|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 15, 2016 3:49:35 GMT
EP6 : Into The Storm
ภายหลังจากที่ Aiacos ได้พัฒนาเทคโนโลยีในการตรวจจับการรุกรานของ Arachna ได้
พวกเขาก็ยังต้องการสิ่งที่เป็นหลักประกันความปลอดภัยมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่า Beholder จะตรวจจับ Arachna ที่บุกรุกเข้ามาใกล้ Aiacos ได้เป็นอย่างดีก็ตาม แต่ Aiacos ก็ยังขาดอาวุธที่มีประสิทธิภาพในการต่อกรกับสัตว์ประหลาดต่างดาวพันธุ์นี้
ณ ห้องประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูง
วอลเบิร์ต ได้เรียกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพเข้ามาประชุมกันเช่นอย่างเคย "ที่เรียกทุกคนมาในวันนี้นั้น เนื่องจากผมเองในฐานะประธานาธิบดีแห่ง Aiacos มีเรื่องจะเสนอ" "หลังจากการพัฒนา Beholder สำเร็จแล้ว เราได้แจ้งให้ฐาน Radamanthys และ Minos เพื่อทราบ" "Minos นั้นมีความเห็นว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้มัน เนื่องจากฐานที่ตั้งของพวกเขามีความปลอดภัย" "พวกเขาอยู่บนเนินที่ราบสูงแห้งแล้ง ไร้สิ่งมีชีวิต....ซึ่งมันก็จริงของเขาน่ะนะ...เราข้ามไปเลยดีกว่า" "แต่ทาง Radamanthys มีความสนใจเทคโนโลยี Beholder เป็นอย่างมาก พวกเขาจึงยื่นข้อเสนอมา" "พวกเขาจะส่งอาวุธคลื่นแรงโน้มถ่วง (Gravitational Pulse Rifle) ที่พวกเขาเพิ่งพัฒนาได้สำเร็จมาให้เรา" "โดยทางเราจะต้องส่ง Beholder เป็นการตอบแทน........พวกเธอมีความเห็นอย่างไรกันบ้าง?"
ไซเฟอร์ มองหน้า เอริค เขาเข้าใจดีว่า เอริค ไม่อยากจะพูดอะไร เพียงแค่เข้าประชุมก็หน่ายแล้ว เขาจึงแสดงความเห็นออกไปแทนว่า "ผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจครับ...ข้อแลกเปลี่ยนก็ดูจะแฟร์ดี" ไฮดี้ จึงเสริมต่อไปว่า "ทางเราก็ต้องการเทคโนโลยีทางอาวุธที่ทรงอานุภาพอยู่แล้ว ดิฉันเห็นด้วยค่ะ" วอลเบิร์ต ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะมองไปที่ มิคาซูกิ แล้วมองจิกใส่เหมือนบังคับให้พูด ทำเอา มิคาซูกิ ตกใจเล็กน้อย "อ่ะเอ่อ... มันก็น่าสนใจดีนะครับ แล้วจะแลกเปลี่ยนยังไงครับท่าน" วอลเบิร์ต พยักหน้า "เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง...ทาง Radamanthys จะส่งตัวแทนมารับมันไป"
"งั้นตกลงตามนี้นะ เลิกประชุมได้" วอลเบิร์ต ปิดประชุม เขาไม่มองแม้แต่หน้าของ เอริค
ในขณะนั้น เอริค กำลังคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า
เขาอยู่ใน lab การทดลองและสร้างเครื่องตรวจจับ Beholder ของศาสตราจารย์รินโด โอคิตะ ในขณะที่ รินโด กำลังออกแบบวงจรของ Beholder พร้อมทดลองด้วยกลิ่นเคมีที่รุนแรง เอริค มองไปที่แบบแปลนขอบง Beholder "เจ้าสิ่งนี้มีเซ็นเซอร์ในการตรวจจับกลิ่นงั้นหรอ"
รินโด พยักหน้า "ก็อย่างที่รู้กันดีว่า ผลการศึกษาชี้ชัดว่า Arachna สื่อสารกันด้วยกลิ่น" "แม้จะเป็นการสื่อสารที่ไม่ได้ซับซ้อนนัก แต่การจะสร้าง Beholder ขึ้นนั้น เราต้องมีตัวอย่าง" "นั่นก็คือเซ็นเซอร์จับกลิ่น เราไม่สามารถจับ Arachna ตัวเป็นๆ มาให้มันส่งกลิ่นอย่างที่สั่งได้" "แต่อย่างน้อยเราก็พอจะศึกษาและแยกจำพวกของกลิ่นที่มันสื่อสารได้ระหว่างการเผชิญหน้า" "ชั้นจึงให้นายนำเซ็นเซอร์ไปใส่ไว้ใน Valkyrie Unit ทั้งหมดเพื่อเก็บข้อมูลระหว่างการรบไงล่ะ" "จากการปะทะกับ Arachna ในช่วงหลัง เราได้เข้าใจกลิ่นสื่อสารของ Arachna มากขึ้นแล้ว" "ส่วนมากเป็นกลิ่นที่ตรงกันหมด ไม่ว่า Arachna จะเป็นรูปแบบไหน เราถึงสร้าง Beholder ได้"
เอริค มองดูผลการวิเคราะห์กลิ่นที่ปรากฎในหน้าจอซึ่งเรียงรายกันเป็นตับ "แล้วตอนนี้เรารู้แค่เฉพาะกลิ่นเดียวอย่างนั้นหรอ...แล้วมันมีกลิ่นอีกกี่รูปแบบกันแน่น่ะ" เขาถาม
รินโด ยิ้มก่อนให้คำตอบ "ไม่ใช่กลิ่นเดียวหรอก...ชั้นศึกษาต่อมกลิ่นจากซากนางพญาเรียบร้อยแล้ว" "มันมีกลิ่นหลายประเภทที่ต่อมของมันสามารถสร้างขึ้นมาได้ เช่น ออกล่า ล่าถอย โจมตี กบดาล" "แต่ก็ยังมีอยู่กลิ่นหนึ่งที่เรายังไม่รู้ความหมายของมัน ซึ่งต่อมนี้สามารถสร้างขึ้นได้ แต่ยังไม่เคยใช้งาน" "เราจะรู้ว่ากลิ่นแต่ละกลิ่นเป็นการสื่อสารที่มีความหมายอย่างไรก็ต่อเมื่อมันได้ใช้งานเท่านั้นล่ะนะ"
เอริค พยักหน้า "แล้วการสร้างกลิ่นล่ะ พอจะทำได้รึเปล่า...กลิ่นที่จะสื่อสารกับมัน...." รินโด ถอนหายใจ "ตอนนี้ที่ทำได้ก็คือ คำสั่งออกล่านั่นแหละ เพราะเรามีข้อมูลมากที่สุด" "เราจึงจำลองทำกลิ่นสังเคราะห์ขึ้นมาได้ อีกทั้งดูเหมือนจะเป็นกลิ่นที่มีความซับซ้อนน้อยที่สุด" "ถ้าจะให้ทดลองทำกลิ่นสังเคราะห์รูปแบบอื่นทั้งหมดแล้วล่ะก็ คงต้องใช้เวลาอีกนานเลยล่ะ"
เอริค นิ่งไปครู่หนึ่ง "นั่นสินะ....ถ้าคืบหน้ายังไงก็รายงานชั้นด้วยล่ะ รินโด...I'm counting on you..."
........................................................................
โรงอาหารของฐานทัพ Aiacos
ไดสึเกะ นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เขานั่งคอตก อาการของเขาดูซึมเซื่องลงไปอย่างเห็นได้ชัด บนโต๊ะของเขามีแก้วเปล่าซึ่งเคยปริ่มด้วยน้ำหวานรสชาติเดิมๆ ที่เขากินประจำวางอยู่ ส่วนฝั่งตรงข้ามมีแก้วอีกใบที่ยังเปี่ยมไปด้วยน้ำหวานต่างรสชาติกัน วางทิ้งเอาไว้เฉยๆ แน่นอนว่ามันเป็นน้ำหวานรสชาติสุดโปรดของ โฮชิโซระ มาโคโตะ ผู้ล่วงลับ
"คุณซาซากิ...ทำไมมานั่งอยู่คนเดียวล่ะคะ....." เสียงของหญิงสาวพูดขึ้นจากข้างโต๊ะ เมื่อ ไดสึเกะ หันไปตามเสียง เธอก็เห็น โซเนีย บูลเล็ตฮาร์ท ยืนยิ้มให้เขาอยู่ ก่อนจะนั่งลงฝั่งข้าม "แก้วนี้ของใครหรอคะ....กำลังรอใครอยู่รึเปล่า?" โซเนีย ถามพลางมาซ้ายมองขวา "เปล่าหรอกครับ....หมอนั่นน่ะ....คงมาไม่ได้แล้วล่ะ" ไดสึเกะ พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ เมื่อได้ยินน้ำเสียงประกอบกับท่าที โซเนีย ก็รู้ทันทีว่าแก้วน้ำหวานตรงหน้าเธอเป็นของใคร เธอพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ "เสียใจด้วยนะคะ...กองทัพกำลังทำเรื่องเหรียญกล้าหาญให้แก่เขาอยู่" ไดสึเกะ ยิ้มแบบจำใจ "เป็นการปลอบใจครอบครัวสินะครับ แถมไม่เอาความเรื่องแอบขึ้นบินอีกด้วย"
โซเนีย เอื้อมมือมากุมมือของ ไดสึเกะ ทำให้เขาสะดุ้งนิดหน่อย หน้าแดงเล็กน้อย "สู้ๆ นะคะ คุณซาซากิ....เราต้องสู้ต่อไปเพื่อ มาโคโตะคุง..." เธอพูดด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน ไดสึเกะ มองหน้า โซเนีย ด้วยแววตาเศร้าๆ "ผมไม่รู้จะสู้ต่อไปยังไงแล้วล่ะครับ...ผมในตอนนี้น่ะ..." ไดสึเกะ พูดไม่ทันจบดี โซเนีย พูดสวนขึ้นทันทีว่า "ถ้า ซาซากิคุง มีเวลาว่างมาซ้อมด้วยกันสิคะ" "ชั้นอยากจะเก่งขึ้นเพื่อปกป้องผู้คนของ Aiacos เลยไปฝึกซ้อมที่ลานบินนอกโดมประจำเลยล่ะ" "ที่นั่นไม่ค่อยจะมีคนไปซ้อมเสียเท่าไร ส่วนมากก็มีแค่ชั้นกับ โยฮัน อยู่ประจำที่นั่นเกือบทุกวันเลยค่ะ" เมื่อได้ยินชื่อ โยฮัน ภาพเดิมๆ ของ โซเนีย กับ โยฮัน ก็แวบเข้ามาในหัวเขาเหมือนคราวก่อนๆ ไดสึเกะ ค่อยๆ ดึงมือของตนออกมาอย่างช้าๆ จนพ้นสัมผัสจากมืออันอ่อนโยนของ โซเนีย
"บ่ะ....บางที หมอนั่นอาจจะไม่อยากเห็นหน้าผมสักเท่าไรมั้งครับ" ไดสึเกะ พูดขึ้นแบบหลบสายตา โซเนีย ยิ้มแห้งๆ "ไม่หรอกมั้งคะ...โยฮัน มองคุณเป็นเหมือนคู่แข่งมาโดยตลอดก็จริง...." "แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับคุณซาซากิ ราวกับเป็นเป้าหมายที่จะต้องเอาชนะให้ได้มาโดยตลอด" "บางทีพวกคุณสองคนอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็ได้นะคะ...ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีก" "ชั้นคิดว่าพวกคุณสองคนดูแตกต่างกันมาก แต่สามารถเติมเต็มส่วนที่เป็นจุดอ่อนของกันและกันได้" ไดสึเกะ ยิ้มบางๆ "อย่างนั้นเองหรอครับ....เอาไว้ผมจะลองคิดทบทวนดูอีกทีนะครับ...."
"ชั้นรอคุณซาซากิ อยู่เสมอนะคะ...มาให้ได้ล่ะ" โซเนีย ลุกขึ้นจากเก้าอี้เธอโบกมือลาแล้วเดินจากไป
........................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 15, 2016 3:53:10 GMT
สองวันต่อมา
สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น มันถูกส่งมาจาก Beholder ทางทิศเหนือ แน่นอนว่าเป็น Arachna เจ้าหน้าที่ฝ่ายยุทธการทุกนายรีบวิ่งเข้าประจำที่ ในขณะที่ เอริค ได้นั่งอยู่ที่เก้าอี้บัญชาการแล้ว ไซเฟอร์ และ ไฮดี้ วิ่งเข้ามาพร้อมๆ กับเจ้าหน้าที่คนอื่น "Arachna อย่างนั้นหรอ" ไซเฟอร์ พูด ไฮดี้ มองไปที่หน้าจอ นัยน์ตาของเธอหดเล็กลงด้วยความตกใจ "นั่นมันอะไรกัน....."
"Beholder ตรวจพบสัญญาณของ Arachna ทางทิศเหนือ ห่างจาก Aiacos ไป 1000 กิโลเมตร" "ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและนักบิน Valkyria Unit เตรียมพร้อมออกปฏิบัติการ" ฟองน้ำ ประกาศ
เอริค ขมวดคิ้ว "ใช้งานได้จริงๆ สินะ....แล้วรูปแบบนั้นมันอะไร....ผลวิเคราะห์ล่ะเจ้าหน้าที่ จามจุรี" ฟองน้ำ รีบส่งข้อมูลขึ้นหน้าจอแล้วอธิบาย "Arachna ที่พบเป็นรูปแบบขนาดเล็กเคลื่อนที่รวดเร็วมาก" "ดูจากปริมาณและการเคลื่อนที่ คาดว่าน่าจะเป็นฝูงบินขนาดมหึมา จำนวนไม่สามารถคาดการณ์ได้ค่ะ" ไฮดี้ ขมวดคิ้ว "ฝูงบิน....ปริมาณขนาดนั้นอาจจะมาในรูปแบบฝูงผึ้ง....ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงล่ะก็" ไซเฟอร์ พูดเสริมต่อทันที "เท่าที่ดูคร่าวๆ พวกมันอาจจะมีมากกว่า 2 แสนตัวเลยล่ะนะ...." เอริค พยักหน้าก่อนจะเขียนแผนการรบส่งให้ ฟองน้ำ ประกาศออกไป
"ขอให้นักบินทุกฝูงบินออกปฏิบัติการ....ให้ตั้งแนวป้องกันห่างจาก Aiacos 200 กิโลเมตร" "ระงับการปล่อยตัวฝูงบินยูนิคอร์น....ให้ฝูงบินยูนิคอร์น รอรับคำต่อไปในสถานะพร้อมรบ" สิ้นประกาศคำสั่ง Valkyria Unit กว่า 300 ลำ ทะยานออกจากหลุมจอดแล้วบินขึ้นสู่น่านฟ้า นักบินเริ่มจับกลุ่มบินเป็นฝูง เรียงหน้ากระดานอย่างมีระเบียบ เคลื่อนที่สู่พื้นที่เป้าหมายทันที
ที่หลุมจอด
"วันนี้ไม่มีตัวนำโชคสินะ....แล้วทำไมวันนี้สาวๆ ในฝูงบินถึงน้อยจังฟร๊า!!!" มิคาซูกิ บ่นขึ้น โซเนีย ยิ้มแหยๆ "คุณซาซากิ ออกปฏิบัติการไม่ได้เพราะ VF-25 Messiah ยังซ่อมแซมไม่เสร็จน่ะค่ะ" "อ่า!! นั่นสินะ....ไม่มีหมอนั่น...สาวๆ ก็น้อย....แต่มี โซเนียจัง อยู่ก็พอแล้วล่ะ" มิคาซูกิ ยิ้มโปรยเสน่ห์ โยฮัน ที่นั่งเงียบอยู่พักหนึ่งก็พูดขึ้น "ถึงยูนิคอร์นลีดเดอร์....ผมว่าคุณควรเลิกเล่นแบบนี้ได้แล้วล่ะนะ" คำพูดของ โยฮัน ทำให้ มิคาซูกิ สะดุ้งนิดๆ มุมปากกระตุกหน่อยๆ เขารู้สึกเจ็บใจที่โดนลูกศิษย์หักหน้า
"คราวนี้แยกฝูงบินยูนิคอร์น ออกจากแผนการหลักมา 20 ลำ...คิดจะทำอะไรกันแน่" โยฮัน พูดเบาๆ
........................................................................
ห้องโถงหอพักหญิงภายในฐานทัพ Aiacos
ไดสึเกะ นั่งซึมอยู่ที่เก้าอี้ซึ่งถูกจัดไว้เพื่อรับรองแขกที่มาตรงมุมของห้องโถง มันเป็นห้องเงียบๆ มีตู้ล็อคเกอร์ แต่ไม่ค่อยมีเจ้าหน้าที่หรือนักบินหญิงจะมานั่งอยู่เท่าไรนัก
สักพักประตูเลื่อนก็เปิดออก พัชรี เอราเมนทัล เดินเข้ามาในชุดนักบิน เธอมีสภาพเหนื่อยล้า เนื่องจากเธอเพิ่งไปทำงานประจำของเธอเสร็จสิ้นมาหยกๆ นั่นก็คือตรวจสอบวัตถุดิบตามเคย "มานั่งอะไรอยู่ตรงนี้ ซาซากิ ไดสึเกะ...นี่มันหอพักนักบินหญิงนะ" เธอพูดทักด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไดสึเกะ ได้ยินแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ แต่เขารู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใครเพราะเขาจำเสียงได้ ฟรื๊ด!!! ..... พัชรี กำลังทำอะไรบางอย่างข้างหลังที่ตู้ล็อคเกอร์ "รอโฮชิโซระ อยู่อย่างนั้นหรอ"
"อืม....ยัยนั่น ไม่ออกจากห้องมาหลายวันแล้ว...ผมเป็นห่วงน่ะ" ไดสึเกะ ตอบแบบเอื่อยๆ ทันใดนั้น พัชรี ก็เดินมายืนตรงหน้าด้วยท่อนบนที่สวมไว้เพียงเสื้อยกทรงเพียงตัวเดียว ไดสึเกะ ถึงกับตกใจ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ และรีบหันหน้าหนีทันที "เธอทำอะไรของเธอเนี่ย?" แต่ พัชรี กลับโน้มตัวลงมาหา ไดสึเกะ ช้าๆ "ก็แค่อยากทำให้นายกระชุ่มกระชวยขึ้นมาหน่อย..." เธอโน้มตัวลงมาคร่อม ไดสึเกะ เอาไว้ ก่อนที่เขาก็ตัดสินใจมุดลอดช่องแขนของหล่อนออกมา พัชรี ยิ้มมุมปาก "อะไรกัน...จริงจังตลอดเลยหรอนายเนี่ย" พูดจบเธอก็ค่อยๆ สวมเสื้อยืดที่ถือไว้
ไดสึเกะ ที่ยังหน้าแดงอยู่ ค่อยๆ เดินออกไป "ดูเหมือนยัยนั่นยังไม่ยอมออกมา งั้นผมไปก่อนล่ะ" "จริงๆ แล้ว วันนี้นายควรจะต้องออกไปนะ คราวนี้ท่าจะงานช้างเลยล่ะ ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่อีก" ไดสึเกะ หันกลับมาตอบ "VF-25 Messiah ได้รับความเสียหาย แล้วตอนนี้ยังซ่อมไม่เสร็จน่ะ..." พัชรี จึงพูดต่อไปว่า "งั้นมาดูถ่ายทอดปฏิบัติการที่ห้องชั้นสิ...เผื่อจะเรียกสติของนายกลับมาได้บ้าง" "ห๊า!! หะหะ....ห้องเธอเนี่ยนะ??!!" ไดสึเกะ ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เขาหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง
"อะไรกัน? ทำไมล่ะ? หรือว่านายคิดอะไรกับชั้นอยู่งั้นหรอ?...หรือคิดว่าชั้นจะทำอะไรนายงั้นหรอ?" พัชรี พูดพร้อมกับเดินไปจับไหล่ ไดสึเกะ จากด้านหลัง แล้วดึงให้หันกลับมา "จริงจังอีกแล้วงั้นหรอ??"
........................................................................
ฝูง Arachna จิ๋วเริ่มเข้าปะทะ
มันมีลักษณะคล้ายผึ้งอย่างที่ ไฮดี้ คาดการณ์เอาไว้ และมีขนาดยาวเพียง 1 ฟุตเท่านั้น
แต่ทว่าทันทีที่การปะทะเริ่มต้น Arachna บางตัวก็พุ่งเข้าจนใส่ Valkyria Unit จนตัวแตกกระจาย น้ำกรดของมันเริ่มแสดงฤทธิ์ มันสามารถละลาย Valkyria Unit จากจุดที่มันตายได้อย่างรวดเร็ว บางตัวที่สามารถเกาะ Valkyria Unit ได้ มันก็ใช้ก้นของมันต่อยเข้าใส่ตัวเครื่องแล้วพ่นน้ำกรด ฤทธิ์ของกรดกัด Valkyria Unit จนเป็นรู ขนาดของรูกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เครื่องขาดครึ่งในไม่กี่วินาที Valkyria Unit ที่ถูกปะทะ ร่วงลงสู่พื้นจำนวนมาก ท่ามกลางเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของนักบิน
ฟองน้ำ ตกใจและรายงานขึ้นว่า "ความเข้มข้นของกรดสูงมาก!! มันกัดกร่อน VU ได้ทั้งลำเลยค่ะ" "เราเสียกำลังรบไปมากกว่า 35% แล้วค่ะท่านผู้บังคับการ....36%....37%....38% แล้วค่ะ!!" ไซเฟอร์ และ ไฮดี้ มีสีหน้าวิตกเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ได้เห็น แต่ เอริค ยังมีสีหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม
ไม่นานนัก เอริค ก็สั่งการ "ติดตั้งเครื่องพ่น Dichlorodiphenyltrichloroethane ให้ยูนิคอร์นทีม" "คงถึงเวลาจะต้องใช้มันแล้วล่ะนะ....ปล่อยไว้แบบนี้คงตายกันหมดแน่" เอริค พูด ฟองน้ำ ไม่รอช้าในการถ่ายทอดคำสั่ง เจ้าหน้าที่เริ่มติดตั้งอาวุธที่มีสายบางอย่างลากต่อมาด้วย
"Dichlorodiphenyltrichloroethane หรือ DDT ...สารพิษฆ่าแมลง" ไซเฟอร์ พูดขึ้น "สารพิษที่ถูกผลิตขึ้นมาเป็นปริมาณจำกัด มันมีข้อเสียอยู่หลายประการจนต้องควบคุมไว้" "เนื่องจากเวลาการผลิตที่กินเวลามาก สถานที่จัดเก็บจะต้องปลอยภัย ซึ่งเราก็มีจำกัดอีก" "ใช้น้ำในการผลิตเป็นปริมาณมาก แถมยังมีปริมาณสารพิษตกค้างจากขั้นตอนกระบวนการผลิต" "การใช้งานจึงต้องระมัดระวัง และต้องใช้ในกรณีจำเป็นมากจริงๆ.....คงจะถึงเวลาใช้มันแล้วสินะ"
ไฮดี้ ขมวดคิ้ว "เพราะไฟที่จุดติดยาก....วิธีฆ่าแมลงแบบโบราณจึงมีประสิทธิภาพมากที่สุด"
........................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 15, 2016 3:58:33 GMT
ไม่นานนักฝูงบินยูนิคอร์น ก็ออกปฏิบัติการ
ท่ามกลางการปะทะที่ถูกรุกรานเข้ามาใกล้ถึง 10 กิโลเมตร (วัดระยะจากฐาน Aiacos) Valkyria Unit ทั้งหมดที่ถูกส่งออกไปกว่า 300 ลำ คงเหลือเพียง 67 ลำเท่านั้น พวกเขาถูกเรียกตัวกลับมาเพื่อดำเนินยุทธการพิเศษ บางลำก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
"เอาล่ะ...ยูนิคอร์น.....ได้เวลาฉีดปลวกแล้วล่ะนะ....ทุกคนเตรียมพร้อม" มิคาซูกิ พูดขึ้น โยฮัน และ โซเนีย ขมวดคิ้วรอรับคำสั่ง Valkyria Unit ของพวกเขาทั้ง 20 ลำ ถืออาวุธพิเศษ มันมีหน้าตาเหมือนหัวปืนฉีดรดน้ำต้นไม้ มีสายไฟเบอร์หุ้มด้วยโลหะสาน ต่อมาออกจากท้ายอาวุธ สายนั้นลากออกมาจากฐาน Aiacos มีความยาวราว 2000 เมตร พวกเขาจึงไปไกลไม่ได้มากกว่านั้น ฝูงบิน Valkyria Unit ที่หนีถอยร่นกลับมาทั้ง 67 ลำเริ่มเรียงตัวกันเป็นเหมือนกำแพงอยู่ด้านหน้า ฝูงบินยูนิคอร์น ยังคงไม่เคลื่อนไหวราวกับรอบางสิ่งบางอย่างอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบ
"พวกมันมาแล้วล่ะ" โซเนีย พูดขึ้น เพราะเธอมองเห็นกลุ่มเมฆสีดำราวกับพายุใกล้เข้ามา "ยังก่อน....ใจเย็นๆไว้....โอกาสมีเพียงครั้งเดียว...จะให้มันรอดไปไม่ได้แม้ตัวเดียว" มิคาซูกิ พูด โยฮัน ขมวดคิ้ว เขาทำการเล็งอาวุธที่ถือไปยังแผง Valkyria Unit ที่อยู่ด้านหน้าฝูงบินยูนิคอร์น และแล้วพายุ Arachna ก็เข้ามาถึงระยะยิง เซ็นเซอร์หน้าจอแจ้งเตือนขึ้นมาพร้อมกันทุกเครื่อง "ยูนิคอร์น ทำการกำจัดเป้าหมาย!!" มิคาซูกิ สั่งการเพื่อให้ฝูงบินยูนิคอร์นเริ่มโจมตีทันที ยูนิคอร์นทีม ลั่นไกออกไป พวกเขาฉีดของเหลวออกมาเป็นเส้นเข้าใส่กำแพง Valkyria Unit ด้านหน้า และในขณะเดียวกัน Valkyria Unit ที่เป็นกำแพงด้านหน้า ก็เปิดใช้งานแผงเป่าลมพร้อมๆ กันทันที
เมื่อของเหลวที่ถูกฉีดออกมา เข้าปะทะกับม่านลม มันก็ถูกตีกระจายเป็นละอองฟุ้ง แรงดันลมของม่านลม ได้เป่าละอองเหล่านั้นไปยังฝูงพายุ Aracha ที่บินสวนเข้ามา สาร DDT ที่ถูกเป่าเป็นละอองสังหาร Arachna ตัวน้อย ร่วงลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วทีละหลายร้อยตัว สารพิษหยุดประสาทการทำงานของพวกมันได้อย่างชะงัก พายุ Arachna ก็ได้สลายหายไปในที่สุด
"ภารกิจเสร็จสิ้น...มิคาซูกิ มูเนชิกะ....ยูนิคอร์นลีดเดอร์....รายงาน"
........................................................................
ในห้องพักของ พัชรี
ไดสึเกะ นั่งดูปฏิบัติการบนเตียงกับ พัชรี ด้วยท่อนบนที่เปลือยเปล่าจนจบ ดูเหมือนอาการซึมเซื่องของเขาเริ่มจางหายไป แววตาของเขาเริ่มแสดงถึงความมุ่งมั่น เขามองดูเหล่านักบินที่ล้มตายเป็นจำนวนมาก ทำให้สติสตางค์ของเขาเริ่มกลับมาอีกครั้ง
"อย่างที่เธอว่าจริงๆ สิบปีอันแสนสงบสุขของเราได้จบลงแล้ว....จะมัวทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว" "ปล่อยให้อารมณ์ควบคุมสติ .....ยึดติดกับความเศร้าเหมือนที่ผ่านมา....ยิ่งจะทำให้เราอ่อนแอลง" "ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ.....ความอยู่รอดของมวลมนุษย์ใน Aiacos แห่งนี้เท่านั้น............" "การที่จะปกป้องมันเอาไว้ให้ได้นั้น...เราจะต้องเข้มแข็ง....โดยการก้าวผ่านความปวดร้าวทั้งหมดที่มี" "ขอบใจนะ....พัชรี.....ชั้นคนเดิมกลับมาแล้วล่ะ......" ไดสึเกะ พูดทั้งน้ำตา แต่มีรอยยิ้มบนใบหน้าให้เห็น
พัชรี ที่นั่งอยู่ข้างๆ โดยมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเป็นอาภรณ์ ค่อยๆ เซลงมาซบที่อกของ ไดสึเกะ
เธอเผลอหลับไปเนื่องจากผลของความเหนื่อยล้า...................
つづく.
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 15, 2016 4:20:47 GMT
EP7 : At The Hellgate
ผลจากการใช้ Dichlorodiphenyltrichloroethane ในการต่อสู้กับฝูง Arachna บินได้ ทำให้สถานการณ์ของ Aiacos ย่ำแย่ลง เนื่องจากไม่สามารถผลิตมันขึ้นมาได้ภายในเวลาอันสั้น วอลเบิร์ต ไฮเซ็นไทน์ จึงเรียก เอริค แซนเบิร์ก ในฐานะผู้บังคับการที่สั่งใช้งาน DDT มารายงานตัว
ณ ห้องทำงานประธานาธิบดี
ภายในห้องนั้นมีเพียง วอลเบิร์ต ไฮเซ็นไทน์ และ เอริค แซนเบิร์ก เพียงสองคน แสดงให้เห็นว่าเป็นการรายงานเรื่องลับซึ่งไม่ต้องการให้รั่วไหลไปยังบุคคลภายนอกเลย
ประธานาธิบดีวอลเบิร์ต ไฮเซ็นไทน์ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา สีหน้าของเขาแสดงความวิตกอย่างเห็นได้ชัด เขาวางเอกสารที่อ่านอยู่ลงและมองไปที่ เอริค ผู้ที่นั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉียบอยู่หน้าโต๊ะอีกฟาก "เอริค....ชั้นถามจริงๆว่าทำไมถึงต้องใช้ Dichlorodiphenyltrichloroethane เธอก็รู้อยู่แก่ใจแล้วนี่" "มันไม่เร็วเกินไปอย่างนั้นหรอ....ลองอธิบายมาซิ....ทำให้สมกับที่ชั้นไว้ใจมอบตำแหน่งให้เธอหน่อย"
เอริค ถอนหายใจ ก่อนระเริ่มรายงานตามที่ประธานาธิบดีสั่งการ "อย่างแรกต้องขอเรียนว่า สิ่งที่ท่านพูดมาข้างต้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้องทุกประการแน่นอน" "แต่ปฏิบัติการครั้งล่าสุด ผมได้คิดไตรตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วครับ..ก่อนสั่งการอย่างนั้นออกไป" "เมื่อเริ่มการปะทะ Valkyrie Unit ที่ออกปฏิบัติการไม่สามารถก่อกรกับ Arachna จำนวนมากได้" "ศัตรูมีขนาดเล็กมีความคล่องตัวสูงมาก แถมยังเป็นศัตรูที่บินได้ มันเป็นเรื่องที่หนักหนามาก" "เราเสียกำลังรบไปอย่างรวดเร็วกว่าที่ผมคิดมาก...ผมไม่ต้องการเสียกำลังรบทั้งหมดไปอย่างไร้ค่า" "Dichlorodiphenyltrichloroethane เป็นสิ่งเดียวที่จะปกป้อง Aiacos เอาไว้ได้ ผมจึงสั่งการเช่นนั้น" "ผมทราบว่าท่านกังวลใจ...แต่ไม่ต้องเป็นห่วงครับเพราะ DDT ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่งไว้ใช้ในยามคับขัน" "และตอนนี้เราได้พัฒนา Valkyria Unit รุ่นใหม่ไว้รับมือกับ Arachna ประเภทนั้น ซึ่งก็คือ VF-25S"
วอลเบิร์ต พยักหน้าด้วยสีหน้าที่คลายความกังวลลงไปได้บ้างแล้ว เขาจึงถามต่อไป "แล้วข่าวที่ว่ากำลังพัฒนา Valkyria Unit สำหรับ Gravitational Pulsed Rifle ล่ะถึงไหนแล้ว"
เอริค เปิดสมุดขึ้นมาอ่านก่อนจะเริ่มรายงานต่อไปว่า "เราได้สร้าง Valkyria Unit รุ่นทดสอบขึ้นมา 3 ลำด้วยกัน โดยลำแรกที่สร้างขึ้นเป็น VF-30 Chronos" "เราคาดหวังจะทำให้ Chronos เป็นเครื่องพื้นฐานสำหรับหน่วยรบในอนาคต และยังใช้มันพัฒนาต่อ" "ด้วยพื้นฐานของ Chronos เรากำลังพัฒนาเป็น VF-27 Lucifer และ YF-29 Durandal ขึ้นมาอยู่" "ทั้งสองเครื่องจะเป็น Valkyria Unit ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อติดตั้ง Gravitational Pulsed Rifle โดยเฉพาะ" "แต่มันยังไม่พร้อมใช้งานจนกว่าเราจะได้ Gravitational Pulsed Rifle จาก Radamanthys มาเสียก่อน" "ขณะนี้เรากำลังจะเริ่มทดสอบ VF-30 Chronos แม้จะไม่คล่องตัวเท่า Messiah แต่มันมีความพิเศษอยู่" "มันสามารถแบกยุทโธปกรณ์ได้มากกว่า VF-25F Messiah และสามารถทำ Half-Shift ได้อีกด้วย"
วอลเบิร์ต หรี่ตาลงเล็กน้อยด้วยความสงสัย "Half-Shift อย่างนั้นหรอ?" เอริค พยักหน้าพร้อมอธิบายต่อไป "มันคือการแปลงครึ่งท่อนล่างของเครื่อง ให้เป็นหุ่นรบครับท่าน" "ความคล่องตัวจะลดลงกว่าขณะอยู่ในโหมดบิน แต่จะสามารถใช้อาวุธได้อย่างอิสระมากขึ้น" วอลเบิร์ต ถามต่อไปอีกว่า "เธอได้เลือกนักบินทดสอบสำหรับเครื่องที่ว่าเอาไว้แล้วรึยัง" เอริค ตอบพร้อมถามกลับไป "ยังเลยครับท่าน....แล้วท่านมีความเห็นว่าอย่างไรล่ะครับ?" วอลเบิร์ต ไม่ลังเลที่จะตอบคำถามนี้ไปว่า "โยฮัน เฮลซิงเกอร์ ....ใช้เขาซะ เอริค"
ก่อนที่ เอริค จะลุกขึ้นจะเก้าอี้ วอลเบิร์ต ก็พูดปิดการสนทนาเชิงสั่งการไปว่า "สั่งให้นักบินฝึกหัดทุกชั้นปีเลื่อนขึ้นเป็นนักบิน...ชั้นอ่านรายงานจำนวนนักบินแล้วล่ะ สั่งการไปตามนั้น"
................................................................
สองวันหลังจากนั้น
ที่ลานบินนอกโดม เป็นการเริ่มทดสอบ VF-30 Chronos โดย โยฮัน เฮลซิงเกอร์
เอริค ไซเฟอร์ โซเนีย เป็นผู้สังเกตการณ์บนหอบังคับการ พวกเขาตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ โซเนีย มีสีหน้าวิตกเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะถามขึ้นมาว่า "แบบนี้จะดีแล้วหรอคะ ท่านผู้บังคับการ" เอริค หันมามอง โซเนีย แล้วพยักหน้า "นี่แหละเหมาะที่สุดเลยล่ะ ตอนนี้เราไม่รู้ขีดจำกัดของเครื่อง" "การทดสอบแบบนี้สามารถวัดประสิทธิภาพของเครื่องได้ดีที่สุด....ใช่รึเปล่า ไซเฟอร์?" "อ่า.....ใช่แล้วล่ะ....." ไซเฟอร์ ตอบก่อนจะหยิบไมค์ขึ้นมาพูด "เริ่มทำการทดสอบได้"
"โยฮัน เฮลซิงเกอร์ Chronos...ออกตัว!!" VF-30 บินขึ้นฟ้าด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ มันบินวนไปตามทางที่กำหนดไว้พร้อมกับยิงเป้าจำลองได้อย่างแม่นยำไม่ว่าจะอยู่มุมไหนก็ตาม โยฮัน ทำ Shape-Shift เป็นหุ่นรบ ก่อนหมุนตัวยิง 360 องศาใส่เป้าหมายรอบตัวแบบไม่พลาดเป้า "จบการทดสอบ" โยฮัน รายงาน แต่ เอริค กลับสั่งการไปว่า "ยังไม่จบ...ของจริงกำลังจะเริ่ม"
ทันใดนั้น VF-25F Messiah ก็บินโฉบเข้ามาในสนามทดสอบทำให้ โยฮัน ตกใจอย่างมาก ในขณะโฉบเข้ามานั้น Messiah ก็กราดกระสุนทดสอบเข้าใส่ Chronos ไป 1 ชุดทันที "นี่เองสินะ...การทดสอบของจริง....ชั้นรอเวลานี้มานานแล้ว ซาซากิ ไดสึเกะ" โยฮัน ยิ้มอย่างพอใจ VF-30 Chronos ทำการ Shape-Shift กลับเป็น Valkyria Unit แล้วบินตาม Messiah ไปทันที
ไดสึเกะ หันกลับมามอง เขาเห็น Chronos ที่บินไล่หลังมา เขาขมวดคิ้วแล้วกัดฟันนิดๆ "อย่างที่ โซเนีย บอกไว้จริงๆ หมอนี่เป็นจริงเอาจังสุดๆ กะจะสู้กันแบบเอาเป็นเอาตายเลยสินะ" ว่าแล้วทั้งสองเครื่องก็บินทำ Dog Fight กันอย่างคล่องแคล่ว ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันง่ายๆ "โซเนีย บอกว่าห้ามออมมือ เพราะถ้าออมมือ จะยิ่งทำให้หมอนั่นเกลียดชั้นมากขึ้นไปอีก"
Messiah เมื่อตั้งตัวได้ ก็ Turn-Back กระทันหันแล้ว Shape-Shift เป็นหุ่นรบก่อนจะยิงใส่ Chronos ที่บินเลยไป ก็ถูกปืนกลยิงไล่ตามหลังมา โยฮัน โยกหลบได้อย่างสวยงาม แต่ Messiah ก็ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ เขาบินตามเข้ามายิงอย่างต่อเนื่องหมายจะปิดเกมส์ Chronos บินหลบพร้อม Shape-Shift กลับมาเป็นหุ่นรบและยิงสวนไปเช่นกัน กระสุนของ Chronos ยิงใส่ปืนกลของ Messiah จนหน้าจอของ ไดสึเกะ ขึ้นว่าปืนใช้การไม่ได้ ไดสึเกะ เปิดรังมิซไซล์แล้วยิงเข้าใส่ Chronos ส่วน โยฮัน ก็กราดกระสุนทำลายมิซไซล์ทันที
แต่เมื่อเขาทำลายมิซไซล์จนระเบิดเป็นควันไปหมด Messiah ก็บินแหวกควันเข้ามาด้วยอาวุธมีด โยฮัน ยิ้มมุมปาก "กะไว้แล้วว่าต้องมาลูกไม้นี้....จบเกมส์ล่ะนะ!!"เขาพูดขึ้นพร้อมกดเปลี่ยนอาวุธ Chronos ดึงอาวุธมีดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วฟันตวัดจากซ้ายไปขวา เล็งไปที่กลางลำตัว Messiah ขณะเดียวกัน Messiah ก็เงื้อมีดขึ้นเหนือหัวแล้วฟันลงมา เขาเล็งไปที่ส่วนหน้าอกของ Chronos
เพล๊ง!!!.....เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น แต่มันเป็นเสียงอาวุธมีดของหุ่นรบทั้งสองตัวที่ฟันชนกันพอดี เอริค จึงประกาศขึ้นว่า "จบการทดสอบ...ขอบใจมาก ซาซากิ และนายก็ทำได้ดีมาก เฮลซิงเกอร์"
โซเนีย ที่ดูอยู่ตลอด เธอตกใจในฝีมืออันน่าทึ่งของนักบินทั้งสองแบบพูดอะไรไม่ออก
เอริค ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะมองมาที่ ไซเฟอร์ "นึกถึงสมัยตอนหนุ่มๆ ขึ้นมาบ้างไหม ไซเฟอร์" ไซเฟอร์ ก็นึกถึงตอนที่ต้องมาสู้กับ เอริค ในการทดสอบ VF-25F Messiah เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วขึ้นมา เขาตอบกลับอย่างถ่อมตนว่า "ตอนนั้นไม่เหมือนแบบนี้....เพราะชั้นจำได้ว่าถูกนายไล่ต้อนอยู่ฝ่ายเดียวน่ะ" "และตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์ไฮเซ็นเบิร์ก ถึงเลือกชั้น...ทั้งที่ตอนนั้นก็ไม่ได้เก่งอะไรเลยแท้ๆ"
เอริค ตบไหล่ ไซเฟอร์ เบาๆ "เขามีความคิดไม่เข้าท่าหลายเรื่องก็จริง แต่อาจารย์ไม่เคยเลือกผิดคน"
................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 15, 2016 4:23:51 GMT
วันต่อมา
กลางตัวเมืองภายในโดม Aiacos เป็นวันที่เงียบสงบ ไดสึเกะ กำลังใช้เวลาพักเดินเล่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เมื่อมาถึงย่านที่เป็นตลาด เขาพบกับ พัชรี เข้าโดยบังเอิญ เธอกำลังหิ้วถุงขนมเดินสวนทางมา "เอ่อ...สวัสดี...พัชรี...." ไดสึเกะ ทัก พัชรี ขึ้นด้วยท่าทางเคอะเขิน พลางเอามือเกาหัวตัวเองเบาๆ พัชรี หยุดมอง ไดสึเกะ ด้วยสายตาไร้ความรู้สึก "อ้าวว่าไง ซาซากิ ไดสึเกะ...มีอะไรอย่างนั้นหรอ" คำพูดของเธอดูห่างเหินกว่าที่ ไดสึเกะ คาดการณ์เอาไว้ ไดสึเกะ จึงเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังขึ้นทันที
"คือว่า เรื่องวันก่อนน่ะ....ขอบใจมากนะที่ช่วยพูดเตือนสติชั้นน่ะ...แล้วก็สำหรับเรื่องนั้น...ชั้น...." ขณะที่ ไดสึเกะ กำลังพูดอยู่นั้นเอง พัชรี ก็พูดสวนขึ้นทันทีว่า "เป็นอะไรของนายน่ะ ซาซากิ ไดสึเกะ" "จะบอกว่าชอบฉันหรอ?....จะมาสารภาพรักอย่างนั้นหรอ?....จริงจังอีกแล้วสินะ...เฮ้อ...." "กลับมาเป็นคนเดิมได้แล้วก็ทำตัวให้มีเสน่ห์หน่อยสิ" เธอพูดจบก็แล้วเดินผ่าน ไดสึเกะ ไปทันที ไดสึเกะ ปากค้างจากประโยคเมื่อครู่ เขาเหมือนถูกหมัดน็อคเข้าเต็มปลายคางจนพูดอะไรไม่ออก
ระหว่างนั้นเองก็มีหญิงสาวคนหนึ่งสวมหมวกปีกกว้างกับแว่นตาดำมาลาก ไดสึเกะ ไป เมื่อมาถึงมุมตึก เธอก็ถอดหมวกและแว่นตาดำนั้นออก "ขะขะขะขะขะ.....คุณลินดา!!" หญิงสาวคนนั้นคือไอดอลคนดัง คาลาฟีน่า ลินดา เธอเอามือมาอุดปาก ไดสึเกะ ไว้ทันที เมื่อ ไดสึเกะ มีอาการสงบลง เธอค่อยๆ เอามือออก "ขอโทษนะคะ....คุณซาซากิ...." ไดสึเกะ เหงื่อตก "มีอะไรงั้นหรอครับ...ทำไมต้องทำตัวแบบว่า...ลับๆ ล่อๆ ด้วยล่ะครับ" ลินดา ยิ้มแห้งๆ "พอดีชั้นหนีผู้จัดการมาเที่ยวน่ะค่ะ...พอไม่มีคนพาเดินแล้วไปไหนไม่ถูกเลย" ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มหวานใส่ ไดสึเกะ แล้วเอามือมาคล้องแขน "พาชั้นเที่ยวทีนะคะ คุณซาซากิ"
ไม่นานนักทั้งสองก็เดินมาถึงสวนสาธารณะ
ลินดา ที่สวมชุดปกปิดใบหน้าก็ให้ ไดสึเกะ นั่งลงที่ม้านั่ง ส่วนเธอก็รีบวิ่งไปซื้อไอกรีมที่อยู่ไม่ไกล ไดสึเกะ มองไปรอบๆ ดูเหมือนผู้คนจะน้อยลงกว่าเดิมมาก เพราะเกิดความหวาดระแวงในความปลอดภัย จากเดิมที่เขาเคยเห็นเด็กเล็กๆ วิ่งเล่นซุกซน วัยรุ่นที่พากันมาจับกลุ่มทำกิจกรรม ตอนนี้ไม่มีเหลือแล้ว สายตาของ ไดสึเกะ ดูเศร้าลง เพราะเขาคิดถึงเวลาเหล่านั้น รวมไปถึงวัยเด็กแสนสนุกของเขาด้วย
ไม่นานนัก ลินดา ก็เดินมานั่งข้างๆ พร้อมยื่นไอกรีมให้ ไดสึเกะ เขารับมาแล้วกล่าวขอบคุณ "ที่นี่ดูเงียบสงบดีจังนะคะ....ชั้นเพิ่งจะเคยออกมาเดินเล่นแถวนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย" ลินดา พูด ไดสึเกะ ตกใจเล็กน้อย "ครั้งแรกหรอ....ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะครับ ทุกคนใน Aiacos ต้องเคยมาสิครับ"
ลินดา ยิ้มๆ "ชั้นน่ะเกิดที่ Minos ค่ะ...พอย้ายมาที่นี่คุณพ่อแม่ก็เสีย....ชั้นเลยโตมาที่บ้านเด็กกำพร้า" "ไม่เคยออกไปไหนมาไหนเลย....พอได้มาทำเพลง ชั้นก็ต้องทำแต่งาน ไม่ได้ออกไปไหนเหมือนเดิม" "ช่วงนี้เกิดความโกลาหลขึ้น ทางค่ายจึงระงับการทำเพลงใหม่เพราะทำไปก็คงจะไม่ได้กำไร" "ชั้นเลยถือเอาช่วงว่างนี้มาพักผ่อน....แต่พอมีผู้จัดการส่วนตัวอยู่ด้วยทีไรก็ชอบห้ามนู่นห้ามนี่ น่าเบื่อมากเลย" "หนีมาคนเดียวก็ไปไหนเองไม่ถูก...โชคดีจังนะคะมาพบคุณซาซากิ เข้าพอดี ไม่งั้นวันนี้คงไม่สนุกแน่" "คุณซาซากิ มาที่นี่บ่อยหรอคะ....แล้ว...ทั้งๆ ที่คนชอบที่นี่กันมาก....แต่ทำไมมันเงียบแบบนี้ล่ะคะ"
ไดสึเกะ ถอนหายใจ "ก็ด้วยเหตุผลเดียวล่ะครับ พวก Arachna....ทำให้ผู้คนเอาแต่หลบอยู่บ้าน"
ขณะที่ ไดสึเกะ กำลังพูดคุยอยู่กับ ลินดา อยู่นั้นเอง ความสงบก็ถูกทำลายลงเมื่อเริ่มมีเสียงคนร้องลั่น พวกเขาตะโกนขอความช่วยเหลือแล้วก็เงียบไปทีละคนสองคน ทำให้ ไดสึเกะ ลุกขึ้นแล้วมองหา แล้วเขาก็เห็นต้นเหตุ เมื่อมีรยางค์เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 นิ้ว พุ่งออกจากท่อระบายน้ำจำนวนมาก มันเข้ารัดผู้คนแล้วลากเข้าไปผ่านรูระบายน้ำ แม้ร่างกายของมนุษย์จะไม่สามารถลอดเข้าไปได้ก็ตาม แต่มันก็กระตุกร่างของผู้เคราะห์หลายจนบิดเบี้ยวผิดรูปร่าง ก่อนจะกระชากลงไปอย่างรวดเร็ว ลินดา ถึงกับขาอ่อนเมื่อเห็นภาพอันน่าสยดสยอง ไดสึเกะ ต้องประคองตัว ลินดา ให้ยืนเอาไว้
ในวินาทีนั้นเอง Arachna ก็พังพื้นซีเมนต์ขึ้นมา มันค่อยๆ ก้าวขึ้นมาบนพื้นทีละขาช้าๆ เมื่อปรากฏร่างของมันเต็มตัวมันเป็น Arachna ขนาดตัวประมาณ 1.2 เมตร คล้ายแมลงมุม 6 ขา
มันเริ่มปล่อยรยางค์เข้าโจมตีผู้คนที่อยู่โดยรอบตัวของมันอย่างรวดเร็ว เมื่อมันรัดเหยื่อได้ มันก็ลากเข้าไปกัดด้วยปาก ก่อนจะปล่อยน้ำกรดเข้าร่างเพื่อย่อยอวัยวะภายใน มันใช้เวลาเพียง 3 วินาทีก่อนจะดูดอวัยวะภายในที่ถูกย่อยจากตัวเหยื่อ แล้วทิ้งผิวหนังกลวงเปล่าลงบนพื้น ลินดา มีอาการสั่นไปทั้งตัว เธอกลืนน้ำลายแล้วถาม ไดสึเกะ ว่า "เรา...จะทำ...ยังไง...กัน...ดี...คะ"
ไดสึเกะ ขมวดคิ้วก่อนจะอุ้ม ลินดา ขึ้นด้วยแขนสองข้างแล้วตอบว่า "วิ่งสิครับ..............."
................................................................
Arachna บุกเข้าตัวเมืองจำนวนมาก
เอริค ซึ่งขณะนั้นอยู่นอกฐานทัพ กำลังช่วยผู้คน และนำทางพวกเขาให้เข้าไปในที่หลบภัย ท่ามกลางความแลหม่าน เขาหยิบอาวุธปืนขึ้นมา แล้วยิงใส่ Arachna ที่อยู่ใกล้ๆ ไปสี่ตัว กระสุนของปืนนั้นไม่ได้แรงมาก ยิงได้ไม่ไกล เพราะถูกออกแบบมาไม่ให้สร้างความเสียหายต่อตัวโดม เพราะหากแรงมากไป แล้วเกิดทำให้หลังคาโดมทะลุ จะเสียแรงดันอากาศ อีกทั้งออกซิเจนจะรั่วไหลอีกด้วย แต่กระสุนที่ยิงออกไปนั้นเป็นหัวกระสุนไฟฟ้าแรงสูง มันสามารถช็อต Arachna จนไหม้ได้ในนัดเดียว
เอริค หยิบอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายหูฟังบลูทูธขึ้นมาใส่ก่อนจะกดปุ่ม Call ที่ข้างๆ หูฟังนั้น
"ทะทะ...ท่านผู้บังคับการ ตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหนคะ!! ทุกคนกำลังรอฟังคำสั่งท่านอยู่นะคะ" ฟองน้ำ พูดสาย "ผมติดอยู่ข้างนอก ช่วยรักษาการแทนแล้วรายงานผลการวิเคราะห์การโจมตีในครั้งนี้ให้ฟังหน่อย......" "ระ...รับทราบค่ะ!! ผลการวิเคราะห์บอกว่า พวกมันมาจากชั้นใต้ดินเข้ามาทางท้อขับดันไอพ่นด้านล่าง" "แล้วเล็ดลอดเข้ามาทางท่อระบบถ่ายเทสารพิษที่อยู่ด้านล่างฐาน Aiacos ก่อนจะขึ้นมาทางท่อระบายน้ำค่ะ" "ส่วนจำนวนทั้งหมดที่ตรวจพบมีอยู่ราวๆ 3 พันตัว แต่ตอนนี้มันเข้ามาใน Aiacos แล้วราวๆ 400 ตัวค่ะ" "เพราะพวกมันเข้ามาด้วยการขุดโพรงใต้ดินมันจึงสามารถหลบการตรวจจับของ Beholder ได้ค่ะ"
เอริค ใช้เวลาตัดสินใจอยู่พอควร ก่อนสั่งการไปยัง ฟองน้ำ ทันที "แจ้งให้เจ้าหน้าที่ ไซเฟอร์ ไปปิดระบบถ่ายเทสารพิษเพื่อไม่ให้มีช่องอากาศรั่วไหลจากใต้ฐานโดม" "แล้วให้เจ้าหน้าที่ คัทเซ็นเมเยอร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ มูเนชิกะ นำรถขนของไปลากสาย DDT ออกมา" "จากนั้นนำสาร DDT ทั้งหมดที่มีตอนนี้ไปปล่อยในท่อขับดันไอพ่นของฐาน ชั้นใต้พื้นดิน" "รวมทั้งให้นักบินและเจ้าหน้าที่ทุกคนกำจัด Arachna ที่เข้ามาในฐาน อนุญาตให้ใช้อาวุธปืนได้" "เราจะปิดกั้นทางเข้า ฆ่าพวกมันที่อยู่ด้านนอกด้วยสารพิษ แล้วใช้กำลังพลกำจัดพวกในตัวฐาน"
เมื่อได้ยินดังนั้น ฟองน้ำ ที่ทำหน้าที่รักษาการผู้บังคับการก็ถ่ายทอดคำสั่งนั้นทันที
…………………………………………………………….
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงท่ามกลางความโกลาหล
มูเนชิกะ และ ไฮดี้ ที่สวมชุดกันสารพิษได้ลากสาย DDT ลงไปขั้นใต้ดินที่เต็มไปด้วยโครงโลหะ มันเป็นทางแคบๆ เต็มไปด้วยเครื่องกลมากมาย ที่ปลายทางมีเครื่องยนต์ขนาดยักษ์ตั้งอยู่ มันเป็นเครื่องไอพ่นหลักที่จะส่งกำลังขับไปยังท่อขับดันด้านนอก มีเจ้าหน้าที่อีก 10 นายทำหน้าที่คุ้มกัน
พวกเขาแหวกฝูง Arachna กว่า 30 ตัวเพื่อไปมาถึงพื้นที่เป้าหมาย แต่ก็เสียเจ้าหน้าที่ไปถึง 8 คน มูเนชิกะ ไฮดี้ กับเจ้าหน้าที่อีก 2 คนที่เหลือ ต้องช่วยกันเปิดวาล์วปลดล็อค เพื่อเปิดฝาโลหะเล็กๆ ขึ้นมา มันเป็นเหมือนฝาขนาดเท่าล้อรถยนต์ ผ่านช่องนั้นไปก็คือท่อขับดันหลักขนาดยักษ์ของ Aiacos ระหว่างที่ มูเนชิกะ และ ไฮดี้ กำลังเปิดปลายสายเพื่อปล่อยสารพิษเข้าไปตามท่อขับดันหลักนั้นเอง Arachna สองตัวได้ลากเจ้าหน้าที่สองคนที่เหลือไปกินอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตา ไฮดี้ และ มูเนชิกะ ไฮดี้ หยิบปืนขึ้นมาเล็งไปที่ Arachna แต่เธอไม่กล้ายิงเสียที เพราะมันจะช็อตเจ้าหน้าที่ผู้เคราะห์ร้ายไปด้วย
ทว่า มูเนชิกะ ไม่รอช้า เขาแย่งปืนจากมือของ ไฮดี้ แล้วยิงใส่ Arachna สองตัวนั้นทันที กระสุนไฟฟ้าทำการช็อตใส่ Arachna และเจ้าหน้าที่ผู้เคราะห์ร้ายจนไหม้เกรียมไปพร้อมๆ กัน "ตั้งสติหน่อยครับรุ่นพี่....ความใจอ่อนทำให้รุ่นพี่ดูมีเสน่ห์ขึ้นก็จริง แต่มันใช้ตอนนี้ไม่ได้ครับ" เขาพูด ก่อนที่ มูเนชิกะ จะกดเครื่องมือสื่อสาร "นี่ มิคาซูกิ...ภารกิจลุล่วง กำลังจะถอนตัว...." ทันทีที่รายงานจบ ทั้งสองก็วิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะเครื่องขับดันเริ่มทำงานเรียบร้อยแล้ว หากพวกเขายังอยู่ต่อไปอาจจะต้องไหม้เกรียมเพราะความร้อนไปด้วยเป็นแน่แท้
แต่แล้วจังหวะที่วิ่งออกมานั้นเอง มูเนชิกะ กลับถูกรยางค์จาก Arachna ที่แอบอยู่ดึงขาแล้วลากตัวไป ไฮดี้ หยุดวิ่งพร้อมกับหันกลับมามอง มันค่อยๆ ปรากฏตัวและกัดเข้าที่กลางหลังของ มิคาซูกิ มูเนชิกะ "บ้า...ชิป.....รุ่นพี่....ระ...รับไป...." เขากลั้นใจโยนปืนไปให้ ไฮดี้ และเธอก็รับมันไว้ ไฮดี้ เล็งปืนไปที่ Arachna มือของเธอสั่นไปหมด ขณะที่ มิคาซูกิ เริ่มเกิดอาการชัก "ย่ะ....ยิง....ยิง....ยิงซะทีเซ่!!!" มูเนชิกะ ใช้แรงฮึดสุดท้ายตะโกนออกมาสุดเสียงที่เขามี "ชั้น....ชั้นทำไม่ได้" ไฮดี้ ร้องไห้ทั้งน้ำตา เธอเล็งปืนด้วยมือที่สั่นเทา นิ้วอ่อนจนเหนี่ยวไกไม่ลง ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น กระสุนพุ่งเข้าช็อต Arachna และ มิคาซูกิ ไหม้ไปพร้อมๆ กัน
"ขอโทษนะ มิคาซูกิ...." เขาคนนั้นคือ ไซเฟอร์ ที่เข้ามาช่วย แต่ก็ช่วย มิคาซูกิ มูเนชิกะ ไว้ไม่ได้ ไซเฟอร์ คว้ามือของ ไฮดี้ ที่กำลังน้ำตาซึม แล้วพาเธอวิ่งหนีออกมาทันที
และแล้วเครื่องขับดันก็ทำงานมันพ่น DDT ที่ถูกปล่อยไว้ตามท่อขับกระจายออกไปทั่วใต้ฐาน Aiacos Arachna ที่เข้ามาทางใต้ดินถูก DDT พ่นไปตามโพรงแล้วตายไปจนหมดราวกับปลวกถูกฉีดยาฆ่ากำจัด
................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 15, 2016 4:28:03 GMT
ณ ใจกลางเมือง
ไดสึเกะ อุ้ม ลินดา วิ่งหนี Arachna อย่างสุดชีวิต เขาวิ่งผ่านผู้คนที่อลหม่านและกำลังล้มตาย ทันใดนั้นเอง ไดสึเกะ ก็หมดกำลัง เขาล้มลงแต่ประคอง ลินดา ไว้อย่างดีไม่ให้บาดเจ็บ ทว่ารยางค์ของ Arachna ที่วิ่งไล่มาก็รัดเข้าที่ขาของ ลินดา มันลาก ลินดา เข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ไดสึเกะ ใช้มือข้างหนึ่งเกี่ยวขอบพื้นเอาไว้ แล้วใช้มืออีกข้างจับแขนของ ลินดา เอาไว้อย่างแน่น
"คุณซาซากิ....ปล่อยเถอะค่ะ....คุณจะตายด้วยนะคะ" ลินดา พูดทั้งน้ำตาเพราะรู้ถึงผลของมันดี "ไม่ได้ครับ!!....ผมจะไม่ปล่อยให้คุณตาย!!...ผมจะปล่อยให้ใครตายโดยไม่ช่วยไม่ได้" ไดสึเกะ ตะโกน แต่แขนของเขาก็เริ่มถึงขีดจำกัด มือที่จับแขนของ ลินดา ไว้นั้น เริ่มหลวม มันเลื่อนมาจับที่ข้อมือของเธอ ก่อนที่จะลื่นมาจับที่มือ และการจับของเขาจะเริ่มคลายตัว แต่แล้ว ไดสึเกะ สัมผัสได้ว่าแรงถึงนั้นหายไป
เมื่อเขามองขึ้นมาเขาเห็น อีวาน กำลังโยนขวานที่ปลายถูกกรดละลายอยู่ทิ้งไป อีวาน ซึ่งใช้ขวานตัดรยางค์ของ Arachna และช่วย ไดสึเกะ พร้อมกับ ลินดา ไว้ก็หันมาหา "รีบลุกขึ้นสิครับรุ่นพี่ ซาซากิ แล้วรับนี่ไป" อีวาน พูดพร้อมกับโยนปืนให้ ไดสึเกะ รับไว้ ลินดา ลุกขึ้นมาหลบที่หลังของ ไดสึเกะ ขณะที่ ไดสึเกะ และ อีวาน ช่วยกันกำจัด Arachna
อีวาน มีทักษะการยิงปืนขั้นสูง เขายิงได้ราวกับจับวางทุกระยะ ขนาดระยะไกลก็ไม่พลาด กลับกัน ไดสึเกะ ยิงได้ห่วยแตก เขายิงชนิดที่เรียกว่า ยิงทิ้งยิงขว้าง ไม่โดนอะไรเลย "ขับหุ่นเก่งขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะยิงปืนได้อ่อนหัดขนาดนี้นะครับ" อีวาน พูดแขวะขึ้น ไดสึเกะ พูดอะไรไม่ออก เพราะกำลังแขนของเขาหมดไปกับการเหนี่ยวรั้ง ลินดา ไปหมดแล้ว ในห้วงวินาทีนั้น มือน้อยๆ ของ ลินดา ค่อยๆ ช้อนเข้าข้างใต้มือของ ไดสึเกะ เธอช่วย ไดสึเกะ ประคองปืน ไดสึเกะ หันหลังยิ้มบางๆ "ขอบคุณนะครับ คุณลินดา...." การยิงของเขาก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาทั้งสามคนยืนหยัดสู้เพื่อปกป้องผู้คนที่กำลังวิ่งหนีและช่วยกันกำจัด Arachna
................................................................
ผ่านไปไม่นาน
ดูเหมือนเหตุการณ์จะเริ่มสงบลงแล้ว เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ หน่วยแพทย์ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ อีวาน ได้ขอตัวกลับไปก่อน ดูเหมือนเขาได้ทราบถึงคำสั่งบรรจุนักบินใหม่ก่อนใคร
ไดสึเกะ และ ลินดา กำลังนั่งพักเหนื่อยอยู่ข้างๆ รถพยาบาลที่มาจอดเรียงราย "ขอบคุณอีกครั้งนะครับคุณลินดา....ถ้าไม่ได้คุณช่วยคราวนี้ผมคงปกป้องใครไม่ได้อีกแน่" "ไม่หรอกค่ะ....ชั้นต่างหากที่ต้องขอบคุณ....ถ้าคุณซาซากิ ไม่ช่วยไว้ ชั้นคงตายไปแล้วล่ะ" "คือว่า...ชั้นมีอะไรจะขอคุณซาซากิ สักอย่างจะได้ไหมคะ" "อะไรหรอครับ ถ้าผมให้ได้ผมให้แน่" "ชั้นอยากจะเรียกคุณซาซากิว่า ไดสึเกะ แล้วอยากให้คุณซาซากิ เรียกชั้นว่า ลินดา เฉยๆ...จะเป็น..." "ได้สิ...ลินดา...." "ดีจัง แล้วชั้นมีอะไรจะบอก...ดะ....ไดสึเกะ อีกอย่างน่ะค่ะ.....คือว่า....."
"ที่ผ่านมาชั้นเจอแต่คนที่ชอบในตัวชั้น อยากรู้จักชั้นสนใจในตัวชั้น....แต่ชั้นก็ไม่เคยชอบพวกเขาเลย" "แต่ทำไมพอมาเจอ ไดสึเกะ แล้วชั้นรู้สึกสบายใจ รู้สึกสนใจในตัว ไดสึเกะ ไม่เหมือนกับคนอื่น" "และก็เป็นครั้งแรก....ที่ชั้นรู้สึกว่ามีคนที่ยอมสละได้แม้แต่ชีวิตตัวเองเพื่อช่วยคนอย่างชั้นจริงๆ" "นั่นอาจจะเป็นเพราะคนอื่นๆ ยังไม่มีโอกาสช่วย ลินดา มั้งครับ ที่ผมทำไป ลินดา เลยรู้สึกแปลกๆ" "อาจจะไม่ใช่มั้งคะ.....อุ๊ยดูนั่น!!" ลินดา ทำท่าตกใจ พร้อมชี้ให้ ไดสึเกะ หันไปตามนิ้วของเธอ
ไดสึเกะ หันไปทั่วก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ "อะไรหรอครับลินดา...ไม่เห็นจะมีอะไรเลย" แต่เมื่อเขาหันกลับมา ริมฝีปากของ ลินดา ก็ประทับเข้าไปที่แก้มข้างขวาของเขาอย่างอ่อนโยน
"เหตุผลไม่ใช่ความต่างจากคนอื่น หรือ ช่วยชีวิตชั้นไว้...แต่เป็นเพราะชั้นชอบ ไดสึเกะ ต่างหากล่ะ" ลินดา ยิ้มด้วยใบหน้าแดงก่ำ ไม่ต่างกับ ไดสึเกะ ที่ยังมีท่าทางตกใจและหน้าแดงไม่ต่างไปจากเธอ
つづく.
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 15, 2016 5:00:53 GMT
EP8 : Traitor
ผ่านไป 1 สัปดาห์
หลังจากที่ Arachna บุกเข้ามาใน Aiacos ได้ในรอบ 10 ปี ก็สร้างความหวั่นวิตกให้ผู้คนมากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ไม่ลดละความพยายามในการเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนกลับคืนมา พวกเขาซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างที่ได้รับความเสียหาย และปรับปรุงระบบความปลอดภัยของตัวฐาน ประธานาธิบดีไฮเซ็นไทน์ ต้องออกตัวขึ้นพูดในช่องรายการข่าวมากมาย เขาทำสุดกำลังที่มี
และแล้วสิ่งที่พวกเขารอคอยก็มาถึง นั่นก็คือกองบินขนส่งของ Radamanthys พวกเขานำเครื่องบินลำเลียงขนาดใหญ่มาเพื่อรับ Beholder จำนวนมากกลับไป แต่มันน่าแปลกในสายตาเจ้าหน้าที่ของ Aiacos มาก เนื่องจากเครื่องบินคุ้มกันมีเพียงลำเดียว หลังจากที่มองเห็นด้วยสายตา ไม่นานนักกองบินขนส่ง Radamanthys ก็ลงจอดที่ลานจอด
วอลเบิร์ต เอริค ไซเฟอร์ และ ไฮดี้ มารอต้อนรับผู้แทนจาก Radamanthys อย่างพร้อมหน้า เมื่อ YF-19 EXS Excalibur Blade Wolf ที่บินคุ้มกันมาลงจอด นักบินก็ค่อยๆ ลงจากเครื่อง เขาเดินตรงเข้ามาหากลุ่มของ วอลเบิร์ต พร้อมกับปลดล็อคที่ใต้คางเพื่อถอดหมวกนักบินออก เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มอายุราว 20 ปี ผมตรงยาวถึงต้นคอ ปรกหน้า สีควันบุหรี่ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ความมั่นใจ สีหน้าดูเป็นคนที่จริงจังเอามากๆ ใบหน้าเรียวคางมน ดวงตาไม่โตมากนัก ริวฝีปากบาง คิ้วขมวด ผิวของเขาขาวซีด รูปร่างของเขาสูงใหญ่ สูงเกือบ 185 c.m. ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ
เมื่อมายืนตรงหน้า ชายหนุ่มคนนั้นก็กล่าวคำทักทายทันที "ณอง กอสริ่ง จาก Radamanthys เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบครับ ท่านประธานาธิบดีไฮเซ็นไทน์" "ผมเป็นตัวแทนของ Radamanthys ในการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับ Aiacos ในครั้งนี้"
วอลเบิร์ต พยักหน้า "ยินดีเช่นกัน...เธอยังเด็กอยู่เลยนะ เพิ่งรู้ว่าทางนั้นไว้ใจคนอายุน้อยๆ กันแล้ว" ไซเฟอร์ มองไปที่กองยานก่อนจะถามขึ้นว่า "เธอรับหน้าที่บินคุ้มกันกองยานมาด้วยตัวคนเดียวอย่างนั้นหรอ..." "ถูกต้องครับ...พวกคุณอาจมองว่ามันตลก แต่ความจริงคือแค่ผมคนเดียวก็เหลือเฟือแล้วล่ะครับ" เอริค ที่เขียนสมุดจดอะไรบางอย่างอยู่ก็ปิดมันลง "ผมอยากทราบลักษณะของอาวุธที่นำมาด้วยน่ะครับ"
ฌอง ก้มหัวน้อมรับคำถาม ก่อนจะเริ่มอธิบายอาวุธที่เขานำมามอบให้ Aiacos ทันที "สิ่งที่ผมนำมาด้วยนั้น ทุกท่านคงทราบกันดีแล้วว่ามันเป็นอาวุธสำหรับ Valkyria Unit อย่างหนึ่ง" "ชื่อของมันคือ Gravitational Pulsed Rifle ความหมายมันคือ ปืนยาวคลื่นแรงโน้มถ่วง" "มันทำงานโดยสร้างพลังงานแรงโน้มถ่วงจากรอบลำกล้อง แล้วส่งออกมารวมไว้ที่ปลายกระบอก" "หลังจากที่พลังงานถูกบีบอัดจนถึงจุดวิกฤตแล้ว ผู้ใช้งานก็สามารถเหนี่ยวไกได้ทันที" "คลื่นพลังงานอีกชุด จะถูกส่งออกมาจากภายในลำกล้อง มันจะดันพลังงานที่สะสมไว้ที่ด้านหน้าออกไป" "พลังงานดังกล่าวจะพุ่งออกไปเป็นเส้นตรง ระยะที่การยิงหวังผลไกลที่สุดคือไม่เกินระยะ 7 กิโลเมตร" "ทันทีที่คลื่นเข้าปะทะกับเป้าหมาย ผลแรงโน้มถ่วงของคลื่น จะเริ่มดูดสิ่งที่มันปะทะเข้าสู่ศูนย์กลาง" "นั่นก็คือทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ จะถูกดูดเข้าหาตัวเส้นคลื่นด้วยแรงดึงดูดอันมหาศาล และถูกทำลายในที่สุด"
ไฮดี้ พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ "แสดงว่าการยิงทุกครั้งจะต้องใช้ความระมัดระวังมากเลยสินะคะ" "ถูกต้องครับ เพราะวัตถุใดที่อยู่ใกล้รัศมีของตัวคลื่น มันจะถูกดูดเข้าไปทั้งหมด" ฌอง ยิ้มแล้วตอบ "แล้วความถี่ในแต่ละครั้งที่สามารถยิงได้ล่ะคะ สามารถทำได้สูงสุดแค่ไหน" ไฮดี้ ถามต่อไป ฌอง นึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ "ยิงทุกครั้ง....ต้องใช้เวลาประมาณ 300 วินาที เพื่อยิงครั้งต่อไป" "ผมมีหน้าที่แนะนำแค่นี้น่ะครับ ส่วน Beholder ถ้านำขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้ว ผมจะกลับทันที" ฌอง ทำความเคารพ วอลเบิร์ต เอริค ไซเฟอร์ และ ไฮดี้ ก่อนจะขอตัวเดินไปพักผ่อน
วอลเบิร์ต หันกลับมาหา เอริค "นำมันไปติดตั้งให้ Lucifer และ Durandal ให้เร็วที่สุดเลยนะ" เอริค ยิ้มอย่างพอใจ "รับทราบครับ ท่านประธานาธิบดี....ผมจะเร่งฝ่ายช่างให้เท่าที่จะทำได้" ไฮดี้ มีสีหน้ากลุ้มๆ เธอบ่นในลำคอว่า "อันตรายจริงๆ ของแบบนี้...การนำมาใช้นั้นดีแล้วจริงหรอ" ไซเฟอร์ จึงกระซิบข้างหูไปว่า "ไม่ต้องห่วงหรอกยัยหน่อมแน๊ม...เพราะคนที่ได้ใช้น่ะไม่ใช่เธอแน่นอน"
คำพูดของ ไซเฟอร์ ทำเอา ไฮดี้ แสดงสีหน้าโกรธ เธอจึงวิ่งไล่ตี ไซเฟอร์ ที่กำลังวิ่งหนีไปหัวเราะไป
................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 15, 2016 5:02:25 GMT
ณ โรงอาหารในฐานทัพ Aiacos
มาโกะ กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่คนเดียว ดูเหมือนว่าอาการซึมเศร้าของเธอเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่ร่างกายของเธอดูซูบผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอกินอะไรไม่ลงมาหลายวัน ระหว่างนั่งรับประทานอาหาร สายตาของเธอแสดงให้เห็นว่ากำลังคิดบางเรื่องอยู่ในหัวตลอด
"ออกมาหาอะไรกินได้แล้วหรอ มาโกะจัง....รู้สึกสบายใจขึ้นแล้วรึยัง" ไดสึเกะ ทักขึ้น เขาเดิมมาพร้อมกับ ลินดา โดยทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับ มาโกะ มาโกะ ยิ้มบางๆ "ค่ะ....ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ รุ่นพี่ไดสึเกะ" เธอหันมามอง ลินดา แล้วยิ้มให้ ไดสึเกะ สังเกตุได้ถึงท่าทีของ มาโกะ ที่เปลี่ยนไป เธอไม่เศร้าโศกแต่ก็ไม่ร่าเริงเหมือนก่อน หากเป็นเหมือนคราวล่าสุดที่ มาโกะ พบกับ ลินดา เธอคงจะไม่ยิ้มอย่างอ่อนโยนแบบนี้แน่นอน
"ไดสึเกะ เล่าว่าเธอไม่ยอมออกจากห้อง เห็นเธอยิ้มได้ค่อยโล่งใจหน่อย" ลินดา พูดด้วยรอยยิ้ม มาโกะ วางตะเกียบลงแล้วยกน้ำขึ้นมาดื่ม "ค่ะ....ถึงจะยิ้มได้ไม่เหมือนเมื่อก่อน....แต่ก็ยิ้มได้แล้วล่ะค่ะ" "ช่วงเวลาที่อยู่ตัวคนเดียว หนูคิดอะไรได้หลายอย่าง...จะอยู่ไปทำไม...อยู่เพื่ออะไร...จะทำอะไร" "แล้วก็ค้นพบว่า ที่ผ่านมาตัวหนูเองไม่เคยจะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นเลย...มองแต่มุมของตัวเอง" "แถมมองข้ามสิ่งที่ดีๆ ในชีวิต และไปสนใจบางสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้...เป็นความเพ้อเจ้อที่ไร้สาระ" "ตอนนี้หนูรู้แล้วล่ะว่าหนูจะต้องโตซะที...ทำตัวให้ประโยชน์บ้าง...เพื่อมาโคโตะ และทุกๆ คน"
ไดสึเกะ ได้ฟังเช่นนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่อารมณ์ของ มาโกะ แต่เป็นทัศนคติของเธอ "โตเป็นผู้ใหญ่จนได้นะ...มาโกะจัง...ว่าแต่...เธอได้บรรจุเป็นนักบินรึเปล่าน่ะ" ไดสึเกะ ฉุกใจถามขึ้น ลินดา ก็นึกขึ้นมาได้พอดี "จริงด้วย!! มาโกะจัง เป็นนักบินฝึกหัดนี่...กองทัพประกาศบรรจุทุกคนนี่นา" มาโกะ พยักหน้า "ค่ะ...หนูได้รับคำสั่งแล้ว...หนูจะได้บินไปพร้อมกับรุ่นพี่แล้วนะคะ รุ่นพี่ไดสึเกะ" ในจังหวะนั้น นานาชิ แมวสุดที่รักของ ลินดา ก็โผล่ออกมาจากกระเป๋าสะพายของ ลินดา มันกระโจนข้ามโต๊ะไปเล่นกับ มาโกะ อย่างสนุกสนาน รอยยิ้มของ มาโกะ ก็ปรากฏให้เห็นอีกครั้ง
แต่ ไดสึเกะ กลับขมวดคิ้วเพราะคิดในใจว่า "ไม่อยากให้ มาโกะจัง ต้องออกไปสู้เลยเธอยังเด็กอยู่แท้ๆ"
................................................................
ลานบินนอกโดม Aiacos
Valkyria Unit จำนวนมากกำลังซ้อมการบินอยู่อย่างไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน โยฮัน และ โซเนีย ทำหน้าที่ดูแลการซ้อมบินของนักบินที่เพิ่งได้รับการบรรจุเข้ามาใหม่ ส่วน อีวาน กำลังนั่งปรับระบบปฏิบัติการของ VF-25S Armored Messiah เครื่องใหม่ของเขา
ระหว่างที่ โยฮัน และ โซเนีย กำลังสังเกตุการณ์อยู่ พัชรี ก็เดินตรงเข้ามา "รุ่นพี่เฮลซิงเกอร์ ชั้นควรจะเริ่มต้นยังไง จากจุดไหน สำหรับการขึ้นบินจริงคะ" เธอทักทายแล้วถามขึ้น โยฮัน หันมามอง พัชรี ด้วยหางตาให้พอรู้ว่าคนที่ถามเป็นใคร แล้วหันกลับไปมองการซ้อมบินตามเดิม "ตรวจดูความพร้อมของเครื่อง ทำความรู้จักกับ spec ของมัน และค่อยปรับแต่งให้เข้ากับการใช้งานของตน" "Valkyria Unit สามารถปรับแต่งการตอบสนองของนักบินได้ ยังไงก็อย่าลืมปรับให้เหมาะมือก็แล้วกัน" โยฮัน ตอบก่อนจะทิ้งท้ายว่า "แล้วก็....เป็นมือใหม่อย่าทำตัวเกะกะหรือสร้างปัญหาด้วยการทำนอกแผนการรบ" เขาหันกลับมาด้วยสายตาเลือดเย็น แล้วปิดท้ายว่า "ถ้าเธอกลายเป็นภัยขึ้นมาแล้วล่ะก็...ชั้นจะยิงเธอทิ้งทันที" พัชรี พยักหน้าตอบรับ สีหน้าของเธอนิ่งมากไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำขู่ของ โยฮัน แม้แต่น้อยแล้วเดินออกไป
โซเนีย หันมองหน้า โยฮัน เพราะเธอรู้สึกว่าประโยคของ โยฮัน เมื่อครู่ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน "นี่ โยฮัน....ถ้าชั้นทำตัวเกะกะหรือทำนอกแผนการรบจนเป็นภัยต่อฝูงบิน เธอจะยิงชั้นรึเปล่า" โยฮัน นิ่งไม่มีปฏิกิริยา เขาทำเหมือนไม่ได้ยินที่ โซเนีย ถามทั้งที่เขาได้ยินชัดเจนเต็มสองหู
................................................................
วันรุ่งขึ้น
กองบินขนส่งของ Radamanthys ได้ออกจาก Aiacos ไปทางทิศตะวันตกได้พักหนึ่งแล้ว ทันใดนั้น Beholder ของ Aiacos แจ้งเตือนการบุกรุกของ Arachna ขึ้นมาทันที จุดที่มันปรากฎตัวอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ และกำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาฐาน Aiacos
ฟองน้ำ รีบรายงาน เอริค อย่างไม่รอช้า "ท่านผู้บังคับการคะ Beholder ตรวจพบ Arachna ขนาดกลางจำนวน 4 ตัว กำลังมุ่งหน้าเข้ามาค่ะ" เอริค ซึ่งประจำอยู่ที่ห้องบัญชาการหลังจากการส่งตัวผู้แทนจาก Radamanthys ก็เริ่มวางแผนการรบทันที "สั่งให้ฝูงบินยูนิคอร์นเข้าประจำที่ เตรียมปฏิบัติการเมื่อได้รับคำสั่ง ฝูงบินเพกาซัส เตรียมคุ้มกัน Aiacos"
ทันทีที่เสียงประกาศดังขึ้น นักบินฝูงบินยูนิคอร์น ทุกคนก็รีบวิ่งเข้ามาในฐานปล่อยตัวทันที ฝูงบินยูนิคอร์นมี Valkyria Unit ทั้งหมดถึง 120 เครื่อง เพราะได้รวมนักบินทั้งหมดกับนักบินใหม่ไว้ด้วยกัน โยฮัน รับหน้าที่เป็นยูนิคอร์นลีดเดอร์ สมทบด้วย ไดสึเกะ โซเนีย อีวาน พัชรี มาโกะ อย่างพร้อมหน้า
ขณะที่ ไดสึเกะ กำลังจะขึ้น Messiah เขาก็เห็น พัชรี กำลังขึ้นประจำเครื่องของเธอที่หลุมจอดตรงข้าม เครื่องของเธอนั้นคือ VF-Striker เป็น Valkyria Unit ที่ยังสร้างไม่เสร็จ มันไม่มีมือไว้จับและขาไว้ยืน แต่มันก็เป็นเครื่องที่ถูกติดตั้งปืนใหญ่สลายมวลสารขนาดที่ VU สามารถใช้งานได้ไว้เพียงเครื่องเดียว "พัชรี....ทำไมเธอถึงต้องใช้เครื่องแบบนั้นล่ะ" ไดสึเกะ ตะโกนถามไปด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ พัชรี หันมามอง เธอชี้ไปที่ Messiah "ถ้าเขาให้แลก Valkyria Unit กันขับได้ นายจะแลกมันกับชั้นมั้ยล่ะ......" "ตอนนี้กองทัพขาดทั้งนักบินและยังขาดทั้งเครื่อง Valkyria Unit อะไรที่พอใช้สู้ได้ก็ต้องใช้ทั้งนั้น" ไดสึเกะ พูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่มอง พัชรี ลงไปนั่งใน Cockpit แล้วเดินเครื่อง VF-Striker
ไดสึเกะ เข้ามานั่งใน Messiah เขาเปิดช่องสื่อสารภาพไปหา VF-19 Excalibur ใบหน้าของ มาโกะ ที่สวมหมวกนักบินก็ปรากฎบนหน้าจอพร้อมคำถาม "มีอะไรหรอคะรุ่นพี่" ไดสึเกะ นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตอบว่า "ไม่มีอะไรหรอก....ระวังตัวด้วยนะ....มาโกะจัง......"
เมื่อฝูงบินยูนิคอร์นพร้อมออกบินจากหลุมปล่อยตัว ฟองน้ำ ก็แจ้งคำสั่งทันที "System-All-Green หลุมปล่อยตัวพร้อมปล่อยแล้ว... ยูนิคอร์นออกตัวเมื่อพร้อม You got Control" "ชั้นจะเป็นสุดยอดนักบินแทนนายเอง....ยูนิคอร์น 06...โฮชิโซระ มาโคโกะ....VF-19 Excalibur ไปล่ะนะ!!"
และแล้วฝูงบินยูนิคอร์นทั้ง 120 ลำก็ได้ทยานขึ้นสู่ท้องฟ้าสีส้มสลัวมุ่งหน้าไปยังจุดปะทะ
................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 15, 2016 5:04:54 GMT
ผ่านไปราว 20 นาที ฝูงบินยูนิคอร์นก็มาถึงจุดปะทะ
Arachna ขนาดกลางประเภทหอยทากที่เคยพบก็เปิดฉากโจมตีใส่ฝูงบิน ด้วยขนาดลำตัวยาวประมาณ 250 เมตร และพวกมันมากันถึง 4 ตัวในคราเดียว โยฮัน จึงสั่งให้ฝูงบินยูนิคอร์นแยกกันเป็น 4 กลุ่ม เข้าโจมตี โดยทำลายสุดสำคัญพร้อมๆ กัน
Arachna ตัวแรก ไดสึเกะ มาโกะ และ พัชรี รับหน้าที่ในการกำจัด ไดสึเกะ ใช้ความคล่องตัวของ Messiah บินเข้าโจมตีระยะประชิด เขาหลบรยางค์ได้อย่างสวยงาม เมื่อฉากหลบได้ เขาก็ยิงปืนกลใส่ เขาทำซ้ำๆ อยู่หลายครั้งเพื่อถ่วงเวลา และในที่สุดทุกคนก็พร้อมยิง มาโกะ เปิดรัง Missile ของ Excalibur ออกมาแล้วกระหน่ำใส่ Arachna อย่างแม่นยำมาก เธอสามารถทำลายขาของมันได้ถึง 4 ข้าง จาก 6 ข้าง โดยอีก 2 ข้างคนอื่นๆ ช่วยกันทำลายลง พัชรี ที่รอจังหวะการชะงักของ Arachna ก็ได้ยิงปืนใหญ่จากแขนทั้งสองข้างเข้าใส่ส่วนหัวของมัน Arachna หอยทากที่เคยเป็นศัตรูตัวฉกาจ คราวนี้ถูกทำลายลงได้ภายในเวลาไม่นานนัก
สำหรับ Arachna ตัวที่สอง โยฮัน โซเนีย และ อีวาน เป็นผู้รับผิดชอบ โยฮัน ทำหน้าที่หลอกล่อ เขาไม่ได้เข้าประชิดตัวเหมือน ไดสึเกะ แต่ใช้การยิงเข้าใส่ลูกตาของมัน เมื่อมันกำลังฟื้นฟูลูกตาที่ได้รับบาดเจ็บ โซเนีย และนักบินคนอื่นก็ได้ยิงทำลายส่วนขามันลงได้ อีวาน ผู้รับหน้าที่ทำลายส่วนหัว ก็ยิง Missile รูปแบบพิเศษของ VF-25S Armored Messiah มันเป็นมิซไซล์ลูกใหญ่ที่ลอยออกไปช้าๆ ก่อนจะปล่อยมิซไซล์ลูกเล็กปริมาณมหาศาลออกมาอีกทอด Micro Missile นั้นมีความเร็วสูงและรุนแรงสูงมาก มันพุ่งเข้าล้อมส่วนหัวแล้วระเบิดพร้อมกันทุกทิศทาง Arachna หอยทากตัวที่สองก็ล้มลงสิ้นฤทธิ์เดชไปอย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน
แต่ Arachna อีก 2 ตัว ไม่ได้ลำบากเช่น 2 ตัวแรก มันได้ทำลายฝูงบินหายไปครึ่งหนึ่ง โยฮัน ไดสึเกะ โซเนีย อีวาน พัชรี และ มาโกะ รีบทำการ Shape-Shift เป็นโหมดบินเข้าช่วย แต่ด้วยการบินอย่างสะเปะสะปะของนักบินทั้งสองกลุ่มนั้น พวกเขาจึงหาจังหวะโจมตีไม่ได้เสียที
...............................................................
ทันใดนั้น ก็มีสัญญาณสื่อสารติดต่อเข้ามา
"ฌอง กอสลิ่ง พูด...YF-19 EXS Excalibur Blade Wolf ขออนุญาตเข้าสู่สนามรบ" "ผมได้รับการอนุมัติให้ทำการสนับสนุนจากผู้บังคับการแซนเบิร์ก ยูนิคอร์นกรุณาถอยห่างด้วย" ฌอง พูดขึ้น ทำให้ โยฮัน ต้องสั่งการให้ฝูงบินยูนิคอร์น ให้ถอยห่างออกมาอยู่วงนอก เมื่อ YF-19 EXS บินมาอยู่ในมุมที่เห็น Arachna ทั้งสองอยู่ซ้อนกัน ฌอง ก็ Shape-Shift มาเป็นหุ่นรบ เขาเล็งปืนยาวไปที่ Arachna ตัวหน้า แน่นอนว่ามันเป็น Gravitational Pulsed Rifle (GPR) และเหตุที่ ฌอง เข้าสนับสนุนเพราะ เอริค ขอความช่วยเหลือและอยากเห็นประสิทธิภาพของ GPR
ฌอง กอสลิ่ง หรี่ตาลองเล็กน้อย เขาคิดแล้วคิดอีกในการคำนวณถึงจุดที่จะยิงใส่ เมื่อเขาลั่นไก คลื่นใสเส้นเล็กมีเส้นผ่านศูนย์กลางหน้าตัดเพียง 3 ฟุต พุ่งด้วยความเร็วมหาศาลเข้าใส่ Arachna มันดูดอากาศเข้าหาตามทางที่มันวิ่งผ่าน คลื่นได้บิดเบือนแสงและการมองเห็น จึงสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า มันทะลุ Arachna ตัวหน้าภายใน 1.5 วินาที และตัวหลังอีก 1.8 วินาที ก่อนจะทะลุลงพื้นดินจากมุมที่ยิงเฉียงลง หลังจากนั้น มันก็เริ่มดูดจากจุดที่มันยิงใส่ พลังของมันดูดขยี้ Arachna ทั้งตัวเข้าไปในเส้นที่หน้าตัดเพียง 3 ฟุต ราวกับการดูด Arachna ทั้งสองตัวเข้าไปอีกมิติภายในเสี้ยววินาที ทว่าแรงดูดของมันก็ส่งผลข้างเคียงรุนแรง Valkyria Unit บางลำที่ไม่สามารถถอนตัวออกมาได้เพราะได้รับความเสียหาย ก็ถูกดูดและหายไปด้วย
แต่แล้วความน่ากลัวยังไม่สิ้นสุด เมื่อปรากฎ Arachna ตัวที่ 5 ขึ้นมาบนหน้าจอ มันพุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน ทำให้ ฟองน้ำ และ เอริค รวมทั้งคนที่เห็นแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา มันใหญ่กว่าตัวอื่น 8 เท่าตัว ลำตัวยาวเหมือนงู แต่มีขาหน้าขนาดใหญ่ 2 ข้าง ปล่อยรยางค์ออกจากปาก เพียงแค่ปรากฎตัว มันก็พ่นของเหลวออกทางปากใส่ Valkyria Unit จนสลายหายไปรวดเดียว 18 เครื่อง แล้วใช้รยางค์ฟาดใส่ Valkyria Unit จนแบนติดพื้นไปจำนวนมาก ฝูงบินยูนิคอร์นจึงเหลือเพียง 32 ลำเท่านั้น
ฟองน้ำ รีบรายงานการวิเคราะห์โดยไม่ชักช้า "มันเป็น Arachna ขนาดใหญ่ และยังใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบมาเลยค่ะ ท่านผู้บังคับการ" "ร่างกายของมันห่อหุ้มด้วยเกราะหนา โดยเฉพาะส่วนหัว ความแข็งแกร่งคำนวณไม่ได้เลยค่ะ" เอริค เห็นท่าไม่ดีจึงถามขึ้นว่า "มันอยู่ในระยะยิงของปืนใหญ่สลายมวลสารรึเปล่า เจ้าหน้าที่จามจุรี" ฟองน้ำ รีบตรวจสอบข้อมูลแล้วรายงาน "มันอยู่นอกระยะยิงไปไกลพอสมควรเลยค่ะท่านผู้บังคับการ" "อีกอย่าง....จากการคำนวนแล้ว ปืนใหญ่สลายมวลสารคงไม่สามารถทำลายเกราะของมันได้ค่ะ" เอริค กัดฟันเหงื่อตก เขาสั่งการให้ ฟองน้ำ ติดต่อไปหา ฌอง กอสลิ่ง เป็นการเร่งด่วน
ณอง รับสัญญาณสื่อสารของ เอริค อย่างไม่รอช้า "เสียใจด้วยครับท่านผู้บังคับการ GPR ของ Excalibur Blade Wolf ยังไม่สามารถยิงได้ตอนนี้" "อีกอย่างขนาดของมันยาวถึง 935 เมตร มันใหญ่เกินไป เกราะก็หนาเกินไป GPR คงทำลายมันไม่ได้" "แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมติดต่อไปยัง Radamanthys ให้เตรียมยิงปืนใหญ่วงโคจรเรียบร้อยแล้ว" "กรุณาแจ้งให้ฝูงบินของ Aiacos ถอนตัวออกนอกรัศมี 3 กิโลเมตร จะ Arachna ด้วยครับ" "แต่ผมต้องขอท่านผู้บังคับการอย่างหนึ่งครับ.....ช่วยสละนักบิน 1 คน ในการล่อมันไว้ด้วยครับ"
เมื่อ เอริค ได้ยิน เขาไม่มีทางเลือกในการแจ้งคำสั่งถอนตัว พร้อมสละนักบินที่ช่วยถ่วงเวลา ฟองน้ำ ถึงกับเหงื่อตก เธอน้ำตาซึมขึ้นมานิดๆ "เราจะต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรอคะ...."
เอริค ลุกขึ้นมาแตะบ่าของ ฟองน้ำ เบาๆ "ไม่ใช่ว่าเราต้องทำ....แต่เราจำเป็นต้องทำน่ะ" "ดูเหมือนการทำลาย Arachna ตัวนั้นจะต้องใช้ปืนใหญ่วงโคจรของ Radamanthys เท่านั้น" "ปืนใหญ่แรงโน้มถ่วง 1 ใน 3 กระบอกที่โคจรรอบ Gliese อยู่เหนือหัวของเราอยู่แล้ว" "เดิมทีมีหน้าที่ยิงทำลายดาวหางที่เข้ามาชน Gliese เป็นการป้องดวงดาวและลดสารกัมมันภาพรังสี" "รัศมีการทำลาย ถ้ายิงลงมาตอนนี้แล้วล่ะก็...เป็นไปตามที่ ณอง กอสลิ่ง พูด....นั่นก็คือ 3 กิโลเมตร" "แถมจะเป็นเป้าหมายเคลื่อนที่แบบนี้ไม่ได้เสียด้วย เพราะการยิงต้องเข้าเป้าอย่างไม่คลาดเคลื่อน" "เนื่องจากขนาดของมัน ถ้าอานุภาพแรงโน้มถ่วงดูดมันเข้าไปไม่หมดล่ะก็...มันคืนชีพได้แน่นอน"
................................................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 15, 2016 5:07:00 GMT
เมื่อฝูงบินยูนิคอร์นรับทราบคำสั่ง
VF-25F Messiah ก็บินฉีกตัวออกมาจากฝูง เข้าโจมตีใส่ Arachna แบบไม่พูดไม่จา "ถ้าจะต้องสละชีวิตเพื่อล่อมันเอาไว้แล้วล่ะก็...ขอชั้นรับหน้าที่นี้เถอะ!!" ไดสึเกะ พูดขึ้น VF-25F Messiah บินวนไปมาในโหมดบิน พร้อมกับกรอกอาวุธทั้งหมดที่เขามีเข้าใส่ Arachna แต่ดูเหมือนอาวุธของ Messiah จะไม่รุนแรงพอที่จะทำให้ Arachna ตัวนี้รู้สึกถึงการรบกวนได้ มันยังคงมุ่งหน้าตามฝูงบินยูนิคอร์นที่ถอนตัวไปด้วยความเร็ว ไม่ว่า Messiah จะใช้อะไรโจมตีก็ตาม และวินาทีนั้นเองมี Valkyria Unit อีกครั้งบินตีคู่เข้ามา มันยิงปืนใหญ่เข้าใส่ Arachna
"พัชรี!!....เธอทำบ้าอะไรเนี่ย!!" ไดสึเกะ ตะโกนด้วยความตกใจเมื่อเครื่องนั้นคือ VF-Striker พัชรี รับการสื่อสารแบบเห็นหน้าตาจาก ไดสึเกะ เธอมีสีหน้าที่นิ่งและไม่สะทบสะท้าน "ไม่เห็นรึไง ซาซากิ ไดสึเกะ!! อาวุธของ Messiah น่ะมันไม่ระคายผิวของไอ้ตัวยักษ์นั่นเลย" "ถ้ามันไม่รู้สึกอะไร นายก็ล่อมันเอาไว้ไม่ได้....มีแต่ปืนใหญ่ของ Striker นี่เท่านั้นที่ทำได้ตอนนี้" "ช่างมันเถอะน่า!!....เธอน่ะถอยออกไปได้แล้ว!! ได้ยินรึเปล่า" ไดสึเกะ ตะโกนลั่น
ทางฝูงบินยูนิคอร์น
พวกเขาบินออกมาพ้นระยะ 3 กิโลเมตรแล้ว ก็ Shape-Shift เป็นหุ่นรบมาตั้งหลัก "แบบนี้แย่แน่!!" โซเนีย เห็นท่าไม่ดี เธอหันหลับแล้วกำลังจะเร่งท่อขับดันเพื่อบินกลับไป ทันใดนั้นเธอก็เห็น VF-30 Chronos เล็งปืนมาที่เธอ สายตาของ โซเนีย อึ้งไปครู่หนึ่ง แต่แววตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เธอ Shape-Shift เป็นโหมดบิน เปิดท่อขับดันสุดตัว โยฮัน ผู้ที่เล็งปืนไปยัง VF-1 ของ โซเนีย กลับไม่กล้าที่จะยิง เขาได้แต่ปล่อยเธอบินย้อนกลับไป
ในจังหวะที่ Messiah และ Striker ต่อสู้กับ Arachna ยักษ์อยู่นั้น
VF-1 Valkyrie ของ โซเนีย ก็พุ่งเข้ามารวบตัว Messiah อย่างแรงแล้วลาก ไดสึเกะ ออกมา "คุณโซเนีย!! ทำอะไรครับเนี่ย!!" ไดสึเกะ ถามขึ้นด้วยความตกใจขณะถูกลากตัวออกมา "มาช่วยไม่ให้คุณซาซากิ ต้องมาตายอย่างไร้ค่าน่ะสิคะ" โซเนีย ตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ในขณะที่ VF-Striker ซึ่งต่อสู้กับ Arachna ยักษ์เพียงลำพัง ก็ถูกโจมตีจนร่วงไถลไปกับพื้น พัชรี ได้รับบาดเจ็บ Shield กระจกหมวกนักบินของเธอแตก เลือดเริ่มไหลลงมาจากหน้าผาก "หนีไปซะ ซาซากิ ไดสึเกะ....หน้าที่นี้เป็นของชั้น ....ยังมีหน้าที่ที่สำคัญกว่ารอนายอยู่อีกมาก!!" ขณะที่ Arachna ยักษ์เปลี่ยนทิศทางไปหา Messiah และ VF-1 พัชรี ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ Striker ที่นอนอยู่บนพื้น ยกปืนใหญ่สลายมวลสารซึ่งถูกติดตั้งไว้ที่แขนทั้งสองข้างขึ้น เธอลั่นไลอย่างไม่รอช้า กระสุนสลายมวลสารพุ่งเข้าใส่หลัง Arachna ยักษ์ จนมันหันกลับมาอีกครั้ง
ครั้งนี้มันพ่นกรดปริมาณมหาศาลเข้าใส่ Striker ปริมาณน้ำกรดนั้นสามารถสลาย Striker ได้ในพริบตา "พัชรี!!!!" ไดสึเกะ ตะโกนสุดเสียง แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ได้เพียงแต่มองผ่านห้องนักบินเท่านั้น
แต่แล้วคลื่นแสงโปร่งใส ดันพุ่งลงมาจากฟ้าเสียก่อน แรงดูดในพริบตาของมันทำให้ Arachna แหลกสลาย หลังจากนั้น มันก็เริ่มดูดวัตถุรวมไปถึงอากาศทั้งหมดที่อยู่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตราจะจุดปะทะ พัชรี ยิ้มให้กับวาระสุดท้ายของตัวเอง "ลาก่อน....ซาซากิ ไดสึเกะ....ความหวังแห่ง Aiacos" VF-Striker รวมไปถึงซาก Valkyria Unit ที่เสียหาย ซาก Arachna ตัวอื่น ก็ถูกดูดเข้าไปอย่างรวดเร็ว VF-1 และ Messiah เร่งท้อขับดันสุดกำลังเพื่อหนีแรงดึงดูดของคลื่น ก่อนที่จะร่วงลงบนพื้นพร้อมกัน ชั่วพริบตา พื้นที่รัศมี 3 กิโลเมตรจากจุดที่ลำแสงปะทะหายวับไปหมด ทิ้งไว้เพียงหลุมกลมขนาดใหญ่
VF-25F และ VF-1 ใช้เชื้อเพลิงไปจนหมด ฝูงบินยูนิคอร์น บินมารับท่ามกลางเหตุการณ์ที่สงบลง ไดสึเกะ นั่งทุบแผงควบคุมอยู่ด้วยความเจ็บใจ ส่วน โซเนีย ก็นั่งน้ำตาซึมอยู่ใน Cockpit เช่นกัน
................................................................
8 วันต่อมา ณ ห้องทำงานประธานาธิบดี
วอลเบิร์ต กำลังรับรายงานความคืบหน้าจาก เกี่ยวกับผลงานวิจัยชิ้นใหม่ทางสายโทรศัพท์ "ตอนนี้เราพัฒนาอุปกรณ์แปลงคลื่นสมองมนุษย์ให้สื่อสารกับ Arachna ได้สำเร็จแล้วครับ" "เราเรียกมันว่า Omnipotent ผู้ที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง ตอนนี้ขาดแค่การทดสอบจริงเท่านั้น" "อุปกรณ์ที่คุณว่าน่ะ มันสามารถทำให้เราทำลายพวก Arachna ได้ใช่ไหม ดร.โอคิตะ รินโด" "อ่ะ...เอ่อ....ถ้าสั่งการมันได้....เราก็น่าจะกำจัดพวกมันได้ไม่ยากหรอกครับ...ท่านประธานาธิบดี" "ดีมาก....แล้วแผนการล่ะ คุณเสนอให้เราใช้งานมันในลักษณะไหน....คิดไว้รึยังล่ะ....." "ผมได้ติดตั้ง Omnipotent เอาไว้ใน Valkyria Unit รุ่นทดสอบเรียบร้อยแล้วล่ะครับ....."
แต่ทันใดนั้นเอง รินโด ก็พูดอะไรแปลกๆ ขึ้นมา "เอ่อ....นี่เธอเป็นใครกัน" ปังปังปังปังปัง!! วอลเบิร์ต ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีที่ได้ยินเสียงปืนผ่านโทรศัพท์ "ดร.โอคิตะ!! นั่นมันเสียงปืนนี่!!" ขณะเดียวกัน วอลเบิร์ต ก็รับรู้ได้ว่ามีเสียงเท้าของใครบางคนเดินออกมาจากเงามืดภายในห้อง
ชายในเงามืดเล็งปืนมาทาง วอลเบิร์ต "นี่เธอ....."
ปัง!!! ปืนถูกลั่นขึ้นหนึ่งนัดอย่างเลือดเย็น กระสุนทะลุเข้ากลางหน้าผาก ทำให้ วอลเบิร์ต ล้มลงกับเก้าอี้และถูกช็อตจนตัวไหม้เกรียม
"เวลาที่รอคอย....ในที่สุดก็มาถึงซะที....Omnipotent....ผู้อยู่เหนือสรรพสิ่ง...."
つづく.
|
|