หยุด Arachna เอาไว้
“โซเนีย มากับชั้น เราจะหยุดมันไว้” โยฮัน ขอให้ โซเนีย ยิงสนับสนุน พวกเขาสองคนตั้งใจจะทำลายส่วนขาทั้ง 6 ข้างของมันอีกครั้ง เพื่อให้มันหยุดการเคลื่อนไหว ขณะนั้นยูนิคอร์นที่เหลือ ทำหน้าที่คุ้มกัน Messiah ของ ไดสึเกะ ที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ พวกเขากางม่านลมเพื่อป้องกันน้ำกรด และช่วยยิงสกัดรยางค์ที่พุ่งเข้ามาโจมตี Messiah
“เอาล่ะนะ Arachna!!” โยฮัน พยายามบินหลบรยางค์และใช้ปืนกลยิงส่วนโคนขาของ Arachna การยิงสนับสนุนของโซเนีย และการเคลื่อนไหวโจมตีตามตำรับตำราประกอบกับการฝึกฝนอย่างหนัก โยฮัน ทำการต่อสู้กับ Arachna ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งการหลบหลีกที่ดูไม่หวือหวา แต่มีความแน่นอน ทั้งการยิงที่ไม่ได้พิสดารแต่เข้าจุดสำคัญทุกนัด อีกทั้งการ Shape-Shift ที่ดูเหมือนระบบหุ่นยนต์สั่งการ ในที่สุดพวก โยฮัน และ โซเนีย ก็สามารถทำลายส่วนขาของ Arachna ได้ทั้งหมด ทำให้มันเคลื่อนที่ไม่ได้ราวๆ 10 วินาที ในจังหวะนั้นเอง กระสุนปืนใหญ่กำลังจะเข้าปะทะเป้าหมาย
“ยูนิคอร์น!! กางม่านลม!!” โยฮัน สั่งให้ ยูนิคอร์นทีม ทุกคนกางม่านลมขณะกระสุนเข้าปะทะ กระสุนเข้าทำลายส่วนหัวของ Arachna มันบิดร่างของ Arachna ให้หมุนและแตกกระจายไปทั่ว น้ำกรดจากตัว Arachna กระเซ็นกระจายเป็นวงกว้าง แต่ม่านลมก็ได้กันความเสียหายไว้ได้
กระสุนปืนใหญ่สลายมวลสารวิสัยไกล ทำลายร่าง Arachna จนแหลกสลายในนัดเดียว........
........................................................................
ณ งานศพของนักบินผู้เสียสละในวันรุ่งขี้น
มาโกะ กำลังร้องไห้ฟูมฟายหน้าหลุมศพของ มาโคโตะ ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ “ตาบ้า---!! ไหนนายบอกว่าจะเก่งขึ้นเพื่อให้ฉันยอมรับนายไม่ใช่หรอ? ทำไม?” “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ....ฉัน........ฉัน......" เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา”
ไดสึเกะ ที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอก้มหน้านิ่ง มือของเขากำแน่นด้วยความปวดร้าวที่ช่วย มาโคโตะ ไว้ไม่ได้ “ชั้นมันอ่อนแอ สุดท้ายแล้วก็ช่วยใครไว้ไม่ได้เลย.....” ไดสึเกะ พูดอย่างขมขื่นและเจ็บปวด น้ำใสๆ ก็เริ่มไหลออกมารวมกันที่ปลายคางของเขา เสียงร้องไห้ของ มาโกะ ดังกึกก้องอยู่ในหัวของเขา
ไดสึเกะ ค่อยๆ ย่อตัวลงจับที่ไหล่ขอ มาโกะ อย่างแผ่วเบา มาโกะ ก็โผเข้ากอดเขาอย่างลืมอาย ทั้งสองคนร้องไห้ออกมาเพื่อระบายความเจ็บปวดและโศกเศร้าให้ละลายหายไป.......กับหยาดน้ำตา..........
つづく.
|
|