|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 10, 2016 6:57:59 GMT
THE RESURRECTION OF CHAKRA Introพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มนุษย์ในปัจจุบันจินตนาการและใฝ่ฝันอยากครอบครอง ตั้งแต่อดีตช้านาน มีการควานหาพลังเหล่านั้นมาโดยตลอด แต่กลับไม่มีใครคนใดได้เคยได้พบมัน ไม่เว้นแม้แต่สมัยที่วิทยาศาสตร์กลายเป็นที่ยอมรับ ไปจนถึง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมัน เขาได้ตามหาพลังอำนาจในการทำลายล้างในพงศาวดารภควัทคีตาไปจนถึงแดนชมพูทวีป แต่กลับคว้าน้ำเหลว หลังจากนั้นมาก็ยังมีผู้คนจำนวนมากแสวงหาพลังเหล่านั้นมาโดยตลอด
จนกระทั่งเบาะแสแห่งพลังเหนือธรรมชาติได้ก่อกำเนิดขึ้นในวันที่ 19 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1972 มันเป็นวันที่ยานสำรวจดวงจันทร์ในโครงการ Apollo 17 กลับมาถึงโลกหลังจากปฏิบัติภารกิจบนดวงจันทร์ มันได้นำบางสิ่งกลับมากับมันด้วย สิ่งนั้นถูกปกปิดไว้เป็นความลับ จากนั้นโครงการ Apollo ก็ถูกยกเลิก พวกเขาได้พลังเหนือธรรมชาติมาหรือไม่ มันคืออะไร เป็นคำถามที่ผู้รู้ความลับต้องการคำตอบมาตลอด ทว่าคำตอบเหล่านั้นคงไม่มีใครให้คำตอบได้ เพราะก่อนที่พวกเขาจะได้ทำการทดลองกับวัตถุสิ่งนั้น มันกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย มันหายไปเสียก่อนที่จะถูกส่งไปยังห้องทดลองของ NASA เสียอีก และแน่นอนว่าของที่แอบนำกลับมาอย่างลับๆ ได้หายสาบสูญ NASA ก็คงไม่จำเป็นต้องให้คำตอบแก่ใคร
“ผมจะบอกคุณว่า พ่อของผมเองเป็นผู้ที่ช่วงชิงสิ่งนั้นมา เพื่อหวังจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้เสียใหม่” “โลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน แก่งแย่งชิงดี เห็นแก่ตัว อิจฉาคนที่เหนือกว่า เหยียดหยามคนที่ด้อยกว่า” “แบ่งพรรคแบ่งพวก เห็นคุณค่าของสิ่งของที่ไร้ซึ่งชีวิตจิตใจมากกว่าคุณค่าของมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจด้วยกัน” “พ่อของผมใช้เวลาในการศึกษาวิธีครอบครอง และใช้พลังเหล่านั้นอยู่หลายปี แต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า” “ทว่าในวันนี้ที่พ่อของผมไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว ผมกลับเป็นผู้ที่ทำในสิ่งที่พ่อของผมทำไม่ได้ให้เป็นจริง” “โลกต้องการความเปลี่ยนแปลง....สาวน้อย....คุณได้เห็นในสิ่งที่ผมทำได้ไปแล้ว....มาเถอะ....” “ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ เด็กที่มีคุณสมบัติพร้อมในการครอบครองพลัง....มากับผม....” “แล้วผมจะไม่ทำลายสิ่งเดียวที่คุณยังเหลืออยู่บนโลกนี้” เมื่อชายสวมผ้าคลุมสีดำไม่เห็นใบหน้าพูดจบ เขาก็ยื่นมือลงไปยังเด็กสาววัย 15 ปี ที่นั่งคุกเข้าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ต่อหน้าเขาอย่างช้าๆ
ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำอย่างหนัก เสียงฟ้าร้องคำราม และฟ้าผ่าอย่างต่อเนื่องยามราตรี ทั้งสองอยู่ในบ้านที่พังพินาศ ข้างๆ เด็กสาวมีร่างไร้วิญญาณของสามีและภรรยาคู่หนึ่งนอนแน่นิ่ง เด็กสาวได้เหลือบมองไปยังห้องใต้บันได มันปิดด้วยประตูไม้บานเล็กๆ มีช่องระบายลมหลายช่อง เธอจ้องไปยังแววตาอีกคู่ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวด้านหลังประตูห้องเก็บของใต้บันใดบานนั้น ผ่านช่องระบายลมเข้าไป ก่อนที่เธอจะยิ้มบางๆ อันมีฉากหลังแห่งความสิ้นหวังในดวงตาคู่นั้น จากนั้นจึงหันกลับมาช้าๆ ในขณะที่ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดนก มีวงแหวนสีดำรอบนัยน์ตาดำ รอยด่างรูปหยดน้ำสีดำเล็กๆ 3 หยดปรากฏขึ้นรอบๆ บริเวณวงแหวน เธอใช้ดวงตาคู่นั้นมองไปที่ชายชุดดำ พร้อมยื่นมือขึ้นไปสัมผัสมือของชายชุดดำ เขาพยุงร่างของสาวน้อยขึ้นมายืน แล้วเดินจากไปในสายฝน
“เฮือก!!!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งตกใจและลืมตาขึ้นในห้องเรียน เขาหยิบเศษชอล์คที่อยู่บนสมุดของเขาขึ้นมาดู รอยน้ำลายยืดเปื้อนเต็มสมุดเรียนเป็นทาง เขามองไปรอบตัวก็ได้รับเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ร่วมชั้น จากนั้นที่หน้าห้องเรียนเขาเห็นอาจารย์ผู้สอนยืนเท้าสะเอวแล้วพูดขึ้นว่า “บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าแอบหลับ!!”
เด็กชายถอนหายใจดังเฮือก พร้อมบ่นในลำคอ "เห้อ ฝันร้ายเรื่องนี้อีกแล้วหรอเรา....แย่จริง....."
Written By Senjumaru Genre : Fantasy / Action / Drama / Fan-Fiction Written by Senjumaru Presented by Moonlight® Little Sister Studio 2016
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 10, 2016 7:08:21 GMT
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 10, 2016 7:08:33 GMT
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 13, 2016 14:51:53 GMT
EP1 : My Every Single Day ... Yozora Takatsuki
ในช่วงเช้าของวันใหม่
บนถนนทั่วทั้งกรุงโตเกียวมีผู้คนพลุกพล่าน มันเป็นเช้าที่สดใสในฤดูใบไม้ผลิ อากาศช่วงนี้กำลังเย็นสบาย แสงแดดยามเช้าส่องผ่านก้อนเมฆลงมาเป็นสัญญาของการเริ่มกิจวัตรในวันใหม่ของชาวเมืองโตเกียว แม้บรรยากาศจะดูเงียบสงบและน่ารื่นรมณ์ แต่สำหรับเด็กนักเรียนแล้วเป็นเวลาของการทำสงคราม พวกเขากำลังทำสงครามกับเวลา นักเรียนส่วนมากจบสงครามนั้นไปเรียบร้อยอย่างไร้อุปสรรค แต่สำหรับนักเรียนบางคนที่นอนดึก และตื่นสาย มันเป็นสิ่งที่ท้าทายตัวพวกเขาเองเป็นอย่างมาก
เด็กหนุ่มเส้นผมสีดำดูยุ่งเหยิง นัยน์ตาสีฟ้า กำลังวิ่งอย่างเต็มฝีเท้าด้วยใบหน้าที่มุ่งมั่นอย่างแรงกล้า เขาวิ่งแซงเด็กนักเรียนคนอื่นที่กำลังมุ่งหน้าไปในทางเดียวกัน ซึ่งทางนั้นก็คือโรงเรียนนั่นเอง ตัวของเขาค่อนข้างเล็ก ทำให้การวิ่งของเขาคล่องแคล่วและรวดเร็ว เขาสามารถแหวกฝูงชนได้ง่ายดาย ในที่สุด เด็กหนุ่มคนนี้ก็ชนะสงครามแรกของวัน เขาวิ่งผ่านรั้วโรงเรียนมาได้พร้อมกับโน้มตัวลงเท้าเข่า
"โยโซระคุง ตื่นสายหรอจ๊ะ" เสียงเด็กหญิงคนถึงถามขึ้นจากด้านข้างเด็กหนุ่มที่กำลังหอบอยู่ มันเป็นน้่ำเสียงที่หวานจับใจและไพเราะ เด็กหนุ่มที่ชื่อ โยโซระ ทาคัตซึกิ จึงค่อยๆ เงยหน้าไปมอง เบื้องหน้าของดวงตาเขา มีเด็กผู้หญิงสองคนยืนอยู่ข้างกัน คนหนึ่งหน้าบึ้งตึง ส่วนอีกคนมีรอยยิ้ม เด็กหญิงที่กำลังยิ้มให้ โยโซระ คือเด็กหญิงที่มีเส้นผมสีดำยาว ดูยุ่งเหยิงนิดๆ ท่าทีเป็นเด็กเรียบร้อย ส่วนอีกคนที่ยืนกอดอกหน้าบึ้งตึงมีเส้นผมสีเขียวสั้นประบ่า ท่าทางของเธอดูแก่นๆ และไม่น่าเป็นมิตร
โยโซระ ยืนตรงขึ้นแล้วใช้มือขวาเกาศรีษะของตนเอง "สวัสดียูกิจัง พอดีเมื่อคืนผมดูการ์ตูนดึกไปหน่อย" หญิงสาวผมสีดำหัวเราะเบาๆ "นี่สินะ สิ่งที่เด็กผู้ชายเขาชอบทำกันก่อนนอน" แน่นอนเธอชื่อ ยูกิ มิซูนาชิ โยโซระ พยักหน้า "เราเข้าเรียนกันดีกว่า มาถึงแล้วแต่เข้าห้องสายเดี๋ยวเป็นเรื่อง ครูวิชานี้โหดมากด้วย" แต่ไม่ทันที่ โยโซระ จะก้าวขาเดิน เขาก็ถูกเข่าของเด็กหญิงผมเขียวโจมตีเข้าเต็มหน้าท้องจนตัวงอ "นี่นายไม่คิดจะทักกันบ้างเลยรึไงฮะ!! ถ้าจำชื่อไม่ได้ก็อ่านซะ จิโดริ ชิราซากิ น่ะ อ่านที่หน้าอกนี่เซ่!!!" เด็กหญิงผมเขียวพูดทำเอา โยโซระ หัวเราะไปขนาดที่กำลังจุกหน้าท้อง "แหม จิโดริ ก็ แหย่เล่นนิดเดียวเอง"
และแล้วเด็กทั้งสามคนก็เริ่มก้าวเดินไปในตัวอาคารเรียน ในขณะนั้น โยโซระ เกิดเอะใจจึงหันกลับไป ที่หน้ามุมรั้วของโรงเรียน เขารู้สึกเหมือนว่าจะเห็นผ้าคลุมสีดำหายวับจากสายตาไปอย่างรวดเร็ว "มีอะไรงั้นหรอ โยโสะ" จิโดริ ถามขึ้นเพราะเห็นอาการแปลกๆ ของ โยโซระ ในขณะที่ ยูกิ ไม่เข้าใจอะไร
"ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ ดูเหมือนชั้นจะตาฝาดไปเอง" โยโซระ พูดพร้อมถอนหายใจแล้วก้าวเดินต่อไป
..............................
อีกด้านหนึ่งของสงครามเวลา
รถยนต์สุดหรูสีดำยี่ห้อ BMW คันหนึ่งกำลังแล่นผ่านตลาดที่สภาพการจราจรไม่ได้ติดขัดมากมายนัก เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถยนต์คันนั้นด้วยท่าทีเหมือนคุณหนู เธอมองออกไปนอกหน้าต่างรถยนต์ของเธอ จนกระทั่งสายตาของเธอไปเตะเข้ากับอะไรบางอย่างจนเธอพูดขึ้นว่า "คุณเอโดะ หยุดรถก่อนได้มั้ยคะ?" คนขับรถยนต์ที่ถูกเรียกว่า เอโดะ ก็หยุดรถตามที่ได้รับคำขอ "มีอะไรรึเปล่าครับคุณหนูฮาคุโอกิ อยากกลับหรอครับ" เธอหันไปหาคนขับ ใบหน้าของเธอดูสว่างไสว ดวงตากลมโต เส้นผมสีดำเงาสลวย ป้ายชื่อนักเรียนคือ ฮาคุโอกิ ฮิเมะ "คุณเอโดะ ขับรถกลับไปก่อนได้เลยค่ะ ดิชั้นจะขอลงตรงนี้ อยากเดินไปโรงเรียนดูบ้างน่ะค่ะ" ฮิเมะ พูดด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้น ฮิเมะ ก็ลงจากรถยนต์คันหรูของเธอ เธอรอให้คนขับรถขับออกและเลี้ยวหลบไปจนพ้นสายตา จากนั้นจึงเริ่มก้าวเดิน แต่เธอไม่ได้ก้าวเดินต่อไปเพื่อมุ่งหน้าไปโรงเรียน เธอเดินข้ามถนนย้อนกลับไปยังตรอกเล็กๆ ฮิเมะ เดินมาหยุดที่ตรอกเล็กๆ ซึ่งเล็กขนาดจักรยานยนต์ก็ผ่านไม่ได้ ในตรอกนั้นมีเด็กหนุ่มกำลังยืนสูบบุหรี่อย่างสบายใจ "รุ่นพี่โคคุโอะ มาทำอะไรตรงนี้คะ ไม่เข้าเรียนหรือยังไงกันคะ" ฮิเมะ ถามเด็กหนุ่มที่กำลังสูบบุหรี่ขึ้นทำให้เขาหันมา เขาคือ เซบัสเตียน โคคุโอะ เด็กนักเรียนลูกครึ่งซึ่งอยู่มัธยมปลายปีสุดท้ายห้องคิงหรือ ห้อง A แต่เขาสอบได้ที่โหล่ของห้อง "มีอะไรงั้นหรอน้องสาว จงใจเดินมาหาชั้นแบบนี้ ต้องการอะไรมิทราบ? โอ๊ะๆ ให้เดานะ 1 ชอบชั้น 2 อยากดูดบุหรี่"
ฮิเมะ ขมวดคิ้ว "ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละค่ะ นี่ก็ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว รุ่นพี่ไม่เข้าเรียนรึไงกันคะ ปีนี้ปีสุดท้ายน่าจะตั้งใจหน่อยนะคะ" เซบัสเตียน โยนบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าดับบุหรี่ "จะปีนี้หรือปีไหนแล้วมันจะยังไงกันเล่า แต่ก็เอาเถอะสาวสวยตามแล้วทั้งที..." ฮิเมะ ยิ้มบางๆ แล้วเอียงตัวเหมือนจะก้าวเดิน แต่หยุดเพื่อรอ เซบัสเตียน ที่ดับบุหรี่เพิ่งเสร็จเดินตามมา เพื่อเดินไปด้วยกัน ทว่าเขาดันหันหลังให้ ฮิเมะ "ซะเมื่อไหร่กันเล่า....เลิกยุ่งเรื่องคนอื่นซะเถอะ เด็กดีๆ มีตั้งเยอะตั้งแยะ จะมาสนใจคนอย่างชั้นทำไม" แล้ว เซบัสเตียน ก็เดินหนี ฮิเมะ เข้าไปในตรอก ฮิเมะ ได้แต่ชายตามอง และนึกขึ้นได้ว่าเธอเองก็ใกล้จะไปโรงเรียนสายแล้ว
เธอได้แต่ถอนหายใจเพราะรู้ว่าแม้จะดื้อดึงตามตัว เซบัสเตียน ต่อไปในวันนี้ มันก็คงไม่ได้อะไร เธอจึงเริ่ม....วิ่ง......
..............................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 13, 2016 14:52:02 GMT
สถานีตำรวจนครบาลโตเกียว
ช่วงเช้าเป็นเวลาแห่งความขี้เกียจของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย แต่วันนี้ดูเหมือนทุกคนจะดูจริงจังในการทำงานเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากมานั่งรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บางรายได้รับบาดเจ็บ บางรายก็ร้องไห้ บางรายก็กลัว แต่สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งมั่นในการทำหน้าที่จริงๆ ก็คือคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาที่ต้องการให้ได้ข้อสรุปของเหตุการณ์บางอย่าง นั่นคือ เหตุวินาศกรรมทั่วทั้งกรุงโตเกียวภายในค่ำคืนเดียว โดยทางตำรวจยังหาข้อสรุปไม่ได้ จึงกำลังเร่งหาคำตอบเพื่อแถลงข่าว
ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานอย่างขมักเขม่น ตำรวจหนุ่มคนหนึ่งกลับนั่งหาว มองดูเพื่อนตำรวจทำงานด้วยท่าทีเบื่อหน่าย ป้ายเจ้าหน้าที่บนโต๊ะของตำรวจหนุ่มคนนั้นเขียนชื่อของเขาไว้ว่าร้อยตำรวจตรี มาซากิโยะ มิโรซูมิ พนักงานสอบสวน เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่ดูหวานคล้ายหญิงสาวมากไปนิด เพราะเขาไว้ผมตรงสีดำยาว มันยาวจนเขาต้องมัดหางม้า แม้ว่าเขามีท่าทีที่เบื่อหน่าย แต่ไม่ใช่เพราะเขาขี้เกียจ มันบ่งบอกให้รู้ว่า เขาไม่ค่อยพอใจกับการไม่ได้มีส่วนร่วมในคดีเหล่านั้น อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นก็ไม่ได้สนใจเขาเลย ต่างคนต่างพยายามทำงานให้มีผลงานเพื่อเอาหน้าให้แก่ตัวเองกันทั้งสิ้น ไม่นานนักก็มีเสียงดุด่าดังระงมมาจากทางเข้าสถานีตำรวจ มันดังขึ้น ดังขึ้น ราวกับเสียงดุด่านั้นกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ เนื้อหาที่ มาซากิโยะ พอจับใจความได้เป็นเรื่องการเขียนใบสั่งที่เข้มงวดเกินไป การปรับโดยผิดกฎจราจรเล็กน้อย จอดรถผิดที่ แต่เสียงดุด่ากลับไม่ใช่เสียงของคนเพียง 1 หรือ 2 คน มันเป็นเสียงของประชาชนจำนวนร่วมสิบคนที่ดังไม่หยุด
แม้ว่าเสียงจะดังระงมและดังขึ้นมากเท่าไร เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นก็ไม่ได้มีความรู้สึกแปลกใจราวกับเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ทันใดนั้นเอง ตำรวจสาวก็โผล่หน้าเข้ามาทางประตูของสถานีตำรวจและทักทายทุกคน "ฮ๊าย!! สวัสดีตอนเช้านะคะทุกคน" มาซากิโยะ ทำหน้าบูด "ไม่ต้องสวัสดีก็ได้มั้งยัยเบื้อก ทุกคนรู้ว่าเธอมาตั้งแต่ได้ยินเสียงด่าของชาวบ้านอยู่แล้ว...ทุกเช้าจริงๆ" ตำรวจหญิงที่ติดป้ายชื่อว่า สิบตำรวจเอกหญิงอายาโนะ มิอุระ ก็ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงด่าของประชาชนที่โถมเข้าซ้ำ เธอมีใบหน้าน่ารัก รูปร่างเล็ก ผอมบาง แต่ตัวค่อนข้างสูง ผมของเธอเป็นสีดำมันวาว ลักษณะภายนอกดูเป็นคนขี้เล่นเอามากๆ เธอเดินดุ่ยๆ เข้ามานั่งที่โต๊ะตรงข้ามกับ มาซากิโยะ ก่อนจะเปิดลิ้นชักเพื่อเก็บอุปกรณ์เขียนใบสั่งที่ถือติดตัวมาตลอด ทันใดนั้น เธอก็สะดุ้งโหยงและกรี้ดเสียงหลง เธอตะโกนขึ้นว่า "งู!!! งูอยู่ในลิ้นชัก!!! งู!!! ช่วยด้วย!!!!" ขณะล้มลุกคลุกคลาน เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนต่างหยุดงานที่อยู่ตรงหน้า แล้วหันมาที่ อายาโนะ ก่อนจะพากันหัวเราะ "ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ยัยทึ่มเอ้ย งูปลอมโว่ย" เมื่อ อายาโนะ ตั้งสติได้ เธอกำหมัดแน่นแล้วจ้องไปที่ มาซากิโยะ "รุ่นพี่มาซากิ!!!" เขายิ้มแห้งๆ "อะไรกันอายะ ไม่ใช่ชั้นซะหน่อย"
ระหว่างนั้นเอง โทรทัศน์ที่เปิดทิ้งเอาไว้ก็รายงานข่าวสำคัญจนทุกคนต้องหยุดงานตรงหน้าแล้วหันไปฟังอีกครั้งหนึ่ง มันเป็นการแถลงการณ์ของรองนายกเทศมนตรีเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูง หุ่นได้สัดส่วน ใบหน้าคมกริบ เส้นผมสีดำยาวพอสมควร ยุ่งเหยิงเล็กน้อย แววตาดูเศร้าหมอง "ผมเข้าใจทุกคนนะครับว่าทุกคนต้องการทราบความคืบหน้า และผมก็สลดใจสำหรับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเมื่อคืนด้วยเช่นกัน" "ทว่าตอนนี้เรายังไม่สามารถหาข้อสรุปอะไรที่ชัดเจนได้เลย โดยท่านเทศมนตรีได้สั่งการไปยังตำรวจให้เร่งมือทำงานอย่างเต็มที่" "ทางเราคาดหวังว่าจะได้คำตอบและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายในไม่ช้านี้ เพราะเหตุการณ์แบบนี้มันรุนแรงเอามากๆ" "ผมอยากจะฝากอีกอย่างคือ ความร่วมมืออันดีของประชาชนแต่ละท่านในช่วงนี้ในการระมัดระวังตัวเอง หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนแออัด" "และกลับเข้าที่อยู่อาศัยไวกว่าปกติ หากเห็นสิ่งผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็ว ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่ครับ" เมื่อรองนายกเทศมนตรีพูดจบเขาก็ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ต่อ โดยในโทรทัศน์จะเห็นได้ว่าเขาพยายามแหวกฝูงนักข่าวแล้วเดินไป
"หูย!! หล่อจังเลย เป็นรองนายกเทศมนตรีที่ดูดีมากๆ เลยนะคะเนี่ย....ทำไมเราไม่เจอผู้ชายดีๆ แบบเค้ามั่งนะ" อายาโนะ บ่นพึมพำ มาซากิโยะ ถอนหายใจ "เฮ้อให้ตายเถอะอายะของเรา เพ้อไปถึงท่านรองนายกจินได ริวงะ ผู้เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งเขตไปซะแล้ว"
..............................
ที่ห้องเรียน B-4
มันเป็นเวลาที่นักเรียนในห้องกำลังรออาจารย์ผู้สอน ที่โต๊ะสุดมุมหน้าต่าง โยโซระ กำลังนั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่างข้างๆ ตัว ในขณะที่กลุ่มนักเรียนสาวๆ กำลังซุบซิบเม้าส์มอยกันอย่างสนุกสนาน หัวข้อในการสนมนาวันนี้ก็คือรุ่นพี่ที่เพิ่งย้ายมาจากโรงเรียนอื่น นักเรียนหญิงหัวโจกเปิดรูปในโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมา เธอเปิดรูปที่เธอแอบถ่ายรูปรุ่นพี่คนนั้นได้จากด้านหลัง ส่วนนักเรียนหญิงอีกคนก็ไม่ยอมน้อยหน้า เธอเปิดรูปรุ่นพี่ที่ถูกกล่าวถึง ซึ่งถ่ายได้แบบเห็นหน้าเห็นตา แต่เหมือนแอบถ่ายในพุ่มไม้ ในขณะเด็กผู้หญิงอีกคนเปิดรูปของตัวเองที่ถ่ายรูปคู่กับรุ่นพี่ได้สำเร็จ แต่ใบหน้าของเขาดูบึ่งตึง ขมวดคิ้ว เหมือนไม่สบอารมณ์ ชื่อของรุ่นพี่ที่ถูกกล่าวถึงคือ ไรฮะ อุชิฮะ พวกหล่อนบางคนก็ว่าเขาหล่อ บางคนก็ว่าเขาดูแปลกๆ ทำตัวแปลกๆ ทำตัวลึกลับซับซ้อน บางคนก็เปิดหัวข้อเดาไปว่าเขามาจากที่ไหน ทำไมถึงย้ายมาเรียนที่นี่ บางคนถึงขนาดประกาศตัวเป็นเจ้าของเลยก็ยังมี
ยูกิ มิซูนาชิ นั่งฟังเพื่อนๆ เม้าส์มอยอย่างสนอกสนใจและเข้าใจที่เพื่อนคุยกัน แต่จริงๆ แล้วตรงกันข้าม เธองงไปหมดว่าเพื่อนคุยอะไรกัน สายตาของเธอมองเพื่อนๆ แต่ละคนที่พูดคุยกันอย่างสนุกปาก จนสายตาของเธอก็หันไปเห็น โยโซระ ที่นั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ยูกิ ยิ้มบางๆ พลางคิดในใจ "ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีจังเลย เพื่อนๆ ดูสนุกสนานคึกคัก ถ้ามันเป็นแบบนี้ตลอดไปได้จะดีที่สุดเลย"
ระหว่างที่ โยโซระ ทาคัตซึกิ กำลังนั่งมองไปนอกหน้าต่างเพลินๆ เพื่อนที่นั่งข้างๆ ก็สะกิดเขาที่ต้นแขน ทำให้เขาหลุดจากพะวัง เพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะเรียนข้างๆ ก็คือ จิโดริ ชิราซากิ สาวจอมพลังนั่นเอง เธอกำลังเปิดคลิปบางอย่างให้ โยโซระ ดูเพื่อขอความเห็น โยโซระ มองอยู่พักหนึ่งแล้วหรี่ตาลง แล้วจ้องเข้ามาใกล้ๆ จิโดริ ทำตาลุกวาว "ใช่ม๊าๆ เธอเห็นใช่ม๊า มันน่าแปลกจริงๆ เลยใช่ม๊า" โยโซระ ชำเลืองตาขึ้นมาจากมือถือมองหน้า จิโดริ "ภาพเล็กจิ๋ว แถมไม่ชัด ใครจะไปดูรู้เรื่องล่ะยัยบื้อ....ดูๆ แล้วก็งั้นๆ แหละน่า" จิโดริ ยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนจะฟาดมะเหงกเข้ากลางหัวของเพื่อนชาย "นายนี่มันโง่เง่าจริงๆ ดูแค่นี้ก็ดูไม่ออกรึยังไงว่าคืออะไร"
เธอเปิดคลิปแล้วยื่นให้ โยโซระ ดูอีกครั้งพร้อมอธิบาย "นี่ๆ คนชุดดำคนนี้สามารถต่อยสิ่งต่างๆ แล้วทำให้สิ่งนั้นลุกเป็นไฟได้ไง" "นี่ๆ แล้วคนนี้ตัวดูเล็กๆ เหมือนเป็นผู้หญิง เธอใช้ดาบเป็นอาวุธ ตอนเธอฟันดาบนั้นออกไป นี่ๆ ตรงนี้ มันไม่โดนเลยใช่ม๊าห่างตั้งเยอะ" "แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ล้มลงแล้วมีเลือดไหลเต็มไปหมดด้วยล่ะ นี่ๆ แล้วผู้ชายคนนี้ทำท่าเหมือนกำลังควบคุมอะไรบางอย่างอยู่เลยด้วย" "แล้วตอนเขาเคลื่อนมือไปมา เธอเห็นพวกท่อนเหล็กนี่รึเปล่า มันเคลื่อนที่เสียบคนๆ นี้ในจังหวะเดียวกันเป๊ะๆ เลย เห็นมั้ยๆ" "ส่วนชุดดำคนนี้เหมือนมีอะไรที่มือยาวๆ คมๆ เขาพุ่งเข้ากัดคอคนอื่นยังกับแวมไพร์เลยแน่ะ ว่าแต่คนนี้....เขายืนเฉยๆ ทำอะไรน๊า" "อุ๊ย อีกด้านนึง นี่ไงดูสิ โยโสะ ผู้คนกำลังไล่ทำร้ายกันเองด้วย เรื่องน่ากลัวแบบนี้มันเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้จริงๆ หรอ ชั้นรู้สึกกลัวนิดๆ แล้วนะ" "แล้วนี่ดูสิ คนพวกนี้ใส่ชุดดำบ้าง สูทดำบ้าง มีกันเยอะแยะไปหมด คนพวกนี้ออกมาทำร้ายผู้คนทำไม ตำรวจจะจับพวกเขาได้มั้ยนะ"
โยโซระ ขมวดคิ้วใช้ความคิดก่อนจะเลิกคิ้ว แล้วใช้มือขวาดันหัวของ จิโดริ ออกห่างจากตัวเขา "ก็ไม่เห็นจะมีอะไรน่าตื่นเต้นเลยนี่นา" "มันคงเป็นคลิปสแปมสร้างข่าวโปรโมตหนังใหม่ รึไม่ก็คลิปที่เด็กวัยรุ่นตัดต่อเล่นกันเองแล้วเอามาโพสต์ซะมากกว่า ไร้สาระหรอกน่า" จิโดริ ทำหน้าบึ้งๆ "โถ่นายเนี่ย ไม่เชื่อก็ตามใจ เชอะ!!" โยโซระ ยิ้มแห้งๆ "แฮะๆ อย่าทำเป็นงอลสิ เดี๋ยวเที่ยงนี้ชั้นเลี้ยงข้าวเธอเอง" และทันใดนั้น ครูผู้สอนวิชาคาบเรียนแรกก็เดินเข้ามาในห้อง นักเรียนทั้งห้องรีบกลับเข้าที่นั่งของตนอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ นั่นก็เพราะชื่อเสียงในด้านความเข้มงวดของครูคนนี้ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งโรงเรียนมาเนิ่นนานมากแล้ว เด็กๆ จะกลัวก็คงไม่แปลกนัก โยโซระ ชำเลืองมอง จิโดริ ที่ยังทำหน้าบึ้งอยู่ "ว่ายังไง จิโดริ หายงอลเถอะน่า" ทันใดนั้น ครูหญิงวัยกลางคนก็ทักขึ้นว่า "ทาคัตซึกิ!!"
โยโซระ กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพราะเขารู้ชะตากรรมว่าเขาคงไม่รอดเงื้อมมือของมัจจุราชในคาบเรียนนี้ไปได้แน่นอนแล้ว
..............................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 13, 2016 14:52:08 GMT
และแล้วช่วงเวลาของวันนั้นก็ผ่านพ้นไป
บัดนี้เป็นช่วงเย็นหลังเลิกเรียน นักเรียนทุกคนต่างพากันแยกย้ายกลับบ้านของตนโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเป็นพิเศษ โยโซระ เดินแซงหน้านักเรียนคนอื่นไปหลายคน สายตาของเขากวาดตาไปรอบๆ เพื่อหาใครบางคนที่เขายังหาไม่พบ กระทั่งเขาหยุดและเดินไปพร้อมกับ ยูกิ มิซูนาชิ แล้วถามขึ้นว่า "ยูกิจัง เห็น จิโดริ มั้ย...จิโดริ ไม่ยอมคุยกับผมตั้งแต่เช้าแล้ว" ยูกิ ทำหน้าสงสัยก่อนจะตอบและถามกลับไป "ไม่เห็นเลยค่ะ...ว่าแต่มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าคะ ทำไมถึงไม่ยอมคุยกันซะล่ะ" โยโซระ เกาหัวตัวเองอีกครั้ง "ก็....จิโดริ น่ะเอาคลิปวิดีโอให้ผมดูเมื่อเช้า....แต่ผมแค่บอกไปว่ามันไม่เห็นมีอะไร แค่นั้นเอง" ยูกิ หรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วยื่นหน้าไปสบตา โยโซระ ที่พยายามหลบตา "แค่นั้นจริงๆ หรอคะ จิโดริจังน่ะ ไม่โกรธเรื่องแค่นั้นหรอก" โยโซระ ยิ้มแห้งๆ แล้วพูดแหยๆ ไปว่า "ก็ผมบอกต่อไปว่า มันเป็นเรื่องไร้สาระน่ะ" ยูกิ เชิดใส่ "นั่นไงล่ะ ที่ จิโดริจัง โกรธ" "แอบชอบ จิโดริจัง อยู่ใช่รึเปล่าคะ โยโซระคุงน่ะ" ยูกิ ถามขึ้น ทำเอา โยโรซะ สะอึกแล้วตอบทันทีว่า "ไม่ใช่นะครับ ผมน่ะ..."
เขายังไม่ทันพูดจบ ก็เป็นช่วงที่ทั้งสองเดินแยกจากฝูงชนและนักเรียนคนอื่นมาไกลจนมาพบผู้ชายคนหนึ่งเข้า ผู้ชายคนนั้นเดินเซๆ คอเอียงๆ แถมยังเดินปรี่เข้ามาขวางหน้าทั้งสองเอาไว้ "เอ้าเด็กๆ จะรีบไปไหนกันหรอ กลับบ้านรึไง" ยูกิ มองดูชายคนนั้นก็พบว่า เขาแต่งตัวมอมแมม กลิ่นตัวแรง หนวดเคราเฟิ้ม ท่าทีไม่เป็นมิตรอย่างมากเหมือนพวกติดยา ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ ยูกิ แล้วถามขึ้นว่า "มาอยู่คุยเป็นเพื่อนพี่หน่อยมั้ยล่ะจ๊ะ พี่มีอะไรเด็ดๆ สำหรับน้องสาวเพียบเลยล่ะ" โยโซระ เห็นท่าไม่ดี เขารีบหยิบแผ่นการ์ดที่เขาพกไว้ในกระเป๋าเสื้อออกมาแล้วพับเป็นมีด ก่อนจะก้าวมาขวางชายคนนั้นเอาไว้ "คุณถอยไปซะจะดีกว่า ผมกับ ยูกิจัง กำลังรีบ ไม่งั้นผมจะไม่เกรงใจคุณแล้วล่ะนะ" โยโซระ พูดพร้อมยกมีดขึ้นมาขู่ แต่มันกลับไม่ส่งผลอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ ชายคนนั้นปัดมีดคนหลุดจากมือของ โยโซระ ทันที ก่อนจะต่อยหน้า โยโซระ เต็มหมัด
โยโซระ ถูกหมัดของชายเร่ร่อนจนกระเด็นถอยแล้วหงายหลังลงไปกองกับพื้น ในขณะที่ ยูกิ รีบตามไปประคองด้วยความเป็นห่วง "โยโสะคุง เป็นอะไรรึเปล่า เรารีบหนีกันเถอะ ชั้นว่าเราหนีไปขอความช่วยเหลือจากคนแถวนี้ก็น่าจะทันนะคะ" ยูกิ พูดด้วยสีหน้าไม่ดี แต่ โยโซระ กัดฟันแล้วลุกขึ้น เขากำหมัดแน่น "ไม่ได้หรอกครับ ผมจะต้องปกป้องยูกิจัง ให้ได้ แล้วสั่งสอนคนไม่ดีให้รู้สำนึก!!" ทว่า โยโซระ พุ่งเข้าโจมตี หมายจะชกใส่ชายคนนั้นกี่ครั้ง เขาก็กลับถูกหมัด ถูกเข่า ถูกเตะ และถูกถีบกลับมาอยู่ทุกครั้ง ยูกิ พยายามร้องขอความช่วยเหลือ ในขณะที่ โยโซระ สะบักสะบอม พยายามลุกขึ้นมาตั้งหลักสู้เป็นครั้งสุดท้ายอย่างมุ่งมั่น ชายเร่ร่อน ส่ายหน้า เขามองไปทาง ยูกิ แล้วแสยะยิ้ม ก่อนจะก้มลงหยิบมีดของ โยโซระ ที่หล่นอยู่ขึ้นมาสำรวจความคมของมัน
อันที่จริงระหว่างนั้น มาซากิโยะ มิโรซูมิ ตำรวจหนุ่มผู้ว่างงานกำลังขับรถกลับที่พักผ่านมาเห็นพอดี เขาตรวจสอบใบหน้าด้วยอุปกรณ์ในรถ เขาพบว่าชายเร่ร่อนที่กำลังทำร้ายเด็กทั้งสองเป็นชายเร่ร่อน ติดยาเสพย์ติด และก่อคดีทำร้ายร่างกาย รวมไปถึงข่มขื่นมาหลายคดีแล้ว มาซากิโยะ หยิบอาวุธปืนและพร้อมเข้าทำการจับกุม แต่เขากลับหยุดดูท่าทีตอบสนองของ โยโซระ ที่มีในการปกป้องเพื่อนของเขา จนในที่สุด เขาเห็นว่าชายเร่ร่อนผู้เป็นคนร้ายได้หยิบอาวุธขึ้นมาหมายจะสังหารเด็กหนุ่ม มาซากิโยะ จึงรีบก้าวออกจากรถเพื่อจับกุม ทว่าจังหวะนั้นเอง เขาก็หยุดความเร่งรีบลง เมื่อชายเร่ร่อนเป็นฝ่ายถูกโจมตีด้วยการเตะเข้าที่ต้นคอจากด้านหลังจนเซไปเซมา จากนั้นเขาถูกถีบยันหลังเข้าอีกครั้งจนหน้าขมำ มีดเล่มที่ถือก็ตกลงสู่พื้น ชายเร่ร่อนกัดฟันหันหลังเพื่อดูว่าเขาถูกใครโจมตีอย่างไม่เป็นท่า สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นก็คือ เด็กสาวผมเขียวสั้นประบ่า ซึ่งก็คือ จิโดริ กำลังพุ่งเข้ามาปล่อยหมัดเข้าที่ปลายคางของเขา จากนั้นเขาก็หมดสติไป
มาซากิโยะ มิโรซูมิ เข้าไปจับกุมตัวคนร้ายแล้วลากขึ้นรถตำรวจของเขา ก่อนจะกล่าวขอบคุณและชมเชยเด็กทั้งสามคนว่า "ขอบคุณพวกเธอมากๆ เลยนะ ที่ทำให้ชั้นจับคนร้ายคนนี้ได้ ชั้นร้อยตรีมาซากิโยะ มิโรซูมิ พวกเธอเก่งกันทุกคนเลย กล้าหาญมากๆ" แต่ดูเหมือน โยโซระ ไม่ได้ดีใจกับคำชมเชยนั้นเสียเท่าใดนัก "ไม่ต้องชมผมก็ได้ครับคุณตำรวจ ผมน่ะ....ทำอะไรไม่ได้เลย....." มาซากิโยะ รับรู้ได้ทันทีว่า โยโซระ พูดด้วยด้วยจริงจัง เขาจึงพูดขึ้นว่า "ไม่หรอก เธอกล้าหาญมาก เพียงแค่เธอยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไง" โยโซระ ถอนหายใจ "ผมชื่อโยโซระ ทาคัตซึกิ ส่วนสองคนนี้คือ ชิราซากิ จิโดริ กับ ยูกิ มิซูนาชิ ขอบคุณที่เข้ามาช่วยนะครับคุณตำรวจ" มาซากิโยะ ยิ้มให้เด็กทั้งสามก่อนจะพูดขึ้นว่า "พวกเธอเป็นเด็กดี ที่เธอทำน่ะดีแล้ว แต่คราวหน้าคราวหลัง หนีไปขอความช่วยเหลือดีกว่านะ"
จากนั้น ทั้งสี่คนก็แยกย้ายกันไป เด็กๆ ทั้งสามกลับบ้านของตน ส่วน มาซากิโยะ ก็วนกลับสถานีตำรวจเพื่อส่งคนร้ายเข้าห้องขัง
..............................
ถนนหน้าบ้านช่วงเช้าแสงแดดกำลังอบอุ่น
โยโซระ พยายามจะปั่นจักรยานไปข้างหน้า แต่ตัวของเขาเล็กและยังเด็กมากราว 5 ขวบ จึงขึ้นคร่อมจักรยานอย่างกระท่อนกระแท่น "พี่มายูมิ อย่าปล่อยมือนะครับ ถ้าปล่อยผมจะไม่คุยกับพี่อีกเลยคอยดูสิ" โยโซระ พูดขึ้นพร้อมหันมามองท้ายจักรยานด้วยสีหน้าจริงจัง เขาเห็นเด็กสาวอายุราว 10 กว่าๆ ผมสีดำกำลังประคองท้ายจักรยานของเขา และส่งยิ้มกลับมา แต่เขาเห็นใบหน้าของเธอไม่ชัดเจนเลย เธอยิ้ม แล้วตอบกลับมาว่า "จ้า พี่จะไม่ปล่อยมือแน่นอน พี่สัญญา เริ่มขี่เถอะจ่ะ โยโสะ น่ะอยากขี่จักรยานเป็นมาโดยตลอดไม่ใช่หรอ" โยโซระ ยิ้มอย่างมีความสุข "ครับ!! สัญญาแล้วนะพี่มายูมิ" เขาพูดจบก็หันไปมองข้างหน้าแล้วเริ่มปั่นอย่างช้าๆ ไปเรื่อยๆ โยโซระ หัวเราะร่าเริงอย่างมีความสุข เขารู้สึกสนุกกับการปั่นจักรยานพร้อมกับพี่สาวอันเป็นที่รักของเขามาก จนกระทั่งเขาหันกลับมา เขาพบว่า มายูมิ ปล่อยมือจากท้ายจักรยานไปนานมากแล้วทำให้เขาตกใจจนจักรยานของเขาเซและล้มลงไถลไปกับพื้น โยโซระ เริ่มร้องไห้ "ทำไม...พี่มายูมิ....พี่จะปล่อยมือทำไม....ไหนว่าสัญญาแล้วไง" เขาเริ่มหันกลับมาอีกครั้งแล้วก็ถึงกับช็อค
เขาเห็นพ่อและแม่ของเขานอนจบกองเลือดอยู่บนพื้นห่างจากตัวเขาไปเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น เขาจึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว โยโซระ เริ่มก้าวขาวิ่งไปเพื่อหา มายูมิ แต่เขากลับก้าวไม่ออก เพราะเบื้องหน้าที่เขากำลังจะวิ่งไปนั้น มีชายชุดดำยืนอยู่ข้างๆ มายูมิ "พี่มายูมิ....." โยโซระ พูดขึ้นเบาๆ ช้าๆ ก่อนเขาจะเห็นนัยน์ตาของพี่สาวเปลี่ยนเป็นสีแดงมีวงแหวนสีดำรอบนัยน์ตาดำ และปรากฏรอยของม่านตาเป็นรูปหยดน้ำสีดำเล็กๆ 3 หยดบริเวณวงแหวน ดวงตานั้นใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น......
"เฮือก!!!" โยโซระ ตื่นขึ้นมาจากความฝันกลางดึก เขาหายใจแรงแล้วตั้งสติ "ฝันอีกแล้วหรอเนี่ย...บ้าจริง ดีที่ไม่ทำใครตกใจตื่น"
"เฮ้อ" เขาถอนหายใจอย่างแรงหนึ่งครั้งก่อนทิ้งตัวลงนอน เขาใช้มือจับที่ใบหน้าช้ำๆ ของตัวเองเบาๆ "เริ่มบวมแล้วจนได้ ให้ตายสิ"
"นอนต่อดีกว่า....ถ้าฟุ้งซ่านต่อไปพรุ่งนี้คงไปโรงเรียนสายไม่ดวงดีเหมือนวันนี้แน่เลย......"
To be continued...
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 15:39:15 GMT
EP2 : The Eyes
ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น
ห้องเรียน B-4 ในขณะที่อยู่ในช่วงพักระหว่างคาบเรียนของนักเรียนห้องนี้ซึ่งมีอยู่ประมาณ 20 คน จำนวนนั้นก็เท่าๆ กับห้องอื่น วันนี้เป็นวันพิเศษ เพราะทางโรงเรียนมีกำหนดการให้นักเรียนทุกห้องเรียนสำหรับมัธยมศึกษาตอนปลายจำนวนประมาณ 240 คน ได้เดินทางด้วยรถบัสไปงานนิทรรศการประกวดงานศิลปะย้อนยุค ที่นานๆ ครั้งจะได้จัดขึ้น ณ หอศิลปะใจกลางกรุงโตเกียวช่วงบ่าย ทำให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทุกชั้นปีของโรงเรียนแห่งนี้ไม่ต้องมีเรียนในคาบบ่ายเลย
สำหรับนักเรียนในห้อง 1 และ 2 ของทุกชั้นปีดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจงานนี้เท่าใดนัก เพราะพวกเขาเรียนสายวิทยาศาสตร์เป็นหลัก พวกเขาก็เตรียมหนังสือ ตำราเรียน ไปอ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้ และเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยในสาขาวิชาที่ตนเองต้องจะศึกษาต่อ แต่ที่น่าแปลกก็คือนักเรียนในห้อง 3 และห้อง 4 ซึ่งเรียนสายศิลปะ และรวมไปถึงห้อง B-4 ของ โยโซระ กลับไม่สนใจเช่นกัน พวกเขานั้นสนใจเพียงแค่ว่า พวกเขาไม่ต้องเรียนทั้งบ่าย สามารถทำอะไรก็ได้ที่หอศิลปะ แค่นั้นมันก็น่าสนุกเอามากๆ แล้ว
ระหว่างช่วงพัก นักเรียนชายและหญิงในห้องก็เริ่มคุยกันเรื่องกิจกรรมที่อยากจะทำในระหว่างเดินทาง เพราะคงใช้เวลาพอสมควร ยูกิ มิซูนาชิ มีท่าทีที่แปลกไปจากคนอื่น เธอดูตื่นเต้นและเตรียมกล้องถ่ายรูปมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ และยังมีตำราอีกหลายเล่มมากมาย โยโซระ ของเรา ซึ่งนั่งอยู่โต๊ะด้านหลังของ ยูกิ ก็เหลือบไปเห็นตำราเก่าๆ ที่ ยูกิ หยิบขึ้นมา "โอ้โห ยูกิจัง เตรียมอะไรมาเยอะแยะเลยล่ะ" ยูกิ หันมายิ้มพร้อมตอบว่า "มันเป็นตำราอ้างอิงโบราณของคุณพ่อน่ะค่ะ เลยว่าจะเอามาเทียบดูว่าข้อมูลของศิลปะเชื่อมโยงกันได้แค่ไหน" โยโซระ พยักหน้าเหมือนเข้าใจ แม้ในใจเขาแล้วไม่ได้สนใจเรื่องตำราอะไรของหล่อนเท่าไร เพียงแค่อยากคุยกับหล่อนเท่านั้นเอง
ระหว่างที่กำลังดูพฤติกรรมของ ยูกิ อยู่นั้น จิโดริ ชิราซากิ ก็เริ่มชวน โยโซระ คุย "นี่นายรู้มั้ย เรื่องแปลกๆ นั่นน่ะ ยังไม่มีคำตอบเลย" โยโซระ หันมาทำหน้าเบื่อๆ "อันนั้นใครๆ ก็รู้ล่ะน่า ในเมื่อมันยังไม่มีคำตอบเธอจะไปคิดให้ปวดหัวทำไมกันเล่า คิดว่าบ่ายจะอะไรทำดีกว่า" ทันใดนั้น โยโซระ ก็นึกขึ้นมาได้จึงแหย่ จิโดริ กลับไปว่า "รึว่าเธอกลัวคนพวกนั้น...รึพวกนั้นเป็นผี....ไม่แน่นะ มันจะมาหลอกเธอก็ได้" น้ำเสียงที่ดัดให้ดูเหมือนรายการคนอวดผีของ โยโซระ ทำเอา จิโดริ สะดุ้งมีท่าทีหวาดกลัว แต่พอ โยโซระ หลุดหัวเราะออกมาเมื่อนั้นเอง "เปรี้ยง!!!" เสียงกระแทกดังสนั่นลั่นห้องจนทุกคนห้องหันมามอง แล้วก็พบร่างของ โยโซระ โดนฝ่ามืออรหันต์กระเด็นไปติดขอบหน้าต่าง "โอยย...จะ...จะ...เจ็บ...จัง..." โยโซระ พูดขึ้นเบาๆ เพราะมันซ้่ำรอยฟกช้ำจากเหตุการณ์ชกต่อยกับคนร้ายเมายาเมื่อวานที่เดียวกันเป๊ะ ในขณะที่ จิโดริ ยิ้มมุมปาก จากนั้นเธอก็เปลี่ยนท่าทีจากท่าซัลโวที่เหมือนหวดลูกเทนนิสลงมานั่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
เธอหยิบข้าวของจากเป้ส่วนตัวขึ้นมาดูว่าเธอลืมหยิบอะไรมาจากบ้านรึไม่ มือไม้ ปากของเธอ และหน้าของเธอสั่นดิ๊กๆๆๆ มันไม่ใช่เพราะความกลัวผีหรือเรื่องเร้นลับ แต่มันกลายเป็นอาการสั่นเพราะความโกรธที่ โยโซระ นำความกลัวของเธอมาแกล้งเธอเล่น ในขณะนั้น จิโดริ ก็รู้สึกว่ามีสายตาจำนวนมากกำลังมองมาที่เธอ เธอจึงเงยหน้า พบว่าเพื่อนทุกคนมองมาที่เธอด้วยสายตาหวาดหวั่น "ยัยบ้าเอ้ย!! ลงไม้ลงมือกันขนาดนี้เลยหรอเนี่ย" โยโซระ คล่อยๆ คืบคลานขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ พร้อมกับบ่นอุบอิบ แล้วเหล่มอง จิโดริ คำบ่นนั้นดันไปเข้าหู จิโดริ เธอขมวดคิ้ว แล้วหันไปง้างมือขึ้นอีกครั้งเพื่อขู่ แต่มันก็สามารถทำให้ โยโซระ ผวาไปนั่งชิดกำแพงได้ ยูกิ นั่งมองท่าทีของทั้งสองคน แล้วเธอก็หัวเราะออกมา "ห้าห้าห้าห้า ทั้งสองคนน่ารักจังเลย แกล้งกันไปมา ดูสนิทกันดีจังเลยนะคะ" แม้มันจะดูรุนแรงในสายตาเพื่อนๆ คนอื่น แต่มันเป็นเรื่องธรรมดาของ โยโซระ และ จิโดริ โชคดีที่คำพูดของ ยูกิ ทำให้มันดูเบาลง
เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้องเรียนก็ยุติลงเมื่อคาบเรียนสุดท้ายก่อนพักเที่ยงเริ่มต้นขึ้น
........................................
ณ สถานีตำรวจนครบาลโตเกียว
วันนี้เป็นวันพิเศษ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของกรมตำรวจทุกนายเดินทางมาเข้าประชุม เป็นการประชุมวาระเร่งด่วน พวกเขามีข้อมูลมากมายที่ได้มาจากพยาน และหลักฐานจากกล้องวงจรปิด แต่มันเป็นพยานหลักฐานที่แสดงเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ซึ่งมันก็คือคลิปเดียวกันกับที่ จิโดริ ชิราซากิ นำให้ โยโซระ คาคัตซึกิ ดูนั่นเอง พวกเขาจึงยังไม่กล้าแถลงการณ์อะไรออกไป การประชุมมีการโต้เถียงกันด้วยการยกหลักการทางคุณธรรมที่ต้องเปิดเผยความจริงให้ทุกคนรู้ ทุกคนจะได้ระวังตัวกันมากกว่าเดิม มีการยกหลักการทางการเมืองขึ้นมาลบล้างว่า การเปิดเผยข้อมูลบางอย่างอาจเป็นการทำให้ประชาชนหวั่นวิตก จนเกิดโกลาหล ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนก็ยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะ ตามหลักทางกฎหมายต้องเปิดเผยข้อมูล เว้นเสียเป็นความลับส่วนบุคคล หรือเป็นความลับอื่นๆ ทางการค้า ทางราชการ ดังนั้น การประชุมที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงเช้าก็เลยยังไม่สามารถหาข้อยุติลงได้
ระหว่างการประชุม นายตำรวจจำนวนมากทำการคุ้มกันอารักขาเพื่อรักษาความปลอดภัยให้นายตำรวจระดับสูงที่มาวันนี้ ตำรวจทุกนายพกอาวุธปืนประจำกาย ตั้งสมาธิสายตาสอดส่องไปรอบๆ แน่นอนว่า มาซากิโยะ และ อายาโนะ ก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน นายตำรวจที่มารักษาความปลอดภัยร่วม 50 นาย ส่วนมากมีท่าทีเบื่อหน่าย เพราะบางคนไม่มีที่นั่ง ต้องยืนเรียงตามทางเดิน มาซากิโยะ อายาโนะ และเจ้าหน้าที่ประจำสถานีตำรวจแห่งนี้ดูจะสบายเป็นพิเศษ เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็มีโต๊ะส่วนตัวไว้นั่งรอ พวกเพื่อนตำรวจยามไม่มีอะไรทำ พวกเขาก็สรรหาวิธีต่างๆ มาแกล้ง อายาโนะ เช่น แกล้งเอากรรไกรมาแกล้งตัดผมเธอแบบหลอกๆ แกล้งเอาใบไม้มาวางไว้บนหัวเธอ แกล้งจักจี้เอวเธอเวลาเผลอๆ ซึ่ง มาซากิโยะ ก็เห็นทุกอย่างแต่เขานั่งนิ่งปล่อยให้เธอโดนแกล้ง ไม่ใช่ว่า มาซากิโยะ ไม่ขำที่ อายาโนะ โดนแกล้ง แต่เขาทำหน้าตายแล้วอดกลั้นความขำไว้ได้เก่งมาก เธอจึงถูกแกล้งสำเร็จทุกครั้ง
แต่แล้ว มาซากิโยะ ก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมา อายาโนะ จึงถามขึ้นว่า "มีอะไรงั้นหรอคะรุ่นพี่มิโรซูมิ" ในขณะที่เธอก็มองไปรอบๆ ตัว วินาทีถัดมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนก็เริ่มรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ลดต่ำลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับลมพัดกรรโชกทำให้หน้าตาทุกบานแตก มาซากิโยะ รีบคว้าปืนที่อยู่ใต้เก๊ะออกมาขึ้นนกปืน เขารีบวิ่งไปที่ประตูทางเข้าอย่างรวดเร็ว อายาโนะ เห็นเช่นนั้นก็รีบตามเขาไป "รุ่นพี่มิโรซูมิ มันเกิดอะไรขึ้นหรอคะ!!" อายาโนะ ตะโกนถามซ้ำตามหลังขณะที่วิ่งตาม มาซากิโยะ ไปติดๆ แต่เขาไม่ตอบอะไร เมื่อถึงประตู มาซากิโยะ ก็รัวปืนเข้าใส่หน้าประตูที่มีก้อนน้ำแข็งจำนวนมากกำลังพุ่งเข้ามาอย่างแรง แต่กระสุนก็ต้านมันเอาไว้ไม่อยู่ เขาจึงรีบหันกลับแล้วโอบ อายาโนะ จากนั้นก็ทิ้งตัวหลบไปด้านข้างเพื่อหลบก้อนน้ำแข็งก้อนมหึมาจำนวนมาที่โถมเข้ามาทางประตู
เมื่อการโจมตีของก้อนน้ำแข็งหยุดลง นายตำรวจทุกคนราว 50 คน ทั้งหมดถูกน้ำแข็งพันธนาการเอาไว้ติดกับผนังทั้งหมด จากทางเข้าไปยังถึงประตูห้องประชุม มีอุโมงค์น้ำแข็งใสขนาดคนเดินได้เป็นทางทอดยาว และ มาซากิ ที่อยู่ใกล้ๆ ก็เห็นบางสิ่ง มันเป็นเงาของคนสวมผ้าคลุมสีดำทั้งตัวกำลังเดินเข้ามาตามโพรงอุโมงค์น้ำแข็ง เธอเข้ามาแล้วหยุดเพื่อหันมามอง มาซากิโยะ มาซากิโยะ กัดฟันแน่น ในขณะที่ อายาโนะ ตื่นกลัวและถามขึ้นว่า "นะ....นี่มันอะไรกันคะ....ใครกัน....คนคนนี้คือใครกันคะ..." "ไอริส....ชั้นต้องฆ่าแกให้ได้" มาซากิโยะ พูดด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นและยิงปืนหวังพังโพรงน้ำแข็งให้มันแตก เขายิงจนหมดกระสุน คนในผ้าคลุมสีดำ รูปร่างเล็ก ดูเหมือนเป็นหญิงสาว เธอสวมหน้ากากเปิดช่องเป็นรูกลมๆ ที่ดวงตา หัวเราะขึ้นเบาๆ "ฮึฮึฮึ...." จากนั้นเธอก็เริ่มก้าวเดินไปตามโพรงน้ำแข็งมุ่งหน้าไปยังห้องประชุมด้วยท่าทีที่ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากมายนัก
มาซากิโยะ และ อายาโนะ ทำทุกวิถีทาง ทั้งสองใช้ทุกอย่างทุบเพื่อพังโพรงน้ำแข็ง แต่ก็ไม่สำเร็จ จน อายาโนะ เริ่มท้อใจ "เราผ่านไปไม่ได้แน่นอนค่ะ....ผู้หญิงคนนั้นมาทำอะไรที่นี่ แล้วเธอเป็นใคร รุ่นพี่รู้จักเธอด้วยอย่างนั้นหรอคะ" อายาโนะ ถามขึ้น มาซากิโยะ พยักหน้า "ผู้หญิงคนนั้นคงมาทำอะไรไม่ดีสักอย่างที่นี่แน่ เธอเป็นสมาชิกกลุ่มคนสวมผ้าคลุมสีดำที่ป่วนเมืองวันก่อน" "ตัวเธอคนนั้นเป็นใครชั้นไม่รู้หรอก รู้แค่เธอเป็นคนที่มีพลังบางอย่างน่ากลัว เป็นตัวอันตราย ส่วนไปรู้จักได้ยังไงเรื่องมันยาวน่ะ" อายาโนะ ขมวดคิ้วเหมือนจะเข้าใจ แต่เธอไม่เข้าใจเลย "แล้วเราจะทำยังไงดีคะ ในห้องนั้นเจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่เกือบหมดซะด้วย"
มาซากิโยะ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมอง อายาโนะ ด้วยสีหน้าจริงจัง "เธอช่วยหลับตาก่อนสักแป๊ปนึงจะได้ไหมล่ะ..."
........................................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 15:39:24 GMT
ห้องประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง
เจ้าหน้าที่ระดับสูง ถูกน้ำแข็งพันธนาการไว้กับที่นั่งเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านนอก พวกเขาอยู่ในอาการตื่นตระหนก หญิงสาวรูปร่างผอมบางในชุดคลุมสีดำเดินเข้ามาในห้องประชุมทำเอาเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกิดหวาดผวามากขึ้นกว่าเดิมจนพูดอะไรไม่ออก เธอยกฮู๊ดสีดำลงไปพาดที่ต้นคนทำให้เห็นผมดำยาวสลวย และเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นหญิงสาวที่อายุไม่มากนัก เธอเดินไปกลางห้อง
จากนั้นหญิงสาวชุดดำสวมหน้ากากก็เริ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโทนเรียบๆ "สวัสดีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงทุกท่าน...." "ดิชั้นชื่อ ไอริส เป็นหนึ่งในสมาชิกคุโรฮิซึจิ หรือ โลงศพสีดำ....ขอให้ทุกท่านรวบรวมสติไว้ ดิชั้นไม่ได้มาทำร้ายพวกท่าน" "เพราะถ้าหากมาเพื่อการนั้น พวกท่านทั้งหมดในที่นี้คงตายไปแล้ว....ดิชั้นมาเพื่อให้ข้อมูลบางอย่างที่สำคัญแก่พวกท่าน" "คุโรฮิซึจิ ได้มาอยู่ในเมืองของท่านแล้ว พวกเรามีแผนการในการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ทั้งใบ โดยเริ่มจากการยึดญี่ปุ่น" "จากนั้นก็จะปิดประเทศ สร้างกองกำลังรบที่แข็งแกร่ง เพื่อนำไปก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 นำพาโลกนี้ไปสู่หนทางใหม่"
"พวกเราเป็นผู้ที่ได้รับพลังพิเศษจากท่านผู้นำ มันเรียกว่าจักระ...พลังแห่งชีวิตที่สามารถทำให้มนุษย์กลายเป็นเทพเจ้าได้" "แผนนั้นจะเริ่มจากการทำลายระบบการขนส่ง ทำลายระบบประปา ไฟฟ้า สนามบิน กองกำลังทหาร และสถาบันการบริหาร" "ด้วยกองกำลังที่เรามี และความสามารถของสมาชิกระดับสูงของเรา ดิชั้นขอเตือนพวกท่านว่า อาวุธ กำลังพล ของท่านที่มี" "มันไม่เพียงพอในการต่อกรกับพวกเรา....ท่านต้องค้นหาผู้ที่สามารถใช้พลังจักระอันทรงพลังเท่านั้น เพื่อขัดขวางพวกเรา"
ก่อนที่ ไอริส จะพูดจบ กระสุนก็พุ่งผ่านประตูห้องเข้าไปยังศีรษะของเธอจนหงายเงิบ ก่อนที่ มาซากิโยะ และ อายาโนะ จะวิ่งตามมา มาซากิโยะ และอายาโนะ เล็งปืนที่ยังมีควันอยู่ที่ปลายกระบอก ก่อนจะยิงซ้ำๆ เข้าใส่ร่างของ ไอริส จนเกิดรูพรุนไปทั่วทั้งร่างของเธอ แต่ ไอริส กลับก้มหน้ากลับลง หน้ากากของเธอเริ่มมีรอยร้าว "มิโรซูมิ มาซากิโยะ ความเคียดแค้นของนายมันอาจจะทำร้ายนายได้นะ" "หุบปากไปเลย ไอริส!!" มาซากิโยะ พูดด้วยน้ำเสียงโอหัง ทำเอาทุกคนถึงกับอึ้ง เพราะเขาไม่เคยแสดงท่าทีหัวเสียเช่นนี้มาก่อน ร่างของ ไอริส เริ่มละลาย พร้อมๆ กับน้ำแข็งที่พันธนาการทุกคนเอาไว้ ในขณะที่ มาซากิโยะ ยิงจนลูกกระสุนในซองที่สองหมดเกลี้ยง ไอริส มองไปรอบๆ ก่อนพูดขึ้นว่า "ดิชั้นลืมแจ้งไปว่า การทำลายระบบจราจรจะเริ่มวันนี้...กำหนดการอื่นจะแจ้งพวกท่านภายหลัง" เมื่อเธอพูดจบ ร่างของเธอก็แตกกระจายกลายเป็นก้อนน้ำแข็งเล็กๆ กองอยู่เต็มพื้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงทุกคนมองหน้ากันโดยพูดอะไรไม่ออก
ในที่สุดพวกเขาต้องเลิกประชุมไป ผู้บังคับการสถานีตำรวจนครบาลโตเกียว เรียก มาซากิโยะ และ อายาโนะ เข้าไปคุยแบบส่วนตัว
..............................
ช่วงบ่าย
บนถนนไฮเวย์ยกระดับ รถบัสหลายคันกำลังพานักศึกษาไปยังหอศิลปะ แต่การจราจรวันนี้กลับติดขัดยิ่งกว่าวันไหนๆ นั่งเรียนทั้งหมดถูกจับนั่งคละกัน แต่บางห้องก็ยังได้นั่งอยู่ในรถบัสคันเดียวกัน พวกเขากำลังเล่นกันด้วยเครื่องเล่นที่ติดตัวกันมา โยโซระ กำลังนั่งเล่นเกมส์เศรษฐีกับ จิโดริ และ ยูกิ ดูเหมือนว่าเกมส์นี้จะเป็นของเขา ทำเอา จิโดริ ค่อนข้างหัวร้อนพอสมควร ในขณะที่รถคันที่ตามมาเป็นคันที่สอง เซบัสเตียน โคคุโอะ รุ่นพี่ปีสามนั่งทำหน้าซังกะตายเพราะมีสาวสวยคนหนึ่งนั่งข้างๆ เธอคือ ฮาคุโอกิ ฮิมะ คุณหนูไฮโซ ที่พยายามชวน เซบัสเตียน คุย แต่เขากลับถามคำตอบคำ ไม่มีใครดูออกว่าเขารำคาญหรือเขินอาย ส่วนหลังรถคันนั้นมีเด็กหนุ่มปริศนา รุ่นพี่ที่เพิ่งย้ายมาใหม่นั่งหลับตาทำสมาธิอยู่เงียบๆ เพียงคนเดียว ทำเอาหลังรถคันนั้นอึมครึม
หน้ารถบัสคันแรกของ โยโซระ มีขบวนรถตำรวจหลายคันเป็นรถนำขบวน หนึ่งในนั้นก็เป็นรถของ มาซากิโยะ "ให้ตายสิน่า หัวเสียช่วงสายมาไม่พอใช่ไหมเนี่ย ท่าน ผบ.ฮาคุโอกิ ยังจะมาให้ขับรถนำขบวนรถบัสของลูกสาวอีก" เขาบ่นขึ้น "ถะ แด๊น!!" เสียงของ อายาโนะ ดังขึ้นพร้อมกับท่าทางเหมือนแมวเพราะเธอใส่ที่คาดผมหูแมวไว้บนหัว "ยิ้มหน่อยสิคะ ยิ้มหน่อย" มาซากิโยะ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ "เธอที่ก็เหลือเกินเลยนะ ไม่รู้รึไงว่าเราเพิ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายกันมาแหม่บๆ ยังร่าเริงได้เฉยเลย" อายาโนะ คอตก "ก็ดีกว่านั่งหงอยไม่ใช่หรอคะรุ่นพี่....ว่าแต่วันนี้ทำไมรถติดจังเลยน๊า...ไฮเวย์ยกระดับมันไม่เคยติดแบบนี้มาก่อนนี่นา" "นั่นสินะ...." มาซากิโยะ พูดขึ้นพร้อมกับเขาเห็นอะไรแปลกๆ ที่อยู่เบื้องหน้า มันเป็นฝูงชนที่วิ่งหนีตายกันอลหม่านสวนทางรถวิ่งมา
มาซากิโยะ รีบหยิบปืนแล้วออกมาดูนอกรถพร้อมๆ กับ อายาโนะ เขาเห็นเศษชิ้นส่วนรถยนต์ถูกฉีกกระเด็นลอยสูงอยู่ลิบๆ เขารีบสั่งการผ่านเครื่องวิทยุให้ทุกหน่วยเตรียมพร้อม "อายาโนะ ไปช่วยเด็กๆ หนีลงจากไฮเวย์ ให้เร็วที่สุด ขอกำลังสนับสนุนด้วย" มาซากิโยะ กัดฟันพูดพร้อมตั้งท่ายิง เมื่อการทำลายล้างเริ่มใกล้เข้ามา เขาก็เห็นคนสวมชุดคลุมสีดำสวมหน้ากากเดินเข้ามาสองคน คนหนึ่งตัวเล็กถือดาบ รูปร่างเหมือนผู้หญิง ส่วนอีกคนสูงกว่าเป็นผู้ชาย ผ่านช่องที่หน้ากากบริเวณดวงตาทั้งสองมีแสงสะท้อน "ไม่ต้องเตือนกันแล้วสินะ ทุกหน่วย ยิงได้เลย" มาซากิโยะ สั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คุ้มกันกว่า 10 คนเริ่มยิงสะกัดกั้นคนร้ายสองคนทันที แต่ดูเหมือนชุดดำสองคนนั้นสามารถปัดป้องกระสุนได้รวดเร็วอย่างเหนือมนุษย์เป็นอย่างมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มวิตก
ในขณะนั้น อายาโนะ ก็รีบพาเด็กๆ และผู้คนที่กำลังวิ่งหนีย้อนกลับไปเพื่อหาทางลงไฮเวย์ เพื่อที่เธอจะได้ย้อนกลับมาสมทบ
..............................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 15:39:31 GMT
สถานีควบคุมการจราจร
เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรหลายสิบนายไม่ได้กำลังทำหน้าที่เป็นปกติเหมือนทุกวัน พวกเขากลับกำลังพยายามฆ่ากันเอง และนี่คือสามารถที่ทำให้การจราจรเกิดความวิบัติอย่างหนักในช่วงบ่ายวันนี้ โดยที่หน้าแผงควบคุมห้องควบคุมการจราจร ซึ่งเป็นห้องไฮเทคขนาดใหญ่ ควบคุมทั้งสัญญาณไฟจราจร การเดินรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดิน มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ เขาสวมชุดคลุมสีดำ ใส่หน้ากากมิดชิด เห็นแต่สีเส้นผมสีขาวยาวหยักโสก กำลังนั่งไขว่ข้างชมการฆ่ากันของเจ้าหน้าที่อย่างพอใจ
จากนั้นเขาก็เหลือบดูที่หน้าจอมอร์นิเตอร์ มันแสดงผลของการทำลายระบบวงจรด้วยไวรัส และมันแจ้งว่าสำเร็จ 100% แล้ว ชายชุดคลุมดำคนนั้นก็หยิบอุปกรณ์สื่อสารเหมือนแท่งปากกาขึ้นมากดแล้วพูด "Plague รายงาน ภารกิจลุล่วง"
เมื่อพูดจบ เขาก็ชักดาบรูปร่างแปลกๆ ดูโบราณๆ ออกมาแล้วลุกขึ้น.......
..............................
บนไฮเวย์
บัดนี้ไม่เหลือประชาชนผู้บริสุทธิ์อยู่แล้ว แต่ก็โชคร้ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 นาย ถูกสังหารอย่างโหดร้ายและอมหิต ทว่านักเรียนบางคนกลับไม่ยอมหลบหนี นั่นก็คือ จิโดริ เธอมั่นใจว่าเห็นบางสิ่งแปลกๆ และจู่ๆ ก็ไล่ให้หนี มันไม่สมเหตุผล เธอจึงแอบหลบมาตามข้างรถยนต์ที่ถูกจอดทิ้งไว้ ทำให้ โยโซระ และ ยูกิ ต้องตามมาเพราะเป็นห่วง จิโดริ ที่ทำอะไรผลีผลาม เมื่อมาใกล้ถึงจุดเกิดเหตุ ทั้งสามก็พบกับนักเรียนที่ไม่เคยคุยด้วยอีก 2 คน นั่นก็คือ รุ่นพี่เซบัสเตียน โคคุโอะ ที่จ้องมองตาค้าง กับนักเรียนหญิงอีกคนที่กำลังหลบอยู่หลังรุ่นพี่เซบัสเตียน เธอก็คือ ฮาคุโอกิ ฮิเมะ เธอมีท่าทีสั่นเทา หลับตาปี๋เหมือนกำลังกลัว
เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ จิโดริ ช็อคจนกำลังจะกรี้ดออกมา แต่ ยูกิ ซึ่งเหมือนจะเคยชินกับเรื่องแบบนี้ ใช้มือปิดปาก จิโดริ ไว้ทัน สิ่งที่พวกเขาเห็นคือชิ้นส่วนอวัยวะเครื่องในของมนุษย์ซึ่งเป็นของตำรวจนับสิบกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นถนนไฮเวย์ยกระดับ ระหว่างนั้น มาซากิโยะ ใช้ปืนพกของเขายิงใส่ชุดดำทั้งสองคนและใช้มุมการโจมตีเป็นการปกป้อง อายาโนะ ที่ยิงสนับสนุนไปด้วย ชายชุดคุมดำสามารถกระโดดได้ไกลมาก เขากระโดดเข้าตะปบ ตระครุบ ใส่ตำรวจจนร่างฉีกกระจายภายในครั้งเดียว ส่วนหญิงสาวในชุดดำ ใช้ดาบเข้าฟาดฟัน แม้บางครั้งจะดูเหมือนฟันไม่โดน แต่มีคลื่นกระแทกบางอย่างที่ยังฉีกร่างเหยื่อจนขาดได้ ในที่สุดก็เหลือแค่ มาซากิโยะ และ อายาโนะ เป็นผู้เหลือรอดเพียงสองคนสุดท้าย อายาโนะ มีท่าทีที่กลัวมาก เธอเริ่มทำอะไรไม่ถูก
โยโซระ ทาคัตซึกิ กำหมัดแน่น ในมือของเขาถือมีดพับซึ่งเขาพกติดตัวไว้ป้องกันตัว "ชั้นจะไปช่วยพวกเขา....." จิโดริ ที่ดูจะตั้งสติได้แล้ว เธอพูดเสียงสั่นขึ้นว่า "นายน่ะหรอจะไปช่วย แค่นักเลงยังทำอะไรไม่ได้ พวกนั้นเป็นอะไรก็ไม่รู้นะ" ยูกิ ขมวดคิ้ว เธอใช้มือกุมมือของ โยโซระ เอาไว้ ทำให้ โยโซระ มีท่าทีถอดใจ เขาปล่อยมีดลงตกกระแทกพื้นแล้วคอตก ในจังหวะนั้นเอง ชายชุดดำก็พุ่งเข้าใส่ อายาโนะ ด้วยความเร็วสูง ในขณะที่หญิงชุดดำก็ใช้ดาบพุ่งเข้าโจมตี มาซากิโยะ ทั้งสองยืนอยู่ข้างๆ กัน มาซากิโยะ หลับตาลงแล้วถอนหายใจ "ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงช่วยไม่ได้แล้วสินะ...ขอโทษนะครับคุณพ่อ...." เขาเคลื่อนตัวไปบัง อายาโนะ เอาไว้ ในขณะนั้นเอง โยโซระ และ เซบัสเตียน ระเบิดฝีเท้า พุ่งตัวเข้าสู้พื้นที่ปะทะอย่างรวดเร็ว จิโดริ ยูกิ และฮิเมะ ไม่สามารถห้ามพวกเขาไว้ได้ทัน เพราะพวกเธอไม่คิดว่าทั้งสองจะกล้าเข้าไปเสี่ยงอันตรายขนาดนั้นได้
ในจังหวะก่อนที่ มาซากิโยะ กำลังจะโดนกรงเล็บและดาบ ของชายและหญิงสาวชุดดำโจมตี ก็มีบางสิ่งเข้ามาขัดขวางไว้
มาซากิโยะ เห็นทุกอย่างเป็นภาพช้า หญิงสาวชุดดำถูก โยโซระ ชกเข้าที่ชายโครง หมัดของเขาเรืองออร่าสีฟ้าออกมา
ก่อนที่จะถูก เซบัสเตียน ถีบซ้ำจนกระเด็นออกไป มาซากิโยะ หรี่ตาลง ก่อนจะหันไปหาชายชุดดำซึ่งกำลังลอยตัวเข้ามาจากอีกด้าน
ที่ฝ่ามือขวาของ มาซากิโยะ เกิดลมหมุนเป็นลูกบอลออร่าสีฟ้าในทันใด ขนาดของมันเท่าๆ ลูกเทนนิส พร้อมลมกรรโชกชั่วพริบตา
เขาอัดลูกบอลออร่าสีฟ้าในมือเข้ากลางหน้าท้องของชายชุดดำที่ใช้กรงเล็บเป็นอาวุธ..........."กระสุนวงจักร!!" มาซากิโยะ พูดขึ้น
หลังจากปะทะบอลนั้นก็หายไป ครึ่งวินาทีต่อมาชายชุดดำเริ่มกระเด็นออกร่างของเขาหมุนควงไปในแนวเดียวกับที่บอลออร่านั้นหมุน เขากระเด็นออกไปไกล กระอักเลือดผ่านหน้ากากออกมา ชุดของเขาทะลุเป็นรู เลือดไหลออกจากรูหน้าท้องเป็นจำนวนมาก
"พลาดท่าจนได้สินะ Vampire ไม่น่าเชื่อว่าในเมืองนี้ยังมีคนที่สามารถใช้พลังจักระได้อยู่ด้วย" หญิงสาวชุดดำพูดขึ้น ชายชุดดำหดกรงเล็บกลับเข้านิ้วมือของเขา "ขอโทษทีนะ Slayer ผมขาดประสบการณ์ คงต้องเป็นหน้าที่คุณแล้ว" หญิงสาวชุดดำพยักหน้า เธอตั้งดาบขึ้นพร้อมโจมตี เธอเล็งไปที่ อายาโนะ เพราะดูไม่พร้อมสู้มากที่สุด แล้วกระโดดเข้าใส่ ทันใดนั้นเอง เธอก็ก้าวขาไม่ออก เมื่อภาพที่เธอเห็นไม่ใช่ อายาโนะ แต่กลายเป็นชายชุดดำอีกคนที่มีดวงตาเย็นเยือก หญิงชุดดำหยุดการโจมตีก่อนเหลือบตามองไปที่ขอบทางไฮเวย์ยกระดับด้านหลังของเธอเอง เธอก็เห็นเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีแดง "พวกแกมาตามล่าตัวชั้นอยู่ไม่ใช่รึยังไง ตามชั้นมาเซ่ พวกนั้นไม่เกี่ยว" เขาคือ อุชิฮะ ไรฮะ เขามีดวงตาสีแดงที่ โยโซระ คุ้นตามาก Slayer ขมวดคิ้ว "ภาพลวงตาสินะ....คงเป็นความสามารถจากดวงตาของเด็กคนนั้น ที่ทำให้เรามองเห็นสิ่งที่กลัวที่สุด" อุชิฮะ ไรฮะ ยิ้มมุมปาก แล้วเขาก็กระโดดลง ไฮเวย์ ซึ่งมันดูสูงจากระดับพื้นมาก ทำให้ Vampire และ Slayer ถอนตัวไป
โยโซระ มองตามทางที่ อุชิฮะ ไรฮะ กระโดดหนีไปแล้วพูดขึ้นว่า "ดวงตาสีแดงคู่นั้น......เหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ......" "เนตรวงแหวน...มันเป็นดวงตาของปีศาจ....ทรงพลัง...ร้ายกาจ...ไร้ปราณี" มาซากิโยะ พูดขึ้นขณะประคอง อายาโนะ เดินเข้ามา จิโดริ ยูกิ ฮิเมะ เดินออกจากมุมที่หลบภัยเข้ามา พวกเธอมีท่าทีสยองไปกับศพที่อยู่บนพื้น พวกเธอมองไปที่ มาซากิโยะ เขาถอนหายใจแล้วมองไล่ไปยังเด็กสาวทุกคนแล้วลากสายตาผ่าน โยโซระ เซบัสเตียน มาจนถึง อายาโนะ ที่เขาประคองอยู่ "เฮ้อ ช่วยไม่ได้ คงเห็นกันหมดแล้วนี่นะ...มองแบบนี้คงอยากจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก่อนอื่นพวกเธอปลอดภัยดีใช่ไหม" เขาถาม
ระหว่างที่เด็กๆ กำลังตรวจสอบร่างกายของตัวเอง มาซากิโยะ ก็มองไปที่ โยโซระ ด้วยความสงสัยในหมัดจักระนั้นเป็นอย่างมาก
..............................
|
|
|
Post by ❀ Senjumaru ❀ on Nov 14, 2016 15:39:40 GMT
ช่วงค่ำของวันนั้น
ในตรอกกลางเมือง เด็กหนุ่มคนหนึ่งสวมฮู๊ดปิดหัวเดินออกมาจากเงามืดแล้วดึงฮู๊ดออกทำให้เห็นใบหน้าของเขาชัดเจน เขามีใบหน้าหล่อเหลา ผมสีเทายาวชี้เป็นทรง นัยตาสีเหลืองอำพัน เขาคือ อุชิฮะ ไรฮะ นั่นเอง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ "เฮ้อ กว่าจะหนีพ้น ย้ายมากี่เมืองก็มาเจอพวกบ้านี่ทุกที่เลย" เด็กหนุ่มไรฮะ พูดขนาดที่เดินช้าๆ ล้วงกระเป๋ากางเกง
ทันใดนั้นก็มีเสียงหญิงสาวพูดขึ้นมาว่า "เธอน่ะหรอเจ้าของเนตรวงแหวน อุชิฮะ" ประโยคนั้นทำ ไรฮะ สะดุ้งเฮือก เขาหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้น เมื่อลืมตา นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นเนตรสีแดงที่ถูกเรียกว่าเนตรวงแหวน ไรฮะ หันกลับหลังพร้อมตั้งท่าต่อสู้ แต่สิ่งที่เขาพบก็คือ หญิงสาวเจ้าของเสียงนั้นคือ ไอริส ได้เข้ามาประชิดตัวแล้ว ดวงตาของเธอเป็นแบบเดียวกันกับ ไรฮะ ไม่มีผิด ไรฮะ จ้องหน้าเธอด้วยท่าทีที่สั่นระทวยไปทั้งร่าง เขารู้สึกหวาดกลัว ไอริส ยกมือขึ้นมาชูนิ้วก้อย ลักษณะเหมือนการเกี่ยวก้อย แต่ ไรฮะ ปัดมือนั้นออกไปพร้อมง้างหมัดเพื่อชกใส่หน้าของ ไอริส
ในทางกลับกัน ไอริส ถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอไม่มีท่าทีจะหลบ แต่บรรยากาศโดยรอบเกิดเย็นลงเฉียบพลัน ร่างของ ไรฮะ ถูกความเย็นเข้าแช่แข็ง หมัดของเขาไปไม่ถึงหน้ากากของ ไอริส เพราะมันถูกน้ำแข็งรั้งเอาไว้ได้เสียก่อน ไม่กี่วินาที หนุ่มน้อย ไรฮะ อุจิฮะ กลายเป็นตุ๊กตาน้่ำแข็งที่ถูกแช่แข็งทุกส่วน ยกเว้นช่วงดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไอริส ใช้นิ้วมือของเธอที่เคลือบด้วยน้ำแข็งคบกริบเหมือบใบมีด ค่อยๆ เจาะเข้าที่เบ้าตาของ ไรฮะ แล้วควักลูกตาของเขาออกมา
เธอควักลูกตาของเขาออกมาทีละข้างแล้วใส่เอาไว้ในกระปุกแช่เย็นที่พกไว้ในเสื้อคลุมสีดำ ไรฮะ อุชิฮะ ไม่ร้องออกมาสักนิด นั่นก็เพราะน้ำแข็งที่เกาะร่างเขาเย็นมาก มันแช่แข็งกล่องเสียงของเขาจนเขาไม่สามารถร้องออกมาให้ใครได้ยิน เมื่อ ไอริส เก็บดวงตาที่มีนัยน์ตาสีแดงนั้นไว้ในกล่องแช่เย็นเรียบร้อย เธอก็ใช้นิ้วก้อยเคาะไปที่หน้าฝากของ ไรฮะ ร่างซึ่งถูกแช่แข็งด้วยอุณหภูมิต่ำสุดขั้ว ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับก้อนน้ำแข็งที่ถูกขว้างลงกระทบพื้นก็ไม่ปาน
"เนตรวงแหวน.....ช่างเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจเสียจริง" ไอริส พูดขณะที่เธอเดินหายเข้าไปในเงามืด
To be continued...
|
|