|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Aug 22, 2018 10:59:18 GMT
EP.12 : The Adventure of Minos ภายในหุบเขาทางตอนเหนือของ Gliese 667Cc
Ironsuit เครื่องหนึ่งกำลังเดินสำรวจไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ซีคและเบลล่าในห้องพลขับมองไปรอบๆ เบลล่ากำลังมองหาจุดที่เหมาะสมที่สุดในการลงไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืช ซึ่งอาจจะเป็นพันธุ์พืชที่เธอต้องการ ในขณะที่ซีคสอดส่องสายตาไปรอบๆ เขากำลังมองหา Phoenixaurus Rex เผื่อว่ามันยังคิดจะลอบโจมตีอยู่
“สวยจังเลยนะ พื้นที่ตรงนี้น่ะ” เบลล่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เธอมองทิวทัศน์รอบตัวด้วยความตื่นตาตื่นใจ ซีคยิ้มบางๆ เขาเหลือบกลับมามองเบลล่าที่ยืนอยู่อยู่ข้างหลังในห้องพลขับ “ใช่...ที่นี่ไม่เหมือนที่ไหนบนดาวดวงนี้เลย” เบลล่าเหลือบมองเครื่องตรวจจับ เธอก็พบสิ่งที่ต้องการ “เจอแล้วล่ะ ตรงนั้นดูเหมือนจะเป็นจุดที่มีออกซิเจนแน่นหนาที่สุด” ซีคมองไปยังจุดที่เบลล่าชี้ เขาไม่รอช้าที่จะนำ Ironsuit เดินเข้าไปเพื่อส่งให้เบลล่าให้ลงไปทำการสำรวจเก็บตัวอย่าง
เบลล่าโรยตัวลงมาด้วย Sling โลหะ พร้อมกล่องเก็บตัวอย่างสีขาวขนาดสูง 50 c.m. กว้าง 50 c.m. ยาว 80 c.m. มืออีกข้างของเธอถือกล่องอุปกรณ์ ภายในบรรจุเครื่องตรวจจับ อุปกรณ์ขุด และอุปกรณ์ตัด ไว้สำหรับเก็บตัวอย่าง เมื่อลงมาถึงพื้นเธอก็มุ่งหน้าตรงไปยังพุ่มต้นไม้ที่ไม่สูงมากนัก จากนั้นเธอก็หยิบบางสิ่งออกมาจากกล่องอุปกรณ์ มันคือเล็บของ Lycanus ที่ติดมากับเกราะภายนอกของ Phaeton ระหว่างทำการสู้รบกันในเขตทุ่งแห่งแล้ง
ลักษณะทางชีวภาพของ Lycanus เป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ได้โดยมีองค์ประกอบของกัมมันตภาพรังสี เบลล่าจึงยื่นมันเข้าไปใกล้ต้นไม้ที่เธอต้องการตรวจสอบ และใช้อุปกรณ์ตรวจจับกัมมันตภาพรังสีช่วยทดสอบ หากกัมมันตภาพรังสีที่ถูกปล่อยออกมาจากเล็บ Lycanus ถูกดูดกลืนจนจางลง แปลว่าเธอพบสิ่งที่ต้องการ แต่ดูเหมือนมันไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะต้นไม้ในหุบเขาแห่งนี้มีหลายสายพันธุ์ และสายพันธุ์แรกไม่ใช่สิ่งที่เธอตามหา
ซีคนำ Ironsuit เดินห่างออกจากเบลล่าไม่มาก เขารู้ดีกว่าที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัย จึงคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอด ถึงแม้ Phoenixaurus Rex จะไม่เหมือน Phoenixaurus ทั่วไป เพราะมันอยู่อย่างสันโดษ ไม่มีฝูงของตัวเอง แต่เจ้าของรังแห่งนี้ก็ยังไม่ได้หนีไปไหน และยังไม่ตาย เขาจึงไม่สามารถวางใจอะไรได้ กระทั่งซีคหันไปเห็นบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวในพุ่มไม้สูง ห่างออกไปราว 100 เมตร “อยู่นั่นเองสินะ..” ซีคจึงนำ Ironsuit เดินเข้าไปบีบพื้นที่ไม่ให้สิ่งที่เขาเห็นเข้ามาใกล้เบลล่า กระทั่งมันแสดงตัวออกจากพุ่มไม้
ซ๊าสสสสสสสสสส!!!
เสียงคำรามของ Phoenixaurus Rex เจ้าเก่าดังขึ้นทำให้เบลล่าสะดุ้งหน้าซีด มันเดินออกมายืนต่อหน้าซีค ร่างกายของมันดูย่ำแย่มาก ขนสีทองซึ่งเคยเป็นเกราะสะท้อนแสงหายไปเป็นกระจุก เลือดสีแดงอาบทั่วร่างของมัน ปีกขนาดใหญ่ทั้งซ้ายและขวาถูกตัดขาดไป มันเหลือเพียงปีกขนาดเล็กซึ่งมีไว้เพิ่มประสิทธิภาพในการบินกลางอากาศ ตอนนี้มันบินไม่ได้เหมือนเก่าแล้ว เกราะป้องกันของมันก็เหลือเพียงบางส่วน แต่มันยังเหลือกรงเล็บ แพนหางและจะงอยปาก
ซีคหรี่ตาลงด้วยสายตาที่จริงจัง “เดี๋ยวดิ!! เปลี่ยนเป็นสายตาที่พึงพอใจก่อนจะได้โชว์เทพแทนได้มั้ยฟะ!!?” ไม่ได้ ฉากนี้ต้องจริงจัง “จริงจังก็จริงจังฟะ เบลล่า!! เธอรีบหาพืชที่เธอต้องการให้เจอเข้าล่ะ...ชั้นจะถ่วงเวลาไว้ให้” “เมื่อเธอเจอสิ่งที่ต้องการแล้ว….จงวิ่งหนีไป….ไปให้ถึง Phaeton ถ้าชั้นฆ่าเจ้าลูกเจี๊ยบนี้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องรอชั้น….” “เราต่างมีหน้าที่ที่จะต้องทำ….เธอต้องทำหน้าที่ของเธอให้สำเร็จ….และการปกป้องเธอก็คือหน้าที่ของชั้น!!”
เบลล่าถอนหายใจด้วยสายตากังวล “ชั้นรู้แล้วล่ะ…..ชั้นจะหามันให้พบ!!…..เป็นไปได้ก็อย่าตายนะซีค…..” ซีคเหลือบกลับหลังมามองเบลล่า “ชั้นเชื่อว่าเธอทำได้….แต่รับปากไม่ได้หรอกว่าจะไม่ตาย เรื่องนี้คนยังตายน้อยอยู่เลย” เมื่อพูดจบเขาก็หันกลับมาจ้องที่ Phoenixaurus Rex ซึ่งกำลังเดินวนๆ รอจังหวะโจมตีอยู่เบื้องหน้า
Ironsuit ของซีคยกปืนยาวขึ้นเล็งไปยัง Death Bringer “เอาล่ะ….ได้เวลาสะสางเรื่องส่วนตัวกันแล้วสินะ”
………………………………………...
หน้าปากทางเข้าหุบเขา
Ironsuit II หุ่นรบสีส้มติดอาวุธหนักได้ลงจอดกระแทกพื้นต่อหน้า Ironsuit ของธีโอดอร์ และลอว์เรนซ์ พลโทแอนเดอร์สันหรี่ตาลงเล็กน้อยระหว่างกวาดสายตาไปยัง Ironsuit ทั้ง 2 เครื่องที่อยู่เบื้องหน้าของตน “ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ ว่าพวกปลายแถวจะมีฝีมือมากพอเอาชนะหน่วยพิเศษของผมได้...”
คำถามลอยๆ ของพลโทแอนเดอร์สันก็ได้รับคำตอบจากธีโอดอร์กลับมาว่า “ผิดแล้วล่ะครับ” “ที่อยู่ต่อหน้าท่านไม่ใช่พวกปลายแถว แต่เป็นหน่วยพิเศษที่ท่านสั่งให้มาตายตะหากล่ะ!!” ลอว์เรนซ์ขมวดคิ้ว เธอจ้องมองไปที่ Ironsuit II ด้วยสายตาอาฆาตแค้นหมายจะฆ่าให้ตาย “เพราะความเห็นแก่ตัวของท่าน เพื่อนๆ ของชั้นจึงต้องมาตาย!! ท่านจะต้องชดใช้สิ่งที่ก่อไว้!!”
พลโทแอนเดอร์สันแสยะยิ้ม “หึ!! อย่างนั้นหรอกหรอ ถ้ารู้หมดแล้วก็ไม่จำต่อเสแสร้งกันแล้วล่ะนะ...” “ชั้นจะฆ่าพวกแกให้หมด และนำ Phaeton กลับไป โดยที่ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของพวกแก...” “ชั้นจะช่วยให้พวกแกดูมีคุณค่าขึ้นมาหน่อย ด้วยการทำให้ประชาชนคิดว่าพวกแกเป็นวีรบุรุษ” “เป็นกลุ่มคนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการออกจากกรงขังขนาดยักษ์ที่เรียกว่า Minos” “และเป็นผู้สังเวยชีวิตเพื่อพิสูจน์ว่าทฤษฎีดัดแปลงมนุษย์ของชั้นน่ะสมเหตุผล และดีที่สุด!!!”
เมื่อพูดจบพลโทแอนเดอร์สันก็ใช้ปืนยาว 8 กระบอกที่ติดอยู่กับแพคหลังใหญ่โตทั้งสองข้างยิงออกไป ธีโอดอร์ และ ลอว์เรนซ์ รู้ตัวอยู่แล้วว่าจะต้องถูกโจมตี จึงเตรียมพร้อมต่อสู้ตั้งแต่วินาทีแรก ทั้งสองเปิดท่อขับดันพุ่งตัวแยกออกจากกันเพื่อหลบกระสุนที่ยิงเข้ามาจากระยะร่วม 300 เมตร แต่พลโทแอนเดอร์สันก็ไม่ยอมหยุดเท่านั้น เขายกปืนกระบอกอื่นยิงขึ้นตามไปอย่างต่อเนื่อง
ธีโอดอร์กัดฟันบังคับ Ironsuit ให้เคลื่อนที่หลบซ้ายทีขวาทีอย่างยากลำบาก แม้จะหลบได้ก็ตาม “Ironsuit II เป็นเครื่องรุ่น Prototype ที่แก้ไขจุดบกพร่องของ Ironsuit รุ่นแรกซึ่งมีพื้นฐานจากหุ่นแรงงาน” “มันถูก Upgrade ระบบขับเคลื่อนและ Software ให้เป็นหุ่นรบทางการทหารอย่างแท้จริงรุ่นแรก” “การเคลื่อนไหวของมันจึงดีกว่าเครื่องของพวกเรามาก แถมอาวุธของมันก็ยังร้ายแรงกว่าด้วย”
ลอว์เรนซ์ฟังธีโอดอร์อธิบายเบื้องต้น เธอก็เริ่มเข้าใจว่าเหตุใดการต่อสู้ครั้งนี้ถึงเริ่มต้นด้วยความลำบาก “ตอนนี้ปัญหาของเราคืออาวุธของมัน….นายเห็นอาวุธที่แพคหลังทั้งสองข้างนั้นมั้ยล่ะธีโอดอร์!!?” “มันประกอบไปด้วยแกนหมุนปืนยาวยิงรอบทิศทางถึงข้างละ 4 กระบอก….มันก็ไม่น่าแปลกหรอก...” “ถ้าเครื่องนั่นจะมีอัตราการยิงปืนยาวที่ต่อเนื่องขนาดนี้….ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ เราต้องเสร็จมันแน่….”
ธีโอดอร์มองไปที่ปืนยาวทั้ง 8 กระบอกของ Ironsuit II ซึ่งกำลังทำหน้าที่สลับกันยิงใส่เขาและลอว์เรนซ์ ด้วยเหตุที่ต้องบินหลบการยิงที่ต่อเนื่อง ทำให้ธีโอดอร์ และลอว์เรนซ์ ต้องทำการยิงขณะเคลื่อนที่ไปด้วย ทั้งสองไม่มีเวลาในการตั้งสมาธิเล็งก่อนยิง ทำให้กระสุนส่วนมากไม่เข้าเป้า ถึงเข้าเป้า Ironsuit II ก็หลบได้ เขากัดฟันเล็กน้อย “เราต้องทำลายปืนนั่นทิ้ง ถ้าจะยิงทำลายมันทีละกระบอก ชั้นว่าคงไม่ใช่ความคิดที่ดี”
ลอว์เรนซ์เห็นด้วย “งั้นจะเป็นยังไงถ้าเราเล็งไปที่แกนหมุนหลักของปืนที่แพคหลังทั้งสองข้าง….?” ธีโอดอร์เหลือบหางตามามองลอว์เรนซ์ผ่านจอภาพ “เป็นความคิดที่ดี แต่เราอาจโดนยิงสวนกลับมาได้นะ...” “ถ้าเธอต้องการยิงเพื่อหวังผล เราต้องยิงพร้อมๆ กัน และเราต้องเล็งให้ดีก่อนที่จะยิง จังหวะนั้นเราจะเป็นเป้านิ่ง” ลอว์เรนซ์ถอนหายใจ “แต่มันก็ไม่มีวิธีไหนดีกว่านี้แล้วใช่มั้ยล่ะ….เราต้องวัดดวงกันหน่อยแล้ว!!”
พลโทแอนเดอร์สันมีท่าทีสบายอกสบายใจกับการควบคุมระบบปืนที่แพคหลังไล่ยิงธีโอดอร์และลอว์เรนซ์ “เอ้า เอ้า เอ้า หนีเข้าไป หนีไปอย่างนั้นแหละ ชั้นจะคอยดูซิว่าจะหนีไปได้อีกสักกี่น้ำกัน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ธีโอดอร์ และลอว์เรนซ์ มีสีหน้าภายใต้ความกดดันกับสถานการณ์ที่พวกเขาแทบไม่มีทางได้ตอบโต้ พวกเขาเลือกที่จะฉากหลบออกมาคนละทางด้วยการร่อนเหนือพื้น กระทั่งอยู่ในตำแหน่งคนละฝั่งของ Ironsuit II ด้วยความตั้งใจที่จะยิงทำลายทั้งสองเครื่องไปพร้อมกัน พลโทแอนเดอร์สันจึงไม่หันหน้าเน้นไปยังเครื่องใดเครื่องหนึ่ง
ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนการที่ธีโอดอร์ และลอว์เรนซ์ คิดเอาไว้
…………………………………….
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Aug 22, 2018 11:03:02 GMT
“จังหวะนี้แหละธีโอดอร์!!”
ลอว์เรนซ์ตะโกนขึ้น เธอเปิดไอพ่นสวนการเคลื่อนที่เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของ Ironsuit ลงและเล็งยิง ธีโอดอร์เห็นเช่นนั้น เขาก็พร้อมจะวัดดวงกับลอว์เรนซ์ เขาหยุดการเคลื่อนที่เช่นกัน และเล็งยิง ทั้งสองเล็งไปที่แกนหมุนปืนยาวทั้ง 8 กระบอกที่แพคหลังของ Ironsuit II ก่อนจะยิงออกไปพร้อมกัน จังหวะที่ยิงนั้น เป็นการยิงแลกใส่กัน พลโทแอนเดอร์สันก็ไม่คิดว่าทั้งสองจะหยุดการเคลื่อนไหวให้ยิงง่ายๆ เขาจึงไม่เคลื่อนที่หลบ เขามั่นใจว่า Ironsuit II จะรับการโจมตีได้ จึงจงใจยิงแลกเพื่อเผด็จศึก
กระสุนจากปืนยาว Ironsuit ของธีโอดอร์ และลอว์เรนซ์พุ่งตรงเข้าใส่แกนหมุนที่แพคหลังของ Ironsuit II แม้ Ironsuit II จะมีเกราะป้องกันที่เหนือกว่า Ironsuit ทั่วไป แต่พลโทแอนเดอร์สันกลับมองข้ามบางอย่างไป จุดที่เป็นแกนหมุนปืนยาวที่แพคหลังของ Ironsuit II ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รับแรงกระแทกเหมือนส่วนอื่น เพราะโดยทั่วไป บริเวณตรงจุดนั้นไม่ใช่จุดสำคัญซึ่งไม่ว่าศัตรูชนิดใดก็คงไม่จงใจโจมตีใส่จุดนั้น
ตูม!!!........................
แกนหมุนแพคข้างทั้งสองข้างของ Ironsuit II ถูกกระสุนที่ยิงเข้ามาจากทางซ้ายและขวาเข้าปะทะจนใช้การไม่ได้ มันเป็นจังหวะเดียวกับที่กระสุนจากปืนแพคข้างของ Ironsuit II พุ่งเข้าปะทะไหล่ซ้ายของ Ironsuit ของธีโอดอร์ แขนซ้ายของ Ironsuit ถูกทำลาย แรงกระแทกทำให้ Ironsuit ของธีโอดอร์กระเด็นหมุนเคว้งก่อนล้มลง เขาได้รับบาดเจ็บ ทางด้าน Ironsuit ของลอว์เรนซ์ก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไร เธอโชคดีกว่าธีโอดอร์เล็กน้อยที่ถูกโจมตีที่มือขวา ปืนยาวของลอว์เรนซ์หลุดลอยออกไป มันเสียหายจนใช้การไม่ได้ แต่ลอว์เรนซ์ไม่ได้รับบาดเจ็บ
พลโทแอนเดอร์สันขมวดคิ้ว “หึ!! หัวดีเหมือนกันนี่ แต่ทำได้แค่นี้มันไม่พอจะเอาชนะชั้นคนนี้ได้หรอก” พูดจบเขาก็ปลดแพคหลังที่ได้รับความเสียหายจนใช้การไม่ได้ทิ้งไป แล้วเปิดช่องยิง Missile ออกมา Ironsuit II ได้รับการติดตั้ง Missile เอาไว้ถึง 4 ลูก และมันก็ถูกปล่อยออกมา เป้านั้นล็อคไปที่ Ironsuit ทั้งสอง
ธีโอดอร์เห็น Missile ที่พุ่งเข้ามา เขาจึงรีบบังคับ Ironsuit ให้ลุกขึ้นแล้วหลบวิถีของ Missile ที่หลังก้อนหิน ลอว์เรนซ์เองก็ยังมีสมาธิพอ เธอเลือกที่จะบินวนไปหลบหลังก้อนหินขนาดใหญ่อีกก้อนที่อยู่ไม่ห่างมากนัก มิซซายทั้ง 4 ลูกระเบิดขึันอย่างแรง ทำเอา Ironsuit ของธีโอดอร์ และลอว์เรนซ์ ลอยกระเด็นออกจากที่กำบัง Ironsuit ของพวกเขาได้รับความเสียหายพอสมควร แต่พวกเขาก็ต้องฝืนลุกขึ้นเพราะการต่อสู้ยังไม่รู้ผล
พลโทแอนเดอร์สันยิ้มมุมปาก เขาสบัดอาวุธมีดดาบออกมาถือไว้ในซ้าย และถืออาวุธปืนยาวด้วยมือขวา
…………………………………………..
ภายในหุบเขา
การต่อสู้ของซีคกับ Phoenixaurus Rex ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ซีคเปิดฉากด้วยการใช้อาวุธปืนยาวยิงเข้าใส่ ผลจากอาการบาดเจ็บ ทำให้ Phoenixaurus Rex นอกจากบินไม่ได้แล้ว ความคล่องตัวของมันก็ลดลงอีกด้วย มันวิ่งตรงดิ่งเข้าใส่ Ironsuit ของซีค พลางหลบกระสุนปืนยาวไปด้วย แต่มันก็ไม่สามารถหลบได้ทุกนัด เมื่อวันถูกยิงใส่จุดที่ไม่มีเกราะป้องกัน เลือดทีแดงของมันก็สาดกระเซ็นจนล้มลง แต่มันก็ลุกขึ้นใหม่ กระสุนของซีคยิงเข้าเป้าทำให้มันล้มลงอยู่ 3 ครั้ง เขาคิดว่าครั้งที่ 3 มันคงต้องสิ้นฤทธิ์แล้วแน่นอน
ซีคยิ้มอย่างมีชัยหลังมันล้มลงครั้งที่ 3 แล้วพูดขึ้น “โอมาเอวะ โม่ชินเดรุ!! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…..หน่านิ!!?” ทว่าผลกลับไม่เป็นเช่นนั้น ซีคไม่สามารถถอยหลังเพื่อยืดระยะห่างจากมันได้เพราะต้องคุมพื้นที่เอาไว้ ในการล้มลงครั้งที่ 3 ของมัน ระยะห่างระหว่าง Ironsuit ของซีค กับตัวของ Phoenixaurus Rex นั้นใกล้พอ มันลุกพร้อมกระโจนโผเข้าใส่ Ironsuit ของซีค ซีคเองที่คิดว่ามันไม่น่าจะลุกขึ้นมาได้เขาจึงไม่ทันตั้งตัว
ฟึ่บ!!...........................
Phoenixaurus Rex พุ่งเข้าจิกใส่ Ironsuit ของซีค แต่โชคยังพอเข้าข้างซีคอยู่บ้าง เพราะร่างกายของมันบาดเจ็บ ทำให้มันลืมกะประมาณระยะการโจมตีของตัวมันเองที่ลดลงจากปกติ จะงอยปากของมันจิกถึงแค่ปืนยาว Ironsuit ของซีคเท่านั้น มันจึงเลือกที่จะสบัดคอออกไปด้านข้าง
ด้วยความที่เดิมที Ironsuit ถูกออกแบบมาให้ใช้แรงงาน จึงมีมือคล้ายมือมนุษย์ ไม่ได้ติดอาวุธแบบ Build In ทำให้การยึดจับอาวุธไม่ได้มั่นคงหรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับช่วงแขน ปืนยาวจึงหลุดลอยตามแรงสะบัดไป หลังจากสะบัดปืนยาวทิ้งไปได้ มันก็เริ่มใช้กรงเล็บ และจะงอยปากโจมตีเข้าใส่ Ironsuit ของซีคในระยะประชิด ซีคไหวตัวทัน เขาชักอาวุธมีดดาบออกมาเพื่อทำการต่อสู้คลุกวงในกับ Death Bringer อย่างชุลมุน
แม้ว่าที่ผ่านมาซีคจะเคยเห็นวิธีการโจมตีของ Phoenixaurus Rex และเดาทางของมันได้ แต่มันก็เป็นการหลบการโจมตีไม่กี่จังหวะ และมีเพื่อนๆ คอยยิงสนับสนุนเข้ามาเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง เขาจึงยังไม่เคยต้องรับมือมันแบบตัวต่อตัวเช่นนี้ ทำให้ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อมันใช้ปีกเล็กตบเข้าใส่ Ironsuit ของซีคเสียหลักเซไปด้านหลัง Phoenixaurus Rex ใช้กรงเล็บข้างขายกขึ้นย่ำเข้าใส่หน้าท้อง จากนั้นมันก็กด Ironsuit ของซีคลงกระแทกพื้นอย่างแรง แรงกระแทกนั้นรุนแรงทำให้ระบบทุกอย่างดับลง
“แอ่ก!!” ซีคกระอักเลือดออกมา เขาได้รับบาดเจ็บช้ำในจากแรงกระแทกราวกับตกตึก 3 ชั้น “บ้าชิบ!! ขยับอะไรไม่ได้เลย….” ซีคพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น เพราะ Ironsuit ไม่ตอบสนองคำสั่งการเลย ซ๊าสสสสสสสสสสสสสส!!!!! Phoenixaurus Rex ร้องทำรามเสียงแสบแก้วหู มันชูคอขึ้นสูง “ม่ายน๊าาาาาาาาาาาาา!!!” ซีคร้องตะโกนอย่างน่าเวทนา ขณะที่ Phoenixaurus Rex กำลังจะจิกลงมา แต่มันกลับหยุดลง และหันไปทางเบลล่า เธอกำลังจ้องมองพืชชนิดหนึ่งอยู่ มันเป็นพืชต้นเล็กๆ เมื่อ Death Bringer เห็นว่าเบลล่ากำลังเอื้อมมือไปยังพืชต้นนั้น มันก็ลุกขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปยังเบลล่าทันที
ซีคตกใจเมื่อเขาเห็นว่าเจ้านกยักษ์หมดความสนใจในตัวเขา และมันเลือกที่จะโจมตีใส่เบลล่าแทน “เบลล่า……ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว…….มันคงถึงเวลาแล้วสินะ…...เวลาโชว์ความเมพขิงๆ ที่แท้จริงของพระเอก” “เห้ย!! พวกแกที่อ่านอยู่น่ะ….รอลุ้นเวลานี้อยู่สิท่า อยากรู้ว่าชั้นจะโชว์ความเป็นพระเอกยังไงใช่มั้ย…..” “บอกตามตรง….ชั้นก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกัน…..ขอเวลานึกแพ๊บ….จะโชว์เมพแบบไหนดีไม่ให้คนด่าน๊า...”
“อืมมม….ถ้าเป็นพวกโชเน็งอย่างอิจิโปก ก็คงใช้ท่าไม้ตายขั้นสุดท้ายรวมร่างกับดาบเผาหน้ากระดาษไป 2 หน้า” “ถ้าเป็นนารุโตก ก็คงจะเปิดโหมด 9 หาง เบ่งร่างหมาแล้วใช้กระสุนวงจักรยกษ์ในการโจมตีเพื่่อจบเรื่อง...” “ถ้าเป็นลูฟีบอาจจะใช้เกียร์ 3 เกียร์ 4 หรืออาจจะยาวไปถึงเกียร์ 10 ทั้งที่สมัยนี้ Supercar เขาใช้เกียร์คลัชคู่กันหมดแล้ว” “ส่วนโงกุนเชียง ซึ่งจริงๆ ชื่อว่าโกงกู คงจะใช้พลังบอลกิมจิที่ชาร์อยู่ 2 ตอนเหมือนทุกภาค...อ๊ะแต่ภาค 2 ไม่ได้ใช้นะ...” “ดูๆ แล้วที่ว่ามาคงจะเอามาใช้ในเรื่องนี้ไม่ได้….ก็นี่มันนิยายไซไฟ ไม่ใช้นิยายแฟนตาซีปล่อยแสงซะหน่อย….”
“เอ…..ระหว่างที่ชั้นใช้ความคิดอยู่เนี่ย….พวกแกมัวมาอ่านอยู่ทำไม...ทำไมไม่ไปอ่านฉากต่อไปฟะ!!!? ไป๊!!”
………………………………………….
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Aug 22, 2018 11:07:54 GMT
ปากทางเข้าหุบเขา
ลอว์เรนซ์ และ ธีโอดอร์ เลือกที่จะเข้าต่อสู้ประชิดกับ Ironsuit II ของพลโทแอนเดอร์สัน แต่ด้วยความเร็วและพละกำลังที่มากกว่า ประกอบกับระบบ Software ควบคุมที่ไม่มีดีเลย์ 0.3 วินาที Ironsuit II สามารถหลบการโจมตีด้วยอาวุธมีดดาบของธีโอดอร์ และลอว์เลนซ์ได้ทุกครั้ง ระหว่างที่หลบการฟันครั้งแล้วครั้งเล่า พลโทแอนเดอร์สันก็ชกเข้าตามลำตัวและหน้าอกของคู่ต่อสู้
Ironsuit ของธีโอดอร์ที่เหลือแขนขวาเพียงข้างเดียว เสียหายหนักมากยิ่งขึ้น อาการบาดเจ็บก็เริ่มหนักขึ้น ส่วนลอว์เรนซ์เริ่มมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ชิ้นส่วนเกราะตามลำตัวแขนขาของเธอเริ่มหลุดเป็นชิ้นๆ “ทำได้แค่นี้อย่างนั้นหรอ….น่าผิดหวังซะจริง!!” พลโทแอนเดอร์สันยิ้มปนขำพลางส่ายหน้า ธีโอดอร์ และลอว์เรนซ์ รู้ดีว่าแทบไม่มีโอกาสชนะ แต่การได้ลองทุกวิถีทางดีกว่ายอมแพ้ง่ายๆ กระทั่ง….
หมับ!!! Ironsuit II จับแขนขวาของ Ironsuit ของธีโอดอร์ที่กำลังแทงอาวุธมีดดาบเข้ามาไว้ที่ข้อมือ
ธีโอดอร์หรี่ตาลงแล้วตะโกนขึ้นว่า “ตอนนี้แหละลอว์เรนซ์!! จัดการกับไอ้บ้านี่ซะ!!!” ลอว์เรนซ์ไม่รอช้า เธออ้อมเข้ามาจากด้านหลังหมายจะแทงเข้าใส่ Ironsuit II ด้วยอาวุธมีดดาบ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อ Ironsuit II หันกลับไปทางขวาพร้อมกับยกขาขึ้นมาชี้ไปทางลอร์เรนซ์ พลั่ก!!! Ironsuit II ถีบเข้าเต็มลำตัวของ Ironsuit ของลอว์เรนซ์ ทำให้เครื่องของเธอกระเด็นลอย จากนั้นพลโทแอนเดอร์สันก็ใช้อาวุธปืนยาวที่มือขวายิงซ้ำเข้าใส่เต็มหน้าอกของ Ironsuit ของลอว์เรนซ์ เครื่องของลอว์เรนซ์ปลิวไปตามแรงปืนยาว ร่วงลงไถลไปกับพื้น ก่อนจะไปหยุดกระแทกกับต้นไม้และดับสนิท
จากนั้น Ironsuit II ก็หันกลับมา พลโทแอนเดอร์สันใช้พละกำลังที่เหนือกว่าหักแขนขวา Ironsuit ของธีโอดอร์ ตามด้วยการยกขาขวาเตะเข้าใส่ต้นขาซ้าย Ironsuit ของธีโอดอร์ มันหักพับ Ironsuit ทั้งเครื่องทรุดตัวลงกับพื้น “จบกันเท่านี้แล้วล่ะนะ…..แกไม่มีทางชนะชั้นได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…..แกน่ะ...เลือกผิดฝั่งแล้วล่ะเดอลาครัวซ์” ธีโอดอร์ได้แต่กัดฟันรับสภาพความพ่ายแพ้เพราะความแตกต่างของยุทโธปกรณ์ เขาไม่สามารถตอบโต้อะไรได้
Ironsuit II นำปืนยาวมาจ่อที่หน้าอกของ Ironsuit ของธีโอดอร์ ก่อนจะยิงเข้าไป 1 นัด ……….ตูม!!! ความรุนแรงทำให้เกราะส่วนหน้าอกหลุดกระเด็น พลโทแอนเดอร์สันจะต้องยิงซ้ำอีกนัดเพื่อปลิดชีพ
เปรี้ยง!!!!!!!!!!!
Ironsuit II ถูกปะทะด้วยกระสุนจากด้านข้าง แขนขวาของมันหลุดกระเด็น ตัวหุ่นเซไปมา
เปรียง!!!!!!!!!!
Ironsuit II ถูกยิงซ้ำจนต้องปล่อยมือจาก Ironsuit ของธีโอดอร์ มันเซหันหลังให้กับทิศทางกระสุน
เปรียง!!!!!!!!!!
กระสุนนัดที่สามพุ่งเข้ากลางหลัง ทำให้ Ironsuit II หน้าทิ่มไถลลงไปกับพื้น การทำงานของมันหยุดลง
“อั่ก…...นี่…..มัน……...อะไรกัน……...ใครกัน….นะ” พลโทแอนเดอร์สันกระอักเลือดออกมา เขามองไปที่ต้นทางของวิถีกระสุน เขาก็พบว่ามันถูกยิงมาจาก Phaeton ด้วยปืนใหญ่กระบอกที่ยังใช้การได้ เมื่อมองผ่านกระจกหน้าห้องพลขับเข้าไป ก็พบว่าคนที่ยิงใส่ Ironsuit II ก็คือร้อยตรีเจนนี่ เวอร์ม่า คนที่พลโทแอนเดอร์สันคาดว่าตายไปแล้ว เขาจึงไม่ทันได้ระวังว่าอาจจะถูกโจมตีมาจาก Phaeton หลังยิงออกไป 3 นัด เจนนี่ก็ล้มลงในห้องพลขับของ Phaeton เนื่องจากยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บดี พลโทแอนเดอร์สันค่อยๆ ดึงมือและขาออกจากปลอกคันบังคับ ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัย และก้าวออกจากข้องพลขับ
เมื่อเขาลงมายืนบนพื้นด้วยอาการเซเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปที่เอวและควักอาวุธปืนแมกนั่มมาถือไว้ในมือ
………………………………………….
เจอแล้ว!!
เบลล่าเอื้อมมือไปยังต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าของเธอ มันเป็นต้นไม้ขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายไม้ดอก ดอกของมันมี 5 กลีบ สีของดอกไม้เป็นสีม่วงอ่อน Serenity รูปลักษณ์ของมันวิจิตรงดงาม เครื่องมือของเบลล่าบอกว่า กัมมันตภาพรังสีของเล็บ Lycanus ถูกดูดกลืนหายไปจนหมดสิ้น ออกซิเจนจำนวนมากถูกปลดปล่อยออกมามากกว่าช่วงก่อนที่มันจะเริ่มดูดซับกัมมันตภาพรังสีเข้าไป เธอจึงไม่รอช้าที่จะใช้อุปกรณ์ที่เตรียมมา ขุดมันอย่างบรรจง แล้วนำมันใส่ลงไปในกล่องสีขาว
ทว่าจังหวะนั้น เธอก็ได้ยินเสียงของซีคพูดขึ้นว่า “เบลล่า!! มันไปหาเธอแล้ว!! รีบหนีไป!!” นัยน์ตาของเบลล่าหดเล็กลง เธอหันไปมองด้านหลังก็พบว่า Phoenixaurus Rex กำลังมุ่งหน้ามา เธอจึงตัดสินใจทิ้งอุปกรณ์ทั้งหมดที่นำมาใช้ไว้ตรงนั้น และถือมาเฉพาะกล่องใส่ตัวอย่างต้นไม้เท่านั้น ความเร็วในการวิ่งของเบลล่าถูกเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติด้วยการเสริมแรงจาก Exoskeleton ของชุดสำรวจ ประกอบกับความเร็วในการวิ่งของ Phoenixaurus Rex ที่มีไม่มากเท่าเก่า เพราะมันได้รับบาดเจ็บ มันจึงค่อยๆ ไล่หลังเบลล่าไปทีละน้อย ยิ่งเบลล่าใกล้ทางออกหุบเขามากเท่าใด มันก็ใกล้เข้ามาเท่านั้น
กระทั่งมันตามเบลล่ามาทันที่หน้าปากทางออกหุบเขา เงาร่างของมันปกคุลมร่างของเบลล่า เธอหันมามองขณะพยายามวิ่งต่อไป แต่เธอก็หนีมันไม่พ้นแล้ว มันชูคอขึ้นเตรียมจิกเพื่อปลิดชีพ “ขอร้องล่ะ!!! อย่าทำแบบนี้เลย!! ชั้นไม่ได้มาทำร้ายเธอนะ!!” เบลล่าหลับตาตะโกนลั่น แต่เหมือนมันกลับหยุดการโจมตีลงกระทันหัน เบลล่าลืมตาขึ้นเธอก็เห็นเหตุการณ์ที่ไม่อาจลืม
“เห้ย!! ไอ้ลูกเจี้ยบ มาเล่นกับพ่อก่อนมา!! ปักป๊ากปักปักป๊ากปัก” ซีคตะโกนเรียกเจ้านกยักษ์ เขาฝืนสังขารที่ได้รับบาดเจ็บหนักพอประมาณเพื่อวิ่งตาม Phoenixaurus Rex มาจนตามทัน เมื่อมันหันกลับมาสนใจที่ซีค เขาก็ปล่อยก้อนหินในมือลงพื้น เพราะก่อนหน้าเขาได้ปาใส่มันไปแล้วก่อนหนึ่ง จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปที่หลังเอวเพื่อหยิบของบางอย่างเอามาไว้ในมือ แววตาของเขามุ่งมั่นจริงจัง
“เดี๋ยวๆๆๆๆ ชั้นเกือบลืมไป….ฉากนี้มันต้องมีบทพูดซึ้งๆ ของพระเอกที่สั่งเสียนางเอกก่อนตายสิ!!!” “แล้วศัตรูของพระเอกในที่นี้ก็คือเจ้าลูกไก่น้อย มันต้องโง่ขึ้นมาอย่างกระทันหันไม่ยอมโจมตีทั้งทีมีโอกาส” “เบลล่า….ที่ผ่านมาชั้นขอบคุณมากนะ...เธอเป็นคนเดียวที่ช่วยเหลือชั้นมาโดยตลอด เป็นคนเดียวที่เชื่อในตัวชั้น” “เรื่องของซาเรียสน่ะ….ชั้นรู้หมดแล้ว ชั้นไม่โกรธอะไรเขาหรอก เพราะลึกๆ ชั้นรู้ว่าเขาเป็นคนดี ที่ทำไปเขาก็มีเหตุผล” “ลอว์เรนซ์ถึงจะคอยขัดความขิงของชั้นอยู่เรื่อย แต่เธอก็เป็นเพื่อนที่จริงใจกับทุกๆ คน ชั้นหวังว่าเธอจะคืนดีกับพ่อของเธอได้”
“เด๋ว!! ยังไม่หมด เจนนี่น่ะ เธอเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยเปิดใจกับใคร แต่ชั้นรู้ว่าจริงๆ แล้วเจนนี่น่ะรักเพื่อนของเธอทุกคน” “ส่วนอีธาน เขาเป็นคนที่กล้าหาญ ถึงใครจะมองว่าเป็นตัวประกอบที่คอยเกาะเจนนี่ แต่เขาก็สามารถปกป้องคนที่เขาเคารพรักได้” “ร้อยโทมิดฟอร์ด เธอช่วยพวกเราเอาไว้ และทำให้เรารู้วิธีจัดการเจ้าลูกไก่ตัวนี้ ถ้าไม่มีเธอสักคน พวกเราก็คงตายกันไปหมดแล้ว” “ธีโอดอร์ ชั้นไม่อยากพูดถึงหมอนั่น ชั้นเกลียดขี้หน้ามัน ถึงมันจะเปลี่ยนใจช่วยพวกเราก็เถอะ…..รายนี้ปล่อยผ่าน!!!”
“ยังก่อน….ยังเหลือมาริค ชั้นฝากเธอไปขอโทษเขาด้วยนะเบลล่า...เพราะแผนการทั้งหมดในครั้งนี้ที่ชั้นบอกพวกเธอไป” “อันที่จริงแล้วเป็นความคิดของเขาทั้งนั้น….เขาเป็นคนดี เป็นคนฉลาด ฝากขอบคุณเขาด้วยที่คอยช่วยเหลือพวกเรา….” “ท้ายที่สุด...ท่านรัฐมนตรีวอร์เรน เกตส์ ชั้นอยากบอกเขาว่า ขอบคุณที่สนับสนุนพวกเรา คอยเตือน และแนะนำพวกเราเสมอ”
“ชั้นเกือบลืมไปเลย…..ทีแรกชั้นอยากตั้งชื่อพืชพันธุ์ใหม่ว่า Farstadt Plant เพื่อเป็นเกรียรติให้ความเทพของชั้นเอง” “แต่พอคิดๆ ดูแล้ว ชั้นว่าเราควรตั้งชื่อมันว่า Genesis Plant เพื่อเป็นเกียรติให้แก่พวกเราทุกคนที่ออกมาผจญภัยในครั้งนี้จะเท่ห์กว่า” “นั่นก็เพราะชั้นคิดได้แล้วล่ะว่าการเป็นที่ยอมรับในสังคมมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย ขอแค่เราได้ทำตามความฝัน….” “และความฝันนั้นก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและมวลมนุษยชาติ….แค่เพียงเท่านี้ก็เกินพอแล้วล่ะนะ……..”
“แป๊ปนะ…. พวกแกที่อ่านอยู่น่ะ คงรู้สึกคุ้นกับไอ้ฉากลาตายยาวยืดแบบนี้….ชั้นไม่ได้ Cop มานะโว่ย” “บอกไว้ก่อนว่าคิดเองล้วนๆ ….. ถ้ามันมีฉากไหนของเรื่องไหนมาเหมือน นั่นคือ Cop ฉากนี้ของชั้นไป” “ชั้นน่ะ คิดฉากแบบนี้เอาไว้ตั้งแต่ปี 2013 ก่อนที่อิเจ๊มันเริ่มเขียน The Legend of Aiacos ซะอีก!!” “เอาล่ะ!! ถ้าพวกแกเข้าใจแล้ว ก็ได้เวลาเข้าฉากสำคัญซะที เดี๋ยวหน้ากระดาษจะยาวไปกว่านี้”
“ซะที่ไหนกันล่ะ ชั้นลืมบอกไปอีกอย่าง……..เบลล่า……...ชั้นรักเธอนะ……….”
“เอาล่ะ ได้เวลาแล้วเจ้าลูกไก่!! ส่าเซลึก๊าาาาาาาาาา!!!!!!! ” ซีคพูดขึ้น เขาเริ่มหมุนตัวทวนเข็มนาฬิกาอยู่หลายรอบ ในขณะที่ Phoenixaurus Rex ชูคอขึ้สูง และวินาทีที่มันอ้าปากแล้วสบัดคอลงมาหมายจะจิกกัดร่างของซีคที่กำลังหมุนตัวแปลกๆ อยู่นั้น
“Shining Sword Breaker!!!”
ซีคกระโดดลอยตัวขึ้นพร้อมกับขว้างสิ่งที่เขาถือเอาไว้อยู่ในมือออกไปเต็มแรง ด้วยพลังส่งของชุดสำรวจ สิ่งที่ซีคปาออกไป มันลอยพุ่งตรงดิ่งเข้าปากของ Phoenixaurus Rex วัตถุชิ้นนั้นลอยเข้าไปกระทบลิ้นไก่ ทำให้ Death Bringer เกิดอาการหยุดชะงัก ก่อนกลืนสิ่งนั้นลงคอ ซีคยิ้มมุมปาก “หวังว่าภายในรางกายของแกคงไม่ใช่ขนสีทองสุด OP เหมือนภายนอกนะ...”
วินาทีต่อมา
โพร๊ะ!!!!!!!!!!!!!.................
ลำคอของ Phoenixaurus Rex แตกกระจายอย่างรุนแรง เลือดของมันสาดกระเซ็นไปทั่ว ส่วนหัวของมันหลุดลอยออกจากส่วนลำตัว เพราะสิ่งที่ซีคปาเข้าใส่ปาของมันคือระเบิดมือลูกเกลี้ยง ร่างกายของมันค่อยๆ ทรุดและล้มลง ซีครู้ดีว่าเขาไม่สามารถหนีไปไหนได้พ้น เขาจึงหลับตาลง แล้วยกแขนขวาขึ้นชูนิ้วกลางให้กับ Phoenixaurus Rex ตัวนี้เป็นครั้งสุดท้าย………..
เบลล่าวิ่งเข้าใกล้ปากทางออกหุบเขา เธอหันกลับมาเห็นวินาทีที่ร่างของ Phoenixaurus Rex กำลังล้มลง “ขอโทษทีนะเบลล่า…...” ซีคพูดขึ้นสั้นๆ ก่อนที่ร่างไร้วิญญาณของนกยักษ์จะล้มทับลงใส่ร่างของเขา “ไม่นะ!! ซีค!!........ทำไมกัน…...ทำไม…….” น้ำตาของเบลล่าไหลพรากลงมาเป็นทางจากดวงตา แม้ว่าเธอจะเข้าใจสถานการณ์ดีอยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เธอทรุดตัวลงกับพื้น
เบลล่าไม่สามารถยกมือขึ้นปิดหน้าได้ เพราะกระจกของหมวกกั้นไว้ จึงกำมันไว้แน่น ขณะพยายามกลั้นน้ำตา
………………………………………….
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Aug 22, 2018 11:13:09 GMT
ไม่นานนัก เบลล่าก็เดินเซๆ ออกจากปากทางเข้าหุบเขา
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละสาวน้อย….เธอคงเป็น ผ.ศ.สแกนลอนซ์สินะ” แอนเดอร์สัน พูดขึ้น เขาเล็งปืนมาที่เบลล่า เบลล่าหยุดเดินแล้วเงยหน้ามองสบตากับพลโทแอนเดอร์สัน ตอนนี้น้ำตาของเธอแห้งสนิทแล้ว “ท่านรัฐมนตรีแอนเดอร์สัน….” เบลล่าหรี่ตาลงเล็กน้อย แม้จะถูกปืนเล็งมา ดวงตาของเธอก็ปราศจากความกลัว “ดิชั้นจะไม่หยุดหรอกค่ะ….เพราะสิ่งที่ดิชั้นทำอยู่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง มันเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการอย่างแท้จริง”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” พลโทแอนเดอร์สันหัวเราะออกมา “ผิดแล้วล่ะ!! สิ่งที่เธอทำอยู่มันไร้ความหมายตะหาก” “เธอจะเปลี่ยนแปลงดาวดวงนี้ไปทำไม ทั้งๆ ที่มีวิธีอื่นที่ดีกว่า….การเปลี่ยนแปลงมนุษย์ให้วิวัฒนาการไปอีกขั้น!!” “นั่นแหละสิ่งที่เราควรทำ!! มนุษย์เราหยุดวิวัฒนาการมาหลายหมื่นปีแล้ว!! ไม่คิดหรอว่าที่เราเป็นอยู่ตอนนี้น่ะ...” “มันเกิดขึ้นก็เพราะการไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรเลย….แทนที่จะวิวัฒนาการตัวเองเพื่อทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ให้ทำได้” “มนุษย์กลับสร้างอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ขึ้นมาแทน….การกระทำเหล่านั้นคือจุดจบของวิวัฒนาการ” “สิ่งที่ชั้นกำลังจะทำคือการสานต่อวิวัฒนาการของมนุษย์!!! นั่นแหละคือสิ่งที่ถูกต้องต่างหาก!!”
“ท่านนั่นแหละที่ผิด!!” เบลล่าตอบโต้กลับทันที “การสรรค์สร้างสิ่งต่างๆ ของมนุษย์...นั่นแหละคือวิวัฒนาการ!!” พลโทแอนเดอร์สันหรี่ตาลงเพื่อรอฟังสิ่งที่เบลล่าจะพูดต่อไป “มนุษย์น่ะ ดื้นรนทำทุกวิถีทางให้อยู่รอด” “ด้วยการที่มนุษย์อต่างจากสรรพสัตว์ทั้งปวง เรามีทางเลือกในการวิวัฒนาการ….และมนุษย์ได้เลือกแล้ว” “เราเลือกที่จะวิวัฒนาการด้านความคิด อัจฉริยภาพ และการสรรค์สร้างแทนที่การวิวัฒนาการตามธรรมชาติ…..” “นั่นก็เพราะ….เรายังคงอยากเป็นมนุษย์อย่างนี้ต่อไป!! ไม่ต้องการวิวัฒนาการกลายเป็นสิ่งอื่น!!”
ทันทีที่เบลล่าพูดจบ บางสิ่งก็เคลื่อนที่เข้ามาจากป่าทึบ มันเดินโซเซตรงเข้ามาจากทางด้านขวามือ
สิ่งที่เคลื่อนที่เข้ามาไม่ใช่อะไรหรือใคร มันคือแฟร๊งค์ ฟอนเบิร์กที่อยู่ในร่าง Lycanus พลโทแอนเดอร์สันอึ้งกับสิ่งที่ได้เห็น เม็ดเหงื่อของเขาปรากฏตามใบหน้าภายใต้กระจกของหมวกพลขับ Lycanus ตัวนั้น เอ่ยขึ้นเป็นภาษามนุษย์ว่า “เรา!! ทำ!! สำ!! เร็จ!! แล้ว!! ครับ!! ท่าน!! รัฐ!! ถะ!! มน!! ตรี!!” เสียงของมันเป็นเสียงของแฟร๊งค์ผสมกับเสียงคำรามของ Lycanus ทำให้พลโทแอนเดอร์สันรู้ว่านั่นคือแฟร๊งค์ ใบหน้า Lycanus ด้านซ้ายของแฟร๊งค์ มีรอยแหวอะเพราะถูกอีธานยิง ทำให้เห็นผิวหนังด้านในเป็นสีแดงสด
เบลล่าหันกลับมาหาพลโทแอนเดอร์สัน เธอตะโกนขึ้นว่า “การวิวัฒนาการที่ท่านว่า คืออย่างนี้อย่างนั้นหรอคะ” “ท่านลองดูสิ่งที่ท่านทำกับแฟร๊งค์ให้ชัดๆ สิคะ!! สภาพตอนนี้ท่านกล้าพูดมั้ยล่ะคะว่าคือมนุษย์!!” “ท่านต้องการให้พวกเราทุกคนที่รอดมาจากโลกใบเดิมมามีสภาพเช่นนี้อย่างนั้นหรอคะ!!.....” “ถ้าท่านยังคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยูแล้วล่ะก็…..กระสุนนัดนั้นในปืนของท่าน...ดิชั้นก็จะขอรับไว้เอง!!”
ปัง!!!!!.................
เสียงปืนแมกนั่มในมือของพลโทแอนเดอรสันดังขึ้นหนึ่งนัด ดวงตาของเบลล่าไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ก่อนที่ร่าง Lycanus ของแฟร๊งค์จะล้มลงกองกับพื้น มันถูกยิงซ้ำเข้าที่รอยแผลเหวอะบนในหน้า พลโทแอนเดอร์สันหลับตาลงก้มหน้า เขาปล่อยปืนแมกนั่มให้ร่วงลงสู่พื้นแล้วพูดขึ้นว่า “ชั้นแพ้แล้ว…..”
เบลล่ามีท่าทีที่โล่งใจขึ้น จากนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นธีโอดอร์เดินเข้ามาจากทางด้านหลังของพลโทแอนเดอร์สัน เขาใส่กุญแจมือพลโทแอนเดอร์สันแล้วล็อคไขว้หลัง “ท่านรัฐมนตรีแอนเดอร์สัน ท่านถูกจับแล้ว…...” ในขณะที่ลอว์เรนซ์เดินกะเผลกมายืนข้างๆ เบลล่า ทั้งสองสบตากันด้วยรอยยิ้ม ก่อนโผเข้ากอดกันด้วยความโล่งใจ
“อาวาอาวา โอยยยยย……. โอ้ยเอื้อ……...อื้อหือ……...อ้า………………”
เสียงแปลกๆ ดังออกมาจากหุบเขานัยน์ตาของเบลล่าหดเล็กลง “ซีค!!” เธอพูดขึ้นสั้นๆ จากนั้นก็ผละตัวออกจากลอว์เรนซ์และวิ่งกลับเข้าไปในหุบเขาทันที
………………………………………...
“และแล้วเรื่องราวทั้งหมดก็จบลง“
“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศการค้นพบพืชพันธุ์ใหม่ของเหล่า Genesis” “เขาส่งยานบินขนาดใหญ่ Challenger Class ออกไปรับเหล่า Genesis กลับบ้านอย่างวีรบุรษ” “มาริค สจ๊วต และผ.ศ.เบลล่า สแกนลอนซ์ นำตัวอย่างพืชมาตัดต่อพันธุกรรมจนสำเร็จ และให้ชื่อว่า Genesis Plant” “หลังจากนั้นไม่นาน แผนการปลูกป่าตามแนวทางของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยวอร์เรน เกตส์ ก็ได้รับการอนุมัติ”
“ซีค ฟาร์ชตัดท์และพลอากาศโท เรย์ แอนเดอร์สัน ถูกตัดสินให้ลงโทษจำคุก ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งประธานาธิบดี” “ซีค ฟาร์ชตัดท์ ได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกจำคุก 2 ปี แต่พลอากาศโทเรย์ แอนเดอร์สันถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต” “เพราะนอกจากฝ่าฝืนคำสั่งประธานาธิบดีแล้ว เขายังโดนข้อหากบฎ ฆาตกรรม และลักลอบตัดต่อพันธุกรรมมนุษย์”
“หลังจากแผนการปลูกป่า Genesis ดำเนินไปด้วยดี วอร์เรน เกตส์ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 14 ของ Minos” “มาริค สจ๊วต ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เขาได้รับฉายาท่านรัฐมนตรีแขนเหล็ก...คิคิคิ แปลกดีนะคะ” “ธีโอดอร์ เดอลาครัวซ์ ตัดสินใจแต่งงานกับเจนนี่ เวอร์ม่า เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” “ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันยันปั้นปลายของชีวิต มีครอบครัวที่น่ารักอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ ….. เอ๋!!.....สองคนนี้ตกลงแต่งงานกันหรอคะ?” “ลอว์เรนซ์ ดิราเวน ลาออกจากการเป็นทหาร เธอคืนดีกับพ่อของเธอ และผันตัวเองมาเป็นนักเขียนแทน” “เธอลองทำในสิ่งที่ ซาเรียส แซนดรีนเคยขอไว้ นั่นคือการเขียนหนังสือเล่มสุดท้ายของเขาจนจบ และตั้งชื่อให้มัน”
“ผ.ศ.เบลล่า สแกนลอนซ์ ได้รับการเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการเป็น ศาสตราจารย์พิเศษ เธอทำงานวิทยาศาสตร์ต่อไป” “กระทั่งซีค ฟาร์ชตัดท์ได้รับการปล่อยตัวออกจากคุก ทั้งคู่แต่งงานกัน และย้ายไปอยู่ Aiacos…..มาอยู่ที่นี้งั้นหรอคะ…..?” “ศ.สแกนลอนซ์ ทำงานเป็นอาจารย์สอนความรู้เกี่ยวกับพันธุ์พืช ส่วนซีค ฟาร์ชตัดท์ทำงานพัฒนาอาหารสังเคราะห์” “ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขจนถึงบั้นปลายโดยไม่ต้องการสร้างประวัติศาสตร์อะไรอีกแล้ว…..”
ฟองน้ำอ่านบทสรุปของหนังสือที่เธอหยิบมาอ่านจนจบ เธอก็ปิดมันลงช้าๆ ด้วยรอยยิ้มปลื้มปิติ “ดิชั้นรู้แล้วล่ะค่ะท่านผู้บังคับการแซนเบิร์ก….ว่าสิ่งที่ซีค ฟาร์ชตัดท์มีเหนือคนอื่นๆ คืออะไร...” “มันก็คือความกล้าที่จะลงมือทำ….ความมั่นคงต่อความฝันของตัวเอง….และความพยายามที่ไม่สิ้นสุด….” “สิ่งเหล่านี้ผลักดันให้คนธรรมดาๆ อย่างเขา กลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับมนุษยชาติ….”
เอริค แซนเบิร์ก ยิ้มก่อนเสริมขึ้นว่า “ถูกต้องแล้วล่ะ...ผมชอบหนังสือเล่มนี้มากเพราะมันสอนบทเรียนอันทรงคุณค่า” “มันสอนให้ผมรู้ว่าการได้มาซึ่งชื่อเสียงนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ การสร้างประโยชน์ให้สังคมต่างหากคือสิ่งสำคัญ” “บางครั้ง คนเราต้องมีความกล้าที่จะลงมือทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ และความกล้าที่ว่า เป็นสิ่งที่หาได้ยาก” “นอกจากเราจะต้องมีความกล้าอย่างนั้นแล้ว เราจะต้องมีความมั่นคงต่อสิ่งที่เราจะทำ และไม่ยอมแพ้ให้แก่อุปสรรคทั้งปวง” “ตัวผมเองได้ยึดมั่นในสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอด….และหวังว่าสักวัน ผมจะมีโอกาสแสดงความกล้าเช่นผู้ชายคนนั้นบ้าง….”
เอริค พับหนังสือของเขาลง ก่อนจะลุกขึ้น เขาหันมายิ้มให้ฟองน้ำ “ผมคงต้องไปแล้ว...สุดท้ายผมอยากจะบอกว่า...” “คนเราทุกคนเกิดมาเพื่อทำบางสิ่ง ไม่มีใครเกิดมาอย่างไร้ความหมาย...เพียงแค่เพวกเราต้องค้นหาสิ่งนั้นให้พบ...” “ผมเชื่อว่าคนเก่งและฉลาดอย่างหนูฟองน้ำ….จะค้นหาสิ่งนั้นจนพบเข้าในสักวัน….โชคดีนะครับ………….”
มาโกะ นั่งเหวออยู่พักหนึ่ง ดูเหมือนเธอจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฟองน้ำและเอริคสนทนากัน “นี่...เรื่องนี้น่าทึ่งมากเลยนะ!!” “ชั้นเริ่มไม่อยากจะเขียนเรื่องนักบินในตำนานซะแล้วสิ….เอางี้นะ….เรามาแบ่งกันเขียนเรื่องนี้คนละส่วนมั้ย!!?” ฟองน้ำทำหน้าบูดๆ เธอหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมากอด แล้วลุกขึ้น “มาโกะจังเนี่ยน๊า!! ใครจะไปยอมให้กันล่ะ!!” ว่าแล้วฟองน้ำก็วิ่งหนีมาโกะออกจากห้องไป มาโกะหัวเราะเบาๆ ก่อนจะวิ่งไล่ตามเป็นการหยอกล้ออย่างสนุกสนาน
หนังสือเล่มนั้น ที่อยู่ในมือของฟองน้ำ เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นโดย ซาเรียส แซนดรีน และลอว์เรนซ์ ดิราเวน
มันมีชื่อว่า THE ADVENTURE OF MINOS
THE END......
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Aug 22, 2018 11:20:03 GMT
Thanks for Reading
Plotted by Senjumaru
Written by Senjumaru Main CharactersZieg Farstadt - Saito Bella Scanlondz - naralasttear Sarius Sandrine - jussaateen Lawrence Harl Diraven - เด็กใต้ครับ Theodore Delacroix - tonklaaaaaawow Marrick Steward - Freeman Frank Von Berg - dragon Aria Midford - SolarZ Jenny Verma - Saraphina Ethan Smith - Alteisen_Nacht Maxim Feller - eisengard Ray Anderson - kiwada Warren Gates - Gatsby Supporting Characters Pikul Charmjury - Fon Yamato Erik Sandburg - cptalex Hoshisora Makoto - helel666 Nanashi MK.VIII - Saraphina Go To Comment
|
|